เมื่อพูดถึงกองทุนอสังหาฯ (หรือที่เรียกกันแบบเป็นทางการว่า ทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ หรือ REIT) คนมักจะนึกถึงกองทุนในตำนานอย่าง Principal iProp ซึ่งเป็นกองทุนที่มีการลงทุนทั้งในโรงแรม ห้างสรรพสินค้า อาคารสำนักงาน Data Center ศูนย์กระจายสินค้า และคลังสินค้าต่าง ๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ
แต่ถ้าจะพูดถึงกองทุนอสังหาฯ ไทยที่เน้นลงทุนในประเทศไทย และกำลังเป็นกองที่หลาย ๆ คนพูดถึงอยู่ในตอนนี้ คงหนีไม่พ้นกองทุนจาก บลจ.แลนด์แอนด์เฮ้าส์ LHTPROP หรือกองทุนเปิด แอล เอช ไทย พร็อพเพอร์ตี้
กองทุนอสังหาฯ ที่ไม่มีขั้นต่ำในการลงทุน ร้อยเดียวก็ลงทุนในอสังหาฯ หมื่นล้านได้ !
กองนี้ลงทุนแต่ในอสังหาฯ แบรนด์ชั้นนำทั้งนั้น นักลงทุนที่ซื้อหน่วยลงทุนของกองถือเป็นเจ้าของ อสังหาฯ ดังต่อไปนี้ครับ
คอนเสิร์ตวง Girl Group ระดับโลก BlackPink จัดที่ Impact Arena
ที่มา: Twitter @ZEXIONOXIOUS
ถ้ามาดูกันไว ๆ จะเห็นว่า LHTPROP เป็นกองทุนที่ค่อนข้างแน่นในหลาย ๆ จุดไม่ว่าจะเป็นผลตอบแทนที่ทำได้ดีอย่างสม่ำเสมอ ปันผลที่มีการจ่ายอย่างต่อเนื่อง เป็นจำนวนครั้งถึง 5 ครั้งในปี 2562 และความผันผวนที่กองทุนสามารถควบคุมได้ดีกว่ากองเพื่อนบ้าน
ผลประกอบการของกองทุน LHTPROP
ข้อมูลวันที่: 21 พฤษภาคม 2563
ที่มา: FINNOMENA
การลงมาของตลาดหุ้นไทย ณ ตอนนี้ได้ลากเอากองทุนอสังหาฯ หลาย ๆ กองลงมาด้วย ซึ่งถ้าเรามาคิดดูดี ๆ แล้วจะพบว่า กองทุนอสังหาฯ ลงทุนในพื้นที่ให้เช่า ซึ่งตอนนี้แม้จะโดนผลกระทบจาก COVID-19 และการปิดเมือง รวมไปถึงความจำเป็นในการลดค่าเช่าให้กับผู้เช่าในบาง Sector …
แต่ COVID-19 และการปิดเมืองจะไม่อยู่กับเราตลอดไปแน่นอน การฟื้นตัวของกองทุนอสังหาฯ เรานี้จะต้องมาในอนาคต !!!
การลงมาในครั้งนี้ทำให้ผมมองว่าเป็นโอกาสของการซื้อของถูกเพื่อโอกาสรับผลตอบแทนระยะยาว ส่วนเหตุผลที่ทำให้ผมคิดแบบนั้นมีอะไรบ้าง?
เตรียมใจกันไว้เลยนะครับ เรื่องนี้เล่ากันยาว ….
