แจ้งเตือน

กลับสู่หน้าหลัก

Financial Railway

เขียนโดย เพนกวินน้อยจอมโหด

คุณเคยเดินทางไกลหรือเปล่า?

การลงทุนก็เปรียบเสมือนการเดินทาง หากคุณตั้งใจแล้วว่าจะลงทุนระยะยาว หนทางข้างหน้าก็ยังอีกไกลแสนไกล คุณยังต้องใช้เวลาเดินทางอีกยาวนาน อาจจะตลอดชีวิตของคุณ

ย้อนกลับไปราวสี่ปีก่อน… คุณพ่อของฉันตรวจพบโรคมะเร็งตับระยะสุดท้าย หากต้องการรักษาด้วยวิธีที่ดีที่สุดต้องใช้เงินหลายแสนบาทต่อเดือน แต่ครอบครัวของเราไม่ได้มีความพร้อมสำหรับค่าใช้จ่ายจำนวนมากขนาดนั้น ครอบครัวทำได้เพียงสนับสนุนการรักษาแบบประคับประคองเท่าที่สามารถทำได้ คุณพ่อทนทุกข์ทรมานจากโรคร้ายเพียงไม่นานท่านก็จากไป แม้ด้วยตัวโรคแล้วต่อให้รักษาด้วยวิธีที่ดีกว่านี้ท่านก็อาจอยู่ได้อีกไม่นานนัก แต่การไม่สามารถเข้าถึงการรักษาที่ดีที่สุดได้นั้นสร้างความบอบช้ำทางจิตใจให้กับทุกคนในครอบครัวไม่น้อย ทำให้ฉันรู้ว่าการไม่มีความพร้อมด้านการเงินนั้นทำให้ครอบครัวต้องพบกับความยากลำบากมากมาย ในช่วงเวลานั้นฉันที่เพิ่งเรียนจบและเริ่มทำงานประจำครั้งแรกจึงตั้งปณิธานอย่างแน่วแน่ว่าจะไม่ยอมให้ครอบครัวของฉันต้องพบกับปัญหาด้านการเงินอย่างที่ผ่านมาอีก

หลังจากเสร็จสิ้นภารกิจต่าง ๆ เกี่ยวกับงานศพของคุณพ่อ ฉันตั้งใจเริ่มต้นชีวิตใหม่พร้อมบทบาทหัวหน้าครอบครัวที่ฉันต้องสานต่อ หากเป็นภาพยนตร์ยุคเก่าสักหน่อย เราคงกำลังได้ยินเสียงหวูดรถไฟ และควันจากเครื่องจักรไอน้ำลอยตัวสูงขึ้น เด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนหนึ่ง ที่นั่งอยู่บนรถไฟ ทอดสายตามองชานชาลาที่ค่อยๆห่างออกไปเมื่อรถไฟเคลื่อนตัว เหมือนกับฉันที่กำลังเริ่มการเดินทางครั้งใหม่ ทิ้งความล้มเหลวทางการเงินครอบครัวที่ผ่านมาไว้เบื้องหลัง

การเดินทางจะนำเราไปพบเจอสิ่งใหม่… ฉันได้รับการบอกเล่าเกี่ยวกับพีรามิดทางการเงิน (Financial pyramid) จากรุ่นพี่คนหนึ่ง ซึ่งทำให้ฉันได้เห็นภาพรวมของการวางแผนการเงินที่ฉันกำลังมองหา ฉันจึงใช้คีย์เวิร์ดนี้เป็นจุดเริ่มต้นในการค้นหาความรู้ด้านการเงินบนโลกออนไลน์ ซึ่งพีรามิดทางการเงินประกอบด้วย 4 ส่วนสำคัญ เริ่มตั้งแต่รากฐานได้แก่

  • Wealth creation การสร้างความมั่งคั่ง นั่นคือเราต้องมีรายได้ก่อน และต้องบริหารให้มีรายรับมากกว่ารายจ่าย เพื่อให้มีเงินเหลือเก็บออม มีเงินสำรองฉุกเฉินอย่างน้อย 3-6 เท่าของรายจ่ายต่อเดือน

