รวมรายละเอียดให้ครบจบในที่เดียว 37 กองทุน Thai ESGX จาก 19 บลจ. ทั่วไทย กลยุทธ์และนโยบายการลงทุน ค่าธรรมเนียม กองทุนไหนน่าสนใจ พร้อมคัดเลือกกองทุนลดหย่อนภาษี Thai ESGX ที่ Finnomena Funds แนะนำในปี 2025
Highlight
กองทุน Thai ESGX หรือ Thai ESG Extra กองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืนแบบพิเศษ ทางเลือกใหม่ในการลดหย่อนภาษีปี 2568 พร้อมเปิดโอกาสให้ผู้ที่ยังถือหน่วยลงทุนของ LTF หรือกองทุนรวมหุ้นระยะยาว “สับเปลี่ยน” จาก LTF มาเป็น Thai ESGX เพื่อรับสิทธิลดหย่อนภาษีในปีนี้อีกด้วย ในระยะเวลา 2 เดือน คือ พฤษภาคม-มิถุนายนนี้เท่านั้น วงเงินลดหย่อนภาษีรวมสูงสุดสุด 800,000 บาท ได้แก่
1. วงเงินสำหรับการลงทุนใหม่ใน Thai ESGX ปี 2025 ลดหย่อนภาษีสูงสุด 300,000 บาท และไม่เกิน 30% ของเงินได้พึงประเมิน
2. วงเงินสำหรับผู้ที่ถือ LTF และสับเปลี่ยนมา Thai ESGX ลดหย่อนได้สูงสุด 500,000 บาท แบ่งเป็น
- ลดหย่อนภาษีปีที่ 1 (2025): สูงสุด 300,000 บาท
- ลดหย่อนภาษีปีที่ 2-5 (2026-2029): สูงสุดปีละ 50,000 บาท รวมเป็นไม่เกิน 200,000 บาท (โดยให้นำส่วนเกินจากปีแรกมาหารเฉลี่ยและลดหย่อนปีละเท่า ๆ กัน 4 ปี)
– Thai ESGX คืออะไร? อยากรู้รายละเอียดกองทุนเพิ่มเติม อ่านต่อคลิกเลย
สรุปให้ครบทุกกองทุน Thai ESGX จากทุก บลจ.
Finnomena Funds สรุปรายละเอียดและข้อมูลสำคัญของกองทุน Thai ESGX จาก บลจ. ต่าง ๆ ที่สามารถลงทุนแล้ว เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจและพิจารณการลงทุน ไปดูกันเลย
[คลิกเพื่อดูภาพขนาดใหญ่]
รวบรวมข้อมูลโดย Finnomena Funds ณ วันที่ 01/05/2025
กองทุน Thai ESGX ที่ Finnomena Funds แนะนำ
กลุ่มที่ 1 เน้นลงทุนหุ้นไทยล้วน 100% เชื่อว่าหุ้นไทยลงมาเยอะแล้ว เป็นโอกาสในการเก็บของดีเข้าพอร์ตในจังหวะนี้
1. กองทุน K-HDTHAIESGX-68
- เน้นบริหารเชิงรุก (Active Management) ในหุ้นที่อยู่ในดัชนี SETHD เป็นส่วนใหญ่
- ในช่วงที่ผ่านมา การลงทุนในดัชนี SETHD TRI สร้างผลตอบแทนเหนือกว่าหุ้นไทยดัชนีอื่น ๆ เนื่องจากมีลักษณะเป็นหุ้น Value ที่รายได้มั่นคง แม้จะไม่ได้เติบโตโดดเด่นเหมือนหุ้น Growth
- หุ้นกลุ่มนี้ก็มักจะได้ประโยชน์ในช่วงที่สภาวะเศรษฐกิจไม่ค่อยเอื้ออำนวย เนื่องจากมี Drawdown ที่ค่อนข้างต่ำ
- ถือหุ้นประมาณ 25 – 30 บริษัท โดยอาจพิจารณาลงทุนในหุ้นที่อยู่นอกเหนือจาก SETHD ไม่เกิน 10% เพื่อหา Alpha โดยบริษัทส่วนใหญ่ที่คาดว่าจะเข้าไปลงทุนจะอยู่ในอุตสาหกรรมธนาคาร (Banking Sector) และพลังงาน (Energy Sector)
2. กองทุน ASP-DEQ THAIESGX-X68
- เน้นบริหารเชิงรุก (Active Management) แบบยืดหยุ่นสูง คัดเลือกหุ้นปันผลขนาดใหญ่จาก SET และ mai
- บริหารโดย Fund Manager มากประสบการณ์ Track Record โดดเด่น ซึ่งบริหารกองทุน อาทิ ASP-SME และ ASP-ThaiESG
- เกณฑ์การคัดเลือกหุ้น (Screening Criteria) ที่จ่ายปันผลโดดเด่นผ่าน 4 ปัจจัยหลัก ได้แก่ 1. Consistent Dividend Payment 2. High Dividend Yield 3. High Dividend Payout 4. Expected Dividend Growth
