ต้อนรับวันจันทร์ต้นสัปดาห์ด้วย LIVE รายการ THE OPPORTUNITY โดยคุณเจ็ท (FundTalk) และคุณแบงค์ (Mr.Messenger) เหมือนเดิมครับ รายการนี้จัดขึ้นเพื่อเอาใจนักลงทุนสาย DIY โดยเฉพาะ ซึ่งปัจจุบันมีจำนวนคิดเป็น 50% ของลูกค้าของ FINNOMENA ทั้งหมด นักลงทุน DIY ท่านใดมีเงินก้อนอยู่ตอนนี้แต่ยังไม่รู้จะลงทุนกองทุนไหนดี ติดตามรายการ THE OPPORTUNIY ได้เลยครับ

สำหรับสรุป LIVE ทีมงานขอเปลี่ยนรูปแบบการสรุปให้สั้นลง แต่ยังคงประเด็นที่น่าสนใจไว้ เพื่อที่จะได้ประหยัดผู้อ่านที่มีเวลาไม่มาก สำหรับท่านที่อ่านแล้วอยากฟังข้อมูลเพิ่มเติมสามารถฟังได้ใน LIVE ครับ

Market Wrap Up: เกิดอะไรขึ้นบ้างในสัปดาห์ที่ผ่านมา

  • จากที่เคยคาดการณ์ว่าการ rebound จะเป็น U-shape / V-shape / L-shape ตอนนี้ค่อนข้างชัวร์แล้วว่าเป็น V-shape
  • ผู้ชนะที่ตัวจริงที่ฟื้นตัวแบบ V-shape ในรอบนี้คือ NASDAQ ซึ่งก็คือหุ้นเทคฯนั่นเอง โดยดัชนี NASDAQ100 เพิ่งทะลุ all-time-high ไป ส่วน NASDAQ ก็กำลังเทสระดับ all-time-high อยู่
  • การ Rebound รอบนี้มีหลายคนตกรถ สังเกตจาก Fund Flow ในช่วงที่ผ่านมา ที่เงินกว่า 1 ล้านล้านดอลลาร์ไปกองอยู่ใน Money Market เพื่อความปลอดภัย
  • หลายๆภูมิภาคกิจกรรมทางเศรษฐกิจเริ่มกลับมา กราฟสามารถผ่านเส้นค่าเฉลี่ย 200 วันขึ้นมาได้ทั้งตลาด Asia ex Japan, Europe, Emerging Market
  • เช่นเดียวกับ SET ที่ผ่านเส้นค่าเฉลี่ย 200 วันอย่างง่ายดาย แนวต้านที่ควรระมัดระวังถัดไปคือเส้นฟิโบนักชี 61.8% ที่แถวๆ 1,464 ถ้าหากทะลุผ่านไปได้มองว่าให้ตั้งเป้าไว้แถวๆ 1,600
  • เงินบาทแข็งค่าขึ้นในช่วงนี้ เนื่องจาก Dollar Index ที่อ่อนลงจากการทำ QE ชุดใหญ่ของ FED
  • โอกาสที่ค่าเงินดอลลาร์จะแข็งค่ากลับมาได้ อาจเกิดจากการที่ยุโรปเริ่มอัด QE บ้างเพื่อให้ค่าเงินของตัวเองอ่อนลง และจากการที่ตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯออกมาดีกว่าคาด ถ้าดอลลาร์กลับมาแข็ง เงินบาทก็อาจจะกลับมาอ่อนได้
  • สำหรับราคาทองมีการปรับฐานลงมา ส่วนหนึ่งมาจากหุ้นที่ตอนนี้โตแรงกว่า และ Dollar Index ที่อ่อน ถ้าดอลลาร์กลับมาแข็งและเม็ดเงินกลับไปที่ทอง ราคาทองอาจจะวิ่ง แนะนำนักลงทุนให้รอดูท่าทีทิศทางของค่าเงินดอลลาร์ก่อน

