มนต์ขลัง FANGMAN หมดแล้วจริงหรือ? EP7: Nvidia ผู้นำเทคโนโลยีโลก AI ต้นกำเนิดชิปขุด Crypto

หากคุณกำลังเพ้อฝันเรื่อง AI ครองโลก รถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติ สนใจหาหุ้นสักตัว อ่านโพสนี้ก่อน

หากจะจำลองปัญญาประดิษฐ์ (AI) ให้เหมือนมนุษย์ ทำอย่างไรจึงจะได้ผลที่สุด? นักวิชาการและนักคณิตศาสตร์ร่วมแรงร่วมใจ ถอดรหัสการทำงานของสมอง ค้นพบว่าในสมองนั้นมีเซลล์ประสาท (Neuron) จำนวนมากอยู่เป็นเครือข่าย (Neuron Network) ต่อกันจึงได้ทำโครงสร้างแบบนั้นมาทำสิ่งที่เรียกว่า Artificial Neural Network ก่อนจะมาพัฒนาเป็น Deep Neural Network สมองเราไม่เคยมานั่งคิด เราเห็น และเราก็ได้คำตอบ … ไม่ได้มีสมการโผล่ในหัว เช่น นี่คือแก้ว นี่คือแอปเปิล

ต่อมามีการค้นพบและยืนยันอย่างเป็นทางการ แต่หาลิ้งก์ข่าวไม่เจอ สมัยทีมเราสนใจ Nvidia ใหม่ ๆ มันก็ตอนเปิดเพจ 555 มีการยืนยันว่าหากใช้ชิป GPU ประมวลผล Neural Network จะเร็วกว่า CPU หลักร้อยเท่า

สมัยก่อนเราใช้ CPU ทำหน้าที่ทุกอย่างซึ่งหลักการคือการทำงานแบบ Serial (ทีละงาน) แต่แนวคิด GPU คือการทำงานแบบ Parallel (ขนานกันทีละหลายงาน) เพื่อให้ได้จำนวนมากที่สุด นั่นทำให้ GPU ถูกสร้างมาเพื่องานด้าน Graphic โดยเฉพาะ เนื่องจากต้องการรูปแบบการประมวลผลทีละหลายล้าน Pixel

Nvidia มี Software Driver ที่เสถียรมาก และในสายเกมยังมีเทคโนโลยีอย่าง Ray Tracing และ DLSS ที่ใช้ AI เข้ามาช่วยประมวลผลภาพให้เร็วขึ้นทำให้ภาพคมชัดใน Frame rate ที่สูง แต่ก็แลกมาด้วยราคาที่สูง

Nvidia พัฒนาต่อยอดจาก GPU เน้นไปที่เรื่องของ Deep Learning ซึ่ง GPU ประเภทนี้จะใช้เพื่อทำ Data Center ปัจจุบันมีหลากหลายบริษัทมากที่นำเทคโนโลยีของ Nvidia มาใช้งานตัวอย่างเช่น Amazon, Oracle, Tencent ซึ่งล่าสุดมีการเปิดตัว GRACE เป็น CPU ใน Data Center ตัวแรกของ Nvidia ซึ่งอยู่บนสถาปัตยกรรมของ ARM ที่ออกแบบมาใช้ประมวลผล AI ในฝั่งนี้โดยเฉพาะ

Nvidia สร้าง AI อยู่ในหลากหลายอุตสาหกรรมแห่งอนาคต ทั้งรถยนต์ เกม หรือแม้กระทั่งการแพทย์ เมื่อความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีมากขึ้น ยิ่งต้องใช้ GPU ที่มีคุณภาพสูงขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งนั่นหมายความว่าผู้ได้รับประโยชน์จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก Nvidia หุ้นจึงเกิด Turnaround ครั้งใหญ่ ในเวลาแค่ 10 ปี ทำให้ราคาหุ้นวิ่ง 3000% ส่งให้ Market Cap ในปัจจุบันเกิน 3 แสนล้านดอลลาร์

รายได้ของ Nvidia

FY2019 : 11,716 ล้านดอลลาร์

FY2020 : 10,918 ล้านดอลลาร์

FY2021 : 16,675 ล้านดอลลาร์

สัดส่วนรายได้ของบริษัทประกอบด้วย

Gaming (50%)

