แจ้งเตือน

Opportunity Hub

ศูนย์รวมโอกาสการลงทุนจาก Finnomena
รวมครบจบในที่เดียว ที่ finno.me/opphub

ความเห็นจาก Finnomena : ตัวเลขสะท้อนตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่ดีขึ้น แนะนำสะสม K-CHINA-A และ ABCA-A สำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูงและมีหุ้นจีนในพอร์ตไม่มาก

วันนี้ (26 เมษายน 2024) ดัชนีหุ้นฮ่องกง Hang Seng (HSI) และดัชนี HSCEI หรือหุ้นจีน H-Share ปรับตัวขึ้นกว่า 2% หลังจากราคาบ้านในฮ่องกงเพิ่มขึ้นในรอบ 11 เดือน โดยดัชนีราคาสำหรับบ้านส่วนตัวในประเทศ ได้เพิ่มขึ้น 1.06% จากเดือนกุมภาพันธ์ ตัวเลขดังกล่าวสะท้อนถึงผลการดำเนินงานของตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่ดีขึ้น นับตั้งแต่รัฐบาลได้ยกเลิกมาตรการควบคุมด้วยการลดภาษีการซื้อบ้านใหม่เมื่อปลายเดือนกุมภาพันธ์ 

นอกจากนี้มีรายงานว่า บริษัทจีนทุ่มเม็ดเงินการลงทุนโดยตรงในต่างประเทศ (FDI) เพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบ 8 ปี เป็นจำนวนเงินกว่า 2.43 แสนล้านหยวน (3.35 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ) นำโดยบริษัทในภาคอุตสาหกรรม เช่น ยานยนต์ไฟฟ้า และพลังงานแสงอาทิตย์ ส่งผลให้ช่วยบรรเทาความตึงเครียดทางการค้า ผ่านการสร้างงาน และส่งเสริมการขยายตัวทางเศรษฐกิจในตลาดต่างประเทศมากขึ้น 

Finnomena Funds มองว่าความเชื่อมั่นต่อตลาดหุ้นจีนและตลาดหุ้นฮ่องกงจะเริ่มดีขึ้นจากมาตรการกระตุ้นและความพยายามออกนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างมีนัยสำคัญในช่วงที่ผ่านมา ประกอบกับเมื่อพิจารณาถึงระดับ valuation ของดัชนี CSI 300 ที่มี 12-m forward PE ที่ 11.06  เท่า หรือ -0.8 S.D. ขณะที่ดัชนี Hang Seng มี 12-m forward  PE ที่ 7.98 เท่า หรือ -2 S.D. เมื่อเทียบค่าเฉลี่ยในรอบ 10 ปี และมีการปรับตัวลงมากที่สุดในรอบ 5 ปีและ 10 ปีตามลำดับ เรายังแนะนำทยอยสะสมในกองทุน K-CHINA-A และ ABCA-A สำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูงและยังมีสัดส่วนหุ้นจีนในพอร์ตไม่มาก

จัดทำโดยบลป. เดฟินิทสำหรับบลน. ฟินโนมีนา (Finnomena Funds)

ดูกราฟ K-CHINA-A(A)

เมื่อกดปุ่ม “รับรายละเอียดเพิ่มเติม ” แสดงว่าคุณยินยอมให้บริษัท ฟินโนมีนา จำกัด และบริษัทในเครือ เก็บรวบรวมและใช้ข้อมูลเพื่อแนะนำบริการ แจ้งสิทธิประโยชน์ เป็นที่ปรึกษาการลงทุน ประชาสัมพันธ์ และดำเนินการที่เกี่ยวข้อง ศึกษานโยบายความเป็นส่วนตัว

K-CHINA-A(A)
ดูคลิปประกอบ
K-CHINA-A(A)
หุ้นจีน Hang Seng ทำจุดสูงสุดในรอบปี
ความเห็นจาก Finnomena : FundTalk Call ชอบกองทุน MEGA10CHINA-A ใครมีอยู่แล้วแนะนำ "ถือ" ส่วนใครยังไม่มี อาจจะรอให้ Hang Seng ยืนระยะเหนือเส้น 200 วัน แล้วจึงพิจารณาเข้าลงทุนอีกครั้ง

ตลอดทั้งสัปดาห์ ดัชนีหุ้นจีนฮ่องกง Hang Seng ปรับตัวขึ้นต่อเนื่องทุกวัน และล่าสุดในเช้าวันนี้ (25/04/2024) ก็ขึ้นไปทะลุ 17331 จุด ผ่านเส้นค่าเฉลี่ย (MA) 200 วัน และทำจุดสูงสูงตั้งแต่ปี 2024

ก่อนหน้านี้ ดัชนี Hang Seng ลงไปทำจุดต่ำสุดของปี เมื่อวันที่ 22 มกราคม แต่ก็ค่อย ๆ ฟื้นตัวกลับมาดีขึ้น และบวกมาแล้วกว่า +16 เมื่อเทียบจากวันนั้น กำลังจะ break down trend channel ไปแล้ว

ประเด็นที่เป็นปัจจัยบวกมาอย่างต่อเนื่อง คือท่าทีกระตุ้นเศรษฐกิจที่ชัดเจนของรัฐบาลจีน แถมล่าสุุด (22/04/2024) ก็มีข่าวกระตุ้นตลาดหุ้น H-Share โดย ก.ล.ต. จีนจะดันให้ฮ่องกงเป็นศูนย์กลางทางการเงินระดับนานาชาติ ประกาศสนับสนุนการจดทะเบียนของบริษัทชั้นนำของจีนในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง พร้อมปรับสภาพแวดล้อมให้เหมาะสมกับธุรกิจเทคโนโลยีในการเสนอขายหุ้น IPO

หุ้นจีน Hang Seng ทำจุดสูงสุดในรอบปี

Source: Trading View as of 24/04/2024

MEGA10CHINA-A

หุ้นจีน Hang Seng ทำจุดสูงสุดในรอบปี

Source: Finnomena Funds as of 24/04/2024

กองทุนหุ้นจีนหลาย ๆ กองในไทย ก็วิ่งทำราคาขาขึ้นเช่นเดียวกัน โดยเฉพาะ MEGA10CHINA-A ที่ลงทุนใน 10 บริษัทที่ทรงอิทธิพลในจีน ซึ่งจดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง

มูลค่า NAV ของ MEGA10CHINA-A ปรับเพิ่มขึ้น +11.72% นับตั้งแต่ต้นปี ชนะดัชนี Hang Seng Index และ MSCI All China Index

ความน่าสนในของหุ้น 10 ตัวในพอร์ต MEGA10CHINA-A

Source: investing as of 24/04/2024

  1. Alibaba (HKG: 9988) อีคอมเมิร์ซที่ใหญ่ที่สุดในจีน และเป็นเจ้าของแพลตฟอร์มค้าปลีกออนไลน์ระดับโลก
  2. Ping An Insurance (HKG: 2318) บริษัทประกันภัยและการเงินแบบครบวงจรชั้นนำของจีน
  3. BYD (HKG: 1211) ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า (EV) สัญชาติจีน โดยเป็นหนึ่งบริษัทที่มียอดขายมากที่สุดในโลก
  4. NetEase (HKG: 9999) บริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ของจีน ที่มีทั้งธุรกิจเกม เพลงสตรีมมิ่ง อีคอมเมิร์ซ และมีเดียแพลตฟอร์ม
  5. Baidu (HKG: 9888) เสิร์ชเอนจินรายใหญ่ของจีน พร้อมทั้งบริการแผนที่ออนไลน์ และมีการพัฒนา AI ครบวงจร
  6. Nongfu Spring (HKG: 9633) บริษัทน้ำดื่มบรรจุขวดที่ใหญ่ที่สุดในเมืองจีน อาทิ น้ำแร่ น้ำเปล่า และน้ำชา
  7. Tencent (HKG: 0700) บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ที่ดำเนินธุรกิจไปทั่วโลก เช่น โซเชียลมีเดีย เกมออนไลน์ บริการชำระเงิน เป็นต้น
  8. Meituan (HKG: 3690) ผู้นำแพลตฟอร์มการจัดส่งอาหารออนไลน์และสินค้า
  9. JD (HKG: 9618) อีคอมเมิร์ซรายใหญ่ของจีน มีจุดเด่นที่การนำเสนอสินค้าหลากหลายประเภท เช่น สินค้าอิเล็กทรอนิกส์ เสื้อผ้า ของใช้ในบ้าน
  10. Xiaomi (HKG: 1810) ผู้ผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และสินค้าไอทีสัญชาติจีนที่ส่งออกไปทั่วโลก

มุมมองการลงทุน FundTalk Call

ยังคงชอบกองทุนหุ้นจีน MEGA10CHINA-A ที่ได้ให้คำแนะนำเข้าลงทุนไว้เมื่อวันที่ 24 มกราคม 2024 โดยมองว่าความเชื่อมั่นต่าง ๆ จะจุดเปลี่ยนสำคัญของตลาดหุ้นจีน รวมทั้งนักวิเคราะห์คาดการณ์กำไรของตลาดหุ้นจีนจะเติบโตประมาณ 15–20% ในปีนี้และปีหน้า ทำให้ระดับ P/E ที่ระดับ 7 เท่า ถือว่าถูกมากเมื่อเทียบกับอัตราการเติบโต

ควรซื้อเพิ่ม ถือ หรือขายทำกำไร ณ จุดนี้ FundTalk มองว่าดัชนีหุ้นจีนน่าจะยังไปต่อ และเป็นหนึ่งในตลาดที่ทำผลตอบแทนได้ดีอันดับต้น ๆ ของปีนี้ หลังจากทำผลงานแย่มาหลายปี

ดังนั้นใครมีอยู่แล้ว แนะนำ “ถือ” ส่วนใครยังไม่มี อาจจะรอให้ Hang Seng ยืนระยะเหนือเส้น 200 วัน แล้วจึงพิจารณาเข้าลงทุนอีกครั้ง


คำเตือน: ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน | ผลการดำเนินงานในอดีต และผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต | ผู้ลงทุนอาจมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากการป้องกันความเสี่ยงขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้จัดการกองทุน | กองทุนรวมนี้ลงทุนกระจุกตัวในผู้ออกตราสารหรือประเทศใดประเทศหนึ่ง จึงมีความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนจำนวนมาก ผู้ลงทุนจึงควรพิจารณาการกระจายความเสี่ยงของ พอร์ตการลงทุนโดยรวมของตนเองด้วย | คำแนะนำการลงทุนนี้เป็นไปตามกรอบการพิจารณาของ FINNOMENA FUNDS ซึ่งมีเป้าหมายในการสร้างโอกาสรับผลตอบแทนในระยะเวลาตามแต่ละประเภทของพอร์ตเท่านั้น บริษัทมิได้การันตีถึงผลตอบแทนที่จะได้จากคำแนะนำการลงทุนดังกล่าว มีความเสี่ยงที่ผลตอบแทนอาจไม่เป็นไปตามคาดหวัง หรือมีผลขาดทุนได้ | สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน ฟินโนมีนา จำกัด ในช่วงเวลาวันทำการตั้งแต่ 09:00-17:00 น. ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 026 5100 และทาง LINE @FINNOMENAPORT | สำหรับผู้ลงทุนในความดูแลของ Kept by krungsri ติดต่อทีม Kept help center ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 296 6299

ดูกราฟ MEGA10CHINA-A

เมื่อกดปุ่ม “รับรายละเอียดเพิ่มเติม ” แสดงว่าคุณยินยอมให้บริษัท ฟินโนมีนา จำกัด และบริษัทในเครือ เก็บรวบรวมและใช้ข้อมูลเพื่อแนะนำบริการ แจ้งสิทธิประโยชน์ เป็นที่ปรึกษาการลงทุน ประชาสัมพันธ์ และดำเนินการที่เกี่ยวข้อง ศึกษานโยบายความเป็นส่วนตัว

MEGA10CHINA-A
ดูคลิปประกอบ
MEGA10CHINA-A
ความเห็นจาก Finnomena : มองการปรับฐานจากปัจจัยสงครามที่ผ่านมาเป็นโอกาสเข้าลงทุนหุ้นเพิ่ม โดยกองทุนหุ้นเอเชีย เราขอแนะนำเป็น UOBSA

วันนี้ (24 เมษายน 2024) ภาพรวมตลาดหุ้นเอเชียฟื้นตัวสดใสหลังความกังวลต่อปัจจัยสงครามคลายตัว และผลประกอบการไตรมาส 1 ที่ทยอยประกาศในตลาดสหรัฐฯ และยุโรปยังมีทิศทางดีกว่าที่คาด นอกจากนั้นดัชนีหุ้นฮ่องกง Hang Seng (HSI) และดัชนี HSCEI หรือหุ้นจีน H-Share ปรับตัวขึ้นราว 2% ใกล้แตะระดับสูงสุดในรอบ 5 สัปดาห์ ได้รับแรงหนุนจากการที่ UBS และ Goldman Sachs มีมุมมองเชิงบวกต่อตลาดหุ้นจีนและฮ่องกงมากขึ้น 

Finnomena Funds มองการปรับฐานจากปัจจัยสงครามที่ผ่านมาเป็นโอกาสเข้าลงทุนหุ้นเพิ่ม สำหรับกองทุนหุ้นเอเชียแนะนำ UOBSA ที่ใช้ AI ร่วมกับผู้จัดการกองทุนในการคัดเลือกหุ้น สร้างผลตอบแทนโดดเด่นกว่ากองเอเชียอื่นๆ อย่างชัดเจน หากเป็นรายประเทศยังแนะนำสะสมหุ้นเวียดนามผ่านกองทุน PRINCIPAL VNEQ-A, หุ้นจีนผ่านกองทุน MEGA10CHINA-A และ ABCA-A สำหรับหุ้นจีน A Shares และกองทุนหุ้นเกาหลี SCBKEQTG

จัดทำโดยบลป. เดฟินิทสำหรับบลน. ฟินโนมีนา (Finnomena Funds)

ดูกราฟ -

เมื่อกดปุ่ม “รับรายละเอียดเพิ่มเติม ” แสดงว่าคุณยินยอมให้บริษัท ฟินโนมีนา จำกัด และบริษัทในเครือ เก็บรวบรวมและใช้ข้อมูลเพื่อแนะนำบริการ แจ้งสิทธิประโยชน์ เป็นที่ปรึกษาการลงทุน ประชาสัมพันธ์ และดำเนินการที่เกี่ยวข้อง ศึกษานโยบายความเป็นส่วนตัว

ดูคลิปประกอบ
สงครามอิสราเอล-อิหร่าน
ความเห็นจาก Finnomena : สงครามอิสราเอล-อิหร่านเริ่มผ่อนคลาย เป็นโอกาสสะสมหุ้นแบบ Buy the Dip มากกว่าตื่นกลัวต่อการลงทุน

สรุปกลยุทธ์และมุมมองการลงทุนหลังเหตุการณ์ความตึงเครียดอิสราเอล-อิหร่าน กระทบแค่ในระยะสั้นหรือบานปลายต่อเนื่อง เป็นโอกาสหรือควรตื่นกลัวมากกว่ากัน และจังหวะนี้แนะนำลงทุนอะไร?

ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา สินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลกย่อตัวลงมาแรง อาทิ หุ้นสหรัฐฯ S&P500 -3.05% WoW หุ้นญี่ปุ่น (TOPIX) -4.83% WoW และหุ้นเวียดนาม (VN Index) -7.97% WoW สวนทางกับราคาน้ำมันที่พุ่งจากความกังวลภาวะสงคราม และทองคำที่ยืนระดับสูงในฐานะ Safe Haven โดยประเด็นกดดันหลัก ๆ มี 3 เรื่อง

  • หนึ่งคือ… Fed ส่งสัญญาณคงอัตราดอกเบี้ยยาวนานขึ้น
  • สองคือ… ความกังวล US Election ที่อาจเกิด Trade War สหรัฐฯ-จีนอีกรอบ
  • สามคือ… ความตึงเครียดจากเหตุการณ์ความไม่สงบในตะวันออกกลางระหว่างอิสราเอลและอิหร่าน

เหตุการณ์ความตึงเครียดอิสราเอล-อิหร่าน

สงครามอิสราเอล-อิหร่าน

Source: Finnomena Funds, TradingView  as of 22/04/2024

สำหรับประเด็นที่ถูกจับตามองมากที่สุดในตอนนี้ คือสงครามอิสราเอล-อิหร่าน

จุดเริ่มต้นมาจากช่วงต้นเดือนเมษายน 2024 ได้เกิดเหตุโจมตีสถานทูตอิหร่าน ในประเทศซีเรีย ซึ่งมีนายทหารระดับสูงและเจ้าหน้าที่อิหร่านเสียชีวิต 7 ราย และรัฐบาลอิหร่านยืนยันว่าเป็นการโจมตีจากอิสราเอล

กระทั่งวันที่ 12 เมษายน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ “โจ ไบเดน” ให้ข่าวว่าอิหร่านจะโจมตีอิสราเอลกลับอย่างแน่นอน ไม่ช้าก็เร็ว

ช่วงกลางคืนของวันที่ 13 และ 14 เมษายน อิหร่านเริ่มปฏิบัติการโจมตีทางอากาศ โดยยิง โดรนและขีปนาวุธประมาณ 300 ลูก ไปยังพื้นที่เป้าหมายในอิสราเอล แต่อิสราเอลสามารถป้องกันได้ 99%

และเมื่อวันศุกร์ที่ 19 เมษายนที่ผ่านมา ก็มีกระแสข่าวว่าอิสราเอลเปิดศึกตอบโต้อิหร่านแล้ว หลังเกิดเสียงระเบิดในบริเวณสนามบินอิสฟาฮาน ก่อนที่ทางการอิหร่านจะออกมาระบุว่าเหตุการณ์ดังกล่าวน่าจะเป็นการโจมตีโดยผู้ปลุกปั่นมากกว่าฝีมืออิสราเอล และไม่มีแผนจะตอบโต้อิสราเอล

ทำให้เหมือนว่าล่าสุดท่าทีระหว่างอิสราเอลกับอิหร่าน เริ่มลดระดับความรุนแรงลงแล้ว จากสถานการณ์ที่เริ่มคลี่คลาย ไม่น่าจะเกิดการปะทุรุนแรงต่อเนื่อง

สงครามกับตลาดหุ้นมีความสัมพันธ์กันแค่ไหน?

สงครามอิสราเอล-อิหร่าน

Source:  Investopedia as of 22/04/2024

คำถามคือแล้วเวลาเกิดเหตุการณ์ความไม่สงบครั้งใหญ่ ๆ สถิติที่ผ่านมา ตลาดตอบรับเรื่องนี้แค่ไหน

จะเห็นว่าความไม่สงบจะกดดันตลาดเฉลี่ย 22 วัน และตลาดจะ Recover เฉลี่ย 47 วัน โดยค่าเฉลี่ยของ Drawdown อยู่ที่ -5.9%

สงครามอิสราเอล-อิหร่าน

Source: Finnomena Funds, TradingView as of 22/04/2024

ยิ่งถ้าเทียบกับเหตุการณ์ปีที่แล้ว ระหว่างอิสราเอล-ฮามาส ซึ่งกดดัน S&P500 ลงประมาณ 4-5% แต่ก็ฟื้นได้ภายใน 1 เดือน

จึงพอสรุปได้ว่าสงคราม การก่อการร้าย และความไม่สงบในรูปแบบต่าง ๆ มีผลกระทบต่อสินทรัพย์เสี่ยงในระยะสั้นเท่านั้น และมักจะเป็นโอกาสการลงทุนมากกว่าการตื่นกลัว

Finnomena Funds มองเป็นโอกาสซื้อ มากกว่าตื่นกลัว

มุมมองของทีมวิเคราะห์การลงทุน Finnomena Funds คาดสงครามระหว่างอิสราเอลกับอิหร่านมีผลกระทบต่อสินทรัพย์เสี่ยงในระยะสั้นเท่านั้น โดยจากการศึกษาเหตุการณ์ในอดีตบ่งชี้ว่า สงคราม การก่อการร้าย และความไม่สงบในรูปแบบต่าง ๆ มักจะเป็นโอกาสการลงทุนมากกว่าการตื่นกลัว นอกจากนั้นพัฒนาการของข่าวล่าสุดชี้ไปทิศทางการลดระดับความรุนแรง (de-escalation) อย่างเห็นได้ชัด

ประกอบกับการที่สถิติในอดีตบ่งชี้ว่าเมื่อเกิดสงครามหรือการก่อการร้าย ตลาดหุ้นสหรัฐฯ S&P 500 จะปรับตัวลง (total drawdown) โดยเฉลี่ยประมาณ 5% ทำจุดต่ำสุดเฉลี่ยใน 22 วัน และฟื้นตัวกลับมาก่อนเกิดเหตุการณ์ได้โดยเฉลี่ย 47 วัน อย่างไรก็ตาม สถิติในแต่ละครั้งมีช่วงของข้อมูลที่กว้าง เหตุการณ์แต่ละครั้งอาจมีความแตกต่างกันอย่างมีนัย แต่โดยภาพรวมตลาดปรับตัวลงไม่มากอย่างที่นักลงทุนส่วนมากกังวล และฟื้นตัวได้เร็ว

นอกจากนี้ การศึกษาผลตอบแทนของ S&P500 ในช่วงปี 1926-2013 ตลอดช่วงสงครามครั้งสำคัญ ๆ เช่น สงครามโลกครั้งที่ 2, สงครามเกาหลี, สงครามเวียดนาม และสงครามอ่าว เป็นต้น พบว่า S&P500 ให้ผลตอบแทนเฉลี่ย 11% ต่อปี เทียบกับผลตอบแทนตลอดช่วงที่ทำการศึกษาเฉลี่ย 10% ต่อปี ซึ่งผลการศึกษาเหล่านี้ชี้ชัดแล้วว่าสงครามกับผลตอบแทนดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐฯ (น้ำหนักราว 60% ของดัชนีหุ้นโลก) อาจไม่ได้เป็นประเด็น โดยเฉพาะเมื่อมองข้ามความผันผวนในระยะสั้น

Finnomena Funds จึงมองว่าเหตุการณ์ความขัดแย้งล่าสุด และการปรับตัวลงของหุ้นในช่วงสงครามมักเป็นโอกาสซื้อมากกว่าตื่นกลัวต่อการลงทุน โดยเป็นจังหวะสะสมในสินทรัพย์เสี่ยง ด้วยกลยุทธ์ Buy the Dip

กองทุนที่แนะนำในจังหวะนี้ตามมุมมอง MEVT Call ทยอยสะสมระยะกลาง-ยาว คือ

กองทุนแนะนำตามมุมมอง Mr.Messenger Call จับจังหวะเก็งกำไรระยะสั้น ตามสัญญาณทางเทคนิค คือ

 

สามารถศึกษารายละเอียดของกองทุนเพิ่มเติมได้ที่ https://www.finnomena.com/fund/


แหล่งอ้างอิง: Reuters, Investopedia, cfainstitute, Politico

คำเตือน: ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน | ผลการดำเนินงานในอดีต และผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต | ผู้ลงทุนอาจมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากการป้องกันความเสี่ยงขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้จัดการกองทุน | กองทุนรวมนี้ลงทุนกระจุกตัวในผู้ออกตราสารหรือประเทศใดประเทศหนึ่ง จึงมีความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนจำนวนมาก ผู้ลงทุนจึงควรพิจารณาการกระจายความเสี่ยงของ พอร์ตการลงทุนโดยรวมของตนเองด้วย | คำแนะนำการลงทุนนี้เป็นไปตามกรอบการพิจารณาของ Finnomena Funds ซึ่งมีเป้าหมายในการสร้างโอกาสรับผลตอบแทนในระยะเวลาตามแต่ละประเภทของพอร์ตเท่านั้น บริษัทมิได้การันตีถึงผลตอบแทนที่จะได้จากคำแนะนำการลงทุนดังกล่าว มีความเสี่ยงที่ผลตอบแทนอาจไม่เป็นไปตามคาดหวัง หรือมีผลขาดทุนได้ | สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน ฟินโนมีนา จำกัด ในช่วงเวลาวันทำการตั้งแต่ 09:00-17:00 น. ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 026 5100 และทาง LINE @FINNOMENAPORT | สำหรับผู้ลงทุนในความดูแลของ Kept by krungsri ติดต่อทีม Kept help center ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 296 6299

ดูกราฟ -

เมื่อกดปุ่ม “รับรายละเอียดเพิ่มเติม ” แสดงว่าคุณยินยอมให้บริษัท ฟินโนมีนา จำกัด และบริษัทในเครือ เก็บรวบรวมและใช้ข้อมูลเพื่อแนะนำบริการ แจ้งสิทธิประโยชน์ เป็นที่ปรึกษาการลงทุน ประชาสัมพันธ์ และดำเนินการที่เกี่ยวข้อง ศึกษานโยบายความเป็นส่วนตัว

ดูคลิปประกอบ
ความเห็นจาก Finnomena : Finnomena Funds แนะนำทยอยสะสม K-CHINA-A และ ABCA-A สำหรับนักลงทุนที่มีหุ้นจีนในพอร์ตไม่มาก จากมาตรการกระตุ้นที่เริ่มมีผล ระดับ valuation ยังถูก

วันนี้ (22 เมษายน 2024) ดัชนีหุ้นฮ่องกง Hang Seng (HSI) และดัชนี HSCEI หรือหุ้นจีน H-Share ปรับตัวขึ้นราว 2% หลังจากคณะกรรมการกำกับดูแลหลักทรัพย์แห่งประเทศจีนมีการเปิดเผยมาตรการกระตุ้นความร่วมมือระหว่างตลาดทุนบนแผ่นดินใหญ่ และเขตบริหารพิเศษฮ่องกงทางตอนใต้ของจีน เพื่อสนับสนุนให้ฮ่องกงเป็นศูนย์กลางทางการเงินระดับนานาชาติ โดยได้ประกาศสนับสนุนการจดทะเบียนของบริษัทชั้นนำของจีนในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง และจะปรับสภาพแวดล้อมให้เหมาะสมสำหรับบริษัทเทคโนโลยีในการเสนอขายหุ้น IPO ตลอดจนการผ่อนคลายกฏเกี่ยวกับการซื้อขายหุ้นระหว่างเมืองและตลาดหลักทรัพย์บนจีนแผ่นดินใหญ่ 

ภายใต้มาตรการดังกล่าว กองทุน ETF จะถูกขยายขอบเขตให้กว้างขึ้น และครอบคลุมทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REIT) นอกจากนี้คณะกรรมการฯ จะสนับสนุนการรวมหลักทรัพย์สกุลเงินหยวนสำหรับนักลงทุนแผ่นดินใหญ่ที่ซื้อในฮ่องกงอีกด้วย 

นอกจากนี้คณะกรรมการฯ จะทำงานร่วมกับคณะกรรมการกำกับดูแลหลักทรัพย์และสัญญาซื้อขายล่วงหน้าของฮ่องกง ตลอดจนภาคส่วนอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อเพิ่มความน่าดึงดูดของตลาด IPO และเพื่อกระตุ้นสภาพคล่อง

Finnomena Funds มองว่าความเชื่อมั่นต่อตลาดหุ้นจีนและตลาดหุ้นฮ่องกงจะเริ่มดีขึ้นจากมาตรรการกระตุ้มเพิ่มเติม และความพยายามออกนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างมีนัยสำคัญในช่วงที่ผ่านมา ประกอบกับเมื่อพิจารณาถึงระดับ valuation ของดัชนี CSI 300 ที่มี 12-m forward PE ที่ 11.06  เท่า หรือ -0.8 S.D. ขณะที่ดัชนี Hang Seng มี 12-m forward  PE ที่ 7.98 เท่า หรือ -2 S.D. เมื่อเทียบค่าเฉลี่ยในรอบ 10 ปี และมีการปรับตัวลงมากที่สุดในรอบ 5 ปีและ 10 ปีตามลำดับ เรายังแนะนำทยอยสะสมในกองทุน K-CHINA-A และ ABCA-A สำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูงและยังมีสัดส่วนหุ้นจีนในพอร์ตไม่มาก

จัดทำโดยบลป. เดฟินิทสำหรับบลน. ฟินโนมีนา (Finnomena Funds)

ดูกราฟ K-CHINA-A(A)

เมื่อกดปุ่ม “รับรายละเอียดเพิ่มเติม ” แสดงว่าคุณยินยอมให้บริษัท ฟินโนมีนา จำกัด และบริษัทในเครือ เก็บรวบรวมและใช้ข้อมูลเพื่อแนะนำบริการ แจ้งสิทธิประโยชน์ เป็นที่ปรึกษาการลงทุน ประชาสัมพันธ์ และดำเนินการที่เกี่ยวข้อง ศึกษานโยบายความเป็นส่วนตัว

K-CHINA-A(A)
ดูคลิปประกอบ
K-CHINA-A(A)
Bitcoin Halving

อีกเพียงไม่ถึง 12 ชั่วโมง หรือช่วงประมาณตี 5 ของวันที่ 20 เมษายนนี้ กำลังจะเกิดปรากฏการณ์ที่เรียกว่า Bitcoin Halving ครั้งที่ 4 ในประวัติศาสตร์

Bitcoin Halving คือการที่รางวัลบล็อกจากการขุดบิทคอยน์จะลดลงครึ่งหนึ่ง ซึ่งเป็นกลไกที่ก่อให้เกิดความสมดุล ด้วยการยืดระยะเวลาการขุดให้ยาวนานออกไปและยากขึ้นเรื่อย ๆ เนื่องจากจำนวนบิทคอยน์ในระบบมีอยู่อย่างจำกัดที่ 21 ล้านเหรียญ

ปกติแล้วบล็อกธุรกรรมของบิทคอยน์จะเกิดขึ้นใหม่ทุก 10 นาที หากใครสามารถทำการตรวจสอบและยืนยันธุรกรรม (Proof-of-Work) ได้ก่อนนักขุดคนอื่น ๆ ก็จะได้ส่วนแบ่งของ Block Reward ไป

Bitcoin Halving

นับตั้งแต่ที่บิทคอยน์เกิดขึ้นมาบนโลกนี้ ได้เกิด Halving แล้ว 3 ครั้ง

Bitcoin Halving

  • ครั้งที่ 1 ปี 2012 รางวัลลดลงจาก 50 เหรียญ เป็น 25 เหรียญ: หนึ่งปีหลังเกิด Halving ราคาบิทคอยน์พุ่งขึ้น +8,069%
  • ครั้งที่ 2 ปี 2016 ลดลงจาก 25 เป็น 12.5 เหรียญ: หนึ่งปีหลังเกิด Halving ราคาบิทคอยน์พุ่งขึ้น +284%
  • ครั้งที่ 3 ปี 2020 ลดลงจาก 12.5 เป็น 6.25 เหรียญ: หนึ่งปีหลังเกิด Halving ราคาบิทคอยน์พุ่งขึ้น +538%

สำหรับครั้งที่ 4 นี้ รางวัลจะลดลงจาก 6.25 เป็น 3.125 เหรียญ ซึ่งหลายคนเก็งว่าปรากฏการณ์นี้จะเป็นตัวกระตุ้นให้ราคาพุ่งสูงขึ้นอย่ามีนัยสำคัญ แต่ก็มีอีกฝ่ายเชื่อว่าอาจจะเกิด Sell on Fact หลังราคาได้ทะยานขึ้นไปแรงแล้วก่อนหน้านี้

