นวัตกรรม VS การลงทุน เหมือนกันอย่างไร?: สรุปหนังสือ "เมื่อหัวว่าง จึงสร้างสรรค์"

คุณต้อง กวีวุฒิ เต็มภูวภัทร ผู้เชี่ยวชาญเรื่องนวัตกรรม และความคิดสร้างสรรค์ กับผลงานธุรกิจพอดีคำ ลำดับที่ 3

ได้ถ่ายทอดข้อคิดทางธุรกิจที่น่าสนใจผ่านหนังสือเล่มนี้ และนี่คือสิ่งที่ผมได้เอามาประยุกต์ใช้กับการลงทุนครับ

1) นวัตกรรม มักไม่ได้เกิดจากการนั่งหน้าดำคร่ำเครียดอยู่กับโต๊ะ

เพราะทำแบบนั้นมักคิดอะไรไม่ออก แต่ความคิดดี ๆ ชอบเกิดตอนที่เราสบาย ๆ เช่น อาบน้ำ วิ่งจ๊อกกิ้ง หรือเดินเล่นบนชายหาด

เพราะตอนนั้น “สมอง” ไม่มีของเก่าให้กวนใจ

พื้นที่ว่าง จึงเปิดออกให้กับของใหม่ ๆ และเมื่อนั้นจึงเกิดสิ่งที่เรียกว่า “นวัตกรรม”

ตัวอย่างจริงที่เกิดขึ้นคือ อาร์คิมิดีส ที่กำลังแช่ตัวในอ่างอาบน้ำ แล้วน้ำล้นออกมา ทำให้เขาค้นพบเรื่องความถ่วงจำเพาะ และร้องตะโกนว่า “ยูเรก้า ยูเรก้า” จนกลายมาเป็น Eureka Moment

การเรียน การทำงาน หรือการลงทุนก็เช่นกัน พยายามนั่งอ่านหนังสือ เข้าสัมนา ทำทุกอย่างด้วยความตึงเครียด อดหลับอดนอน ด้วยความที่อยากเก่ง อยากรวยเร็ว ๆ บางทีมันตึงเกินไป กลับทำให้เครื่องรวน สมองเบลอ ไปช้ากว่าที่เราคิดเสียอีก สู้ทำแบบผ่อนคลาย แต่ตั้งใจ เผลอ ๆ ไปได้ไกลกว่า

2) นวัตกรรม ไม่ได้เริ่มจาก “เทคโนโลยี”

แต่เริ่มมาจาก Empathy หรือ ความเห็นอกเห็นใจ คือการที่เรารู้สึกถึงปัญหาอย่างงเดียวกับที่ลูกค้ารู้สึก เข้าใจในความเจ็บปวด (ประมาณเข้าใจ Pain Point ลูกค้า) วิธีการที่จะเข้าใจได้ต้องทำ 3 ขั้นตอน คือ

หนึ่ง สังเกตการณ์ ดูปฏิกิริยาของคนในสถานการณ์นั้น ๆ
สอง พูดคุย สอบถามถึง “ปัญหา” ที่เขามี
สาม ลองไปประสบปัญหาแบบที่เขาเจอ

การที่จะทำแบบนี้ได้ เราไม่สามารถนั่งอยู่แต่ในห้องประชุมที่ออฟฟิศ ดูแต่ตัวเลข ทำแต่ presentation สวย ๆ

การลงทุนก็เช่นกัน การนั่งอ่านงบ อ่านข้อมูลธุรกิจอยู่ที่บ้านคงไม่พอ การไป company visit ไปลองใช้บริการสินค้าของบริษัทที่เราสนใจ พูดคุยกับคนที่เคยใช้ว่าดีไม่ดีอย่างไร จะทำให้เราเข้าใจได้แบบลึกซึ้งมากกว่า

3) นวัตกรรม ต้องเข้าใจความเป็นมนุษย์

General Mills ผู้ผลิตนวัตกรรมทางอาหารรายใหญ่ ออกผลิตภัณฑ์ที่มีชื่อว่า “Betty Crocker” ทำผงเค้กสำเร็จรูปแค่เติมน้ำก็ได้เค้กแสนอร่อย แต่สินค้ากลับขายไม่ดีดังคาด เป็นเพราะอะไร?

สาเหตุเป็นเพราะสินค้าตัวนี้มันทำให้ชีวิตง่ายเกินไป มันดึงความภูมิใจของแม่บ้านออกไปหมด ทำให้การทำเค้กที่จะได้รับคำชมจากคนกิน กลายมาเป็นเหมือนบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปที่แค่เติมน้ำ 3 นาทีก็กินได้

วิธีแก้ของ General Mills นั้นเหนือชั้นมากครับ เค้าเอาไข่ออกจากส่วนผสม ทำให้สินค้าซับซ้อนขึ้นอีก 1 ขั้นตอน

แม่บ้านต้องตอกไข่ คนให้เข้ากัน ใส่น้ำ แล้วตั้งไว้บนเตาอบ ปรากฏว่า ขายดิบขายดี เพราะแม่บ้านภูมิใจ ได้แสดงฝีมือ

อีกตัวอย่างของนวัตกรรมที่เจ๋งแต่ต้องเจ๊งไม่เป็นท่า คือ เครื่องดูดฝุ่น ที่แค่เปิดฝาออก นำถุงที่ปิดมิดชิดไปทิ้งได้เลย มือไม่เลอะไม่สกปรก แต่ขายไม่ออกเพราะอะไร ?

