ผมชื่อสมพจน์ พัดสุวรรณ ชื่อเล่น หนุ่ม จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยพระจอมเกล้าธนบุรี คณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาวิชาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์
ตอนจบมาใหม่ๆ ไม่รู้จักใช้เงิน ใช้จ่ายเงินอย่างฟุ่มเฟือย ไม่รู้จักคิด ประกอบกับธุรกิจที่ทำล้มละลาย จึงมีหนี้สินมาก พยายามแสวงหาโอกาสโดยใช้ความรู้วิศวกรรมคอมพิวเตอร์ที่เรียนมาหางานทำต่างประเทศ และได้โอกาสได้วีซ่าแบบ H1B ทำงานของ USA จาก บริษัทด้าน IT (Information Technology) แห่งหนึ่ง แต่บริษัท IT แห่งหนึ่ง ไม่เรียกตัวไปทำงาน จึงตัดสินใจไปหางานทำเอง แต่ก็ไปได้เป็นเด็กเสิร์ฟ และล้างจาน สุดท้ายก็ไม่ได้ทำงาน IT จริงๆ
หลังจากผ่านชีวิตที่ผิดหวัง สุดท้ายก็สมหวังได้ย้ายกลับมาทำงานที่สิงคโปร์ เป็นวิศวกรระบบคอมพิวเตอร์ ทำงานอยู่ 2 ปี และย้ายกลับมาทำงานที่กรุงเทพฯ ในบริษัทด้าน IT ข้ามชาติหลายแห่ง ในตำแหน่ง Technology Consultant ที่ปรึกษาระบบสารสนเทศ
ในขณะที่ทำงานในต่างประเทศ ได้พิจารณาตัวเองและพบว่า ขาดความรู้ด้านการเงินส่วนบุคคล การลงทุน และการบริหารธุรกิจ ดังนั้นจึงไปเรียนต่อปริญญาโทด้านบริหารธุรกิจที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และหลักสูตรการวางแผนการเงินส่วนบุคคล พร้อมกับหาความรู้ด้านการลงทุนในแบบต่างๆ ไม่ว่าแนว Value, Technical หรือ Momentum
โดยแนวทางการลงทุนที่ชอบเป็นส่วนตัวคือการลงทุนอย่างเป็นระบบ (Quantitative Investing) โดยชอบแบบ Hybrid Investment ที่ผสม Fundamental และ Technical เช่นหลักการของ CANSLIM เป็นต้น
กลุ่มที่ปรึกษาการเงินอิสระ โดยมองที่เป้าหมายของผู้มารับคำปรึกษาเป็นลำดับแรก
โดยมีเป้าหมายที่จะให้ความรู้ทางการเงินแก่คนไทย เพื่อให้คนไทยทุกคนได้เกษียณสุข โดยมีบทความที่หลากหลายแต่จะเน้นเรื่องการเกษียณ เช่น
ปณิธานส่วนตัวคือ ชีวิตต้องสมดุล 3 สิ่งคือ สุขภาพ ความร่ำรวย และความสงบทางใจ
และ อยากจะทำให้คนไทยมีแผนเกษียณสุข
กระจายการลงทุนทั่วโลกผ่านการจัดสัดส่วนการลงทุนที่จะป้องกันการ Downside ที่เกิดขึ้น
ลงทุน Passive เน้นความมั่งคั่งระยะยาวค่าใช้จ่ายต่ำ พร้อมกับลงทุน Activeในระยะกลางเพื่อไม่พลาดโอกาสการเติบโต
ลงทุนแบบ Hybrid จะทำให้เกิดความสมดุลของผลตอบแทนและค่าใช้จ่าย เน้นความเรียบง่าย
ก่อนจะรู้ถึงรายละเอียดของพอร์ต Global Aggressive Hybrid ต้องเข้าใจถึงกระบวนการทั้งหมดในการสร้างก่อน โดยมีกระบวนการดังนี้
แนวคิดที่ทำให้เกิดกลยุทธ์จะประกอบด้วย
เป้าหมายของกลยุทธ์นื้คือ มุ่งหวังมูลค่าเพิ่มขึ้นในระยะยาว โดยมีการจัดสัดส่วนการลงทุนอย่างเหมาะสม เพื่อไม่ให้ความผันผวนมากเกินไป โดยจะลงทุนในหลากหลายสินทรัพย์ทั้งในประเทศไทยและทั่วโลก
เน้นลงทุนในหุ้นเน้นคุณค่า (Value Stock) ที่มีความมั่นคงสูงแต่ไม่พลาดโอกาสในการลงทุนในหุ้นเติบโต (Growth Stock) ดังนั้นจะเลือกลงทุนในหุ้นเน้นคุณค่าผ่านกองทุนแบบ Passive เพื่อการลงทุนระยะยาว แต่ไม่พลาดโอกาสการลงทุนหุ้นเติบโตผ่านกองทุนประเภท Active
ทำไมต้องลงทุนทั้ง Passive และ Active?
