จัดพอร์ตสไตล์ Andrew Stotz ครอบคลุมทุกความเสี่ยง กับ 3 พอร์ตให้เลือกลงทุน!

ถ้าจะถามว่ากูรูท่านใดที่ได้รับความนิยมอย่างล้นหลามจากโครงการ GURUPORT ก็คงจะหนีไม่พ้น Dr.Andrew Stotz ซึ่งตอนนี้ก็ได้ออกพอร์ตมาทั้งหมดถึง 3 พอร์ตด้วยกัน ได้แก่ AWS, AWAF และล่าสุดคือ AWIG

หลายคนอาจจะสงสัยว่า แล้วพอร์ต 3 อันนี้แตกต่างกันอย่างไร? แบบไหนเหมาะกับใครบ้าง? บทความนี้จึงขอพาทุกท่านไปเจาะลึกพอร์ตตระกูล All Weather ทั้ง 3 พอร์ตกัน

สารบัญ

ลงทุนตามระดับความเสี่ยงนั้นสำคัญไฉน?

ในโลกแห่งการลงทุน สินทรัพย์แต่ละประเภทนั้นมีระดับความเสี่ยงที่แตกต่างกัน  ซึ่งแน่นอนว่าผลตอบแทนที่สูงขึ้นย่อมมาพร้อมกับความเสี่ยงที่สูงขึ้นตามไปด้วย (high risk high return) ถ้าเราลงทุนในสินทรัพย์ที่ไม่เหมาะกับระดับความเสี่ยงที่ตัวเองยอมรับได้ อาจทำให้เราไม่สามารถบรรลุเป้าหมายการลงทุนตามที่ตั้งใจไว้ หรืออาจไม่ประสบความสำเร็จในการลงทุนเท่าที่ควรเป็น ตัวอย่างเช่น หากคุณเป็นนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูง แต่จัดพอร์ตลงทุนสินทรัพย์ปลอดภัย (safe haven) ในที่สัดส่วนมากกว่าสินทรัพย์เสี่ยงอย่างหุ้น อาจทำให้คุณพลาดโอกาสในการทำกำไรเมื่อตลาดหุ้นอยู่ในช่วงขาขึ้นไปอย่างน่าเสียดาย หรือหากคุณเป็นนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ต่ำ แต่จัดพอร์ตลงทุนสินทรัพย์เสี่ยงสูงในสัดส่วนที่มาก อาจทำให้คุณต้องกุมหัวคิดไม่ตกเมื่อตลาดหุ้นอยู่ในช่วงขาลง

ดังนั้น ควรประเมินความเสี่ยงของตัวเองก่อนลงทุนเสมอ และจัดสรรพอร์ตการลงทุนตามความเสี่ยงที่ตัวเองยอมรับได้ เพื่อให้สามารถบรรลุเป้าหมายในโลกการลงทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยต้องตระหนักอยู่เสมอว่า “ไม่มีสินทรัพย์ใดที่สามารถเอาชนะตลาดได้ตลอดไป”

เลือกลงทุนในความเสี่ยงที่เหมาะสมตามสไตล์ Andrew Stotz

อย่างที่บอกไปในช่วงต้นว่า ดร. Andrew Stotz ได้ออกพอร์ตมาทั้งหมด 3 พอร์ตแล้ว ได้แก่ AWS, AWAF และ AWIG โดยทั้ง 3 พอร์ตนี้มีระดับความเสี่ยงที่แตกต่างกันไป ดังนี้

  • ความเสี่ยงสูง: All Weather Alpha Focus (AWAF) 
  • ความเสี่ยงกลาง: All Weather Strategy (AWS)
  • ความเสี่ยงต่ำ: All Weather Inflation Guard (AWIG)

สร้างผลตอบแทนแบบเหนือชั้นทุกช่วงเวลาด้วยพอร์ต All Weather Alpha Focus (AWAF)