  • Wealth protection การปกป้องความมั่งคั่ง คือการบริหารความเสี่ยง อุดรอยรั่วที่อาจทำให้เราต้องใช้เงินจำนวนมาก เช่น รายจ่ายด้านสุขภาพ อุบัติเหตุ หรือไฟไหม้บ้าน เป็นต้น

  • Wealth accumulation การสะสมความมั่งคั่ง นั่นคือการนำเงินออมไปลงทุนให้เติบโต ซึ่งจำเป็นต้องแบกรับความเสี่ยงจากการลงทุนด้วย ดังนั้นจึงควรจัดการ 2 ข้อแรกให้เรียบร้อยเสียก่อนที่จะเริ่มต้นลงทุน

  • Wealth distribution การส่งต่อความมั่งคั่ง เมื่อเราได้จากโลกนี้ไป

ในระหว่างที่ฉันเริ่มต้นทำงานเป็นมนุษย์เงินเดือนธรรมดาคนหนึ่งในวันจันทร์ถึงศุกร์ และรับงาน part-time ในวันหยุดเสาร์และอาทิตย์ ในช่วงเดือนแรกที่ฉันเริ่มทำงาน หลังเลิกงานฉันจะกลับมาอ่านบทความ และดูวิดีโอบทเรียนทางการเงินทุกวัน วันละไม่น้อยกว่าสองชั่วโมง เพื่อหาหนทางในการจัดสรรเงินที่ได้มาให้เร็วที่สุด ก่อนที่เงินเดือนเดือนแรกจะเข้าบัญชี เพราะเงินเดือนเดือนแรกของฉันไม่ใช่แค่รายได้ของฉันเพียงคนเดียว แต่เป็นรายรับเพียงแหล่งเดียวของทั้งครอบครัวซึ่งประกอบด้วยฉัน แม่ และน้องสาวที่ยังเรียนอยู่ในระดับมหาวิทยาลัย ปีที่ 2 ซึ่งแหล่งความรู้หลักที่ฉันเริ่มเรียนรู้ มาจากวิดีโอบทเรียนของคุณเอ ศักดา สรรพปัญญาวงศ์ ผู้ก่อตั้ง A-Academy ซึ่งคุณเอได้ผลิตสื่อเพื่อสอนการวางแผนการเงินเบื้องต้นไว้อย่างครบถ้วน และเผยแพร่ให้เข้าถึงได้โดยไม่มีค่าใช้จ่ายอีกด้วย

ฉันเริ่มทำบัญชีรายรับรายจ่าย และงบการเงินส่วนตัวต่างๆ ซึ่งเป็นรากฐานสุดของพีรามิด เชื่อหรือไม่ว่าจนเวลาผ่านมาสี่ปีแล้ว มองย้อนกลับไป ฉันยังรู้สึกว่าว่าสิ่งเหล่านี้คือสิ่งที่ยากที่สุด ฉันทำบัญชีรายรับรายจ่ายอย่างจริงจังอยู่ราวครึ่งปี เพื่อนำข้อมูลมาวิเคราะห์ค่าใช้จ่ายของตัวเอง และจัดสรรเงินแยกบัญชีสำหรับงบประมาณค่าใช้จ่ายด้านต่างๆ สมัยนั้น ช่วงปลายปี 2559 internet banking ยังไม่ได้เป็นที่นิยม และค่าธรรมเนียมการโอนเงินข้ามธนาคารยังไม่เป็นศูนย์อย่างทุกวันนี้ ทุกวันสิ้นเดือน ฉันจะเบิกเงินออกจากบัญชีเงินเดือน และเดินไปตามตู้ฝากเงินของธนาคารต่าง ๆ เพื่อแบ่งเงินเข้าบัญชีตามที่วางแผนไว้

