“เลือกกองทุนที่จ่ายเงินปันผลสูงๆ สิ จะได้มีกระแสเงินสดไว้ใช้”
“เลือกกองทุนที่ไม่จ่ายเงินปันผลสิ ปล่อยให้เงินโต จะได้สร้างเงินก้อนเพื่อบรรลุเป้าหมาย”
ถ้าถามว่า 2 ประโยคนี้ อันไหนถูก เราคงตอบไม่ได้ค่ะ เพราะต่างก็ถูกทั้งนั้น การลงทุนสามารถให้เราได้ทั้งเงินปันผล และการเติบโตของเงินทุน
ด้วยเหตุนี้ หลายคนเลยยังสับสนว่า เวลาจะเลือกกองทุน ควรเลือกแบบไหนดี แบบกินปันผลไปเรื่อยๆ ราคาไม่ได้เหวี่ยงมาก หรือ แบบที่ราคามีโอกาสเติบโตไปไกล แต่ไม่มีกระแสเงินสดจ่ายออกมาใช้
คำตอบของคำถามข้อนี้ ขึ้นอยู่กับเป้าหมายของบุคคลแต่ละคน วันนี้เราจะชวนมาทบทวนกันว่าความแตกต่างระหว่างกองทุนที่จ่ายปันผล และไม่จ่ายปันผล คืออะไร แล้วแต่ละแบบเหมาะกับผู้ลงทุนแบบไหนกันแน่?
กองทุนที่จ่ายเงินปันผล จะนำกำไรที่ได้จากสินทรัพย์ที่ลงทุน ไม่ว่าจะในรูปแบบ Capital Gain หรือ เงินปันผล ออกมาจ่ายเป็นกระแสเงินสดให้ผู้ลงทุน ถือเป็นการลงทุนที่หลายคนนิยมเพราะให้ความรู้สึกว่ามี “รายได้” เข้ามาเรื่อยๆ ซึ่งจริงๆ แล้ว เงินปันผลก็มีลักษณะคล้ายๆ ดอกเบี้ยที่เราได้รับนั่นเอง แต่เงินปันผลจะมากจะน้อยก็แล้วแต่จำนวนเงินต้นที่เราลงทุนไป รวมถึงผลประกอบการของกองทุน และสินทรัพย์ที่กองทุนไปลงทุน
เงินปันผลต้องเสียภาษีจ้า ในกรณีของกองทุน จะเสียภาษี ณ ที่จ่าย 10% และไม่มีการขอคืนภาษีเหมือนเงินปันผลจากหุ้นด้วย
ถึงอย่างนั้น เรามีเคล็ดลับนิดหนึ่ง คือ ลองตรวจสอบฐานภาษีของเราก่อน
หากรวมเงินปันผลทั้งปีแบบไม่หักภาษีเข้าไปแล้ว ยังไม่เกิน 10% ก็สามารถยื่นขอคืนภาษีได้ เราจะได้รับเงินคืน
แต่ถ้ารวมเงินปันผลแบบไม่หักภาษีเข้าไปแล้ว มากกว่าหรือเท่ากับ 10% ก็อย่านำเงินปันผลเข้าไปคำนวณในฐานรายได้ เพราะนอกจากจะไม่ได้เงินคืนแล้ว ยังอาจทำให้เสียภาษีเพิ่มขึ้นด้วย
ศึกษาเพิ่มเติมได้ที่นี่
Club Fund Day – Ep 4 : “เงินปันผลกองทุนรวม” ยื่นภาษีดีมั้ย? – FINNOMENA PODCAST
สมมติว่าเรามีหน่วยลงทุนของกองทุน A จำนวน 100,000 หน่วย ซึ่งกองทุนมีนโยบายการจ่ายปันผลครั้งนี้อยู่ที่ 0.3 บาทต่อหน่วย ทำให้เราได้รับเงินปันผลเป็นจำนวน 30,000 บาท แต่จะถูกหัก ณ ที่จ่าย 10% ด้วย ฉะนั้น เราจะได้รับเงินเป็นจำนวนทั้งหมด 27,000 บาท
สำหรับจำนวนขั้นต่ำในการซื้อกองทุนนั้นก็แตกต่างกันไปตามแต่ละกองทุน แต่ยิ่งเรามีเงินทุนเยอะ เราก็สามารถซื้อหน่วยลงทุนได้มากขึ้น และทำให้มีโอกาสได้รับเงินปันผลเพิ่มตามไปด้วย
