หุ้นอินเดียเป็นตลาดแห่งความหวังของใครหลายคน จากการถูกหมายมั่นว่าเศรษฐกิจจะเติบโตได้ร้อนแรงมากที่สุดในปีนี้ ส่วนหุ้นอินเดียเองก็ยืนระยะได้อย่างมั่นคง
แต่ในอีกแง่ตลาดหุ้นอินเดียก็ดูจะเป็นดินแดนลึกลับที่นักลงทุนจำนวนมากไม่ค่อยรู้จัก จนบางครั้งอาจจะพลาดโอกาสไปแบบน่าเสียดาย
เอาเป็นว่า… หากใครอยากเริ่มต้นลงทุนใน ‘ตลาดหุ้นอินเดีย’ อยากมีกองทุนหุ้นอินเดียติดพอร์ต บทความนี้จะพามาดูกันว่ามีเรื่องอะไรบ้างที่ต้องรู้ โอกาสและปัจจัยเสี่ยงของตลาดหุ้นอินเดียอยู่ตรงไหน พร้อมกองทุนหุ้นอินเดียที่ FINNOMENA Fund คัดมาให้แล้ว
Highlight (เลือกอ่านเฉพาะหัวข้อที่สนใจได้เลย)
- ความน่าสนใจของประเทศอินเดีย
- โอกาสและความเสี่ยงของตลาดหุ้นอินเดีย
- ดัชนีหุ้นอินเดีย มีอะไรบ้าง?
- กองทุนไทยที่มีนโยบายลงทุนในหุ้นอินเดีย
- กองทุนหุ้นอินเดียแนะนำ FINNOMENA Pick
FINNOMENA FUNDS ให้คุณได้ลงทุนในกองทุนรวมชั้นนำของประเทศไทยจากหลากหลาย บลจ.
ตอบโจทย์ทุกความต้องการ ไม่ว่าจะลงกองเดี่ยว จัดพอร์ต วางแผนลงทุน หรือลดหย่อนภาษี
ดูรายละเอียดเพิ่มเติม คลิก https://finno.me/get-started-ws?ct_id=india-funds-outlook
ความน่าสนใจของประเทศอินเดีย
1. เศรษฐกิจเติบโตเร็วที่สุดในโลก
OECD คาดการณ์ปี 2023-2034 เศรษฐกิจอินเดียจะมี GDP เติบโตที่ 6% และ 7% ตามลำดับ ถือว่าเติบโตมากที่สุดในกลุ่มประเทศเศรษฐกิจหลัก แถมแซงหน้าจีนเป็นที่เรียบร้อย
และหากมองไปที่มูลค่า GDP อินเดียมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 5 ของโลก รองจากสหรัฐฯ จีน ญี่ปุ่น และเยอรมัน เท่านั้น
จุดที่น่าสนใจ คือการเติบโตของอินเดียไม่ได้มาจากการส่งออกเป็นหลัก แต่เป็นการใช้จ่ายภายในประเทศ ซึ่งหนึ่งในแรงผลักดันสำคัญก็คือแผนพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ Atmanirbhar Bharat ‘อินเดียที่พึ่งพาตนเอง’ ของรัฐบาล Narendra Modi
Source: OECD Economic Outlook as of 30/06/2023
2. จำนวนประชากรมากที่สุดในโลก และเต็มไปด้วยวัยแรงงาน
อินเดียมีความได้เปรียบเชิงโครงสร้างประชากรเป็นอย่างมาก ปัจจุบันมีจำนวนประชากรเป็นอันดับ 1 ของโลกแล้ว ด้วยจำนวนกว่า 1,429 ล้านคน
ประชากรส่วนใหญ่ยังมีอายุเฉลี่ยที่น้อยเพียง 28.2 ปีเท่านั้น โดยอยู่ในวัยทำงานมากถึง 68% จึงเป็นประเทศที่มีศักยภาพในการพัฒนาได้อีกมากในอนาคต เนื่องจากความแข็งแกร่งของตลาดแรงงานและคุณภาพของประชากรที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง
Source: reuters.com as of 20/04/2023
3. โครงสร้างพื้นฐานที่แข็งแรง
อินเดียมีความพร้อมทางด้านโครงสร้างพื้นฐานสำหรับรองรับการเป็นฐานการผลิตใหม่ของโลกในอุตสาหกรรมที่หลากหลาย เนื่องจากรัฐบาลได้อัดฉีดเม็ดเงินลงมาอย่างต่อเนื่อง โดยมีแผนพัฒนาสำคัญ เช่น
- BharatMalaProject ส่งเสริมด้านโลจิสติกส์ภายในประเทศ และการเชื่อมต่อระหว่างประเทศให้มีประสิทธิภาพ
- SaubhagyaProject เพื่อให้คนอินเดียทุกครัวเรือนจะต้องมีไฟฟ้าใช้
- BharatNetProject เป้าหมายให้คนอินเดียก้าวเข้าสู่โลกดิจิทัล โดยสามารถเข้าถึงและใช้งานอินเทอร์เน็ตเพื่อหาความรู้ และทำธุรกรรมออนไลน์
4. ความสัมพันธ์ที่ดีกับสหรัฐอเมริกา
อินเดียและสหรัฐฯ มีสายสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดมาเป็นเวลาหลาย 10 ปี เรียกว่าเป็นเหมือนหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ทางการเมือง เศรษฐกิจ และความมั่นคง เพราะทั้งคู่ต่างยังต้องการกันและกัน เพื่อคานอำนาจการขยายอิทธิพลของจีน
