กองนี้ตัวแม่! รวมกองทุนผลตอบแทนดีแห่งปี 2022

ถึงเวลาที่ต้องกล่าวอำลาปี 2022 ไปเสียแล้ว สิ้นปีแบบนี้เรามาดูกันดีกว่าว่าปี 2022 กองทุนใดที่สามารถสร้างผลตอบแทนได้โดดเด่นที่สุดจากทั้งหมด 4 หมวดหมู่กองทุนที่คัดมาเน้น ๆ จะมีกองทุนไหนบ้าง? ใช่กองทุนที่คุณมีอยู่ในพอร์ตรึเปล่า? ติดตามไปพร้อมกันผ่านบทความนี้!

สารบัญ

รวมกองทุนผลตอบแทนดีแห่งปี 2022

กองนี้ตัวแม่! รวมกองทุนผลตอบแทนดีแห่งปี 2022

กลุ่มหุ้น

1. KT-ENERGY (+40.53%)

นโยบายกองทุน: ลงทุนในกองทุน BGF World Energy Fund เป็นกองทุนหลัก (Master Fund) โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าสินทรัพย์สุทธิ โดยกองทุน KT-ENERGY จัดเป็นกองทุนที่มีความเสี่ยงระดับ 7

กองทุนหลักมีนโยบายลงทุนในหุ้นของบริษัทชั้นนําทั่วโลกซึ่งมีธุรกิจหลักในการสํารวจพัฒนาและจัดจําหน่ายพลังงาน และอาจลงทุนในบริษัทที่มุ่งเน้นการพัฒนาและใช้ประโยชน์จากพลังงานทดแทน

กลยุทธ์ในการบริหารจัดการลงทุน: มุ่งหวังให้ผลประกอบการสูงกว่าดัชนีชี้วัด (Active Management)

มูลค่าขั้นต่ำของการซื้อครั้งแรกและครั้งถัดไป: 1 บาท

ซื้อกองทุน KT-ENERGYคลิก

2. I-10 (+24.23%)

นโยบายกองทุน: ลงทุนในตราสารหนี้และหุ้น โดยเน้นลงทุนในหลักทรัพย์ต่างประเทศที่เกี่ยวข้องกับพลังงานแบบดั้งเดิมและพลังงานทางเลือก (Traditional Energy and Alternative Energy) ทั้งทางตรงและทางอ้อม โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าสินทรัพย์สุทธิ โดยกองทุน I-10 จัดเป็นกองทุนที่มีความเสี่ยงระดับ 8

กลยุทธ์ในการบริหารจัดการลงทุน: มุ่งหวังให้ผลประกอบการสูงกว่าดัชนีชี้วัด (Active Management)

มูลค่าขั้นต่ำของการซื้อครั้งแรก: 10,000 บาท

มูลค่าขั้นต่ำของการซื้อครั้งถัดไป: 1 บาท

3. ASP-NGF (+14.26%)

นโยบายกองทุน: ลงทุนในกองทุน Nippon Growth (UCITS) Fund เป็นกองทุนหลัก (Master Fund) โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าสินทรัพย์สุทธิ โดยกองทุน ASP-NGF จัดเป็นกองทุนที่มีความเสี่ยงระดับ 6

กองทุนหลักมีนโยบายลงทุนในหุ้นที่จดทะเบียนในประเทศญี่ปุ่น โดยจะลงทุนไม่น้อยกว่า 2 ใน 3 ของพอร์ตการลงทุนในหลักทรัพย์ที่ผู้ออกมีการทำธุรกิจในญี่ปุ่น

กลยุทธ์ในการบริหารจัดการลงทุน: มุ่งหวังให้ผลประกอบการสูงกว่าดัชนีชี้วัด (Active Management)

มูลค่าขั้นต่ำของการซื้อครั้งแรกและครั้งถัดไป: 1,000 บาท

ซื้อกองทุน ASP-NGF คลิก

4. TISCOWB-A (+11.70%)

นโยบายกองทุน: ลงทุนในหุ้นที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยที่เป็นส่วนประกอบของดัชนี SET Well- being (SETWB) โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าสินทรัพย์สุทธิ โดยกองทุน TISCOWB-A จัดเป็นกองทุนที่มีความเสี่ยงระดับ 6

