หลายคนคงเคยได้ดูละครเลือดข้นคนจาง ซึ่งเกี่ยวกับการแย่งมรดกกันในธุรกิจครอบครัว

ละครสะท้อนชีวิตจริง!  มีข่าวมากมายที่เกี่ยวกับการแย่งมรดกธุรกิจครอบครัว

ขณะเดียวกันนั้น  ละครสะท้อนชีวิตจริง!

ผลการสำรวจธุรกิจครอบครัว ของ Price Waterhouse ในปี พ.ศ.  2555 พบว่า ธุรกิจครอบครัวมีอัตราการอยู่รอดไปถึงรุ่นที่ 2 คิดเป็น 30% ของรุ่นที่ 1 อัตราการอยู่รอดของธุรกิจครอบครัวรุ่นที่ 3 และ 4 จะคิดเป็น 12% และร้อยละ 3% (ตามลำดับ)

อะไรบ้างที่เป็นสัญญาณในการบ่งบอกการล่มสลายของธุรกิจครอบครัว

1) ขาดความชัดเจนในการทำงานร่วมกัน

การทำงานร่วมกันไม่ง่าย ยิ่งเป็นญาติพี่น้องก็ยิ่งยาก ดังนั้นการขาดความชัดเจนความชัดเจนในกฎกติกาย่อมนำมาซึ่งปัญหา เช่น

  • ขาดการจัดการโครงสร้างของธุรกิจและหุ้น  ถ้าไม่ชัดเจนว่าใครถือหุ้นเท่าไร ใครมีหน้าที่ทำให้ในธุรกิจ
  • ขาดการจัดการเรื่องเอกสารทางกฏหมาย  แม้ว่าจะมีการกำหนดชัดเจนใครถือหุ้นเท่าไร แต่ถ้าขาดข้อบังคับตามกฏหมายก็ไม่มีประโยชน์  เช่น ข้อบังคับของบริษัทสัญญาระหว่างผู้ถือหุ้นเกี่ยวกับการจัดการหุ้นหรือ แม้แต่พินัยกรรมก็ต้องชัดเจน เช่น  หุ้นที่สามีถือจะตกเป็นของภรรยา(คนนอกครอบครัว) หรือไม่ถ้าสามีเสียชีวิต
  • ขาดการจัดการเมื่อนำคนให้ครอบครัวมาทำงานในธุรกิจ  จะเกิดอะไรขึ้นถ้าคนในครอบครัวนำลูกมาทำงานในธุรกิจได้โดยไม่มีการคัดเลือก  ธุรกิจครอบครัวอาจจะพังด้วยเรื่องเล็กๆ แบบนี้  ดังนั้นจะต้องระบบการคัดเลือกเข้าทำงานเช่นเดียวกับพนักงานและลูกจ้างคนอื่นๆ

ยิ่งความชัดเจนในการทำงานร่วมกันน้อยเท่าไร ก็จะยิ่งทำให้เกิดปัญหามากขึ้นเท่านั้น

2) ขาดกลไกจัดการเกี่ยวกับผลประโยชน์

จะเกิดอะไรขึ้นถ้าลูกชายคนโตได้รับหุ้นมากกว่า ลูกคนอื่นๆ หรือ กลุ่มเขยและสะใภ้ที่เป็นสมาชิกในครอบครัว ไม่มีหุ้นแต่เข้ามาช่วยเงินในกิจการโดยได้แค่ผลตอบแทน แต่ไม่ได้เงินปันผล  สิ่งสำคัญคือ จะจัดสรรผลประโยชน์ให้เป็นไปอย่างเที่ยงธรรมได้อย่างไร เที่ยงธรรมไม่ได้หมายถึงเท่ากันแต่ต้องเหมาะสมและยุติธรรม และต้องจัดการสื่อสารระหว่างสมาชิกให้เข้าใจได้มากน้อยเพียงใด

