ในช่วงที่ผ่านมา ความยั่งยืนกลายมาเป็นข้อพิจารณาในการพัฒนาเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งในระดับโลกหรือในประเทศ ครอบคลุมตั้งแต่ภาคส่วนของรัฐและเอกชน สรุปสั้น ๆ ว่า หลังจากนี้ ความยั่งยืนทั้งในด้านการเมือง สังคม และสิ่งแวดล้อม จะกลายเป็นเรื่องที่ต้องคิดมากกว่าเดิมในทุกระดับ

อย่างในกรณีของไทย คุณเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้เน้นย้ำถึงความมุ่งมั่นของไทยต่อเวทีโลกในการประชุม SDG Summit 2023 ว่าจะลดก๊าซเรือนกระจกลง 40% ภายในปี 2030 รวมถึงจะขับเคลื่อนประเทศ โดยตระหนักถึงสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) เพื่อให้สามารถบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติ (SDGs) ได้สำเร็จ

เมื่อภาพใหญ่ทางเศรษฐกิจเปลี่ยนไป ธุรกิจที่ไม่สามารถปรับตัวให้สอดคล้องกับมาตรฐานด้านความยั่งยืนใหม่ ๆ จึงถือว่ามีความเสี่ยงในการเติบโตระยะยาว เช่น หากบริษัทไม่สามารถบรรลุมาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อมอาจเสี่ยงต่อค่าปรับมหาศาล ไปจนถึงสูญเสียโอกาสการส่งออกไปยังตลาดต่างประเทศที่ให้ความสำคัญเรื่องความยั่งยืนอย่างจริงจังเช่นในซีกโลกตะวันตก

ในทางกลับกัน ธุรกิจที่สามารถดำเนินงานสอดคล้องกับหลัก ESG ก็จะมีโอกาสในการเติบโตระยะยาว และที่สำคัญก็คือ มีโอกาสสร้างผลตอบแทนที่ดีระยะยาวให้กับนักลงทุนไปพร้อม ๆ สนับสนุนการเติบโตของสังคมในวิถีทางที่ดีขึ้นทั้งในด้านสังคมและสิ่งแวดล้อม

หนึ่งในกองทุนน่าสนใจที่ลงทุนในหุ้น ESG ของไทยคือกองทุน B-TOP-THAIESG กองทุนรวมบัวหลวงทศพลไทยเพื่อความยั่งยืน ที่มุ่งสร้างผลตอบแทนผ่านหุ้นที่มีการดำเนินงานโดยคำนึงถึงปัจจัยด้าน ESG ที่จะส่งผลให้เกิดระบบนิเวศที่ยั่งยืนของเศรษฐกิจและสังคมไทย

B-TOP-THAIESG: กองทุนรวม 10 ดาวเด่นด้าน ESG ของไทย

B-TOP-THAIESG หรือ กองทุนรวมบัวหลวงทศพลไทยเพื่อความยั่งยืน เป็นกองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืน (Thai ESG) ที่ลงทุนในหุ้นไทย มีความเสี่ยงระดับ 6 (เสี่ยงสูง) มุ่งหวังให้ผลประกอบการเคลื่อนไหวสูงกว่าดัชนีชี้วัด (Active Management)

กองทุนเน้นการลงทุนในหุ้นของบริษัทจดทะเบียนที่ได้รับการคัดเลือกจาก SET หรือองค์กรอื่นที่ ก.ล.ต. ยอมรับว่ามีความโดดเด่นด้านสิ่งแวดล้อม (Environment) หรือด้านความยั่งยืน (ESG) ซึ่งจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) หรือ ตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai)

นโยบายหลักของ B-TOP-THAIESG คือการลงทุนในหุ้น ESG ของไทย 10 ตัว ในสัดส่วนไม่น้อยกว่า 80% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน 

ทั้งนี้ ในช่วงที่มีการเปลี่ยนแปลงการลงทุนในหุ้นของบริษัท 10 อันดับแรก จำนวนหลักทรัพย์ดังกล่าวจะไม่เกิน 12 บริษัท

