Quantable Podcast EP1 : Quantitative คืออะไร สำคัญกับนักลงทุนอย่างไร?

หากพูดถึงคำว่า Quantitative Investment หลายคนอาจจะงงเพราะไม่เคยได้ยิน แต่ถ้าเป็น Robot Trade , System Trade , AI Trade เราคงจะคุ้นหูคุ้นตากันบ้างไม่มากก็น้อย อันที่จริงแล้วจะ Robot , System , AI ล้วนแต่เป็น Quantitative ทั้งสิ้น ในวันนี้เราจึงจะขออธิบายถึงเรื่องนี้กันสักหน่อย

Quantitative Investment คืออะไร

คำว่า Quant ย่อมาจากคำว่า Quantitative Analysis หรือวิธีการวิเคราะห์คำนวณเชิงปริมาณเชิงตัวเลข ดังนั้นคำว่า Quantitative Investment ก็อาจจะหมายถึงการลงทุน Base on วิธีการวิเคราะห์คำนวณเชิงปริมาณเชิงตัวเลขนั่นเอง

Quant ไม่ใช่แค่ Technical เท่านั้นแต่หมายถึงทุกอย่างที่เป็นตัวเลข

เรามักจะเข้าใจผิดกันไปหมดว่า Quant คือการวิเคราะห์ทางเทคนิคหรือเอากราฟเทคนิคมาใช้เท่านั้น แต่จากความหมายที่เรานิยามไปข้างต้น แปลว่าไม่ว่าจะเป็นข้อมูลปัจจัยพื้นฐาน ข้อมูลสถิติ ข้อมูลเศรษฐกิจ เงินเฟ้อ GDP อัตราการว่างงาน ก็สามารถนำมาวิเคราะห์เพื่อหา “บางสิ่งบางอย่าง” ที่เป็นประโยชน์ในการลงทุนของเรานั่นเองครับ

ผลการดำเนินงานของกองทุนสาย Quant

เนื่องจากการใช้ Quant ในการลงทุนมีมาอย่างยาวนาน ไม่ว่าจะนักลงทุนบุคคลหรือสถาบัน เราจึงขอยกตัวอย่างกองทุนที่ใช้ Quant จนสามารถสร้างผลลัพธ์ได้อย่างโดดเด่นอย่างยาวนาน ดังนี้ครับ

James Simons

Ray Dalio

David Harding

Edward Thorp

คำศัพท์ที่จำเป็นต้องรู้ในสาย Quantitative Investment (ด้านการวัดประสิทธิภาพ)

เนื่องจากการลงทุนในสายของ Quant มักจะมีทั้งตัวเลข สูตรคำนวณ อัตราส่วนเยอะแยะมากมาย เพื่อให้นักลงทุนทุกท่านสามารถศึกษาด้วยตนเองได้ในเบื้องต้นว่าประสิทธิภาพของกลยุทธ์หรือรูปแบบการลงทุนใดที่ดีและเหมาะสมควรจะเป็นอย่างไร เราจึงยกตัวอย่างสูตรในการคำนวณเพื่อวัดประสิทธิภาพของระบบว่ามีสูตรไหนที่จำเป็นต้องรู้และน่าสนใจบ้าง

CAGR (Compound Annual Growth Rate)

คือตัวเลขที่บอกถึงผลตอบแทนทบต้นของระบบในช่วงเวลาที่ผ่านมา ซึ่งจะมีความแตกต่างกับอัตราผลตอบแทนโดยเฉลี่ยหรือ Average Return เพราะ CAGR นั้นเป็นค่าเฉลี่ยแบบเรขาคณิต (Geometric Mean) แต่ Average Return เป็นแบบค่าเฉลี่ยเลขคณิต (Arithmetic Mean)

