วันที่ที่ DCA มีผลต่ออัตราผลตอบแทนมากน้อยแค่ไหน?

DCA หรือ Dollar Cost Average คืออีกหนึ่งวิธีที่หลายๆ คนนิยมใช้ในการลงทุนกัน

โดยหัวใจหลักแล้วการ DCA คือการถัวเฉลี่ยต้นทุน อย่างสม่ำเสมอ ด้วยระยะเวลาที่ยาวนาน เมื่อความสม่ำเสมอ มาพบเจอกับความยาวนาน ก็กลายเป็นผลตอบแทนที่ยิ่งใหญ่

หนึ่งในสินทรัพย์ที่คนนิยมมากก็คือกองทุนรวมดัชนีหุ้น ก็เลยมีคำถามยอดนิยมตามมาว่า…

DCA วันไหนดี ผลตอบแทนจึงจะดีที่สุด?

โดยส่วนตัวแล้ว แนะนำให้ DCA วันที่เงินเดือนออก จะได้เป็นการบังคับออมก่อน แล้วค่อยใช้เท่าที่เหลือ หากออมวันอื่นในเดือน แล้วเกิดไปเจอเหตุไม่คาดฝัน เช่น กระเป๋าแบรนด์ดังลด 50%, โปรฯ ไฟไหม้, รองเท้าผ้าใบซื้อ 1 แถม 1 หรืออื่นๆ ก็อาจจะอดออมกันได้

แต่สำหรับคนที่มั่นใจแล้วว่าห้ามใจตัวเองได้มากพอ ก็ลองมาอ่านกันต่อเลยครับ

ในคราวนี้เราเอาดัชนี SET50 TRI นับตั้งแต่มีดัชนีมา ซึ่งเริ่มต้นตั้งแต่ 1,000 จุด มาสุดที่ 10,978.87 ณ วันที่ 7 พฤษภาคม 2561 (ไม่มากไม่น้อย 10 เท่ากว่าๆ เท่านั้นเอง) ใช้เป็นตัวแทนของกองทุนดัชนี SET50 ต่างๆ ที่ไม่ปันผลมาเป็นตัวแทนในการ DCA ครั้งนี้ครับ

คราวนี้เราก็ลองมาดูกันว่า หากต้องการซื้อ SET50 ต้องซื้อในวันใดจึงจะถูกที่สุด

หากดูข้อมูลถึงวันที่ 7 พฤษภาคม 2561 ก็จะพบว่าถ้ากระจาย DCA ลงทุกวันที่ 10 จะซื้อได้ต้นทุนเฉลี่ยถูกที่สุด ผลตอบแทนที่ได้คือ 13.58% ต่อปี

ทว่าวันที่ DCA ได้กำไรสูงสุดกลับเป็นวันที่ 1 ที่ได้ผลตอบแทน 13.64% ต่อปี

ดังนั้น หากคาดหวังว่าต้องการที่จะลงทุนไปต่อเรื่อยๆ ด้วยต้นทุนที่ถูกกว่า การซื้อทุกๆ วันที่ 10 ก็มีโอกาสให้กำไรสูงกว่าในระยะยาว

แต่หากเบื่อแล้ว อยากใช้เงินสักที มาขายเอาตอนนี้ ก็ต้องซื้อในทุกๆ วันที่ 1 นะครับ

เท่านั้นยังไม่พอ เราอยากรู้อีกว่า…

หากซื้อผิดวันล่ะ ไปซื้อวันที่ต้นทุนแพงสุดล่ะ หรือผลตอบแทนน้อยสุดล่ะ

จะเข้าคอนเซ็ปต์ “ลงทุนผิดชีวิตเปลี่ยน” เลยหรือเปล่า ลองมาดูกัน…

รอบนี้ เราจำลองให้ซื้อดัชนี SET50 TRI ครั้งละ 1,000 บาท ทุกๆ วันที่นั้นๆ ของเดือน ผลปรากฏว่า…

หากซื้อ ณ วันที่ 10 ซึ่งเป็นวันที่ได้ต้นทุนถูกที่สุด มาจนถึงวันที่ 7 พฤษภาคม 2561

กำไรที่ได้เฉลี่ย 13.58% ต่อปี หรือคิดเป็นผลตอบแทนทบต้นที่ 12.3630% ต่อปี ซึ่งให้ผลตอบแทนต่างจากวันที่ต้นทุนเฉลี่ยแพงที่สุด อย่างวันที่ 7 ซึ่งได้กำไรเฉลี่ยที่ 13.49% หรือผลตอบแทนทบต้นที่ 12.2580% เท่านั้นเอง

หรือหากคิดเทียบกันระหว่างวันที่ให้ผลตอบแทนดีที่สุด กับวันที่ผลตอบแทนแย่ที่สุด อย่างวันที่ 1 และวันที่ 29 (ตามลำดับ)

ผลตอบแทนที่ออกมาก็ต่างกันไม่มาก ที่ระดับ 13.64% กับ 13.42% ต่างกันเพียง 0.22% เท่านั้น

ซึ่งทั้ง 2 กรณี ส่งผลให้เงินของคุณ สร้างผลตอบแทนต่างกันเพียงไม่ถึง 250 บาทเท่านั้น

จะเห็นได้ว่า การเลือกวันนั้นส่งผลบ้างเล็กน้อย น้อยมาก ถึงน้อยที่สุด

เพราะฉะนั้นแล้วรออะไร เริ่มต้นวันนี้ดีกว่า เวลาวารีไม่คอยท่าฉันใด กำไรก็ไม่รอท่านฉันนั้น

ข้อมูลอ้างอิง

www.set.or.th


คำเตือน

ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลสำคัญของกองทุนโดยเฉพาะนโยบายกองทุน ความเสี่ยง และผลการดำเนินงานของกองทุน ก่อนตัดสินใจลงทุน

ผลการดำเนินงานในอดีตมิได้เป็นสิ่งยืนยันผลการดำเนินงานในอนาคต

ข้อมูลและการคาดการณ์ที่ปรากฏในบทความนี้จัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลในอดีตร่วมกับการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน แต่ทั้งนี้ไม่อาจรับรองความสมบูรณ์แท้จริงและความแม่นยำของการวิเคราะห์ข้อมูลในอนาคตได้

SaveSave