ในการลงทุนหุ้น ความมั่นใจเป็นสิ่งที่ดี แต่เมื่อความมั่นใจนั้นมากเกินไป อาจกลายเป็น “กับดัก” ที่ทำให้เกิดความเสียหายต่อพอร์ตหุ้นของเราอย่างไม่ทันตั้งตัว

โดยเฉพาะในช่วงเริ่มต้นลงทุน และประสบความสำเร็จในระยะสั้น นักลงทุนจำนวนไม่น้อยอาจเกิดความรู้สึกว่า ตัวเองมีความสามารถในการวิเคราะห์ตลาดหุ้นเหนือกว่าคนทั่วไป ซึ่งนั่นคือจุดเริ่มต้นของสิ่งที่เรียกว่า “Overconfidence Trap” หรือ “กับดักความมั่นใจเกินจริง”

Reboot Stock Port บริการตรวจสุขภาพพอร์ตหุ้นไทยจาก Definit ที่ช่วยประเมินและจัดอันดับความแข็งแรงของหุ้นในพอร์ต พร้อมให้สัญญาณ ถือต่อ-สลับ-ปรับใหม่ เพื่อให้คุณมีข้อมูลชัดขึ้นก่อนตัดสินใจทุกครั้ง สนใจรับบริการ คลิก 👉 https://finno.me/reboot-stock-port-ws

‘Overconfidence Bias’ ความผิดพลาดจากความเชื่อว่า “ตัวเองรู้ดีที่สุด”

Overconfidence Bias คือพฤติกรรมที่นักลงทุนประเมินศักยภาพของตัวเองสูงเกินจริง ไม่ว่าจะเป็นในด้านความรู้ ทักษะ หรือการคาดการณ์ทิศทางของตลาดหุ้น

ในทางจิตวิทยา มนุษย์มีแนวโน้มที่จะเชื่อว่าตัวเองสามารถควบคุมหรือคาดการณ์ผลลัพธ์ได้แม้ในสถานการณ์ที่มีความไม่แน่นอนสูง ซึ่งอาจทำให้นักลงทุนตัดสินใจอย่างไม่รอบคอบ และนำไปสู่การขาดทุนในระยะยาว

สัญญาณเตือนว่าคุณอยู่ในกับดัก Overconfidence Trap หรือไม่?

ลองสำรวจพฤติกรรมเหล่านี้ หากตรงกับคุณมากกว่า 3 ข้อ อาจเป็นสัญญาณเตือนที่บอกว่าคุณควรเริ่มทบทวนกลยุทธ์การลงทุน และรีวิวพอร์ตหุ้นของตัวเองแล้ว

1. ตัดสินใจซื้อหุ้นโดยไม่ศึกษาข้อมูลเชิงลึกหรือวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน
2. เชื่อมั่นในความรู้สึกของตัวเองมากกว่าข้อมูลและหลักการลงทุน
3. ปรับกลยุทธ์การลงทุนช้า แม้พอร์ตหุ้นจะขาดทุนอย่างต่อเนื่อง
4. มีพฤติกรรมซื้อขายถี่เกินไป เพราะเชื่อว่าจะสามารถทำกำไรได้ทุกครั้ง
5. ไม่ตั้งจุดตัดขาดทุน (Stop Loss) หรือหลีกเลี่ยงการขายหุ้นที่ขาดทุน
6. โทษตลาดไม่เป็นใจ มากกว่าทบทวนการตัดสินใจของตัวเอง
7. ปฏิเสธความคิดเห็นจากผู้อื่น เพราะเชื่อว่าตัวเองเข้าใจตลาดดีกว่า
8. ลงทุนแบบไม่มีแผนชัดเจน แต่คาดหวังผลตอบแทนที่สูงเกินจริง

วิธีหลีกเลี่ยง Overconfidence Trap สำหรับนักลงทุนในหุ้น

แม้ Overconfidence จะเป็นพฤติกรรมที่พบได้ทั่วไป โดยเฉพาะในนักลงทุนรายย่อยหรือนักลงทุนมือใหม่ แต่ก็สามารถรับมือได้ด้วยวิธีการลงทุนที่มีวินัยและเป็นระบบ ดังนี้

1. ลดความถี่ในการซื้อขาย และวิเคราะห์ให้รอบคอบขึ้น

การซื้อขายที่บ่อยครั้งอาจสะท้อนถึงความมั่นใจในระยะสั้นมากกว่ากลยุทธ์ระยะยาว นักลงทุนควรมุ่งเน้นการตัดสินใจโดยอิงจากข้อมูลพื้นฐานและการวิเคราะห์ที่ครบถ้วน มากกว่าความรู้สึกหรือแรงกระตุ้นชั่วขณะ

2. ตั้งกฎการลงทุนอย่างมีวินัย

เช่น การกำหนดสัดส่วนเงินลงทุนต่อหุ้นไม่เกิน 10%, ตั้งจุด Stop Loss ล่วงหน้า และหลีกเลี่ยงการตัดสินใจภายใต้อารมณ์

3. จดบันทึกการลงทุนอย่างเป็นระบบ

บันทึกเหตุผลในการซื้อหรือขายหุ้นทุกครั้ง เพื่อทบทวนผลลัพธ์ในภายหลัง วิธีนี้ช่วยให้คุณเห็นช่องว่างระหว่าง “สิ่งที่คุณคาดการณ์” กับ “สิ่งที่เกิดขึ้นจริง” และพัฒนากระบวนการคิดให้รอบคอบมากขึ้น

4. เรียนรู้อย่างสม่ำเสมอ

ตลาดหุ้นเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา นักลงทุนที่ประสบความสำเร็จในระยะยาวคือนักลงทุนที่เรียนรู้จากทั้งความสำเร็จและความผิดพลาดอย่างสม่ำเสมอ

5. ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญหรือรับคำแนะนำจากผู้แนะนำการลงทุน

การมีมุมมองที่หลากหลายช่วยให้เห็นจุดอ่อนของตัวเองชัดเจนขึ้น และหลีกเลี่ยงความลำเอียงที่มาจากความมั่นใจเกินเหตุ

Overconfidence อาจกำลังทำร้ายพอร์ตหุ้นของคุณแบบไม่รู้ตัว

หากคุณเริ่มรู้สึกว่าการตัดสินใจของตัวเองกำลังถูกครอบงำด้วย Overconfidence หรือรู้สึกว่ากำลังมองตลาดด้วยความรู้สึกมากกว่าข้อมูล อาจถึงเวลาที่คุณควรใช้ตัวช่วยมาประเมินสุขภาพพอร์ตหุ้นของคุณอย่างเป็นระบบ

“Reboot Stock Port” คือบริการตรวจสอบสุขภาพพอร์ตหุ้นไทยจาก Definit โดยอ้างอิงจากแนวคิดการคัดเลือกหุ้นของ Definit SET Select (DSS) ทำให้คุณเห็นภาพชัดขึ้นว่าหุ้นที่คุณถืออยู่ “แข็งแรงหรือไม่” ผ่านการให้คะแนนด้วย DSS Rating บนกรอบการวิเคราะห์ EVT พร้อมให้สัญญาณ “ถือต่อ-สลับ-ปรับใหม่” เพื่อให้คุณมีข้อมูลก่อนตัดสินใจทุกครั้ง

ศึกษารายละเอียดบริการ Reboot Stock Port เพิ่มเติมได้ที่

https://finno.me/reboot-stock-port-ws

คำเตือน: การให้บริการ Reboot Stock Port คือการตรวจสอบสุขภาพของพอร์ตหุ้นไทยและให้คำแนะนำแก่ผู้ใช้บริการ โดยการนำเสนอข้อมูลและคำแนะนำดังกล่าวจะไม่สร้างสิทธิ, ความรับผิดชอบ, หรือภาระผูกพันทางกฎหมายในทุกกรณี บริษัทขอสงวนสิทธิ์ในการไม่รับประกันผลลัพธ์ใด ๆ ที่เกิดจากการใช้ข้อมูลและคำแนะนำ และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสียหรือความเสียหายใด ๆ ที่อาจเกิดขึ้นจากการนำข้อมูลหรือคำแนะนำไปใช้ในทุกกรณี | สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่บริษัทหลักทรัพย์ที่ปรึกษาการลงทุน เดฟินิท จำกัด ในช่วงเวลาวันทำการตั้งแต่  09:00 – 17:00 น. ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02-109-9933