ผลงานวิจัยพบว่า “กองทุน Active ที่ผลการดำเนินการดีในอดีตนั้นไม่ต่อเนื่องไปถึงอนาคต”
กองทุน AA เป็นกองทุนที่ติดลำดับ 1 ในปี 2000-2004 แต่พอในปี 2005-2009 กลับติดลำดับ 9
หรือ กองทุน BB เป็นกองทุนที่ติดลำดับ 2 ในปี 2000-2004 แต่พอในปี 2005-2009 กลับติดลำดับ 71
การเอาชนะตลาดระยะยาวเป็นเรื่องยาก ดังนั้น กลยุทธ์การลงทุนที่ดี คือ ซื้อแล้วถือกองทุนดัชนีที่มีค่าใช้จ่ายต่ำ
John C. Bogle ผู้คิดค้นการลงทุนแบบ Passive บอกว่า บริษัทล้มตายได้ แต่ Index ไม่มีวันตาย ดังนั้นเราจึงสามารถถือกองทุนประเภท Passive ไปได้ในระยะยาว
แต่อย่างไรก็ตาม กองทุนประเภท Active ที่เน้นเลือกหุ้นรายตัว หลายกองทุนเน้นหุ้นเติบโต ก็จะมีผลงานที่ดีในระยะสั้น-กลาง
การผสมกันระหว่าง Passive กับ Active หรือ แบบ Hybrid จึงรวมผลข้อดีของการลงทุนทั้ง 2 ประเภทนี้ไว้ คือ ลงทุน Passive เน้นความมั่งคั่งระยะยาวค่าใช้จ่ายต่ำ พร้อมกับลงทุน Active ในระยะกลางเพื่อไม่พลาดโอกาสการเติบโต
การลงทุนแบบ Active ผลตอบแทนดี แต่ค่าใช้จ่ายสูง แต่การลงทุนแบบ Passive ผลตอบแทนเท่าตลาด แต่ผลตอบแทนต่ำ
การลงทุนเป็นแบบ Hybrid จะทำให้เกิดความสมดุลของผลตอบแทนและค่าใช้จ่าย
มีคนกล่าวไว้ว่า The Best Investment Strategy is Simple.
