จัดการ Portfolio แบบ Momentum Master

ถ้าคุณมีเงิน 1 ล้านบาท คุณจะลงทุนหุ้นกี่ตัว และแต่ละตัวจำนวนเงินเท่าไร?

ทำไมบ้างคน กำไรหุ้นตัวหนึ่ง 50% แต่เงินในพอรต์โตแค่ 2.5%

แต่ทำไมบ้างคน กำไรตัวหนึ่ง 50% กลับเงินในพอรต์โต 12.5%

ทำไมบ้างคน ลงทุนไปได้ระยะหนึ่ง เงินต้นลดลงไปเรื่อยๆ

หลายคนแค่คิดว่าเลือกหุ้น มีจุดซื้อและจุดขาย ก็จบแล้ว จริงๆ ยังเลือกอีก กระบวนการที่สำคัญอีกหนึ่งอย่าง คือ

การจัดการ Portfolio และการบริหารเงิน (Money Management)

ผมมี Position Sizing Guidelines ของ Mark Minervini จากหนังสือเรื่อง Think & Trade Like a champion Mark Minervini Champion 1997 U.S. Investing Championship เขาเป็นแนว Techno Fundamentalist แนะนำไว้ดังนี้

  • ควรจะเสี่ยงได้ ไม่เกิน 1.25-2.5% พอรต์การลงทุน
  • Stoploss เยอะที่สุดคือ 10%
  • การสูญเสียควรเฉลี่ยไม่เกิน 5-6%
  • ไม่ควรใส่ Position Size ใหญ่เกิน 50%
  • ใส่ position size 20-25% สำหรับหุ้นผู้ชนะ
  • ไม่ควรถือหุ้นเกิน 10-12 ตัว

เขาแนะนำว่า นักลงทุนควรจะถือหุ้นอยู่ระหว่าง 4-8 ตัว แต่ถ้ามีพอร์ตที่ใหญ่ จำนวนหุ้นก็อาจจะประมาณ 10-12 เท่านั้น อย่าถือเกิน 20 ตัว

โดยปกติแล้ว Mark Minervini จะใส่ position size อยู่ระหว่าง 20-25%  โดยหุ้นที่ถือจะอยู่ที่ 4-5 ตัวเท่านั้น

Don’t Di-worsify

Di-worsify คือการลงทุนหุ้นจำนวนเยอะตัว โดยใส่ Position Size ในหุ้นแต่ละตัวโดยขนาดที่เล็ก ถ้าอยากจะได้ superperformance จงอย่ากระจายการลงทุน

ผมขอยกตัวอย่างการคำนวณดังนี้

ถ้าต้องการถือหุ้น 4 ตัว โดยที่จะเสี่ยงไม่เกิน 1.5% ของพอร์ตลงทุน  คือ 1,000,000 เราจะซื้อหุ้นได้จำนวนเงินที่ 250,000 หรือ 25% position size  โดยจะมี Stop loss ที่ 6%

สมมุติว่า เราถือหุ้นแบบตัวอย่างในตารางด้านล่าง

ถ้าหุ้นทุกตัวมี position size อยู่ที่ 25% แต่มี หุ้น C และ D ที่เราลงทุนผิด ราคาหุ้นไปผิดทาง เรา cut loss ที่ 6% จะเห็นว่า เราจะขาดทุนแค่ 1.5% ของพอรต์รวม

ปรัชญาและวิธีการเล่นหุ้นของ Mark Minervini ก็คือ ….

การเปิดโอกาศให้พอรท์ของผมมีหุ้นที่ดีที่สุดเท่าที่ตลาดจะมี และจำกัดการขาดทุนให้เร็วที่สุดเมื่อรู้ตัวว่าผิดทาง

ใครอยากอ่านเพิ่มเติมวิธีคิดของ Mark แนะนำอ่าน หนังสือเรื่อง Think & Trade Like a champion

WealthGuru