ปัจจุบัน BTC อยู่ที่ระดับ 64,000 เหรียญ ปรับเพิ่มขึ้น +46.75% จากต้นปี และ +125.01% จากปีก่อน


แหล่งข้อมูล: Techopedia Bitkub

ดูกราฟ -

เมื่อกดปุ่ม “รับรายละเอียดเพิ่มเติม ” แสดงว่าคุณยินยอมให้บริษัท ฟินโนมีนา จำกัด และบริษัทในเครือ เก็บรวบรวมและใช้ข้อมูลเพื่อแนะนำบริการ แจ้งสิทธิประโยชน์ เป็นที่ปรึกษาการลงทุน ประชาสัมพันธ์ และดำเนินการที่เกี่ยวข้อง ศึกษานโยบายความเป็นส่วนตัว

ดูคลิปประกอบ
ความเห็นจาก Finnomena : หุ้นเอเชียยังมีปัจจัยหนุนภายในที่ดีจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ แนะนำใช้จังหวะย่อเป็นโอกาสเข้าสะสมกองทุน UOBSA

วันนี้ (19 เมษายน 2024) ดัชนีหุ้นเกาหลีใต้ (KOSPI) ดัชนีหุ้นญี่ปุ่น (TOPIX) ดัชนีหุ้นจีน (CSI 300) ดัชนีหุ้นไทย (SET Index) และดัชนีหุ้นเวียดนาม (VN30 Index) ปรับตัวลงแรงกว่า 2.28%,  2.78%, 0.88%, 1.55% และ 1.06% ตามลำดับ หลังจากแหล่งข่าวท้องถิ่นรายงานว่า อิสราเอลได้มีการโจมตีกลับอิหร่าน ทำให้เกิดเหตุระเบิดในหลายพื้นที่ ส่งผลให้ราคาสินทรัพย์ทั่วโลกมีความผันผวนสูง นอกจากนี้เหตุการณ์ดังกล่าวยังส่งผลให้ราคาน้ำมัน และทองคำปรับตัวเพิ่มขึ้นกว่า 3.0% และ 0.5% ตามลำดับ 

พร้อมกันนั้น เจ้าหน้าที่เฟดหลายราย เช่น นางลอเรตตา เมสเตอร์ ประธานเฟดสาขาคลีฟแลนด์,  นายจอห์น วิลเลียมส์ ประธานเฟดสาขานิวยอร์ก, และนายราฟาเอล บอสติก ประธานเฟดสาขาแอตแลนตา ต่างออกมาส่งสัญญาณตรึงอัตราดอกเบี้ยในระดับสูงไปอีกระยะเวลาหนึ่ง เนื่องจากเงินเฟ้ออาจใช้เวลานานกว่าที่คาดในการลดระดับสู่กรอบ 2% ซึ่งเป็นกรอบเป้าหมายที่เฟดต้องการ

นอกจากนี้ฝั่งประเทศญี่ปุ่นได้มีการประกาศตัวเลขเงินเฟ้อ ซึ่งประกาศออกมาต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาด โดยตัวเลขดังกล่าวปรับตัวลดลงจาก 2.8% ในเดือนกุมภาพันธ์ สู่ระดับ 2.7% ในเดือนมีนาคม ประกอบกับการมีรายงานว่าสหรัฐฯ ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ ตกลงที่จะร่วมปรึกษากันอย่างใกล้ชิดเกี่ยวกับตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ เนื่องจากค่าเงินเยน และค่าเงินวอนอ่อนค่าลงอย่างมีนัยในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งอาจปูทางไปสู่การแทรกแซงตลาดเงินได้

Finnomena Funds มองว่าตลาดหุ้นเอเชียได้รับแรงกดดันจากปัจจัยภายนอก โดยเฉพาะปัจจัยความตึงเครียดจากสถานการณ์ความไม่สงบในตะวันออกกลางที่ขยายตัวเพิ่มขึ้น รวมทั้งเจ้าหน้าที่ Fed ที่ส่งสัญญาณตรึงอัตราดอกเบี้ยนานกว่าที่คาด อย่างไรก็ดี ตลาดหุ้นเอเชียยังมีปัจจัยหนุนภายในที่ดีจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ โดย Finnomena Funds แนะนำใช้จังหวะย่อดังกล่าวเป็นโอกาสในการเข้าสะสมกองทุน UOBSA ซึ่งกองทุน UOBSA มีความโดดเด่นการใช้ AI เข้าเลือกหุ้นรายตัว

จัดทำโดยบลป. เดฟินิทสำหรับบลน. ฟินโนมีนา (Finnomena Funds)

ดูกราฟ -

เมื่อกดปุ่ม “รับรายละเอียดเพิ่มเติม ” แสดงว่าคุณยินยอมให้บริษัท ฟินโนมีนา จำกัด และบริษัทในเครือ เก็บรวบรวมและใช้ข้อมูลเพื่อแนะนำบริการ แจ้งสิทธิประโยชน์ เป็นที่ปรึกษาการลงทุน ประชาสัมพันธ์ และดำเนินการที่เกี่ยวข้อง ศึกษานโยบายความเป็นส่วนตัว

ดูคลิปประกอบ
เซี่ยงไฮ้ หุ้น ดัชนี
ความเห็นจาก Finnomena : แนะนำทยอยสะสม MEGA10CHINA-A จากมาตรการกระตุ้นของจีนที่ยังชัดเจน และ Valuation ที่ถูกมาก

ล่าสุด Goldman Sachs เผยมุมมองต่อเศรษฐกิจจีนล่าสุดออกมา โดยปรับเป้า GDP ปี 2024 ขึ้นเป็น 5% จากเดิม 4.5% ใกล้เคียงกับเป้าที่ทางการจีนวางไว้ที่ 4.8% โดย GDP จีนในไตรมาสแรกเติบโตได้ถึง 7.5% (คิดในอัตรารายปี) สูงกว่าที่คาดไว้ที่ 5.6%

Goldman Sachs อธิบายว่าข้อมูลมหภาคของจีนของจีนมีความแข็งแกร่ง ซึ่งบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจจีนผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วตั้งแต่ ปลายปี 2023 และเริ่มไต่กลับมาอีกครั้ง 

สาเหตุสำคัญที่ทำให้จีนกลับมาแข็งแรงคือกิจกรรมทางอุตสาหกรรมที่แข็งแกร่งและการส่งออก Manufacturing PMI ของจีนเติบโต 5 ไตรมาสติดต่อกัน การส่งออกก็เติบโตตามอุปสงค์ระดับโลกในสินค้ากลุ่มเทคโนโลยี 

นอกจากนี้ Goldman Sachs อธิบายต่อไปว่าภาคการท่องเที่ยวจีนกลับมาแข็งแกร่ง โดยการใช้จ่ายกลับมาเท่าก่อนโควิดแล้วในช่วงเทศกาลเช็งเม้งที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม จีนยังต้องเผชิญความยากลำบากในตลาดอสังหาฯ ตลอดจนการใช้จ่ายผู้บริโภคที่ยังอ่อนแอต่อไป

สำหรับใครที่กำลังมองหาสินทรัพย์ที่มีโมเมนตัมการฟื้นตัวที่น่าจับตา และยังอยู่ใน Valuation น่าสนใจอย่างจีน 

Finnomena Funds แนะนำกองทุน MEGA10CHINA-A ตามกรอบ FundTalk Call ที่เน้นเฟ้นหาสินทรัพย์ที่ถูกทิ้ง จนราคาปรับตัวลงลึกมากจนเกินไป แต่ศักยภาพการเติบโตยังดี เพื่อการลงทุนในระยะสั้น-กลาง

รู้จักกองทุน MEGA10CHINA-A

MEGA10CHINA-A มีนโยบายเข้าไปลงทุนใน 10 บริษัทที่ทรงอิทธิพลในจีน ซึ่งจดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง เน้นเฉพาะบริษัทที่มีมูลค่าตลาดขนาดใหญ่ สภาพคล่องสูง 

อีกทั้งยังเป็นผู้นำในด้าน Brand Value โดยต้องไม่ใช่รัฐวิสาหกิจ ไม่มีการถือหุ้นใหญ่โดยรัฐบาลจีน เหมาะกับคนที่อยากลงทุนแบบเน้น ๆ กับหุ้นผู้ชนะเพียง 10 ในสัดส่วนที่เท่ากันแบบ Equal weight

สัดส่วนการลงทุนของ MEGA10CHINA-A | Source: หนังสือชี้ชวนส่วนสรุปข้อมูลสำคัญ  as of 29/2/2024


อ้างอิง

คำเตือน

คำเตือน: ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน | ผลการดำเนินงานในอดีต และผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต | ผู้ลงทุนอาจมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากการป้องกันความเสี่ยงขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้จัดการกองทุน | กองทุนรวมนี้ลงทุนกระจุกตัวในผู้ออกตราสารหรือประเทศใดประเทศหนึ่ง จึงมีความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนจำนวนมาก ผู้ลงทุนจึงควรพิจารณาการกระจายความเสี่ยงของ พอร์ตการลงทุนโดยรวมของตนเองด้วย | คำแนะนำการลงทุนนี้เป็นไปตามกรอบการพิจารณาของ Finnomena Funds ซึ่งมีเป้าหมายในการสร้างโอกาสรับผลตอบแทนในระยะเวลาตามแต่ละประเภทของพอร์ตเท่านั้น บริษัทมิได้การันตีถึงผลตอบแทนที่จะได้จากคำแนะนำการลงทุนดังกล่าว มีความเสี่ยงที่ผลตอบแทนอาจไม่เป็นไปตามคาดหวัง หรือมีผลขาดทุนได้ | สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน ฟินโนมีนา จำกัด ในช่วงเวลาวันทำการตั้งแต่ 09:00-17:00 น. ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 026 5100 และทาง LINE @FINNOMENAPORT | สำหรับผู้ลงทุนในความดูแลของ Kept by krungsri ติดต่อทีม Kept help center ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 296 6299

ดูกราฟ MEGA10CHINA-A

เมื่อกดปุ่ม “รับรายละเอียดเพิ่มเติม ” แสดงว่าคุณยินยอมให้บริษัท ฟินโนมีนา จำกัด และบริษัทในเครือ เก็บรวบรวมและใช้ข้อมูลเพื่อแนะนำบริการ แจ้งสิทธิประโยชน์ เป็นที่ปรึกษาการลงทุน ประชาสัมพันธ์ และดำเนินการที่เกี่ยวข้อง ศึกษานโยบายความเป็นส่วนตัว

MEGA10CHINA-A
ดูคลิปประกอบ
MEGA10CHINA-A
ผลประชุม กนง.
ความเห็นจาก Finnomena : คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 2.50% ต่อปี Finnomena Funds ลดคำแนะนำตลาดหุ้นไทยสู่ระดับ Neutral

ผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน ครั้งที่ 2/2567 มีมติ 5 ต่อ 2 เสียง ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 2.50% ต่อปี

โดยมี 2 เสียง เห็นควรให้ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% ต่อปี

เศรษฐกิจไทยปี 2567 มีแนวโน้มขยายตัวในอัตราที่สูงขึ้นจากปีก่อน โดยได้แรงสนับสนุนต่อเนื่องจากการบริโภคภาคเอกชนและการท่องเที่ยว รวมทั้งมีแรงส่งจากการใช้จ่ายภาครัฐที่จะกลับมาเพิ่มขึ้นในช่วงที่เหลือของปี ขณะที่ภาคการส่งออกยังมีแรงกดดันจากปัจจัยเชิงโครงสร้าง

ด้านอัตราเงินเฟ้ออยู่ในระดับต่ำจากปัจจัยด้านอุปทานและมาตรการช่วยเหลือค่าครองชีพของภาครัฐ โดยมีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้นเข้าสู่กรอบเป้าหมายในช่วงปลายปี 2567

กรรมการส่วนใหญ่เห็นว่าอัตราดอกเบี้ยปัจจุบันอยู่ในระดับที่สอดคล้องกับการรักษาเสถียรภาพเศรษฐกิจและการเงิน รวมถึงเห็นว่านโยบายการเงินมีประสิทธิผลจำกัดในการแก้ปัญหาเชิงโครงสร้าง

จึงเห็นควรให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมครั้งนี้ แต่ยังต้องติดตามความไม่แน่นอนของปัจจัยที่จะเข้ามากระทบเศรษฐกิจในระยะข้างหน้า

ขณะที่กรรมการ 2 ท่าน เห็นว่าควรปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ต่อปี เพื่อให้สอดคล้องกับศักยภาพเศรษฐกิจที่ขยายตัวต่ำลงจากปัจจัยเชิงโครงสร้างที่ชัดเจนขึ้น และจะมีส่วนช่วยบรรเทาภาระของลูกหนี้ได้บ้าง

มุมมอง Finnomena Funds ต่อตลาดหุ้นไทย

ประเมินการฟื้นตัวเศรษฐกิจของไทยยังไม่เต็มที่ ซึ่งเกิดจากงบประมาณภาครัฐที่ล่าช้า ส่งผลให้โมเมนตัมการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจไม่มีแรงส่งจากการเบิกจ่ายจากภาครัฐ

โดยปัจจัยหนุนเดียวที่ชดเชย คือการฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจีนที่กลับมาในระดับใกล้เคียงกับช่วง Pre-Covid ซึ่งจะช่วยประคับประคองการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย โดยเดือนกุมภาพันธ์ 2024 นักท่องเที่ยวจีนอยู่ที่ 6.47 แสนราย คิดเป็น 71% จากค่าเฉลี่ยในปี 2019 ที่ระดับ 9.16 แสนราย รวมถึงมาตรการ free visa แก่นักท่องเที่ยวจีนจะช่วยสนับสนุนโมเม้นตัมการฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวจีนในอนาคต

แม้ Valuation ของตลาดหุ้นไทยปรับตัวลงในระดับถูกกว่าค่าเฉลี่ย forward 12 m P/E อยู่ที่ 14.15 เท่า แต่เนื่องจากการขาดปัจจัยหนุนที่ชัดเจน และการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่ยังไม่เต็มที่

นอกจากนี้ ทิศทางการลดดอกเบี้ยของธนาคารแห่งประเทศไทย อาจทำให้เกิดปรากฏการณ์กระแสเงินทุนไหลออก (Fund outflow) ของนักลงทุนต่างชาติ จึงทำให้การปรับลดประมาณการกำไรอาจเกิดขึ้นอีก

ดังนั้น Finnomena Funds จึงลดคำแนะนำตลาดหุ้นไทยสู่ระดับ Neutral จากเดิม Slightly overweight


แหล่งข้อมูลอ้างอิง

คำเตือน

ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน | ผลการดำเนินงานในอดีต และผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต | ผู้ลงทุนอาจมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากการป้องกันความเสี่ยงขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้จัดการกองทุน | กองทุนรวมนี้ลงทุนกระจุกตัวในผู้ออกตราสารหรือประเทศใดประเทศหนึ่ง จึงมีความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนจำนวนมาก ผู้ลงทุนจึงควรพิจารณาการกระจายความเสี่ยงของ พอร์ตการลงทุนโดยรวมของตนเองด้วย | คำแนะนำการลงทุนนี้เป็นไปตามกรอบการพิจารณาของ Finnomena Funds ซึ่งมีเป้าหมายในการสร้างโอกาสรับผลตอบแทนในระยะเวลาตามแต่ละประเภทของพอร์ตเท่านั้น บริษัทมิได้การันตีถึงผลตอบแทนที่จะได้จากคำแนะนำการลงทุนดังกล่าว มีความเสี่ยงที่ผลตอบแทนอาจไม่เป็นไปตามคาดหวัง หรือมีผลขาดทุนได้ | สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน ฟินโนมีนา จำกัด ในช่วงเวลาวันทำการตั้งแต่ 09:00-17:00 น. ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 026 5100 และทาง LINE @FINNOMENAPORT | สำหรับผู้ลงทุนในความดูแลของ Kept by krungsri ติดต่อทีม Kept help center ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 296 6299