กลยุทธ์ในการบริหารจัดการลงทุน: มุ่งหวังให้ผลประกอบการสูงกว่าดัชนีชี้วัด (Active Management)

มูลค่าขั้นต่ำของการซื้อครั้งแรกและครั้งถัดไป: 1,000 บาท

ซื้อกองทุน TISCOWB-A คลิก

5. KF-LATAM (+11.52%)

นโยบายกองทุน: ลงทุนในกองทุน Templeton Latin AmericaFund เป็นกองทุนหลัก (Master Fund) โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าสินทรัพย์สุทธิ โดยกองทุน KF-LATAM จัดเป็นกองทุนที่มีความเสี่ยงระดับ 6

กองทุนหลักมีนโยบายเน้นลงทุนในหลักทรัพย์ของบริษัทที่จัดตั้ง และมีธุรกิจหลักอยู่ในประเทศในภูมิภาคลาตินอเมริกา

กลยุทธ์ในการบริหารจัดการลงทุน: มุ่งหวังให้ผลประกอบการสูงกว่าดัชนีชี้วัด (Active Management)

มูลค่าขั้นต่ำของการซื้อครั้งแรกและครั้งถัดไป: 500 บาท

ซื้อกองทุน KF-LATAM คลิก

กลุ่มตราสารหนี้

1. TUSFIX (+5.51%)

นโยบายกองทุน: ลงทุนใน SPDR Barclays 1-3 Month T-Bill ETF เป็นกองทุนหลัก (Master Fund) โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน โดยกองทุน TUSFIX จัดเป็นกองทุนที่มีความเสี่ยงระดับ 3

กองทุนหลักมีมีวัตถุประสงค์ในการลงทุนเพื่อสร้างผลตอบแทนให้ใกล้เคียงกับผลตอบแทนของดัชนี Bloomberg Barclays 1-3 Month U.S. Treasury Bill ซึ่งเป็นดัชนีที่ประกอบด้วยตั๋วเงินคลังประเทศสหรัฐอเมริกาประเภทไม่จ่ายดอกเบี้ย (Zero-Coupon) ที่ออกมาทั้งหมด มีอายุของตราสารคงเหลือมากกว่า 1 เดือน แต่ไม่เกิน 3 เดือน ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถืออยู่ในอันดับที่สามารถลงทุนได้ และมีมูลค่าหน้าตั๋วอย่างน้อย 250 ล้านเหรียญสหรัฐอเมริกา

กลยุทธ์ในการบริหารจัดการลงทุน: มุ่งหวังให้ผลประกอบการเคลื่อนไหวตามดัชนีชี้วัด (Passive Management / Index Tracking)

อายุเฉลี่ยของตราสารหนี้: 26 วัน 

มูลค่าขั้นต่ำของการซื้อครั้งแรกและครั้งถัดไป: 1,000 บาท

ซื้อกองทุน TUSFIX คลิก

2. SCBFST (+4.50%)

นโยบายกองทุน: ลงทุนในหลักทรัพย์หรือทรัพย์สินที่เสนอขายในต่างประเทศ เช่น ตราสารหนี้ระยะสั้นทั้งภาครัฐ สถาบันการเงิน และภาคเอกชน เงินฝาก และหน่วยลงทุนของกองทุนรวมตราสารหนี้ เป็นต้น โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน โดยกองทุน SCBFST จัดเป็นกองทุนที่มีความเสี่ยงระดับ 4

กลยุทธ์ในการบริหารจัดการลงทุน: มุ่งหวังให้ผลประกอบการสูงกว่าดัชนีชี้วัด (Active Management)

