ช่วงเวลาแห่งการลงทุน หุ้นคุณค่าคุณภาพสูง

ในช่วงต้นปี หุ้นคุณค่า (value stock) ถือว่าทำผลงานได้ค่อนข้างดี เมื่อเทียบกับหุ้นประเภทอื่น ๆ โดยจากการศึกษาของเรา ช่วงที่มูลค่าของหุ้น value stock 2 ประเภท ได้แก่ หุ้น value stock ประเภทราคาต่ำ (deeper-valued stock) และ หุ้น value stock ประเภทคุณภาพสูง (higher-quality value stock) มีการประเมินมูลค่าแตกต่างกันมาก (valuation spread) และ valuation spread อยู่ในช่วงขาลงจะเป็นช่วงที่หุ้น deeper-valued stock สร้างผลตอบแทนได้ดี

อย่างไรก็ดี ตั้งแต่เดือนมิถุนายนที่ผ่านมา เราเริ่มเห็นว่า valuation spread ส่งสัญญาณว่าราคาหุ้น value stock ระหว่างกลุ่ม deeper-valued และ higher-quality ไม่ต่างกันมากนักแล้ว และ valuation spread เริ่มจะเป็นขาขึ้น ซึ่งเรามองว่าเหตุการณ์ดังกล่าวส่งสัญญาณว่าในระยะต่อไป หุ้น value stock ประเภท higher-quality จะสร้างผลตอบแทนได้ดีกว่าอย่างมีนัยสำคัญ โดยเราแนะนำให้นักลงทุนมองหาหุ้นในบริษัทที่มีอัตราการทำกำไรสูง (high ROE) เพื่อเลือกลงทุน

ช่วงเวลาแห่งการลงทุน หุ้นคุณค่าคุณภาพสูง

Figure 1 จากกราฟ เราประเมินว่าในระยะต่อไปจะเป็นโอกาสของหุ้น broad value stock จึงแนะนำให้นักลงทุนเลือกหุ้น broad value stock เข้ามาในพอร์ต โดยเฉพาะหุ้น high-quality value stock

รายละเอียดการศึกษา: วัฏจักรของหุ้น value stock สามารถจำแนกหุ้น value stock ได้เป็น 2 แบบ ซึ่งจะทำผลงานได้ดีในช่วงเวลาต่างกัน

ในการวิจัยของเรา เราเชื่อว่าหุ้นขนาดใหญ่จะเคลื่อนไหวตามวัฏจักรเศรษฐกิจ และจะมีช่วงที่หุ้นเหล่านั้นทำผลงานได้ดี โดยในการศึกษาของเรา เราแบ่งหุ้น value stock ออกเป็น 2 ลักษณะคือ broad value และ deep value โดย broad value จะเป็นหุ้นกลุ่ม value stock ที่มีมูลค่ากลาง ๆ ในดัชนีหุ้นขนาดใหญ่ 1,000 ตัวแรกของสหรัฐฯ ในขณะที่หุ้นกลุ่ม deep value จะเป็นหุ้นที่มีมูลค่าต่ำที่สุดในกลุ่มดังกล่าว โดยจากวัฏจักรการเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นที่เราเก็บสถิติตั้งแต่ปี 1975 จนถึงปัจจุบัน เห็นแนวโน้มส่งสัญญาณว่า ในระยะถัดไปจะเป็นช่วงเวลาที่หุ้น broad value สร้างผลงานได้ดี โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มที่มีคุณภาพสูง (higher-quality) ที่มีอัตราการทำกำไรแข็งแกร่ง

ทำไมนักลงทุนจึงควรเลือก broad value stock โดยเฉพาะหุ้นบริษัทที่ทำกำไรได้ดีในช่วงนี้

ในการศึกษาของเรา เราได้ลองวิเคราะห์ตัวอย่างหุ้น deep value โดยนำหุ้นที่มีอัตราส่วน price-to-book (p/b) และ price-to-earning (p/e) ต่ำ (ประมาณระดับ percentile ที่ 35) มาเทียบกับหุ้น broad value (high quality) ที่มีอัตราส่วนการทำกำไร (ROE) สูง (ประมาณระดับ percentile ที่ 75) โดยเราจะเห็นว่าในช่วงที่มีสัญญาณ valuation spread ขาขึ้น หุ้น broad value ประเภท high quality value stock จะทำผลงานได้ดีกว่าหุ้น deep value อย่างเห็นได้ชัด