หลังจากผ่านการเดินทางบนเส้นทางใหม่ทางการเงินไปราวปีเศษ ถึงช่วงปลายปี 2560 เมื่อเลื่อนผ่านหน้าจอบนสื่อออนไลน์ต่างๆ หน้า news feed ของฉันก็เต็มไปด้วยแฟนเพจเกี่ยวกับวางแผนการเงินและข่าวสารทางการเงินมากมาย พอถึงช่วงปลายปี แฟนเพจหลายๆสำนักก็เริ่มชักชวนให้เราทบทวนการวางแผนการเงินประจำปีกัน ฉันก็เลยได้ฤกษ์ทบทวนแผนการเงินของฉันด้วยเช่นกัน

ผ่านการเดินทางมาแวะพักที่สถานีแรก…

  • ฉันบรรลุเป้าหมายแรก คือ เงินสำรองฉุกเฉิน ประมาณ 6 เท่าของค่าใช้จ่ายรายเดือน

  • เคลียร์หนี้สินส่วนใหญ่ได้แล้ว เหลือเพียงแค่เงินกู้ กยศ. ที่ยังต้องส่งตามสัญญา 15 ปี

  • ฉันได้ทำประกันชีวิตเพื่อเป็นหลักประกันรายได้ให้ครอบครัว หากเกิดเหตุที่ฉันต้องจากไปก่อนวัยอันควร

  • ฉันได้ทบทวนสวัสดิการต่างๆของที่ทำงาน และทำประกันป้องกันความเสี่ยงส่วนที่เหลืออื่นๆเพิ่มเติมเรียบร้อย

หลังจากพิจารณาแล้วว่าตัวเองได้ปูรากฐานสำคัญของพีรามิดเรียบร้อย ฉันจึงคิดวางแผนที่จะเริ่มแบ่งเงินไปลงทุนในกองทุนรวมเป็นรายเดือน เพื่อเป้าหมายเกษียณอายุ และได้เริ่มลงทุนในเดือนมกราคมของปีถัดมา

เมื่อเริ่มการเดินทางในปีต่อมา (2561) ฉันได้งานพาร์ทไทม์ที่ใหม่ ที่สามารถทำประจำทุกวันหยุดได้ ทำให้ในปีนั้นฉันมีรายได้เพิ่มขึ้นอย่างมาก ฉันเริ่มรู้สึกลำพองใจในความสำเร็จของตัวเอง ฉันทั้งดีใจและภูมิใจที่สามารถหารายรับได้หลายทาง และยอดรายรับแต่ละเดือนก็เพิ่มขึ้นจากปีก่อนเกือบเท่าตัว แต่ท่ามกลางความหลงระเริงบนภาพฝันอันสวยงาม ฉันไม่ได้รู้เลยว่าภัยร้ายกำลังใกล้เข้ามา…

ลมหนาวอ่อนๆของเดือนธันวาคมพัดโชยมา รถไฟสายการเงินของฉันชะลอตัวเข้าพักที่สถานีใหม่อีกครั้ง

สถานีที่สอง…

รายได้รวมฉันเพิ่มขึ้นอย่างมาก แต่สิ่งที่ฉันลืมไปเสียสนิท คือการวางแผนจัดการภาษี ฉันทำงานพาร์ทไทม์ทุกวันหยุดเสาร์อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ พอสิ้นปีฉันพบว่าฉันมีรายรับเฉพาะในส่วนงานพาร์ทไทม์ถึงหลักแสนบาท เมื่อรายรับเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วและไม่ได้คอยอัปเดตงบการเงินส่วนตัว นอกจากภาษีที่ต้องเสียเพิ่มขึ้นจากปีก่อนถึงหลักหมื่นแล้ว เงินออมของฉันก็ไม่ได้เพิ่มขึ้นมากอย่างที่ควรจะเป็น ฉันละเลยสิ่งที่เป็นพื้นฐานที่สำคัญที่สุด… นั่นคือการบริหารรายรับรายจ่ายและประเมินงบการเงินส่วนตัวของตัวเอง เมื่อรายได้เพิ่มขึ้นและมีเงินสดเหลือจากการจัดสรรนั้นเปิดโอกาสให้เจ้ากิเลสตัวร้ายช่วงชิงเงินก้อนนี้ไปอย่างง่ายดาย