ก่อนจะไปเข้าเรื่องเน้น ๆ ผมขอเท้าความสั้น ๆ ก่อนว่า ทำไมคนถึงชอบลงทุนในกองทุนอสังหาฯ กัน
หลายคนอยากจะซื้ออสังหาฯ ซื้อที่ดินต้องไปซื้อตามชานเมือง ต่างจังหวัดที่ราคาจับต้องได้ แต่ราคาที่ดินที่ขึ้นเอา ๆ ดันไปอยู่ที่กลางเมือง การเป็นเจ้าของกองทุนอสังหาฯ ที่ลงทุนในอสังหาฯ ชั้นนำกลางเมืองคือวิธีหนึ่งที่ทำให้เราได้หาประโยชน์จากการขึ้นราคาของที่ดินกลางเมืองได้ โดยไม่ต้องมีเงินหลักร้อยล้านพันล้าน แค่หลักพัน หลักร้อยก็ลงทุนได้แล้ว
รายได้ของอสังหาฯ หลัก ๆ มาจากค่าเช่าที่ผู้เช่าต้องจ่ายทุกเดือน และมักจะมีการปรับค่าเช่าอย่างต่อเนื่องในแต่ละปี ด้วยเหตุนี้ทำให้ผลตอบแทนของกองทุนอสังหาฯ มีความผันผวนน้อยกว่าเมื่อเทียบกับการลงทุนในหุ้น
หากลงทุนในสินทรัพย์ที่ดีพอ อยู่ในทำเลที่ยอดเยี่ยม ก็แทบจะการันตีได้เลยว่าราคาจะขึ้นแน่ ๆ ในอนาคต การลงทุนในกองทุนอสังหาฯ มีผู้จัดการกองทุนช่วยเหลือสินทรัพย์ด้วย ช่วยเพิ่มความมั่นใจให้ผู้ลงทุนว่าของที่ได้มานั้นเป็น “ของดี” จริง ๆ
ถ้าซื้ออสังหาฯ ของจริง อย่างคอนโด หรืออาคารแล้วไปปล่อยเช่า หน้าที่ที่คุณต้องทำคือต้องคอยดูแลสินทรัพย์ให้สภาพดีอยู่เสมอ ต้องคอยไปเก็บค่าเช่า ต้องมาคิดว่าจะขึ้นค่าเช่าดีไหม ถ้าเกิดเหตุการณ์แบบ COVID-19 แล้วผู้เช่าเลิกเช่า ก็ต้องคอยหาคนเช่ามาใหม่ ซึ่งถ้าซื้อกองทุนอสังหาฯ แทน ปัญหาเหล่านี้จะหมดไป นั่งรับผลตอบแทนอย่างเดียวโดยไม่ต้องเสียเวลา เปลืองแรงกับการจัดการ
สิ่งที่สำคัญที่สุดในปัจจัยทั้งหมดคือการกระจายความเสี่ยง เราสามารถลงทุนในอสังหาฯ ชั้นนำหลัก 20-50 ที่ได้ด้วยการลงทุนครั้งเดียว ทำให้ความเสี่ยงที่นักลงทุนต้องแบกรับยิ่งน้อยลงไปอีก
ด้วยเหตุผลเหล่านี้ จึงเป็นสาเหตุให้กองทุนอสังหาฯ มักจะเป็นกองทุนที่อยู่ในพอร์ตการลงทุนของนักลงทุนส่วนใหญ่ตลอดเวลา ไม่มากก็น้อย
ความท้าทายของตลาดหุ้นและเศรษฐกิจไทยในช่วง 3-4 เดือนที่ผ่านมาเปิดโอกาสให้นักลงทุนเป็นเจ้าของกองทุนอสังหาฯ ดี ๆ ได้ และมีโอกาสรับผลตอบแทนที่สูงขึ้นในระยะยาว
LHTPROP เป็นกองทุนที่มีนโยบายการลงทุนที่น่าสนใจ การกระจายความเสี่ยงในหลากหลายอุตสาหกรรม นโยบายการลงทุนที่ลงทุนในกองทุน Property ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ของประเทศไทยไม่ต่ำกว่า 80% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน
นักลงทุนส่วนใหญ่มักจะมองกองทุนอสังหาฯ เป็นกลุ่มอสังหาฯ โดยรวม แต่ในความเป็นจริงแล้ว กองทุนอสังหาฯ นี่แยกออกเป็นหลายสายมากนะครับ สายหลัก ๆ ก็จะมี ศูนย์การค้า คลังสินค้าและโรงงานอุตสาหกรรม ศูนย์ประชุม อาคารสำนักงาน พื้นที่เช่าสนามบิน และในบางครั้งจะมีพวกโครงสร้างพื้นฐานอย่างทางด่วน หรือเสาสื่อสารแถมให้มาด้วย ดังนั้นการดูกองทุนอสังหาฯ ต้องศึกษาลงลึกไปด้วยว่า กองทุนอสังหาฯ กองนั้น ๆ มีการลงทุนในแต่ละธุรกิจเป็นสัดส่วนเท่าไหร่บ้าง
LHTPROP เป็นกองทุนที่ค่อนข้างสมดุลเพราะมีการลงทุนในอสังหาฯ หลายสาย มีแทบจะทั้งหมดที่กล่าวมาด้านบน แต่โดยหลัก ๆ แล้ว LHTPROP ลงทุนเป็นสัดส่วนมากในกองทุนอสังหาฯ ดังต่อไปนี้ครับ (ข้อมูลวันที่ 30 เมษายน 2563)
กองนี้เน้นลงทุนในพื้นที่เช่าของศูนย์การค้าเซ็นทรัล ซึ่งเน้นเฉพาะศูนย์การค้าที่มีอัตราการเช่า 90% ขึ้นไป หรือเกือบเต็มเท่านั้น ! นอกจากจะเป็นกองศูนย์การค้าอันดับหนึ่งแล้ว กองทุนนี้ยังเป็นกอง ทุนอสังหาฯ ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ด้วยมูลค่าตลาดสูงกว่า 64,000 ล้านบาท (วันที่ 1 มิถุนายน 2563)
ภาพรวมข้อมูล CPNREIT
ที่มา: ข้อมูลจากกองทุน CPNREIT
ข้อมูลประจำเดือนกุมภาพันธ์ 2563
กองนี้เน้นลงทุนในพื้นที่เช่าในเทสโก้ โลตัส (ตรงที่เป็นร้านขายของ ร้านชานมไข่มุก ร้านทอง ที่อยู่นอกโซน Hypermarket ครับ) ลักษณะคล้าย ๆ พวกที่เช่าที่ปั๊มปตท.ให้ร้านขายของเช่าอารมณ์นั้น ซึ่งที่ผ่านมาอัตราการเช่าอยู่ที่ 98%++ ทั้งนั้นเลย (เอาจริง ๆ ก็เรียกว่ามีผู้เช่าเต็มตลอดได้นะครับ)
ภาพรวมข้อมูล Tesco Lotus
ที่มา: ข้อมูลจากกองทุน CPNREIT
ข้อมูลประจำเดือนกุมภาพันธ์ 2563
อันนี้ลงทุนหลัก ๆในคลังสินค้าและโรงงานโซนบางนา ซึ่งเป็นโซนอุตสาหกรรมที่มีบริษัทต่างชาติมากมาย ที่สำคัญอันนี้ถือเป็นกองทุนอสังหาฯ ในเครือเสี่ยเจริญ การลงทุนในกองทุนนี้เหมือนการเกาะเสี่ยเจริญไปกลาย ๆ ครับ เสี่ยแกทำได้ดี เราก็ได้ผลประโยชน์ไปด้วย
หากคุณคิดจะลงทุนเพิ่มในกองทุนรวม นี้คือสิ่งที่คุณไม่อยากพลาด! สมัครสมาชิกตอนนี้เพื่อรับโพยกองทุนเด็ดที่แนะนำ อัพเดททุกเดือนจาก FINNOMENA
กดที่นี่เพื่อรับโพยกองทุนกองนี้เน้นศูนย์กระจายสินค้าในจุดยุทธศาสตร์ด้านการขนส่ง ได้ประโยชน์จากเทรนด์ขนส่งสินค้าและ E-Commerce ในประเทศ รวมไปถึงการเป็นศูนย์กลาง Logistic ของประเทศไทยในอนาคต
