“คาเฟ่” น่าจะเป็นหนึ่งในหลาย ๆ ความฝันของแต่ละคน โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ที่ชื่นชอบไลฟ์สไตล์ทันสมัย อินเทรนด์ ดูเผิน ๆ แล้วการเปิดคาเฟ่เหมือนจะเป็นเรื่องง่าย แต่จริง ๆ แล้วมีความท้าทายมากมาย โดยเฉพาะปัจจุบันที่คาเฟ่เปิดเต็มไปหมด การจะหาจุดยืนช่างเป็นเรื่องยาก และการเรียกลูกค้าให้กลับมาอุดหนุนอย่างต่อเนื่องก็ยิ่งยากกว่า
แต่อย่าเพิ่งท้อใจไป วันนี้เราได้นำเคล็ดลับการทำคาเฟ่ให้สำเร็จมาฝากกัน โดยผู้ที่มอบเคล็ดลับให้เราคือคุณแพร กันติชา สมศักดิ์ เจ้าของร้านคาเฟ่ขนมหวานชื่อดังจากเชียงใหม่อย่าง Cheevit Cheeva (ชีวิตชีวา) ซึ่งมีเมนูโดดเด่นอย่างบิงซูรสชาติแปลกใหม่ เราไปดูกันเลยว่าคุณแพรมีกลยุทธ์อะไรบ้าง ที่ทำให้ Cheevit Cheeva กลายเป็นร้านที่ผู้คนนึกถึงเสมอ
*บทสัมภาษณ์ ณ วันที่ 7 สิงหาคม 2562
คุณแพร กันติชา สมศักดิ์
คุณแพรเริ่มคิดอยากมีธุรกิจตัวเองตั้งแต่เด็กๆ เลยไหม?
ใช่ค่ะ ด้วยความที่แพรเติบโตในครอบครัวซึ่งทำธุรกิจส่วนตัวอยู่แล้ว ที่บ้านทำสปา ประกอบกับตอนนั้นแพรเรียนมหา’ลัย ช่วยที่บ้านทำธุรกิจตั้งแต่เด็กๆ เราก็โดนปลูกฝังมาว่าการที่เรามีธุรกิจเป็นของตัวเองนั้นดีกว่า
จุดไหนที่เรารู้ว่าเราอยากทำธุรกิจอะไร?
เริ่มต้นจากความชอบมากกว่า ตั้งแต่ตอนเรียนมหา’ลัย เรียนคณะนิติศาสตร์แล้วรู้สึกว่าไม่ได้ชอบในด้านกฏหมายเท่าไร เราชอบค้าขาย บางทีมีตลาดแบบถนนคนเดิน เราก็ได้ทำหลายอย่างมาก เราขายของตั้งแต่เด็กๆ ลงทุนเอง เสร็จแล้วก็เริ่มรู้สึกว่าตัวเองชอบด้านเบเกอรี่ เพราะว่าได้ไปลงเรียนคอร์สทำบราวนี่ ทำขนมต่างๆ ก็เลยรู้สึกชอบ เลยหัดลองทำให้เพื่อนทานบ้าง เสร็จแล้วก็ลองเอาไปฝากตามร้านกาแฟ เฮ้ย มันก็โอเค เราชอบทำแล้วก็ชอบทาน ก็เลยมีความฝันว่าอยากเปิดร้านคาเฟ่
แต่เมื่อเรียนจบแล้ว ก็ต้องช่วยธุรกิจทางบ้านต่อ ก็คือรับช่วงทำสปาต่อจากคุณแม่ ทีนี้มีโอกาสได้พื้นที่ทำสาขาใหม่พอดี แล้วทีนี้เรามองเห็นว่าทำเลตรงนั้นสามารถทำเป็นธุรกิจที่เราชอบไปได้ด้วย และธุรกิจทางบ้านไปได้ด้วย ก็เลยเกิดชีวิตชีวาสาขาแรกขึ้นมา
แต่ด้วยความที่เราก็มาคิดว่า ที่เชียงใหม่มีคาเฟ่ ร้านกาแฟเยอะมาก เราก็เลยต้องทำให้แตกต่างกว่า ก็เลยมองว่าอะไรที่เชียงใหม่ยังไม่มี นั่นก็คือ Dessert Cafe (คาเฟ่ขนมหวาน) ในช่วง 3 ปีก่อนน่ะค่ะยังไม่มี และไม่ค่อยเป็นที่นิยม ปกติจะมีแต่คาเฟ่ที่เป็นร้านอาหารด้วย
ทีนี้เราก็มองหาตัวขนม เรามีโอกาสได้ไปต่างประเทศ ไปทานบิงซูแล้วรู้สึกว่าชอบ เหมือนเอามาประยุกต์กับของไทยได้ รู้สึกว่าคนไทยชอบน้ำแข็งไส แต่ว่ามันต้องพัฒนาให้คนไทยชอบ ก็เลยเอาตัวนี้มาทดลองทำ แล้วก็เปิดเป็นร้านบิงซูที่แรกในเชียงใหม่ค่ะ
เมนูแรกคืออะไร?
