“Never bet against America.”
– Warren Buffett, 2020
เป็นคำพูดที่ Warren Buffett พูดไว้ในงาน Berkshire Hathaway Annual Meeting ปี 2020 และนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่นักลงทุนระดับตำนานกล่าวแบบนี้ เพราะ Warren Buffett ก็เคยย้ำถึงความเชื่อนี้ในจดหมายถึงผู้ถือหุ้นของ Berkshire Hathaway ในปี 2016 เช่นกัน
“For 240 years it’s been a terrible mistake to bet against America, and now is no time to start.”
– Warren Buffett, 2016
ตลอดหลายร้อยปีที่ผ่านมาประเทศอเมริกาแทบจะเป็น “ขาขึ้น” มาโดยตลอด มีหลายช่วงที่ประเทศนี้เดินสะดุดวิกฤตเศรษฐกิจ แต่ทุกครั้งก็ลุกขึ้นมาได้ และไม่ใช่แค่ลุกขึ้นมาเดินต่อ แต่เป็นการลุกขึ้นแล้ววิ่งเลย
ไม่ว่าเบื้องหลังความสำเร็จของอเมริกาจะเป็นเพราะปรัชญาแบบอเมริกันที่หล่อหลอมผู้คน หรือเป็นเพราะชาตินิยม หรือเพราะอะไรก็ตาม ไม่มีใครปฏิเสธว่าอเมริกาเป็นประเทศที่เติบโตอย่างรวดเร็วอย่างแท้จริงในประวัติศาสตร์เพียงไม่กี่ร้อยปี
และถ้าเราอยู่ที่ประเทศไทย แต่ต้องการร่วมวงเติบโตไปกับอเมริกา การลงทุนผ่านกองทุนรวมก็เป็นทางเลือกที่สะดวกสบายและมีการกระจายความเสี่ยงให้เราโดยอัตโนมัติ
ลงทุนใน K-USA-A = ลงทุนในอเมริกา
กองทุนที่ลงทุนในหุ้นอเมริกาชั้นนำจริงๆ มีอยู่หลายกองทุน แต่กองทุนที่ทำผลงานได้โดดเด่นฉีกออกมาจากกองอื่นในช่วงที่ผ่านมา ทั้งเรื่องผลตอบแทนและการควบคุมความผันผวน คือกอง K-USA-A
กอง K-USA-A หรือ กองทุนเปิดเค ยูเอสเอ หุ้นทุน บริหารจัดการโดย บลจ. กสิกรไทย มีให้เลือก 2 คลาส ได้แก่
- K-USA-A(D) เป็นชนิดจ่ายปันผล (Dividend) เริ่มเปิดกองมาตั้งแต่วันที่ 7 ก.ย. 55
- K-USA-A(A) เป็นชนิดสะสมมูลค่า (Accumulation) เปิดกองตามมาทีหลังเมื่อวันที่ 17 ก.ย. 62 เพื่อเป็นอีกทางเลือกให้กับนักลงทุน
ทั้ง 2 กองมีนโยบายการลงทุนเหมือนกันทุกประการ ต่างกันแค่ชื่อกับชนิดหน่วยลงทุน โดยทั้ง 2 กองเป็น กองทุนประเภท Feeder Fund (กองทุนที่ไปลงทุนในกองทุนต่างประเทศอีกต่อหนึ่ง) ซึ่งกองทุนหลักที่กองนี้เข้าไปลงทุนคือกอง Morgan Stanley US Advantage Fund – I Shares
กลยุทธ์การลงทุนที่น่าสนใจของกองนี้
วิธีศึกษากองประเภท Feeder Fund ที่ดีที่สุดคือไปศึกษาข้อมูลของตัวกองแม่ ซึ่งกลยุทธ์การลงทุนของ K-USA-A ก็เป็นไปตามชื่อของกองแม่เลยว่า กองนี้เน้นการลงทุนเฉพาะในหุ้นอเมริกาที่มี “ความได้เปรียบ (Competitive Advantage)” ในวงการธุรกิจของตัวเอง โดยเฟ้นหาจากหุ้น “ทั่วประเทศ” ดังนั้นการลงทุนในกอง K-USA-A เลยเหมือนกับการได้ลงทุนในประเทศสหรัฐอเมริกาไปในตัว
หลักการเลือกหุ้นจะใช้วิธีการเลือกหุ้นแบบ Bottom-up Approach คือ วิเคราะห์หาบริษัทที่ดีก่อนที่จะไปดูภาพใหญ่ เพราะหลักการนี้เชื่อว่า ถ้าบริษัทแข็งแกร่ง ไม่ว่าวัฏจักรเศรษฐกิจจะเป็นอย่างไรบริษัทก็ยังจะสามารถเติบโตได้
รายชื่อหุ้นหลักที่กอง Morgan Stanley US Advantage Fund – I Shares ถืออยู่
(พอร์ตทั้งหมดมีหุ้นอยู่ประมาณ 43 ตัว)
ที่มา: www.morganstanley.com ข้อมูล ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2563
