รีวิวกองทุนกลุ่มการเงินและธนาคาร

รีวิวกองทุนกลุ่มการเงินและธนาคาร กองทุนที่ได้รับประโยชน์จากดอกเบี้ยขาขึ้น

หุ้นกลุ่มการเงินและธนาคาร ถือว่าเป็นหุ้นกลุ่มวัฎจักร ขึ้นลงตามรอบเศรษฐกิจ และได้รับประโยชน์จากการขึ้นดอกเบี้ยเพื่อแก้ไขปัญหาเงินเฟ้อ เมื่อธนาคารกลางแต่ละประเทศมีการขึ้นดอกเบี้ย ธนาคารพาณิชย์ก็สามารถปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยได้เช่นกัน ซึ่งอัตราดอกเบี้ยของธนาคาร มี 2 กลุ่มหลัก ๆ คือ

  1. อัตราดอกเบี้ยสำหรับเงินฝาก
  2. อัตราดอกเบี้ยสำหรับเงินกู้

เวลาธนาคารพาณิชย์ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย อัตราดอกเบี้ยเงินกู้จะถูกปรับขึ้นมากกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก

โดยต้นทุนของธนาคารก็คืออัตราดอกเบี้ยเงินฝาก ดังนั้นส่วนต่างของอัตราดอกเบี้ยก็คือรายได้ของธนาคารพาณิชย์นั่นเอง 

จะเห็นได้ว่าเมื่ออัตราดอกเบี้ยถูกปรับเพิ่มขึ้น แต่อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ปรับขึ้นมากกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก ก็ทำให้ส่วนต่างของอัตราดอกเบี้ยนั้นสูงขึ้น และทำให้รายได้ของธนาคารพาณิชย์เพิ่มขึ้นนั่นเอง จึงเป็นที่มาว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยส่งผลดีต่อหุ้นกลุ่มการเงินและธนาคาร

วันนี้ เด็กการเงิน ขอมารีวิวกองทุนในกลุ่มการเงินให้ทุกคนได้รู้จักกัน ซึ่งประกอบด้วย KT-FINANCE, TUSFIN-A และ ONE-GLOBFIN-RA

จุดเด่นของแต่ละกองทุน

KT-FINANCE

ระดับความเสี่ยง 7

เน้นลงทุนในหุ้นกลุ่มการเงินที่มีโอกาสเติบโตทั่วโลก ผ่านกองทุนหลัก FIDELITY FUNDS – Global Financial Services Fund A-USD ที่ได้รับ Morningstar 4 ดาว โดยกองทุนหลักเน้นลงทุนในสหรัฐฯ มากกว่า 50% ตามมาด้วยยุโรป (ไม่รวม UK) Emerging Market และ UK ในส่วนของ Sector ที่ลงทุนนั้นก็ลงทุนในกลุ่ม Financials ถึง 85% และมีลงทุนในกลุ่ม IT, Consumer Discretionary, Industrials, Communication Services บ้างเล็กน้อย

TUSFIN-A

ระดับความเสี่ยง 7

ลงทุนแค่หุ้นกลุ่มการเงินในสหรัฐฯ ผ่าน Financial Select Sector SPDR Fund เป็นกองทุนดัชนีในหมวดอุตสาหกรรมธุรกิจการเงิน (Financial) ที่อยู่ในดัชนี S&P 500 เรียกได้ว่าใครที่ต้องการเน้นเฉพาะกลุ่ม Financial ของสหรัฐฯ ก็เลือกกองนี้ได้เลย ในส่วนของ Sector ที่ลงทุนนั้นก็กระจายในหลายกลุ่ม นอกจาก Bank แล้ว ก็ยังมี Capital Markets, Diversified Financial Services และ Insurance Consumer Finance อีกด้วย

ONE-GLOBFIN-RA

ระดับความเสี่ยง 7

ลงทุนในหุ้นกลุ่มการเงินที่มีโอกาสเติบโตทั่วโลก ผ่านกองทุนหลัก BLACKROCK World Financials Fund ที่ได้รับ Morningstar 3 ดาว โดยกองทุนหลักเน้นลงทุนในสหรัฐฯ มากกว่า 50% ตามมาด้วย UK อิตาลี ออสเตรีย และสเปน ในส่วนของ Sector ที่ลงทุนนั้นก็กระจายในหลายกลุ่ม นอกจาก Bank แล้ว ก็ยังมี Consumer Finance, Capital Markets, IT Services และ Diversified Financial Services Insurance