โพยกองทุนน่าลงทุนในช่วงนี้

OPPORTUNITY 1: World of Yield Seeker

จาก research นักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่มองว่า กว่า FED จะกลับมาขึ้นดอกเบี้ยต้องใช้เวลา 2 ปี (ปี 2022) ดังนั้นนักลงทุนจะเริ่มมองหาการลงทุนที่ให้ yield สูงขึ้น กองทุนที่ FINNOMENA แนะนำในโอกาสนี้ มีอยู่ 3 กองด้วยกัน คือ

1. PHATRA G-UBOND-H (ความเสี่ยง: ต่ำ)

เพราะว่า – Spread ของพันธบัตรสหรัฐเริ่มแคบลงมาเรื่อยๆ ส่งผลให้ราคาของ Corporate Bond เริ่มดีขึ้นจากการที่ FED เข้ามาหนุน กองทุนที่ลงทุนในตราสารหนี้ทั่วโลกอย่างกอง PHATRA G-UBOND-H จึงน่าสนใจ

2. LHTPROP (ความเสี่ยง: ปานกลาง)

เพราะว่า – กองอสังหาไทยค่อยๆฟื้นตัว Yield ตอนนี้อยู่ที่ 5.6% ซึ่งยังมองว่าสูงอยู่ ในภาวะ New Normal บางสินทรัพย์ขึ้นไปโดยที่ไม่มีปัจจัยพื้นฐานรองรับ อาจจะอันตราย แต่การลงทุนในอสังหาอย่างน้อยก็มี Yield เป็นพื้นฐาน จึงลงทุนในระยะยาวได้

3. KT-PROPERTY (ความเสี่ยง: ปานกลาง)

เพราะว่า – ถ้าผลตอบแทนจาก Bond เริ่มไม่พอสำหรับนักลงทุน เงินจะไหลมาที่ Yield ที่สูงขึ้นอย่างเช่น REIT ซึ่งกองนี้ลงอยู่ใน REIT ทั่วโลก นอกจาก Yield ที่ค่อนข้างโอเค ถ้าเกิดตลาดเกิดวกกลับเป็นขาลง กลุ่มอสังหาเป็นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบไม่มาก จึงปลอดภัยพอสมควร ทั้ง LHTPROP และ KT-PROPERTY

OPPORTUNITY 2: Pick the winner

The Winner ช่วงนี้คงเป็นใครไม่ได้นอกจากหุ้นเทคฯ รายการ THE OPPORTUNITY ก็ยังยืนยันมุมมองเดิมในการแนะนำกองทุนทั้ง 2 กองนี้ โดยเราไม่ได้เลือกกองทุนจากการที่มันขึ้นมาสูง แต่เราเลือกการที่มันจะสามารถขึ้นสูงไปได้อีก โดยกองทุนที่แนะนำคือ

1. KF-GTECH (ความเสี่ยง: สูง)

2. ONE-UGG-RA (ความเสี่ยง: สูง)

เพราะว่า – FINNOMENA ได้ทำการ Tactical Call กอง KF-GTECH และ ONE-UGG-RA ไปเมื่อกลางเดือนพฤษภาคมเนื่องจากเห็นสัญญาณซื้อ และตอนนี้ทั้งสองกองก็ยังสามารถโตได้ต่อเนื่อง สามารถซื้อถือได้ในระยะยาวเพราะพิสูจน์มาแล้วว่าเป็น The Winner ในวิกฤตนี้จริงๆ ส่วนการเทรดสั้นอาจจะต้องรอดูก่อน เพราะราคาถือว่าขึ้นไปสูงมากแล้ว

สำหรับนักลงทุนที่ทันเข้า Tactical Call ยังไม่แนะนำให้ออกในตอนนี้ เพราะยังไม่เห็นสัญญาณการย่อตัวครับ

หวังว่าสรุป LIVE วันนี้จะเป็นข้อมูลให้นักลงทุนทุกท่านได้ไม่มากก็น้อยครับ

เขียนโดย TUM SUPHAKORN

iran-israel-war