ตำแหน่งศูนย์กระจายสินค้าของ WHART
ที่มา: ข้อมูลจากกองทุน WHART
ข้อมูลประจำ ไตรมาส 1 ปี 2563
ศูนย์กระจายสินค้าของ WHART มีความโดดเด่นในแง่การสร้างสินทรัพย์ตามความต้องการพิเศษของลูกค้า ซึ่งจะช่วยให้สามารถลดความเสี่ยงในการไม่ต่อสัญญาของลูกค้าได้ ซึ่งสะท้อนในตัวเลข Average Occupancy Rate ที่สูงและเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
อัตราการเช่าของกองทุนอสังหาสายอุตสาหกรรม
ที่มา: KS Research
ข้อมูล ณ วันที่: 29 เมษายน 2020
ตัวนี้ทุกคนคงรู้จักกันดีเพราะเวลาเราไปดูงานแสดงสินค้าก็มักจะไปที่ IMPACT เมืองทองธานี กองนี้มีรายได้มาจากค่าเช่าพื้นที่ของ IMPACT Challenger และ IMPACT Arena ที่ใช้ในการจัดงานแสดงสินค้าราว ๆ 70-80% ส่วนที่เหลือเป็นค่าเช่าของ IMPACT Arena ที่ไว้จัดคอนเสิร์ต และ IMPACT Forum ที่ไว้จัดสัมมนา ถ้านัดตามจำนวนขนาดพื้นที่ถือว่า IMPACT เป็นเบอร์ 1 ในตลาดศูนย์แสดงสินค้า เบอร์ 2 คือ BITEC แต่มีพื้นที่น้อยกว่า IMPACT ถึงครึ่งหนึ่ง
จะเห็นว่าการซื้อ LHTPROP กองเดียวเราจะได้ทั้งศูนย์การค้า คลังสินค้าและโรงงานให้เช่า ศูนย์กระจายสินค้า และศูนย์แสดงสินค้า รวมไปถึงอาคารสำนักงานต่าง ๆ ด้วย ทั้ง 5 กองทุนอสังหาฯ หลักที่ LHTPROP ลงทุนรวมกันเป็นสัดส่วนมากถึง 53.48% หรือประมาณครึ่งหนึ่งของกอง ดังนั้นถ้ากองจะนี้จะทำผลตอบแทนได้ดีหรือไม่ดีจะขึ้นอยู่กับการลงทุนหลักทั้ง 5 ตัวนี้อย่างมาก ในฐานะของนักลงทุน เราควรจะต้องทำความเข้าใจสินทรัพย์ที่เราลงทุนให้ดี ผมเลยอยากชวนทุกคนมาทำความเข้าใจ ศึกษารายละเอียดและ ประเมินความคิดของผู้จัดการกองทุนว่าเขาเห็นอะไรในกองทุนทั้ง 5 กองนี้ในช่วงเวลาที่ท้าทายอย่างสถานการณ์ COVID-19 ที่ (หวังว่า) กำลังจะผ่านไปครับ
เริ่มต้นจากข่าวร้ายก่อน … สำหรับคนที่คิดว่าการกินค่าเช่าคือการลงทุนที่ปลอดภัย 100% การมาของ COVID-19 อาจทำให้คุณต้องคิดใหม่ เพราะถ้าร้านค้าอยู่ไม่ได้ ศูนย์การค้าก็อยู่ไม่ได้เช่นกัน ถ้าใครดูงบไตรมาส 1 ของกองอสังหาฯ CPNREIT จะพบว่ารายได้ลดลงเล็กน้อยประมาณ 10% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว โรงแรม Hilton Pattaya ที่เป็นส่วนหนึ่งของกอง CPNREIT ด้วยต้องปิดตัวชั่วคราว แถมทางกองทุนยังมีการปันผลเป็นอัตราส่วนที่ลดลงจากการที่เคยปันผลได้ 90%++ จากกำไรสุทธิ รอบนี้ปันผลน้อยลงเหลือเพียง 74% ของกำไรสุทธิเท่านั้น เพื่อเตรียมสภาพคล่องรองรับ COVID-19