ถ้าหากใครสนใจการลงทุนเพื่อสร้างกระแสเงินสดอย่างสม่ำเสมอในรูปแบบของเงินปันผล ทาง FINNOMENA มีแผน GIF มานำเสนอ เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ไม่ต้องการความผันผวนมาก และมี Passive income ตลอดทั้งปี มีผู้เชี่ยวชาญคอยให้คำแนะนำอย่างสม่ำเสมออีกด้วย ดูรายละเอียดได้ที่ https://www.finnomena.com/gif-private-banking/
กองทุนประเภทนี้ ตามชื่อเลยคือหากกองทุนได้รับกำไรจากสินทรัพย์ที่ลงทุนอยู่ ไม่ว่าจะในรูปแบบ Capital Gain หรือเงินปันผล ก็จะไม่มีการจ่ายปันผลออกมาให้นักลงทุนเป็นตัวเงิน ในทางตรงกันข้าม กองทุนจะนำกลับไปลงทุนต่อ เพื่อให้เงินก้อนที่ใช้ลงทุนนั้นเพิ่มมากขึ้น
หากคุณคิดจะลงทุนเพิ่มในกองทุนรวม นี้คือสิ่งที่คุณไม่อยากพลาด! สมัครสมาชิกตอนนี้เพื่อรับโพยกองทุนเด็ดที่แนะนำ อัพเดททุกเดือนจาก FINNOMENA
กดที่นี่เพื่อรับโพยกองทุนการเติบโตของเงินทุน ก็เหมือนทฤษฎีการทบต้นของดอกเบี้ย (Compounding) เวลาเราฝากธนาคารนั่นแหละ เมื่อนำดอกเบี้ยหรือกำไรที่เราได้รับ กลับไปทบกับเงินต้นของเรา โดยไม่ถอนเงินออกและเอาไปใช้จ่ายอย่างอื่น ทำให้เงินต้นก้อนใหม่เรายิ่งมีจำนวนสูงขึ้น สามารถคำนวณดอกเบี้ยหรือกำไรที่จะได้รับในครั้งต่อไปยิ่งสูงขึ้นอีก เป็นดอกเบี้ยบนดอกเบี้ยอีกทีหนึ่ง เพื่อเพิ่มพูนให้เงินโตขึ้นเรื่อยๆ และเข้าสู่กระบวนการการสร้างความมั่งคั่ง
แต่อย่าลืมว่าถ้าเราเอาเงินแต่ฝากธนาคาร ด้วยดอกเบี้ยที่น้อยนิด เงินของเราคงโตไม่ค่อยเร็ว ถ้าเราเอาเงินของเราไปลงทุนในสินทรัพย์ต่างๆ หรือลงในกองทุนรวมที่ได้รับผลตอบแทนมากกว่าการฝากธนาคาร และการลงทุนเรื่อยๆ ก็ทำให้เงินทุนในพอร์ตเติบโตเร็วยิ่งขึ้น
ถ้าหากเพื่อนๆ คนไหนสนใจการลงทุนแบบเน้นเติบโต ทาง FINNOMENA ก็มีแผน GOAL และ 1st Million มาให้ลงทุนกันด้วยนะ เหมาะสำหรับนักลงทุนที่มีเป้าหมายการลงทุน เช่น การเก็บเงินก้อน และ การเก็บเงินล้าน มีการลงทุนสะสมเรื่อยๆ และหากเป็นคนที่ไม่มีเวลาดูแลพอร์ต เราก็มีผู้เชี่ยวชาญช่วยดูแลตลอดเลย ดูรายละเอียดได้ที่ https://www.finnomena.com/goal และ https://www.finnomena.com/1stM
