Disney+ คืออะไร?
Disney+ คือระบบสตรีมมิ่งของ Disney ที่เจาะกลุ่มไปยังครอบครัว โดยในปีแรกนี้วางแผนที่จะมีทั้งหนังและซีรีส์เรื่องใหม่ๆ รวมถึงอันเก่าด้วย ทาง Disney ระบุว่าจะมีอย่างน้อย 25 รายการใหม่ และ 10 หนังใหม่
Disney+ เปิดให้บริการเมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา ในสหรัฐอเมริกา แคนาดา และเนเธอร์แลนด์ หลังจากนั้นหนึ่งสัปดาห์ก็ขยับขยายไปยังออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และเปอร์โตริโก
มีแผนขยับขยายไปฝั่งยุโรปในเดือนมีนาคม ปี 2020
คาดว่าจะเปิดให้บริการในประเทศไทยปีหน้า
ซึ่งแน่นอนว่า ความพิเศษคงหนีไม่พ้นคอนเทนต์ต่างๆ ของ Disney ทั้งเก่าและใหม่ ไม่ว่าจะเป็นหนังอนิเมชั่นสมัยเรายังเด็กๆ หรือซีรีส์ใหม่เอี่ยมที่แยกออกมาจากหนังภาคหลักอีกที งานนี้ใครเป็นสาวก Disney คงต้องมีใจสั่นกันบ้าง
เปิดตัววันแรก Disney+ ก็กวาดสมาชิกไปได้ 10 ล้านคนแล้ว
เบื้องหลัง Disney+: เทคโนโลยีสตรีมมิ่งท่านได้แต่ใดมา?
Bob Iger ผู้ซึ่งเป็น CEO ของ Disney บอกว่า การเปลี่ยนจากเคเบิลมาสตรีมมิ่งเป็นการตัดสินใจที่ยากเหมือนกัน เพราะ ESPN เคยทำกำไรได้ถึง 40% แต่จะปล่อยให้ Netflix แย่งลูกค้าสตรีมมิ่งไปเฉยๆ ก็กระไรอยู่
จุดเปลี่ยนคือเดือนสิงหาคม 2015 ที่ Iger ค้นพบว่าคนเลิกรับชม ESPN ผ่านเคเบิลไปเยอะ แล้วหันเข้าหาสตรีมมิ่งแทน หุ้น Disney ร่วงไป 9%
โดยดั้งเดิมแล้ว Disney มีข้อด้อยตรงที่ไม่ได้มีพื้นฐานด้านเทคโนโลยีเหมือนคู่แข่งรายอื่นๆ อย่าง Netflix, Amazon และ Apple (รายหลังเพิ่งมีระบบสตรีมมิ่งของตัวเองเมื่อวันที่ 1 พ.ย. ที่ผ่านมา)
ก่อนหน้านี้ หากเราอยากดูหนังหรือรายการของ Disney เราจะต้องดูผ่านบริการของคนอื่น เช่น ช่อง ESPN ที่ต้องซื้อบริการเคเบิล ถ้าอยากดูหนังใหม่ก็ต้องเข้าโรงภาพยนตร์ ถ้าอยากดูออนไลน์ก็เข้า Netflix
แต่ตอนนี้ไม่เป็นอย่างนั้นแล้ว เมื่อ Disney ทุ่มเงิน $2.6 พันล้าน (~7.9 หมื่นล้านบาท) ซื้อกิจการ BAMTech บริษัทเทคโนโลยีซึ่งเชี่ยวชาญด้านการสตรีมมิ่งโดยเฉพาะ งานนี้จะหาว่า Disney ไม่มีเทคโนโลยีสู้คู่แข่ง คงไม่ได้แล้ว
Disney เคยตั้งใจจะสู้ในวงการสตรีมมิ่ง ด้วยการวางแผนซื้อ Twitter ในเดือนตุลาคม 2016 ซึ่งตอนนั้น Twitter เองก็เพิ่งลองถ่ายทอดสตรีมมิ่งเกมฟุตบอล NFL ครั้งแรกและได้ผลตอบรับที่ดี แต่สุดท้าย Iger ก็ล้มเลิกดีลเพราะเห็นว่าแพลตฟอร์มมีการใช้ไปในทางที่ผิดเยอะ
ก่อนหน้านั้น Disney ได้ลงทุนใน BAMTech โดยถือหุ้น 33% แต่พอล้มเลิกดีลกับ Twitter ก็มีเงินเหลือ $1.6 พันล้าน (~4.8 หมื่นล้านบาท) เลยซื้อขาดซะเลย ซึ่งเขาได้ประกาศถึงการซื้อกิจการนี้และแผนทำ Disney+ ในอนาคตเมื่อเดือนสิงหาคม 2017 รวมถึงแย้มๆ ว่าจะถอนคอนเทนต์ของ Disney ออกจาก Netflix ในอนาคตด้วย
