
มุมมองการลงทุน

Outlook
- เศรษฐกิจสหรัฐฯ – เงินเฟ้อสหรัฐฯ ก.ค.2025 ออกมาต่ำกว่าคาด สะท้อนแรงกดดันด้านราคาที่เริ่มคลายตัว ขณะที่ตลาดแรงงานเริ่มมีสัญญาณชะลอ ส่งผลให้ตลาดกลับมาหวังว่า Fed จะเริ่มลดดอกเบี้ยตั้งแต่เดือน ก.ย. และอาจลดได้รวม 3 ครั้งภายในปีนี้
- ด้านผลประกอบการ Q2/2025 ของบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่ในสหรัฐฯ เช่น Microsoft, Meta และ Alphabet ออกมาดีกว่าคาด ทั้งรายได้และกำไรเติบโตโดดเด่นจากการขยายตัวของความต้องการใช้งานด้าน AI ที่ยังเร่งตัวต่อเนื่องในระดับองค์กรและผู้บริโภค
- เศรษฐกิจจีน –ตัวเลขส่งออกจีนเดือนก.ค.2025 ขยายตัวดี โดยเฉพาะการส่งออกไปยังตลาดนอกสหรัฐฯ เช่น เอเชียและยุโรป สะท้อนถึงความสามารถในการปรับตัวของภาคการผลิตจีน แม้บางส่วนอาจมาจากการเร่งนำเข้าสินค้า (front loading) ของเป็นประเทศคู่ค้า ก่อนมาตรการภาษีมีผลบังคับ แม้ล่าสุดมีการขยายเวลาระงับการเก็บภาษีนำเข้าระหว่างสหรัฐฯ-จีนออกไปอีก 90 วัน ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจจีนเริ่มมีสัญญาณชะลอในเดือน ก.ค. เชื่อรัฐบาลจีนจะยังคงกระตุ้นเศรษฐกิจต่อเนื่อง
- เศรษฐกิจไทย– กนง. ปรับลดดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% สู่ระดับ 1.50% เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ หลังการบริโภคภาคเอกชนยังขยายตัวจำกัด และเผชิญแรงกดดันจากภาษีการค้าสหรัฐฯ พร้อมส่งสัญญาณผ่อนคลายนโยบายต่อเนื่องในช่วงครึ่งหลังของปี เพื่อหนุนการฟื้นตัวที่ยังเปราะบาง
Strategy
- ตลาดหุ้นโลกกลับมาฟื้นตัวชัดเจนจากความคืบหน้าในการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับหลายประเทศ โดยตลาดหุ้นสหรัฐฯ ได้ทำจุดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในช่วงต้นเดือนส.ค. 2025 หลังจากที่บริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่ของสหรัฐฯ รายงานผลประกอบการ Q2/2025 มีรายได้และกำไรเติบโตดีกว่าที่ตลาดคาด ทำให้เรายังเน้นลงทุนในหุ้นกลุ่ม Quality
- ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียได้รับปัจจัยบวก จากการขยายข้อตกลงทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน ซึ่งส่งผลให้นักลงทุนต่างชาติกลับเข้าซื้อสุทธิในหลายตลาด และ Valuation สมเหตุสมผล อีกทั้งเรายังมีมุมมองที่ดีต่อตลาดหุ้นอินเดีย หลังดัชนีปรับฐานลงมาจากความกังวลภาษีการค้า ขณะที่รัฐบาลหันมากระตุ้นการบริโภคในประเทศ
- สำหรับวัฏจักรดอกเบี้ยขาลงที่เชื่อว่าจะเริ่มขึ้น อาจเป็นผลดีต่อหุ้นกลุ่มขนาดกลาง เราจึงเพิ่มน้ำหนักไปยังหุ้นในกลุ่ม Biotechnology ที่มีผลดำเนินงานที่ดี
Portfolio Action
- ลดสัดส่วนการลงทุนใน TBOND1Y และเพิ่มการลงทุนใน TGBOND-A เพื่อเพิ่มผลตอบแทนและกระจายความเสี่ยงในช่วงที่ Bond Yield สหรัฐฯ ยังคงอยู่ในระดับสูง และมีโอกาสปรับลดลง
- ลดน้ำหนักการลงทุนใน TCHCON และเพิ่มสัดส่วนใน TBIOTECH จากมุมมองเชิงบวกต่อกลุ่ม Biotechnology ที่เริ่มมี Fund Flow จากนักลงทุนไหลเข้า หลังหลายบริษัทประกาศควบรวมกิจการต่อเนื่อง สะท้อนการฟื้นตัวของธุรกิจและแนวโน้มการเติบโตในระยะยาว
- ดู Fund Fact Sheet กองทุนที่เพิ่มน้ำหนัก/ปรับเข้า : TGBOND-A TBIOTECH
Performance Review
ผลตอบแทนพอร์ตกองทุนนับจากวันที่ 18 ก.ค.2025 จนถึง 18 ส.ค. 2025 ปรับขึ้น +0.59% โดยหากนับจากต้นปี พอร์ตปรับขึ้น +1.58%
- Contributor:
-
-
- ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา กองทุนหุ้นคุณภาพทั่วโลก (TISCO Global Quality Equity Fund) เป็นกองทุนที่หนุนพอร์ตกองทุนมากที่สุด โดยอันดับที่ 2 คือ กองทุนตราสารหนี้โลก TISCO Global Bond Fund) และอันดับที่ 3 คือ กองทุนตราสารหนี้ไทยระยะสั้น (TISCO Bond 1 Year Fund)
-
-
- Detractor:
-
-
-
- ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา กองทุนหุ้นอินเดีย (TISCO India Active Equity Fund) ปรับตัวลดลงมากที่สุด จากแรงเทขายของนักลงทุน หลังปธน. Trump กำหนดมาตรการทางการค้าใหม่ต่ออินเดีย โดยจะเรียกเก็บอัตราภาษีเพิ่มขึ้นเป็น 50% เนื่องจากอินเดียเป็นประเทศหลักที่นำเข้าน้ำมันจากรัสเซีย
-
-
ที่มา: บลจ. ทิสโก้ วันที่ 19 สิงหาคม 2025
คำเตือน: ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลสำคัญของกองทุนโดยเฉพาะนโยบายกองทุน ความเสี่ยง และผลการดำเนินงานของกองทุน โดยสามารถขอข้อมูลจากผู้แนะนำก่อนตัดสินใจลงทุน | ผลการดำเนินงานในอดีต และผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต | ผู้ลงทุนอาจมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากการป้องกันความเสี่ยงขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้จัดการกองทุน | สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ทิสโก้ จำกัด หรือ บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน ฟินโนมีนา จำกัด ในช่วงเวลาวันทำการตั้งแต่ 09:00-17:00 น. ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 026 5100 และทาง LINE “@FINNOMENAPORT” | สำหรับผู้ลงทุนในความดูแลของ Kept by krungsri ติดต่อทีม Kept help center ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 296 6299