เมนูแรกเป็นบิงซูข้าวเหนียวมะม่วง ซึ่งในสปาเรามักจะเสิร์ฟข้าวเหนียวมะม่วงเป็น complementary หลังนวดอยู่แล้ว ลูกค้าก็ชื่นชอบ เป็นขนมไทยที่คนรู้จัก เราก็เลยเอามาทำเป็นบิงซูข้าวเหนียวมะม่วง เป็นเมนูแรก
อีกสองตัวจะเป็นบิงซูช็อกโกแลตลาวา บิงซูสตรอเบอรี่ชีสเค้ก ซึ่งเป็นพื้นฐานทั่วไปที่คนชอบทาน พวกชีสเค้ก พวกช็อกโกแลต อะไรแบบนี้ค่ะ
บิงซูข้าวเหนียวมะม่วง
(ที่มา: https://www.facebook.com/cheevitcheevacafe/)
แล้วพอเราเปิดที่เชียงใหม่ได้ระยะหนึ่ง คนก็ให้การตอบรับดีมาก เราก็ขยายสาขาที่สอง ในเชียงใหม่เหมือนกัน ทีนี้เราก็มีโอกาสเข้าไปที่กรุงเทพฯ ตอนแรกเราก็ไม่ได้จะเข้าไปเลย คือเราแค่ไปลองตลาด ไปออกบูธ คนก็แบบ เอ๊ย เมื่อไรจะมากรุงเทพฯ เราก็เลยตัดสินใจเปิดร้านที่สยามสแควร์วัน แล้วก็เปิดตัวเมนูบิงซูบัวลอยซอสไข่เค็ม ซึ่งค่อนข้างเป็นที่ตอบรับของลูกค้ามากๆ คือเราพยายามเอาขนมไทยมาผสมกับผลิตภัณฑ์ของเราที่มีอยู่
บิงซูบัวลอยซอสไข่เค็ม
(ที่มา: https://www.facebook.com/cheevitcheevacafe/)
ถ้าจะให้นิยามคำว่า “ชีวิตชีวา” คืออะไร?
เป็นคาเฟ่ขนมหวานที่มีความเป็นฟิวชั่น โดยมีบิงซูเป็นผลิตภัณฑ์หลัก คนเชียงใหม่เวลานึกว่าอยากจะไปกินบิงซู น้ำแข็งไส ส่วนมากก็จะนึกว่า เออ ไปร้านชีวิตชีวาน่ะค่ะ
ชื่อนี้ได้ไอเดียมาจากไหน?
จริงๆ มีสปาชื่อ ชีวา สปา แล้วด้วยความที่เราเปิดข้างกัน ก็เลยอยากให้ชื่อสอดคล้องกัน ด้วยบรรยากาศ ด้วยตัวขนมที่กินเข้าไปแล้ว อยากให้คนเข้ามาในร้านแล้วมีชีวิตชีวา ก็เลยได้ชื่อนี้ขึ้นมา
ตอนนี้เปิดมากี่ปีแล้ว?
ถ้านับระยะเวลา ตอนนี้ก็เกือบเข้าปีที่ 4 แล้วค่ะ
เชียงใหม่ตอนนี้มี 3 สาขาแล้ว ทั้งหมดตอนนี้ถ้าไม่นับรวมที่กำลังจะเปิดก็มี 10 สาขา นอกเหนือไปจากกรุงเทพฯ และเชียงใหม่แล้วก็มีพิษณุโลก มีลำพูนค่ะ ส่วนต่างประเทศมีที่ไทเป
มีแผนจะเปิดอีกกี่สาขา?
ตอนนี้มีแผนอีก 5 สาขาค่ะ ในกรุงเทพฯ หมดเลยค่ะ
ร้าน Cheevit Cheeva สาขาสยามสแควร์วัน
(ที่มา: https://www.facebook.com/cheevitcheevacafe/)
คุณแพรเป็นคนพื้นที่อยู่แล้วใช่ไหม?