BAMTech เชี่ยวชาญเรื่องการปรับขนาดของวิดีโอให้สามารถสตรีมออนไลน์ได้โดยไม่ทิ้งคุณภาพ Kevin Mayer ซึ่งดูแลฝั่งสตรีมมิ่งบอกว่าการสตรีมหนังนั้นง่ายกว่าการสตรีมกีฬาสดเยอะ เพราะสำหรับหนังนั้นจะปรับขนาดแค่ไหนก็ได้ แต่กลับกีฬานั้น หากปรับเยอะไปอาจกระทบต่อรายละเอียดหรือฉากสำคัญที่กำลังถ่ายทอดสด
การประกาศเข้าซื้อ BAMTech และท้าทาย Netflix นั้นทำให้หุ้น Disney ปรับตัวขึ้น โชคยังดีไปอีกเมื่อ Rupert Murdoch เสนอดีลให้ Disney ซื้อ 21st Century Fox ทำให้ Disney มีของในคลังมากขึ้น
BAMTech ได้เปลี่ยนชื่อเป็น Disney Streaming Services
ความพิเศษของ Disney+ ที่ยากจะเบือนหน้าหนี
นอกจากจะสูสีเรื่องเทคโนโลยี Disney ยังมีข้อได้เปรียบด้านราคา โดยราคาต่อเดือนอยู่ที่ $6.99 (~211 บาท) ในขณะที่ Netflix อยู่ที่ $12.99 ที่สหรัฐฯ (~393 บาท)
ในอนาคต หากอยากดูหนัง Marvel ให้เข้าใจถ่องแท้ ก็ควรจะสมัคร Disney+ เพราะคอนเทนต์หลายๆ อย่างในนั้นจะปูพื้นไปสู่หนัง
แผนในอนาคตของ Disney กับคอนเทนต์ที่ทะลักมากขึ้น
ระหว่างการเตรียมเปิดตัว Disney+ Iger ได้ไปพูดคุยกับหัวหน้าสตูดิโอทั้ง 3 นั่นก็คือ Marvel, Pixar และ Lucasfilm ซึ่งพวกเขาก็ตอบรับอย่างดี มีแนวโน้มว่าคอนเทนต์จะมากขึ้นไปอีก
Kevin Feige ผู้เป็น Chief Creative Office ของ Marvel เล่าว่าพวกเขาจะมีการประกาศโปรเจ็กต์ใหม่ๆ 9-10 โปรเจ็กต์เรื่อยๆ แต่มักจะได้เสียงตอบรับมาว่า อยากให้คาแรคเตอร์ตัวอื่นๆ โลดแล่นบ้าง การมี Disney+ จึงเปรียบเสมืองช่องทางในการบอกเล่าเรื่องราวอื่นๆ ได้
Feige นำไอเดียไปพูดคุยกับเหล่านักแสดง พวกเขาให้การตอบรับอย่างดี
Disney วางแผนจะใช้เงิน $1 พันล้าน (~3 หมื่นล้านบาท) ทุ่มทุนสร้างคอนเทนต์ของตัวเองในปีหน้า และคาดว่าเงินก้อนนี้น่าจะสูงขึ้นเรื่อยๆ
นอกจากนี้ Disney ยังวางแผนทำแพ็กเกจซื้อ Disney+ ควบคู่ ESPN+ และ Hulu รวมถึงส่วนลดค่าเข้าสวนสนุก และใช้บริการ Verizon ฟรีหนึ่งปี
เพื่อป้องกันไม่ให้คนสมัครมาแล้วจากไป Disney+ ตั้งใจจะปล่อยคอนเทนต์แบบสัปดาห์ละครั้ง ไม่ใช่ปล่อยรวดเดียวเหมือน Netflix
อย่างไรก็ดี Iger มองว่าจุดแข็งของ Disney ก็คือแฟรนไชส์หนังต่างๆ เช่น Toy Story, Avengers และ Star Wars ที่ทำเงินได้เยอะมาก
Iger บอกว่าเขาเองก็อยากให้มีการสร้างคอนเทนต์แบบ original เพิ่มขึ้น แต่ตอนนี้ก็ดีอยู่แล้ว ที่มีทั้งของเก่าและใหม่ปนๆ กัน
ลงทุนในกองทุนรวมที่ยอดเยี่ยม ปรึกษา FINNOMENA ฟรี! ไม่มีค่าใช้จ่าย เพราะเป้าหมายการลงทุนแตกต่างกัน จึงต้องใส่ใจในทุกรายละเอียด
ดูพอร์ตกองทุนแนะนำ
