ขายสติ๊กเกอร์ได้ปีละ 8,700 ล้าน ! LINE ทำอย่างไร?

ในแต่ละวันมีคนส่งสติ๊กเกอร์ใน LINE ถึงวันละ 430 ล้านตัว และถ้าเทียบด้วยยอดขาย 8,700 ล้านแล้ว LINE คงเป็นบริษัทมีรายได้จากการขายสติ๊กเกอร์สูงที่สุดในโลกแน่นอน ที่สำคัญสติ๊กเกอร์เหล่านั้นเป็นสติ๊กเกอร์ดิจิตอลที่แทบไม่มีต้นทุนในการผลิต

LINE มีรายได้ในปี 2016 ประมาณ 41,700 ลบ.โดยหลักๆ แบ่งเป็น……

รายได้จากการโฆษณา 38.6% 16,096 ลบ.

รายได้จากเกมส์ 31.8% 13,260 ลบ.

รายได้สติ๊กเกอร์ 20.9% 8,715 ลบ.

และอื่นๆอีกประมาณ 8.7% 3,629 ลบ.

รายได้โฆษณาหรือรายได้จากเกมส์ใครๆก็ทำกันเยอะแยะ แต่ที่น่าสนใจคือรายได้จากสติ๊กเกอร์ซึ่ง LINE มีถึง 20% ของรายได้ทั้งหมดหรือประมาณ 8,700 ล้าน! หลายๆคนรวมทั้งตัวผมเองด้วย………น่าจะซื้อไปหลายร้อยแล้วหรืออาจจะหลักพันด้วยซํ้าไป เสียเงินให้ LINE แบบมึนๆ LINE ทำอย่างไรถึงประสบความสำเร็จกับการขายสติ๊กเกอร์ได้ขนาดนี้?

ข้อแรก LINE เข้าใจตลาดของตัวเองเป็นอย่างดี รายได้หลักของ LINE 73% มาจากประเทศญี่ปุ่นซึ่งเราก็รู้ว่าขึ้นชื่อเรื่องตัวการ์ตูนน่ารักๆอยู่แล้ว ที่ญี่ปุ่นตัวการ์ตูนไม่ใช่การ์ตูนแต่เป็นวิถีชีวิตของคนญี่ปุ่นเลยทีเดียว ดังนั้นจึงไม่แปลกถ้าคนญี่ปุ่นจะยอมจ่ายเงินซื้อสติ๊กเกอร์ตัวการ์ตูนที่พวกเขาชื่อชอบ ในขณะเดียวกันถ้า LINE ไปทำแบบนี้ขายในสหรัฐอเมริกาหรือยุโรปคงพอนึกภาพกันออกว่าจะเป็นไง…….

ข้อสอง สติ๊กเกอร์ของ LINE นำเสนอเรื่องราวที่ใกล้ตัวมากๆ เช่นการยืนเบียดเสียดบนรถไฟฟ้า, อ่านหนังสือก่อนสอบเป็นกองๆ, ร้องคาราโอเกะหลักเลิกงาน หรือแม้แต่เมากลับจากผับ คนที่ใช้ LINE ทุกคนเคยผ่านเรื่องพวกนี้มาในชีวิตไม่มากก็น้อย พอมันใกล้เคียงกับชีวิตมากๆก็ทำให้เกิดอาการ “อิน” และรู้สึกเหมือนการ์ตูนแต่ละตัวนั้นเปรียบเสมือนสัญลักษณ์ของตัวเราเอง ที่เราสามารถซื้อมาเป็นเจ้าของได้ในราคาหลักร้อยบาท (แม้จะไม่ได้หน้าเหมือนเราแต่ชีวิตมันใช่เลย !)

