ลงทุนกองทุนตราสารหนี้

หลายปีที่ผ่านมา นักลงทุนส่วนใหญ่ให้ความสนใจกับหุ้นและสินทรัพย์เสี่ยงเป็นหลัก เพราะดอกเบี้ยสูงทำให้ตราสารหนี้ดูไม่น่าสนใจ แต่ล่าสุดสัญญาณเศรษฐกิจสหรัฐฯ และท่าทีของ Fed กำลังพลิกมุมมองนี้อีกครั้ง ทำให้กองทุนตราสารหนี้กลับมามีบทบาทและน่าสนใจยิ่งกว่าที่ผ่านมา

เศรษฐกิจสหรัฐฯ เริ่มส่งสัญญาณชะลอตัว เมื่อตัวเลขแรงงานเดือนสิงหาคม 2025 ชี้ให้เห็นความอ่อนแรงของตลาดแรงงานอย่างชัดเจน

  • การจ้างงาน (Nonfarm Payrolls) เพิ่มขึ้นเพียง 22,000 ตำแหน่ง ต่ำกว่าที่ตลาดคาดถึง 3 เท่า (คาด 70,000 ตำแหน่ง)
  • อัตราการว่างงาน พุ่งขึ้นไป 4.3% สูงสุดในรอบ 4 ปี

ตัวเลขเหล่านี้สะท้อนว่าตลาดแรงงานเริ่ม “ชะลอตัวอย่างรวดเร็ว” และเป็นตัวแปรสำคัญที่ Fed ใช้ในการตัดสินใจเรื่องนโยบายดอกเบี้ย

คาดการณ์การปรับลดดอกเบี้ยของ Fed

ข้อมูลล่าสุดจาก FedWatch Tool ณ วันที่ 8 กันยายน 2025 แสดงให้เห็นว่าตลาดแทบไม่สงสัยแล้วว่า Fed จะปรับลดดอกเบี้ยอย่างแน่นอน โดยรายละเอียดมีดังนี้

  • ลดดอกเบี้ย 25 bps → 4.00–4.25% โอกาส 90%
  • ลดดอกเบี้ย 50 bps → 3.75–4.00% โอกาส 10%
  • คงดอกเบี้ย 4.25–4.50% → โอกาสแทบเป็นศูนย์

โดยปกติแล้ว เมื่อดอกเบี้ยปรับลดลง อัตราผลตอบแทนพันธบัตร (Bond Yield) ก็จะลดตาม ส่งผลให้ราคาพันธบัตรปรับตัวสูงขึ้น หมายความว่ากองทุนตราสารหนี้ โดยเฉพาะที่ถือพันธบัตรอายุยาว (Long Duration) จะมีโอกาสฟื้นตัวโดดเด่น

นอกจากนี้ อีกปัจจัยที่ทำให้กองทุนตราสารหนี้กลับมาน่าสนใจคือ เศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ชะลอตัวและตลาดแรงงานที่อ่อนแอ ทำให้ Fed มีแนวโน้มลดดอกเบี้ยต่อเนื่อง ส่งผลให้นักลงทุนหันมาถือสินทรัพย์ปลอดภัยแทนเงินสด กองทุนตราสารหนี้จึงกลับมาเป็นพระเอกของพอร์ตอีกครั้ง

สรุปคือ ตัวเลขจ้างงานที่อ่อนแอ คาดว่า Fed จะผ่อนคลายนโยบายการเงินเร็วขึ้น Bond Yield ปรับตัวลดลง เป็นโอกาสสะสมกองทุนตราสารหนี้โลกกับ REITs สหรัฐฯ 

นอกจากนี้ ควรหาจังหวะ Buy on Dip หุ้นเติบโต และตลาดที่มีศักยภาพไปต่อในระยะยาวด้วยโครงสร้างเศรษฐกิจอันแข็งแกร่ง