ใช่ค่ะ เป็นคนเชียงใหม่อยู่แล้ว เรียนที่นู่นตั้งแต่เด็กเลย
เรารักษาจุดแข็งของเราอย่างไร เพราะจริงๆ คาเฟ่ก็เป็นอะไรที่เลียนแบบกันได้?
อย่างแรกคือในเรื่องของรสชาติ เราก็ต้องทำให้เป็นมาตรฐานที่สุดค่ะ พอเราเริ่มมีสาขาที่สอง เราก็ใช้ระบบครัวกลางเข้ามาในร้าน
คุณแพรทำขนมทุกอย่างเองด้วยหรือเปล่า?
ทำเองค่ะ เราจะพัฒนาผลิตภัณฑ์เรื่อยๆ มีการออกเมนูใหม่ทุกๆ 2-3 เดือน
อะไรที่ทำให้เราอยากขยายสาขา?
คงเป็นเพราะเสียงเรียกร้องของลูกค้ามากกว่า ตอนสาขาแรก ด้วยความที่ลูกค้าค่อนข้างแน่น บางคนก็รู้สึกว่าการจอดรถไม่ค่อยสะดวก เราก็ขยายสาขาตามกลุ่มของลูกค้า ตอนแรกเราก็ไม่ได้คิดว่าอยากจะมีหลายสาขา แค่อยากมีร้านเล็กๆ
มีปัจจัยที่ช่วยให้รักษาจุดเด่นได้อีกไหม นอกจากมาตรฐานของรสชาติ?
คงเป็นเรื่องของทีมงาน ต้องมีระบบภายในน่ะค่ะ การทำระบบหลังบ้านให้เป็นมาตรฐาน แล้วก็สามารถพัฒนาได้อย่างรวดเร็ว มีทีมเทรนนิ่งพนักงาน
ตั้งแต่เด็กเราคลุกคลีกับงานบริการมา สปาก็จะมีบอกว่าเราควรพูดกับลูกค้าอย่างไร เราก็เหมือนถูกปลูกฝังมาตั้งแต่แรกๆ
ความท้าทายของการทำธุรกิจในเชียงใหม่คืออะไร? ร้านเปิดเยอะก็จริง แต่ก็ปิดเยอะเหมือนกัน
อาจจะเป็นเพราะเราต้องรู้กลุ่มลูกค้าตั้งแต่ตอนแรกว่าเราอยากขายให้ใคร อย่างบางร้านหรือบางแบรนด์ที่เขามาเปิด เขาอาจจะไม่ได้ดูกลุ่มลูกค้าที่จะขาย อาจจะไปเปิดทำเลผิด อย่างแรกคือกลุ่มลูกค้า สองคือเรื่องของทำเลที่เราจะขายให้ใคร แล้วผลิตภัณฑ์ก็ต้องดีด้วย
กลุ่มลูกค้าแรกที่ชีวิตชีวา target คือใคร?
ตอนแรกวางไว้เป็นนักศึกษา เราก็เลยเลือกจุดที่ใกล้กับมหา’ลัย พอสาขาที่สองเราก็อยากได้กลุ่มครอบครัวมากขึ้น เน้นความสะดวกสบายด้านที่จอดรถ เราก็เลือกไปอยู่ในอเวนิว แต่ละสาขามีกลุ่มลูกค้าคนละกลุ่มได้ค่ะ
หลังจากที่เราเปิดสาขาแรก ก็เริ่มมีผลตอบรับว่า อยากพาคุณพ่อคุณแม่มา แต่ว่าที่จอดรถไม่ค่อยสะดวกเลย เราก็มองเห็นแล้วว่า จริงๆ กลุ่มลูกค้าเราไม่ได้มีแค่นักศึกษาอย่างเดียวที่เขาอยากจะมาทาน
หลักการพัฒนาด้านการตลาดต่างๆ คือฟังเสียงตอบรับจากลูกค้าเป็นหลักใช่ไหม?
ใช่ค่ะ เราได้รับเสียงตอบรับมาจากการไปพูดคุยกับลูกค้า แล้วก็มีในส่วนของเฟซบุ๊ก ไอจี สื่อออนไลน์ต่างๆ ด้ยค่ะ
ปกติแพรจะเป็นคนตอบข้อความของลูกค้าเอง ดูไอจีเอง เราจะเห็นลูกค้าเช็กอิน เขาก็จะชมจะติเราโดยตรง เราก็สามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างรวดเร็ว
ความท้าทายช่วงแรกๆ ของการทำ Cheevit Cheeva คืออะไร?