กลยุทธ์การลงทุนที่ดีที่สุด คือ ความเรียบง่าย
กลยุทธ์จะต้องเรียบง่าย แต่ต้องไม่ง่าย
ความเรียบง่ายของกลยุทธ์จะต้องตรงไปตรงมา
ความเรียบง่ายของกลยุทธ์จะเน้นที่การลงทุนระยะยาว
ถ้าพูดถึงความเรียบง่ายของกลยุทธ์ ขอยกตัวอย่างที่ Warren Buffett ชนะพนันผู้จัดการกองทุน Hedge Fund
Warren Buffett ได้ท้าพนันกองทุน Hedge Fund ว่า ดัชนี S&P 500 จะชนะผลตอบแทนของ Hedge Fund มี Hedge Fund Manager เจ้าหนึ่งยอมรับพนันด้วย นั่นก็คือ Ted Seides ซึ่งเป็นอดีตผู้จัดการกองทุน Hedge Fund ชื่อ Protégé Partners
โดยวัดผลกันด้วยดัชนี S&P 500 กับ ผลการดำเนินงานของกองทุนที่ Protégé บริหารอยู่สักหนึ่งกอง ผลคือ กองทุนที่ Protégé เลือก ได้ผลตอบแทน 24% จากเงินต้น $1,000,000 ในขณะที่ ดัชนี S&P 500 ได้ผลตอบแทนมา 94%
Warren Buffett กำลังจะบอกอะไรเรา? ท่านบอกว่า แท้จริง “วินัย เป็น Key ที่สำคัญอย่างหนึ่งในการลงทุน“ สิ่งที่เต่าชนะกระต่าย ไม่ใช่ความเร็วว่องไว แต่คือการก้าวต่อไปอย่างสม่ำเสมอ การลงทุนไม่ได้จำเป็นต้องซับซ้อน ความเรียบง่ายก็สามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีในระยะยาวได้เช่นกัน
หากคุณคิดจะลงทุนเพิ่มในกองทุนรวม นี้คือสิ่งที่คุณไม่อยากพลาด! สมัครสมาชิกตอนนี้เพื่อรับโพยกองทุนเด็ดที่แนะนำ อัพเดททุกเดือนจาก FINNOMENA
กดที่นี่เพื่อรับโพยกองทุนสินทรัพย์ที่เลือกใช้ในการลงทุนจะมีแค่ 3 รูปแบบ
เป็นการลงทุนในสินทรัพย์เหล่านี้ทั่วโลก โดยมีสัดส่วนในการจัดพอร์ตดังนี้
เป็นการแบ่งภายในสินทรัพย์ เช่น หุ้นก็แบ่งเป็น
ตราสารหนี้ก็แบ่งเป็นระยะสั้น และระยะกลาง สัดส่วน 10% และ 20% ตามลำดับ
ส่วน อสังหาริมทรัพย์ ลงทุนทั้งประเทศไทยและต่างประเทศ รวมกันเป็น 10%
1. เลือกนโยบายที่ไม่มีปันผล
2. เลือกตามกลุ่ม เช่น กลุ่มหุ้นไทย หุ้นต่างประเทศ เป็นต้น โดยจะเลือกกลุ่มตามกลยุทธ์การลงทุนที่วางไว้ โดยมีแนวทางการเลือกดังนี้
3. คัดเลือกกองที่ได้ 4-5 ดาว โดยเฉพาะกลุ่มกองทุนแบบ Active
4. เลือก Best In Class แต่ละกลุ่มโดยใช้การเปรียบเทียบ
แบ่งเป็น 4 กลุ่มหลัก คือ
กองหุ้นไทย แบบ Passive จะเลือกกองทุนแบบ SET50 เนื่องจากผลงานของ Index แบบ SET50 จะดีกว่า SET100 และ SET
กองหุ้นต่างประเทศแบบ Passive แม้ MSCI Index จะมีหลายตัว แต่จะเลือกกองทุนแบบ MSCI World ที่เน้นลงทุนทั่วโลก 23 ประเทศที่เป็นประเทศพัฒนาแล้ว
กองหุ้นไทยแบบ Active ตามกลยุทธ์การลงทุน นอกจากลงทุนตาม Index แล้ว ยังลงทุนในหุ้นเติบโต จึงเลือกกองทุนที่อยู่ใน Small/Mid Cap
กองหุ้นต่างประเทศแบบ Active กลุ่มกองทุนต่างประเทศมีให้เลือกมากหลากหลาย แต่พอเราใช้กลยุทธ์เน้นความเรียบง่าย จึงเลือกกลุ่ม Global Equity เราไม่ได้เลือกเป็นรายภูมิภาค รายประเทศ หรือ รายอุตสาหกรรม เพราะหากเลือกแบบนั้น ก็จะมีความยุ่งยากในการกำหนดสัดส่วน
