รวม 20 วาทะ ของ “วอร์เรน บัฟเฟตต์” ที่จะทำให้คุณ อ่านแล้ว “ฉลาด” ขึ้น

การลงทุนเป็นเรื่องของหลักการและเหตุผล แต่สิ่งที่เกิดขึ้นคือ คนส่วนใหญ่มักจะตัดสินใจซื้อหรือขายด้วยอารมณ์ และความรู้สึก ซึ่งทำให้พวกเขาไม่ประสบความสำเร็จ

แม้หลักการลงทุนของวอร์เรน บัฟเฟตต์เป็นหลักการที่เรียบง่าย แต่ไม่ได้ทำได้ง่ายๆ การควบคุมอารมณ์คือสิ่งสำคัญในการลงทุนที่จะช่วยให้คุณไม่ซื้อ-ขายตามอารมณ์ของนักลงทุนในตลาดที่ส่วนใหญ่แล้วมักจะผิด

บ่อยครั้งนักลงทุนที่ประสบความสำเร็จก็ไม่ได้เป็นคนที่ใช้หลักการที่ซับซ้อนอะไร แต่แค่เป็นคนที่ควบคุมอารมณ์ได้ดีกว่าคนส่วนใหญ่เท่านั้นเอง

นอกจากเรื่องการใช้อารมณ์แล้วก็ต้องอย่าลืมว่าหุ้นไม่เคยมีความรู้สึกอะไรกับคุณ มันไม่เคยสนว่าคุณซื้อมันมาเท่าไหร่ ถือยาวแค่ไหน และมีความรู้สึกกับมันอย่างไร คุณจะกำไรหรือขาดทุนก็เพราะการตัดสินใจอยู่บนพื้นฐานที่ถูกต้อง ซึ่งไม่เกี่ยวอะไรกับความรู้สึกหรือความคิดของคุณที่เกี่ยวกับหุ้นตัวนั้นๆ เลย

หลายคนชอบใช้เงินในการซื้อของที่ไม่ได้จำเป็นกับชีวิตเท่าไหร่นัก ในยามปกติคุณจะไม่เป็นอะไร แต่ในยามวิกฤติ เงินสดจะมีคุณค่ามาก หากคุณใช้เงินสดในการซื้อของที่ไม่จำเป็น สุดท้ายคุณอาจจะต้องขายของที่จำเป็นเพื่อนำเงินมาประทังชีวิต จงจำไว้เสมอว่าวิกฤตเกิดขึ้นเมื่อไหร่ก็ได้ ไม่มีใครคาดเดาได้ถูกต้อง ดังนั้นการเตรียมตัวไว้ตลอดเวลา การประหยัดให้มากจะทำให้คุณมีความสุขได้ในระยะยาว ทั้งในช่วงเวลาที่ดี และเวลาวิกฤติ

กิจการที่แข็งแกร่งจะมีอำนาจต่อรองเหนือลูกค้า ซึ่งวัดได้ง่ายๆด้วยการขึ้นราคา ถ้าขึ้นราคาแล้วลูกค้ายังซื้อของและใช้บริการตามปกติแปลว่าธุรกิจของคุณเป็นธุรกิจที่แข็งแกร่ง เพราะแม้จะขึ้นราคาแต่ลูกค้าก็ยังยอมซื้อในราคาที่แพงขึ้น

ความผิดพลาดเป็นเรื่องธรรมดา ไม่มีใครประสบความสำเร็จได้โดยไม่เคยผิดพลาด หากคุณกลัวความผิดพลาดมากไปคุณจะกลายเป็นคนที่ไม่กล้าตัดสินใจ และการไม่ตัดสินใจคือการตัดสินใจที่แย่ที่สุด

ในยามที่เศรษฐกิจรุ่งเรือง แม้แต่ธุรกิจแย่ๆ ก็สามารถทำกำไรได้ แต่เมื่อเศรษฐกิจแย่ลง มันจะทำให้เราเห็นว่าธุรกิจไหนคือธุรกิจที่เข้มแข็งอย่างแท้จริง

เศรษฐกิจที่รุ่งเรืองก็เหมือนนํ้าที่ขึ้นสูง คุณไม่มีวันรู้ว่าคนที่ว่ายนํ้าอยู่เปลือยกายหรือไม่? แต่เมื่อใดก็ตามที่เศรษฐกิจยํ่าแย่ระดับนํ้าลดลงคุณจะรู้ทันทีว่าใครคือคนที่เปลือยกายว่านํ้า ธุรกิจไหนที่ไม่ใช่ของจริง!