พอร์ต All Weather Alpha Focus (AWAF) เป็นพอร์ตการลงทุนที่เน้นสร้างผลตอบแทนส่วนเพิ่ม (Alpha) ในระยะยาวทั้งช่วงขาขึ้นและขาลงของตลาดหุ้น หัวใจหลักของกลยุทธ์การลงทุนพอร์ต AWAF คือการให้น้ำหนักส่วนใหญ่ไปที่หุ้นโลก โดยมีการจัดสรรสินทรัพย์ลงทุนหลากหลายประเภท ตามกลุ่มอุตสาหกรรม ภูมิภาค และธีมการลงทุนต่าง ๆ พร้อมปรับสัดส่วนตามสภาวะตลาด (Tactical Allocation) เพื่อเพิ่มโอกาสทำกำไรและป้องกันการขาดทุนในภาวะตลาดขาลง  เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการการลงทุนที่มีความยืดหยุ่น เน้นการสร้างเงินต้นให้เติบโต และต้องการลงทุนในระยะยาว 5 ปีขึ้นไป

  • ระดับความเสี่ยง: สูง
  • แนวทางการปรับพอร์ต: Rebalance ทุกไตรมาส หรือเมื่อต้องการลดความเสี่ยงสินทรัพย์อย่างมีนัยยะสำคัญ
  • เงินลงทุนขั้นต่ำ: 2,000,000 บาท

กลยุทธ์การลงทุนของพอร์ต AWAF

สำหรับกลยุทธ์การลงทุนของพอร์ต AWAF จะอ้างอิงจากโมเดล “FVMR Framework” ที่ถูกนำมาทดสอบอย่างถี่ถ้วน เพื่อให้แน่ใจว่าปัจจัยต่าง ๆ ที่นำมาประกอบการวิเคราะห์ช่วยให้บรรลุเป้าหมายได้จริง โดยมีรายละเอียด ดังนี้

  • Fundamental (พื้นฐานของสินทรัพย์) เช่น เทรนด์การเติบโตของผลกำไร ศักยภาพการทำกำไร
  • Valuation (มูลค่าของสินทรัพย์) เช่น Price to Book, PE to EPS Growth (PEG)
  • Momentum (โมเมนตัมของสินทรัพย์) ดูแนวโน้มการทำกำไร ราคาสินทรัพย์ เพื่อป้องกันการเผชิญ Value Trap
  • Risk (ความเสี่ยง) เช่น ความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ (Geopolitical Risk) ความเสี่ยงของตลาด (Market Risk)

พร้อมวิเคราะห์ผ่านปัจจัยมหภาค (Macro) โดยใช้โมเดล FVMR เพื่อทำให้แน่ใจว่าคัดเลือกสินทรัพย์ที่มีความน่าสนใจมากที่สุดตามสภาวะตลาด

สัดส่วนการลงทุนของพอร์ต AWAF

จัดพอร์ตสไตล์ Andrew Stotz ครอบคลุมทุกความเสี่ยง กับ 3 พอร์ตให้เลือกลงทุน!

ข้อมูล ณ เดือนกรกฎาคม 2565

พอร์ต All Weather Alpha Focus (AWAF) จะลงทุนในตราสารทุน ในสัดส่วน 73% โดยใช้กองทุน KKP PGE-H เป็นตัวแทนของหุ้นโลกในสัดส่วน 25% กองทุน B-BHARATA เป็นตัวแทนของหุ้นอินเดีย ในสัดส่วน 20% กองทุน KT-ENERGY เป็นตัวแทนของหุ้นกลุ่มพลังงาน ในสัดส่วน 20% กองทุน KFINFRA-A เป็นตัวแทนของหุ้นกลุ่มโครงสร้างพื้นฐาน ในสัดส่วนในสัดส่วน 4% และกองทุน KFHHCARE-A เป็นตัวแทนของหุ้นกลุ่ม Healthcare ในสัดส่วน 4%

ด้านตราสารหนี้ พอร์ต AWAF จะลงทุนในสัดส่วนเพียง 3% โดยใช้กองทุน TMBTM  ที่ลงทุนในตราสารตลาดเงินภาครัฐ ตั๋วเงินคลัง พันธบัตรที่ออกโดยภาครัฐ มาช่วยกระจายความเสี่ยงการลงทุน

และสัดส่วนที่เหลืออีก 24% พอร์ต AWAF จะกระจายลงทุนไปในตราสารทางเลือก โดยใช้กองทุน SCBGOLDH เป็นตัวแทนของทองคำในสัดส่วน 4% และกองทุน SCBCOMP ที่เป็นตัวแทนของสินค้าโภคภัณฑ์ ในสัดส่วน 20%

