ระเบิดเวลาของนักขี่กระทิง

หลังช่วงที่ผ่านมาตัวผมเองได้ลองมาเขียนบทความหุ้นรายตัวมากขึ้น และก็คงจะเขียนต่อไปเรื่อย ๆ แหละครับ แต่ในฐานะที่ผมเองเคยพูดไว้ก่อนหน้านี้ว่า เมื่อตลาดเกิดความไม่สมเหตุสมผลหรือความผิดปกติ ผมจะนำข้อเท็จจริงขึ้นมาให้ทุกคนได้ฉุกคิดอีกครั้ง ซึ่งในตอนนี้ผมก็มองว่าเป็นเวลาอันควรที่ผมควรจะนำข้อมูลที่ว่ามาเปิดเผยให้กับทุกคนครับ

ก่อนอื่นผมขอเกริ่นและอธิบายคร่าว ๆ ถึง Margin of Safety หรือส่วนเผื่อความปลอดภัยกันก่อน

Margin of Safety คืออะไร? ทำไมตอนนี้ถึงสำคัญมาก ๆ

Margin of Safety ถ้าแปลเป็นไทยก็คือส่วนเผื่อความปลอดภัย ซึ่งสามารถนำมาปรับใช้กับการลงทุนได้ในการหา Bargain หรือข้อต่อรอง ที่เราจะหาได้ในเวลาที่ตลาด ราคาพังครืนร่วงลงมาแรง ๆ จนทำให้หุ้นบางตัวหรือแม้แต่ตราสารหนี้มี “มูลค่านำราคา” และอาจทำให้หุ้นตัวนั้น ๆ นำพาราคากลับไปสู่มูลค่าที่แท้จริงได้ในเวลาถัดไป

ซึ่งในส่วนของตราสารหนี้เราอาจจะหาตราสารเราอาจจะหาตราสารหนี้ที่มีเครดิตที่ดีมีศักยภาพจ่ายหนี้ได้สูง ในจังหวะที่ราคาร่วงลงมาจนตำ่กว่าราคาตั้งต้น (ราคา par) และยิ่งราคาต่ำกว่าราคาตั้งต้นเท่าไรส่วนเผื่อความปลอดภัยที่ว่าก็จะมากขึ้นเท่านั้น

และในส่วนของหุ้นเราอาจจะหาหุ้นที่มีมูลค่า “ถูก” จากมูลค่าสินทรัพย์หรือจากศักยภาพในการทำกำไรของบริษัทหรือที่เราชอบใช้กันในรูปแบบของ PE และ PBV

แต่ในวันนี้ผมขอพูดในเชิงมุมมองของภาพรวมตลาดที่หากเราดูในเรื่องส่วนของ Margin of Safety แล้ว ณ จุด ๆ นี้ อาจจะค่อนข้างอันตรายเลยทีเดียวครับ ซึ่งโดยปกติแล้วในเชิงของตลาดผลตอบแทนของหุ้นก็ควรอยู่ในระดับที่สูงกว่าตราสารหนี้หรือพันธบัตรซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่มีความปลอดภัยมากกว่า และยิ่งส่วนต่างนี้สูงมากเท่าไรก็หมายความว่าส่วนเผื่อความปลอดภัยของเราก็จะยิ่งมากขึ้นไปเท่านั้น

สิ่งที่ผมเชื่อและเข้าใจก็คือเหล่านักลงทุนเน้นคุณค่าหรือนักลงทุน VI จะใส่ใจกับเรื่องดังกล่าวมากเป็นพิเศษ จนทำให้เขาเข้าซื้อในจุดที่ได้เปรียบและถึงแม้นักลงทุนเหล่านั้นจะต้องเผชิญกับความไม่แน่นอนที่อาจเกิดขึ้นได้ในอนาคต เขาก็จะมีส่วนเผื่อความปลอดภัยและขาดทุนได้ยากกว่านักลงทุนแนวเก็งกำไร

ผลตอบแทนของหุ้นเทียบพันธบัตรเริ่มเข้าสู่จุดที่ย่ำแย่

และหากเรามาว่ากันถึง Margin of Safety ในตอนนี้ เราก็อาจจะเห็นได้ว่าการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงอาจอยู่ในช่วงที่มีความอันตรายก็ว่าได้ เราต่างคาดหวังให้พลังของ Fed กดผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลให้ต่ำจนทำให้ตลาดหุ้นเดินหน้าต่อไปอย่างสมเหตุสมผล