- ทำให้กลุ่มการลงทุนหลักในอุตสาหกรรมธนาคาร (Banking Sector) และเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ICT Sector) เป็นส่วนใหญ่
กลุ่มที่ 2 ลงทุนหุ้นไทย 80% แบ่งไปลงทุนหุ้นต่างประเทศ 20% อยากลดหย่อนภาษีครั้งพิเศษ พร้อมเพิ่มโอกาสสร้างผลตอบแทน และกระจายความเสี่ยงในหุ้นทั่วโลก ด้วยผลงานย้อนหลังอันเป็นประจักษ์
1. กองทุน MEGATX8020U-N
- ลงทุนแบบ High Conviction ซึ่งมีสไตล์คัดเลือกหุ้นแบบ Rules based Approach โดยพิจารณาจาก Market Cap ของบริษัทเป็นหลัก
- สัดส่วนประมาณ 80% เป็นการลงทุนในหุ้นไทย จะมีลักษณะคล้ายคลึงกับกองทุน MEGA20THAIESG ซึ่งเน้นลงทุนหุ้นไทย 20 – 25 หลักทรัพย์ และได้รับการประเมินผล ESG Rating มุ่งหวังให้ผลประกอบการเคลื่อนไหวสูงกว่าดัชนีชี้วัด SETESG TRI ในระยะยาว
- ส่วนที่เหลือประมาณ 20% ลงทุนในหุ้นสหรัฐฯ 10 บริษัทคล้ายกับกองทุน MEGA10
- เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ชอบการลงทุนในหุ้นเน้น ๆ ไม่กี่ตัว
2. กองทุน MEGATX8020C-N
- ลงทุนแบบ High Conviction ซึ่งมีสไตล์คัดเลือกหุ้นแบบ Rules based Approach โดยพิจารณาจาก Market Cap ของบริษัทเป็นหลัก
- สัดส่วนประมาณ 80% เป็นการลงทุนในหุ้นไทย จะมีลักษณะคล้ายคลึงกับกองทุน MEGA20THAIESG ซึ่งเน้นลงทุนในหุ้นไทย 20 – 25 หลักทรัพย์ และได้รับการประเมินผล ESG Rating มุ่งหวังให้ผลประกอบการเคลื่อนไหวสูงกว่าดัชนีชี้วัด SETESG TRI ในระยะยาว
- ส่วนที่เหลือประมาณ 20% ลงทุนในหุ้นจีน 10 บริษัทคล้ายกับกองทุน MEGA10CHINA
- เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ชอบการลงทุนในหุ้นเน้น ๆ ไม่กี่ตัว
3. กองทุน SCBTAPX(25A) และ SCBTAPX(25D)
- บริหารพอร์ตเชิงรุก (Active Management) โดยจะลงทุนในหุ้นไทยไม่น้อยกว่า 80% และจะมีการกระจายการลงทุนไปยังตลาดหุ้นทั่วโลกในสัดส่วนไม่เกิน 20%
- จุดเด่นกองทุนคือกระบวนการคัดเลือกหุ้นโดยผสมผสาน 2 กลยุทธ์หลักเข้าด้วยกัน ได้แก่ Multi-Factors Investing ใช้การวิเคราะห์เชิงปริมาณ พิจารณาปัจจัยต่าง ๆ ที่คาดว่าจะสร้างผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว และ Machine Learning Models ซึ่งเป็นระบบที่พัฒนาขึ้นโดย SCBAM มาประกอบการคัดเลือกหุ้น
- บริหารโดย Fund Manager ที่บริหารกองทุน SCBLARGE และ SCBMLCAA
กลุ่มที่ 3 กองทุนผสมหุ้นไทยและตราสารหนี้ยั่งยืน ไม่อยากพลาดโอกาสรับผลประโยชน์ทางภาษี แต่ขอกองทุนที่เสี่ยงต่ำ ไม่ผันผวนระหว่างทาง เสริมความมั่นคงด้วยตราสารหนี้คุณภาพดี
1. กองทุน ASP-MIX THAIESGX-X68
- กองทุนผสมเน้นบริหารเชิงรุกแบบยืดหยุ่นสูง โดยในส่วนของหุ้นจะคัดเลือกหุ้นปันผลขนาดใหญ่จาก SET และ mai บริหารโดย Fund Manager มากประสบการณ์ที่มี Track Record โดดเด่น บริหารกองทุน ASP-SME และ ASP-ThaiESG
- จุดเด่นที่แตกต่างจากกองทุนผสมอื่น ๆ คือ ในสภาวะตลาดปกติ (Normal Market) จะบริหารแบบ “Dynamic Management” คัดเลือกสินทรัพย์โดยมีกรอบการลงทุนในหุ้นระหว่าง 70-100% และตราสารหนี้ 0-30%
