
Finnomena Funds มีคำแนะนำปรับพอร์ต Next-Generation Global Growth (GGG) ซึ่งเป็นพอร์ตที่ลงทุนในหุ้น 100% ตลอดเวลา เน้นลงทุนในหุ้นกลุ่มที่คาดว่ามีการเติบโตในอนาคต โดย Finnomena Funds นำเสนอการปรับเปลี่ยนวิธีการจัดพอร์ต ซึ่งจะเริ่มใช้ในการปรับพอร์ตรอบล่าสุด (30 กันยายน 2025) ซึ่งมีการปรับเปลี่ยนทั้งในส่วนของโครงสร้างพอร์ต วิธีการคัดเลือก Theme ที่คาดว่าจะมีการเติบโตในอนาคต วิธีการทำ Optimization และความถี่ในการปรับพอร์ต (จะเริ่มปรับพอร์ตทุก 3 เดือน เริ่มตั้งแต่วันที่ 30 กันยายน 2025 จากที่ก่อนหน้านี้ปรับพอร์ตทุก 6 เดือน)
ทั้งนี้ พอร์ต GGG จะยังคงนโยบายการลงทุนในกองทุนหุ้น 100% เน้นกองทุนที่มีแนวโน้มการเติบโตโดดเด่น และบริหารโดยเน้นกลยุทธ์การลงทุนที่เป็นระบบ เพียงแต่เปลี่ยนวิธีการสร้างพอร์ตเท่านั้นเพื่อปรับปรุงและพัฒนาผลการดำเนินงานในอนาคตต่อไป
โครงสร้างพอร์ต

โครงสร้างพอร์ตแบบ Core Growth – Thematic Growth
Source: Finnomena Funds as of 30/09/2025
พอร์ต GGG รูปแบบใหม่จะใช้โครงสร้างพอร์ตแบบ Core Growth – Thematic Growth โดยจะแบ่งเงินลงทุนในพอร์ตออกเป็น 2 ส่วน
1. Core Growth
จะเป็นส่วนที่เน้นลงทุนในกองทุนหุ้นเติบโตที่กระจายลงทุนในหลากหลาย Sector ซึ่งปัจจุบัน Finnomena Funds เลือกใช้เป็นกองทุน ONE-ELITE11 เป็นกองทุนที่ลงทุนแบบ Smart Beta อ้างอิงดัชนี Bloomberg Global Industry Elite 11 ลงทุนในหุ้นครบทั้ง 11 Sector กลุ่มละ 5 ตัว รวมเป็นพอร์ตหุ้น 55 ตัว เน้นหุ้นขนาดใหญ่และมีสภาพคล่องสูง มีการปรับน้ำหนักหุ้นด้วยปัจจัยทั้งในเชิงพื้นฐาน (ความสามารถในการทำกำไร) และเชิงเทคนิค (โมเมนตัมราคา) เนื่องจากลงทุนครบทั้ง 11 Sector กองทุนดังกล่าวจึงสามารถลดความเสี่ยงจากการกระจุกตัวใน Sector ใด Sector หนึ่งมากเกินไปได้ ในปัจจุบันสัดส่วนการลงทุนใน Core Growth จะถูกกำหนดไว้ที่ 25%
2. Thematic Growth
เงินลงทุนส่วนที่เหลือ 75% จะถูกกระจายลงทุนในกองทุนหุ้นเติบโตในแต่ละ Theme ซึ่งการเลือกลงทุนจะพิจารณาจากปัจจัยเชิงปริมาณที่ผ่านการทดสอบย้อนหลังแล้วว่าสามารถสร้างผลตอบแทนได้จริงจากข้อมูลในอดีต โดยเราจะทำการกำหนดน้ำหนักสูงสุดต่อ 1 กองทุนไว้ที่ 15% เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากการกระจุกตัวใน Theme ใด Theme หนึ่งมากเกินไป
วิธีการสร้างพอร์ตและทำ Optimization
พอร์ต GGG รูปแบบใหม่ในส่วนของ Thematic Growth จะใช้วิธีการ Risk-Reward Optimization ซึ่งจะเน้นหาจุดสมดุลระหว่างผลตอบแทนคาดหวังในอนาคตและภาพรวมความเสี่ยงของพอร์ต
วิธีการทำ Optimization รูปแบบดังกล่าวจะแตกต่างจาก Minimum Volatility Optimization ซึ่งเป็นวิธีดั้งเดิมของ GGG รูปแบบเก่า ซึ่งจะเน้นลดภาพรวมความเสี่ยงของพอร์ตเพียงอย่างเดียวโดยไม่ได้พิจารณาถึงผลตอบแทนคาดหวังในอนาคต ด้วยการทำ Risk-Reward Optimization จะอ้างอิง Framework ที่ชื่อว่า PRiME-Optimus
