ในปีภาษี 2568 นี้ ถือเป็นปีที่ผู้ลงทุนมีทางเลือกในการวางแผนภาษีผ่านกองทุนส่งเสริมความยั่งยืน อย่าง “กองทุน Thai ESGX” ที่เปิดตัวใหม่พร้อมเงื่อนไขเฉพาะในปีนี้ ควบคู่กับกองทุน Thai ESG และ RMF
บทความนี้จะพาคุณไปทำความเข้าใจว่าแต่ละกองทุนมีรายละเอียดและเงื่อนไขอย่างไร เพื่อช่วยให้คุณใช้สิทธิได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่เกิดการใช้สิทธิซ้ำซ้อน และไม่พลาดโอกาสลดหย่อนภาษีที่เหมาะสมกับแต่ละคน
สรุปวงเงินลดหย่อนภาษี ปี 2568
รวมแล้ว ผู้ลงทุนที่สามารถลงทุนได้ครบทุกประเภทและมีฐานภาษีสูง อาจได้วงเงินลดหย่อนภาษีได้รวมสูงสุดถึง 1,400,000 บาท ในปีภาษี 2568
RMF, Thai ESG, Thai ESGX ใช้สิทธิยังไงไม่ให้ทับซ้อน?
เพื่อให้ใช้สิทธิได้ “เต็มวงเงิน” แบบไม่ทับซ้อน ต้องเข้าใจลำดับและเงื่อนไขการลดหย่อน ดังนี้
1. วางแผนจัดพอร์ตแยกตามวงเงิน
หากคุณมีฐานเงินเดือนสูงและต้องการใช้สิทธิลดหย่อนภาษีให้เกิดประโยชน์สูงสุด ควรพิจารณาจัดสรรเงินลงทุนในกองทุน RMF, Thai ESG และ Thai ESGX แยกกันอย่างชัดเจน เพื่อให้มั่นใจว่าคุณใช้สิทธิในแต่ละวงเงินได้อย่างเต็มที่
แต่หากคุณมีงบประมาณจำกัด อาจต้องพิจารณาเลือกใช้สิทธิระหว่าง Thai ESG (วงเงินปกติ) กับ Thai ESGX (วงเงิน 1 จากเงินลงทุนใหม่) เนื่องจากทั้งสองกองทุนนี้มีเกณฑ์การลดหย่อนภาษีที่เหมือนกันคือ ไม่เกิน 30% ของเงินได้พึงประเมิน และสูงสุดไม่เกิน 300,000 บาท โดยการลงทุนใน Thai ESGX (วงเงิน 1) จะเป็นเงื่อนไขเฉพาะปี 2568 นี้เท่านั้น
2. ถือ LTF เดิมอยู่? มีสิทธิสับเปลี่ยนไปยัง Thai ESGX (วงเงิน 2)
สำหรับผู้ที่ยังคงถือหน่วยลงทุน LTF เดิมอยู่ โดยไม่มีการขาย/สับเปลี่ยน LTF ตั้งแต่วันที่ 12 มี.ค. 2568 เป็นต้นไป สามารถสับเปลี่ยนหน่วยลงทุน LTF เดิมที่มีทั้งหมดทุกกองทุน ทุก บลจ. เข้ากองทุน Thai ESGX ได้ เพื่อรับสิทธิลดหย่อนภาษีเพิ่มเติมสูงสุดไม่เกิน 500,000 บาท โดยมีเงื่อนไขสำคัญ ดังนี้
- ตรวจสอบสิทธิ LTF ที่สามารถนำมาสับเปลี่ยนได้ ต้องเป็นหน่วยลงทุนที่คุณถือครองอยู่ตามคณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติ โดยต้องไม่มีการขายหรือสับเปลี่ยน LTF ตั้งแต่วันที่ 12 มี.ค. 2568 เป็นต้นไป หากมีการทำรายการดังกล่าวจะไม่สามารถใช้สิทธิได้ (โปรดตรวจสอบข้อมูลจาก บลจ. ที่ถือหน่วยลงทุน หรือจากระบบ FundConnext https://setga.page.link/Bzid)
- ต้องสับเปลี่ยน LTF “ทั้งหมด” ที่ถืออยู่ในทุก บลจ. มายังกองทุน Thai ESGX ภายในช่วงวันที่ 13 พ.ค. – 30 มิ.ย. 2568 หากสับเปลี่ยนเพียงบางส่วน จะถือว่าผิดเงื่อนไขและเสียสิทธิการลดหย่อนในส่วนนี้ และต้องถือครอง Thai ESGX อย่างน้อย 5 ปีเพื่อรักษาสิทธิประโยชน์ดังกล่าว
- ส่วนที่เกิน 500,000 บาทจะไม่ได้รับสิทธิ์ลดหย่อนในรอบนี้ แต่ยังต้องถือครองครบ 5 ปีเช่นกัน
หากท่านประสงค์จะใช้สิทธิในการสับเปลี่ยนหน่วยลงทุนจากกองทุน LTF ไปยังกองทุน Thai ESGX กรุณาติดต่อบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ที่ท่านถือหน่วยลงทุนอยู่
3. แนวทางการใช้สิทธิ
แม้จะไม่มีข้อกำหนดแน่นอน แต่ผู้ลงทุนสามารถพิจารณาแนวทางการใช้สิทธิลดหย่อนภาษีประจำปี 2568 ได้ตามลำดับความเหมาะสม ดังนี้
- Thai ESGX (วงเงิน 1 – เงินลงทุนใหม่): เนื่องจากเป็นเงื่อนไขเฉพาะในปี 2568 และมีวงเงินแยกต่างหาก ควรพิจารณาลงทุนในส่วนนี้ก่อน หากคุณมีเงินลงทุนใหม่ที่ต้องการใช้ลดหย่อนภาษี