อาจจะด้วยความที่เราไม่มีประสบการณ์ทางด้านธุรกิจในเรื่องของการบริหารคน แล้วร้านเราพนักงานส่วนใหญ่เป็นเด็ก เพื่อให้ตอบโจทย์กับกลุ่มลูกค้า ความท้าทายก็จะเป็นในเรื่องของพนักงาน ว่าจะจัดกะอย่างไร
ตอนนั้นอายุเราก็ยังน้อย แทบจะรุ่นๆ เดียวกันกับพนักงาน ก็เลยท้าทายในการควบคุมดูแล
แต่พอเริ่มใช้ระบบเทรนนิ่ง มี manual เข้ามา ทุกสาขาก็จะเป็นมาตรฐานเหมือนกัน ทุกคนผ่านการเทรนนิ่งมาเหมือนกัน พนักงานเองก็รู้ว่าสิ่งที่เราคาดหวังคืออะไร
พอได้กำไรจากการทำธุรกิจ คุณแพรนำมาลงทุนในอะไรบ้าง?
ตอนนี้ส่วนมากลงในกองทุนรวม มีแบ่งส่วนลงทุนในการขยายสาขาด้วย แล้วก็มีแผนแตกแบรนด์ออกมาอีกค่ะ
กองทุนรวมนี่ส่วนมากแพรจะให้คนที่ดูแลด้านการเงินช่วยดูแล เราแบ่งเงินส่วนนี้ให้เขาไปจัดการ เราก็บอกเขาไปว่า อยากเก็บเท่านี้นะ เป้าหมายของเราก็คืออยากมีเงินใช้ในอนาคต
ทำไมไม่เอาเงินไปขยายธุรกิจให้หมดเลย ทำไมแบ่งมากองทุนรวม?
เพราะว่าธุรกิจร้านอาหารนั้นค่อนข้างเป็นเทรนด์ ถึงเราจะพัฒนามันด้วย แต่สักวันมันก็อาจจะปรับเปลี่ยนไป ก็ควรต้องเอาเงินไปกระจายลงทุนให้หลากหลาย ตอนประมาณช่วงปีก่อน เงินที่ได้ก็มีเอาไปลงทุนในอสังหาฯ ที่เขาทำโรงแรม
รู้จักกองทุนรวมได้อย่างไร?
พอดีเพื่อนสนิทเป็นที่ปรึกษาด้านการเงิน เขาก็ชอบมาเล่าให้ฟัง เราไว้ใจ ก็เลยให้เขาจัดการไป รู้ว่าเดี๋ยวเขาจะปันผลกลับมาค่ะ
สรุปเคล็ดลับความสำเร็จของร้าน Cheevit Cheeva
1. ค้นหาให้เจอว่าสิ่งที่เราชอบคืออะไร และตั้งใจทำมันให้ดี
2. รู้ว่ากลุ่มลูกค้าเป็นใคร จะมีกลุ่มเดียวหรือหลายกลุ่มก็ได้
3. หาทำเลที่เหมาะสมในการตั้งร้าน ให้ตรงกับกลุ่มลูกค้า
4. มีทีมงานและระบบการเทรนนิ่งที่ดี สร้างมาตรฐานด้านคุณภาพ
5. มองหาความแปลกใหม่ให้ผลิตภัณฑ์ ไม่หยุดที่จะพัฒนา
นอกจากนี้ คุณแพรยังนำกำไรส่วนหนึ่งไปต่อยอด ด้วยการเก็บไว้สำหรับขยายสาขาและแบรนด์ รวมถึงลงทุนในกองทุนรวมด้วย เรียกได้ว่าไม่หยุดนิ่งจริงๆ และคาดว่าเราจะได้เห็นแบรนด์ Cheevit Cheeva เติบโตต่อไปอย่างสวยงามเรื่อยๆ เลย
ติดตามข่าวคราวของ Cheevit Cheeva ได้ที่
https://cheevitcheevacafe.com
https://www.facebook.com/cheevitcheevacafe/
สร้างแผนลงทุนในกองทุนรวมด้วยแอป LINE ได้ง่ายๆ ผ่านมือถือ คลิกเลย!
https://www.finnomena.com/line/intro