ทุกครั้งที่คุณจ่ายเงินซื้ออะไร จงตระหนักเสมอว่าอะไรคือสิ่งที่คุณได้รับ? และมันให้คุณค่ากับคุณอย่างไร มันทำให้ชีวิตของคุณดีขึ้นยังไง? อย่าวัดสิ่งของที่ราคาแต่จงวัดสิ่งของที่คุณค่า แล้วค่อยกลับไปดูว่าคุณค่าเท่านี้ควรมีราคาเท่าไหร่? ราคาที่คนส่วนใหญ่จ่ายไม่ได้หมายความว่ามันจะเป็นสิ่งที่ถูกต้อง

จงลงทุนในความรู้ จงลงทุนในสุขภาพของคุณ เพราะจะไม่มีใครมาแย่งมันไปจากคุณได้ การลงทุนแบบนี้ยิ่งลงทุน ยิ่งเติบโต ยิ่งดีขึ้น เป็นการลงทุนที่ดีกว่าการลงทุนในสินทรัพย์ใดๆทั้งปวง อย่าลืมว่าตัวคุณเองคือสินทรัพย์ที่สำคัญที่สุด

เมื่อพูดถึงการลงทุน คนมักจะกลัวความไม่แน่นอน แต่ถ้าลองมองอีกมุมหนึ่งเพราะมีความไม่แน่นอนจึงทำให้นักลงทุนผู้ชาญฉลาดสามารถทำกำไรจากตลาดที่ไร้เหตุผลได้ ถ้าทุกอย่างคือความแน่นอน ราคาในตลาดคือสิ่งที่สะท้อนราคาที่แท้จริง คงไม่มีใครสามารถทำกำไรจากการลงทุนได้ แต่อย่างที่คุณรู้วอร์เรน บัฟเฟตต์ คือคนที่ทำกำไรจากการลงทุนในตลาดหุ้นได้ เขาทำกำไรได้จากความไม่แน่นอนของตลาด สำหรับบัฟเฟตต์ ความไม่แน่นอนคือเพื่อนแท้ของเขา

ถ้าคุณไม่สามารถอธิบายอะไรก็ตามให้คนอื่นฟังและเข้าใจได้ง่ายๆ จงตระหนักไว้ว่าคุณเองอาจจะไม่เข้าใจสิ่งนั้นดีพอเช่นกัน

งานทุกงานจ่ายเงินเหมือนกัน แต่ไม่ใช่งานทุกงานที่คุณจะรักมันเท่าๆกัน จงเลือกทำงานที่คุณรัก และตื่นเต้นทุกครั้งที่ได้ทำ แล้วผลงานของคุณจะออกมาดีอย่างไม่มีที่ติ ไม่ใช่เพราะคุณเชี่ยวชาญแค่ไหน แต่เป็นเพราะคุณรักมันมากเท่าไหร่ต่างหาก

ช่วงเวลาในการซื้อหุ้นที่ดีที่สุด คือ ช่วงเวลาที่ทุกคนกำลังขายเพราะราคาจะถูกกดลงมาตํ่า จนเป็นช่วงที่หุ้นราคาถูกที่สุด

ช่วงเวลาในการขายหุ้นที่ดีที่สุด คือ ช่วงเวลาที่ทุกคนกำลังซื้อเพราะราคาจะถูกดันขึ้นไปสูงจนเป็นช่วงที่หุ้นราคาแพงที่สุด

การเป็นนักลงทุนที่ดีนอกจากเข้าใจพื้นฐานกิจการแล้ว ก็ต้องรู้จักอดทนรอเวลาที่เหมาะสมในการซื้อหรือขายหุ้นด้วย

บัฟเฟตต์ มองว่า หลักการลงทุน และการประเมินมูลค่าหุ้นไม่ใช่ปัญหาใหญ่ของนักลงทุน ปัญหาใหญ่อยู่ที่ “คน” ซึ่งก็คือตัวของนักลงทุนเองต่างหากที่สร้างปัญหาให้กับตัวเอง ด้วยการไม่อดทนรอ และปล่อยให้อารมณ์เข้าครอบงำ ส่งผลให้ตัดสินใจลงทุนแย่ๆ

อดีตมีไว้ศึกษาแต่ไม่ได้มีไว้บอกว่าเราควรทำอะไรในปัจจุบัน หากทุกสิ่งทุกอย่างเกิดขึ้นเหมือนกับในอดีต บรรณารักษ์ห้องสมุดทุกคนคงเป็นมหาเศรษฐีไปหมดแล้ว เพราะวันๆอยู่แต่ในห้องสมุด อ่านหนังสือประวัติศาสตร์มากมายทำให้รู้เรื่องอดีตมาก แต่เราก็รู้แล้วว่ามันไม่ได้เป็นแบบนั้น การรู้และเข้าใจอดีตเป็นเรื่องดี แต่ไม่ควรนำอดีตมาเป็นตัวตัดสินปัจจุบันและควรทำความเข้าใจสถานการณ์ปัจจุบันอย่างที่มันเป็น

หลายๆ คนมักจะคิดว่าการมีข้อมูลวงในจะทำให้ประสบความสำเร็จในการลงทุนได้ แต่ข้อมูลวงในของจริงนั้นมักจะหลุดมาไม่ถึงเราซึ่งเป็นคนนอกอย่างแน่นอน ดังนั้นข้อมูลวงในที่ได้มักจะไม่ใช่วงใน ใครที่เผลอเดิมพันกับข้อมูลแบบนี้มักจะต้องมีจุดจบที่ไม่สวยงามเท่าไหร่นัก