อายุเฉลี่ยของตราสารหนี้: 2 เดือน 25 วัน

มูลค่าขั้นต่ำของการซื้อครั้งแรกและครั้งถัดไป: 1,000 บาท

ซื้อกองทุน SCBFST คลิก

3. KTILF (+3.40%)

นโยบายกองทุน: ลงทุนในตราสารภาครัฐไทย ภาครัฐต่างประเทศ ตราสารหนี้ ตราสารการเงิน  หน่วยลงทุนของกองทุนรวม และ/หรือกองทุนรวม ETF ที่มีผลตอบแทนแปรผันตามการเปลี่ยนแปลงของเงินเฟ้อที่เสนอขายทั้งในและ/หรือต่างประเทศ  โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน KFILF โดยกองทุน จัดเป็นกองทุนที่มีความเสี่ยงระดับ 4

กลยุทธ์ในการบริหารจัดการลงทุน: มุ่งหวังให้ผลประกอบการเคลื่อนไหวตามดัชนีชี้วัด (Passive Management / Index Tracking) และในบางโอกาสอาจสร้างผลตอบแทนให้สูงกว่าดัชนีชี้วัด

อายุเฉลี่ยของตราสารหนี้: 5 ปี 0 เดือน 4 วัน

มูลค่าขั้นต่ำของการซื้อครั้งแรกและครั้งถัดไป: 1 บาท

ซื้อกองทุน KTILF คลิก

4. KKP ACT FIXED (+1.33%)

นโยบายกองทุน: ลงทุนในตราสารทั้งในประเทศและต่างประเทศ ในตราสารภาครัฐ อาทิ ตั๋วเงินคลัง พันธบัตรรัฐบาล พันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย พันธบัตรหรือตราสารแห่งหนี้ของกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน ตราสารรัฐวิสาหกิจ และ/หรือตราสารอื่นใดที่กระทรวงการคลังเป็นผู้ออก ผู้รับรอง ผู้รับอาวัล หรือผู้ค้ำประกัน รวมทั้งลงทุนในตราสารหนี้ที่ออกโดยธนาคารพาณิชย์หรือบริษัทเอกชน โดยกองทุน KKP ACT FIXED จัดเป็นกองทุนที่มีความเสี่ยงระดับ 4

กลยุทธ์ในการบริหารจัดการลงทุน: มุ่งหวังให้ผลประกอบการสูงกว่าดัชนีชี้วัด (Active Management)

อายุเฉลี่ยของตราสารหนี้: 1 ปี 12 เดือน

มูลค่าขั้นต่ำของการซื้อครั้งแรกและครั้งถัดไป: 1,000 บาท

ซื้อกองทุน KKP ACT FIXED คลิก

5. KFMTFI (+0.78%)

นโยบายกองทุน: ลงทุนในประเทศในตราสารหนี้ภาครัฐ โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 50 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ส่วนที่เหลือจะลงทุนในเงินฝากธนาคาร หรือตราสารหนี้ของธนาคารพาณิชย์ รัฐวิสาหกิจ หรือบริษัทเอกชนทั่วไป ซึ่งมีอันดับความน่าเชื่อถือระยะปานกลางหรือระยะยาวในระดับตั้งแต่ A- หรือระยะสั้นในระดับ F2, T2 ขึ้นไป โดยกองทุน KFMTFI จัดเป็นกองทุนที่มีความเสี่ยงระดับ 4

กลยุทธ์ในการบริหารจัดการลงทุน: มุ่งหวังให้ผลประกอบการสูงกว่าดัชนีชี้วัด (Active Management)

อายุเฉลี่ยของตราสารหนี้: 1 ปี 8 เดือน 24 วัน

มูลค่าขั้นต่ำของการซื้อครั้งแรกและครั้งถัดไป: 500 บาท

ซื้อกองทุน KFMTFI คลิก

กลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์

1. I-OIL (+25.64%)

นโยบายกองทุน: ลงทุนในกองทุน United States Oil Fund LP เป็นกองทุนหลัก (Master Fund) โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าสินทรัพย์สุทธิ โดยกองทุน I-OIL จัดเป็นกองทุนที่มีความเสี่ยงระดับ 8