3) ขาดการสื่อสารที่ดี

จากการวิจัยพบว่า ความเสื่อมถอยของธุรกิจครอบครัวส่วนใหญ่เกิดจาก การสื่อสารระหว่างเจ้าของรุ่นส่งมอบกับสมาชิกรุ่นที่รับมอบ และโดยเฉพาะการสื่อสารกันระหว่างสมาชิกต่างรุ่นกันก็จะทำให้มีปัญหาได้  โดยเฉพาะวัฒนธรรมของไทยจะมีเรื่องของอาวุโส ซึ่งทำให้มักจะมีปัญหาเรื่องนี้ค่อนข้างมาก  ถ้าธุรกิจครอบครัว ใดมีปัญหาเรื่องการสื่อสาร  โอกาสการมีปัญหาเรื่องการทำธุรกิจครอบครัวมาก

4) ขาดการวางแผนสืบทอดธุรกิจ

ปัญหาของธุรกิจครอบครัวของไทยคือ รุ่นที่ 1 ก่อตั้งธุรกิจมักจะทำงานคนเดียวจนถึงแก่ความตาย โดยไม่ยอมปล่อยให้รุ่นลูกเข้ามาร่วมตัดสินใจในกิจการ  การขาดซึ่งกระบวนการบ่มเพาะคนรุ่นใหม่และการคัดเลือกผู้ทำหน้าสืบทอดธุรกิจ จะนำมาซึ่งปัญหาในอนาคต

5) ขาดกลยุทธ์การเติบโตทางธุรกิจ

ในสมัยก่อน ธุรกิจมีวงจรชีวิตที่ยาวนานกว่า อัตราการเติบโตของไทยยังอยู่ที่สูง  แต่โลกเข้าสู่ยุค internet ยุค digital ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงไป เกิดสิ่งที่เรียกกว่า Business Disruption หรือ การทำลายล้างของธุรกิจ  สมัยก่อนพ่อค้าของกลางจำเป็น แต่เดี๋ยวนี้มีช่องทาง Online ตัดพ่อค้าคนกลางไม่จำเป็นออก   มีหลากหลายธุรกิจครอบครัวที่โดน  Business Disruption เช่น ธุรกิจการเดินรถ ธุรกิจการรับจ้างทำของต่อ  หรือ ธุรกิจสิ่งทอ

ดังนั้นธุรกิจครอบครัวจะไปต่อได้ก็จะต้องมีกลยุทธ์การเติบโตทางธุรกิจที่ดีมีแผนการระยะยาว และแค่กลยุทธ์อย่างเดียวไม่เพียงพอ จะทำให้เกิดจริงได้ก็ต้องได้รับความร่วมมือกันภายในครอบครัว

ถ้าเจ้าของธุรกิจท่านใด มีปัญหาขาดอย่างใดอย่างหนึ่งใน 5 ข้อนี้แล้ว

ท่านก็อาจจะพบกับ “สัญญาณการล่มสลายของธุรกิจครอบครัว” ได้

ก่อตั้งสร้างธุรกิจครอบครัวว่ายากแล้ว  แต่การรักษาและส่งต่อธุรกิจครอบครัวกลับยากกว่า

วางแผนธุรกิจครอบครัววันนี้ ดีกว่าปล่อยจนเสียเกินไป

WealthGuru


เริ่มลงทุนเพื่อเกษียณด้วยพอร์ตลงทุนแบบ Global Aggressive Hybrid พอร์ตกองทุนที่จัดโดย WealthGuru ซึ่งลงทุนในสินทรัพย์ทั่วโลก ทั้งเชิงรุกและเชิงรับ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการให้เงินสร้างความมั่งคั่งในอนาคต สามารถดูรายละเอียดและลงชื่อรับบริการได้ที่นี่ https://www.finnomena.com/port/wealthguru/

พอร์ตเก็บเงินก้อนเพื่อลูก และเพื่อเกษียณโดย WealthGuru

iran-israel-war