แต่ Fed เองจะสู้กับความคาดหวังและความไม่สมเหตุสมผลของคนได้ไปตลอดจริง ๆ หรือ? หากวันใดวันหนึ่งผู้คนแห่การเปิดโหมดการลงทุนที่เรียกว่า “Risk On” หรือการลงทุนแบบเสี่ยงเต็มสูบ ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลก็อาจจะเหวี่ยงกระชากได้แรงกว่านี้ก็เป็นได้ และอาจทำให้ส่วนเผื่อความปลอดภัยที่ว่าดูย่ำแย่ลงไปอีก

และถ้าหากเรามาเทียบกับข้อมูลในตอนนี้ที่ผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลแบบ 10 ปีของสหรัฐเริ่มกระชากขึ้นมาที่ 0.89% ในขณะที่ผลตอบแทนของดัชนี S&P 500 อยู่ที่ 2.77% ก็เท่ากับว่าเราจะมี Margin of Safety อยู่เพียงแค่ 1.88% เพียงเท่านั้น! หรือ เท่ากับว่าพันธบัตรเองต้องการแรงเทขายให้ผลตอบแทนดังกล่าวเพิ่มขึ้นมาอีกเพียง 1% หรือ 1% กว่า ๆ เพียงเท่านั้น ความไม่สมเหตุสมผลก็จะเกิดขึ้นจนทำให้ตลาดมีความเสี่ยงสูงที่จะพังลงมาอีกรอบ

ระเบิดเวลาของนักขี่กระทิง

ภาพแสดงผลตอบแทนของหุ้น Earning Yield วันที่ 16 พฤศจิกายน 2020 ที่มา: multpl.com

ระเบิดเวลาของนักขี่กระทิง

ภาพแสดงผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล 10 ปีสหรัฐ วันที่ 16 พฤศจิกายน 2020 ที่มา: multpl.com

ในขณะเดียวกันก็มีคนเชื่อว่าทาง Fed เองจะพยายามควบคุมทุกอย่างเอาไว้ ซึ่งผมก็เห็นด้วยครับว่าเขาคงจะทำเช่นนั้น แต่เราจะรู้อนาคตได้อย่างไรว่า Fed จะสามารถประคองอัตราผลตอบแทนพันธบัตรไปได้ตลอด แม้ในวันที่นักลงทุนเปลี่ยนใจเป็น Risk On กระทันหันพร้อมกันเป็นจำนวนมาก ซึ่งสิ่ง ๆ นี้ผมมองว่ามันก็คงไม่ต่างอะไรกับตอนปี 2008 ที่ทุก ๆ คนเชื่อว่า “ซื้อบ้านยังไงเดี๋ยวราคาก็ขึ้น” คล้าย ๆ กับประโยคในใจใครหลาย ๆ คนตอนนี้อย่าง “ซื้อหุ้นยังไงเดี๋ยว Fed ก็ช่วยเอง”

Warren Buffett เริ่มลงทุนแล้วตลาด = ขาขึ้นจริงหรือ?

ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมาเราอาจได้เห็นนักลงทุนหลาย ๆ ท่านเริ่มเข้ากลับมาลงทุน และหนึ่งในนักลงทุนที่ผู้คนต่างจับตามองก็คงหนีไม่พ้นนักลงทุนระดับโลกอย่าง Warren Buffett ที่ได้เริ่มเข้าซื้อหุ้น และผมเองก็เชื่อว่าหลาย ๆ คนก็คงจะมีคำถามหรือเริ่มทยอยซื้อหุ้นตามกันไป

โดยส่วนตัวแล้วผมมองว่า Warren Buffett เป็นนักลงทุนที่แสวงหา Bargain (ข้อต่อรอง) และอาจจะไม่ใช่นักคาดการณ์ตลาด รวมถึงการที่ Warren Buffett ดูจะให้ความสำคัญกับ Margin of Safety แล้วดังนั้นสิ่งที่คุณ Warren Buffett ทำอาจเป็นการลงทุนตามมูลค่าที่มีส่วนเผื่อความปลอดภัยสูง ไม่ใช่การคาดการณ์ว่าตลาดจะขึ้นหรือลงในอนาคต

แล้วหุ้นแบบไหนที่น่าสนใจในช่วงนี้?