Max % Drawdown

คือตัวเลขที่จะบอกถึงการลดลงของเงินทุนในระหว่างที่ลงทุนอยู่ โดยจะวัดจากอัตราส่วนระหว่างมูลค่าเงินทุนสูงสุดเท่าที่เคยเกิดขึ้น (Highest Equity High) หักลบด้วยมูลค่าเงินลงทุนที่ต่ำที่สุดหลังจากที่เคยเกิดขึ้นมา (Max Lowest Low after Highest High) เช่น เรามีเงินทุนอยู่ 100 บาท ลงทุนไปสักพักเงินโตขึ้นเป็น 1,000 บาท แล้วค่อย ๆ ลดลงมาเหลือ 800 บาท นั่นเท่ากับว่า Max % Drawdown คือ -20 %

Longest Drawdown

คือตัวเลขที่จะบอกเราว่าระหว่างที่เราลงทุนแล้วเกิดการขาดทุน (Drawdown) นั้น กลยุทธ์ของเราต้องใช้เวลายาวนานมากแค่ไหนกว่าที่พอร์ตจะกลับขึ้นมาทำจุดสูงสุดอีกครั้ง โดยมักจะมีหน่วยเป็นจำนวนเดือน

Mar Ratio

คืออัตราส่วนของผลตอบแทนแบบทบต้นหรือ CAGR เทียบกับอัตราส่วนร้อยละของการลดลงของเงินทุนที่มากที่สุดหรือ Maximum % Drawdown พูดง่าย ๆ คือสัดส่วนการแบกรับความเสี่ยงที่มากที่สุดในการที่คุณจะได้ผลตอบแทนออกมา ถูกพัฒนาขึ้นมาโดย Managed Account Reports newsletter (MAR) ซึ่งทำการรายงานผลวิจัยของบรรดากองทุน Managed Futures และ Hedge Fund ต่างๆ

% Win & % Loss

คือตัวเลขที่บอกถึงผลลัพธ์ของการลงทุนว่าในอดีตที่ผ่านมามีอัตราส่วนที่บอกถึงกำไรและขาดทุนอย่างไรบ้างในรูปแบบของ % ยกตัวอย่างเช่น เราลงทุนมา 100 ครั้ง ได้กำไร 60 ครั้ง ขาดทุน 40 ครั้ง นั่นเท่ากับว่า % Win คือ 60 % Loss คือ 40 นั่นเอง

Average Win & Average Loss

คือตัวเลขที่บอกผลกำไรและผลขาดทุนโดยเฉลี่ยของกลยุทธ์การลงทุนที่ใช้ ยกตัวอย่างเช่น ในแต่ละครั้งที่เราลงทุน เรามักจะได้ผลกำไรโดยเฉลี่ย 10,000 บาท ส่วนเวลาที่ขาดทุนจะขาดทุนโดยเฉลี่ย 5,000 บาท เท่ากับว่า Average Win คือ 10,000 และ Average Loss คือ 5,000

Expectancy

คืออัตราผลตอบแทนที่คาดหวัง เป็นการคำนวณเพื่อวัดประสิทธิภาพการทำกำไรจากการลงทุน วิเคราะห์ผลการลงทุนอย่างสม่ำเสมอ โดย ค่า Expectancy คำนวณจาก (Win% x Average Win) – (Loss% x Average Loss) ซึ่งกลยุทธ์การลงทุนที่ดีควรจะใช้ค่า Expectancy เป็นบวกนั่นเอง

แล้วนี้คือบทที่หนึ่งสำหรับโลกของการลงทุนรูปแบบใหม่ (ซึ่งก็ไม่ใหม่มากเท่าไหร่ 555) ที่เรียกว่า Quantitative Investment

Zipmex


ติดตาม FINNOMENA Podcast ได้ทุกช่องทางที่คุณมี

App Spotify
https://finno.me/spotify

App Google podcasts
https://finno.me/googlepodcast

Apple podcast
https://finno.me/applepodcast

App Soundcloud
https://finno.me/soundcloud

Podbean
https://finno.me/podbean

Youtube
https://finno.me/youtubepodcast