ส่องนโยบายการลงทุน B-TOP-THAIESG ที่จะช่วยคว้าโอกาสในยุคสมัยแห่งความยั่งยืน

1. การวิเคราะห์แบบ ESG Integration

สิ่งที่เหนือกว่าของกองทุน B-TOP-THAIESG คือ การวิเคราะห์แบบ ESG Integration หรือการนำ ESG เข้ามาเป็นปัจจัยวิเคราะห์เพิ่มเติมจากปัจจัยทั่ว ๆ ไป กล่าวอย่างเจาะจงมากขึ้น B-TOP-THAIESG มีการวิเคราะห์หลักทรัพย์ 2 ด้าน คือ

  • ปัจจัยพื้นฐาน (Fundamental Analysis) วิเคราะห์ปัจจัยมหภาคและปัจจัยพื้นฐานของบริษัท
  • กรอบความยั่งยืน (Sustainability Framework) หรือการวิเคราะห์ปัจจัยด้าน ESG

กรอบความยั่งยืน จะมองไปยัง 3 เรื่องสำคัญตามหลัก ESG คือ 

  • ความเสี่ยงด้านสิ่งแวดล้อม วิเคราะห์ความเปลี่ยนแปลงด้านนโยบายหรือกฎเกณฑ์ด้านสิ่งแวดล้อม ๆ 
  • สังคม มองถึงการดูแลพนักงาน ชุมชน และห่วงโซ่อุปทาน ไปจนถึงจริยธรรมและวัฒนธรรมองค์กร 
  • การกำกับดูแลที่ดี คำนึงถึงการกำกับดูแลกิจการ ความโปร่งใส พฤติกรรมองค์กร โครงสร้างการจัดการ และการจัดสรรเงินทุน

2. การร่วมมือกับบริษัท (Engagement Framework)

กองทุนจะเน้นการมีส่วนร่วมอย่างแข็งขันในบริษัทที่เข้าไปลงทุน เพื่อผลักดันให้เกิดความเปลี่ยนแปลงในองค์กรให้สามารถลดความเสี่ยงด้านความไม่ยั่งยืนอันจะส่งผลต่อการดำเนินงานและความสามารถในการแข่งขันผ่านหลากหลายช่องทาง เช่น

  • การประชุมตามปกติกับตัวแทนบริษัท (Routine Meeting) เช่น นักลงทุนสัมพันธ์ หรือทีมผู้บริหาร 
  • พิจารณาหารือกับคณะกรรมการบริษัท (Board Member Engagement) เพื่อยกระดับการติดตามและตรวจสอบเรื่องความยั่งยืน
  • นโยบายการใช้สิทธิออกเสียง (Proxy Voting) ในวาระต่าง ๆ ที่สำคัญ
  • การร่วมมือกับผู้ลงทุนอื่น (Collective Engagement) ตามความเหมาะสม

ที่มา: Presentation กองทุนรวมบัวหลวงทศพลไทยเพื่อความยั่งยืน B-TOP-THAIESG

ข้อมูล ณ เดือนธันวาคม 2566

ลงทุนใน B-TOP-THAIESG สร้างผลลัพธ์เชิงบวก พร้อมลดหย่อนภาษี

การลงทุนใน B-TOP-THAIESG นอกจากช่วยสร้างผลตอบแทนระยะยาวและสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อโลกด้วยการลงทุนในบริษัทที่ดำเนินงานตามหลัก ESG แล้ว ยังให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีให้กับนักลงทุนอีกด้วย

กองทุน Thai ESG สามารถลงทุนได้ไม่เกิน 30% ของเงินได้พึงประเมิน แต่ไม่เกิน 100,000 บาท/ปี ไม่นับรวมกับกองทุนอื่น ๆ ที่ให้สิทธิประโยชน์ทางภาษี เช่น RMF, SSF, PVD, กบข., ประกันบำนาญ และกองทุนเพื่อการเกษียณอื่น ๆ โดยไม่จำเป็นต้องลงทุนต่อเนื่องทุกปี ลงทุนปีไหนก็ได้รับสิทธิ์ปีนั้น (ตั้งแต่ปี 2566 ถึง 2575) แต่จะต้องถือครองให้ครบ 8 ปีขึ้นไป นับจากวันที่ซื้อหน่วยลงทุนครั้งแรก

