สำหรับปัญหาหลักของนักลงทุนรายย่อยก็คือ “เวลาหุ้นตก อยากช้อน แต่เงินดันหมด” … ผมคิดว่าปัญหานี้เป็นปัญหาคลาสสิกที่นักลงทุนหุ้นต้องประสบพบเจอกันบ่อยมาก แล้วเราจะแก้ปัญหานี้ยังไงดี ?
ว่าที่จริงตัวผมเองก็เป็นหนึ่งในผู้ประสบกับปัญหาดังกล่าว เวลาที่หุ้นขึ้น เราก็มักจะซื้อหุ้นเต็มมือ และปล่อยให้มันขึ้นไปเรื่อย ๆ แต่พอหุ้นตก เราก็ยังคงมีหุ้นเต็มมือ “ไม่มีเงินสด !!” ทำให้เสียโอกาสเก็บหุ้นราคาถูกไปอย่างน่าเสียดาย !
แล้วเราจะแก้ปัญหา เวลาหุ้นตกแต่เงินหมดอย่างไร ? ลองมาดูวิธีแก้กันครับ
จากภาพตัวอย่าง สมมติว่าเรามีเงินเริ่มต้นลงทุน 100,000 บาทถ้วน และเราเล็งหาหุ้นลงทุน จนเจอหุ้นตัวหนึ่งที่ราคา 10 บาทต่อหุ้น
เราทำการประเมินมูลค่าหุ้นแล้วพบว่า … อีก 8 เดือนข้างหน้าราคาหุ้นจะขึ้นไปกว่า 25 บาทต่อหุ้น ! (เป็นตัวอย่างสมมตินะครับเพื่อให้เห็นภาพชัด ๆ) เราจะทำอย่างไรดี ? เมื่อตอนนี้เรามีเงินอยู่ในมือ 100,000 บาท ในขณะที่ราคาหุ้น 10 บาท
วิธีการแบบนี้ดูเหมือนง่าย แต่ทำจริงยากมาก เพราะราคาหุ้นมักจะผันผวนตลอดเวลา แต่สิ่งที่ผมอยากสื่อก็คือ เวลาหุ้นขึ้น เราควรแบ่งขายออกมาบ้างราว 5-10% ของขนาดพอร์ตในตอนนั้น ไม่ได้ให้ขายทั้งหมด เพื่อเวลาหุ้นตก จะได้มีเงินช้อนซื้อ แต่สำหรับคนที่มีกระแสเงินสดประจำ ก็ไม่จำเป็นต้องจับจังหวะแบบนี้ หรือคนที่พอร์ตใหญ่มาก ๆ เช่น ดร.นิเวศน์ ก็ไม่มีความจำเป็นต้องทำ เพราะลำพังเงินปันผล ก็มากมายมหาศาล เป็นกระแสเงินสดที่มากพอที่จะมาช้อนซื้อหุ้นราคาถูกยามวิกฤตินั่นเองครับ
#นายแว่นลงทุน
**สนใจลงทุนในพอร์ต RUNNING for Growth พอร์ตกองทุนรวมหุ้นซึ่งจัดโดยนายแว่นลงทุน คลิกที่นี่เพื่อดูรายละเอียดเลย https://www.finnomena.com/port/naiwaen
หากคุณคิดจะลงทุนเพิ่มในกองทุนรวม นี้คือสิ่งที่คุณไม่อยากพลาด! สมัครสมาชิกตอนนี้เพื่อรับโพยกองทุนเด็ดที่แนะนำ อัพเดททุกเดือนจาก FINNOMENA
กดที่นี่เพื่อรับโพยกองทุนAdvance, Article, GURUPORT, Product Recommend, Short Content, หุ้นเติบโต