ถ้าถามว่าช่วงนี้หุ้นอะไรน่าสนใจ หุ้นกลุ่มการบิน ดู ๆ แล้วก็ถือได้ว่าน่าสนใจมาก ๆ ทีเดียวครับ ในช่วงนี้หุ้นกลุ่มการบินบางตัวอยู่ในระดับที่ค่อนข้างถูกหากเทียบกับสินทรัพย์ ถึงแม้จะดูแพงหากมองในแง่ของ PE เนื่องจากรายได้และกำไรที่หดหายไป

และด้วยความถูกนี้เอง หุ้นเหล่านี้เวลาตลาดเกิดพังลงมาความผันผวนทางด้านราคาก็อาจจะน้อยกว่าหุ้นที่แพง และซื้อขายกันในระดับราคาที่เกินตัว จึงทำให้หุ้นกลุ่มเหล่านี้ดู ๆ แล้วก็น่าสนใจไม่เลวเลยทีเดียวครับ

อีกเรื่องหนึ่งอย่างเรื่องที่ว่ากันว่า ธุรกิจการบินกำลังจะเปลี่ยนไป โดยส่วนตัวจากที่ผมฟังมุมมองจากหลาย ๆ คนที่เดินทางต่างประเทศบ่อย ๆ พวกเขาเหล่านั้นไม่ได้อยากที่จะหยุดบินและนอนเฉย ๆ อยู่บ้านเล่นเกม ดูซีรี่ย์ ไปตลอด

แต่กลับกันแล้วผมกลับได้ยินหลาย ๆ คน กลับพูดถึงและโหยหาการที่จะกลับไปบิน ท่องเที่ยวและใช้ชีวิตแบบเดิม ดังนั้นหากเรื่องโควิดจบลงสักวันหนึ่ง หรือแม้แต่มีการเปิดประเทศอีกครั้งท่ามกลางความไม่แน่นอนของโรคระบาด ส่วนตัวแล้วผมมองว่าหุ้นกลุ่มนี้จะมีรายได้ที่กลับมาพรุ่งพรวด และอาจจะค่อนข้างน่าประทับใจเลยทีเดียวครับ

ส่วนใครอยากดูข้อมูลหุ้นกลุ่มการบินที่น่าสนใจ คลิกที่ลิ้งก์ด้านล่างได้เลยครับ

คลิกที่นี่

ก่อนจะจากกันผมก็ขอสรุปทิ้งท้ายไว้สั้น ๆ ว่า ผมไม่ได้มองว่าการเก็งกำไรเป็นเรื่องที่ผิดและไม่ควรทำ ในโลกนี้มีนักเก็งกำไรหลาย ๆ ท่านที่สร้างผลตอบแทนได้อย่างยอดเยี่ยมและน่าประทับใจอีกมาก

ความสนุกในการลงทุนสำหรับผมแล้วคือการได้เรียนรู้มุมมองที่แตกต่างจากหลาย ๆ ฝ่าย แลกเปลี่ยนรวมถึงนำศาสตร์ความรู้ต่าง ๆ มาประกอบเป็นกลยุทธ์ส่วนตัว หรือแม้แต่ทำให้ตัวเองพัฒนาเป็นนักลงทุนที่ยอดเยี่ยมยิ่ง ๆ ขึ้นไปในอนาคต

ในช่วงที่ตลาดอยู่ในจุดที่ย่ำแย่นักเก็งกำไรหลาย ๆ คนอาจจะรอทำกำไรจากการพังทลายของตลาด หรือหยุดพักการเทรดและหลีกเลี่ยงความเสี่ยงจากความผันผวน ในขณะเดียวกันนักลงทุนแนววีไออาจรอจังหวะที่ใช่อย่างการที่ราคาปรับตัวลงมาและแสวงหา Bargain หรือดีลที่ยอดเยี่ยม

แต่สำหรับผมแล้วในตอนนี้หรือในอีก 2-3 ปีข้างหน้าการลงทุนในหุ้นดู ๆ แล้วน่าจะอันตรายมาก ๆ เลยครับ

ขอให้ทุกคนโชคดีครับ

Mr. Serotonin

References

https://www.cnbc.com/quotes/?symbol=US10Y

https://www.multpl.com/s-p-500-earnings-yield