Close

ลงทุนที่ไหน ก็ไม่สุขใจเท่าบ้านเรา

เคยไหม จะซื้อกองทุนสักกองแต่ต้องคอยถามคนนู้น คนนี้ทีว่าลงทุนอะไรดี

พอเค้าอธิบาย ฟังแล้วก็ยังงงๆ

ทั้ง PMI ทั้ง GDP ทั้ง CPI ไหนจะ FED ไหนจะ PCE

จะดีกว่าไหม ถ้าวันนี้เราลงทุนในธุรกิจที่ใกล้ตัว ที่ถูกบริหารโดยผู้จัดการกองทุนชั้นนำ ภายใต้คำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญกว่า 20 ปี

เปิดรับโอกาสการลงทุน ในหุ้นพื้นฐานดี ที่ผ่านการคัดเลือกโดยผู้จัดการกองทุนชั้นนำกว่า 24 บลจ. ทั่วประเทศ

เปิดรับโอกาสที่จะสามารถมั่นใจได้ว่ากองทุนที่ถือครองนั้น “ดีที่สุด” อย่างสม่ำเสมอ

เปิดรับโอกาสการลงทุนในธุรกิจใกลัตัวที่เราสัมผัสได้ทุกวันที่ “บ้าน” ของเราเอง

ในประเทศที่ขึ้นชื่อว่ามีความแข็งแกร่ง จากทุนสำรองระหว่างประเทศที่สูง ที่สร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุนต่างชาติถึงความแข็งแกร่งของฐานะการเงินของประเทศ ซึ่งจะช่วยให้การลงทุนของคุณผ่านวิกฤติที่ต้องพบเจอหากลงทุนระยะยาว

ในประเทศที่เป็นศูนย์กลางการเชื่อมต่อระหว่างเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รับกระแสการลงทุนจาก AEC และยักษ์ใหญ่แห่งอนาคตอย่างจีน

ในประเทศที่มีอัตราการเจริญเติบโตอย่างสม่ำเสมอ และเข้าถึงข้อมูลได้อย่างง่ายดาย เพียงแค่ปลายนิ้ว

ไม่ต้องปวดหัวอีกต่อไป กับคำศัพท์ที่ชวนปวดหัว ข้อมูลที่หาได้ยาก และยังอ่านค่ายาก

ไม่ต้องปวดหัวต่อไปกับการนั่งเลือกกองทุนดี จากกว่า 1,500 กอง

ไม่ต้องปวดหัวกับความกังวลถึงการปรับพอร์ตในอนาคต

วันนี้ FINNOMENA ขอเสนอ…

Best-in-Class กองทุนหุ้นไทยขนาดใหญ่ ที่ผ่านการคัดเลือกอย่างดี ทั้งจากผลตอบแทน และ ความเสี่ยง ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่สุดของนักลงทุน พร้อมทั้งคำแนะนำการปรับพอร์ตการลงทุน เพื่อให้คุณมั่นใจว่าลงทุนในกองทุนที่ดีที่สุดอย่างต่อเนื่อง เพื่อผลตอบแทนที่ดีอย่างต่อเนื่องในระยะยาว

ในประเทศไทย ในบ้านของเราเอง ในที่ที่คุณรู้จักเป็นอย่างดี ว่าเศรษฐกิจในช่วงนี้เป็นอย่างไร และควรเข้าลงทุนหรือไม่

ให้ FINNOMENA Investment Team ช่วย เพื่อทำให้การลงทุนของคุณ “ดีที่สุด” เสมอ

ลงทุนที่ไหนไม่สุขใจเท่าบ้านเรา

ผ่านมาเป็นที่เรียบร้อยกว่า 3 เดือน กับวิกฤติการณืค่าเงินตลาดเกิดใหม่ ที่มีจุดเริ่มต้นจากประเทศตุรกี ที่มีความบาดหมางกับสหรัฐในประเด็นทางการเมืองระหว่างประเทศ ส่งผลให้ค่าเงินรีล่าของตุรกีปรับตัวลดลงกว่า 20% ซึ่งความตึงเครียดนี้แพร่กระจายไปยังหลากหลายประเทศในตลาดเกิดใหม่อย่าง อาร์เจนตินา บราซิล เม็กซิโก อินโดเนเซีย และอื่นๆ จากความกลัวของนักลงทุนต่อความไม่มั่นคงในฐานะทางการเงินของประเทศนั้นๆ ที่อาจส่งผลต่อเม็ดเงินลงทุนให้หายวับไปกับตา

