จากบทความใน Finnomena เรื่อง “โสด สวย รวย เริ่ด” เขียนโดยคุณเฟิร์น Wealth Me Up มีการยกตัวอย่างการวางแผนเกษียณอายุของสาวโสด อายุ 30 ปี ซึ่งมีใจความสำคัญว่า
แต่เดี๋ยวก่อน… มันก็ยังพอมีทางออกอยู่บ้าง!
ในบทความนี้ ผมได้สรุปแนวทางทั้งหมดมาให้อ่านกัน 7 แนวทาง ซึ่งแต่ละแนวทางก็จะเหมาะกับสถานการณ์ที่แตกต่างกันไป บางคนสามารถประยุกต์ใช้ได้ทั้งหมด บางคนอาจใช้ได้เพียงบางอย่าง แต่อย่างน้อย ได้รู้จักทางเลือกไว้ ก็ย่อมดีกว่าไม่รู้เป็นไหนๆ พร้อมแล้ว Scroll ลงไปอ่านได้เลยครับ
แนวทางนี้ถือเป็นการตอบแบบ “กำปั้นทุบดินที่สุด” ซึ่งใครๆ ก็คงคิดได้ แต่จะคิดลึกพอมั๊ย หรือ คิดแล้วสามารถทำได้จริงมั๊ย ก็ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ของแต่ละคน ซึ่งในที่นี้เราคงไม่พูดถึงการลดค่าใช้จ่ายเล็กน้อย ประเภทประหยัดแอร์ กินข้าวนอกบ้านน้อยลง ลดความบันเทิงส่วนตัวลง ฯลฯ เพราะถึงแม้ทำได้จริง แต่ก็อาจเห็นผลน้อย และทำถึงจุดหนึ่ง ก็สามารถล้มเลิกไปได้ง่ายๆ
ที่อยากพูดถึงคือการลดรายจ่ายที่มี Impact มากๆ และเห็นผลค่อนข้างยาวนานกว่า เช่น
นอกจาก 3 ตัวอย่างนี้ ใครคิดอะไรออกอีก ก็สามารถแชร์มาได้ในช่อง Comment ด้านล่างนะครับ ถือว่าเป็นตัวอย่างให้กับเพื่อนๆ ท่านอื่นๆ ด้วย
นี่ก็ถือเป็นอีกหนึ่งคำตอบที่ “กำปั้นทุบดิน” ไม่แพ้ข้อแรก ซึ่งแม้จะทำได้ยากกว่า แต่หากทำได้พลังก็จะสูงมาก ซึ่งหากอ้างอิงจากแนวคิดเรื่อง “เงินสี่ด้าน” ของโรเบิร์ต คิโยซากิ ผู้แต่งหนังสือ “พ่อรวยสอนลูก” ก็ต้องลองมาดูกันครับว่า แต่ละด้านเราทำอะไรได้ ซึ่งได้แก่
ซึ่งแน่นอนว่า แต่ละวิธีการนั้น “ไม่ง่าย” แต่ก็ “เป็นไปได้” ลองศึกษาดูครับ ว่าเราทำอะไรได้ เพราะหากเดิมรายได้เราประมาณ 30,000 บาท หากสามารถเพิ่มรายได้ขึ้นมาซักหมื่นบาทนั้น พลังในการออมและการลงทุนของเราก็จะเพิ่มขึ้นมหาศาล และทำไปทำๆ มา มันอาจจะเพิ่มได้มากกว่านั้น แทนที่จะแค่เกษียณตอน 55 ได้ อาจจะทำได้เร็วกว่านั้นก็เป็นได้
หากพิจารณาแล้วว่า รายจ่ายก็ลดไม่ไหว รายได้ก็เพิ่มไม่ได้ (อะไรจะขนาดนั้น) เราอาจต้องย้อนกลับมามองแผนการลงทุนของเราว่าปรับเปลี่ยนอะไรได้มั๊ย เช่น