อ่านเพิ่มเติม เจาะลึก ALL WEATHER ALPHA FOCUS พอร์ตการลงทุนสุดพิเศษ เน้นสร้างผลตอบแทนแบบเหนือชั้นทุกช่วงเวลา

เอาชนะทุกสภาวะตลาดด้วยพอร์ต All Weather Strategy (AWS)

พอร์ต All Weather Strategy (AWS) เป็นพอร์ตการลงทุนที่มีเป้าหมายในการสร้างผลตอบแทนจากหุ้นในระยะยาวให้ได้มากที่สุด สัดส่วนหุ้นในพอร์ตสามารถปรับเปลี่ยนได้ตั้งแต่ 25 – 85% ตามสถานการณ์

พร้อมลดความเสี่ยงจากการลงทุนในหุ้นด้วยการกระจายการลงทุนไปยังสินทรัพย์ประเภทต่าง ๆ ทั้งตราสารหนี้ สินค้าโภคภัณฑ์ และทองคำ เพื่อช่วยปกป้องพอร์ตในสภาวะตลาดผันผวน

นอกจากนี้พอร์ต AWS ยังเน้นลงทุนในกองทุน Passive Index ที่มีค่าธรรมเนียมที่ต่ำและสมเหตุสมผล ไม่ฉุดรั้งผลตอบแทนระยะยาวของนักลงทุน

  • ระดับความเสี่ยง: กลาง
  • แนวทางการปรับพอร์ต: Rebalance ทุกไตรมาส หรือเมื่อต้องการลดความเสี่ยงสินทรัพย์อย่างมีนัยยะสำคัญ
  • เงินลงทุนขั้นต่ำ: 500,000 บาท

กลยุทธ์การลงทุนของพอร์ต AWS

ในระยะยาว สัดส่วนการลงทุนสินทรัพย์แต่ละประเภทจะไม่ต่ำกว่า 5% ของพอร์ตการลงทุน เพื่อให้มีการกระจายความเสี่ยงที่ดี และลดความเสี่ยงของช่วงเวลา (Market Timing Risk) ที่อาจเกิดขึ้น พร้อมลดสถานการณ์ “ตกรถ” ของนักลงทุน

ในระยะสั้น เน้นสัดส่วน (Conviction) 25% ไปที่สินทรัพย์ 3 สินทรัพย์ที่น่าสนใจที่สุดในแต่ละช่วงเวลา เพื่อรับผลตอบแทนที่ดีขึ้น ผ่านหลักแนวคิด FVMR เช่นเดียวกับพอร์ต AWAF ที่ช่วยให้นักวิเคราะห์ไม่พลาดตกหล่นปัจจัยที่เกี่ยวข้องไป

สัดส่วนการลงทุนของพอร์ต AWS

จัดพอร์ตสไตล์ Andrew Stotz ครอบคลุมทุกความเสี่ยง กับ 3 พอร์ตให้เลือกลงทุน!

ข้อมูล ณ เดือนกรกฎาคม 2565

พอร์ต All Weather Strategy (AWS) จะลงทุนในตราสารทุน ในสัดส่วน 25% ซึ่งมีการกระจายการลงทุนในหุ้นทั่วโลก โดยใช้กองทุน TISCOAP เป็นตัวแทนของหุ้นเอเชียแปซิฟิก (ยกเว้นญี่ปุ่น) ในสัดส่วน 5% กองทุน TISCOGEM เป็นตัวแทนของหุ้นตลาดเกิดใหม่ (Emerging Market) ในสัดส่วน 5% กองทุน K-EUX เป็นตัวแทนหุ้นยุโรป ในสัดส่วน 5% กองทุน K-JPX เป็นตัวแทนหุ้นญี่ปุ่น ในสัดส่วน 5% และกองทุน KFUSINDX-A เป็นตัวแทนหุ้นสหรัฐฯ ในสัดส่วน 5%

ส่วนตราสารหนี้ พอร์ต AWS เลือกใช้กองทุน TMBTM ซึ่งลงทุนในตราสารตลาดเงินภาครัฐ เช่นเดียวกับพอร์ต AWAF ในสัดส่วน 25%