ดูกราฟ -

เมื่อกดปุ่ม “รับรายละเอียดเพิ่มเติม ” แสดงว่าคุณยินยอมให้บริษัท ฟินโนมีนา จำกัด และบริษัทในเครือ เก็บรวบรวมและใช้ข้อมูลเพื่อแนะนำบริการ แจ้งสิทธิประโยชน์ เป็นที่ปรึกษาการลงทุน ประชาสัมพันธ์ และดำเนินการที่เกี่ยวข้อง ศึกษานโยบายความเป็นส่วนตัว

ดูคลิปประกอบ
สรุปเงื่อนไขเงินดิจิทัล

โครงการดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท จะแจกรอบเดียวเท่านั้นผ่านซูเปอร์แอปฯ ของรัฐบาล เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจชุดใหญ่

จำนวนประชาชนที่ได้รับสิทธิจำนวน 50 ล้านคน จะต้องผ่านหลักเกณฑ์ ดังนี้
(1) อายุเกิน 16 ปีขึ้นไป
(2) รายได้พึงประเมินไม่เกิน 840,000 บาทในปีภาษี 2566 ที่ผ่านมา
(3) มีเงินฝากกับธนาคารพาณิชย์และสถาบันการเงินเฉพาะกิจ ไม่เกิน 500,000 บาท โดยยอดวงเงินในบัญชีจะกำหนดระยะเวลาสิ้นสุดอีกครั้ง เบื้องต้นคาดว่าจะใช้ ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2567 เป็น cut off date แต่ยืนยันว่าต้องเป็นระยะเวลาที่ผ่านมาแล้วแน่นอน นอกจากนี้ จะไม่คิดรวมมูลค่าสินทรัพย์จากการลงทุนอื่น ๆ เช่น หุ้น กองทุนรวม สลากออมทรัพย์ ตราสารหนี้ เป็นต้น

สามารถใช้จ่ายได้กับร้านค้าปลีกขนาดเล็กที่กำหนดเท่านั้น ภายในพื้นที่เขตอำเภอตามที่อยู่ในภูมิลำเนา

ร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการจะต้องเป็นร้านค้าที่ได้รับอนุญาตจากกระทรวงพาณิชย์ และต้องอยู่ในระบบภาษี เช่น ร้านโชห่วย และร้านสะดวกซื้อ ยกตัวอย่างเช่น 7-Eleven ถือว่าเข้าข่ายเข้าร่วมโครงการนี้

สินค้าที่สามารถใช้จ่ายได้คือของอุปโภค-บริโภคทั่วไป โดยจะยกเว้น สินค้าอบายมุข, น้ำมัน, การให้บริการ และการซื้อของออนไลน์ เป็นต้น

เตรียมเสนอเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ภายในเดือนเมษายนนี้ คาดว่าเปิดลงทะเบียนภายในไตรมาส 3 ปี 2567 และเริ่มใช้จ่ายภายในไตรมาส 4 ปี 2567

ใช้วงเงินงบประมาณ 500,000 ล้านบาท มาจาก 3 ทาง
1) งบประมาณรายจ่ายปี 2567 จำนวน 175,000 ล้านบาท
2) งบประมาณรายจ่ายปี 2568 จำนวน 152,700 ล้านบาท
3) เงินอีก 172,300 ล้านบาท จะใช้มาตรการ 28 เพื่อกู้ยืมจากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.)

ประเมินว่าวงเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ 500,000 ล้านบาท จะส่งผลต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (GDP) ประมาณ 1.2% – 1.8% ต่อปี

ดูกราฟ -

เมื่อกดปุ่ม “รับรายละเอียดเพิ่มเติม ” แสดงว่าคุณยินยอมให้บริษัท ฟินโนมีนา จำกัด และบริษัทในเครือ เก็บรวบรวมและใช้ข้อมูลเพื่อแนะนำบริการ แจ้งสิทธิประโยชน์ เป็นที่ปรึกษาการลงทุน ประชาสัมพันธ์ และดำเนินการที่เกี่ยวข้อง ศึกษานโยบายความเป็นส่วนตัว

ดูคลิปประกอบ
Mr.Messenger Call ถึงเวลาลงทุนหุ้นเวียดนาม
ความเห็นจาก Finnomena : แนะนำเข้าซื้อกองทุนหุ้นเวียดนาม PRINCIPAL VNEQ-A ที่ดัชนี VN30 ไม่เกินระดับ 1,222 จุด หลังทำสัญญาณกลับตัวทดสอบรอบขาขึ้นครั้งใหม่

แนะนำเข้าซื้อกองทุนหุ้นเวียดนาม PRINCIPAL VNEQ-A ที่ดัชนี VN30 ไม่เกินระดับ 1,222 จุด หลังทำสัญญาณกลับตัวมาทดสอบรอบขาขึ้นครั้งใหม่

กราฟดัชนี VN30 (Timeframe Day)

Mr.Messenger Call ถึงเวลาลงทุนหุ้นเวียดนาม

Source: Tradingview as of 23/04/2024

ดัชนีตลาดหุ้นเวียดนาม (VN30) ทำสัญญาณกลับตัว หลังลงมาทดสอบ Fibonacci Retracement 61.80% ของรอบขาขึ้นที่กินเวลานับตั้งแต่ต้นเดือนพฤศจิกายน 2023 ซึ่งเป็นระดับที่ใกล้เคียงกับแนวรับบนเส้นค่าเฉลี่ย 100 วัน ที่ระดับ 1,192 จุด และสามารถมีแท่งกลับตัวได้ในวันจันทร์ที่ผ่านมา (22/04/2024) 

Mr.Messenger Call จึงแนะนำลงทุนในกองทุน PRINCIPAL VNEQ-A เป็นกองทุนที่ลงทุนหุ้นเวียดนามที่มีนโยบายการลงทุนแบบ Active ให้ผลการดำเนินงานเคลื่อนไหวใกล้เคียงกับดัชนี VN30 ซึ่งมีค่า Correlation กับดัชนี VN30 ที่ 0.93 สะท้อนถึงการเคลื่อนไหวตามตลาดหุ้นเวียดนาม โดยมีคำแนะนำดังนี้

1. แนะนำเข้าลงทุนที่ดัชนี ไม่เกินระดับ 1,222 จุด (+1.2% จากระดับราคาวันที่ 23/04/2024) ซึ่งเป็นระดับราคาที่เราแนะนำให้พิจารณาชะลอการเข้าซื้อ (หยุดซื้อ) ภายใต้คำแนะนำ Mr.Messenger Call เนื่องจากทำให้ Risk/Reward ratio เข้าใกล้ระดับ 1:1

2. แนะนำ Take Profit หรือขายทำกำไร เมื่อดัชนีถึง 1,306 จุด (Upside 8.1% จากระดับราคาวันที่ 23/04/2024 และ +6.9% จากจุดหยุดเข้าซื้อ) ซึ่งเป็นระดับใกล้เคียงจุดสูงสุดเดิมในเดือนมีนาคม 2024

3. แนะนำ Limit Loss หรือตัดขาดทุนทันที เมื่อดัชนีปิดตลาดต่ำกว่า 1,138 จุดอย่างมีนัยยะ ซึ่งใกล้เคียงระดับ Fibonacci 38.2% (Downside -5.8% จากราคาวันที่ 23/04/2024 และ -6.9% จากจุดหยุดเข้าซื้อ) โดยเราอาจพิจารณาแนะนำ Trailing Stop ด้วยเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 20 วัน (20-day MA) ทั้งนี้ จะประเมินสถานการณ์และแจ้งให้ทราบอีกครั้ง

PRINCIPAL VNEQ-A

Mr.Messenger Call ถึงเวลาลงทุนหุ้นเวียดนาม

Source: Fund Fact Sheet ของกองทุน PRINCIPAL VNEQ-A as of 29/02/2024

PRINCIPAL VNEQ-A เป็นกองทุนความเสี่ยงสูง (ระดับ 6) มีนโยบายลงทุนในตราสารทุนที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์หรือมีธุรกิจหลักในประเทศเวียดนามที่เชื่อว่ามีศักยภาพในการเติบโตในอนาคต รวมทั้งตราสารทุนอื่นใดที่ดำเนินธุรกิจเกี่ยวข้องและ/หรือที่ได้รับผลประโยชน์จากการเติบโตทางเศรษฐกิจ และ/หรือกองทุนรวม โดยปัจจุบันกองทุน PRINCIPAL VNEQ-A ไม่มีการป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน

ข้อมูล Correlation ของกับกองทุน PRINCIPAL VNEQ-A กับดัชนี VN30 

Mr.Messenger Call ถึงเวลาลงทุนหุ้นเวียดนาม

Source: Bloomberg as of 23/04/2024

นักลงทุนที่เหมาะกับคำแนะนำนี้ ระยะสั้นนี้ควร…

  1. เป็นนักลงทุนที่มีเงินสด หรือสภาพคล่องส่วนเกิน และรับความผันผวนได้สูง
  2. ใช้เงินลงทุนในสัดส่วนไม่เกิน 10% ของภาพรวมพอร์ตการลงทุนทั้งหมด
  3. นักลงทุนต้องยอมรับการ Limit Loss หรือ การตัดขาดทุนได้ทันที

ดู Fund Fact Sheet กองทุนแนะนำ

 

สามารถศึกษารายละเอียดของกองทุนเพิ่มเติมได้ที่ https://www.finnomena.com/fund
จัดทำโดยบลป.เดฟินิท สำหรับบลน. ฟินโนมีนา (Finnomena Funds)


คำเตือน: ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน | ผลการดำเนินงานในอดีต และผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต | ผู้ลงทุนอาจมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากการป้องกันความเสี่ยงขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้จัดการกองทุน | กองทุนรวมนี้ลงทุนกระจุกตัวในผู้ออกตราสารหรือประเทศใดประเทศหนึ่ง จึงมีความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนจำนวนมาก ผู้ลงทุนจึงควรพิจารณาการกระจายความเสี่ยงของ พอร์ตการลงทุนโดยรวมของตนเองด้วย | คำแนะนำการลงทุนนี้เป็นไปตามกรอบการพิจารณาของ FINNOMENA FUNDS ซึ่งมีเป้าหมายในการสร้างโอกาสรับผลตอบแทนในระยะเวลาตามแต่ละประเภทของพอร์ตเท่านั้น บริษัทมิได้การันตีถึงผลตอบแทนที่จะได้จากคำแนะนำการลงทุนดังกล่าว มีความเสี่ยงที่ผลตอบแทนอาจไม่เป็นไปตามคาดหวัง หรือมีผลขาดทุนได้ | สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน ฟินโนมีนา จำกัด ในช่วงเวลาวันทำการตั้งแต่ 09:00-17:00 น. ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 026 5100 และทาง LINE @FINNOMENAPORT | สำหรับผู้ลงทุนในความดูแลของ Kept by krungsri ติดต่อทีม Kept help center ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 296 6299

ดูกราฟ PRINCIPAL VNEQ-A

เมื่อกดปุ่ม “รับรายละเอียดเพิ่มเติม ” แสดงว่าคุณยินยอมให้บริษัท ฟินโนมีนา จำกัด และบริษัทในเครือ เก็บรวบรวมและใช้ข้อมูลเพื่อแนะนำบริการ แจ้งสิทธิประโยชน์ เป็นที่ปรึกษาการลงทุน ประชาสัมพันธ์ และดำเนินการที่เกี่ยวข้อง ศึกษานโยบายความเป็นส่วนตัว

PRINCIPAL VNEQ-A
ดูคลิปประกอบ
PRINCIPAL VNEQ-A
Stop Loss หุ้นไทย Mid Small Cap
ความเห็นจาก Finnomena : แนะนำให้ Stop Loss การลงทุนในกองทุน ASP-SME-A เพื่อรักษาวินัยและรักษาเงินต้นไว้เพื่อโอกาสในการเก็งกำไรครั้งถัดไป

เมื่อวันที่ 2 มกราคม 2024 ที่ผ่านมา Mr.Messenger Call ได้แนะนำเข้าลงทุนในรูปแบบการเก็งกำไรระยะสั้นในดัชนี sSET ผ่านกองทุน ASP-SME-A ที่ลงทุนในหุ้นไทย Mid-Small Cap โดยตั้งจุด Stop Loss เมื่อดัชนี sSET ปิดตลาดต่ำกว่า 864 จุด

ซึ่งในวันที่ 19 เมษายน 2024 ที่ผ่านมา ดัชนี sSET ได้ปรับตัวลงมาปิดที่ต่ำกว่าระดับ 864 จุด โดยเป็นจุด Stop Loss ที่กำหนดไว้ 

จึงแนะนำให้ Stop Loss การลงทุนในกองทุน ASP-SME-A สำหรับนักลงทุนที่ลงทุนตามคำแนะนำ Mr.Messenger Call เพื่อรักษาวินัยและรักษาเงินต้นไว้เพื่อโอกาสในการเก็งกำไรครั้งถัดไป อย่างไรก็ดี นักลงทุนสามารถเข้าลงทุนตามคำแนะนำอื่น ๆ ของ Mr.Messenger  ได้ดังนี้

 

สามารถศึกษารายละเอียดของกองทุนเพิ่มเติมได้ที่ https://www.finnomena.com/fund/ 
จัดทำโดยบลป.เดฟินิท สำหรับบลน. ฟินโนมีนา (Finnomena Funds)


คำเตือน: ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน | ผลการดำเนินงานในอดีต และผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต | ผู้ลงทุนอาจมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากการป้องกันความเสี่ยงขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้จัดการกองทุน | กองทุนรวมนี้ลงทุนกระจุกตัวในผู้ออกตราสารหรือประเทศใดประเทศหนึ่ง จึงมีความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนจำนวนมาก ผู้ลงทุนจึงควรพิจารณาการกระจายความเสี่ยงของ พอร์ตการลงทุนโดยรวมของตนเองด้วย | คำแนะนำการลงทุนนี้เป็นไปตามกรอบการพิจารณาของ FINNOMENA FUNDS ซึ่งมีเป้าหมายในการสร้างโอกาสรับผลตอบแทนในระยะเวลาตามแต่ละประเภทของพอร์ตเท่านั้น บริษัทมิได้การันตีถึงผลตอบแทนที่จะได้จากคำแนะนำการลงทุนดังกล่าว มีความเสี่ยงที่ผลตอบแทนอาจไม่เป็นไปตามคาดหวัง หรือมีผลขาดทุนได้ | สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน ฟินโนมีนา จำกัด ในช่วงเวลาวันทำการตั้งแต่ 09:00-17:00 น. ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 026 5100 และทาง LINE @FINNOMENAPORT | สำหรับผู้ลงทุนในความดูแลของ Kept by krungsri ติดต่อทีม Kept help center ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 296 6299

ดูกราฟ ASP-SME-A

เมื่อกดปุ่ม “รับรายละเอียดเพิ่มเติม ” แสดงว่าคุณยินยอมให้บริษัท ฟินโนมีนา จำกัด และบริษัทในเครือ เก็บรวบรวมและใช้ข้อมูลเพื่อแนะนำบริการ แจ้งสิทธิประโยชน์ เป็นที่ปรึกษาการลงทุน ประชาสัมพันธ์ และดำเนินการที่เกี่ยวข้อง ศึกษานโยบายความเป็นส่วนตัว

ASP-SME-A
ดูคลิปประกอบ
ASP-SME-A
กองทุนแนะนำ MEVT Call

MEVT Call เป็นคำแนะนำกองทุนรวมที่มีเป้าหมายแบบ The Long-Term Growth คือเฟ้นหาสินทรัพย์การลงทุนที่มีศักยภาพในการสร้างผลตอบแทนที่ดีอย่างต่อเนื่องในระยะยาว โดยพิจารณาภายใต้ Framework ที่รอบด้ายทั้งปัจจัยพื้นฐานและปัจจัยทางเทคนิค ดังนี้

Macro – ปัจจัยเชิงมหภาค เงินเฟ้อ นโยบายการเงินและการคลัง ประชากรศาสตร์ การเมืองระหว่างประเทศ และอื่น ๆ ที่เป็นปัจจัยขับเคลื่อนทิศทางเศรษฐกิจ

Earnings – วิเคราะห์การเติบโตของกำไร และแนวโน้มการปรับประมาณการกำไร

Valuation – วิเคราะห์มูลค่าของสินทรัพย์ที่ลงทุนว่ามีความน่าสนใจมากเพียงใด เพื่อนำไปสู่คำแนะนำเข้าลงทุนในระดับราคาที่เหมาะสม ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงในการขาดทุนได้

Technical – ปัจจัยส่งผลกระทบอื่น ๆ เช่น fund flow, sentiment, seasonal statistic และ technical analysis

กองทุนแนะนำ MEVT Callอัปเดตมุมมองการลงทุนล่าสุด ณ วันที่ 10 เมษายน 2024 โดย Finnomena Funds

กองทุนแนะนำ MEVT Call

PRINCIPAL VNEQ-A

กองทุนหุ้นเวียดนาม ประเทศดาวเด่นแห่งอาเซียนที่มีปัจจัยหนุนระยะยาวทั้งในเชิงพื้นฐานที่แข็งแกร่ง และอัพไซด์จากโอกาสยกระดับตลาดหุ้นเข้าคำนวณในดัชนี Emerging Markets 

UOBSA

กองทุนหุ้นเอเชีย (ไม่รวมญี่ปุ่น) ที่โดดเด่นในเรื่องการคัดเลือกหุ้นด้วย AI ร่วมกับผู้จัดการกองทุน ซึ่งพิสูจน์ด้วยผลตอบแทนที่โตเหนือคู่แข่ง พร้อมรับอานิสงส์จากดอลลาร์อ่อนค่า เม็ดเงินลงทุนไหลเข้าตลาดเอเชียมากขึ้น

ONE-EUROEQ

กองทุนหุ้นยุโรป กลับมาน่าสนใจอีกครั้งหลังเห็นสัญญาณบวกจากการฟื้นตัวของทิศทางเศรษฐกิจ และแนวโน้มดอกเบี้ยที่น่าจะลดลงได้เร็ว ประกอบกับ Valuation ที่ยังถูกเมื่อเทียบกับ Developed Markets อื่น ๆ

SCBKEQTG

กองทุนหุ้นเกาหลีใต้ เป็นจังหวะฟื้นตัวตามวัฏจักร Semiconductor และ Valuation ที่ยังไม่แพง รวมทั้งยังมีปัจจัยหนุนจากโครงการ Value-up program เพื่อส่งเสริมมูลค่าตลาดหุ้น

AFMOAT-HA

กองทุนหุ้นสหรัฐอเมริกา ซึ่งเน้นลงทุนในหุ้น Value ที่มีปราการทางธุรกิจแข็งแกร่งในระดับ Valuation ที่เหมาะสม สามารถทยอยสะสมได้ในระยะยาว

K-CHINA-A(A) ABCA-A

กองทุนหุ้นจีน ถือว่าโมเมนตัมเริ่มกลับมาแล้ว หลังแนวโน้มการกระตุ้นของทางการที่เริ่มทยอยออกมาอย่างต่อเนื่อง ตลาดเริ่มตอบรับกับมาตรการต่าง ๆ ในเชิงบวก ประกอบกับ Valuation อยู่ในระดับถูกซึ่งได้สะท้อนความกังวลไปมากแล้ว

UGIS-N KFSINCFX-A

โอกาสทองครั้งสุดท้ายในการเข้าลงทุนกองทุนตราสารหนี้โลก ก่อนที่จะ Fed จะตัดสินใจปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายครั้งแรกในปีนี้

ไหน ๆ จะลงทุนทั้งที การไม่ต้องจ่ายค่าธรรมเนียมเต็มเนี่ย ออกจะฟินสุด ๆ ทีมงานมัดรวม FINT Cashback ตามลิงก์ข้างล่างเลย 👇🏻👇🏻👇🏻

1️⃣ อยากใช้ FINT Cashback ต้องเข้าตรงไหน?
💡 Link : https://www.finnomena.com/fint/cashback

2️⃣ สอนใช้ FINT Cashback แบบจับมือทำ
💡 Link : https://youtu.be/Zsrs7URDUwM?si=uROVCvLFIvA_Au0f

3️⃣ กองทุนที่เราจะลงทุน เข้าร่วม Cashback ไหม?
💡 Link : https://www.finnomena.com/fint/cashback/fund-list

4️⃣ อยากรู้ลึกๆ ว่า FINT Cashback คืออะไร?
💡 Link : https://docs.fint.finance/fint-token/use-fint-fint/cashback-from-fee

สามารถศึกษารายละเอียดของกองทุนเพิ่มเติมได้ที่ https://www.finnomena.com/fund/


คำเตือน

ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน | ผลการดำเนินงานในอดีต และผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต | ผู้ลงทุนอาจมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากการป้องกันความเสี่ยงขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้จัดการกองทุน | กองทุนรวมนี้ลงทุนกระจุกตัวในผู้ออกตราสารหรือประเทศใดประเทศหนึ่ง จึงมีความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนจำนวนมาก ผู้ลงทุนจึงควรพิจารณาการกระจายความเสี่ยงของ พอร์ตการลงทุนโดยรวมของตนเองด้วย | คำแนะนำการลงทุนนี้เป็นไปตามกรอบการพิจารณาของ Finnomena Funds ซึ่งมีเป้าหมายในการสร้างโอกาสรับผลตอบแทนในระยะเวลาตามแต่ละประเภทของพอร์ตเท่านั้น บริษัทมิได้การันตีถึงผลตอบแทนที่จะได้จากคำแนะนำการลงทุนดังกล่าว มีความเสี่ยงที่ผลตอบแทนอาจไม่เป็นไปตามคาดหวัง หรือมีผลขาดทุนได้ | สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน ฟินโนมีนา จำกัด ในช่วงเวลาวันทำการตั้งแต่ 09:00-17:00 น. ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 026 5100 และทาง LINE @FINNOMENAPORT | สำหรับผู้ลงทุนในความดูแลของ Kept by krungsri ติดต่อทีม Kept help center ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 296 6299

ดูกราฟ -

เมื่อกดปุ่ม “รับรายละเอียดเพิ่มเติม ” แสดงว่าคุณยินยอมให้บริษัท ฟินโนมีนา จำกัด และบริษัทในเครือ เก็บรวบรวมและใช้ข้อมูลเพื่อแนะนำบริการ แจ้งสิทธิประโยชน์ เป็นที่ปรึกษาการลงทุน ประชาสัมพันธ์ และดำเนินการที่เกี่ยวข้อง ศึกษานโยบายความเป็นส่วนตัว

ดูคลิปประกอบ
Mr.Messenger Call: SCBCOMP ถึงจุด Take Profit
ความเห็นจาก Finnomena : แนะนำขายทำกำไรกองทุนสินค้าโภคภัณฑ์ SCBCOMP และหาโอกาสการลงทุนใหม่ในตลาดขาขึ้นอื่น ๆ เช่น หุ้นยุโรป หุ้นอินเดีย

แนะนำขายทำกำไรกองทุนสินค้าโภคภัณฑ์ SCBCOMP และหาโอกาสการลงทุนใหม่ในตลาดขาขึ้นอื่น ๆ เช่น หุ้นยุโรป หุ้นอินเดีย

Mr.Messenger ได้ออกคำแนะนำ Mr.Messenger Call: เก็งกำไรสินค้าโภคภัณฑ์ หลังมี momentum เชิงบวก เมื่อวันที่ 29 มกราคม 2024 หลังจากแนะนำราคา DJP ETN ซึ่งเป็น ETN ที่ Track กับ Bloomberg Commodity Index Total Return ปรับตัวเพิ่มขึ้น +7% (ข้อมูล ณ วันที่ 8 เมษายน) ขณะที่กองทุน SCBCOMP +4.2% หลังจากแนะนำเข้าลงทุน (NAV ล่าสุด ณ วันที่ 3 เมษายน) 

ทำให้ล่าสุดการปรับตัวขึ้นของ DJP ETN ถึงระดับทำกำไรแล้ว Mr.Messenger จึงแนะนำ take profit กองทุน SCBCOMP สำหรับนักลงทุนที่ลงทุนตามคำแนะนำ พร้อมหาโอกาสการลงทุนใหม่ตามคำแนะนำ ดังนี้

ดู Fund Fact Sheet กองทุนแนะนำ

 

สามารถศึกษารายละเอียดของกองทุนเพิ่มเติมได้ที่ https://www.finnomena.com/fund/ 
จัดทำโดยบลป.เดฟินิท สำหรับบลน. ฟินโนมีนา (Finnomena Funds)


คำเตือน

ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน | ผลการดำเนินงานในอดีต และผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต | ผู้ลงทุนอาจมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากการป้องกันความเสี่ยงขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้จัดการกองทุน | กองทุนรวมนี้ลงทุนกระจุกตัวในผู้ออกตราสารหรือประเทศใดประเทศหนึ่ง จึงมีความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนจำนวนมาก ผู้ลงทุนจึงควรพิจารณาการกระจายความเสี่ยงของ พอร์ตการลงทุนโดยรวมของตนเองด้วย | คำแนะนำการลงทุนนี้เป็นไปตามกรอบการพิจารณาของ FINNOMENA FUNDS ซึ่งมีเป้าหมายในการสร้างโอกาสรับผลตอบแทนในระยะเวลาตามแต่ละประเภทของพอร์ตเท่านั้น บริษัทมิได้การันตีถึงผลตอบแทนที่จะได้จากคำแนะนำการลงทุนดังกล่าว มีความเสี่ยงที่ผลตอบแทนอาจไม่เป็นไปตามคาดหวัง หรือมีผลขาดทุนได้ | สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน ฟินโนมีนา จำกัด ในช่วงเวลาวันทำการตั้งแต่ 09:00-17:00 น. ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 026 5100 และทาง LINE @FINNOMENAPORT | สำหรับผู้ลงทุนในความดูแลของ Kept by krungsri ติดต่อทีม Kept help center ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 296 6299

ดูกราฟ SCBCOMP

เมื่อกดปุ่ม “รับรายละเอียดเพิ่มเติม ” แสดงว่าคุณยินยอมให้บริษัท ฟินโนมีนา จำกัด และบริษัทในเครือ เก็บรวบรวมและใช้ข้อมูลเพื่อแนะนำบริการ แจ้งสิทธิประโยชน์ เป็นที่ปรึกษาการลงทุน ประชาสัมพันธ์ และดำเนินการที่เกี่ยวข้อง ศึกษานโยบายความเป็นส่วนตัว

SCBCOMP
ดูคลิปประกอบ
SCBCOMP
Fundtalk มองสวน
ความเห็นจาก Finnomena : แนะนำโยกออกจากหุ้นสหรัฐฯ และหุ้นยุโรป หมุนเข้ากองทุนตราสารหนี้ระยะสั้น ABGFIX-A และกองทุนตราสารหนี้โลก KFSINCFX-A

ตลาดหุ้นย่อตัว ราคาน้ำมันพุ่งแรง แต่ทำไม Bond Yield ปรับลดลง!? FundTalk มองให้ขาดหรือเพราะตลาดกลัว Risk-Off ชาวสวนควรใช้จังหวะนี้ ปรับแทคติก ขายทำกำไรหุ้นอเมริกา-หุ้นยุโรป โยกเข้ากองทุนตราสารหนี้

หลังจากเมื่อคืนวันที่ 4 เมษายน 2024 ตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกา ร่วงแรงสุดในรอบ 1 ปี โดยดัชนี S&P500 ปรับตัวลดลง -1.23% ส่วนดัชนี NASDAQ ลดลง -1.4%

Fundtalk มองสวนSource: TradingView as of 05/04/2024

ประเด็นสำคัญเกิดจากความกังวลว่า Fed อาจจะไม่ลดดอกเบี้ยในปีนี้ หลัง Neel Kashkari หนึ่งในคณะกรรมการ FOMC ประธาน Fed สาขา Minneapolis ให้มุมมองว่าหากเงินเฟ้อยังคงอยู่ในระดับสูง การปรับลดอัตราดอกเบี้ยสหรัฐฯ อาจจะไม่จำเป็นต้องเกิดขึ้นก็ได้

Neel Kashkari หนุนว่าควรใช้เวลามากขึ้นเพื่อรอคอยให้เงินเฟ้อกลับสู่เป้าหมาย 2% อย่างยั่งยืน ก่อนเริ่มพิจารณาปรับลดอัตราดอกเบี้ย

ราคาน้ำมันดิบพุ่งขึ้น 20% นับตั้งแต่ต้นปี

Fundtalk มองสวนSource: TradingView as of 05/04/2024

ในขณะที่ตลาดหุ้นสรัฐฯ เริ่มอ่อนกำลังลง จะเห็นว่าในฝั่งราคาน้ำมันดิบ Brent พุ่งแรงทะลุ 90 เหรียญต่อบาร์เรลไปแล้ว หลังตลาดกังวลความขัดแย้งในตะวันออกกลาง

หุ้นย่อ น้ำมันพุ่ง แต่ทำไม Bond Yield ถึงลด?

Fundtalk มองสวนSource: TradingView as of 05/04/2024

จะเห็นว่าจุดที่น่าสนใจของจังหวะนี้ คือหุ้นสหรัฐฯ ย่อลง น้ำมันพุ่งสูงขึ้น แต่คำถามก็คือทำไม Bond Yield กลับปรับตัวลดลง

ถือเป็นความสัมพันธ์ที่ย้อนแย้งเหมือนกัน เพราะปกติแล้วราคาน้ำมันดิบกับ Bond Yield จะวิ่งไปในทิศทางเดียวกัน เนื่องจากราคาน้ำมันที่แพงเป็นสัญญาณว่าเงินเฟ้อกำลังมา Fed จะไม่รีบลดดอกเบี้ย

คำตอบของเหตุการณ์นี้ หากมองให้ขาด Ahead of the Game ตลาดอาจกำลังส่งสัญญาณ Risk-Off กลัวความเสี่ยง จึงโยกเงินลงทุนเข้าตราสารหนี้ ซึ่งเป็น Safe Haven เสี่ยงต่ำ

FundTalk Contrarian Style ขึ้นขายลงซื้อ

มุมมองระยะสั้นสำหรับ “ชาวสวน” FundTalk The Contrarian Style แนะนำใช้จังหวะนี้ขายทำกำไรหุ้นในพอร์ต หลังโมเมนตัมตลาดหุ้นสหรัฐฯ เริ่มอ่อนกำลังลง RSI < 50 และเกิด bearish divergence จึงมีโอกาสปรับฐานในระยะสั้น

พอร์ตการลงทุน FundTalk Contrarian Portfolio “FTCP” จึงแนะนำลดสัดส่วนการลงทุนในตลาดหุ้นเพื่อเก็บกระสุน ดังนี้

  • โยกออกกองทุนหุ้นสหรัฐฯ AFMOAT-HA 20% เข้ากองทุนตราสารหนี้ระยะสั้น ABGFIX-A
  • โยกออกกองทุนหุ้นยุโรป ONE-EUROEQ 10% เข้ากองทุนตราสารหนี้โลก KFSINCFX-A

 

Fundtalk มองสวน

ทำให้ปัจจุบันสัดส่วนใหม่ของ FundTalk Contrarian Portfolio จะถือตราสารหนี่ที่สัดส่วน 55% และถือหุ้น 45%

ทั้งนี้ ปัจจัยที่ต้องจับมองในระยะข้างหน้า คือแนวโน้มราคาน้ำมัน และมุมมองของ Fed 

อย่างไรก็ตาม ย้ำว่านี่คือคำแนะนำระยะสั้นสำหรับ “ชาวสวน” ขึ้นให้ขาย ลงให้ซื้อ หากใครเน้นเป้าหมายการลงทุนระยะยาว แนะนำติดตาม MEVT Call ชี้เป้าการลงทุนเป้าหมายระยะกลาง-ยาว ซึ่งยังคงมีโอกาสการลงทุนที่น่าสนใจ อาจใช้โอกาสการปรับฐานครั้งนี้ ทะยอยเข้าสะสมหุ้นเพิ่มเติมได้ หรือจับตารอเพื่อให้สถานการณ์ต่าง ๆ ชัดเจนขึ้นก่อนตัดสินใจ

ดู Fund Fact Sheet กองทุนแนะนำ

 

สามารถศึกษารายละเอียดของกองทุนเพิ่มเติมได้ที่ https://www.finnomena.com/fund/


คำเตือน

ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน | ผลการดำเนินงานในอดีต และผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต | ผู้ลงทุนอาจมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากการป้องกันความเสี่ยงขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้จัดการกองทุน | กองทุนรวมนี้ลงทุนกระจุกตัวในผู้ออกตราสารหรือประเทศใดประเทศหนึ่ง จึงมีความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนจำนวนมาก ผู้ลงทุนจึงควรพิจารณาการกระจายความเสี่ยงของ พอร์ตการลงทุนโดยรวมของตนเองด้วย | คำแนะนำการลงทุนนี้เป็นไปตามกรอบการพิจารณาของ Finnomena Funds ซึ่งมีเป้าหมายในการสร้างโอกาสรับผลตอบแทนในระยะเวลาตามแต่ละประเภทของพอร์ตเท่านั้น บริษัทมิได้การันตีถึงผลตอบแทนที่จะได้จากคำแนะนำการลงทุนดังกล่าว มีความเสี่ยงที่ผลตอบแทนอาจไม่เป็นไปตามคาดหวัง หรือมีผลขาดทุนได้ | สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน ฟินโนมีนา จำกัด ในช่วงเวลาวันทำการตั้งแต่ 09:00-17:00 น. ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 026 5100 และทาง LINE @FINNOMENAPORT | สำหรับผู้ลงทุนในความดูแลของ Kept by krungsri ติดต่อทีม Kept help center ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 296 6299

ดูกราฟ -

เมื่อกดปุ่ม “รับรายละเอียดเพิ่มเติม ” แสดงว่าคุณยินยอมให้บริษัท ฟินโนมีนา จำกัด และบริษัทในเครือ เก็บรวบรวมและใช้ข้อมูลเพื่อแนะนำบริการ แจ้งสิทธิประโยชน์ เป็นที่ปรึกษาการลงทุน ประชาสัมพันธ์ และดำเนินการที่เกี่ยวข้อง ศึกษานโยบายความเป็นส่วนตัว

ดูคลิปประกอบ
กองทุนแนะนำ สไตล์ Mr.Messenger

Mr.Messenger Call คือคำแนะนำกองทุนรวมโดย Bank – The Trend Follower ที่มีมุมมองการลงทุนในรูปแบบ “ไล่ตลาด” มุ่งสร้างโอกาสทำกำไรในช่วงขาขึ้น โดยใช้ปัจจัยทางเทคนิคจับจังหวะตลาด ศึกษาพฤติกรรมของราคาสินทรัพย์ในอดีต และนำหลักสถิติมาคาดการณ์การเคลื่อนไหวของราคาสินทรัพย์ในอนาคต

เป้าหมายของการลงทุนในสไตล์นี้ จึงเหมาะกับการเก็งกำไรในระยะสั้น-กลาง เป็นนักลงทุนที่มีเงินสด หรือสภาพคล่องส่วนเกิน และรับความผันผวนได้สูง พร้อมเข้าลงทุนตาม Market Trend ในช่วง Bull Market กำหนดจุด Take Profit และยอมรับการ Limit Loss ได้ทันที

กองทุนแนะนำ สไตล์ Mr.Messengerอัปเดตมุมมองการลงทุนล่าสุด ณ วันที่ 3 เมษายน 2024 โดย Finnomena Funds

กองทุนแนะนำ Mr.Messenger Call

B-CHINE-EQ K-CHINA-A(A)

แนะนำ “ซื้อ” กองทุนหุ้นจีนกลุ่ม All China หลังดัชนีตลาดหุ้นจีนกลับตัวเป็นขาขึ้นอีกครั้ง พร้อมทะยานเหนือแนวต้านสำคัญ โดยแนะนำเข้าลงทุนที่ NAV ของ MCHI ETF ไม่เกิน $40.7

ONE-EUROEQ ABEG

แนะนำ “ซื้อ” กองทุนหุ้นยุโรป ตามเทรนด์ที่ตลาดหุ้นยุโรปทำจุดสูงสุดใหม่ และเกิดสัญญาณ Golden Cross จึงแนะนำเข้าลงทุนที่ NAV ของ STOXX EURO 600 ไม่เกิน 514 จุด

B-BHARATA TISCOINA-A

แนะนำ “ซื้อ” กองทุนหุ้นอินเดีย รับจังหวะขาขึ้นของตลาดหุ้นอินเดีย พร้อมเป็นโอกาสเข้าลงทุนตามแนวโน้มการเติบโตระยะยาวในประเทศที่เศรษฐกิจแข็งแกร่ง และคาดว่าจะเป็นดาวดวงใหม่ของเอเชีย

SCBCOMP*

แนะนำ “ถือ” กองทุนสินค้าโภคภัณฑ์ หลังจากก่อนหน้านี้ราคาดีดขึ้นตามทิศทางราคาน้ำมันดิบและสินค้าเกษตร Take Profit เมื่อ NAV ของ DJP (iPath Bloomberg Commodity Index) ถึง $32.4 และ Stop Loss เมื่อหลุดลงไปแตะ $29.46 

*กองทุนรวมที่มีความเสี่ยงสูงหรือซับซ้อน

ASP-SME-A

แนะนำ “ถือ” กองทุนหุ้นไทย Mid-Small Cap ซึ่งเน้นลงทุนแบบ Selective Buy โดยสามารถ Take Profit เมื่อดัชนี sSET ขึ้นถึง 995 จุด และ Stop Loss เมื่อลงมาต่ำกว่า 864 จุด

SCBRS2000(A) ASP-USSMALL

แนะนำ “ถือ” กองทุนหุ้นสหรัฐอเมริกาขนาดเล็ก โดยกำหนดจุดTake Profit เมื่อดัชนี Russell 2000 ขึ้นถึง 2,300 จุด และ Stop Loss หากต่ำกว่า 1838 จุด

TUSFIX ABGFIX-A

แนะนำ “ถือ” กองทุนตราสารหนี้ระยะสั้นในสกุลเงินดอลลาร์ เพื่อสอดรับกับแนวโน้มค่าเงินดอลลาร์แข็งค่า พร้อมกำหนดจุด Take Profit เมื่อ USDTHB ทะลุ 37.2 และ Stop Loss เมื่อลงสู่ 34.7

ไหน ๆ จะลงทุนทั้งที การไม่ต้องจ่ายค่าธรรมเนียมเต็มเนี่ย ออกจะฟินสุด ๆ ทีมงานมัดรวม FINT Cashback ตามลิงก์ข้างล่างเลย 👇🏻👇🏻👇🏻

1️⃣ อยากใช้ FINT Cashback ต้องเข้าตรงไหน?
💡 Link : https://www.finnomena.com/fint/cashback

2️⃣ สอนใช้ FINT Cashback แบบจับมือทำ
💡 Link : https://youtu.be/Zsrs7URDUwM?si=uROVCvLFIvA_Au0f

3️⃣ กองทุนที่เราจะลงทุน เข้าร่วม Cashback ไหม?
💡 Link : https://www.finnomena.com/fint/cashback/fund-list

4️⃣ อยากรู้ลึกๆ ว่า FINT Cashback คืออะไร?
💡 Link : https://docs.fint.finance/fint-token/use-fint-fint/cashback-from-fee

สามารถศึกษารายละเอียดของกองทุนเพิ่มเติมได้ที่ https://www.finnomena.com/fund/


คำเตือน

ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน | ผลการดำเนินงานในอดีต และผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต | ผู้ลงทุนอาจมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากการป้องกันความเสี่ยงขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้จัดการกองทุน | กองทุนรวมนี้ลงทุนกระจุกตัวในผู้ออกตราสารหรือประเทศใดประเทศหนึ่ง จึงมีความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนจำนวนมาก ผู้ลงทุนจึงควรพิจารณาการกระจายความเสี่ยงของ พอร์ตการลงทุนโดยรวมของตนเองด้วย | คำแนะนำการลงทุนนี้เป็นไปตามกรอบการพิจารณาของ Finnomena Funds ซึ่งมีเป้าหมายในการสร้างโอกาสรับผลตอบแทนในระยะเวลาตามแต่ละประเภทของพอร์ตเท่านั้น บริษัทมิได้การันตีถึงผลตอบแทนที่จะได้จากคำแนะนำการลงทุนดังกล่าว มีความเสี่ยงที่ผลตอบแทนอาจไม่เป็นไปตามคาดหวัง หรือมีผลขาดทุนได้ | สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน ฟินโนมีนา จำกัด ในช่วงเวลาวันทำการตั้งแต่ 09:00-17:00 น. ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 026 5100 และทาง LINE @FINNOMENAPORT | สำหรับผู้ลงทุนในความดูแลของ Kept by krungsri ติดต่อทีม Kept help center ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 296 6299

ดูกราฟ -

เมื่อกดปุ่ม “รับรายละเอียดเพิ่มเติม ” แสดงว่าคุณยินยอมให้บริษัท ฟินโนมีนา จำกัด และบริษัทในเครือ เก็บรวบรวมและใช้ข้อมูลเพื่อแนะนำบริการ แจ้งสิทธิประโยชน์ เป็นที่ปรึกษาการลงทุน ประชาสัมพันธ์ และดำเนินการที่เกี่ยวข้อง ศึกษานโยบายความเป็นส่วนตัว

ดูคลิปประกอบ
กองทุนแนะนำ FundTalk Call

FundTalk Call คือคำแนะนำกองทุนรวมโดย Jet – The Contrarian ที่มีมุมมองการลงทุนในรูปแบบ “สวนตลาด” เน้นเฟ้นหาสินทรัพย์ที่ถูกทิ้ง จนราคาปรับตัวลงลึกมากจนเกินไป แต่ศักยภาพการเติบโตยังดี และมีลมหนุนที่ทำให้เริ่มเห็นสัญญาณการกลับตัวขึ้นได้ 

เป้าหมายของการลงทุนในสไตล์นี้ จึงเป็นการมองหาโอกาสเข้าลงทุนในสินทรัพย์ที่ดี ราคาถูก ตอนที่คนไม่เหลียวแล และหากคุณเองก็เชื่อในไอเดียการลงทุนแบบ The Contrarian Style นี่คือกองทุนแนะนำทั้งหมดที่เรารวมมาไว้ให้ครบในที่เดียว

กองทุนแนะนำ FundTalk Callอัปเดตมุมมองการลงทุนล่าสุด ณ วันที่ 27 มีนาคม 2024 โดย Finnomena Funds

กองทุนแนะนำ FundTalk Call

MEGA10CHINA-A

แนะนำ “ซื้อ” กองทุนหุ้นจีนที่เน้นลงทุน 10 หุ้นจีนแบรนด์ระดับโลก ซึ่งจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง โดยจะได้รับประโยชน์จากท่าทีของรัฐบาลที่หันกลับมากระตุ้นเศรษฐกิจเต็มสูบ

PRINCIPAL GCLEAN-A

แนะนำ “ซื้อ” กองทุนหุ้นกลุ่มพลังงานสะอาด เน้นลงทุนในบริษัทผู้ผลิตพลังงานทางเลือกทั่วโลก ซึ่งจะเคลื่อนไหวสวนทางกับทิศทางดอกเบี้ย ดังนั้น การที่ Fed คอมเฟิร์มการปรับลดอัตราดอกเบี้ย 3 ครั้งในปีนี้ จึงเป็นโอกาสลงทุนในหุ้น Clean Energy

KT-ENERGY

แนะนำ “ซื้อ” กองทุนหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมพลังงาน จากมุมมองเชิงบวกต่อราคาน้ำมันที่มีแนวโน้มเป็นขาขึ้น เพราะประเด็นปริมาณการผลิตน้ำมันโลกที่มีโอกาสขาดแคลน ซึ่งเกิดจากประเด็นด้านภูมิรัฐศาสตร์ 

KFSINCFX-A

แนะนำ “ซื้อ” กองทุนตราสารหนี้โลกที่ไม่ป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยน (unhedged) รับโอกาส Bond Yield ที่สูง พร้อม Capital Gain เมื่อ Fed ลดดอกเบี้ย และกำไรค่าเงินหากเงินบาทอ่อนค่าต่อ

K-SEMQ

แนะนำ “ซื้อ” กองทุนหุ้นตลาดเกิดใหม่ (Emerging Market) โดยมองเห็นโอกาสครั้งใหม่ของการเติบโตที่มีอัพไซด์ค่อนข้างสูง หนุนโดยประเทศจีน เกาหลีใต้ ไต้หวัน อินเดีย และบราซิล

KFHEALTH-A K-GHEALTH(UH)

แนะนำ “ซื้อ” กองทุนหุ้นกลุ่มสุขภาพ Global Health Care เป็นธีม Laggard Play ที่ราคายังขึ้นมาไม่เยอะ และมีโอกาสทะยานต่อจากการเกิด Sector Rotation ซึ่งหมุนจากหุ้นเทคโนโลยี

TISCOHD-A

แนะนำ “ขาย” กองทุนหุ้นไทยขนาดใหญ่ที่เน้นจ่ายปันผลสูง หลังพบว่าตลาดยังขาดแรงกระตุ้นและไม่มีสัญญาณการเคลื่อนไหวที่ชัดเจน จึงแนะนำโยกไปหาสินทรัพย์ใหม่ที่มีความน่าสนใจมากกว่า

กองทุนไหนดี ดูคำแนะนำทั้งหมด คลิกเลย

ไหน ๆ จะลงทุนทั้งที การไม่ต้องจ่ายค่าธรรมเนียมเต็มเนี่ย ออกจะฟินสุดๆ ทีมงานมัดรวม FINT Cashback ตามลิงก์ข้างล่างเลย 👇🏻👇🏻👇🏻

1️⃣ อยากใช้ FINT Cashback ต้องเข้าตรงไหน?
💡 Link : https://www.finnomena.com/fint/cashback

2️⃣ สอนใช้ FINT Cashback แบบจับมือทำ
💡 Link : https://youtu.be/Zsrs7URDUwM?si=uROVCvLFIvA_Au0f

3️⃣ กองทุนที่เราจะลงทุน เข้าร่วม Cashback ไหม?
💡 Link : https://www.finnomena.com/fint/cashback/fund-list

4️⃣ อยากรู้ลึกๆ ว่า FINT Cashback คืออะไร?
💡 Link : https://docs.fint.finance/fint-token/use-fint-fint/cashback-from-fee

สามารถศึกษารายละเอียดของกองทุนเพิ่มเติมได้ที่ https://www.finnomena.com/fund/


คำเตือน

ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน | ผลการดำเนินงานในอดีต และผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต | ผู้ลงทุนอาจมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากการป้องกันความเสี่ยงขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้จัดการกองทุน | กองทุนรวมนี้ลงทุนกระจุกตัวในผู้ออกตราสารหรือประเทศใดประเทศหนึ่ง จึงมีความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนจำนวนมาก ผู้ลงทุนจึงควรพิจารณาการกระจายความเสี่ยงของ พอร์ตการลงทุนโดยรวมของตนเองด้วย | คำแนะนำการลงทุนนี้เป็นไปตามกรอบการพิจารณาของ Finnomena Funds ซึ่งมีเป้าหมายในการสร้างโอกาสรับผลตอบแทนในระยะเวลาตามแต่ละประเภทของพอร์ตเท่านั้น บริษัทมิได้การันตีถึงผลตอบแทนที่จะได้จากคำแนะนำการลงทุนดังกล่าว มีความเสี่ยงที่ผลตอบแทนอาจไม่เป็นไปตามคาดหวัง หรือมีผลขาดทุนได้ | สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน ฟินโนมีนา จำกัด ในช่วงเวลาวันทำการตั้งแต่ 09:00-17:00 น. ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 026 5100 และทาง LINE @FINNOMENAPORT | สำหรับผู้ลงทุนในความดูแลของ Kept by krungsri ติดต่อทีม Kept help center ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 296 6299

ดูกราฟ -

เมื่อกดปุ่ม “รับรายละเอียดเพิ่มเติม ” แสดงว่าคุณยินยอมให้บริษัท ฟินโนมีนา จำกัด และบริษัทในเครือ เก็บรวบรวมและใช้ข้อมูลเพื่อแนะนำบริการ แจ้งสิทธิประโยชน์ เป็นที่ปรึกษาการลงทุน ประชาสัมพันธ์ และดำเนินการที่เกี่ยวข้อง ศึกษานโยบายความเป็นส่วนตัว

ดูคลิปประกอบ
FundTalk Call โอกาสลงทุนในหุ้น Clean Energy
ความเห็นจาก Finnomena : แนะนำเข้าลงทุนในหุ้น Clean Energy กองทุน PRINCIPAL GCLEAN ที่ได้รับประโยชน์จากทิศทางดอกเบี้ยขาลง

FundTalk Contrarian Call  แนะนำเข้าลงทุนในหุ้น Clean Energy กองทุน PRINCIPAL GCLEAN-A ซึ่งเป็นกลุ่มที่ได้รับประโยชน์จากทิศทางดอกเบี้ยขาลง พร้อมแนะนำสับเปลี่ยนออกกองทุน TISCOHD-A หลัง Fund Flow ไหลออกจากตลาดหุ้นไทยต่อเนื่อง

คณะกรรมการนโยบายทางการเงิน (FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยตามตลาดคาดที่ระดับ 5.25%- 5.5% พร้อมเปิดเผยคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยนโยบาย (Dot Plot) บ่งชี้ถึงสัญญาณการลดอัตราดอกเบี้ย 3 ครั้งในปีนี้ FundTalk มีมุมมองว่าหุ้นกลุ่มพลังงานสะอาด (Clean Energy) จะมีโอกาสทำผลตอบแทนได้ดีหาก Fed ลดดอกเบี้ย 

ค้นหาโอกาสการลงทุนใหม่ ผ่านตลาดหุ้นกลุ่ม Clean Energy

3 เหตุผลหลักที่ทำไมหุ้นกลุ่มพลังงานสะอาดจะกลับมาโดย Fidelity

  1. Rate Cycle Turning: หุ้นกลุ่มพลังงานสะอาดอ่อนไหวต่อดอกเบี้ยสูง เนื่องจากบริษัทมีการจ่ายปันผลคงที่คล้ายตราสารหนี้ ซึ่งหาก Yield ลง กลุ่มนี้จะให้ผลตอบแทนโดดเด่น
  2. IRA Clarity: บริษัทเริ่มปรับตัวเพื่อให้ได้ประโยชน์จาก IRA เช่น tax credit แต่มีความเสี่ยงหาก Donald Trump ชนะเลือกตั้งสหรัฐฯ 
  3. Supply Chain Normalization: การปรับสมดุลของ Supply Chain จะเสร็จสิ้นในกลางปี 2024 แต่กลุ่มต้นน้ำจะใช้เวลาถึงปี 2025 

FundTalk Call โอกาสลงทุนในหุ้น Clean EnergyS&P Global Clean Energy Index
Source: Bloomberg as of 21/03/2024

หุ้นกลุ่ม Clean Energy มีแนวโน้มที่ Earnings จะโดดเด่นใน 2 ปี ข้างหน้า โดย EPS คาดว่าจะเติบโต 39.40% ในปี 2025 และ 19.24% ในปี 2026 ขณะที่ P/E อยู่ที่ระดับประมาณ 18 เท่า ซึ่งต่ำกว่า S&P 500 index จึงอยู่ในระดับที่ถูก เนื่องจากราคาที่ผ่านมาได้ปรับตัวลดลง จากดอกเบี้ยที่อยู่ในทิศทางขาขึ้น

iShares Global Clean Energy (INRG) – Top 10 Holdings

FundTalk Call โอกาสลงทุนในหุ้น Clean EnergySource: iShares Global Clean Energy (INRG) as of 16/03/2024

หน้าพอร์ตของกองทุนแม่ของ iShares Global Clean Energy (INRG) ซึ่งเป็นกองทุนหลักของ PRINCIPAL GCLEAN-A ประกอบไปด้วยหุ้นกลุ่มผู้ผลิตพลังงานทางเลือก, Utilities, Industrial, และ Information Technology โดยเน้นการลงทุนในประเทศสหรัฐฯ จีน และเดนมาร์ก

โดยถ้าหากพิจารณาราคา INRG จะพบว่า ราคาจะปรับตัวขึ้น เมื่อ Bond yield อยู่ในทิศทางลดลง ในขณะที่ดอกเบี้ยอยู่ในช่วงขาขึ้น ราคาจะปรับตัวลดลงมา ดังนั้นเมื่อ Fed มีแนวโน้มปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีนี้จึงเป็นโอกาสในการลงทุนในหุ้นกลุ่ม Clean Energy

FundTalk Call โอกาสลงทุนในหุ้น Clean Energyกราฟราคา PRINCIPAL GCLEAN
Source: FINNOMENA Funds as of 21/03/2024

FundTalk มีมุมมองเชิงบวกต่อหุ้นกลุ่ม Clean Energy จึงแนะนำลงทุนในกองทุน PRINCIPAL GCLEAN-A ซึ่งลงทุนใน iShares Global Clean Energy

นอกจากนี้ FundTalk แนะนำสับเปลี่ยนออกกองทุน TISCOHD-A ซึ่งเป็นกองทุนที่ลงทุนในหุ้นในดัชนี SET High Dividend 30 Total Return Index เนื่องจาก Fund Flow ที่ไหลออกจากตลาดหุ้นไทยต่อเนื่องอาจกดดันต่อตลาดหุ้นไทย  ดังนั้นควรเลือกสินทรัพย์อื่นที่มีความน่าสนใจมากกว่า 

ดู Fund Fact Sheet กองทุนแนะนำ

 

สามารถศึกษารายละเอียดของกองทุนเพิ่มเติมได้ที่ https://www.finnomena.com/fund/
จัดทำโดยบลป. เดฟินิท สำหรับบลน. ฟินโนมีนา (Finnomena Funds)


คำเตือน

ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน | ผลการดำเนินงานในอดีต และผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต | ผู้ลงทุนอาจมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากการป้องกันความเสี่ยงขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้จัดการกองทุน | กองทุนรวมนี้ลงทุนกระจุกตัวในผู้ออกตราสารหรือประเทศใดประเทศหนึ่ง จึงมีความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนจำนวนมาก ผู้ลงทุนจึงควรพิจารณาการกระจายความเสี่ยงของ พอร์ตการลงทุนโดยรวมของตนเองด้วย | คำแนะนำการลงทุนนี้เป็นไปตามกรอบการพิจารณาของ Finnomena Funds ซึ่งมีเป้าหมายในการสร้างโอกาสรับผลตอบแทนในระยะเวลาตามแต่ละประเภทของพอร์ตเท่านั้น บริษัทมิได้การันตีถึงผลตอบแทนที่จะได้จากคำแนะนำการลงทุนดังกล่าว มีความเสี่ยงที่ผลตอบแทนอาจไม่เป็นไปตามคาดหวัง หรือมีผลขาดทุนได้ | สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน ฟินโนมีนา จำกัด ในช่วงเวลาวันทำการตั้งแต่ 09:00-17:00 น. ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 026 5100 และทาง LINE @FINNOMENAPORT | สำหรับผู้ลงทุนในความดูแลของ Kept by krungsri ติดต่อทีม Kept help center ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 296 6299

ดูกราฟ PRINCIPAL GCLEAN-A

เมื่อกดปุ่ม “รับรายละเอียดเพิ่มเติม ” แสดงว่าคุณยินยอมให้บริษัท ฟินโนมีนา จำกัด และบริษัทในเครือ เก็บรวบรวมและใช้ข้อมูลเพื่อแนะนำบริการ แจ้งสิทธิประโยชน์ เป็นที่ปรึกษาการลงทุน ประชาสัมพันธ์ และดำเนินการที่เกี่ยวข้อง ศึกษานโยบายความเป็นส่วนตัว

PRINCIPAL GCLEAN-A
ดูคลิปประกอบ
PRINCIPAL GCLEAN-A
MEVT Call จัดทัพหุ้นเอเชียด้วย AI
ความเห็นจาก Finnomena : แนะนำลงทุนในกองทุนหุ้นเอเชียไม่รวมญี่ปุ่น UOBSA ซึ่งมีผลตอบแทนโดดเด่นจากการเลือกหุ้นและจัดพอร์ตโดยใช้ A

Finnomena Funds แนะนำเข้าลงทุนตามการพิจารณา MEVT Call เพื่อรับโอกาสสร้างผลตอบแทนที่ดีในระยะกลาง-ยาว (6-12 เดือนข้างหน้า) ในกองทุนหุ้นเอเชียไม่รวมญี่ปุ่น UOBSA ซึ่งมีผลตอบแทนโดดเด่นจากการเลือกหุ้นและจัดพอร์ตโดยใช้ AI พร้อมรับปัจจัยหนุนจากเศรษฐกิจของประเทศในภูมิภาคที่ฟื้นตัว

Executive Summary

  • Macroeconomics: เศรษฐกิจจีนฟื้นตัว อินเดียโตแรง อินโดนีเซียโดดเด่น เกาหลีใต้โตต่อ พร้อมรับอัพไซส์เพิ่มจากดอลลาร์อ่อน
  • Earnings: กำไรยังโตสูงกว่า 22% พร้อมการปรับประมาณการที่มีโมเมนตัมดีขึ้น
  • Valuation: มูลค่าหุ้นเอเชียเมื่อเทียบกับโลกอยู่ที่ -2 S.D. ซึ่งเป็นระดับราคาที่ถูกมาก
  • Technical: เม็ดเงินลงทุนจากต่างชาติไหลเข้าตลาดหุ้นเอเชียชัดเจนมากขึ้น
  • แนะนำลงหุ้นเอเชีย (ไม่รวมญี่ปุ่น) ผ่านกองทุน UOBSA โดดเด่นด้วยการใช้ AI คัดเลือกหุ้นร่วมกับผู้จัดการกองทุน เพิ่มโอกาสทำผลตอบแทนโดดเด่นเหนือกองทุนคู่แข่ง

Macroeconomics

เศรษฐกิจเอเชียโตแรงต่อเนื่อง

MEVT Call จัดทัพหุ้นเอเชียด้วย AI Source: Finnomena Funds, Bloomberg as of 19/03/2024

ภาพรวมการเติบโตของเศรษฐกิจเอเชียในปี 2024 ประมาณการโดย Bloomberg Concensus ยังโตได้สูงกว่า 4.4% ถึง 4.9% ในขณะที่เงินเฟ้อภาพรวมอยู่ที่ 1.3% ถึง 2.1% และอัตราการว่างงานทรงตัวที่ 4.6% โดยภาพรวมตัวเลขเศรษฐกิจเอเชียยังสะท้อนแนวโน้มการฟื้นตัวในอนาคต ในขณะที่ความกังวลเรื่องเงินเฟ้อดูผ่อนคลายมากขึ้น

จีนฟื้นตัวแรง อินเดียแข็งแกร่ง อินโดฯ โดดเด่น

MEVT Call จัดทัพหุ้นเอเชียด้วย AI Source: Finnomena Funds, Bloomberg as of 19/03/2024

ตัวเลขดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อของหลาย ๆ ประเทศในฝั่งเอเชียประกาศออกมาอยู่ในโซนมากกว่า 50 ซึ่งสะท้อนแนวโน้มการขยายตัวของเศรษฐกิจในอนาคต โดยประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ ๆ อย่างจีนและอินเดีย ประกาศตัวเลขออกมาแข็งแกร่งมากกว่าเดือนที่ผ่านมา ในส่วนของประเทศอื่น ๆ เช่น เกาหลีใต้ อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และเวียดนาม ประกาศออกมาที่ 50.7, 52.7, 51, และ 50.4 ตามลำดับ นอกจากนี้ เอเชียยังมีโอกาสฟื้นตัวตามเศรษฐกิจโลกที่ประกาศตัวเลขออกมาขยายตัวเช่นกัน

Fed ใกล้ลดดอกเบี้ย ดอลลาร์มีแนวโน้มอ่อนในอนาคต

MEVT Call จัดทัพหุ้นเอเชียด้วย AI Source: Finnomena Funds, Bloomberg as of 19/03/2024

ในส่วนของนโยบายการเงินประเทศหลักอย่างสหรัฐฯ ตลาดยังคงให้น้ำหนักการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงในปี 2024 โดยตลาดคาดการณ์ว่า Fed จะลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงมาสู่ระดับ 4.25% ถึง 4.5% ภายในสิ้นปี 2024 ซึ่งแนวโน้มดังกล่าวจะส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ มีแนวโน้มที่จะอ่อนตัวลงในอนาคตหรืออย่างน้อยจะไม่แข็งค่าขึ้นเป็นอุปสรรคต่อหุ้นเอเชีย

ดอลลาร์อ่อนเป็นปัจจัยบวกกับตลาดหุ้นเอเชีย

MEVT Call จัดทัพหุ้นเอเชียด้วย AISource: Finnomena Funds, Bloomberg as of 19/03/2024

โดยทิศทางของค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ในอดีตมีการเคลื่อนไหวเชิงผกผันกับกับดัชนีในฝั่งประเทศกำลังพัฒนา โดยเฉพาะตลาดเอเชีย ซึ่งเมื่อดูการเคลื่อนไหวที่ผ่านมา การแข็งตัวของค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ มักจะทำให้ดัชนีปรับตัวลง และการอ่อนตัวของค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ มักจะเป็นผลดีกับตลาด โดยในปัจจุบันจากการที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ มีแนวโน้มปรับลดดอกเบี้ยนโยบายในปี 2024 ซึ่งปัจจัยดังกล่าวจะส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ มีแนวโน้มที่จะอ่อนตัวลงในอนาคต จึงทำให้บริบทการลงทุนในตลาดเอเชียมีความสนใจมากขึ้น

Earnings

ตลาดคาดการณ์กำไรเติบโตสูงกว่า 22% 

MEVT Call จัดทัพหุ้นเอเชียด้วย AI Source: Finnomena Funds, Bloomberg as of 19/03/2024

ในฝั่งของกำไรบริษัทจดทะเบียนในเอเชีย ในภาพรวมกำไรตลาดมีอัตราการเติบโตที่โดดเด่น โดยสามารถโตได้กว่า 22% อย่างไรก็ดี ตลาดมีการถูกปรับประมาณการกำไรลงแรงในช่วง 2 ถึง 3 ปีที่ผ่านมาจากเศรษฐกิจจีนที่ฟื้นตัวช้ากว่าที่คาด แต่การปรับประมาณการดังกล่าวเริ่มชะลอลงอย่างเห็นได้ชัด โดยสามารถดูได้จากเส้นกำไร EPS next year (เส้นสีฟ้า-กราฟล่าง) ที่มีแนวโน้มทรงตัวนับตั้งแต่เข้าปี 2024 ต่างจากเส้น EPS current year (เส้นสีดำ-กราฟล่าง) ที่ยังถูกปรับลดค่อนข้างเยอะ ภาพดังกล่าวสะท้อนว่ากำไรบริษัทจดทะเบียนในเอเชียมีแนวโน้มที่จะ Bottom out ในปีนี้ และฟื้นตัวได้ดีในปีถัดมา