ย้ำนะครับ… การเพิ่มผลตอบแทนนั้นพูดง่าย ทำยาก หากจะทำต้องมั่นใจจริงๆ ว่าเรามีทักษะ เพราะขนาดระดับปรมาจารย์อย่าง ดร.นิเวศน์ ท่านก็ยังให้หวังไม่เกินปีละ 15% ต่อปี ผมเห็นบางคนหวังกันปีละ 20-30% ก็กลัวแทน ว่าจะทำได้มั๊ย เพราะในการวางแผนนั้น เราควรวางแผนบน “ค่ากลางๆ” ที่มีความเป็นไปได้สูง มากกว่าจะ “หวังผลเลิศ” แล้วไปรู้ตัวอีกทีตอนที่สายเกินไปว่าทำไม่ได้นะครับ
แหล่งเงินทุนเพื่อเกษียณอายุนั้น ไม่ได้มีแค่การเก็บออมด้วยตัวเองเพียงอย่างเดียว ยังมีแหล่งเงินทุนอื่นๆ เช่น
ดังนั้น ใช่ว่าเราจะต้องเตรียมเงินด้วยตัวเองทั้ง 18.8 ล้านบาทตามที่ยกตัวอย่าง สำคัญคือเรารู้หรือไม่ว่าเรามี “สิทธิ์” อะไรบ้าง ณ วันเกษียณ ถ้ายังไม่รู้ผมแนะนำให้อ่านหนังสือชื่อ “คนไทยฉลาดการเงิน” ซึ่งผมได้อธิบายไว้โดยละเอียดพร้อมวิธีคำนวณ ทั้งสวัสดิการของภาคเอกชน และภาครัฐ หรือถ้ายังไม่สะดวกอ่านก็สามารถดูวีดีโอได้ก่อน ที่นี่ ครับ
หากคุณคิดจะลงทุนเพิ่มในกองทุนรวม นี้คือสิ่งที่คุณไม่อยากพลาด! สมัครสมาชิกตอนนี้เพื่อรับโพยกองทุนเด็ดที่แนะนำ อัพเดททุกเดือนจาก FINNOMENA
กดที่นี่เพื่อรับโพยกองทุนทั้งนี้ นอกจากแหล่งเงินทุนในระบบเหล่านั้นแล้ว เรายังมีทางเลือกในการเตรียม “รายได้หลังเกษียณ” เพิ่มเติมเช่น ค่าเช่าจากอสังหาริมทรัพย์ อาทิ บ้านเช่า คอนโดให้เช่า ที่ดินให้เช่า ซึ่งในช่วงแรกของการลงทุนนั้น ค่าเช่าที่ได้รับมาอาจต้องนำไปชำระหนี้ค่างวดเป็นส่วนใหญ่ แต่ในระยะยาวเมื่อหนี้ลดลงไปมากหรือ หนี้หมดไป เราก็จะได้รายได้จากค่าเช่านั้นมาเป็นรายได้หลังเกษียณแบบเต็มๆ
ซึ่งตรงนี้เหมือนการที่เราปลูกป่าเตรียมไว้ก่อน พอถึงเวลาต้องเก็บกินก็ได้กิน ซึ่งสำหรับคนที่มีรายได้จากค่าเช่าในวัยเกษียณ ก็อาจไม่ต้องเตรียมเงินมากถึง 18.8 ล้านก็เป็นได้ แต่ทั้งนี้ก็ขอให้เช็คด้วยนะครับ ว่าทรัพย์ของเรานั้น จนถึงวันเกษียณยังจะสามารถปล่อยเช่าเพื่อสร้างรายได้ได้อยู่
กรณีแก้ช่วงก่อนเกษียณ (Pre-Retirement) ลำบาก การแก้ช่วงหลังเกษียณ (Post-Retirement) ก็ถือเป็นอีกทางเลือกหนึ่ง ซึ่งจากตัวอย่างที่ยกมาว่าต้องมีเงินทุนเกษียณ 18.8 ล้านบาทนั้น เกิดจากการตั้งสมมติฐานว่า หลังเกษียณเราจะไม่ลงทุนให้มีความเสี่ยงมากนัก คือจะลงทุนแค่ให้เงิน 18.8 ล้านบาทโตเท่ากับอัตราเงินเฟ้อ 3% เท่านั้น ทำให้ต้องใช้เงินเยอะ