และสัดส่วนที่เหลืออีก 50% พอร์ต AWS จะกระจายการลงทุนไปในตราสารทางเลือก โดยจะลงทุนในทองคำและสินค้าโภคภัณฑ์ในสัดส่วนดังนี้ กองทุน TMBGOLDS เป็นตัวแทนของทองคำในสัดส่วน 25% กองทุน SCBCOMP เป็นตัวแทนของสินค้าโภคภัณฑ์ ในสัดส่วน 25%

อ่านเพิ่มเติม เอาชนะทุกสภาวะตลาด ด้วยพอร์ตการลงทุน A.Stotz All-Weather Strategy

ตั้งการ์ดรับเงินเฟ้อด้วยพอร์ต All Weather Inflation Guard (AWIG)

พอร์ต All Weather Inflation Guard (AWIG) เป็นพอร์ตการลงทุนระยะยาวเพื่อตอบสนองต่อสภาวะเงินเฟ้อโดยเฉพาะ เน้นลงทุนในพันธบัตรเป็นกลยุทธ์หลัก และลงทุนในหุ้นด้วยสัดส่วนปานกลาง พร้อมควบคุมความเสี่ยงให้อยู่ในระดับที่ต่ำกว่าพอร์ตอื่น ๆ ของ ดร. Andrew Stotz โดยมีการกระจายการลงทุนเพื่อลดความเสี่ยงไปยังพันธบัตร สินค้าโภคภัณฑ์ และน้ำมัน เป็นพอร์ตที่เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเอาชนะเงินเฟ้อ และต้องการผลตอบแทนที่มากกว่าการฝากเงิน

  • ระดับความเสี่ยง: ต่ำ
  • แนวทางการปรับพอร์ต: Rebalance ทุกไตรมาส หรือเมื่อต้องการลดความเสี่ยงสินทรัพย์อย่างมีนัยยะสำคัญ
  • เงินลงทุนขั้นต่ำ: 500,000 บาท

กลยุทธ์การลงทุนของพอร์ต AWIG

สำหรับพอร์ต All Weather Inflation Guard (AWIG) จะใช้กลยุทธ์ “FVMR” เช่นเดียวกับพอร์ต All Weather Alpha Focus (AWAF) และพอร์ต All Weather Strategy (AWS) โดยเป็นโมเดลที่ออกแบบโดย ดร. Andrew Stotz และทีมงาน ซึ่งมีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว มีการทดสอบปัจจัยต่าง ๆ ย้อนหลัง เพื่อให้แน่ใจว่าปัจจัยต่าง ๆ ที่นำมาประกอบการวิเคราะห์ช่วยให้บรรลุเป้าหมายได้จริงและเข้ากับสถานการณ์ตลาดในแต่ละช่วงเวลา มีการวิจัยและทดสอบอย่างสม่ำเสมอ พร้อมตัดอคติออกจากการวิเคราะห์ในทุกขั้นตอน เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดี โดยยึดการลงทุนในระยะยาวเป็นหัวใจสำคัญ

สัดส่วนการลงทุนของพอร์ต AWIG

จัดพอร์ตสไตล์ Andrew Stotz ครอบคลุมทุกความเสี่ยง กับ 3 พอร์ตให้เลือกลงทุน!

ข้อมูล ณ เดือนกรกฎาคม 2565

พอร์ต All Weather Inflation Guard (AWIG) จะเน้นลงทุนในตราสารหนี้เป็นหลัก ในสัดส่วน 60% โดยเลือกลงทุนในกองทุน K-CBOND ซึ่งลงทุนในตราสารหนี้ที่ออกโดยบริษัทเอกชนหรือรัฐวิสาหกิจ ในสัดส่วน 45% กองทุน KTILF ซึ่งลงทุนในพันธบัตรและตราสารหนี้ทั้งในและต่างประเทศ ในสัดส่วน 10% และกองทุน TMBTM ที่ลงทุนในตราสารตลาดเงินภาครัฐ ตั๋วเงินคลัง พันธบัตรที่ออกโดยภาครัฐ ในสัดส่วน 5%