เพราะในความเป็นจริง เราอยากเห็นก้อนฝุ่นหนา ๆ จับกันเป็นก้อน มันเป็นความรู้สึกที่ดีในการที่เราได้กำจัดเชื้อโรคด้วยตัวเอง มันคือความภูมิใจในฝีมือของเรา

การลงทุน ก็ไม่มีสูตรสำเร็จแค่เติมน้ำ หรือกดสั่งซื้อแล้วรวยเช่นกัน แต่เราต้องอาศัยความพยายามมากขึ้นอีกนิดอีกหน่อย ตอกไข่ ผสมความรู้ถึงจะสำเร็จได้ หรือบางครั้งมืออาจจะเลอะเทอะจากการจับฝุ่นบ้าง แต่สุดท้ายเราก็จะภูมิใจในผลกำไรที่เกิดจากมือของเราเอง

4) นวัตกรรมที่ดีต้องมี Network Effect

Facebook คือ Application ยอดนิยม ที่ขโมยเวลาของเราไปหลายชั่วโมงในแต่ละวัน ว่าง ๆ ต้องไถต้องดู feed กด Like Post เพื่อน ให้รู้ว่ากดแล้วนะ แกมาไลค์ชั้นบ้าง มันกลายเป็นเรื่องของ network เรื่องความสัมพันธ์

ถ้าวันนี้มี app ใหม่ที่ดีกว่าเดิม ถามว่าเราจะไปเล่นมั้ย?

คำตอบก็คงจะเป็น ถ้าเปลี่ยนไปเล่นแล้ว เพื่อนไม่ไปก็คงไม่เอา ยิ่งเรามีเพื่อนเยอะ ยิ่งใส่ข้อมูลเข้าไปเยอะ ยิ่งเปลี่ยนยาก สิ่งนี้เรียกว่า network effect

ในการลงทุน network ก็สำคัญ เช่น การมีกลุ่มนักลงทุนที่ช่วยกันทำการบ้าน ช่วยกันหาข้อมูล ช่วยคอยเตือนเวลาเรามั่นใจอะไรแบบผิด ๆ หรือเกินตัว ช่วยแชร์มุมมองด้านลบของหุ้นที่เราชอบ ก็เป็นสิ่งที่ดีที่นักลงทุนควรมีครับ

5) นวัตกรรม ต้อง disrupt ตัวเอง

ทราบมั้ยครับว่า Netflix เริ่มต้นมาจากการส่ง DVD ไปตามบ้าน เก็บเงินรายเดือน ดูได้ไม่จำกัด ต่อมาเมื่อการดูหนังออนไลน์เริ่มเป็นที่นิยมขึ้น Netflix จึงทำลายธุรกิจ DVD ทิ้ง แล้วเปลี่ยนตัวเองเป็น website ดูหนังออนไลน์แทน

แต่ยังไม่ทันไร บริษัทหนังเห็นว่าธุรกิจไปได้สวย จึงขึ้นค่าลิขสิทธิ์ ทำให้ Netflix ต้องปรับตัวเองอีกรอบนึง ด้วยการสร้าง “หนัง” ของตัวเองขึ้นมา ทำให้เกิดสิ่งที่เรียกว่า “Netflix Original Series” และดูได้แค่ที่นี่ที่เดียว นี่คือตัวอย่างของการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา

การลงทุนในปัจจุบันไวขึ้น ธุรกิจเปลี่ยนแปลงบ่อยครั้งขึ้น การเติบโตและตกต่ำเกิดขึ้นในเวลาไม่ถึงสิบปี เราเองก็ต้องพร้อมปรับเปลี่ยนตัวเองให้ทันทั้งแผนการ กลยุทธ์ การเข้าใจเครื่องมือต่าง ๆ เพื่อให้เรารู้เท่าทันคนอื่นในตลาดอยู่เสมอ

Netflix บอกว่า คู่แข่งของเราคือ “เวลานอน” เพราะเราอยากให้หนังของเราสนุก จนคนง่วงยังอยากดู

คู่แข่งของนักลงทุนก็อาจจะเป็น “ความขี้เกียจและการง่วงนอน” เช่นกัน

ในหนังสือเล่มนี้ยังมีเรื่องราวความรู้ดี ๆ อีกเพียบ

ไม่ว่าจะเป็น ทำไม Starbucks ต้องมีเก้าอี้ว่าง 2 ตัว ทำไม Sam Walton ถึงเดินหยิบสายวัดไปที่ Kmart กลยุทธ์ Less is More กับ More is More ต่างกันอย่างไร

แนะนำครับ หนังสือเล่มนี้ ผมเชื่อว่า เมื่อคุณอ่านจบแล้ว อาจจะตะโกนออกมาว่า “ยูเรก้า” แต่ขออย่างเดียว ไม่ต้องแก้ผ้าวิ่งออกไปนอกบ้านนะครับ

ที่มาบทความ: https://www.stockvitamins.co/เมื่อหัวว่าง-จึงสร้างสร/

นวัตกรรม VS การลงทุน เหมือนกันอย่างไร?: สรุปหนังสือ "เมื่อหัวว่าง จึงสร้างสรรค์"