ตลาดปรับฐานหรือไม่? หาก โจ ไบเดน ขึ้นภาษี

ไม่ว่าจะเป็นการกระทำไปเพื่อความเท่าเทียมหรือการทำไปเพื่อปรับสมดุลงบประมาณของรัฐที่ขาดดุล การปรับขึ้นภาษีของประธานาธิบดีโจ ไบเดน คงเป็นอีกหนึ่งประเด็นที่ทำให้เกิดการถกเถียงในโลกการลงทุนทั่วโลก

และไม่ว่าโจ ไบเดน จะสามารถรวบรวมเสียงข้างมากและปรับขึ้นภาษีบุคคลและภาษีจากการลงทุนได้หรือไม่? คำถามที่ติดอยู่ในใจทุกคนก็คือ หากการขึ้นภาษีเกิดขึ้นจริง จะเกิดอะไรขึ้นกับโลกการลงทุน ติดตามมุมมองได้ผ่านบทความนี้เลยครับ

ตลาดปรับฐานหรือไม่? หาก โจ ไบเดน ขึ้นภาษี

หาก โจ ไบเดน ปรับขึ้นภาษีตลาดหุ้นจะลงหรือไม่?

  • ประธานาธิบดีโจ ไบเดน เริ่มเป็นที่นิยมและเฉิดฉายตั้งแต่การทำงานช่วง 100 วันแรก ผ่านแนวคิดการปรับขึ้นภาษีเพื่อลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานเพิ่มเติม เพื่อสร้างความเท่าเทียมให้กับประชาชน ซึ่งเหตุการณ์ถือได้ว่ามีแนวโน้มเกิดขึ้นได้สูง
  • สำหรับผลกระทบของการขึ้นภาษีกับตลาดหุ้นทั่วโลกรวมถึงสหรัฐ ดูเหมือนว่าการขึ้นภาษีจากการลงทุนอาจไม่ส่งผลกระทบกับหุ้นทุกส่วนในตลาด และการปรับขึ้นภาษีอาจสร้างผลกระทบอันใหญ่หลวงกับบางภาคธุรกิจและหุ้นบางตัว เช่น หุ้นเทคโนโลยีกลุ่ม FAANG [Facebook, Apple, Amazon, Netflix และ Alphabet(Googgle)] มากกว่าทั้งตลาด
  • ผลจากการการปรับภาษีอาจทำให้นักลงทุนบางคนอาจปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเกี่ยวกับการคิดภาษีให้ถี่ถ้วนมากขึ้น พวกเขาอาจเริ่มครุ่นคิดถึงการขายทำกำไรก่อนการปรับภาษี ในขณะที่บางคนอาจคิดถึงการ “จัดการกำไร” มากขึ้น เพื่อให้รายได้ของตนอยู่ในระดับฐานภาษีที่ไม่ถูกปรับระดับภาษี รวมถึงหาทางลดหย่อนเพื่อให้ระดับกำไรของพวกเขาอยู่ในระดับที่ต่ำกว่า 1 ล้านเหรียญต่อปี 
  • การปรับขึ้นภาษีไม่ใช่เรื่องที่เป็นที่รับรู้มาก่อนหน้า ตัวแทนฝ่ายประชาธิปไตยและสิทธิส่วนบุคคลสายกลางอาจไม่เห็นด้วยกับเรื่องดังกล่าว ในขณะที่ตัวแทนในฝ่ายอื่น ๆ อาจมีเสียงสนับสนุนและไม่สนับสนุนปะปนกันไปเกี่ยวกับการปรับลดภาษีภาครัฐและท้องถิ่น (SALT)
  • การปรับภาษีจากการลงทุนอาจไม่ได้ทำให้เกิดการเทขายอย่างทันทีทันใด คนอเมริกันที่มีรายได้สูงมีสภาพคล่องอยู่กับตัวอยู่แล้ว และยังสามารถกู้ยืมเงินได้เพิ่มจากเครดิตที่ดี
  • คำถามอื่น ๆ เช่น การขึ้นภาษีการลงทุนจะส่งผลกระทบต่อการลงทุนในภาคการผลิตหรือไม่? จะทำให้การทำธุรกิจย้ายออกไปนอกประเทศหรือเปล่า? แน่นอนว่ามันอาจส่งผล แต่อย่างที่จอห์น เมนาร์ด เคน ได้กล่าวไว้เมื่อนานมาแล้วว่า การลงทุนในภาคธุรกิจขึ้นอยู่กับ “สัญชาตญานเบื้องลึกในตัวคน” ไม่ใช่ต้นทุนในด้านของปัจจัยทุน

ดังนั้นถ้าเศรษฐกิจดี การลงทุนในภาคธุรกิจก็จะเกิดขึ้นตามกันไปเอง การปรับภาษีบุคคลยังมีหลักฐานยืนยันที่ชัดเจนว่าส่งผลให้เกิดการเคลื่อนย้ายของเงินทุนอย่างแน่นอน เทียบกับการปรับภาษีนิติบุคคลที่สามารถส่งผลกระทบไปได้ทั่วโลก

หากสนใจมุมมองการลงทุนและผลกระทบเกี่ยวกับการปรับภาษีบุคคล นโยบายและปัจจัยทางเศรษฐกิจต่าง ๆ ทั่วโลก สามารถศึกษาเพิ่มเติมได้ที่บทความ 

“America’s U-Turn” โดย Francis Scotland, Director of Global Macro Research, Brandywine Global; Dr. Sonal Desai’s
“On My Mind”—A Tale of Two Recoveries”; and Western Asset’s “Second Quarter 2021 Global Outlook.”

เนื้อหาต้นฉบับโดย Stephen Dover, CFA

Chief Market Strategist, Head of Franklin Templeton Investment Institute

เรียบเรียงโดย FINNOMENA Admin

ข้อสงวนสิทธิ์

แฟรงคลิน เทมเพิลตัน (“Franklin Templeton”) ไม่รับผิดใด ๆ ต่อบุคคลภายนอก ซึ่งรวมถึงผลิตภัณฑ์ บริการ เว็บไซต์ หรือเนื้อหาใด ๆ ที่ได้จัดทำหรือปรากฏในช่องทางต่าง ๆ ของบุคคลภายนอกนั้น อีกทั้ง Franklin Templeton ไม่ได้ให้คำรับรอง รับประกัน หรือเป็นตัวแทน ไม่ว่าจะโดยชัดแจ้งหรือโดยปริยายในเนื้อหาหรือความถูกต้องของข้อมูลในช่องทางต่าง ๆ ของบุคคลภายนอก และไม่รับผิดต่อสิ่งใด ๆ ที่เกิดขึ้นอันเนื่องมาจากสิ่งที่กล่าวไว้ข้างต้น

ในกรณีที่มีความแตกต่างกันระหว่างเอกสารภาษาอังกฤษกับการแปลเป็นภาษาไทย ให้ยึดถือตามเอกสารภาษาอังกฤษ

แหล่งข้อมูล

https://www.franklintempleton.com/investor/article?contentPath=html/ftthinks/common/blogs/emerging-markets/bridging-esg-gap-china.html