ส่วนตราสารทุน พอร์ต AWIG จะลงทุนในสัดส่วน 30% โดยลงทุนใช้กองทุน B-GLOBAL เป็นตัวแทนของหุ้นโลก ในสัดส่วน 20% กองทุน KFINFRA-A เป็นตัวแทนของหุ้นโครงสร้างพื้นฐานทั่วโลก ในสัดส่วน 5% กองทุน KT-ENERGY เป็นตัวแทนของหุ้นกลุ่มพลังงานทั่วโลก ในสัดส่วน 5%

และสัดส่วนที่เหลืออีก 10% พอร์ต AWIG จะกระจายลงทุนในตราสารทางเลือก โดยจะลงทุนในทองคำ ซึ่งใช้กองทุน TMBGOLDS ในสัดส่วน 5% และลงทุนในสินค้าโภคภัณฑ์ ซึ่งใช้กองทุน SCBCOMP ในสัดส่วน 5% เช่นเดียวกัน

อ่านเพิ่มเติม ตั้งการ์ดรับเงินเฟ้อกับ All Weather Inflation Guard พอร์ตเสี่ยงต่ำในแบบฉบับคุณ Andrew Stotz

ประชันผลตอบแทน 3 พอร์ตตระกูล All Weather

จัดพอร์ตสไตล์ Andrew Stotz ครอบคลุมทุกความเสี่ยง กับ 3 พอร์ตให้เลือกลงทุน!

ผลการทดสอบผลการดำเนินงานย้อนหลังของพอร์ต AWAF, AWS และ AWIG
ที่มา: สไลด์นำเสนอพอร์ต AWIG ณ วันที่ 21 มิ.ย. 2565 

มาดูกันในเรื่องผลตอบแทนย้อนหลังกันบ้าง จากภาพด้านบนเป็นภาพกราฟเส้นแสดงผลการทดสอบผลตอบแทนย้อนหลังของพอร์ต AWAF (สีแดง) พอร์ต AWS (สีฟ้า) และพอร์ต AWIG (สีเขียว) จะเห็นได้ว่าหากปี 2004 เรานำเงิน 100 ดอลลาร์หรัฐฯ ไปลงทุนทั้ง 3 พอร์ตตระกูล All Strategy ผ่านไป 18 ปี ในเดือนพฤษภาคม 2022 พอร์ตที่ทำให้เงินลงทุนของเราเติบโตได้มากที่สุดคือพอร์ต AWAF โดยเติบโตกว่า 324% ถัดมาเป็นพอร์ต AWS ที่ทำให้เงินเติบโตได้กว่า 199% และอันดับสุดท้ายเป็นพอร์ต AWIG ซึ่งทำให้เงินลงทุน 100 ดอลลาร์สหรัฐฯ เติบโตเป็น 233 ดอลลาร์สหรัฐฯ ในเดือนพฤษภาคม 2022 หรือเติบโตกว่า 133%

จัดพอร์ตสไตล์ Andrew Stotz ครอบคลุมทุกความเสี่ยง กับ 3 พอร์ตให้เลือกลงทุน!

กราฟแท่งแสดงผลตอบแทนและความเสี่ยงของพอร์ต AWAF, AWS และ AWIG
ที่มา: สไลด์นำเสนอพอร์ต AWIG ณ วันที่ 21 มิ.ย. 2565 

แต่อย่างที่ทราบกันดีว่าอัตราผลตอบแทนที่สูงย่อมมาคู่กับระดับความเสี่ยงที่สูงตามไปด้วย (high risk high return) จากภาพกราฟแท่งด้านบนจะเห็นได้ว่าพอร์ต AWAF มีค่าความผันผวน (Volatility) ซึ่งวัดได้จากค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน (Standard Deviation: SD) ค่อนข้างสูง ในขณะที่พอร์ต AWIG  ค่าความผันผวนต่ำที่สุดในบรรดาพอร์ตตระกูล All Strategy ทั้ง 3 พอร์ต เนื่องจากพอร์ต AWAF ให้น้ำหนักลงทุนในหุ้นค่อนข้างมากด้วยสัดส่วน 73% โดยใช้ตราสารหนี้มากระจายความเสี่ยงพอร์ตเพียง 3% ในขณะที่พอร์ต AWIG เน้นลงทุนในตราสารหนี้เป็นหลัก ในสัดส่วน 60% และลงทุนในหุ้นด้วยสัดส่วน 30% ดังนั้นเราควรเลือกพอร์ตการลงทุนที่เหมาะกับระดับความเสี่ยงที่ตัวเองรับได้มากที่สุด เพื่อที่จะได้ลงทุนอย่างมีความสุขในตลาดการเงินไปได้แบบยาว ๆ

สรุปรวม 3 พอร์ตตระกูล All Weather

จัดพอร์ตสไตล์ Andrew Stotz ครอบคลุมทุกความเสี่ยง กับ 3 พอร์ตให้เลือกลงทุน!

