อย่าติดกระดุมเม็ดแรกผิด!

มั่นคงก่อนแล้วค่อยมั่งคั่ง หรือ มั่งคั่งแล้วจงมั่นคง ความมั่นคงกับความมั่งคั่งอะไรเกิดก่อนกัน? ส่วนใหญ่จะบอกในทิศทางเดียวกัน คือ ต้องมั่งคั่งก่อนซิความมั่นคงจึงจะเกิดขึ้น เพราะส่วนใหญ่เชื่อว่าถ้ารวยแล้วจะมั่นคงไปเอง

…เอาล่ะ ผมมีนิทาน 2 เรื่องจะเล่าให้ฟังก่อนผมจะสรุปให้ฟัง

เรื่องแรกของ A

A อายุ 30 ปี มีครอบครัวแล้วมีบุตร 1 คน ชอบลงทุนในหุ้น โดยนำเงินเก็บของตัวเองทั้งหมดมาลงทุน  A เก่งการลงทุนมาก มีมูลค่าหุ้น 10 ล้านบาท เทียบกับเพื่อนรุ่นเดียวกันแล้ว A ถือว่ามีความมั่งคั่งมากกว่ามาก แต่มีหนี้สินเป็นบ้าน 3 ล้าน

…อยู่มาวันหนึ่ง

A ปวดท้องมากไปหาหมอ หมอบอกว่าเป็นมะเร็ง ต้องใช้เงินรักษา 2 ล้านบาท โชคร้ายหุ้นตก ทำให้มูลค่าหุ้นเหลือเพียง 7 ล้านบาท  A ต้องขายหุ้นมาเพื่อเป็นค่ารักษามะเร็ง 2 ล้าน ทำให้เหลือมูลค่าหุ้น 5 ล้านบาท แต่มะเร็งรักษาไม่หาย นาย A ตาย ทำให้ภรรยาต้องขายหุ้นทั้งหมด เพื่อนำเงินมาจ่ายหนี้บ้าน 3 ล้าน

เหลือเงิน 2 ล้านบาท

เรื่องที่ 2 ของ B

B อายุ 30 ปี มีครอบครัวแล้วมีบุตร 1 คน ได้รับมรดก เงินสด เป็นหุ้น ที่ดิน บ้านคอนโดให้เช่าและอื่นๆ จำนวนมูลค่าทั้งหมด 2,000 ล้านบาท B โชคร้ายเหมือน A เป็นมะเร็ง ไปรักษาโรงพยาบาลชั้นดี เสียเงินไป 5 ล้านบาท B ถอนเงินสด มาจ่ายทั้งหมด แต่มะเร็งไม่หาย B ตาย สินทรัพย์ที่มี ตกทอดไปยังภรรยาและบุตร ต่อไป

อะไรคือสิ่งที่เหมือนและแตกต่างกัน??????

สิ่งที่เหมือนกันของ A และ B !!!!!!

  • อายุเท่ากัน มีครอบครับ และบุตรเหมือนกัน
  • เจอเหตุการณ์ร้ายแรงเหมือนกันคือเป็นมะเร็ง ค่าใช้จ่ายสูง ทำให้ A ความมั่งคั่งลดลงมาก แต่ B กลับไม่มีปัญหา

สิ่งที่ไม่เหมือนกันคือ !!!!!

  • A กำลังเริ่มสร้างสินทรัพย์ เพื่อไปสู่ความมั่งคั่ง
  • B เป็นรวยแล้ว เป็น เศรษฐีแล้ว

นั่นไงต้องมั่งคั่งแลัวจึงมั่นคง ครับถ้าเกิดมาแล้วรวยเลยนะ แต่คิดว่ากี่ % ของจำนวนประชากรของประเทศไทยถึงมีโอกาศแบบนั้น  ไม่เกิน 10% !!!!!!