อีกสิ่งหนึ่งที่ฉันรู้สึกพลาดไปคือ การลงทุนในตัวเอง ทั้งในเรื่องสุขภาพและการสะสมความรู้ หลังจากทำงานแทบทุกวันในปีที่ผ่านมา ฉันพบว่าร่างกายของฉันเริ่มอ่อนล้า และป่วยง่าย รวมถึงอ่านหนังสือน้อยลงเพราะหลังเลิกงานก็แทบจะหลับเป็นตาย แถมยังทำงานหักโหมด้วยความโลภจนไม่มีวันหยุดอีก และความรู้เกี่ยวกับการลงทุนของฉันก็แทบไม่ได้เพิ่มขึ้นเลยเมื่อเทียบกับตัวฉันเมื่อปลายปีก่อน ฉันจึงตั้งใจจะลดเวลาทำงานพาร์ทไทม์ลง ซึ่งการตัดสินใจนี้ขัดกับหลักการสะสมความมั่งคั่งที่ฉันเคยคิดไว้เป็นอย่างมากว่าต้องขยันหมั่นเพียรและรีบเก็บเงินในตอนที่อายุยังน้อย แต่ฉันก็คิดว่า หากความรู้และสุขภาพเป็นสินทรัพย์อย่างหนึ่ง เราก็ควรรีบเก็บออมและลงทุนตั้งแต่ตอนนี้ด้วยเช่นกัน ฉันจึงอนุญาตให้ตัวเองมีหยุดเพื่อพักผ่อนและออกกำลังกายมากขึ้น รวมทั้งฉันยังไปเรียนภาษาอังกฤษเพิ่มเติม และเข้าเรียนคอร์สศึกษาการลงทุนในกองทุนรวมในระดับที่สูงขึ้นด้วย

ฉันเริ่มออกเดินทางอีกครั้งด้วยเป้าหมายที่มั่นคงมากขึ้น แม้รายได้ของฉันจะลดลง แต่ฉันก็ยังจัดสรรเงินออมมาลงทุนเพื่อเกษียณอายุได้เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว และเลือกลงทุนในกองทุนรวม RMF เพื่อสิทธิประโยชน์ทางภาษีด้วย ฉันพยายามรักษาวินัยในการทำงบประมาณการณ์กระแสเงินสด (cash flow projection) อยู่เสมอ เพื่อให้รู้เท่าทันรายรับของตัวเองและสามารถหักเงินออมก่อนใช้จ่ายได้เหมาะสมมากขึ้น ซึ่งวิธีนี้ช่วยให้ฉันบริหารรายรับรายจ่ายได้ดีขึ้นมาก เพราะไม่จำเป็นต้องทำบัญชีทุกวันแล้ว ในช่วงแรกของการวางแผนการเงินฉันคิดว่าการทำบัญชีรายรับรายจ่ายยังเป็นส่วนที่สำคัญมาก เพื่อนำข้อมูลมาวิเคราะห์รายรับและค่าใช้จ่ายของตนเอง แต่ข้อมูลเหล่านี้ไม่ได้เปลี่ยนแปลงมากนัก หากเราไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตอย่างมีนัยสำคัญ เช่น การย้ายที่อยู่ ย้ายที่ทำงาน หรือมีภาระหนี้สินใหม่ หากเรามีข้อมูลนี้ในเบื้องต้นแล้ว การทำเพียงแค่งบประมาณการณ์กระแสสดร่วมกับวิธีการหักเงินออมก่อนใช้จ่าย ในมุมมองของฉันนั้นคิดว่าเพียงพอต่อการบริหารรายรับรายจ่าย แถมยังลดภาระงานที่ต้องทำได้มากทีเดียว

กลางปี น้องสาวของฉันเรียนจบ และได้งานทำไม่กี่เดือนหลังจากนั้น เป็นเรื่องน่ายินดีของครอบครัวอย่างมาก และฉันต้องปรับแผนการเงินครั้งใหญ่ เพราะรายจ่ายน้อยลงกว่าเดิมมาก ทำให้มีเงินเหลือจากการจัดสรรมากขึ้นด้วย จากประสบการณ์ในปีที่แล้วทำให้ฉันไม่ชะล่าใจ และปรับแผนได้ทันท่วงที ก่อนที่กิเลสครั้งใหม่จะก่อตัวขึ้นอีกครั้ง

เมื่อเข้าสู่ช่วงสิ้นปี ที่รถไฟของฉันเข้าพักที่สถานีใหม่อีกครั้ง เมื่อได้มองย้อนกลับไปทบทวนเรื่องราวต่างๆ ฉันก็พบว่าตัวฉันและครอบครัวได้เปลี่ยนแปลงไปมากทีเดียว

สถานีที่สาม…

  • ฉันมีวันหยุดอย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 วัน เรื่องนี้ถือเป็นความสำเร็จของฉันอย่างมาก เพราะฉันมักจะมีความรู้สึกไร้ค่าเวลาที่ตัวเองไม่ได้ทำงานอยู่บ่อยๆ แต่พอคิดว่าหากเก็บเงินไว้มากมาย แต่แก่ตัวไปไม่มีแรงใช้ก็คงไม่มีประโยชน์ ก็ทำให้ฉันรักตัวเองมากขึ้น

  • ฉันมีทักษะใหม่ในการทำงานเพิ่มขึ้น จากการลงทุนซื้อคอมพิวเตอร์ส่วนตัวและแบ่งเวลามาเรียนรู้และฝึกฝน

  • ฉันมีหนังสือในดวงใจเล่มใหม่ หลังจากแบ่งเวลากลับมาอ่านหนังสืออีกครั้ง

  • ฉันมีวินัยในการบริหารรายรับรายจ่าย และติดตามข่าวสารหาความรู้เพิ่มเติมมากขึ้น

ในปีนี้ฉันไม่ได้มองเป้าหมายหลักทางการเงินเป็นตัวเลขจำนวนเงินในบัญชีหรือพอร์ตลงทุนเพียงอย่างเดียวแล้ว เพราะเป้าหมายที่เป็นตัวเลขนั้นแทบจะวางอยู่ตรงหน้าแล้ว หากเราวางแผนด้วยความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องเหมาะสม และมีวินัยมากพอ เป้าหมายอย่างเช่น เงินเก็บ 1 ล้าน 5 ล้าน 10 ล้าน จึงเป็นเพียงเป้าหมายรองที่ใช้มอนิเตอร์แผนการเงินเท่านั้น ฉันให้ความสำคัญกับมิติด้านอื่น ๆ ของชีวิตมากขึ้น

การเดินทางครั้งใหม่ในปี 2563 ดำเนินมาได้เกือบครึ่งทางแล้ว เส้นทางการลงทุนในปีนี้ผาดโผนและเร้าใจกว่าสามปีที่ผ่านมามากนัก ยอดเงินในพอร์ตลงทุนของฉันลดลงเกือบ 20% แต่ฉันกลับรู้สึกมีความสุขเป็นอย่างมาก ส่วนหนึ่งเป็นเพราะพอร์ตการลงทุนของฉันนั้นเป็นพอร์ตลงทุนระยะยาว และฉันยังมีเงินสำรองฉุกเฉินเหลือเพียงพอที่จะไม่ต้องถอนเงินจากพอร์ตออกมา ที่สำคัญ หากฉันไม่เริ่มต้นลงทุน แม้แต่เงิน 80% ที่เหลืออยู่ในพอร์ต ฉันก็อาจไม่มีมันเลยด้วยซ้ำ