ทั้ง 3 พอร์ตใช้หลัก Asset Allocation ในการลงทุนเป็นหลัก ซึ่งมีการกระจายความเสี่ยงในสินทรัพย์หลายประเภท ทั้งหุ้น ตราสารหนี้ และตราสารทางเลือก โดยจะจัดสรรสัดส่วนการลงทุนแต่ละประเภทสินทรัพย์ตามกลยุทธ์ของแต่ละพอร์ต มีการวิเคราะห์ผ่านโมเดล FVMR ที่ออกแบบโดย ดร. Andrew Stotz และทีมงาน ซึ่งมีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว เพื่อให้แน่ใจว่าปัจจัยต่าง ๆ ที่นำมาประกอบการวิเคราะห์ช่วยให้บรรลุเป้าหมายได้จริง

พอร์ต AWS และ AWIG ใช้เงินลงทุนขั้นต่ำเริ่มต้น 500,000 บาท ในขณะที่พอร์ต AWAF ใช้เงินลงทุนขั้นต่ำเริ่มต้น 2,000,0000 บาท โดยทุกพอร์ตไม่มีค่าธรรมเนียมเพิ่มเติมในการจัดพอร์ตลงทุน พร้อมมีบริการ Rebalance ปรับพอร์ตตามความสมควรและสำคัญ

อย่างไรก็ตาม ทั้ง 3 พอร์ตนั้น มีความเสี่ยงที่แตกต่างกันออกไป ทำให้ผลตอบแทนคาดการณ์โดยเฉลี่ยมีความต่างกันตามไปด้วย พอร์ต AWAF ให้น้ำหนักลงทุนในหุ้นมากที่สุดในบรรดา 3 พอร์ต ในสัดส่วน 73% พอร์ต AWS และลงทุนในตราสารหนี้เพียง 3% ในขณะที่พอร์ต AWIG ซึ่งเป็นพอร์ตที่เน้นลงทุนในตราสารหนี้ ให้น้ำหนักลงทุนในตราสารหนี้ถึง 60% ดังนั้น ลองสำรวจตัวเองและเลือกพอร์ตการลงทุนที่เหมาะกับความเสี่ยงที่ตัวเองรับได้กันนะ

.

หากท่านใดมีข้อสงสัยเพิ่มเติม ไม่ว่าจะเกี่ยวกับสัดส่วนการลงทุนแนะนำ หรือรายละเอียดพอร์ต สามารถปรึกษาทีมงาน FINNOMENA Investment Advisor ก่อนเริ่มลงทุนได้ ฟรี! ไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม

ส่วนใครที่เลือกได้แล้วว่าพอร์ตไหนเหมาะกับความเสี่ยงของตัวเองก็สามารถคลิกที่ลิงก์ด้านล่างเพื่อเริ่มต้นสร้างแผนการลงทุนได้เลย

— planet 46.


คำเตือน

ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลสำคัญของกองทุนโดยเฉพาะนโยบายกองทุน ความเสี่ยง และผลการดำเนินงานของกองทุน โดยสามารถขอข้อมูลจากผู้แนะนำก่อนตัดสินใจลงทุน | ผลการดำเนินงานในอดีต และผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต | ผู้ลงทุนอาจมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากการป้องกันความเสี่ยงขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน  | ข้อมูลและการคาดการณ์ที่ปรากฏในบทความนี้จัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลในอดีตร่วมกับการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน แต่ทั้งนี้ไม่อาจรับรองความสมบูรณ์แท้จริงและความแม่นยำของการวิเคราะห์ข้อมูลในอนาคตได้ | สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน ฟินโนมีนา จำกัด ในช่วงเวลาวันทำการตั้งแต่ 09:00-17:00 น. ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 026 5100 และทาง LINE “@FINNOMENAPORT”