จากที่เราเห็นกันเดือนเมษายนและเดือนพฤษภาคม เป็นเดือนที่ศูนย์การค้าปิดแทบจะทั้ง 2 เดือน ดังนั้นผลกระทบของ COVID-19 จะส่งผลไปถึงไตรมาส 2 ของปีซึ่งกำลังจะประกาศออกมาช่วงเดือนกรกฎาคมนี้ ซึ่งอาจส่งผลกระทบให้ปันผลลดลงมากกว่าในไตรมาส 1
ถ้าวิกฤตมีโอกาส ข่าวดีก็มีซ่อนอยู่ในข่าวร้ายนั่นแหละ เพราะถ้าคิดดูดี ๆ สถานการณ์ ณ ตอนนี้ศูนย์การค้ากลับมาเปิดแล้ว แม้อาจจะยังต้องช่วยลดค่าเช่าให้กับร้านค้าอยู่ แต่หลังจากนี้มีแต่สถานการณ์จะดีขึ้นเรื่อย ๆ และมีแนวโน้มผ่านจุดต่ำสุดในไตรมาส 2 ปี 2563 นี้สูงมาก
การเข้าลงทุนใน CPNREIT ณ ตอนนี้คือการเข้าในจุด (แทบจะ) ต่ำสุด การฟื้นตัวน่าจะแน่นอน ส่วนช้าเร็วเป็นเรื่องที่ต้องตามดูกันต่อ ถ้ามีการฟื้นตัวจนสถานการณ์กลับมาเป็นปกติ ปันผลก็คงกลับเป็นปกติเช่นกัน แต่ถ้าเราไปซื้อเอาตอนที่ทุกอย่างเป็นปกติแล้วราคาก็คงกลับไปช่วงปกติด้วย นอกจากจะต้องซื้อแพงแล้ว เราจะไม่ได้ประโยชน์อะไรเลยจากวิกฤต COVID-19 ครั้งนี้
ในกองทุน LHTPROP มีกองทุนอสังหาฯ สายอุตสาหกรรมหลัก ๆ มีอยู่ 2 กอง คือ WHART และ FTREIT มีแนวโน้มได้รับผลกระทบจาก COVID-19 แต่น่าจะจำกัดในวงแคบ แนวโน้มในการลดค่าเช่าเพื่อช่วยเหลือผู้เช่ามีผลกระทบต่อกองทุนน้อยกว่ากองประเภทอื่น ๆ นอกจากนั้นอัตราค่าเช่าโรงงานหรือคลังสินค้ามีสัดส่วนไม่สูงเมื่อเปรียบเทียบกับค่าใช้จ่ายในมุมอื่น ๆ ของผู้เช่า นอกจากนั้นสัญญาการเช่ายังเป็นสัญญาระยะยาว ดังนั้นโอกาสที่จะเปลี่ยนหรือยกเลิกสัญญาจึงมีน้อย ในขณะที่การเติบโตของกลุ่ม E-Commerce ที่จำเป็นต้องใช้คลังสินค้ายังเติบโตดี
วิกฤต COVID-19 ครั้งนี้สำหรับกลุ่มกองทุนอสังหาฯ สายอุตสาหกรรมแล้ว นับว่าเบากว่าช่วงน้ำท่วมใหญ่เมืองไทยเมื่อหลายปีก่อนมาก และเมื่อ COVID-19 ผ่านไป การเติบโตของกลุ่มนี้ยังมีโอกาสได้รับปัจจัยผลักดันเชิงบวกจากนโยบายรัฐบาล และ EEC ที่กำลังออกตามมาเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ
ประมาณการตัวเลขเศรษฐกิจของ BOT
ที่มา: Bank of Thailand, KS Research
ข้อมูล ณ วันที่: 29 เมษายน 2020
