เป้าทองคำ

ราคาทองคำปี 2568 ยังคงร้อนแรงต่อเนื่อง ทั้งในตลาดโลกและในประเทศไทย โดยล่าสุด บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล (YLG) คาดว่าราคาทองคำในประเทศปีนี้มีโอกาสแตะ 57,000 บาทต่อบาททองคำ 

ขณะที่ ‘ฮั่วเซ่งเฮง’ มองเป้าหมายใกล้เคียงกันที่ 56,000 บาท โดยแรงหนุนสำคัญมาจากดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่า การลดดอกเบี้ยทั่วโลก และการเข้าซื้อทองคำอย่างต่อเนื่องของธนาคารกลางหลายประเทศ

นางพวรรณ์ นววัฒนทรัพย์ CEO ของ YLG เปิดเผยว่า ความต้องการทองคำในประเทศไทยยังคงเติบโตโดดเด่น โดยปี 2567 ไทยมีการบริโภคทองคำกว่า 49 ตัน เพิ่มขึ้นถึง 13% สูงที่สุดในโลก ทำให้ไทยติดอันดับ Top 10 ผู้บริโภคทองคำโลก และเป็นอันดับ 4 ของเอเชีย จุดที่น่าสนใจคือไทยเป็นประเทศเดียวที่ความต้องการทองคำเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง 4 ปีซ้อน นับตั้งแต่ช่วงโควิด-19

สาเหตุหนึ่งคือ “วัฒนธรรมการให้ทอง” ในงานมงคลของคนไทย เช่น งานแต่ง งานรับปริญญา ไปจนถึงการออมเพื่อความมั่นคง ส่งผลให้แม้จำนวนประชากรไม่มาก แต่ความต้องการทองกลับสูงกว่าหลายประเทศใหญ่

ด้านราคาทองคำโลก ปัจจุบันได้ทำสถิติ All Time High ทะลุ 3,500 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ แล้ว โดย YLG มองแนวต้านใหญ่ถัดไปที่ 3,750 ดอลลาร์ หากผ่านได้มีโอกาสไปถึง 3,850–3,950 ดอลลาร์ แต่ถ้ายังไม่ถึงระดับดังกล่าว การย่อตัวกลับอาจช่วยสร้างเสถียรภาพและเปิดโอกาสให้นักลงทุนเข้าซื้อเพิ่ม

ขณะที่ฮั่วเซ่งเฮงประเมินว่าทองคำโลกปีนี้มีลุ้นแตะ 3,780 ดอลลาร์/ออนซ์ หรือคิดเป็นราว 56,000 บาท แรงหนุนสำคัญคือ ดอกเบี้ยขาลงทั่วโลก ประกอบกับ ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่า จากแรงกดดันทางการเมืองต่อธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) ซึ่งผลักดันให้หลายประเทศ โดยเฉพาะกลุ่ม BRICS (จีน รัสเซีย อินเดีย) เร่งสะสมทองคำเพื่อกระจายความเสี่ยงและลดการพึ่งพาเงินดอลลาร์

ในอีกด้านหนึ่ง อุตสาหกรรมทองคำไทยก็กำลัง “ยกเครื่อง” ครั้งใหญ่ ผ่านการจัดตั้ง องค์กรกำกับดูแลตนเอง (SRO) เพื่อควบคุมมาตรฐานการซื้อขายทองคำออนไลน์ เพิ่มความโปร่งใส ความปลอดภัย และสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักลงทุน โดยมีเป้าหมายผลักดันไทยขึ้นเป็นศูนย์กลางการค้าทองคำของอาเซียน


อ้างอิง: ประชาชาติ

Tax Cal