ก็ทำได้เช่นกัน แต่อย่าลืมว่าเงินปันผลที่เราได้รับนั้น โดนหักภาษี ณ ที่จ่าย 10% ไปแล้ว และถ้าเรานำเงินก้อนนี้ไปซื้อกองทุนใหม่ ยังอาจจะโดนค่าธรรมเนียมขาเข้าด้วย ยิ่งโดนหักเยอะไปกันใหญ่ ในทางตรงกันข้าม หากเราเลือกที่จะไม่รับเงินปันผลเลย เงินส่วนนี้จะไม่ถูกจ่ายออกมา ไม่ถูกหัก ณ ที่จ่าย 10% ไม่เจอค่าธรรมเนียมขาเข้า และจะถูกนำไปลงทุนต่อโดยอัตโนมัติ ทำให้เงินก้อนนี้เต็มเม็ดเต็มหน่วยกว่า
ทีนี้ เพื่อให้เห็นภาพความแตกต่าง ลองมาดูการเปรียบเทียบการเติบโตของ NAV กองทุน TMB50 (ไม่จ่ายปันผล) และ กองทุน TMB50DV (จ่ายปันผล) ว่าเป็นอย่างไร นี่เป็นกองทุนที่มีนโยบายลงทุนในสินทรัพย์แบบเดียวกันเป๊ะ นั่นคือหุ้นในดัชนี SET50
เปรียบเทียบการเติบโตของ NAV ระหว่างกองทุน TMB50 และ TMB50DV คำนวณ ณ วันที่ 22 ก.ค. 2019 (ที่มา: FINNOMENA Fund)
*ผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต*
ดูข้อมูลการเปรียบเทียบ 2 กองทุนนี้เพิ่มเติมได้ที่ https://www.finnomena.com/fund/compare?fund=tmb50,TMB50DV
เราจะเห็นได้ว่า เส้นสีฟ้า ซึ่งเป็นเส้นของ TMB50 (ไม่จ่ายปันผล) มีการเติบโตของราคาที่สูงกว่ามากๆ นั่นเพราะกองทุนมีการนำเงินไปลงทุนต่อ ส่วนกองทุนที่จ่ายปันผลอย่าง TMB50DV เมื่อได้กำไรหรือปันผลมา ก็จ่ายให้นักลงทุน จำนวนเงินที่นำไปลงทุนให้งอกเงยก็น้อยกว่า เงินก็นำไปลงทุนในหุ้นเน้นปันผลที่ราคาจะพุ่งไม่แรงเท่าหุ้นที่ไม่เน้นปันผล แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า TMB50DV หรือกองทุนที่จ่ายปันผลจะด้อยกว่านะ เพราะจุดเด่นของมันคือกระแสเงินสดที่สม่ำเสมอ ใครที่ต้องการรายได้แบบ Passive Income แน่นอนว่ากองทุนปันผลก็จะเหมาะกว่า
เราจะเห็นได้ว่ากองทุนสองประเภทนี้ แม้จะมีนโยบายกองทุนที่เหมือนกัน แต่การที่กองหนึ่งจ่ายปันผล กองหนึ่งไม่จ่าย ก็ส่งผลต่อโอกาสการเติบโตของเงินก้อน ดังนั้น ไม่ใช่ว่ากองทุนสองประเภทนี้จะเหมาะกับทุกคนเสมอไป เราต้องสำรวจตัวเองก่อนว่า สถานะทางการเงินของเราเป็นแบบไหน
สำหรับบุคคลที่ยังมีเงินน้อยๆ อยู่ ก็ควรจะเก็บเงินไว้ลงทุนเรื่อยๆ ในกองทุนไม่จ่ายปันผลดีกว่า แถมยิ่งเราลงทุนได้นานขึ้น จาก 5 ปี เป็น 10 ปี หรือ 20 ปี เงินของเราก็ยิ่งโตขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งเริ่มเร็ว ก็ยิ่งมีระยะเวลาให้เงินเติบโตได้นาน และยิ่งถ้าทยอยเติมเงินเข้าพอร์ตไปเรื่อยๆ เงินก้อนก็จะยิ่งโตขึ้นไปอีก จึงมีโอกาสได้เห็นเงินเป็นกอบกำมากกว่า