Data Center (38%)

Professional Visualization (6%)

Automotive (3%)

OEM & Other (3%)

บริษัทประกาศรายได้ไตรมาสล่าสุดอยู่ที่ 5,003 ล้านดอลลาร์ โต +61% YoY ซึ่งไฮไลท์ของงบครั้งนี้ก็ไม่ผิดคาดฝั่ง Data Center และ Gaming เป็นพระเอกเช่นเคย

Data Center รายได้เติบโต +97% YoY คิดเป็นสัดส่วน 38% ของรายได้รวม และยอดขายจากฝั่ง Gaming ก็ดีไม่แพ้กันโต +67% YoY

เราจะเห็นว่า S-Curve สำคัญ ๆ ของ Nvidia ได้แก่

การเติบโตของ Data Center

น่าเสียดายว่าเติบโตเป็นรอบ ตาม Cycle แต่ด้วยเดชะบุญเกิดโรคระบาด Digital Transformation เร่งตัว อาจส่งผลให้ลาก growth ไปได้สักพัก

Edge Computing รถยนต์ไร้คนขับ !!

หากดูที่สัดส่วนรายได้ Automotive 3% …..เอ่อ ยังไงนะ? มีอนาคตอีกมาก? คำตอบคือยังหรอก เพราะตลาดนี้ก็มีคู่แข่ง และถ้าไปดูในอดีตสัดส่วนรายได้จาก Automotive (แต่ก่อนจะเน้น infotainment) ก็ไม่เคยเยอะอยู่แล้ว มองว่าปีหน้า มันจึงจะเริ่มมีนัยสำคัญ

Cryptocurrency

มีคำกล่าวยอดนิยมว่า “ในยุคตื่นทอง ให้ขายพลั่ว” Nvidia ก็คือคนขายพลั่วนั่นเอง

ในปี 2018 ได้เห็นกระแสการ์ดจอขาดตลาดจากการที่มีการนำการ์ดจอไปใช้ขุดเหมือง Cryptocurrency กันเป็นจำนวนมาก และภาพนี้กำลังย้อนกลับมาในปี 2021 เพราะขณะนี้ราคา Cryptocurrency กำลังแรงสุด ๆ และผลตอบแทนอันแสนเย้ายวนส่งให้หลายคนกลับมาขุดกันอีกครั้ง

แต่แปลกจริง ทำไมรอบนี้ราคาไม่วิ่งตาม? ส่วนหนึ่งก็เพราะว่ามันขายดีจนผลิตไม่ทันอยู่แล้ว ส่วนอนาคต หากกระแสนี้ยังบูมอยู่ก็จะเป็น Demand ซื้ออย่างต่อเนื่อง เพียงแต่ในอดีตได้สอนให้เราเห็นแล้วว่ามันไม่ยั่งยืน

จาก GPU สู่ CPU

เราจะเห็นได้จากการเปิดตัว Grace แล้ว โดยมีดีลที่ยังคงต้องจับรอคือการยื่นซื้อ ARM เพื่อลุยตลาด CPU แต่ยังต้องขออนุญาตจากหน่วยในแต่ละประเทศ ซึ่งใช้เวลาอีกเป็นหลักปี แต่สิ่งที่จะได้รับกลับมานั้นคือสุดยอดมาก ๆ เพราะจะสามารถเข้าสู่ธุรกิจ Edge Computing ได้อย่างเต็มรูปแบบมากขึ้น

ประเด็นความเสี่ยง Chip Shortage (ชิปขาดตลาด) แต่ทางบริษัทก็ให้ Guidance ที่ดี ซึ่งคาดการณ์รายได้ไตรมาสต่อไปรายได้จะอยู่ที่ 5,300 ล้านดอลลาร์ และน่าจะเป็นบริษัทแรก ๆ ที่ออกจากปัญหาเหล่านี้ได้ โดยมองว่าหมดไตรมาส 2 ปีนี้ก็จะผ่านพ้นวิกฤต ก่อนคู่แข่งอย่าง AMD

BottomLiner