ETF คืออะไร

ETF คืออะไร?

ETF หรือ Exchange Traded Fund คือ กองทุนรวมดัชนี (Index Fund) ที่มีนโยบายการลงทุนตามดัชนีต่างๆ เช่น ตลาดหุ้น สินค้าโภคภัณฑ์ ตราสารหนี้ เป็นต้น โดยต้องการสร้างผลตอบแทนให้ใกล้เคียงกับการเคลื่อนไหวของดัชนีมากที่สุด

ความพิเศษของ ETF คือ เป็นกองทุนรวมดัชนีที่สามารถซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ได้เหมือนหุ้น โดยได้ราคาซื้อขายแบบ Real time อีกด้วย

มีทั้งคำว่า “หุ้น” และคำว่า “กองทุนรวม” สรุปแล้ว ETF คืออะไรกันแน่?

มาย่อยคำแปลของ ETF กันต่อสักนิด

E = Exchange หมายถึง ETF มีการซื้อขายหน่วยลงทุนเปลี่ยนมือกันในตลาดหลักทรัพย์ (The Stock Exchange)

T = Traded หมายถึง ETF สามารถทำการซื้อขายหน่วยลงทุนผ่านบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) หรือ โบรกเกอร์ได้เหมือนหุ้น

F = Fund หมายถึง ETF เป็นจัดเป็นกองทุนรวม (Mutual Fund) ประเภทหนึ่ง

สรุปแล้ว ETF คือ กองทุนชนิดหนึ่ง ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ทำให้สามารถซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ได้เหมือนหุ้นนั่นเอง

ข้อแตกต่างระหว่างหุ้น ETF และกองทุนรวม

ราคาซื้อขาย

  • หุ้น และ ETF สามารถซื้อขายได้แบบ Real time ล็อกราคาที่อยากซื้อและขายได้เลย
  • กองทุนรวม แม้จะซื้อขายช่วงเช้าของวัน แต่เราจะทราบราคาซื้อขายช่วงสิ้นวันทำการ

ซึ่งเป็นจุดที่ ETF ได้เปรียบกว่ากองทุนรวมในกรณี เช่น หากเลือกลงทุนในดัชนี SET50 ระหว่างวันดัชนีวิ่งลงมาถึงจุดที่เราต้องการ สามารถซื้อ ETF ในราคานั้นได้เลย และหากสิ้นวันนั้นดัชนีวิ่งกลับขึ้นไปสู่จุดเดิม กองทุนรวมที่จะได้ราคาซื้อขาย ณ สิ้นวันทำการ จะมีต้นทุนที่สูงกว่า

ผลตอบแทนและความเสี่ยง

  • หุ้น จัดว่าเป็นตราสารทุน เป็นตราสารที่มีความเสี่ยงสูง อาจแลกมากับผลตอบแทนที่สูงได้
  • ETF และกองทุนรวม มีสินทรัพย์ให้เลือกลงทุนตั้งแต่สินทรัพย์เสี่ยงต่ำ อย่างตราสารหนี้ ไปจนถึงสินทรัพย์เสี่ยงสูงอย่างหุ้นและสินทรัพย์โภคภัณฑ์ ดังนั้นผลตอบแทนและความเสี่ยงมีตั้งแต่ระดับต่ำไปจนถึงสูง ขึ้นอยู่กับประเภทสินทรัพย์ที่เลือกลงทุน

การกระจายการลงทุน

  • หุ้น เมื่อลงทุนในหุ้น 1 ตัว เท่ากับการลงทุนใน 1 ธุรกิจ จึงไม่มีการกระจายการลงทุนในการลงทุน 1 สินทรัพย์
  • ETF และกองทุนรวม เมื่อเลือกประเภทสินทรัพย์ที่ลงทุน 1 ประเภท เท่ากับมีการกระจายการลงทุนอยู่ภายใน เช่น ลงทุนในดัชนี SET50 เท่ากับการลงทุนในหุ้น 50 ตัว ในการลงทุน 1 ประเภทสินทรัพย์

**ข้อควรรู้**

ETF คือกองทุนรวมที่ลงทุนในดัชนี (index) เท่านั้น ดังนั้นจะเป็นการลงทุนแบบเชิงรับ (passive fund) ต้องการผลตอบแทนเคลื่อนไหวไปตามดัชนี เช่น อยากลงทุนในดัชนี้ SET50 ใน ETF สามารถลงทุนได้ผ่านกองทุน TDEX

แต่กองทุนรวมมีการลงทุนแบบเชิงรับ (passive fund) และการลงทุนแบบเชิงรุก (active fund) ที่ต้องการผลตอบแทนมากกว่าดัชนีอ้างอิง ทำให้มีสินทรัพย์การลงทุน และนโยบายการลงทุนที่หลากหลายกว่า

ผู้ดูแลสภาพคล่อง

  • ETF มีผู้ดูแลสภาพคล่อง (Market Maker) คำถามคือมีแล้วมีข้อดีอย่างไร? จุดประสงค์ของ ETF มีขึ้นมาเพื่อเป็นกองทุนรวม ที่สามารถซื้อขายเปลี่ยนมือกันได้อย่างสะดวก และ ETF เป็นการลงทุนที่อิงกับดัชนี ดังนั้นการที่มีผู้ดูแลสภาพคล่อง จะช่วยให้ราคาซื้อขายสอดคล้องกับการขึ้นลงของดัชนีอ้างอิงอยู่เสมอนั่นเอง
  • หุ้น และกองทุนรวม ไม่มีผู้ดูแลสภาพคล่อง

และนี่ก็คือความหมายของ ETF และความแตกต่างระหว่างสินทรัพย์อื่น ๆ อย่างหุ้นและกองทุนรวม

อยากลงทุนใน ETF ต้องทำอย่างไร?

ในกรณีที่เป็น ETF ของไทย เราสามารถซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้เหมือนหุ้น เพียงแค่เปิดบัญชีซื้อ-ขายหุ้นก็สามารถซื้อ ETF ในประเทศไทยได้

ในกรณีที่เป็น ETF ต่างประเทศ บางโบรกเกอร์หุ้นก็มีเปิดบริการให้ซื้อขาย ETF ต่างประเทศเช่นกัน แต่ข้อจำกัดก็คืออาจจะมีกำหนดขั้นต่ำการเปิดพอร์ตหรือการลงทุน ซึ่งจำนวนอาจจะค่อนข้างสูง และอาจจะเจอค่าธรรมเนียมที่ค่อนข้างแพงและยิบย่อย

อีกวิธีการลงทุนใน ETF ต่างประเทศที่ง่ายและไม่จำเป็นต้องใช้เงินเยอะ คือการซื้อผ่านกองทุนรวมที่ไปลงทุนในกองทุน ETF ต่างประเทศอีกที โดยกองทุนประเภทนี้จะมีผู้จัดการกองทุนฝั่งไทยช่วยดูแลด้วย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสินทรัพย์การลงทุนหรือการป้องกันความเสี่ยงค่าเงิน การซื้อกองทุนประเภทนี้จึงเปรียบเสมือนเราไปลงทุนในกองทุน ETF ต่างประเทศเช่นกัน อีกหนึ่งจุดเด่นคือขั้นต่ำการลงทุนในกองทุนรวมเหล่านี้นั้นไม่ได้ใช้จำนวนเงินเยอะ บางกองแค่หลักพันก็ลงทุนได้แล้ว ทำให้มีความสะดวกสบายมากกว่า

ตัวอย่างกองทุนรวมที่ลงทุนใน ETF ต่างประเทศ

Get Wealth Soon