แต่สำหรับบุคคลที่มีเงินก้อนจำนวนหนึ่งแล้ว และไม่ได้ทำงานประจำ หรือเกษียณอายุไปแล้ว ก็อาจจะนำเงินก้อนไปลงทุนในกองทุนจ่ายปันผล เพื่อให้มีกระแสเงินสดใช้ในชีวิตประจำวัน ยิ่งฐานเงินก้อนเยอะเท่าไร โอกาสที่จะได้รับเงินปันผลจำนวนมากก็มีสูงขึ้นเท่านั้น ถามว่าแล้วทำอย่างไรให้ได้ฐานเงินก้อนเยอะๆ ล่ะ? ก็เริ่มจากการลงทุนทำให้เงินงอกเงยตั้งแต่เนิ่นๆ นั่นเอง
อย่างไรก็ตาม ข้อมูลเบื้องต้นเป็นเพียงคำแนะนำคร่าวๆ เท่านั้น เราเชื่อว่าชีวิตของแต่ละคนมีรายละเอียดแตกต่างกันไป ไม่ใช่คนอายุน้อยทุกคนจะทำงานประจำรับเงินเดือน และไม่ใช่คนอายุมากทุกคนที่รับความเสี่ยงได้ต่ำ นอกจากนี้ คนคนหนึ่งยังสามารถลงทุนโดยมีเป้าหมายที่หลากหลายในเวลาเดียวกันได้ จึงเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่งที่เราจะต้องเข้าใจสภาพแวดล้อมของตัวเอง เพื่อเลือกลงทุนได้อย่างเหมาะสมนะ
สร้างแผนลงทุนด้วยแอป LINE ได้ง่ายๆ ผ่านมือถือ คลิกเลย!
https://www.finnomena.com/line/intro
ใครอยากหาความรู้เพิ่มเติม ยังมีมหกรรมการลงทุนสำหรับคนรุ่นใหม่วัยทำงาน “รวมพลคน (อยาก) ลงทุน”
31 สิงหาคม 2562 เวลา 12.30 น. กดติดตาม Get Reminder ชมถ่ายทอดสดได้ในลิงก์ด้านล่างนี้
แอด LINE @FINNOMENA เพื่อรับ Notification แจ้งการ LIVE – http://line.me/ti/p/%40FINNOMENA
ชมผ่าน Facebook LIVE – https://www.facebook.com/finnomena/posts/1009596292719341
รับชมผ่าน Youtube LIVE – https://youtu.be/meriAL6CXao
คำเตือน
ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลสำคัญของกองทุนโดยเฉพาะนโยบายกองทุน ความเสี่ยง และผลการดำเนินงานของกองทุน โดยสามารถขอข้อมูลจากผู้แนะนำก่อนตัดสินใจลงทุน | ผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต | ผู้ลงทุนอาจมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากการป้องกันความเสี่ยงขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้จัดการกองทุน
หากคุณคิดจะลงทุนเพิ่มในกองทุนรวม นี้คือสิ่งที่คุณไม่อยากพลาด! สมัครสมาชิกตอนนี้เพื่อรับโพยกองทุนเด็ดที่แนะนำ อัพเดททุกเดือนจาก FINNOMENA
กดที่นี่เพื่อรับโพยกองทุน1stM, Article, Basic, Club Fund Day Podcast, GIF, Goal, Long Content, Picture Slide, podcast, Product Recommend, ไอเดียสร้างเงินล้าน
Podcast เกี่ยวกับ ธุรกิจ การเงิน การลงทุน กองทุนรวม หุ้น วางแผนการเงิน แบบเข้าใจง่าย ที่ www.finnomena.com/podcast