กองอสังหาริมทรัพย์ กลยุทธ์การลงทุนจะลงทั่วโลก ดังนั้นจึงเลือกกองทุนกลุ่ม Property – Indirect Global ซึ่งลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศ
กองตราสารหนี้ มีหลายกลุ่มให้เลือก แต่จะเลือกลงทุนตาม Duration ของตราสารหนี้ จึงเลือกกองทุนกลุ่ม Short Term Bond และเลือกกองทุนกลุ่ม Mid/Long Term Bond
จะทำการปรับพอร์ตโดยใช้ระยะเวลาเช่น 6 เดือน หรือ 1 ปี
วิธีนี้ง่ายที่จะเตือนตัวเองให้ตรวจสอบพอร์ต เมื่อครบ 1 ปี จะมีการตรวจสอบผลงานของกองทุนแบบ Active โดยเฉพาะกองทุนหุ้น เพื่อตรวจสอบถึงผลงานและแนวโน้มในอนาคต
ตัวอย่างการทำ Time Interval Method Rebalance
เงื่อนไขการทดสอบมีดังนี้
Universe ของสินทรัพย์
ช่วงเวลา
เงินลงทุน
ผลการดำเนินงานในอดีต / ผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต
ผลการดำเนินงานของพอร์ต Global Aggressive Hybrid นั้น ใน 3 ปีที่ผ่านมาสามารถทำผลตอบแทนได้ 8.47 ต่อปี ซึ่งแม้ว่าจะแพ้ SET Index Total Return แต่ก็เป็นธรรมชาติของพอร์ตการลงทุนที่กระจายความเสี่ยงในหลากหลายสินทรัพย์ สังเกตได้จากความผันผวนของพอร์ตการลงทุนนั้นน้อยกว่าการลงทุนในหุ้น (SET Total Return Index) อย่างมีนัยยะชัดเจน
สนใจลงทุนใน Global Aggressive Hybrid คลิกที่นี่ https://www.finnomena.com/port/wealthguru/ หรือแบนเนอร์ข้างล่าง เพื่อรอรับข้อมูลพอร์ตได้เลย
คุณสามารถลงทุนในพอร์ต Global Aggressive Hybrid by WealthGuru โดยผ่าน 3 ขั้นตอนง่ายๆ ดังนี้ครับ
ศึกษาข้อมูลของแผนการลงทุน ตรวจสอบว่าเหมาะสมกับเป้าหมายการลงทุนของคุณหรือไม่
สามารถเปิดบัญชีได้ทั้งในเว็บไซต์และแอปพลิเคชันของ FINNOMENA เอง โดยบัญชีนี้สามารถลงทุนได้กว่า 600 กองทุนจาก 14 บลจ.
รอรับคำแนะนำจากทางระบบทั้งผ่าน Notification และอีเมล และเริ่มลงทุนตามแผนที่วางไว้ได้ทันทีครับ
มีคำถามถึงทีมงาน FINNOMENA IC หรือ ผม WealthGuru สามารถฝากไว้ได้ที่
https://www.finnomena.com/ask/categories/global-aggressive-hybrid-portfolio/
WealthGuru
คำเตือน
ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลสำคัญของกองทุนโดยเฉพาะนโยบายกองทุน ความเสี่ยง และผลการดำเนินงานของกองทุน โดยสามารถขอข้อมูลจากผู้แนะนำก่อนตัดสินใจลงทุน | ผลการดำเนินงานในอดีต / ผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต | ผู้ลงทุนอาจมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากการป้องกันความเสี่ยงขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้จัดการกองทุน
หากคุณคิดจะลงทุนเพิ่มในกองทุนรวม นี้คือสิ่งที่คุณไม่อยากพลาด! สมัครสมาชิกตอนนี้เพื่อรับโพยกองทุนเด็ดที่แนะนำ อัพเดททุกเดือนจาก FINNOMENA
กดที่นี่เพื่อรับโพยกองทุนArticle, Basic, GURUPORT, GURUPORT-HYB, Infographic, Long Content, Picture Slide, Product Info, Video
คุณ สมพจน์ พัดสุวรรณ Independent Wealth Consultant ผู้ก่อตั้งเพจ WealthGuru