เวลาหุ้นตกมันไม่สนว่าคุณลงเงินเท่าไหร่ โอกาสที่เงินล้านจะกลายเป็นศูนย์ได้นั้นมีอยู่เสมอ ดังนั้นแทนที่จะพึ่งพิงกับข้อมูลวงในที่ก็ไม่รู้ว่าวงในจริงไหม หันมาศึกษาหาความรู้แล้วพึ่งตัวเองจะทำให้ประสบความสำเร็จได้ยั่งยืนกว่า “ตนเป็นที่พึ่งแห่งตนเสมอ”

การ “รวยเร็ว” เป็นความฝันของคนหลายๆ คน แต่จะมีซักกี่คนที่จะรู้ว่ากว่าคนเหล่านั้นจะ “รวยชั่วข้ามคืน” ได้เขาต้องสั่งสมประสบการณ์ ผ่านความผิดพลาด เจ็บปวดมามากขนาดไหน นักลงทุนที่ประสบความสำเร็จอย่างยั่งยืนได้ มักจะเป็นคนที่สั่งสมประสบการณ์มาอย่างยาวนาน ผ่านวิกฤติมาหลายครั้ง จนสุดท้ายประสบการณ์ของเขากลั่นตัวเป็นความสำเร็จในที่สุด เขาอาจสำเร็จในเวลาไม่กี่ปี แต่เขาเหล่านั้นใช้เวลามากกว่า 10 ปีในการเตรียมการเพื่อที่จะประสบความสำเร็จอย่างที่เราเห็น

บัฟเฟตต์ ลงทุนโดยใช้หลักการง่ายๆ เขาเคยกล่าวไว้ว่าในการลงทุนคุณไม่จำเป็นต้องเข้าใจสมการใดๆ ที่มีตัวอักษรกรีกเลย บัฟเฟตต์อาจจะใช้แค่การบวกลบคูณหารธรรมดา, ข้อมูลกิจการที่หาได้ทั่วๆไป แต่ที่พิเศษคือประสบการณ์และความรอบรู้ของเขาต่างหากที่ทำให้เขาประสบความสำเร็จ หากความสำเร็จของการลงทุนต้องการความรู้คณิตศาสตร์ขั้นสูง เขาคงต้องเป็นเด็กส่งหนังสือพิมพ์ไปตลอดชีวิตแน่นอน

ไม่ว่าคุณจะใช้สมการไหน หรือสูตรทางคณิตศาสตร์ใดๆมาใช้กับการลงทุน สิ่งสำคัญที่คุณต้องเข้าใจคือการเข้าใจตัวธุรกิจ ตัวเลขทางการเงินเหล่านั้นจะบอกอะไรคุณไม่ได้เลย ถ้าคุณไม่รู้ว่าธุรกิจทำอะไร มีกลยุทธแบบไหน มี Business model ยังไง

สูตรลับในการลงทุนของบัฟเฟตต์ คือการเลือกลงทุนเฉพาะธุรกิจชั้นยอดที่เขาสามารถประเมินได้ว่าจะยังดำเนินธุรกิจและเติบโตต่อไปได้ในอนาคตข้างหน้า อีกหลายๆปี

การลงทุนของบัฟเฟตต์จึงเป็นการลงทุนที่มีความเสี่ยงตํ่าที่แท้จริง สำหรับหลายๆกิจการที่ประเมินไม่ได้แม้แค่ปีหน้าว่าจะเป็นอย่างไร เขาจะหลีกเลี่ยงกิจการเหล่านั้นด้วยเหตุผลว่าเขาไม่เข้าใจในตัวกิจการ หรือบางครั้งเขาจะบอกว่ามันยากเกินไปที่จะเข้าใจ ซึ่งถ้ามหาเศรษฐีติดอันดับโลกแบบบัฟเฟตต์ยังไม่เข้าใจ แล้วจะประสาอะไรกับเราที่เป็นคนธรรมดา?

บัฟเฟตต์ลงทุนในหุ้นระยะยาว เขาสามารถจะลงทุนได้อย่างสบายใจแม้ว่าตลาดหุ้นจะไม่เปิดอีกเลยเป็นเวลา 5 ปี เพราะเขาเองก็ไม่คิดจะขายในระยะเวลาอันสั้นอยู่แล้ว บัฟเฟตต์มุ่งเน้นไปกับการวิเคราะห์กิจการและติดตามการดำเนินธุรกิจว่าธุรกิจของเขายังมีผลประกอบการที่ดีอยู่ไหม? ในขณะที่คนทั่วๆไปมุ่งเน้นอยู่กับการหาว่าหุ้นของพวกเขามีราคาเท่าไหร่? ซึ่งไม่ได้บ่งบอกหรือช่วยอะไรในการลงทุนเลย