แต่หากเราสามารถจัดพอร์ตหลังเกษียณให้มีอัตราผลตอบแทนเพิ่มขึ้น (โดยยังเสี่ยงขึ้นไม่มาก) เช่นสามารถลงทุนหลังเกษียณได้ผลตอบแทนเฉลี่ยประมาณ 5-7% ต่อปี เงินลงทุนที่จำเป็นต้องใช้ก็อาจไม่ต้องมากถึง 18.8 ล้านบาทก็เป็นได้ ส่วนเรื่องว่าจะจัดยังไงนั้น ลองอ่าน บทความนี้ เป็นแนวทางได้ครับ
แนวทางนี้อาจมีหลายๆ คนร้อง “ยี้” เพราะทำงานมาตลอดชีวิตก็เหนื่อยอยู่แล้ว นี่เกษียณแล้วก็ยังจะต้องทำงานอีกอย่างนั้นหรือ ? แน่นอนว่าถ้าเลือกได้ การมีรายได้เพียงพอใช้ตอนเกษียณโดยไม่ต้องทำอะไรมันก็คงดีกว่า แต่ถ้าไม่ได้จริงๆ มันก็จำเป็นต้องทำ… อันที่จริงก็มีคนในวัยเกษียณมากมายที่ยังทำงานอยู่ บางคนนั้นไม่ได้ทำแค่เพราะมันจำเป็น แต่ทำเพราะมัน “สนุก” และทำให้ยังมี “ชีวิตชีวา” อยู่ ไม่แก่เร็วหมดพลังรีบตายไปเสียก่อน
มีอาชีพมากมายที่คนในวัยเกษียณสามารถทำได้ โดยเฉพาะอาชีพที่ใช้แรงน้อยลง แต่ใช้ความเก๋า ใช้สติปัญญา ใช้ประสบการณ์ ใช้ความสัมพันธ์หรือเครือข่ายที่แต่ละคนมีมากขึ้น เช่น อาชีพที่ปรึกษา/วิทยากร/โค้ช นายหน้า นักเขียน ฯลฯ และในอนาคตเมื่อสังคมเคลื่อนเข้าสู่ภาวะ “สังคมผู้สูงอายุ” มากยิ่งขึ้น ผมเชื่อว่าโอกาสทางอาชีพของคนในวัยเกษียณจะยิ่งเพิ่มขึ้นมากกว่านี้
นอกจากการทำงานเพื่อหารายได้หลังเกษียณแล้ว อาจมีแหล่งรายได้หรือวิธีการจัดการแบบอื่นๆ ที่เราคาดไม่ถึง เช่น
วิธีนี้คงเป็นวิธีที่ “รุนแรง” ที่สุด เพราะเหมือนเป็นการบอกให้ “ลดคุณภาพชีวิต” ลง ซึ่งก็อาจจะไม่เสมอไป เพราะบางครั้งเราวางแผนไว้ “เว่อร์” เกินไป การปรับลดเป้าเกษียณอาจหมายถึงการปรับเป้าหมายให้มีความ “สมจริง (Realistic)” มากขึ้น
เวลาผมสอนเรื่องการวางแผนเกษียณ จึงมักต้องย้ำเสมอว่าให้คิดให้ดีๆ ว่าเราจะมีพฤติกรรมการใช้จ่ายช่วงเกษียณอย่างไร ถ้านึกไม่ออกก็ลองดูจากญาติผู้ใหญ่ที่เรารู้จักประกอบไปด้วยก็พอช่วยได้ ยังไงเสียการวางแผนมันก็ต้องมีความผิดพลาดอยู่แล้ว แต่การคลาดเคลื่อนจากจุดเริ่มต้นที่ถูกต้องที่สุด ย่อมดีกว่าการคลาดเคลื่อนไปจากจุดเริ่มต้นที่มั่วๆ มา
