
ตอนที่ 1 เข้าใจปัจจัยที่กำหนดสไตล์ของแผนเกษียณ คลิก https://www.finnomena.com/wealthguru/risa/
เรามาต่อกันตอนที่ 2 เลยจะเป็นการเจาะลึกกลุ่มรองปัจจัยกำหนดสไตล์เกษียณ จากรูป
1. Time-Based vs. Perpetual
Time-Based
- คนที่ชอบแนวทาง Time-Based มักจะวางแผนรายได้ในช่วงเวลาที่กำหนด (เช่น 10, 20 หรือ 30 ปี) และเตรียมรายได้ให้ตรงกับช่วงเวลาที่ต้องการใช้จ่าย
- วิธีนี้เน้นไปที่การใช้เครื่องมือทางการเงินอย่าง time segmentation (bucketing strategy) หรือการลงทุนในสินทรัพย์ที่เหมาะสมในแต่ละช่วงเวลา
Perpetual
- กลุ่มนี้มุ่งเน้นให้มีรายได้หรือทรัพย์สินที่สามารถคงอยู่ได้ตลอดไป (sustainability หรือ legacy focus)
- วางแผนโดยคำนึงถึงการไม่ให้ใช้เงินจนหมด แม้ว่าเงินนั้นจะถูกถ่ายทอดไปสู่คนรุ่นหลัง
2. True Liquidity vs. Technical Liquidity
True Liquidity
- เน้นความสามารถในการเข้าถึงเงินสดหรือทรัพย์สินได้ทันทีตามที่ต้องการ โดยไม่มีข้อจำกัด
- บุคคลในกลุ่มนี้มักจะเลือกเครื่องมือที่เน้นความยืดหยุ่น เช่น บัญชีเงินฝาก พอร์ตลงทุน หรือกองทุนรวม
Technical Liquidity
- มุ่งเน้นเรื่องของ “สภาพคล่องทางบัญชี” โดยเน้นไปที่การใช้สินทรัพย์ที่ไม่สามารถเข้าถึงได้ง่าย (เช่น เงินในบัญชีเกษียณหรือแผนบำนาญ)
- กลุ่มนี้อาจไม่กังวลหากสภาพคล่องจริงต่ำ แต่ให้ความสำคัญกับการเพิ่มประสิทธิภาพในระยะยาว
3. Accumulation vs. Distribution
Accumulation (การสะสม)
- บุคคลที่มีแนวโน้มสะสมทรัพย์สินมากกว่าการใช้จ่ายในช่วงเกษียณ
- พวกเขามักจะต้องการเน้นไปที่การสร้างความมั่งคั่งที่ยั่งยืน และมีแรงจูงใจที่จะเก็บสะสมทรัพย์สินต่อไปแม้อยู่ในช่วงเกษียณ
Distribution (การกระจายรายได้)
- คนกลุ่มนี้มีเป้าหมายที่จะใช้ทรัพย์สินเพื่อสร้างรายได้สำหรับใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน
- พวกเขามักจะเน้นเครื่องมือที่ออกแบบมาเพื่อให้มั่นใจว่าเงินเพียงพอตลอดช่วงเกษียณ
4. Front-Load vs Back-Load
Front-Load (รายได้/ค่าใช้จ่ายที่เน้นในช่วงต้นของเกษียณ)
- คนที่เลือก Front-Load จะให้ความสำคัญกับการใช้เงินมากขึ้นในช่วงต้นของชีวิตเกษียณ เช่น ช่วง 5–10 ปีแรก
- แนวคิดนี้มักเกิดจากความเชื่อว่าช่วงแรกของการเกษียณคือเวลาที่จะทำกิจกรรมที่ต้องการ เช่น การเดินทาง ทำตามความฝัน หรือใช้เวลาอย่างเต็มที่ก่อนสุขภาพจะเริ่มถดถอย
- วิธีนี้เหมาะสำหรับคนที่ต้องการใช้จ่ายอย่างเต็มที่ในช่วงเวลาที่พลังงานยังเหลือเฟือ
ตัวอย่างเครื่องมือ:
- การถอนเงินแบบเร่งด่วน (accelerated withdrawals)
- การใช้เงินออมในสินทรัพย์ที่มีความคล่องตัวสูง เช่น กองทุนรวม
ข้อดี:
- สามารถใช้ชีวิตได้เต็มที่ในช่วงที่สุขภาพแข็งแรง
ข้อเสีย:
- อาจมีความเสี่ยงที่เงินจะหมดก่อนสิ้นสุดชีวิต (ถ้าวางแผนไม่ดี)
Back-Load (รายได้/ค่าใช้จ่ายที่เน้นในช่วงหลังของเกษียณ)
- คนที่เลือก Back-Load จะให้ความสำคัญกับการเก็บทรัพย์สินไว้ใช้ในช่วงหลังของเกษียณ เช่น ช่วงอายุ 75 ปีขึ้นไป
- แนวคิดนี้อาจมาจากความกังวลเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพในอนาคต ความยืนยาวของชีวิต (longevity risk) หรือการมุ่งมั่นในการสร้างมรดกให้ลูกหลาน
ตัวอย่างเครื่องมือ:
- การใช้ประกันชีวิตหรือประกันรายได้เพื่อสำรองรายจ่ายในอนาคต
- การลงทุนในสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนระยะยาว เช่น กองทุนแบบ target-date funds
ข้อดี:
- ช่วยป้องกันความเสี่ยงด้านการขาดเงินในระยะยาว
ข้อเสีย:
- อาจต้องลดการใช้จ่ายในช่วงต้นของเกษียณ ซึ่งอาจเป็นช่วงที่สุขภาพดี
สำหรับผมแล้ว จะเลือก Time-Based, Accumulation , Technical Liquidity และ Back-Load
คุณละจะเลือกแบบใด?
สนใจลงทุน Global Aggressive Hybrid Portfolio สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://port.finnomena.com/plan-select/plans/guruport-hyb
WealthGuru
คำเตือน
การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน | ผลการดำเนินงานในอดีต และผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต | กองทุนมีการลงทุนกระจุกตัวในประเทศที่ลงทุน จึงมีความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนจำนวนมาก ผู้ลงทุนจึงควรพิจารณาการกระจายความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุนโดยรวมของตนเองด้วย | ผู้ลงทุนอาจมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากการป้องกันความเสี่ยงขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้จัดการกองทุน | สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน ฟินโนมีนา จำกัด ในช่วงเวลาวันทำการตั้งแต่ 09:00-17:00 น. ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 026 5100 และทาง LINE “@FinnomenaPort”