กองทุนหลักมีนโยบายลงทุนในสัญญาฟิวเจอร์ที่อ้างอิงกับราคาน้ำมันดิบคุณภาพดี (light, sweet crude oil) น้ำมันดิบประเภทอื่น ดีเซลหุงต้ม น้ำมันเชื้อเพลิง ก๊าซธรรมชาติ และเชื้อเพลิงปิโตรเลียมอื่น ๆ ที่มีการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ NYMEX, ICE Futures Exchange หรือตลาดหลักทรัพย์อื่น ๆ ทั้งในประเทศสหรัฐอเมริกาและต่างประเทศ

กลยุทธ์ในการบริหารจัดการลงทุน: มุ่งหวังให้ผลประกอบการเคลื่อนไหวตามดัชนีชี้วัด (Passive Management / Index Tracking)

มูลค่าขั้นต่ำของการซื้อครั้งแรก: 10,000 บาท

มูลค่าขั้นต่ำของการซื้อครั้งถัดไป: 1 บาท

ซื้อกองทุน I-OIL คลิก

2. TUSOIL (+23.06%)

นโยบายกองทุน: ลงทุนในกองทุน United States Oil Fund เป็นกองทุนหลัก (Master Fund) โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าสินทรัพย์สุทธิ โดยกองทุน TUSOIL จัดเป็นกองทุนที่มีความเสี่ยงระดับ 8

กองทุนหลักมีวัตถุประสงค์ในการลงทุนเพื่อให้อัตรา การเปลี่ยนแปลงรายวันของมูลค่าหน่วยลงทุนของกองทุน (ก่อนหักค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายทั้งหมด ของกองทุน) สอดคล้องกับอัตราการเปลี่ยนแปลงรายวันของราคาน้ํามันดิบคุณภาพดี (WTI Light Sweet Crude Oil)

กลยุทธ์ในการบริหารจัดการลงทุน: มุ่งหวังให้ผลประกอบการเคลื่อนไหวตามดัชนีชี้วัด (Passive Management / Index Tracking)

มูลค่าขั้นต่ำของการซื้อครั้งแรกและครั้งถัดไป: 1,000 บาท

3. TMBOIL (+13.08%)

นโยบายกองทุน: ลงทุนในกองทุน Invesco DB Oil Fund เป็นกองทุนหลัก (Master Fund) โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าสินทรัพย์สุทธิ โดยกองทุน TMBOIL จัดเป็นกองทุนที่มีความเสี่ยงระดับ 8

กองทุนหลักมีนโยบายลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันดิบ West Texas Intermediate (WTI) เพื่อให้ได้ผลตอบแทนใกล้เคียงกับผลตอบแทนของดัชนี DBIQ Optimum Yield Crude Oil Index Excess Return ซึ่งเป็นดัชนีที่มุ่งสะท้อนการเปลี่ยนแปลงของมูลค่าน้ำมันดิบ West Texas Intermediate (WTI) 

กลยุทธ์ในการบริหารจัดการลงทุน: มุ่งหวังให้ผลประกอบการเคลื่อนไหวตามดัชนีชี้วัด (Passive Management / Index Tracking)

มูลค่าขั้นต่ำของการซื้อครั้งแรกและครั้งถัดไป: 1 บาท

ซื้อกองทุน TMBOIL คลิก

4. KT-OIL (+11.66%)

นโยบายกองทุน: ลงทุนในกองทุน Invesco DB Oil Fund เป็นกองทุนหลัก (Master Fund) โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าสินทรัพย์สุทธิ โดยกองทุน KT-OIL จัดเป็นกองทุนที่มีความเสี่ยงระดับ 8

กองทุนหลักมีนโยบายลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันดิบ West Texas Intermediate (WTI) เพื่อให้ได้รับผลตอบแทนใกล้เคียงกับผลตอบแทนของดัชนี  DBIQ Optimum Yield Crude Oil Index Excess Return ซึ่งเป็นดัชนีที่มุ่งสะท้อนการเปลี่ยนแปลงของมูลค่าน้ำมันดิบ West Texas Intermediate (WTI)

กลยุทธ์ในการบริหารจัดการลงทุน: มุ่งหวังให้ผลประกอบการเคลื่อนไหวตามดัชนีชี้วัด (Passive Management / Index Tracking)

มูลค่าขั้นต่ำของการซื้อครั้งแรกและครั้งถัดไป: 1,000 บาท

ซื้อกองทุน KT-OIL คลิก

5. PRINCIPAL GCF-D (+11.20%)

นโยบายกองทุน: ลงทุนในกองทุน Lumyna – BOFA MLCX Commodity Enhanced Beta UCITS Fund เป็นกองทุนหลัก (Master Fund) โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าสินทรัพย์สุทธิ โดยกองทุน PRINCIPAL GCF-D จัดเป็นกองทุนที่มีความเสี่ยงระดับ 8

กองทุนหลักมีนโยบายมุ่งลงทุนเพื่อให้ผลตอบแทนเป็นไปตามดัชนีอ้างอิง ICE BofAML Commodity Index eXtra 03 Index Total Return

กลยุทธ์ในการบริหารจัดการลงทุน: มุ่งหวังให้ผลประกอบการเคลื่อนไหวตามดัชนีชี้วัด (Passive Management / Index Tracking)

มูลค่าขั้นต่ำของการซื้อครั้งแรก: 1,000 บาท

มูลค่าขั้นต่ำของการซื้อครั้งถัดไป: 1 บาท

ซื้อกองทุน PRINCIPAL GCF-D คลิก

กลุ่มกองทุนรวมผสม

1. ONE-ACTIVE6/2 (+12.36%)

นโยบายกองทุน: ลงทุนในหลักทรัพย์หรือทรัพย์สินอื่นหรือการหาดอกผลโดยวิธีอื่น โดยจะลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล ตราสารหนี้ เงินฝากทั้งในประเทศและ/หรือต่างประเทศ และ/หรือสัญญาซื้อขายน้ำมันล่วงหน้า (OIL Futures) ในตลาด NYMEX (New York Mercantile Exchange) ซึ่งเป็นตลาดซื้อขายสัญญาน้ำมันล่วงหน้าในนิวยอร์ก โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าสินทรัพย์สุทธิ โดยกองทุน ONE-ACTIVE6/2 จัดเป็นกองทุนที่มีความเสี่ยงระดับ 8

กลยุทธ์ในการบริหารจัดการลงทุน: มุ่งหวังให้ผลประกอบการเคลื่อนไหวตามดัชนีชี้วัด (Passive Management / Index Tracking) และในบางโอกาสอาจสร้างผลตอบแทนสูงกว่าดัชนีชี้วัด

มูลค่าขั้นต่ำของการซื้อครั้งแรก: 1,000 บาท

มูลค่าขั้นต่ำของการซื้อครั้งถัดไป: 1 บาท

ซื้อกองทุน ONE-ACTIVE6/2 คลิก

2. ONE-HOSPITAL (+10.58%)

นโยบายกองทุน: ลงทุนในหุ้น ตราสารกึ่งหนี้กึ่งทุน ตราสารหนี้ และ/หรือเงินฝาก ในอุตสาหกรรมหรือบริการที่เกี่ยวข้องกับโรงพยาบาลและทางการแพทย์ ทั้งในประเทศ และ/หรือต่างประเทศ โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าสินทรัพย์สุทธิ โดยกองทุน ONE-HOSPITAL จัดเป็นกองทุนที่มีความเสี่ยงระดับ 7

กลยุทธ์ในการบริหารจัดการลงทุน: มุ่งหวังให้ผลประกอบการสูงกว่าดัชนีชี้วัด (Active Management)

มูลค่าขั้นต่ำของการซื้อครั้งแรกและครั้งถัดไป: 10,000 บาท

ซื้อกองทุน ONE-HOSPITAL คลิก

3. ONE-POWER (+7.74%)

นโยบายกองทุน: ลงทุนในในประเทศ โดยจะลงทุนในหุ้น ตราสารแห่งหนี้ ตราสารกึ่งหนี้กึ่งทุน และ/หรือเงินฝาก ที่เกี่ยวกับธุรกิจหรือกิจการที่ได้ประโยชน์หรือมีรายได้จากพลังงาน โรงกลั่น ถ่านหิน พลังงานทดแทน และหรือธุรกิจหรือกิจการที่มีส่วนในการสนับสนุนนโยบายของภาครัฐด้านพลังงาน ทรัพยากร สาธารณูปโภค โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าสินทรัพย์สุทธิ โดยกองทุน ONE-POWER จัดเป็นกองทุนที่มีความเสี่ยงระดับ 7 