ในการวิเคราะห์บริษัทที่จะลงทุน นอกจากบริษัทนั้นจะต้องมีความได้เปรียบทางธุรกิจแล้ว ก็จะต้องเป็นที่จดจำในทางที่ดีของผู้บริโภค และมีกระแสเงินสดหมุนเวียนอยู่เสมอด้วย เพราะหมายความว่าบริษัทนั้นสามารถสร้างกำไรได้เพียงพอที่จะกลบค่าใช้จ่ายและหนี้สินทั้งหมดได้
จากหลักการคัดเลือกหุ้นทั้งหมดที่ทีมผู้จัดการกองทุนใช้ ทำให้ได้หุ้นที่มีความเป็น Growth Stock ที่สามารถเติบโตในระยะยาว เป็นไปตามวัตถุประสงค์หลักของกองทุนนี้ที่เขียนไว้บนหน้าเว็บของกองแม่ว่า “Long term growth of your investment.” สั้นๆ แต่ชัดเจน
นี่คือรูปทีมผู้จัดการกองทุน Morgan Stanley US Advantage Fund ประสบการณ์โชกโชนพอสมควร
ที่มา: www.morganstanley.com ข้อมูล ณ วันที่ 30 กันยายน 2563
ผลตอบแทนย้อนหลัง
ลองมาดูผลการดำเนินการย้อนหลังกันบ้าง เริ่มจากกองแม่ก่อน เนื่องจากกองนี้ลงทุนในหุ้นสหรัฐฯ แบบคละกลุ่มอุตสาหกรรม ดัชนีที่ใช้เป็น Benchmark เปรียบเทียบผลการดำเนินงานเลยใช้เป็นดัชนี S&P 500 ซึ่งเป็นหุ้นขนาดใหญ่สุด 500 ตัวแรกในตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ
ที่มา: www.morganstanley.com ข้อมูล ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2563
*ผลการดำเนินงานในอดีต และผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต
กราฟเปรียบเทียบว่าถ้าเอาเงิน 100 ดอลลาร์ลงทุนตั้งแต่ปี 2005 พอถึงปี 2020 เงินลงทุนจะโตเป็นเท่าไร เทียบกับการลงทุนใน S&P 500 จากกราฟถือว่ากองทุนนี้เติบโตได้อย่างสม่ำเสมอตามนโยบายการลงทุนที่บอกไว้ และสามารถ Outperform ตัวดัชนี S&P 500 ได้อย่างสม่ำเสมอด้วย
ทีนี้กลับมาดูที่ผลตอบแทนกอง K-USA-A ซึ่งเป็นกองที่ไปลงทุนในกองทุน Morgan Stanley US Advantage Fund อีกที
ข้อมูล Performance ของกองทุน K-USA-A(D)
ที่มา: www.finnomena.com/fund ข้อมูล ณ วันที่ 26 มกราคม 2564
*ผลการดำเนินงานในอดีต และผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต
ขอใช้ข้อมูลของกอง K-USA-A(D) เพราะเปิดกองมานานกว่าทำให้เห็นข้อมูลย้อนหลังมากกว่า ผลตอบแทนย้อนหลังถือว่าดีมาก ถ้าดูกันที่การลงทุนระยะยาว 5 ปี ได้ผลตอบแทนเฉลี่ยต่อปีถึง 24.59% ส่วนหนึ่งเพราะได้อานิสงส์จากหุ้นเทคโนโลยีในพอร์ตที่พุ่งพรวดในช่วงที่ผ่านมา แต่เมื่อย้อนดูผลการดำเนินในช่วงก่อนหน้าก็ถือว่าโตขึ้นแบบสม่ำเสมอ และในช่วงที่เกิด Drawdown แต่ละครั้ง กองทุนสามารถแก้เกมและกลับมาทำจุดสูงสุดใหม่ได้ เป็นการพิสูจน์ว่ากองทุนสามารถควบคุมความเสี่ยงและอยู่รอดได้แม้เจอวิกฤตหนัก
สำหรับกอง K-USA-A(A) ซึ่งเป็นชนิดสะสมมูลค่า ถึงจะเปิดตามมาทีหลังแต่ก็ใช้นโยบายการลงทุนเหมือนกันเป๊ะ เมื่อเปรียบเทียบผลการดำเนินงานกับกอง K-USA-A(D) ก็เลยออกมาใกล้เคียงกัน ทีนี้ก็ขึ้นอยู่กับว่านักลงทุนชื่นชอบกองทุนที่จ่ายปันผลระหว่างลงทุนหรือชอบกองทุนที่สะสมมูลค่าให้เติบโตยาวๆ ทีเดียว
ที่มา: www.finnomena.com/fund ข้อมูล ณ วันที่ 26 มกราคม 2564
ผลการดำเนินงานในอดีต และผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต
จุดที่นักลงทุนมักเข้าใจผิดระหว่างการเลือกกองปันผลกับไม่ปันผลคือ กองที่ไม่ปันผลถ้าราคาลงมาเราขาดทุน แต่สำหรับกองแบบปันผลเราจะยังได้ปันผลอยู่ ความจริงก็คือในกรณีที่กองทุนเป็นขาลงจริงๆ กองทุนปันผลก็จะไม่จ่ายปันผลให้เราอยู่ดี สรุปแล้วผลตอบแทนของกองทุนแบบปันผลกับไม่ปันผลถือว่าไม่ต่างกันมาก