Source: REUTERS/Jonathan Ernst
โอกาสและความเสี่ยงของตลาดหุ้นอินเดีย
เห็นความน่าสนใจในแง่ของภาพรวมเศรษฐกิจไปแล้ว ทีนี้ลองมาเจาะลึกลงไปดูในระดับอุตสาหกรรมและตลาดหุ้นกันบ้าง ว่าตอนนี้หุ้นอินเดียมีโอกาสอะไรรออยู่ข้างหน้า หรือมีปัจจัยเสี่ยงเรื่องไหนบ้างที่ต้องระวัง
แรงซื้อต่างชาติไหลกลับเข้าหุ้นอินเดียต่อเนื่อง
หุ้นอินเดียปรับฐานช่วงต้นปีพักนึง ก่อนที่จะกลับมาวิ่งฉิวเป็นขาขึ้นยาว ๆ โดยมีปัจจัยหนุนจากการเข้ามาไล่ซื้อของนักลงทุนต่างชาติที่คาดหวังการเติบโตทางเศรษฐกิจอันแข็งแกร่ง สวนทางประเทศอื่น ๆ ในภูมิภาคเอเชียที่ดูสะดุดลง
Bloomberg รายงานว่าในช่วงไตรมาส 2 ปี 2023 นักลงทุนต่างชาติซื้อหุ้นอินเดีย 9,400 ล้านดอลลาร์ และคิดเป็นกว่า 30% ของมูลค่า Market Cap.
Source: FINNOMENA, Bloomberg as of 26/06/2023
Valuation ที่แพง แต่แลกกับการเติบโต
แม้ว่า Valuation ของหุ้นอินเดียยังอยู่ในโซนสูง แต่ก็ถือว่าปรับลดลงมาประมาณนึงแล้ว รวมทั้งแลกมากับโอกาสการเติบโตที่สูงในอนาคต ซึ่งหุ้นอินเดียถูกปรับคาดการณ์กำไรดีกว่าหุ้นโลกต่อเนื่องมาตั้งแต่ปีก่อน
Source: FINNOMENA, Bloomberg as of 26/06/2023
ดัชนี PMI ขยายตัวสูง และมีโมเมนตัมที่ดี
ดัชนีที่บ่งชี้สภาวะทางเศรษฐกิจของภาคการผลิตและบริการอย่างดัชนี PMI (Purchasing Managers’ Index) ที่วัดความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจในประเทศ สะท้อนว่าอินเดียกำลังขยายตัวได้ในระดับสูงมากอย่างต่อเนื่อง และเหนือว่าประเทศอื่น ๆ ในหลายแง่มุม
Source: FINNOMENA, Bloomberg as of 26/06/2023
รู้จักดัชนีหุ้นอินเดีย มีอะไรบ้าง?
ตลาดหุ้นอินเดียจะมีดัชนีหลักของประเทศที่เทรดกันบนสกุลเงินรูปีอินเดียด้วยกัน 2 ดัชนี ได้แก่
- Nifty 50 คือ ดัชนีที่ประกอบด้วยหุ้นขนาดใหญ่ 50 ตัวแรกในตลาดหุ้นอินเดีย
- Sensex คือ ดัชนีที่ประกอบด้วยหุ้นขนาดใหญ่ 30 ตัวแรกในตลาดหุ้นอินเดีย
แต่ดัชนีซึ่งเป็นที่นิยมมากที่สุดของกองทุนรวมเพื่อใช้เป็นตัวชี้วัด (Benchmark) สำหรับตลาดหุ้นอินเดีย คือ MSCI India ที่ประกอบด้วยหุ้นขนาดกลางและขนาดใหญ่ 114 ตัวในตลาดหุ้นอินเดีย
อย่างไรก็ดี ทั้ง 3 ดัชนีมีสัดส่วนการให้น้ำหนักในหุ้นและกลุ่มอุตสาหกรรมค่อนข้างคล้ายคลึงกัน โดยหุ้น Top Holding นำมาด้วย Reliance ที่เป็นบริษัทพลังงานและปิโตรเคมี, ธุรกิจธนาคารและสินเชื่ออย่าง ICCI Bank และ Housing Dev Finance ตลอดจนธุรกิจไอทียักษ์ใหญ่ อย่าง Infosys และ Tata Consultancy Services
กองทุนไทยที่มีนโยบายลงทุนในหุ้นอินเดีย
ถ้าเริ่มสนใจลงทุนในหุ้นอินเดีย ปัจจุบันมีกองทุนไทยที่มีนโยบายลงทุนในอินเดียให้เลือกมากมาย ดังนี้
กองทุนหุ้นอินเดีย Active Fund
- B-BHARATA
- B-INDIAMRMF
- SCBINDEQ(A)
- TISCOINA-A
- KWI INDIA-A, KWI INDIA-D
- TMBINDAE
- ABIG
- ASP-INDIA
- LHINDIAE-A, LHINDIAE-D
- ONE-INDIAOPP-RA, ONE-INDIAOPP-RD
- KT-INDIA-A, KT-INDIA-D
- K-INDIA, KFINDIARMF
- KF-INDIA
กองทุนหุ้นอินเดีย Passive Fund
สามารถศึกษารายละเอียดของกองทุนเพิ่มเติมได้ที่ https://www.finnomena.com/fund/
กองทุนหุ้นอินเดียแนะนำ FINNOMENA FUNDS Pick
สำหรับกองทุนแนะนำทาง FINNOMENA FUNDS Investment Team คัดมาให้แล้วด้วยกัน 2 กองทุน ได้แก่