PRiME
เป็นรูปแบบการค้นหาผลตอบแทนคาดหวังว่า Theme ใดใน Universe จะสามารถคาดหวังผลตอบแทนได้สูงกว่ากัน โดยอาศัยปัจจัยเชิงปริมาณ 4 ปัจจัย เรียกรวมกันว่า PRiME Factors ซึ่งผ่านการทดสอบย้อนหลังว่ามีความสามารถในการสร้างผลตอบแทน โดย 4 ปัจจัยได้แก่
- P: Price-to-Earnings (P/E) Ratio วัดความถูก/แพงของหุ้นใน Theme นั้น ๆ เมื่อเทียบกับกำไรที่บริษัทใน Theme นั้นสร้างได้
- R: Return-on-Assets (ROA) วัดความสามารถในการทำกำไรเมื่อเทียบกับสินทรัพย์ของหุ้นในแต่ละ Theme
- M: Momentum วัดโมเมนตัมราคาของดัชนีซึ่งเป็นตัวแทนของหุ้นในแต่ละ Theme โดยเทียบกับ Theme อื่น ๆ ในช่วงเวลาเดียวกัน
- E: Earnings Growth วัดอัตราการเติบโตของกำไรสุทธิของหุ้นในแต่ละ Theme โดยเทียบกับการเติบโตของ Theme อื่นในช่วงเวลาเดียวกัน
Optimus
เป็นระบบที่ทำหน้าที่จัดพอร์ตลงทุน โดยจะใช้กลไก Risk-Reward Optimization ซึ่งส่วนของ Reward คำนวณจากคะแนนของ PRiME Factors และส่วนของ Risk คำนวณจากความแปรปรวน (Variance) และความแปรปรวนร่วม (Covariance) ของ Theme ทั้งหมดใน Universe จากนั้นระบบจะทำ Optimization โดยหาจุดสมดุลระหว่าง Risk และ Reward และคำนวณออกมาเป็นหน้าพอร์ตลงทุนในแต่ละช่วงเวลา
สรุปคำแนะนำปรับพอร์ต GGG วันที่ 30 กันยายน 2025
Source: Finnomena Funds as of 30/09/2025
ข้อมูล Fund Fact sheet ของกองทุน
จัดทำโดยบลป. เดฟินิท สำหรับบลน. ฟินโนมีนา (Finnomena Funds)
คำเตือน: ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน | ผลการดำเนินงานในอดีต และผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต | ผู้ลงทุนอาจมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากการป้องกันความเสี่ยงขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้จัดการกองทุน | กองทุนรวมนี้ลงทุนกระจุกตัวในผู้ออกตราสารหรือประเทศใดประเทศหนึ่ง จึงมีความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนจำนวนมาก ผู้ลงทุนจึงควรพิจารณาการกระจายความเสี่ยงของ พอร์ตการลงทุนโดยรวมของตนเองด้วย | คำแนะนำการลงทุนนี้เป็นไปตามกรอบการพิจารณาของ Finnomena Funds ซึ่งมีเป้าหมายในการสร้างโอกาสรับผลตอบแทนในระยะเวลาตามแต่ละประเภทของพอร์ตเท่านั้น บริษัทมิได้การันตีถึงผลตอบแทนที่จะได้จากคำแนะนำการลงทุนดังกล่าว มีความเสี่ยงที่ผลตอบแทนอาจไม่เป็นไปตามคาดหวัง หรือมีผลขาดทุนได้ | สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน ฟินโนมีนา จำกัด ในช่วงเวลาวันทำการตั้งแต่ 09:00-17:00 น. ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 026 5100 และทาง LINE @FINNOMENAPORT | สำหรับผู้ลงทุนในความดูแลของ Kept by krungsri ติดต่อทีม Kept help center ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 296 6299
