ความต้องการภายในประเทศกำหนดทิศทางของตลาดเกิดใหม่

ความต้องการภายในประเทศกำหนดทิศทางของตลาดเกิดใหม่

Figure 1 ผลตอบแทนของตลาดเกิดใหม่ในแต่ละภูมิภาค ซึ่งในภาพรวมสร้างผลตอบแทนได้ดีในปี 2023

การเคลื่อนไหวตั้งแต่ต้นปี 2023 ของหุ้นตลาดเกิดใหม่ เราพบจุดน่าสนใจ 3 จุด ดังนี้

1. การเปิดเมืองของจีน และผลกระทบต่อราคาพลังงาน

การเปิดเมืองของจีนเป็นไปอย่างรวดเร็ว แม้จำนวนคนติดเชื้อ COVID-19 จะเพิ่มสูงขึ้นบ้างในช่วงแรก ๆ โดยภายหลัง COVID-19 เริ่มคลี่คลายนักลงทุนกลับมาให้ความสำคัญกับราคาพลังงานที่ปรับตัวขึ้น ซึ่งในปีนี้ จีนได้รับผลกระทบที่รุนแรงกว่าจากอากาศที่หนาวเย็นเมื่อเทียบกับยุโรป ซึ่งทำให้ความต้องการก๊าซธรรมชาติในจีนเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งจีนนำเข้าก๊าซธรรมชาติจากภายนอกเป็นส่วนใหญ่ อย่างไรก็ดี ราคาก๊าซธรรมชาติเหลวปัจจุบันยังไม่ได้สะท้อนถึงความต้องการส่วนนี้ ดังนั้น ถ้ามีอะไรเปลี่ยนแปลง หรือราคาก๊าซธรรมชาติเหลวปรับตัวสูงขึ้น อาจจะทำให้เงินเฟ้อเร่งตัวขึ้นอีกครั้ง และกระทบกับความสามารถในการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีน

2. ตลาดกลับมาให้ความสนใจกับหุ้นเติบโต (growth stock)

ในเดือนมกราคม หุ้นเติบโตถือว่าปรับตัวขึ้นได้ดี สะท้อนจากดัชนี MSCI EM Growth Index ที่ให้ผลตอบแทนเป็นเลขสองหลัก จริง ๆ แล้ว เราก็เห็นการปรับตัวขึ้นของหุ้นมูลค่า (value stock) ด้วย แต่ในระดับที่น้อยกว่า ซึ่งตรงกันข้ามกับทิศทางในปี 2022 ที่หุ้นมูลค่าสร้างผลตอบแทนได้ดี เมื่อเทียบกับหุ้นเติบโต

ทั้งนี้ ในระยะต่อไป ปัจจัยที่จะชี้นำว่าหุ้นเติบโตจะสร้างผลตอบแทนได้ดีต่อเนื่องหรือไม่ ขึ้นอยู่กับทิศทางของดอกเบี้ยนโยบาย และค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ โดยมีปัจจัยแวดล้อมอื่น ๆ ประกอบ

3. การคาดการณ์ผลประกอบการของตลาดเกิดใหม่

นักวิเคราะห์ในภาพรวมมองว่าผลประกอบการของบริษัทในตลาดเกิดใหม่จะฟื้นตัวขึ้นในปี 2023 เมื่อเทียบกับปี 2022 โดยการฟื้นตัวจะมาจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีนเป็นสำคัญ ซึ่งอุตสาหกรรมที่คาดว่าจะได้รับผลดี ประกอบด้วย อุตสาหกรรมการเงิน และสินค้าฟุ่มเฟือย นอกจากนี้ ภาวะดอกเบี้ยสูงจะเป็นประโยชน์กับกลุ่มสถาบันการเงิน และธุรกิจเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับผู้บริโภค น่าจะกลับมาฟื้นตัวได้ดีเช่นกัน เช่น e-commerce

ความต้องการภายในประเทศกำหนดทิศทางของตลาดเกิดใหม่

Figure 2 การคาดการณ์ผลประกอบการต่อหุ้นของตลาดเกิดใหม่คาดว่าจะปรับตัวดีขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ และการชะลอตัวของอัตราเงินเฟ้อ

มุมมองในระยะถัดไป

จากเศรษฐกิจโลกที่ผันผวน ประกอบกับความต้องการภายนอกประเทศที่ไม่ได้แข็งแกร่งเท่าใดนัก ทำให้รัฐบาลของประเทศตลาดเกิดใหม่กลับมาให้ความสำคัญกับการกระตุ้นเศรษฐกิจ และการบริโภคภายในประเทศ เช่น เกาหลีใต้มีแผนที่จะลดภาระภาษีของผู้ประกอบการอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ที่มาลงทุนในประเทศ และไทยได้ผ่านงบประมาณที่จะใช้กระตุ้นการท่องเที่ยว ซึ่งเป็นเครื่องยนต์สำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย

ในระยะยาว ประเทศตลาดเกิดใหม่จะได้ประโยชน์จากการขยายตัวของชนชั้นกลาง และการยกระดับการบริโภค (premiumization) โดยเฉพาะประชาชนจีน ที่เศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัวจากการล็อกดาวน์มาเป็นระยะเวลานาน ทำให้มีกำลังซื้อสูง โดยประมาณการว่าคนจีนมีเงินฝากรวมสะสมถึง 2.6 ล้านล้านดอลลาร์ในปี 2022 และพร้อมที่จะใช้เงินเหล่านั้นในการอุปโภคบริโภค ซึ่งน่าจะทำให้แนวโน้มการยกระดับการบริโภคมีมากขึ้นอีก นอกจากนั้น ในตลาดเกิดใหม่ตะวันออกกลาง เราพบว่ามีการระดมทุนนำหุ้นเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เพื่อเสนอขายแก่ประชาชนทั่วไป (IPOs) เพิ่มขึ้น ซึ่งกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ขยายตัวเหล่านี้น่าจะเป็นโอกาสที่ดีในการเริ่มลงทุนในตลาดเกิดใหม่