กองทุนที่ได้ประโยชน์จากการลดดอกเบี้ย

  1. ตราสารหนี้โลก (Global Bond) เพราะเมื่อดอกเบี้ยลด ราคาพันธบัตรจะขึ้น Bond Yield จะลง ดีต่อกองทุนที่ถือตราสารหนี้อายุยาว (Long Duration) แนะนำกองทุน
    • KT-BOND (ความเสี่ยงระดับ 4) ลงทุนในตราสารหนี้ทั่วโลกผ่านกองทุนหลัก PIMCO GIS Global Bond Fund โดยปัจจุบันมี Duration อายุยาวประมาณ 7 ปี
    • K-GDBOND-A(A) (ความเสี่ยงระดับ 5) ลงทุนในตราสารหนี้ทั่วโลก ด้วยกลยุทธ์ที่ยืดหยุ่น ปรับเปลี่ยนตามสภาวะตลาด ผ่านกองทุนหลัก PIMCO GIS Income Fund ปัจจุบัน Duration อยู่ที่ 5 ปี
  1. ทรัสต์อสังหาริมทรัพย์ในสหรัฐฯ (US REITs) เป็นสินทรัพย์ที่วิ่งสวนทางกับ Bond Yield และได้อานิสงส์จากดอกเบี้ยขาลง แนะนำกองทุน
    • TUSREIT (ความเสี่ยงระดับ 8) ลงทุนในทรัสต์อสังหาริมทรัพย์ในสหรัฐฯ หลากหลายอุตสาหกรรม ที่กระจายลงทุนในหลากหลายอุตสาหกรรม ทั้ง Data Center, Healthcare, Retail
  1. หุ้นเติบโต (Growth Stock) โดยเฉพาะกลุ่มเทคโนโลยีและนวัตกรรมแห่งอนาคต เนื่องจากมูลค่าบริษัทในอนาคตถูก Discount Rate ด้วยดอกเบี้ยที่ต่ำลง แนะนำกองทุน
    • ES-INTERNET (ความเสี่ยงระดับ 6) กลยุทธ์การลงทุนหุ้นนวัตกรรมแห่งอนาคต ผ่าน ARK Next Generation Internet ETF ซึ่งเน้นคัดเลือกบริษัท Small Tech ที่อาจจะยังไม่มีกำไร แต่คาดว่าจะโตได้อีกมากในอนาคต
    • ASP-DIGIBLOC (ความเสี่ยงระดับ 6) กองทุนหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีบล็อกเชนและสินทรัพย์ดิจิทัล ซึ่งจะได้ประโยชน์จากการเติบโตภายใต้ธีมดังกล่าว
  1. หุ้นที่เน้นสะสมระยะยาว (Long-Term Growth) จากศักยภาพเติบโตของโครงสร้างเศรษฐกิจ และมีปัจจัยหนุนที่โดดเด่นในอนาคต เช่น อินเดียและเวียดนาม แนะนำกองทุน
    • B-BHARATA (ความเสี่ยงระดับ 6) คัดเลือกหุ้นอินเดียที่ได้รับประโยชน์จากการเติบโตของเศรษฐกิจภายในประเทศ โดยที่อินเดียยังคงมีปัจจัยหนุนที่แข็งแกร่ง แม้จะมีกดดันเรื่องภาษีนำเข้าสหรัฐฯ

คำเตือน: ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน | ผลการดำเนินงานในอดีต และผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต | ผู้ลงทุนอาจมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากการป้องกันความเสี่ยงขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้จัดการกองทุน | กองทุนรวมนี้ลงทุนกระจุกตัวในผู้ออกตราสารหรือประเทศใดประเทศหนึ่ง จึงมีความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนจำนวนมาก ผู้ลงทุนจึงควรพิจารณาการกระจายความเสี่ยงของ พอร์ตการลงทุนโดยรวมของตนเองด้วย | คำแนะนำการลงทุนนี้เป็นไปตามกรอบการพิจารณาของ Finnomena Funds ซึ่งมีเป้าหมายในการสร้างโอกาสรับผลตอบแทนในระยะเวลาตามแต่ละประเภทของพอร์ตเท่านั้น บริษัทมิได้การันตีถึงผลตอบแทนที่จะได้จากคำแนะนำการลงทุนดังกล่าว มีความเสี่ยงที่ผลตอบแทนอาจไม่เป็นไปตามคาดหวัง หรือมีผลขาดทุนได้ | สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน ฟินโนมีนา จำกัด ในช่วงเวลาวันทำการตั้งแต่ 09:00-17:00 น. ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 026 5100 และทาง LINE @FinnomenaPort | สำหรับผู้ลงทุนในความดูแลของ Kept by krungsri ติดต่อทีม Kept help center ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 296 6299

Tax Cal