แต่รู้หรือไม่ว่า นับตั้งแต่เหตุการณ์นั้นเกิดขึ้น ค่าเงินบาทไทย แข็งค่าขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากความเชื่อมั่นในฐานะทางการเงินของประเทศไทยที่มีความมั่นคงและแข็งแกร่ง จากบทเรียนในวิกฤติต้มยำกุ้ง ที่สอนให้ประเทศไทยรู้ว่า ทุนสำรองระหว่างประเทศที่สูงคือสิ่งสำคัญ ควบคู่ไปกับการกู้ยืมเงินตราต่างประเทศที่ต่ำ คือหลักประกันว่าวิกฤติเช่นนั้นจะไม่เกิดขึ้นซ้ำสอง ส่งผลให้เม็ดเงินลงทุนที่หนีจากตลาดเกิดใหม่เหล่านั้น หันมามองประเทศไทย และไหลเข้ามาลงทุนอย่างต่อเนื่อง จนส่งผลให้เงินบาทแข็งค่าขึ้น จาก 33.21 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ มาสู่ที่ระดับ 32.27 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งสิ่งนี้คือหลักฐานชั้นดีที่แสดงถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาติ ต่อประเทศไทย

เมื่อประกอบกับ ความเป็นจุดศูนย์กลางแห่งอาเซียน ที่มีพรมแดนติดต่อกับ กัมพูชา ลาว มาเลเซีย และพม่า โดยมีทะเลอันดามันและอ่าวไทยขนาบทั้งสองข้างของปลายด้ามขวาน ส่งผลให้ไทยเป็นจุดศูนย์กลางที่สามารถเชื่อมต่อกับทุกประเทศในภูมิภาค ที่มีแนวโน้มจะมีการลงทุนเกิดขึ้นอีกมาก เพื่อเชื่อมต่อเส้นทางการค้าดังกล่าง ซึ่งส่งผลให้ดัชนีความสามารถในการแข่งขันทางธุรกิจอยู่ที่ลำดับที่ 38 จาก 140 ประเทศทั่วโลก

นอกจากนั้นแล้ว เมื่อพิจารณาไปยังผลตอบแทนของตลาดหุ้นไทยย้อนหลัง ที่ดูเหมือนว่าดัชนีหุ้นไทย จะยังไม่สามารถก้าวพ้น 1,900 จุดได้สักที แต่หากพิจารณาดีๆ ผ่านดัชนี SETTRI ที่มีการคำนวณผลตอบแทนที่รวมไปถึงเงินปันผลซึ่งเป็นอีกหนึ่งผลประโยชน์ที่นักลงทุนพึงได้รับ จะพบว่ากว่า 17 ปีนับตั้งแต่ปี 2002 ที่มีการจัดตั้งดัชนีดังกล่าวขึ้นมา จะพบว่ามีการเติบโตขึ้น ถึง 10 เท่า จากดัชนีที่ 1,000 จุด ถึงปัจจุบันที่ระดับ 10,000 จุด

ผ่านวิกฤติมาบ้าง ผ่านช่วงขยายตัวมาบ้าง ตลาดหุ้นไทยก็ยังอยู่ยง และสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับนักลงทุนระยะยาวอย่างสม่ำเสมอ

เมื่อนึกถึงความเข้าถึงข้อมูลที่ง่ายดาย เพียงแค่ปลายนิ้ว ก็พบกับบทความมากมายเกี่ยวกับตลาดหุ้นของเรา ที่ไม่ต้องผ่านการแปลงภาษาจากต่างประเทศเป็นภาษาไทย ไม่ต้องผ่านการแปลงภาษาจากภาษาของนักวิเคราะห์เป็นภาษาคน ไปพร้อมๆ กับการสัมผัสได้ถึงกระแสแห่งธุรกิจที่อยู่รอบตัวเรา

ดังนั้นแล้วรออะไร? มาพบกับความสุขใจในการลงทุนในบ้านเรา ร่วมลงทุนไปกับหุ้นไทยขนาดใหญ่ที่มีความมั่นคงสูง พร้อมมีโอกาสเติบโตอีกมาก จาก 24 บลจ.ชั้นนำที่จะช่วยคุณเลือกหุ้นชั้นดี ให้คุณไม่ต้องปวดหัวกับการเลือกหุ้นรายตัว หรือเลือกองทุนที่มีมากกว่า 1,500 กอง  ไปพร้อมๆ กับรับคำแนะนำการลงุทนจากผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์กว่า 20 ปี ที่จะทำให้คุณมั่นใจได้อยู่เสมอว่า กองทุนที่สนใจนั้น “ดีที่สุด” อยู่เสมอ

ซึ่งความดีที่สุดนี่เอง ที่จะช่วยให้คุณได้รับโอกาสการลงทุน ที่ไปได้ไกลกว่าในยามเศรษฐกิจขยายตัว และล้มได้เบากว่ายามวิกฤติ พร้อมหรือยังที่จะลงทุนไปกับกองทุนที่เป็น Best-in-Class อย่างแท้จริง แล้วคุณจะรู้ว่าลงทุนอย่างสุขใจเป็นเช่นไร