
มุมมองการลงทุน

Outlook
- เศรษฐกิจสหรัฐฯ – ตลาดแรงงานยังแข็งแกร่งต่อเนื่อง ขณะที่เงินเฟ้อเดือนมิถุนายนเร่งขึ้นจากแรงกดดันของภาษีนำเข้าใหม่ ซึ่งส่งผลให้ตลาดเริ่มประเมินว่า Fed อาจชะลอการลดดอกเบี้ย โดยคาดว่าอาจเริ่มลดในช่วงไตรมาส 4 ของปีนี้
- ด้านนโยบายการค้า – รัฐบาลสหรัฐฯ เลื่อนกำหนดการขึ้นภาษีนำเข้าเพิ่มเติมออกไปเป็นวันที่ 1 ส.ค. เพื่อเปิดทางให้มีการเจรจากับประเทศคู่ค้า ซึ่งยังคงเป็นประเด็นที่นักลงทุนต้องติดตามอย่างใกล้ชิด
- เศรษฐกิจจีน –เศรษฐกิจจีนยังขยายตัวได้ดี โดยตัวเลข GDP จีน Q2/2025 เติบโตสูงกว่าคาด แม้เผชิญแรงกดดันจากสงครามการค้าและปัญหาในภาคอสังหาริมทรัพย์ที่ยังเปราะบาง
- เศรษฐกิจไทย– แม้เศรษฐกิจไทยยังเผชิญแรงกดดันจากจำนวนนักท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวช้ากว่าคาดและความไม่แน่นอนทางการเมือง แต่ในช่วงนี้เริ่มมีปัจจัยบวกเข้ามาหนุนบรรยากาศ โดยเฉพาะความคาดหวังว่ารัฐบาลไทยจะสามารถเจรจาลดภาษีนำเข้าสินค้ากับสหรัฐฯ จากเดิมที่เก็บภาษีสูงถึง 36% ซึ่งหากสำเร็จ จะช่วยบรรเทาผลกระทบต่อภาคการส่งออก และฟื้นความเชื่อมั่นภาคธุรกิจได้บางส่วน ขณะเดียวกัน ตลาดยังจับตานโยบายการเงินที่อาจผ่อนคลายมากกว่าคาด จากการเปลี่ยนแปลงตำแหน่งผู้ว่าการแบงก์ชาติของไทย
Strategy
- ตลาดหุ้นโลกเริ่มฟื้นตัว หลังจากสหรัฐฯ ประกาศจะขยายระยะเวลาในการเจรจาข้อตกลงทางการค้ากับประเทศคู่ค้า ซึ่งช่วยลดความวิตกกังวลของนักลงทุนเกี่ยวกับความไม่แน่นอนด้านนโยบายระหว่างประเทศ และหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีปรับตัวเพิ่มขึ้นมากที่สุด เนื่องจากนักลงทุนเริ่มคาดหวังกับผลประกอบการ Q2/2025 สหรัฐฯที่กำลังประกาศ
- ทั้งนี้ บริษัทจดทะเบียนในสหรัฐฯ เริ่มทยอยรายงานผลการดำเนินงาน Q2/2025 ในเดือนก.ค. โดยกลุ่มธนาคารเป็นกลุ่มแรกที่ได้ประกาศงบอกมาในเดือนก.ค. ซึ่งมีรายได้และกำไรออกมาดีกว่าที่ตลาดคาด
- ทำให้เรามองว่าโอกาสที่ผลดำเนินงานในช่วงที่เหลือโดยเฉพาะในหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีสหรัฐฯจะยังดีกว่าตลาดคาด จะช่วยสร้างโมเมนตัมที่ดีต่อตลาดหุ้นโดยรวม
Portfolio Action
- ลดสัดส่วนการลงทุนใน TISCOGC และเพิ่มน้ำหนักการลงทุนไปยัง TCHCON เนื่องจาก
- กลุ่มบริโภคของจีนเริ่มส่งสัญญาณฟื้นตัวต่อเนื่อง
- ในเดือน ก.ค. ปธน.สีจิ้นผิงได้กล่าวถึงการควบคุม “การแข่งขันที่ไร้ระเบียบ” หรือ Disorderly Competition ในภาคอุตสาหกรรม เช่น รถยนต์ไฟฟ้า , E-Commerce เป็นต้น ทำให้เชื่อว่าหุ้นในกลุ่มบริโภคจะได้ประโยชน์จากการส่งสัญญาณดังกล่าว นำไปสู่การแข่งขันด้านราคาที่ลดลง
- นักลงทุนเริ่มกลับเข้ามามีความเชื่อมั่นต่อการบริโภคที่ดีขึ้น หลัง PBOC ผ่อนคลายนโยบายการเงินและออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจีนในวงกว้าง
- ดู Fund Fact Sheet กองทุนที่เพิ่มน้ำหนัก/ปรับเข้า : TCHCON
Performance Review
ผลตอบแทนพอร์ตกองทุนนับจากวันที่ 16 มิ.ย. จนถึง 17 ก.ค..2025 ปรับขึ้น +0.05% โดยหากนับจากต้นปี พอร์ตปรับขึ้น +0.42%
- Contributor:
-
-
- ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา กองทุนหุ้นจีน (TISCO China H-Shares Equity Fund) เป็นกองทุนที่หนุนพอร์ตกองทุนมากที่สุด โดยอันดับที่ 2 คือ กองทุนหุ้นอินเดีย (TISCO India Equity Fund) และอันดับที่ 3 คือ กองทุนหุ้นคุณภาพทั่วโลก (TISCO Global Quality Equity Fund (Class A)
-
-
- Detractor:
-
-
-
- ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา กองทุนทองคำ (TISCO Gold Fund) ปรับตัวลดลงมากที่สุด จากแรงขายของนักลงทุน หลังสหรัฐฯ ประกาศเลื่อนกำหนดการเจรจาทางการค้า ส่งผลให้นักลงทุนกลับเข้าลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงมากขึ้น
-
-
ที่มา: บลจ. ทิสโก้ วันที่ 18 กรกฎาคม 2025
คำเตือน: ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลสำคัญของกองทุนโดยเฉพาะนโยบายกองทุน ความเสี่ยง และผลการดำเนินงานของกองทุน โดยสามารถขอข้อมูลจากผู้แนะนำก่อนตัดสินใจลงทุน | ผลการดำเนินงานในอดีต และผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต | ผู้ลงทุนอาจมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากการป้องกันความเสี่ยงขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้จัดการกองทุน | สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ทิสโก้ จำกัด หรือ บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน ฟินโนมีนา จำกัด ในช่วงเวลาวันทำการตั้งแต่ 09:00-17:00 น. ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 026 5100 และทาง LINE “@FINNOMENAPORT” | สำหรับผู้ลงทุนในความดูแลของ Kept by krungsri ติดต่อทีม Kept help center ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 296 6299