เมื่อพิจารณาถึงผลตอบแทนระยะสั้น แต่ละกองทุนทำได้มากน้อยสลับกันในแต่ละช่วงเวลา (แต่ไม่มีข้อมูลของ SD) หากใครที่สนใจกลุ่มการเงินและธนาคารในสหรัฐฯ เพียงแห่งเดียวก็เลือก TUSFIN-A ได้ แต่ถ้าหากใครต้องการกระจายลงทุนกลุ่มการเงินเเละธนาคารทั่วโลกก็พิจารณา KT-FINANCE และ ONE-GLOBFIN-RA แทน

รีวิวกองทุนกลุ่มการเงินและธนาคาร

ข้อควรระวัง

เนื่องจากทุกกองทุนเป็นกองทุนรวมที่มีความเสี่ยงระดับ 7 เป็นกองทุนที่มีการกระจุกตัวระดับอุตสาหกรรม มีความเสี่ยงสูง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน | ผลการดำเนินงานในอดีต และผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต

นอกจากนี้ยังต้องติดตามข่าวการขึ้นดอกเบี้ยอย่างใกล้ชิด ในช่วงก่อนที่จะประกาศขึ้นดอกเบี้ย นักลงทุนอาจให้ความสนใจลงทุนมากกว่า แต่เมื่อมีการขึ้นดอกเบี้ยแล้ว กองทุนกลุ่มนี้อาจแผ่วลงได้บ้าง และต้องติดตามข่าวผลประกอบการณ์ของธนาคารในแต่ละไตรมาส หากผลออกมาไม่ดี หุ้นกลุ่มนี้ก็อาจถูกเทขายอย่างหนักได้ (แต่บางทีผลประกอบการณ์ออกมาดีมาก ก็อาจถูกเทขายได้ เพราะมีการเก็งกำไรไปก่อนหน้านี้แล้วว่าผลจะออกมาดี หรือที่เรียกว่า Sell on fact)

ผลประกอบการณ์ของหุ้นธนาคารในไตรมาสที่ 4 ปี 2021 เป็นอย่างไร? (ธนาคารที่ติดใน Top 10 ของทุกกองทุน)

Bank of America

  • รายได้ 22.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เท่ากับคาด
  • กำไร 0.82 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อหุ้น สูงกว่าคาดที่ 0.76 ดอลลาร์ต่อหุ้น

JPMorgan

  • รายได้ 3.035 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ สูงกว่าคาดที่ 2.99 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
  • กำไร 3.33 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อหุ้น สูงกว่าคาดที่ 3.01 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อหุ้น

Wells Fargo

  • รายได้ 2.085 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ สูงกว่าคาดที่ 1.882 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
  • กำไร 1.25 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อหุ้น สูงกว่าคาดที่ 1.13 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อหุ้น

Morgan Stanley

  • รายได้ 14.52 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ต่ำกว่าคาดที่ 14.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
  • กำไร 2.01 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อหุ้น สูงกว่าคาดที่ 1.91 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อหุ้น

เด็กการเงิน DekFinance

ที่มาบทความ: https://www.facebook.com/DekFinance101/posts/356336776383792


คำเตือน

ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน | ผลการดำเนินงานในอดีต และผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต | กองทุนอาจลงทุนกระจุกตัวในหมวดอุตสาหกรรมและประเทศที่ลงทุน จึงมีความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนจำนวนมาก ผู้ลงทุนจึงควรพิจารณาการกระจายความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุนโดยรวมของตนเองด้วย | ผู้ลงทุนอาจมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากการป้องกันความเสี่ยงขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้จัดการกองทุน | สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน ฟินโนมีนา จำกัด ในช่วงเวลาวันทำการตั้งแต่ 09:00-17:00 น. ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 026 5100 และทาง LINE “@FINNOMENAPORT”