B-BHARATA กองทุนเปิดบัวหลวงภารตะ
กองทุนหุ้นอินเดียที่มีนโยบายลงทุนผ่านกองทุนหลัก RAMS Investment Unit Trust – India Equities Portfolio Fund II ไม่น้อยกว่า 80% ของ NAV โดยมีกลยุทธ์การลงทุน Active Management เน้นลงทุนในธุรกิจที่ได้รับประโยชน์จากการเติบโตของอุตสาหกรรมในประเทศอินเดีย
- ค่าความเสี่ยงของกองทุนอยู่ที่ระดับ 6
- นโยบายป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน (FX Hedging 50.16 %)
- เงินลงทุนขั้นต่ำ 500 บาท
Source: FINNOMENA FUND as of 07/07/2023
SCBINDEQ(A) กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ หุ้นอินเดีย แอคทีฟ (ชนิดสะสมมูลค่า)
กองทุนหุ้นอินเดียที่มีนโยบายลงทุนผ่านกองทุนหลัก UTI India Dynamic Equity Fund
ไม่น้อยกว่า 80% ของ NAV โดยมีกลยุทธ์การลงทุน Active Management มุ่งเน้นคัดเลือกหุ้นคุณภาพดีและมีศักยภาพในการเติบโต เพื่อสร้างการเติบโตของเงินลงทุนในระยะยาว
- ค่าความเสี่ยงของกองทุนอยู่ที่ระดับ 6
- นโยบายป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน (FX Hedging 91.38%)
- เงินลงทุนขั้นต่ำ 1,000 บาท
Source: FINNOMENA FUND as of 07/07/2023
เปรียบเทียบกองทุน B-BHARATA vs SCBINDEQ(A)
กราฟแสดงผลการดำเนินงานย้อนหลัง 1 ปี ข้อมูล ณ 07/07/2023 ที่มา: www.finnomena.com/fund/compare/
** ผลการดำเนินงานในอดีต และผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต **
สุดท้ายนี้ใครที่มีความสนใจและมองเห็นโอกาสต่อศักยภาพการเติบโตของประเทศอินเดีย หรืออาจจะต้องการกระจายเงินลงทุนในตลาด Emerging Market ใหม่ ๆ นอกเหนือจากจีนและเวียดนาม ตลาดหุ้นอินเดียก็ถือเป็นอีกทางเลือกที่น่าศึกษาและทำความเข้าใจไว้
สามารถศึกษารายละเอียดของกองทุนเพิ่มเติมได้ที่ https://www.finnomena.com/fund/
เลือกสรรโอกาสในการสร้างผลตอบแทนที่ดี คัดสรรกอง พอร์ต และธีมการลงทุนที่คุณห้ามพลาด จัดสรรโดย FINNOMENA FUNDS Investment Team
👉 ลงทะเบียนรับคำแนะนำเพิ่มเติม คลิก >>> https://finno.me/fpick-services
แหล่งข้อมูล
- imf.org
- OECD, economic-outlook
- India’s population to overtake China by mid-2023, UN estimates | reuters
- India will soon have 3 million more people than China | CNBC
- ทำไมใครๆก็ไปอินเดีย | FINNOMENA Live
- B-BHARATA | BBLAM
- SCBINDEQ | SCBAM
คำเตือน
การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยง ก่อนตัดสินใจลงทุน | ผลการดำเนินงานในอดีต และผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต | กองทุนมีการลงทุนกระจุกตัวในหมวดอุตสาหกรรม และประเทศที่ลงทุน จึงมีความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนจำนวนมาก ผู้ลงทุนจึงควรพิจารณาการกระจายความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุนโดยรวมของตนเองด้วย | ผู้ลงทุนอาจมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากการป้องกันความเสี่ยงขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้จัดการกองทุน | สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน ฟินโนมีนา จำกัด ในช่วงเวลาวันทำการตั้งแต่ 09:00-17:00 น. ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 026 5100 และทาง LINE “@FINNOMENAPORT”