สำหรับนักลงทุนรู้สไตล์การลงทุนของตัวเองแล้วว่าชอบกองปันผล กอง K-USA-A(D) ก็เป็นกองที่น่าสนใจกองหนึ่งเพราะมีประวัติการจ่ายปันผลดี สม่ำเสมอ แทบจะจ่ายเต็มโควตา 4 ครั้งต่อปี ทุกปีในช่วงที่ผ่านมา
ที่มา: www.finnomena.com/fund ข้อมูล ณ วันที่ 26 มกราคม 2564
สรุป: คำแนะนำสำหรับนักลงทุนที่ต้องการลงทุนในกองทุนนี้
1. K-USA-A(D) และ K-USA-A(A) เหมาะกับนักลงทุนที่อยากกระจายการลงทุนไปยังหุ้นอเมริกา ซึ่งเป็นประเทศที่มีความแข็งแกร่ง มีบุคลากรคุณภาพ เติบโตไว และพิสูจน์มาแล้วว่าเป็นประเทศที่เอาอยู่ในทุกสถานการณ์
2. กองทุนนี้เป็นกองทุนตราสารทุน มีความเสี่ยงระดับ 6 ดังนั้นจะมีความผันผวนค่อนข้างสูง เหมาะกับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้เพื่อแลกกับผลตอบแทนที่สูงขึ้น
3. ควรลงทุนตามสัดส่วนที่เรารับความเสี่ยงได้ ไม่ลงทุนมากเกินกำลัง
4. กองทุนนี้ไม่เหมาะกับผู้ที่เน้นการได้รับผลตอบแทนที่แน่นอน หรือรักษาเงินต้นให้อยู่ครบ
5. เหมาะกับการลงทุนระยะยาว โดยผู้ลงทุนควรมีเงินเย็นลงทุนในระยะยาวได้ตั้งแต่ 5 ปีขึ้นไป
เขียนโดย TUM SUPHAKORN
References:
1 https://www.morganstanley.com/im/en-lu/institutional-investor/funds-and-performance/morgan-stanley-investment-funds/equity/us-advantage.shareClass.I.html
2 https://www.morganstanley.com/im/en-lu/institutional-investor/funds-and-performance/morgan-stanley-investment-funds/equity/us-advantage.xlsDownload.fullHoldings.html?fundId=33917&teamId=1006
3 https://kasikornasset.com/th/mutual-fund/fund-template/Pages/K-USA-A(D).aspx
4 https://www.msn.com/en-us/money/smallbusiness/warren-buffett-dont-bet-against-america/vi-BB18uStf
5 https://www.fool.com/investing/general/2016/03/09/warren-buffett-dont-bet-against-america.aspx
6 https://www.youtube.com/watch?v=kbJ5XZJHBAg&ab_channel=FINNOMENA
คำเตือน
ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลสำคัญของกองทุนโดยเฉพาะนโยบายกองทุน ความเสี่ยง และผลการดำเนินงานของกองทุน โดยสามารถขอข้อมูลจากผู้แนะนำก่อนตัดสินใจลงทุน | ผลการดำเนินงานในอดีต และผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต | ผู้ลงทุนอาจมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากการป้องกันความเสี่ยงขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้จัดการกองทุน | กองทุนหลักลงทุนในสหรัฐอเมริกา ผู้ลงทุนจึงควรพิจารณาการกระจายความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุนโดยรวมของตนเองด้วย | สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทย จำกัด และบริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน ฟินโนมีนา จำกัด ในช่วงเวลาวันทำการตั้งแต่ 09:00-17:00 น. ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 026 5100 และทาง LINE “@FINNOMENAPORT” | สำหรับผู้ลงทุนในความดูแลของ Kept by krungsri ติดต่อทีม Kept help center ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 296 6299