
หลังจากธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ประกาศลดอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนธันวาคมปีก่อน ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทก็สั่นสะเทือนทันที นักลงทุนเร่งขายทำกำไรหุ้นเทคโนโลยีที่วิ่งแรงมาหลายเดือน แล้วโยกเงินเข้าสู่หุ้นราคาถูกและหุ้นปันผลสูงซึ่งดูน่าดึงดูดกว่าในภาวะดอกเบี้ยขาลง
ดัชนี Nasdaq 100 ที่เต็มไปด้วยหุ้นเทคโนโลยี ปรับลดลง 0.2% โดยกลุ่ม “Magnificent Seven” อย่าง Nvidia, Amazon และ Broadcom ปิดลบพร้อมกัน ยุติสถิติพุ่ง 4 วันรวด ทั้งที่ตลอดตั้งแต่เดือนเมษายน หุ้นกลุ่มนี้บวกมาเกือบ 60% จน Valuation พุ่งจาก 22 เท่าเมื่อต้นปี ขึ้นมาแตะ 30 เท่าของกำไรคาดการณ์ อย่างไรก็ตาม หุ้นที่มักถูกมองว่า “ปลอดภัย” อย่าง Apple และ Microsoft ยังยืนเขียวได้ แม้ตลาดโดยรวมจะกดดัน
ขณะเดียวกัน หุ้นกลุ่มธนาคารและปันผลสูงกลายเป็นพระเอกทันที โดย KBW Bank Index กระโดด 1.3% นำโดย JPMorgan, Bank of America และ Citi เพราะต้นทุนเงินฝากลดลง ทำให้มีช่องปล่อยกู้มากขึ้น ด้านหุ้นกลุ่มอุปโภคบริโภคและสาธารณูปโภคก็ตอบรับบวกเช่นกัน เนื่องจากให้ผลตอบแทนสม่ำเสมอในยุคดอกเบี้ยต่ำ
นักวิเคราะห์มองว่า สิ่งที่เกิดขึ้นสะท้อนอาการ “Sell the News” หลังนักลงทุนเข้าซื้อหุ้น Growth มาล่วงหน้าหลายเดือนเพื่อรับข่าวลดดอกเบี้ย ขณะเดียวกัน Jerome Powell ประธาน Fed แม้จะกดดอกเบี้ยลง แต่ยังส่งสัญญาณ Hawkish โดยย้ำว่าเงินเฟ้อ “สูงกว่าระดับที่ควรเป็น” และตลาดแรงงานเริ่มอ่อนแรง สะท้อนความเสี่ยงว่า Fed อาจไม่ลดดอกเบี้ยได้ตามที่ตลาดคาดหวัง
แรงกดดันนี้ยิ่งทวีเมื่ออัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล 10 ปี ดีดขึ้น 5 bps สู่ 4.08% เพราะ Yield ที่สูงขึ้นย่อมบั่นทอนมูลค่าปัจจุบันของหุ้นเทคโนโลยีที่ราคาพึ่งพา “กำไรอนาคต”
ในอีกฟากหนึ่ง ราคาทองคำซึ่งเพิ่งทำสถิติ All Time High ที่ $3,707 ต่อออนซ์ ก็เจอแรงขายทำกำไรทันทีหลังดอลลาร์แข็งค่ากลับมา ส่งผลให้ร่วง 0.8% ปิดที่ $3,660 ต่อออนซ์ แต่ถึงอย่างนั้น ทองยังบวกเกือบ 40% ตั้งแต่ต้นปี ชนะทั้ง S&P 500 และสินทรัพย์เสี่ยงอื่น ๆ ได้ด้วยแรงซื้อจากธนาคารกลางทั่วโลกและความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์
นักกลยุทธ์ตลาดสรุปว่า แม้เศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังไม่เข้าสู่ภาวะถดถอย แต่การเติบโตที่เริ่มชะลอ บวกกับนโยบายการคลังและการค้าของประธานาธิบดีทรัมป์ ยังคงเพิ่มแรงเสี่ยงต่อทิศทางตลาด สถานการณ์นี้อาจผลักให้นักลงทุนกระจายพอร์ตไปยังหุ้นขนาดเล็ก หุ้นที่ยังไม่มีกำไร หรือแม้แต่สินทรัพย์เสี่ยงอื่น ๆ ที่จะได้อานิสงส์จากดอกเบี้ยที่ลดลงต่อเนื่อง
อ้างอิง: Bloomberg