แต่ส่วนใหญ่จะเหมือน A มากกว่า B คือ ส่วนใหญ่จะค่อยๆ สร้างความมั่งคั่งขึ้น ไม่ได้รวยตั้งแต่กำเนิด

จะมีความมั่งคั่งแล้วจริงๆ หรือไม่ จะต้องผ่านการทดสอบจากเหตุการณ์ร้ายๆ เช่น

  • อุบัติเหตุ เจ็บป่วย เป็นโรคร้ายแรง เสียชีวิต
  • ไฟไหม้บ้าน หรือ ความเสียหายของสินทรัพย์อื่นๆเกี่ยวกับธุรกิจของคุณ

ดังนั้นจะต้องทำให้เกิดความมั่นคงเสียก่อน เปรียบเหมือนเป็นฐานขนาดใหญ่ ต่อให้เจอเหตุการณ์ร้ายๆ ความมั่งคั่งก็เสียหายน้อย อยากให้นึกถึงต้นไม้ใหญ่ที่ต้องเติบโตขึ้น กระบวนการจัดการเงินก็เลียนแบบต้นไม้ดังนี้

1) รากแก้ว ช่วยเกาะกับดิน

ช่วยไม่ให้ ต้นไม้โค่นตามกระแสลม หรือ น้ำท่วม ทำให้ต้นไม้มั่นคง เปรียบดั่งชีวิตจะต้องมีความมั่นคงการเงินคือ

  • มีหนี้สินน้อย ต้องมีอัตราส่วน รายจ่ายเรื่องหนี้สินต่อเดือนต่อรายได้ต่อเดือนไม่เกิน 40% และ อัตราส่วนสินทรัพย์ต่อหนี้สินต้องมากกว่า 1
  • มีเงินสดเพื่อเรียกฉุกเฉิน อย่างน้อย 6 เดือนของรายจ่ายต่อเดือน
  • มีเงินสดเพื่อสำรองค่ารักษาพยาบาลบ้างส่วน และต้องโอนความเสี่ยงให้ประกันสุขภาพ
  • สินทรัพย์พวกบ้านและรถ ให้โอนความเสี่ยงไปให้ประกันถ้าเกิดความเสียหาย
  • ถ้ามีภาระ เช่น หนี้บ้าน ครอบครัวที่ต้องเลี้ยงดู ให้พิจาณาโอนความเสี่ยงไปให้ประกันกรณีเสียชีวิตด้วย

กระบวนเหล่านี้เรียกว่า Wealth protection ปกป้องความมั่งคั่ง เปรียบดั่งเป็นรากแก้วทำให้ต้นไม้มั่นคง

2) ลำต้น กิ่งก้าน และ ดอกผล

ข่วยทำให้ต้นไม้ขยายใหญ่ และ เจริญงอกงาม เปรียบดั่ง ชีวิตไดัสร้างความมั่งคั่งทางการเงิน คือ การลงทุนในรูปแบบต่างๆ เช่นหุ้น ที่ดิน คอนโด เพื่อให้เงินงอกเงยขึ้น

กระบวนการเหล่านี้เรียกว่า Wealth accumulation สะสมความมั่งคั่ง

ต้นไม้ ดอกผลดี แต่ถ้ารากแก้วไม่ใหญ่และแข็งแรง ก็ยากจะยืนต้นได้ถ้าเกิดเจอลมพายุ น้ำท่วม ผมย้ำอีกครั้งว่า จะมั่งคั่งจริงหรือไม่  วัดกันเมื่อมีเหตุการณ์ร้ายๆ แล้วความมั่งคั่งยังดีอยู่

จงสร้างความมั่นคงให้เกิดขึ้นก่อน แล้วจงค่อยทยอยสร้างความมั่งคั่งตามมา

ความมั่นคงเปรียบเหมือนรากแก้ว ความมั่งคั่งเปรียบเหมือนดอกผล

อย่าติดกระดุกเม็ดแรกผิด!!!!!

ถ้าติดกระดุกเม็ดแรกถูก ชีวิตก็จะ มั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน

sompoj patsuwan
สมพจน์ พัดสุวรรณ
#wealthguru