ทั้งนี้เมื่อจะวางแผนลดรายจ่ายหลังเกษียณรายการไหนลง เราก็ควรต้องเตรียม “มาตรการ” ไว้รองรับด้วย เช่น หากจะลดค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับสุขภาพและการรักษาพยาบาลลง มาตรการรองรับอาจได้แก่ การศึกษาสวัสดิการพื้นฐานของภาครัฐที่มีให้ เช่น ถ้าจะใช้บัตรทอง ก็ควรต้องรู้เกณฑ์ว่าใช้อย่างไร ต้องไปที่โรงพยาบาลไหน ครอบคลุมอะไรต่างๆ แค่ไหน รวมทั้งการตั้งใจดูแลสุขภาพเชิงป้องกันให้ดีที่สุด ทั้งเรื่องอาหาร อารมณ์ การออกกำลังกาย ฯลฯ นั่นคือ ถ้าจะต้องเผชิญภัยจริงๆ อย่างน้อยเราก็ต้องเลี่ยงไม่พุ่งชนแบบจังๆ หลบได้ เบี่ยงได้ ก็ต้องพยายามทำให้มากที่สุด เพื่อลดความเสียหาย
นอกจากนั้น ยังมีอีกทางเลือกหนึ่งที่สามารถใช้ลดทุนเกษียณได้อย่างมีนัยสำคัญ นั่นคือการ เลื่อนระยะเวลาเกษียณออกไป เช่นในกรณีนี้ การเลื่อนการเกษียณอายุ จากอายุ 55 ปีเป็น 60 หรือ 65 ปี จะช่วยให้เงินทุนที่ต้องเตรียมไว้หลังเกษียณลดลงอย่างมาก ในขณะเดียวกันก็ยังเพิ่มจำนวนปีให้เราสามารถเก็บออมและสะสมเงินทุนได้มากขึ้นด้วย
ทางเลือกนี้สำหรับบางคนก็คงถือเป็นทางเลือกที่ “ไม่พึงประสงค์” เท่าไร เพราะเหมือนได้พักผ่อนในวัยเกษียณช้าลง แต่สำหรับบางคนอาจจะ Like เลยก็ได้ เพราะยังแข็งแรงหรือยังสนุกกับงานอยู่ รีบเกษียณไปก็ไม่รู้จะไปทำอะไร บางทีชีวิตเหี่ยวเฉาไม่ Active ไปดื้อๆ ก็มี
จะเห็นว่าการวางแผนการเงินให้รัดกุมนั้น เราสามารถใส่รายละเอียดเข้าไปได้มากมาย ถ้าตันทางนี้ ก็ยังขยับทางโน้นได้เสมอ หรือกรณีเลวร้ายสุด ถ้าปรับอะไรไม่ได้เลย อย่างน้อยก็ได้รู้ล่วงหน้า จะได้เตรียมตัวเตรียมใจให้ถูก
ดังนั้น ลองพิจารณาดูนะครับ ว่าสำหรับเราแล้ว เราจะเตรียมการอย่างไร แค่ไหน เพราะไม่มีใครที่วางแผนที่จะล้มเหลวหรอก… มีแต่จะล้มเหลวเพราะขาดการวางแผนเท่านั้น!
สนใจให้ NTER ช่วยแนะนำสร้างเป้าหมายแผนการเงินของคุณ
ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติม ที่นี่
หากคุณคิดจะลงทุนเพิ่มในกองทุนรวม นี้คือสิ่งที่คุณไม่อยากพลาด! สมัครสมาชิกตอนนี้เพื่อรับโพยกองทุนเด็ดที่แนะนำ อัพเดททุกเดือนจาก FINNOMENA
กดที่นี่เพื่อรับโพยกองทุน