ความเห็นของผู้เชี่ยวชาญและนักลงทุน
ก่อนที่จะเปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับสตรีมมิ่ง นักลงทุนมีความกังวลต่อก้าวย่างนี้ ดูจากระบบสตรีมมิงก่อนหน้านี้อย่าง ESPN+ ที่แม้จะมีผู้รับบริการอยู่ 2 ล้านคน แต่กลับไม่สร้างกำไรเลย ส่วน Hulu ที่ได้มาจากดีลซื้อ Fox นั้นมีผู้รับบริการถึง 25 ล้านคนในสหรัฐฯ แต่ก็ผลาญเงินทุนไปเยอะเช่นกัน
พอรายละเอียดถูกเปิดเผยแบบชัดเจนขึ้น วันต่อมาหุ้น Disney ก็ทะยานเลย 13%
ผู้เชี่ยวชาญลงความเห็นว่ามีความเป็นไปได้ที่ Disney+ จะมีสมาชิก 90 ล้านคนภายในปี 2024 และถ้าบวกรวม Hulu กับ ESPN+ ไปด้วยแล้ว ก็น่าจะถึง 160 ล้านคนได้ ถึงอย่างนั้นก็ยังห่างไกลจาก Netflix ที่ตั้งเป้าไว้ 300 ล้านคน
ถึงแม้ว่า Disney จะมีของเยอะมาก แต่ผู้เชี่ยวชาญจาก MoffettNathanson LLC บอกว่า Disney+ น่าจะยังไม่กำไรเร็วๆ นี้ โดยจะกำไรในปี 2024 หากทุกอย่างเป็นไปตามแผน
แวดวงธุรกิจสตรีมมิ่งที่กำลังลุกเป็นทะเลเดือด
ตอนนี้สงครามสตรีมมิ่งกำลังดุเดือด เพราะมีผู้เล่นเข้ามามากมาย นอกจาก Netflix, Amazon, Apple แล้วยังจะมี AT&T กับ Comcast ร่วมวงด้วย
Ted Sarandos ผู้ดำรงตำแหน่ง chief content officer ของ Netflix บอกว่าการแข่งขันดุเดือดมาก ทำให้ต้นทุนการทำคอนเทนต์เพิ่มมากขึ้น ราคาของคอนเทนต์ก็แพงขึ้น โดยเฉพาะคอนเทนต์ที่มีคนอยากได้มากๆ ปีนี้ราคาขึ้น 30%
Disney บอกว่าไม่เดือดร้อนเท่าไรเพราะมั่นใจว่าตัวเองมีคลังของดีๆ เยอะ ไม่ต้องไปหาเพิ่มมากเกินไป อืม…ก็จริงของเขาละ!
ข้อมูลอ้างอิง
https://en.wikipedia.org/wiki/Disney%2B
https://www.bloomberg.com/news/features/2019-11-07/inside-disney-bob-iger-on-star-wars-pixar-and-more
https://www.barrons.com/articles/hasbro-stock-has-been-battered-this-year-analysts-say-it-now-has-more-than-20-upside-51574700054
https://www.theverge.com/2016/9/26/13063020/disney-twitter-acquisition-bid-offer-tv-nfl
https://money.cnn.com/2016/09/16/technology/nfl-twitter-ratings-livestream/
https://www.beartai.com/review/appreview/378634
https://brandinside.asia/disney-plus-10-m-subscribers-effect-netflix/
ดิสนีย์มีระบบสตรีมมิ่ง ฟินโนมีนาก็มีระบบสร้างแผนลงทุน
ใครที่กำลังอยากหาวิธีทำให้เงินงอกเงย สามารถสร้างแผนลงทุนผ่าน LINE ได้แล้ววันนี้ คลิก
https://www.finnomena.com/line/intro
ลงทุนในกองทุนรวมที่ยอดเยี่ยม ปรึกษา FINNOMENA ฟรี! ไม่มีค่าใช้จ่าย เพราะเป้าหมายการลงทุนแตกต่างกัน จึงต้องใส่ใจในทุกรายละเอียด
ดูพอร์ตกองทุนแนะนำ
Article , Basic , Short Content , ไอเดียสร้างเงินล้าน