- ในสภาวะตลาดขาขึ้น (Bull Market) กองทุนจะพิจารณาเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในหุ้นเป็น 100% เพื่อเพิ่มความสามารถการเติบโตของพอร์ต ส่วนในตลาดขาลง (Bear Market) จะพิจารณาลดสัดส่วนการลงทุนในหุ้น และถือครองตราสารหนี้เพิ่มขึ้นสูงสุดไม่เกิน 30% เพื่อลดความผันผวนของพอร์ต
2. กองทุน KTEQ70PLUSX-D
- กองทุนผสมเน้นลงทุนในหุ้นไทย 65-75% ส่วนที่เหลือเน้นลงทุนในตราสารหนี้เพื่อความยั่นยืน 25-35% บริหารแบบ Active Management
- จุดเด่นคือเป็นกองทุนผสมกองเดียวที่เปิดช่องในการลงทุนในสินทรัพย์ต่างประเทศและสินทรัพย์ทางเลือก อาทิ หุ้นต่างประเทศ, ทองคำ และน้ำมัน เป็นต้น แม้จะไม่ใช่สัดส่วนที่มาก (+/- 5%) แต่ก็เป็นหนึ่งในกลยุทธ์ที่น่าสนใจ และสร้างความแตกต่างเมื่อเทียบกับกองผสม Thai ESGX อื่น ๆ
3. กองทุน TTHAI70ESGX-S
- กองทุนผสมเน้นลงทุนในหุ้นไทยที่มีความโดดเด่นด้านความยั่งยืน ได้แก่ สิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) ประมาณ 65% – 70% ของ NAV ส่วนที่เหลือลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล ตราสารหนี้ภาคเอกชนเพื่อความยั่งยืน
- จุดเด่นคือมีผู้จัดการกองทุนที่เน้นคัดเลือกหุ้น Style Value ผู้จัดการกองทุนมีผลงานโดดเด่นผ่านการบริหารกองทุน TISCOHD ที่เน้นหุ้นที่อยู่ใน SETHD Universe และมีผลการดำเนินงานที่โดดเด่นเหนือดัชนีมาอย่างยาวนาน
คำเตือน: ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไข ผลตอบแทน ความเสี่ยงและศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่ระบุไว้ในคู่มือการลงทุนในกองทุนรวม SSF RMF Thai ESG และ Thai ESGX กรณีไม่ได้ปฏิบัติตามเงื่อนไขภาษี จะไม่ได้สิทธิประโยชน์ตามเงื่อนไขกองทุน | ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน | ผลการดำเนินงานในอดีต และผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต | ผู้ลงทุนอาจมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากการป้องกันความเสี่ยงขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้จัดการกองทุน | กองทุนรวมนี้ลงทุนกระจุกตัวในผู้ออกตราสารหรือประเทศใดประเทศหนึ่ง จึงมีความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนจำนวนมาก ผู้ลงทุนจึงควรพิจารณาการกระจายความเสี่ยงของ พอร์ตการลงทุนโดยรวมของตนเองด้วย | คำแนะนำการลงทุนนี้เป็นไปตามกรอบการพิจารณาของ Finnomena Funds ซึ่งมีเป้าหมายในการสร้างโอกาสรับผลตอบแทนในระยะเวลาตามแต่ละประเภทของพอร์ตเท่านั้น บริษัทมิได้การันตีถึงผลตอบแทนที่จะได้จากคำแนะนำการลงทุนดังกล่าว มีความเสี่ยงที่ผลตอบแทนอาจไม่เป็นไปตามคาดหวัง หรือมีผลขาดทุนได้ | สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน ฟินโนมีนา จำกัด ในช่วงเวลาวันทำการตั้งแต่ 09:00-17:00 น. ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 026 5100 และทาง LINE @FINNOMENAPORT | สำหรับผู้ลงทุนในความดูแลของ Kept by krungsri ติดต่อทีม Kept help center ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 296 6299