News Update: ราคาน้ำมันแตะ $75 สูงสุดรอบเกือบ 3 ปี นักวิเคราะห์เชื่อ $100 เป็นไปได้

ราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่องกันเป็นวันที่ 5 ในวันพุธ โดยปิดตลาดที่ 75 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล สำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (U.S. Energy Information Administration) ระบุว่า ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังลดลง 7.4 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่สองของเดือนมิถุนายน 

ขณะที่อัตราการใช้กลั่นเพิ่มขึ้นเป็น 92.6% ซึ่งสูงที่สุดนับตั้งแต่เดือนมกราคม 2020 ก่อนการเกิดโควิด-19 ปริมาณสินค้าคงคลังลดลงเกินคาด โดยได้แรงหนุนจากการส่งออกและอุปสงค์ที่ปรับตัวดีขึ้นทั่วโลก

ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ (Brent) เพิ่มขึ้น 40 เซนต์หรือ 0.5% สู่ระดับ 74.39 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล แตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนเมษายน 2019 และเพิ่มขึ้นเป็น 5 วันติดต่อกัน ราคาน้ำมันดิบสหรัฐ (WTI) เพิ่มขึ้น 3 เซนต์เป็น 72.15 ดอลลาร์หลังจากแตะ 72.99 ดอลลาร์ ซึ่งสูงที่สุดนับตั้งแต่เดือนตุลาคม 2018

Brent เพิ่มขึ้น 44% ในปีนี้ โดยได้รับแรงหนุนจากการลดอุปทานที่นำโดยองค์กรของประเทศและพันธมิตรผู้ส่งออกน้ำมัน (OPEC+) และการฟื้นตัวของอุปสงค์กลุ่ม OPEC+ ได้ลดการลดอุปทานครั้งประวัติศาสตร์ในปีที่แล้ว

ผู้บริหารจากผู้ค้าน้ำมันรายใหญ่กล่าวเมื่อวันอังคารว่า พวกเขาคาดว่าราคาน้ำมันจะยังคงอยู่ในระดับสูงกว่า 70 ดอลลาร์และความต้องการจะกลับเข้าสู่ระดับก่อนเกิดโรคระบาดในช่วงครึ่งหลังของปี 2022

Hardy จาก Vitol Group กล่าวว่า ราคาน้ำมันดิบเบรนท์อาจเพิ่มขึ้นมากถึง 5 ดอลลาร์ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า พร้อมกล่าวว่า ปริมาณการใช้น้ำมันจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในปีต่อ ๆ ไป โดยแตะ 105 ล้านถึง 110 ล้านบาร์เรลต่อวันภายในปี 2030 การลงทุนต่ำกว่าปกติจากราคาตกต่ำในปีที่แล้วหมายความว่าจะมีช่องว่างของอุปสงค์และอุปทานระหว่างปี 2025 ถึง 2035”

ในขณะที่ Jeremy Weir ซีอีโอของ Trafigura กล่าวว่าราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่พุ่งสูงขึ้นเป็นเวลาหลายปี จะผลักดันให้ราคาน้ำมันดิบแตะ 100 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลเนื่องจากขาดอุปทาน รวมถึงคาดการณ์ว่าราคาโลหะจะพุ่งสูงขึ้นอีกเนื่องจากความต้องการโลหะสูงจากการเปลี่ยนไปใช้รถยนต์ไฟฟ้าและการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานสะอาด เช่น สายไฟและกังหันลม

การฟื้นตัวของการใช้เชื้อเพลิงที่ไม่สม่ำเสมอ การขาดการลงทุนในแหล่งน้ำมันใหม่ มีแนวโน้มที่จะกระตุ้นการแกว่งตัวของราคาน้ำมันดิบที่มากขึ้น Alex Sanna หัวหน้าฝ่ายการตลาดน้ำมันและก๊าซของ Glencore Plc กล่าว

ที่มา: Reuters, Bloomberg

——————-
👍 อย่าลืมกดไลก์ Page The Opportunity เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน