แจ้งเตือน

กลับสู่หน้าหลัก

แชร์ประสบการณ์การเริ่มต้นทำบันทึกรายรับรายจ่ายส่วนตัว

เขียนโดย ObServes Investing

ในช่วงเวลาที่มีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส Covid-19 อย่างรุนแรงในประเทศไทย และทำให้รัฐบาลจำเป็นต้องประกาศใช้มาตรการ Lockdown เพื่อลดจำนวนผู้ติดเชื้อลงอย่างเร่งด่วน ก็ทำให้ระบบเศรษฐกิจของประเทศมีอันต้องหยุดชะงักไปแทบทั้งหมด กิจการห้างร้านต่าง ๆ ต้องสูญเสียรายได้แบบฉับพลัน และบริษัทจำนวนมากมีความจำเป็นต้องลดรายจ่ายด้วยการลดเงินเดือนหรือเลิกจ้างพนักงาน ไม่เว้นแม้กระทั่งอาชีพนักบินที่หลาย ๆ คนเคยคิดว่าเป็นอาชีพที่มั่นคงมากและแทบไม่มีทางตกงานอย่างแน่นอน

สำหรับตัวผมเองที่ทำงานอยู่ในแผนก IT ของบริษัทข้ามชาติแห่งหนึ่ง ยังถือว่าโชคดีที่ยังไม่ได้รับผลกระทบในด้านรายได้จากเงินเดือน แต่ผมก็มีเพื่อนและคนรู้จักจำนวนมากที่ไม่ได้โชคดีเหมือนผม บางคนที่ทำงานเป็นพนักงานบริษัทก็ถูกลดเงินเดือนลง หรือบางคนที่ทำอาชีพอิสระก็มีรายได้ลดลงไปมากจากการที่ลูกค้ายกเลิกโครงการต่าง ๆ เป็นจำนวนมาก ช่วงเวลาที่ยากลำบากนี้ได้ทำให้เพื่อนผมหลาย ๆ คนเริ่มให้ความสำคัญกับการวางแผนการเงินมากขึ้น ผมจึงขอใช้พื้นที่นี้แบ่งปันประสบการณ์การจดบันทึกรายรับรายจ่ายส่วนตัว ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นการวางแผนการเงินของผม และผมหวังว่าประสบการณ์นี้จะช่วยให้มือใหม่ทุกคนกล้าที่จะเริ่มต้นจดบันทึกรายรับรายจ่าย ก่อนจะเริ่มวางแผนการเงินส่วนตัวและลงมือทำตามแผนนั้นต่อไปครับ

ผมเริ่มศึกษาเรื่องการวางแผนการเงินอย่างจริงจังมาได้ประมาณครึ่งปี และเริ่มลงมือทำตามแผนอย่างจริงจังตอนช่วงขึ้นปีใหม่ที่ผ่านมา อันที่จริงผมเข้าใจถึงความสำคัญของการวางแผนการเงินและการลงทุนมาหลายปีแล้ว แต่ว่าตั้งแต่เริ่มทำงานมา ผมก็ยังไม่เคยเริ่มลงมือวางแผนการเงินอย่างจริงจัง ไม่เคยเริ่มลงทุน หรือแม้แต่การวางแผนลดหย่อนภาษีเลย โชคยังดีที่ผมให้ความสำคัญกับการจดบันทึกรายรับรายจ่ายมาตั้งแต่ผมเริ่มทำงานประจำ เพราะผมอยากมั่นใจว่าอย่างน้อยที่สุดแล้ว ผมจะต้องมีเงินออมเพิ่มขึ้นทุกปี (แต่ไม่ได้ตั้งเป้าหมายว่าต้องเพิ่มขึ้นปีละเท่าไหร่)

การทำบัญชีรายรับรายจ่ายส่วนตัว ถือว่าเป็นหนึ่งในเรื่องที่สำคัญที่สุดและเป็นพื้นฐานที่สุดของการวางแผนการเงิน เพราะมันจะช่วยให้เรารู้ว่าเรามีการใช้จ่ายออกไปมากเกินกว่างบที่เราตั้งไว้หรือไม่ ผมเองก็เข้าใจว่าการทำบัญชีรายรับรายจ่ายส่วนตัวเป็นเรื่องยากสำหรับหลาย ๆ คน แม้กระทั่งสำหรับตัวผมเองในตอนที่จะเริ่มจดบันทึกใหม่ ๆ ด้วย เพราะผมตั้งใจว่าจะจดบันทึกการใช้จ่ายทั้งหมดที่เกิดขึ้นในวันนั้นเมื่อกลับถึงบ้าน แต่ผมก็มักจะมีปัญหาลืมจดรายจ่ายไปบางวัน และการนึกรายจ่ายที่เกิดขึ้นย้อนหลังไปสองสามวันให้ครบถ้วนก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ เลย

ผมพยายามแก้ปัญหานี้ด้วยการเตือนตัวเองให้จดบันทึกรายจ่ายลงใน App สำหรับจดโน้ตในมือถือทุกครั้งเวลามีการหยิบกระเป๋าตังค์ขึ้นมา ก่อนที่จะย้ายตัวเลขนี้ไปลงในไฟล์ Excel สำหรับบันทึกรายจ่ายส่วนตัวอีกที ซึ่งในบางวันผมก็ยังคงลืมย้ายตัวเลขจากโน้ตใน App บนมือถือมาเก็บลงในไฟล์ Excel อยู่ดี ผมจึงพยายามสร้างกิจวัตรให้ตัวเองในการเปิดไฟล์ Excel นี้เพื่อจดบันทึกรายจ่ายเป็นสิ่งแรกในทันทีที่ผมเปิดคอมส่วนตัวก่อนจะเริ่มทำอย่างอื่นต่อไป กิจวัตรการจดบันทึกรายจ่ายแบบนี้ช่วยให้บัญชีรายรับรายจ่ายของผมมีความแม่นยำพอสมควร สามารถบอกได้ว่าผมใช้เงินเกินตัวมากไปหรือเปล่าในเดือนนั้น

หน้าตาของไฟล์ Excel ที่ผมใช้จดบันทึกรายรับรายจ่าย

สำหรับคนที่ยังไม่เคยจดบันทึกรายจ่ายและกังวลว่าตัวเองอาจจะลืมจดบันทึกการใช้จ่ายไปบางครั้ง ทำให้บัญชีไม่แม่นยำจนไม่อยากลงมือเริ่มจดบันทึกนั้น ผมขอให้กำลังใจคนกลุ่มนี้ด้วยข้อสังเกตจากสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวผมเองละกันครับ ผมสังเกตว่ารายจ่ายที่ผมมักจะลืมจดบันทึกจะเป็นรายจ่ายเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่นการซื้อขนมจากเซเว่น ซื้อของจุกจิกจากแผงลอย หรือค่าต่อรถจากการเดินทางไปทำงานหรือไปพบปะเพื่อน ๆ แต่ผมจะไม่ลืมจดรายจ่ายชิ้นใหญ่ประจำเดือนนั้นเลย เช่นการซื้อ Gadget ชิ้นใหม่ เครื่องเล่นเกม เสื้อผ้าแบรนด์เนม หรือเครื่องสำอางค์ ซึ่งรายจ่ายชิ้นใหญ่พวกนี้มีผลกับบัญชีรายจ่ายของผมมากกว่ารายจ่ายจิปาถะค่อนข้างมาก ดังนั้นในช่วงเริ่มต้นของการฝึกจดบันทึกรายจ่ายที่เราอาจยังจดบันทึกรายจ่ายได้ไม่ครบถ้วนแบบนี้ การได้เห็นตัวเลขรายจ่ายจริงในเดือนนั้นซัก 80% ย่อมดีกว่าการที่เราทำได้แค่ “เดา” ว่าเดือนนั้นมีการใช้จ่ายไปเท่าไหร่แล้ว เพราะการใช้จ่ายเกินรายได้อย่างต่อเนื่องจะทำให้เราสร้างหนี้สินที่จะผ่อนชำระได้ยากขึ้นเรื่อย ๆ ส่งผลให้ชีวิตเป็นทุกข์มากขึ้นด้วย

นอกเหนือจากการพยายามจดบันทึกรายจ่ายส่วนใหญ่ในแต่ละเดือนให้ได้แล้ว อีกคำแนะนำหนึ่งที่ผมอยากมอบให้เป็นกำลังใจแก่คนที่จะเริ่มลงมือจดบันทึกรายจ่ายส่วนตัวก็คือ ยิ่งเราพยายามจดบันทึกรายจ่ายไปเรื่อย ๆ มากเท่าไหร่ เราก็จะเตือนตัวเองให้จดบันทึกได้ถี่ถ้วนและครบถ้วนมากขึ้นเท่านั้น ทำให้มีโอกาสลืมจดบันทึกน้อยลงในอนาคต และทำให้บัญชีรายจ่ายมีความแม่นยำตามความเป็นจริงมากขึ้นในที่สุดครับ

หลังจากที่เราสร้างนิสัยการจดบันทึกรายจ่ายที่แม่นยำให้กับตัวเองแล้ว เราย่อมจะรู้ได้ตลอดเวลาว่าในเดือนนั้นเรายังมีโควต้าในการใช้เงินเหลืออีกเท่าไหร่ เพื่อที่จะทำให้ยอดเงินคงเหลือในเดือนนั้นยังมีค่าเป็นบวกและไม่ก่อหนี้มากเกินกว่ารายได้ของเรา อย่างไรก็ตาม ผมเชื่อว่าเราทุกคนย่อมมีเป้าหมายในชีวิตที่อยากทำนอกเหนือไปจากการใช้ชีวิตทั่ว ๆ ไปในแต่ละเดือนอย่างแน่นอน ถึงแม้ว่าการทำบันทึกรายจ่ายเพียงอย่างเดียวจะยังไม่ช่วยให้เราบรรลุเป้าหมายที่มีราคาสูงเกินกว่ารายได้ที่เราได้รับในแต่ละเดือน แต่บันทึกรายรับรายจ่ายเหล่านี้จะกลายเป็นแหล่งข้อมูลสำคัญที่ช่วยให้เราสามารถออกแบบแผนการเงินและการเก็บออมเพื่อให้สามารถบรรลุทุกเป้าหมายชีวิตได้ในลำดับถัดไปครับ

ObServes Investing

ส่งต่อเรื่องราวการเงินการลงทุนของคุณ

อ่่านเรื่องราวอื่นๆ

iran-israel-war