วิกฤตเศรษฐกิจในปีนี้ฉันจึงได้ประโยชน์หลายอย่าง

อย่างแรก คือการทดสอบการยอมรับความเสี่ยงของตัวเอง เวลาที่เราลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงสูงเพื่อหวังผลตอบแทนที่สูงขึ้น เราแน่ใจได้อย่างไรว่า เรารับความเสี่ยงของสินทรัพย์นั้นได้จริงๆ? ช่วงเวลาแบบนี้แหละ ที่ราคาสินทรัพย์ปรับลงอย่างมาก ให้เราได้ถามใจตัวเองว่าเราทนรับมันได้จริงหรือเปล่า เพราะสินทรัพย์เสี่ยงสูงต้องการระยะเวลาในการลงทุนที่นานพอ ผลตอบแทนสูงแค่ไหนจึงไม่สำคัญเท่าลงทุนได้นานเท่าไร

อย่างที่สอง ท่ามกลางความผันผวนของตลาด ข่าวสารและอารมณ์ของนักลงทุนมากมายไหลบ่าราวน้ำหลาก นี่คือช่วงเวลาแห่งการเรียนรู้ โชคดีที่ในปีก่อนฉันได้พยายามศึกษาความรู้ด้านการลงทุนเพิ่มเติมจนมีพื้นฐานพอที่จะต่อยอดเองได้บ้าง ฉันจึงได้พยายามใช้ช่วงเวลาเหล่านี้ให้เป็นประโยชน์ในการเก็บเกี่ยวความรู้และประสบการณ์จากสถานการณ์จริง

แม้เงินในพอร์ตจะลดลงจากราคาสินทรัพย์ที่ปรับตัวลง แต่กลับได้รับความรู้และประสบการณ์เพิ่มขึ้นอย่างมาก ฉันเริ่มรู้สึกว่าการติดตามข่าวสารต่างๆเป็นงานอย่างหนึ่งที่ฉันมีความสุขที่จะทำ เหมือนได้ค้นพบงานอดิเรกใหม่ และกระตือรือร้นที่จะหาความรู้เพิ่มเติมมากขึ้นจากข่าวสารที่ได้รับมา

รถไฟขบวนนี้จึงไม่ได้เป็นเพียงแค่เป็นรถไฟสายการเงินสำหรับฉันอีกต่อไป แต่เป็นรถไฟแห่งความมั่งคั่งที่ช่วยเติมเต็มชีวิตของฉันในหลายมิติ ทั้งด้านการเงิน สุขภาพ ความรู้ และความสุขในชีวิต เมื่อเรามีฐานะทางการเงินที่มั่นคง แม้ไม่ได้ร่ำรวยล้นฟ้า แต่ก็สามารถทำให้เรามีกำลังไปต่อยอดทำสิ่งต่างๆได้มากมาย เมื่อฉันได้ดู Finnomena live ทุกวันพฤหัส คุณเจ็ทและคุณแบงค์มักจะพูดอยู่บ่อยครั้งว่า Finnomena จะเป็นเพื่อนที่คอยเคียงข้างนักลงทุนเพื่อไปให้ถึงเป้าหมายทางการเงิน ฉันจึงรู้สึกอินทุกครั้งที่ได้ยิน เพราะเมื่อคนเราบรรลุเป้าหมายทางการเงินแล้ว ก็จะสามารถต่อยอดสร้างคุณค่าในมิติอื่นได้อีกมากมาย เมื่อทาง Finnomena เปิดโอกาสให้แชร์ประสบการณ์การลงทุนของตัวเอง ฉันจึงได้ลงมือเขียนบทความนี้ขึ้น เพื่อแบ่งปันประสบการณ์ให้กับคนอื่น ๆ ที่อาจมีช่วงเวลาที่ยากลำบากทางการเงินเหมือนกับฉัน อาจนำไปปรับใช้เพื่อเป็นแนวทางในก้าวผ่านช่วงเวลาเหล่านั้นมาได้เช่นกัน

รถไฟขบวนนี้ยังคงเดินทางต่อไป รอให้ผู้โดยสารท่านใหม่เข้ามาร่วมแบ่งปันประสบการณ์

ขอให้ทุกท่านเดินทางอย่างมีความสุข

Have a nice trip.

ส่งต่อเรื่องราวการเงินการลงทุนของคุณ

อ่่านเรื่องราวอื่นๆ