- Thai ESGX (วงเงิน 2 – สับเปลี่ยน LTF): หากคุณมี LTF เดิมที่มีสิทธิ การสับเปลี่ยนเข้ามายัง Thai ESGX จะเปิดโอกาสให้คุณได้รับวงเงินลดหย่อนภาษีเพิ่มเติม สูงสุด 500,000 บาท ทยอยลดหย่อน 5 ปี ดังนั้น ควรดำเนินการสับเปลี่ยนให้เป็นไปตามเงื่อนไขภายในระยะเวลาที่กำหนด
- Thai ESG (วงเงินปกติ): หลังจากพิจารณาสิทธิจาก Thai ESGX แล้ว หากคุณยังมีวงเงินลดหย่อนเหลือ และต้องการลงทุนในกองทุน ESG เพิ่มเติม ก็สามารถพิจารณาลงทุนใน Thai ESG ได้
- RMF: เป็นกองทุนสำหรับการวางแผนเกษียณระยะยาว ซึ่งสามารถลงทุนได้ทุกปี และมีเงื่อนไขการถือครองที่ยาวนานกว่า ควรพิจารณาลงทุนตามแผนการเกษียณของคุณ โดยคำนึงถึงวงเงินลดหย่อนภาษีที่เหลืออยู่
ตัวอย่างการวางแผนลงทุนกองทุนลดหย่อนภาษีแบบไม่ทับซ้อน
สมมติคุณมีรายได้ 3,000,000 บาท ต่อปี และมี LTF เดิม มูลค่า 400,000 บาท
ตรวจสอบสิทธิก่อนลงทุน
- เช็กยอด LTF ที่มีสิทธิ โดยติดต่อ บลจ. หรือจากระบบ FundConnext https://setga.page.link/Bzid
- วงเงิน 1 (วงเงินใหม่) ต้องลงทุนใน Thai ESGX ภายในช่วง 2 พ.ค. – 30 มิ.ย. 2568 เท่านั้น
- วงเงิน 2 (สับเปลี่ยน LTF เดิม) ต้องดำเนินการภายในช่วง 13 พ.ค. – 30 มิ.ย. 2568 เท่านั้น
- หากลงทุนมากกว่าวงเงินที่ลดหย่อนได้ จะ “ไม่สามารถใช้ลดหย่อนส่วนเกินได้”
สรุปกลยุทธ์วางแผนใช้สิทธิไม่ให้ทับซ้อน
- วางแผนกำหนดเงินลงทุน RMF, Thai ESG และ Thai ESGX ให้ชัดเจน โดยพิจารณาจากฐานเงินเดือนและสิทธิลดหย่อนสูงสุดของแต่ละกองทุน
- ถ้ามี LTF เดิม อย่าลืมตรวจสอบสิทธิและอาจพิจารณาดำเนินการสับเปลี่ยนมายัง Thai ESGX ทั้งหมด ภายใน 30 มิ.ย. 2568 เพื่อใช้สิทธิลดหย่อนภาษีเพิ่มเติม
- พิจารณาลงทุน Thai ESGX ก่อน Thai ESG หากคุณมีเงินลงทุนใหม่ เนื่องจาก Thai ESGX (วงเงิน 1) เป็นสิทธิเฉพาะปี 2568
- ตรวจสอบยอด LTF ที่มีสิทธิล่วงหน้า เพื่อให้การสับเปลี่ยนเป็นไปอย่างครบถ้วน
- อย่าลืมเช็กเงื่อนไขการถือครอง สำหรับ RMF ต้องถือครองอย่างน้อย 5 ปีเต็มและอายุครบ 55 ปีบริบูรณ์ และสำหรับ Thai ESG และ Thai ESGX ต้องถือครองไม่น้อยกว่า 5 ปีนับจากวันลงทุน (นับวันชนวัน)
อ่านเพิ่มเติมได้ที่ สรุปกองทุน Thai ESGX เงื่อนไขพิเศษ โยก LTF เดิม ลดหย่อนภาษี 5 แสนบาท
Finnomena Funds คัดกองทุน Thai ESGX ที่เดียวครบจาก 19 บลจ. ชั้นนำ โอกาสการลงทุนครั้งสำคัญ พร้อมลดหย่อนภาษีเฉพาะปี 2568 ลงทุนภายในเดือนพฤษภาคม-มิถุนายนนี้เท่านั้น
ดูคำแนะนำเพิ่มเติม 👉 https://finno.me/thaiesg-hub-ws
คำเตือน: กองทุนรวมนี้มีลักษณะเฉพาะและความเสี่ยงเฉพาะ ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงของกองทุนรวมก่อนตัดสินใจลงทุน และควรศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่ระบุไว้ในคู่มือการลงทุนของกองทุน RMF, Thai ESG และ Thai ESGX กรณีไม่ได้ปฏิบัติตามเงื่อนไขภาษี จะไม่ได้สิทธิประโยชน์ตามเงื่อนไขกองทุน | การลงทุนในกองทุนรวมไม่ใช่การฝากเงิน | การใช้สิทธิ์ลดหย่อนภาษีเป็นไปตามหลักเกณฑ์ของกรมสรรพากร ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อกำหนดก่อนตัดสินใจ | สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน ฟินโนมีนา จำกัด ในช่วงเวลาวันทำการตั้งแต่ 09:00-17:00 น. ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 026 5100 และทาง LINE “@FINNOMENAPORT” | สำหรับผู้ลงทุนในความดูแลของ Kept by krungsri ติดต่อทีม Kept help center ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 296 6299