ที่มา: Presentation กองทุนรวมบัวหลวงทศพลไทยเพื่อความยั่งยืน B-TOP-THAIESG

ข้อมูล ณ เดือนธันวาคม 2566

รายละเอียดอื่น ๆ ของ B-TOP-THAIESG (ข้อมูล ณ วันที่ 6 ธ.ค. 2566)

  • เป็นกองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืน (Thai ESG) ที่ลงทุนในตราสารทุนแบบไม่มีความเสี่ยงต่างประเทศในกลุ่ม Equity General
  • ลงทุนในหุ้นของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) หรือ ตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ที่ได้รับการคัดเลือกจาก SET หรือองค์กรหรือสถาบันอื่นที่สำนักงาน ก.ล.ต. ยอมรับว่ามีความโดดเด่นด้านสิ่งแวดล้อม (Environment) หรือด้านความยั่งยืน (Environmental Social and Governance: ESG) โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า 80% ของ NAV
  • มุ่งหวังให้ผลประกอบการสูงกว่าดัชนีชี้วัด (Active Management)
  • มีสัดส่วนการลงทุนในกองทุนรวมอื่นภายใต้ บลจ. เดียวกัน ไม่เกิน 20% ของ NAV
  • อาจลงทุนใน Derivatives เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากการลงทุนรวมถึงเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารการลงทุน (EPM) และ/หรือ Structured Note
  • มีความเสี่ยงอยู่ที่ระดับ 6
  • นโยบายการจ่ายปันผล: ไม่มี
  • ค่าธรรมเนียมซื้อ ยกเว้น
  • ค่าธรรมเนียมขาย ยกเว้น
  • ลงทุนขั้นต่ำครั้งแรก 500 บาท
  • ลงทุนขั้นต่ำครั้งถัดไป 500 บาท

สรุปจุดเด่นของกองทุน B-TOP-THAIESG

ที่มา: Presentation กองทุนรวมบัวหลวงทศพลไทยเพื่อความยั่งยืน B-TOP-THAIESG

ข้อมูล ณ เดือนธันวาคม 2566

B-TOP-THAIESG เป็นกองทุน Thai ESG ที่เปิดโอกาสให้นักลงทุนได้รับผลตอบแทนระยะยาวผ่านการลงทุนในบริษัทที่ดำเนินงานสอดคล้องกับหลัก ESG โดยมีกลยุทธ์การลงทุนแบบ ESG Integration คือมองว่าความยั่งยืนเป็นปัจจัยหนึ่งที่จะทำให้บริษัทสามารถเติบโตได้ในระยะยาว

นอกจากโอกาสการลงทุนและโอกาสที่จะเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างผลลัพธ์เชิงบวกให้กับโลกแล้ว การลงทุนใน B-TOP-THAIESG ยังเปิดโอกาสให้นักลงทุนเข้าถึงสิทธิประโยชน์ทางภาษีเพิ่มเติม นอกเหนือจากกองทุนที่ให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีอื่น ๆ ทั้ง RMF, SSF, PVD, กบข., ประกันบำนาญ และกองทุนเพื่อการเกษียณอื่น ๆ เป็นจำนวน 30% ของเงินได้พึงประเมิน แต่ไม่เกิน 100,000 บาท/ปี

ผู้ที่สนใจลงทุนในกองทุน B-TOP-THAIESG สามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://finno.me/firemakerbtoptesg-ws 

อ้างอิง


คำเตือน

ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไข ผลตอบแทน ความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน และควรศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่ระบุไว้ในคู่มือการลงทุนของกองทุน SSF RMF และ Thai ESG กรณีไม่ได้ปฏิบัติตามเงื่อนไขภาษี จะไม่ได้สิทธิประโยชน์ตามเงื่อนไขกองทุน | การลงทุนในกองทุนรวมไม่ใช่การฝากเงิน | กองทุนมีการลงทุนกระจุกตัวในประเทศที่ลงทุน จึงมีความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนจำนวนมาก ผู้ลงทุนจึงควรพิจารณาการกระจายความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุนโดยรวมของตนเองด้วย | สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่ บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน ฟินโนมีนา จำกัด ในช่วงเวลาวันทำการตั้งแต่ 09:00-17:00 น. ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 026 5100 และทาง LINE “@FINNOMENAPORT”

iran-israel-war