โดยปรากฎการณ์เช่นนี้ เกิดขึ้นเมื่อนักลงทุนเห็นการปรับตัวลงแรงของหุ้นกลุ่มต่าง ๆ ทำให้ดึงดูดให้หุ้น value stock ที่มีราคาถูกเป็นที่น่าสนใจ ซึ่งในช่วงแรกของวัฏจักร เราพบว่าหุ้น deep value ทำผลงานได้ดีกว่าจริง แต่เมื่อเวลาไป ราคาของหุ้น deep value จะค่อยๆ ปรับตัวสูงขึ้นจากความต้องการที่มากขึ้น และอัตราการทำกำไรที่เริ่มตึงตัว ซึ่งจะลดความน่าสนใจลง และสร้างแรงกดดันด้านราคา ด้วยเหตุนี้ หุ้น high quality ที่สร้างผลกำไรได้ดี จะมีความน่าสนใจเพิ่มมากขึ้น และทำได้ดีกว่าในระยะต่อไป

ช่วงเวลาแห่งการลงทุน หุ้นคุณค่าคุณภาพสูง

Figure 2 ในช่วงที่หุ้น broad value สร้างผลงานได้ดีนั้น เรามองว่าหุ้นกลุ่ม higher-quality value stock จะสร้างผลงานได้ดีกว่าหุ้น deep value stock ทั่วไปอย่างมีนัยสำคัญ โดยนักลงทุนควรเลือกหุ้นทีมีอัตราการทำกำไรสูง

มีสัญญาณบ่งชี้ว่าหุ้น higher-quality value stock กำลังจะมา

ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2022 เป็นต้นมา เราพบว่า valuation spread ระหว่างหุ้น deep value และ broad value กำลังค่อย ๆ เพิ่มสูงขึ้นจากระดับต่ำ ซึ่งแสดงถึงสัญญาณเริ่มต้นของการปรับตัวขึ้นของหุ้นกลุ่ม broad value โดยเฉพาะกลุ่มที่เป็น high-quality value stock ทั้งนี้ ในช่วงแรกของการปรับตัวขึ้น อาจเป็นไปอย่างค่อยเป็นค่อยไป แต่เราเชื่อว่าหุ้น high-quality value stock จะทำผลงานได้ดีขึ้นมาก เมื่อเข้าสู่ช่วงกลางและปลายของวัฏจักรขาขึ้น โดยตั้งแต่ปี 1974 หุ้น high-quality value stock ที่สร้างอัตราการทำกำไรที่สูงสามารถใหผลตอบแทนได้เหนือกว่าหุ้นขนาดใหญ่ 1,000 ตัวแรกของสหรัฐฯ ได้ และในช่วงปี 2015-2020 หุ้นกลุ่ม high-quality value stock ยังคงสร้างผลตอบแทนเหนือกว่าหุ้นขนาดใหญ่ 1,000 ตัวแรกของสหรัฐฯ ประมาณ 5% ต่อปี คล้ายเดิม แต่ว่าต่ำกว่าหุ้นเติบโตยักษ์ใหญ่ (high-profile growth stock) เพียงเล็กน้อยเท่านั้น (1%)

มุมมองของเราโดยสรุป

เรามองว่าสัญญาณวัฏจักรเศรษฐกิจชี้ให้เห็นว่าหุ้นมูลค่าที่มีคุณภาพสูง (high-quality value stock) จะทำผลงานได้ดีอย่างมีนัยสำคัญในระยะต่อไป เราจึงแนะนำให้นักลงทุนให้น้ำหนักในการลงทุนหุ้นจำพวกดังกล่าว โดยนักลงทุนสามารถพิจารณาหุ้น value stock ที่มีคุณภาพสูงจากอัตราการทำกำไร (ROE) ที่สูงได้

ข้อสงวนสิทธิ์

  1. แฟรงคลิน เทมเพิลตัน (“Franklin Templeton”) ให้บริการการให้คำแนะนำทั่วไปแก่ FINNOMENA ในการออกแบบพอร์ตการลงทุน (Asset Allocations)
  2. แฟรงคลิน เทมเพิลตัน (“Franklin Templeton”) ไม่รับผิดใด ๆ ต่อบุคคลภายนอก ซึ่งรวมถึงผลิตภัณฑ์ บริการ เว็บไซต์ หรือเนื้อหาใด ๆ ที่ได้จัดทำหรือปรากฏในช่องทางต่าง ๆ ของบุคคลภายนอกนั้น อีกทั้ง Franklin Templeton ไม่ได้ให้คำรับรอง รับประกัน หรือเป็นตัวแทน ไม่ว่าจะโดยชัดแจ้งหรือโดยปริยายในเนื้อหาหรือความถูกต้องของข้อมูลในช่องทางต่าง ๆ ของบุคคลภายนอก และไม่รับผิดต่อสิ่งใด ๆ ที่เกิดขึ้นอันเนื่องมาจากสิ่งที่กล่าวไว้ข้างต้น
  3. ในกรณีที่มีความแตกต่างกันระหว่างเอกสารภาษาอังกฤษกับการแปลเป็นภาษาไทย ให้ยึดถือตามเอกสารภาษาอังกฤษ

แหล่งข้อมูล

 https://www.franklintempleton.com/articles/brandywine-global/value-enters-the-next-stage