ถ้าเราดูประมาณการตัวเลขทางเศรษฐกิจจะพบว่าตัวเลขในปีนี้จะดูแย่แต่จะแย่แค่ปีเดียวหลังจากนั้นจะเป็นการฟื้นตัวที่ชัดเจน ดังนั้นครั้งนี้จะเป็นโอกาสในการเข้าลงทุนระยะยาวที่หาไม่ได้บ่อยๆนัก เพราะปกติกลุ่มนี้ไม่ค่อยโดนผลกระทบอะไรสักเท่าไหร่ ทำให้หาจังหวะเข้าซื้อที่ได้ราคาดี ๆ ไม่ค่อยได้
ศูนย์การค้าเป็นภาคที่โดนผลกระทบค่อนข้างหนักเพราะรัฐบาลจำเป็นต้องปิดเมืองเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของ COVID-19 ถ้าเป็นร้านอาหาร หรือร้านค้าทั่ว ๆ ไป รายได้คงกลายเป็น 0 ไปแล้ว แต่พอเป็นศูนย์การค้าที่เป็นค่าเช่ารายได้จึงไม่ได้ลดมากนักแม้จะมีการลดค่าเช่าให้กับผู้เช่าบ้าง ด้วยความที่กองทุนลงทุนเป็นศูนย์การค้าอันดับต้น ๆ ของเมืองไทยอย่าง Central Plaza และ Tesco Lotus ส่วนใหญ่แล้วมักจะมีการสกรีนผู้เช่าก่อนที่จะให้เช่าว่าสินค้าเป็นอย่างไร สายป่านมากพอไหม ทำให้ปัญหาในเรื่องการจ่ายค่าเช่าแม้มีปัจจัยเรื่อง COVID-19 น่าจะน้อย นอกจากนั้นตอนนี้เราเริ่มกลับมาเปิดเมือง เปิดศูนย์การค้ากันแล้ว ทำให้รวม ๆ ผลกระทบน่าจะเป็นระยะสั้นเมื่อเปรียบเทียบกับการลงทุนประเภทอื่น ๆ
สรุปแล้วจากข้อมูลที่รวบรวมมา ทั้ง 2 อุตสาหกรรมหลักอย่างศูนย์การค้าและอุตสาหกรรมที่กองทุน LHTPROP ลงทุนน่าจะมีแนวโน้มฟื้นตัวมากกว่า การปรับตัวเป็นขาลง จะมีก็เพียง IMPACT ที่เป็นศูนย์แสดงสินค้าที่จะเป็นการค่อย ๆ ฟื้นตัวอย่างช้า ๆ แต่ก็มีข้อดีคือเป็นศูนย์แสดงสินค้าเบอร์ 1 ที่เมื่อกลับมาเปิดเมืองเต็มที่เมื่อไหร่ จะได้รับผลประโยชน์แน่นอน
ยังมีอยู่ แต่เชื่อว่าไม่รุนแรงเพราะมีการเตรียมรับมือไว้พร้อมแล้ว
อันนี้มีโอกาสเกิดแต่น้อยมาก ๆ กำลังซื้ออ่อนแอแบบในปัจจุบันจะไม่ทำให้เกิดเงินเฟ้อง่าย ๆ ซึ่งก็จะทำให้ดอกเบี้ยอยู่ในระดับนี้ไปอีกนานหากไม่มีปัจจัยใหม่ ๆ เข้ามากระทบ
เป็นไปได้ในระยะยาว 10-20 ปี และเป็นไปไม่ได้เลยในระยะ 5-10 ปีข้างหน้า โครงสร้างของบริษัทโดยเฉพาะในประเทศไทยยังจำเป็นต้องใช้การเจอหน้ากันอยู่ ดังนั้นอาคารสำนักงานยังเป็นสิ่งที่จำเป็น ตัวที่จะถูกผลกระทบบ้างอาจจะเป็นอาคารสำนักงานรายเล็กที่อยู่ในทำเลเกรด C
ด้วยอัตราดอกเบี้ยแบบในปัจจุบัน อสังหาริมทรัพย์มีแต่จะขึ้นไปเรื่อย ๆ การไม่มีอสังหาฯ ใด ๆ อยู่ในมือต่างหากจะเป็นความเสี่ยงใหญ่ ใกล้ ๆ อาจจะมีปัญหาในตลาดคอนโดมิเนียมบ้าง ซึ่งก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกับ LHTPROP โดยตรง