กลยุทธ์ในการบริหารจัดการลงทุน: มุ่งหวังให้ผลประกอบการสูงกว่าดัชนีชี้วัด (Active Management)

มูลค่าขั้นต่ำของการซื้อครั้งแรกและครั้งถัดไป: 1,000 บาท

ซื้อกองทุน ONE-POWER คลิก

4. UOBSMG (+3.54%)

นโยบายกองทุน: ลงทุนในตราสารหนี้ เงินฝาก และตราสารกึ่งหนี้กึ่งทุน รวมถึงหุ้นที่มีแนวโน้มหรือปัจจัยพื้นฐานดี โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าสินทรัพย์สุทธิ โดยกองทุน UOBSMG จัดเป็นกองทุนที่มีความเสี่ยงระดับ 6

กลยุทธ์ในการบริหารจัดการลงทุน: มุ่งหวังให้ผลประกอบการสูงกว่าดัชนีชี้วัด (Active Management)

มูลค่าขั้นต่ำของการซื้อครั้งแรกและครั้งถัดไป: 1 บาท

ซื้อกองทุน UOBSMG คลิก

5. MIPLUS-G (+3.37%)

นโยบายกองทุน: ลงทุนในหุ้น ตราสารหนี้ กึ่งหนี้กึ่งทุน เงินฝาก หน่วยลงทุน กองทุนอสังหาฯ ทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาฯ กองทุนโครงสร้างพื้นฐาน และ/หรือ หลักทรัพย์หรือทรัพย์สินอื่น ทั้งในและ/หรือ ต่างประเทศ โดยกองทุน MIPLUS-G จัดเป็นกองทุนที่มีความเสี่ยงระดับ 5

กลยุทธ์ในการบริหารจัดการลงทุน: มุ่งหวังให้ผลประกอบการสูงกว่าดัชนีชี้วัด (Active Management)

มูลค่าขั้นต่ำของการซื้อครั้งแรกและครั้งถัดไป: 1,000 บาท

ซื้อกองทุน MIPLUS-G คลิก

.

ข้อมูลผลตอบแทนย้อนหลังจาก FINNOMENA FUND สามารถกรองการจัดอันดับได้เอง พร้อมข้อมูลอัปเดตล่าสุดที่ FINNOMENA Fund Filter

อัปเดตตัวเลข ณ วันที่ 23 ธ.ค. 2565: KT-ENERGY, ASP-NGF, I-OIL, TMBOIL, KT-OIL, PRINCIPAL GCF-D
อัปเดตตัวเลข ณ วันที่ 26 ธ.ค. 2565: KF-LATAM, TUSFIX, TUSOIL, ONE-ACTIVE6/2, ONE-HOSPITAL
อัปเดตตัวเลข ณ วันที่ 27 ธ.ค. 2565: I-10, TISCOWB-A, SCBFST, KTILF, KKP ACT FIXED, KFMTFI, ONE-POWER, UOBSMG, MIPLUS-G


คำเตือน

ผู้ลงทุนต้องทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน | ผลการดำเนินงานในอดีต และผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต | กองทุนอาจลงทุนกระจุกตัวในหมวดอุตสาหกรรมและประเทศที่ลงทุน  จึงมีความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนจำนวนมาก ผู้ลงทุนจึงควรพิจารณาการกระจายความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุนโดยรวมของตนเองด้วย | ผู้ลงทุนอาจมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากการป้องกันความเสี่ยงขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้จัดการกองทุน | สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน ฟินโนมีนา จำกัด ในช่วงเวลาวันทำการตั้งแต่ 09:00-17:00 น. ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 026 5100 และทาง LINE “@FINNOMENAPORT”