สรุปครึ่งปี 2563 พอร์ต Equity-Prop Balanced Growth VS SET

วิกฤติ Covid-19 เป็นวิกฤติที่มีความรุนแรงมากที่สุดในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา ที่ส่งผลกระทบทางตรงและทางอ้อมแก่คนทุกกลุ่มตั้งแต่กลุ่มแรงงานไปจนถึงนักลงทุน

เศรษฐกิจของประเทศไทยนั้นพึ่งพาการส่งออกและการท่องเที่ยวเป็นสัดส่วนใหญ่ ดังนั้นหากการท่องเที่ยวและการส่งออกยังไม่สามารถกลับมาเป็นเช่นเดิมได้ ความเป็นไปได้ที่ประเทศไทยจะฟื้นฟูเศรษฐกิจกลับมาเป็นเช่นเดิมก็จะต้องเลื่อนออกไป

การลงทุนต่อไปนี้ก็ยังมีความท้าทายหลายอย่างรอคอยอยู่ ทั้งเรื่องของการฟื้นฟูเศรษฐกิจภายในประเทศ วัคซีนป้องกัน Covid-19 และการฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศอื่น ๆ ทั่วโลก

Equity-Prop Balanced Growth Port (เดิมชื่อ Best of Risk Adjusted Return – Equity REITs) ก็ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ปัจจุบันเช่นกัน เนื่องจากพอร์ตการลงทุนนั้นอิงกับเศรษฐกิจภายในประเทศไทยเป็นหลัก โดยประกอบไปด้วย 50% เป็นหุ้นขนาดใหญ่ และอีก 50% เน้นอสังหาริมทรัพย์เพื่อเช่า

ถ้าเราไปดูไส้ในของพอร์ตก็จะพบกองทุนทั้งหมด 4 กองทุนที่ผมคัดเลือกไว้ ยังคงมีการแบ่งสัดส่วนเท่ากัน 25% โดย 2 กองทุนจะลงทุนในหุ้น ส่วนอีก 2 กองทุนจะลงทุนในกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ครับ

  • กองทุนหุ้น TISCOEGF สัดส่วน 25%
  • กองทุนหุ้น JB25 สัดส่วน 25%
  • กองทุนอสังหาริมทรัพย์ TMBPIPF สัดส่วน 25%
  • กองทุนอสังหาริมทรัพย์ MPDIVMF (ชื่อเดิม M-PROP DIV) สัดส่วน 25%

ผลงานครึ่งปีแรก 2563

เราลองมาดูผลงานครึ่งปีแรก 2563 กันดีกว่าครับว่าพอร์ตจะเป็นอย่างไรบ้าง

1. TISCOEGF -10.88%

สรุปครึ่งปี 2563 พอร์ต Equity-Prop Balanced Growth VS SET

2. JB25 -16.02%

สรุปครึ่งปี 2563 พอร์ต Equity-Prop Balanced Growth VS SET

3. TMBPIPF -14.53%

สรุปครึ่งปี 2563 พอร์ต Equity-Prop Balanced Growth VS SET

4. MPDIVMF (ชื่อเดิม M-PROP DIV) -17.14%

สรุปครึ่งปี 2563 พอร์ต Equity-Prop Balanced Growth VS SET

ข้อมูล ณ วันที่ 12 ก.ค. 2563
ที่มา: FINNOMENA

ผลการดำเนินงานในอดีต และผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต

ผลตอบแทนโดยรวมตั้งแต่ต้นปี 2563 ของ Equity-Prop Balanced Growth นั้นอยู่ที่ -15% YTD โดยเฉลี่ย ใกล้เคียงดัชนี SET ที่ -15% YTD เช่นกัน

แต่หากเราดูผลตอบแทนย้อนหลัง 1 ปี Equity-Prop Balanced Growth ก็ยังให้ผลตอบแทนที่ดีกว่าดัชนี SET อยู่พอสมควร

สรุปครึ่งปี 2563 พอร์ต Equity-Prop Balanced Growth VS SET

ข้อมูล ณ วันที่ 14 ก.ค. 2563
ที่มา: FINNOMENA

ผลการดำเนินงานในอดีต และผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต

เมื่อดูกราฟเราจะพบว่า Equity-Prop Balanced Growth​ (สีส้ม) ชนะดัชนี SET (สีเทา) มาโดยตลอดย้อนหลัง 1 ปี

ซึ่ง ณ ปัจจุบัน Equity-Prop Balanced Growth ให้ผลตอบแทนย้อนหลัง 1 ปีที่ -9% ดีกว่าดัชนี SET ที่ -16% ยังตรงตาม Concept ที่ว่า…