แม้ช่วงเวลานี้จะเป็นช่วงที่มีความไม่แน่นอนสูง เรายังเน้นย้ำให้นักลงทุนให้ความสำคัญกับการลงทุนในระยะยาว โดยจากประสบการณ์การให้คำปรึกษาการลงทุนของเรา การมีมุมมองระยะยาวจะทำให้นักลงทุนสร้างผลตอบแทนได้ดี แม้ว่าในบางจังหวะตลาดจะมีความผันผวน ซึ่งสุดท้ายแล้วก็จะผ่านพ้นไป และฟื้นตัวในที่สุด

แนวโน้มและพัฒนาการที่สำคัญของตลาดเกิดใหม่

หุ้นโลกเริ่มต้นปี 2023 ด้วยการปรับตัวขึ้น โดยถ้าเทียบระหว่างหุ้นตลาดเกิดใหม่ และหุ้นตลาดพัฒนาแล้ว พบว่าหุ้นตลาดเกิดใหม่ปรับขึ้นได้มากกว่า ท่ามกลางความหวังของการชะลอตัวลงของอัตราเงินเฟ้อ และเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ที่อาจสามารถหลีกเลี่ยงภาวะถดถอยได้ ทั้งนี้ ในตลาดประเทศเกิดใหม่ ได้มีการปรับประมาณการผลประกอบการขึ้นในปี 2023 ซึ่งสะท้อนจากอัตราเงินเฟ้อที่ชะลอตัวลง และการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีน

ในเดือนมกราคม 2023 ดัชนี MSCI Emerging Markets Index ปรับตัวขึ้น 7.9% ในขณะที่ดัชนี MSCI World Index ปรับตัวขึ้นได้ 7.1%

การเคลื่อนไหวสำคัญของหุ้นตลาดเกิดใหม่ในเดือนมกราคม 2023

ตลาดหุ้นเกิดใหม่ปรับขึ้นได้ดีในเดือนมกราคม 2023 ต่อเนื่องจากไตรมาสที่ผ่านมา โดยเป็นอีกครั้งหนึ่งที่หุ้นจีนสร้างผลงานโดดเด่น จากการเปิดเมืองและการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล โดยเฉพาะอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ รวมถึงการเปิดพรมแดนจีน – ฮ่องกงอีกครั้ง ก็ช่วยกระตุ้นการใช้จ่ายได้ดีเช่นกัน ในทางกลับกัน ตลาดหุ้นอินเดียถูกกดดันจากแรงขาย และราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น

ตลาดลาตินอเมริกาปรับตัวขึ้นได้ดี นำมาโดยตลาดเม็กซิโก และบราซิล โดยที่บราซิลสามารถควบคุมเงินเฟ้อได้ดี จากมาตรการทางการเงินและการคลัง ในขณะที่เม็กซิโกได้รับประโยชน์จากการท่องเที่ยว และการส่งออกรถยนต์ที่ฟื้นตัว

ตลาดเกิดใหม่ในยุโรป ตะวันออกกลาง และแอฟริกา ก็ปรับตัวขึ้นได้ดี แต่ยังต่ำกว่าตลาดเอเชียและลาตินอเมริกาเล็กน้อย โดยตลาดซาอุดิอาระเบียปรับตัวขึ้นได้จากการฟื้นตัวของราคาน้ำมัน ในขณะที่ตลาดแอฟริกาใต้ได้ประโยขน์จากมูลค่าหุ้นที่ต่ำ และเงินเฟ้อที่ชะลอตัว อย่างไรก็ดี หุ้นตรุเกียปรับตัวลงจากแรงขายทำกำไรของนักลงทุน ภายหลังที่หุ้นตรุเกียทำผลงานได้ดีในปี 2022

ข้อสงวนสิทธิ์

  1. แฟรงคลิน เทมเพิลตัน (“Franklin Templeton”) ให้บริการการให้คำแนะนำทั่วไปแก่ FINNOMENA ในการออกแบบพอร์ตการลงทุน (Asset Allocations)
  2. แฟรงคลิน เทมเพิลตัน (“Franklin Templeton”) ไม่รับผิดใด ๆ ต่อบุคคลภายนอก ซึ่งรวมถึงผลิตภัณฑ์ บริการ เว็บไซต์ หรือเนื้อหาใด ๆ ที่ได้จัดทำหรือปรากฏในช่องทางต่าง ๆ ของบุคคลภายนอกนั้น อีกทั้ง Franklin Templeton ไม่ได้ให้คำรับรอง รับประกัน หรือเป็นตัวแทน ไม่ว่าจะโดยชัดแจ้งหรือโดยปริยายในเนื้อหาหรือความถูกต้องของข้อมูลในช่องทางต่าง ๆ ของบุคคลภายนอก และไม่รับผิดต่อสิ่งใด ๆ ที่เกิดขึ้นอันเนื่องมาจากสิ่งที่กล่าวไว้ข้างต้น
  3. ในกรณีที่มีความแตกต่างกันระหว่างเอกสารภาษาอังกฤษกับการแปลเป็นภาษาไทย ให้ยึดถือตามเอกสารภาษาอังกฤษ

แหล่งข้อมูล

https://www.franklintempleton.com/articles/emerging-markets/emerging-markets-insights-0223