ข้อสาม สติ๊กเกอร์คือวิวัฒนาการของ Emoji คนที่ใช้ Instant messaging บ่อยๆจะใช้ Emoji เพื่อสื่อถึงความรู้สึกและอารมณ์โดยเฉพาะคนเอเชีย เรามี Emoji ที่โคตร Advance หลายๆอันมีแต่คนเอเชียเท่านั้นที่เข้าใจ เช่น >_<, (T_T), -_-; หรือแม้แต่ Emoji ขั้นสูงแบบนี้ (ノ ̄ω ̄)ノการขยายตลาดของ LINE ก็ง่ายๆตามตลาดที่ชอบใช้ Emoji พวกนี้ไปเลย

ประเทศไทยเองก็เป็นตลาดสติกเกอร์ที่สำคัญไม่น้อย ประเทศไทยมีผู้ใช้ LINE ทั้งสิ้น 41 ล้านคนใกล้เคียงกับผู้ใช้ Facebook ที่ 47 ล้านคน ยอดขายสติ๊กเกอร์ LINE เป็นอันดับ 3 รองจากใต้หวันและญี่ปุ่น 3 ปีที่ผ่านมาคนไทยทำสติ๊กเกอร์ขายไปแล้วกว่า 400 ล้านบาท ไม่น่าเชื่อว่าประเทศที่คนก็ไม่ได้มีรายได้ต่อหัวมากมายอะไร แต่กลับมีคนซื้อสติ๊กเกอร์ที่ถือว่าเป็น “ของไม่จำเป็น” มากมายขนาดนี้ จริงๆแล้วจะบอกว่า “ไม่จำเป็น” ก็อาจจะไม่ถูกนักเพราะก็ต้องดูว่าแล้วเราให้คำจำกัดความ “ความจำเป็น” ว่าอย่างไร?

แม้สติ๊กเกอร์จะไม่ตอบโจทย์ความต้องการด้าน Function แต่ความต้องการด้าน Emotion ล่ะ? คนไม่ได้มีความต้องการแค่กินอิ่มนอนหลับ แต่ยังต้องการความสุขทางด้านจิตใจด้วย ถ้ามองแบบนี้ก็ถือว่า LINE ตีโจทย์ข้อนี้ได้แตกกระจาย เพราะคนใช้เงินแค่ประมาณ 50-100 บาทก็สามารถซื้อสติ๊กเกอร์สร้างความสุขเล็กๆน้อยๆให้กับตัวเองและคนรอบข้างที่คุยกันใน LINE ได้ นี่คงเป็นเหตุผลว่าทำไมสติ๊กเกอร์ LINE จึงประสบความสำเร็จอย่างมาก ลองนึกภาพ LINE ที่ไม่มีสติ๊กเกอร์ดูมันคงหดหู่มาก LINE อาจจะไม่เกิดเลยก็เป็นได้?

การคงอยู่ของสติ๊กเกอร์ทำให้ LINE แตกต่างจาก Platform อื่นๆที่เป็นแค่ Platform ส่งข้อความ สติ๊กเกอร์ของ LINE ทำให้ LINE เป็นมากกว่า Platform ส่งข้อความแต่เป็น Platform ของการส่งความสุข ที่ใครเข้าไปใช้เมื่อไหร่ก็มีแต่ความสุขและถ้า LINE จะขายความสุขได้ถึง 8,700 ล้านมันก็ดูไม่แปลกอะไรจริงไหม? ^_^

ติดตามเราได้ที่ BUFFETTCODE เรื่องราวการลงทุนดีๆ ที่เราอยากเล่าให้คุณฟัง

อ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่……

http://www.businessinsider.com/why-stickers-in-apps-are-a-big-deal-2013-10

https://www.techinasia.com/5-indicators-line-topple-facebook-thailand

http://tech.thaivisa.com/bangkok-has-the-largest-number-of-active-facebook-users-in-the-world/20965/

https://www.bangkokpost.com/business/telecom/1311251/thailand-third-largest-for-line-stickers

https://qz.com/820670/after-an-ipo-at-more-than-1-billion-lines-ln-sticker-business-is-flattening/

https://techcrunch.com/2015/07/10/creepy-cute-line/