“ผลตอบแทนที่ดีในระยะยาวอาจจะไม่ได้มาจากการสร้างผลตอบแทนให้ได้สูงที่สุดเสมอไป แต่เป็นการขาดทุนให้น้อยที่สุดในช่วงเวลาที่ไม่ดีด้วยเช่นกัน”

แต่อย่างไรก็ตาม ก็ยังแพ้ดัชนี MSCI และ S&P500 อยู่พอสมควร ซึ่งนี่อาจจะเป็นสัญญาณที่บ่งบอกว่าเศรษฐกิจในประเทศไทยจะได้รับผลกระทบหนักกว่าเศรษฐกิจของต่างประเทศหรือไม่

ความคิดเห็นเกี่ยวกับพอร์ต

โดยรวมพอร์ตก็ยังคงให้ผลตอบแทนตามที่คาดหวังไว้ แต่ก็ยังไม่สามารถทนทานต่อสภาวะวิกฤติที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศไทยและของทั่วโลกได้ แต่หากเป็นนักลงทุนที่มีระยะเวลาในการลงทุนที่ยาวนาน นี่อาจจะเป็นเพียงแค่เรื่องกระทบชั่วคราวเพียงเท่านั้น ในท้ายที่สุดแล้วทุกอย่างก็จะเริ่มฟื้นฟูกลับเข้าสู่ปกติ หากเรามองว่านี่เป็นเพียงเรื่องชั่วคราวในกรอบการลงทุนภายใน 1-2 ปีข้างหน้า เราก็ยังสามารถลงทุนในช่วงสภาวะเช่นนี้ได้ เพียงแต่เราจะต้องวิเคราะห์ให้ถี่ถ้วนว่าเศรษฐกิจของประเทศไทยจะกลับมาในรูปแบบใดก่อนที่จะลงทุน

Equity-Prop Balanced Growth นั้นประกอบไปด้วยสินทรัพย์ 2 ประเภท 1) หุ้นขนาดใหญ่ 2) กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์

สินทรัพย์แต่ละประเภทมีลักษณะที่ต่างกันออกไป หุ้นขนาดใหญ่นั้นจะเติบโตไปตามการเติบโตของประเทศ ซึ่งส่วนตัวผมคาดว่าอนาคตประเทศไทยไม่น่าจะเติบโตมากนัก

หลังจากวิกฤติผ่านไป ก็อาจจะเติบโตสูงผิดปกติได้เพียง 1-2 ปีเนื่องจากฐานต่ำในปีก่อน แต่หลังจากนั้นก็จะกลับเข้าสู่ความเป็นจริงว่าประเทศไทยไม่สามารถเติบโตได้สูงเทียบเท่าอดีต ทำให้มุมมองผลตอบแทนของหุ้นขนาดใหญ่จะไม่ได้สูงเหมือนในอดีต การเติบโตอย่างมากปีละ 7-8% (รวมปันผล) ก็น่าจะเพียงพอแล้ว

ส่วนกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์นั้นก็ได้รับผลกระทบเช่นกันแต่อาจจะไม่ได้กระทบหนักมากนัก เพราะส่วนใหญ่อสังหาริมทรัพย์นั้นจะอยู่ในรูปแบบของสำนักงานให้เช่าและศูนย์การค้าที่อยู่ในทำเลที่ดี สำนักงานให้เช่าโดยภาพรวมแล้วน่าจะได้รับผลกระทบต่ำกว่าเนื่องจากยังมีความต้องการเช่าพื้นที่สำนักงานอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะทำเลที่อยู่ใกล้สถานีรถไฟฟ้า ซึ่งสินทรัพย์กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์นั้นมีอัตราผลตอบแทนเพียงแค่จากปันผลก็คิดเป็นราว 5-6% ต่อปี ยังไม่รวมการขึ้นค่าเช่าที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต

เมื่อเฉลี่ยทั้ง 2 สินทรัพย์แล้วผมยังคาดการณ์ว่าผลตอบแทนที่คาดหวังได้สำหรับ Equity-Prop Balanced Growth Port อยู่ที่ประมาณ 8% ต่อปีในระยะยาว

ใครสนใจ Equity-Prop Balanced Growth Port สามารถกดสร้างแผนการลงทุนได้ที่นี่เลยครับ

InvestDiary

ที่มาบทความ: https://investdiary.co/2020/07/12/190/


คำเตือน

ผู้ลงทุนต้องทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน | ผลการดำเนินงานในอดีต และผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต | สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน ฟินโนมีนา จำกัด ในช่วงเวลาวันทำการตั้งแต่ 09:00-17:00 น. ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 026 5100 และทาง LINE “@FINNOMENAPORT”