ขึ้นชื่อว่าเป็นการลงทุนแล้วมักจะมีความเสี่ยงอยู่ตลอด หน้าที่ของนักลงทุนคือการ “ชั่งน้ำหนัก” ระหว่างความเสี่ยงและโอกาสสร้างผลตอบแทน เมื่อใดที่ความเสี่ยงดูสูงเกินโอกาส นั่นคือช่วงเวลาที่ควรขาย และเมื่อใดที่โอกาสดูมีมากกว่าความเสี่ยง ช่วงนั้นคือจังหวะซื้อ นอกจากนั้นยังขึ้นอยู่กับปัจจัยหลาย ๆ อย่างเช่นการลงทุนที่มีอยู่แล้ว อายุของคนลงทุน และเป้าหมายการลงทุน ผมจึงไม่สามารถบอกแบบ Exactly ได้ว่าตอนนี้เป็นจังหวะที่ควรลงทุนหรือไม่?
แต่สิ่งที่ผมบอกได้แน่นอนคืออสังหาฯ จะยังเป็นสินทรัพย์ที่สู้เงินเฟ้อ ให้ผลตอบแทนมากกว่าเงินฝากไปได้อีกนานหลายปี และการเป็นเจ้าของกอง ทุนอสังหาฯ ดี ๆ สักกองด้วยเหตุผลที่ผมเขียนไปแล้วข้างต้น ก็ดูเป็นทางเลือกการลงทุนที่สมเหตุสมผลไม่น้อย ในช่วงที่โลกเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน
ถ้าเชื่อว่าประเทศไทยจะฟื้นกลับมาได้ และกองทุนอสังหาฯ ยังเป็นตัวเลือกหนึ่งในการสร้างผลตอบแทนระยะยาวที่ใคร ๆ ก็ทำได้ กองทุน LHTPROP คือตัวเลือกที่ควรค่าแก่การพิจารณา และควรมีประดับพอร์ตไว้เพื่อรับผลตอบแทนที่มีเสถียรภาพสูง ในระยะ 3-5 ปีข้างหน้าครับ
BuffettCode
Jessada Sookdhis
Investment Analyst (IA)
ตรวจทานบทความ
คำเตือน
ทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน | ผลการดำเนินงานในอดีต และผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต | กองทุนมีนโยบายการลงทุนเฉพาะเจาะจงในหมวดอุตสาหกรรม จึงอาจมีความเสี่ยงและความผันผวนของราคาสูงกว่ากองทุนรวมทั่วไปที่มีการ กระจายการลงทุนในหลายอุตสาหกรรม | สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด และ บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน ฟินโนมีนา จำกัด ในช่วงเวลาวันทำการตั้งแต่ 09:00-17:00 น. ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 026 5100 และทาง LINE “@FINNOMENAPORT”
หากคุณคิดจะลงทุนเพิ่มในกองทุนรวม นี้คือสิ่งที่คุณไม่อยากพลาด! สมัครสมาชิกตอนนี้เพื่อรับโพยกองทุนเด็ดที่แนะนำ อัพเดททุกเดือนจาก FINNOMENA
กดที่นี่เพื่อรับโพยกองทุนAdvance, Article, FINNOMENA FUND REVIEW, FINNOMENA REVIEW, LHTPROP, Long Content, Product Info, กองทุนอสังหาฯ, อสังหาริมทรัพย์