Valuation

Valuation เอเชียถูกมากกว่าเมื่อเทียบหุ้นโลก

MEVT Call จัดทัพหุ้นเอเชียด้วย AI Source: Finnomena Funds, Bloomberg as of 19/03/2024

นอกจากนี้ เมื่อทำการเปรียบเทียบในส่วนของ PE Ratio เอเชีย MSCI Asia ex Japan กับหุ้นโลก MSCI ACWI จะเห็นได้ว่าตลาดเอเชียกำลังซื้อขายในระดับราคาที่ถูกกว่า -2 S.D. นับเป็นมูลค่าที่ถูกกว่าหุ้นโลกมาก

Technical

เม็ดเงินเริ่มไหลเข้าตลาดหุ้นเอเชียมากขึ้น

MEVT Call จัดทัพหุ้นเอเชียด้วย AI Source: Bloomberg as of 13/03/2024

เม็ดเงินลงทุนจากนักลงทุนต่างชาติเริ่มไหลกลับเข้าสู่ตลาดหุ้นเอเชียมากขึ้น โดยตลาดหุ้นอินเดีย เกาหลีใต้ และไต้หวัน เริ่มเห็นเม็ดเงินลงทุนจากต่างชาติไหลเข้ามาตั้งแต่ 4Q23 ขณะตลาดหุ้นจีนเม็ดเงินลงทุนเริ่มไหลเข้าอย่างชัดเจนตั้งแต่ต้นปี 2024 สะท้อนว่านักลงทุนต่างชาติเริ่มกลับมาสนใจตลาดหุ้นเอเชียอีกครั้ง

UOBSA

กองทุนลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุน United Asia Fund กองทุนหลักจัดตั้งและบริหารจัดการโดย UOB Asset Management (Singapore) มุ่งหวังให้ผลประกอบการเคลื่อนไหวตามกองทุนหลัก โดยกองทุนหลักใช้กลยุทธ์การบริหารกองทุนเชิงรุก (active management) 

กองทุน UOBSA เป็นกองทุนความเสี่ยงสูงระดับ 6 ปัจจุบันป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน (Fx Hedge ration) ที่ 0.00% มีดัชนีชี้วัดเป็น ดัชนี MSCI AC Asia (ex Japan) net TR USD

MEVT Call จัดทัพหุ้นเอเชียด้วย AI Source: uobam.co.th as of 19/03/2024

ทำไมเราถึงแนะนำ UOBSA

  • แนะนำกองทุน UOBSA กองหุ้นเอเชียไม่รวมญี่ปุ่น ผลตอบแทนโดดเด่นจากการเลือกหุ้นและจัดพอร์ตโดยใช้ AI เป็นตัวนำร่วมกับผู้จัดการกองทุนมากประสบการณ์จาก UOBAM Singapore
  • ผลตอบแทน 1 ปีย้อนหลัง 24% เทียบค่าเฉลี่ยกลุ่มกองทุนเดียวกัน 4% (NAV วันที่ 13/3/2024)
  • ไม่ป้องกันความเสี่ยงค่าเงิน ซึ่งช่วยลดผลจากต้นทุนป้องกันความเสี่ยงค่าเงินที่สูง ในขณะที่การกระจายลงทุนในหลากหลายประเทศโดยเฉพาะในฝั่งเอเชียด้วยกัน ช่วยลดความผันผวนจากค่าเงินได้ โดยเฉพาะเมื่อค่าเงินในเอเชียอื่น ๆ เคลื่อนไหวไปในทิศทางสอดคล้องกันเมื่อเทียบกับ

MEVT Call จัดทัพหุ้นเอเชียด้วย AISource: Finnomena Funds, Morningstar as of 13/03/2024

UOBSA ลงทุนในกองทุนหลัก United Asia Fund ซึ่งที่ผ่านมากองทุน UOBSA สามารถสร้างผลตอบแทนได้โดดเด่นกว่ากองทุนในกลุ่มเดียวกันมาก และที่มาของผลตอบแทนที่โดดเด่น มาจากการกลยุทธ์การเลือกหุ้นด้วย Artificial Intelligence (AI) ซึ่ง United Asia Fund เริ่มใช้ตั้งแต่ปี 2021 ทำให้ผลตอบแทนหลังจากนั้นมีความโดดเด่นมาก 

โดย AI มีบทบาทอย่างมากในการคัดเลือกหุ้น เพราะจากเดิมที่ต้องใช้นักวิเคราะห์กว่า 50 คน ในการวิเคราะห์หุ้น 250 ตัว (ซึ่งเท่ากับเพียง 1% ของตลาด) AI สามารถวิเคราะห์หุ้นในเอเชียได้มากกว่า 25,000 ตัว (100% ของตลาด) เป็นการเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงการลงทุนในหุ้นใหม่ ๆ ที่ถึงแม้ยังไม่ได้รับความสนใจจากตลาดมาก แต่มีศักยภาพสูง

ในรายละเอียดกระบวนการการคัดเลือก AI จะแสกนหุ้นที่มีพื้นฐานดีที่สุด 100 ตัว โดยใช้ตัวแปรในการวิเคราะห์มากกว่า 33,000 ตัวแปร โดยหุ้นทั้ง 100 ตัวจะเป็นหุ้นที่มี Upside Potential สูงที่สุด จากนั้นนักวิเคราะห์จะคัดเลือกให้เหลือเพียง 50 ตัว และนำมาจัดพอร์ต โดย AI จะช่วยในการจัดส่วนการลงทุน ให้นักลงทุนได้รับผลตอบแทนต่อความเสี่ยงที่เหมาะสมที่สุด โดยกระบวนการทั้งหมดจะทำทุกเดือน เพื่อให้พอร์ตการลงทุนมีความเหมาะสมกับสถานการ์ณปัจจุบันมากที่สุด

MEVT Call จัดทัพหุ้นเอเชียด้วย AI Source: Finnomena Funds, Morningstar as of 13/03/2024

โดยจาก Track Record ที่ผ่านมา AI มีการจัดสัดส่วนได้อย่างแม่นยำ โดยมีการแนะนำลดสัดส่วนการลงทุนในประเทศจีนในช่วงปี 2021 และเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในประเทศอินเดียเข้ามาแทน ส่งผลให้ United Asia Fund สามารถสร้างผลตอบแทนได้อย่างโดดเด่นใน 2-3 ปีที่ผ่านมา นอกจากนี้การปรับสัดส่วนรายเดือนยังสามารถทำได้อย่างรวดเร็วเมื่อเที่ยบกับกองทุนที่ไม่ใช่ AI

เราเชื่อมั่นว่าการเปลี่ยนแปลงกลยุทธ์การลงทุนที่กล่าวมาเป็นการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างที่มีโอกาสสูงที่จะทำซ้ำต่อได้ในอนาคต จึงแนะนำซื้อ UOBSA

ดู Fund Fact Sheet กองทุนแนะนำ

 

สามารถศึกษารายละเอียดของกองทุนเพิ่มเติมได้ที่ https://www.finnomena.com/fund/
จัดทำโดยบลป. เดฟินิท สำหรับบลน. ฟินโนมีนา (Finnomena Funds)


คำเตือน

ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน | ผลการดำเนินงานในอดีต และผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต | ผู้ลงทุนอาจมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากการป้องกันความเสี่ยงขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้จัดการกองทุน | กองทุนรวมนี้ลงทุนกระจุกตัวในผู้ออกตราสารหรือประเทศใดประเทศหนึ่ง จึงมีความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนจำนวนมาก ผู้ลงทุนจึงควรพิจารณาการกระจายความเสี่ยงของ พอร์ตการลงทุนโดยรวมของตนเองด้วย | คำแนะนำการลงทุนนี้เป็นไปตามกรอบการพิจารณาของ Finnomena Funds ซึ่งมีเป้าหมายในการสร้างโอกาสรับผลตอบแทนในระยะเวลาตามแต่ละประเภทของพอร์ตเท่านั้น บริษัทมิได้การันตีถึงผลตอบแทนที่จะได้จากคำแนะนำการลงทุนดังกล่าว มีความเสี่ยงที่ผลตอบแทนอาจไม่เป็นไปตามคาดหวัง หรือมีผลขาดทุนได้ | สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน ฟินโนมีนา จำกัด ในช่วงเวลาวันทำการตั้งแต่ 09:00-17:00 น. ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 026 5100 และทาง LINE @FINNOMENAPORT | สำหรับผู้ลงทุนในความดูแลของ Kept by krungsri ติดต่อทีม Kept help center ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 296 6299

ดูกราฟ UOBSA

เมื่อกดปุ่ม “รับรายละเอียดเพิ่มเติม ” แสดงว่าคุณยินยอมให้บริษัท ฟินโนมีนา จำกัด และบริษัทในเครือ เก็บรวบรวมและใช้ข้อมูลเพื่อแนะนำบริการ แจ้งสิทธิประโยชน์ เป็นที่ปรึกษาการลงทุน ประชาสัมพันธ์ และดำเนินการที่เกี่ยวข้อง ศึกษานโยบายความเป็นส่วนตัว

UOBSA
ดูคลิปประกอบ
UOBSA
ความเห็นจาก Finnomena : แนะนำเข้าเก็งกำไรระยะสั้นกองทุนหุ้นยุโรป ONE-EUROEQ และ ABEG หลังดัชนีทำจุดสูงสุดใหม่ และเกิดสัญญาณปรับตัวเป็นขาขึ้นต่อเนื่อง

แนะนำเข้าลงทุนแบบเก็งกำไรระยะสั้นกองทุนหุ้นยุโรป ONE-EUROEQ และ ABEG รับดัชนีตลาดหุ้นยุโรปทำจุดสูงสุดใหม่ และเกิดสัญญาณปรับตัวเป็นขาขึ้นต่อเนื่อง

กราฟดัชนี STOXX Europe 600 (Timeframe Day)

Source: Tradingview as of 15/03/2024

ดัชนีตลาดหุ้นยุโรป (STOXX Europe 600) ปรับตัวเพิ่มขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่ พร้อมเกิดสัญญาณ Golden Cross (เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 50 วัน ตัดขึ้นเหนือเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 200 วัน) และกำลังเข้าสู่ Extension Wave 5

Mr.Messenger Call จึงแนะนำลงทุนในกองทุน ONE-EUROEQ และ ABEG ซึ่งมีค่า Correlation กับดัชนี STOXX EURO 600 ที่ 0.94 และ 0.72 โดยมีคำแนะนำ ดังนี้

  1. แนะนำเข้าลงทุนที่ดัชนี ไม่เกินระดับ 514 จุด (+2% จากระดับราคาวันที่ 15/03/2024) ซึ่งเป็นระดับราคาที่เราแนะนำให้พิจารณาชะลอการเข้าซื้อ (หยุดซื้อ) ภายใต้คำแนะนำ Tactical Call เนื่องจากทำให้ Risk/Reward ratio เข้าใกล้ระดับ 1:1
  2. แนะนำ Take Profit หรือขายทำกำไร เมื่อดัชนีถึง 563.9 จุด (Upside 12% จากระดับราคาวันที่ 15/03/2024 และ +9.5% จากจุดหยุดเข้าซื้อ) ซึ่งใกล้เคียงระดับ Fibonacci 161.8% ตาม Extension Wave 5 
  3. แนะนำ Limit Loss หรือตัดขาดทุนทันที เมื่อดัชนีปิดตลาดต่ำกว่า 465 จุดอย่างมีนัยยะ ซึ่งเป็นจุดต่ำสุดเดิมในปี 2024 (Downside -7.6% จากราคาวันที่ 15/03/2024 และ -9.5% จากจุดหยุดเข้าซื้อ) โดยเราอาจพิจารณาแนะนำ Trailing Stop ด้วยเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 20 วัน (20-day MA) โดยเราจะประเมินสถานการณ์และแจ้งให้ทราบอีกครั้ง

ONE-EUROEQ

กองทุนรวมหุ้นยุโรปที่ บริหารจัดการโดย ELEVA Capital ซึ่งเป็นบริษัทที่มีความชำนาญในการลงทุนในหุ้นยุโรป มีกระบวนวิเคราะห์หุ้นลักษณะ Bottom up โดยลงทุนในบริษัทที่มีศักยภาพการเติบโตระยะยาวและมีความสามารถในการแข่งขัน

ONE-EUROEQ Top HoldingMr.Messenger Call หุ้นยุโรปทำนิวไฮSource: Fund Fact Sheet ของกองทุน ONE-EUROEQ as of 31/1/2024

ABEG

กองทุนรวมหุ้นยุโรปบริหารโดย adrdn Investment ที่เน้นส่งเสริมบริษัทที่มีการคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมหรือสังคม แต่กองทุนหลักไม่ได้มีนโยบายการลงทุนที่จัดเป็นประเภทการลงทุนที่ยั่งยืน กองทุน ABEG จะมีความกระตุ้นมากกว่า ONE-EUROEQ โดยสัดส่วนการลงทุนใน Top 5 Holdings คิดเป็น 30.49%

ABEG Top HoldingMr.Messenger Call หุ้นยุโรปทำนิวไฮSource: Fund Fact Sheet ของกองทุน ABEG as of 31/1/2024

ค่า Correlation ช่วงเวลา 2 ปี ของกองทุน ONE-EUROEQ กับ ABEG เทียบกับดัชนี STOXX EURO 600

Mr.Messenger Call หุ้นยุโรปทำนิวไฮ

Mr.Messenger Call หุ้นยุโรปทำนิวไฮ

นักลงทุนที่เหมาะกับคำแนะนำนี้ ระยะสั้นนี้ควร…

  1. เป็นนักลงทุนที่มีเงินสด หรือสภาพคล่องส่วนเกิน และรับความผันผวนได้สูง
  2. ใช้เงินลงทุนในสัดส่วนไม่เกิน 10% ของภาพรวมพอร์ตการลงทุนทั้งหมด
  3. นักลงทุนต้องยอมรับการ Limit Loss หรือ การตัดขาดทุนได้ทันที

ดู Fund Fact Sheet กองทุนแนะนำ

 

ามารถศึกษารายละเอียดของกองทุนเพิ่มเติมได้ที่ https://www.finnomena.com/fund/ 
จัดทำโดยบลป.เดฟินิท สำหรับบลน. ฟินโนมีนา (Finnomena Funds)


คำเตือน

ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน | ผลการดำเนินงานในอดีต และผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต | ผู้ลงทุนอาจมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากการป้องกันความเสี่ยงขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้จัดการกองทุน | กองทุนรวมนี้ลงทุนกระจุกตัวในผู้ออกตราสารหรือประเทศใดประเทศหนึ่ง จึงมีความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนจำนวนมาก ผู้ลงทุนจึงควรพิจารณาการกระจายความเสี่ยงของ พอร์ตการลงทุนโดยรวมของตนเองด้วย | คำแนะนำการลงทุนนี้เป็นไปตามกรอบการพิจารณาของ Finnomena Funds ซึ่งมีเป้าหมายในการสร้างโอกาสรับผลตอบแทนในระยะเวลาตามแต่ละประเภทของพอร์ตเท่านั้น บริษัทมิได้การันตีถึงผลตอบแทนที่จะได้จากคำแนะนำการลงทุนดังกล่าว มีความเสี่ยงที่ผลตอบแทนอาจไม่เป็นไปตามคาดหวัง หรือมีผลขาดทุนได้ | สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน ฟินโนมีนา จำกัด ในช่วงเวลาวันทำการตั้งแต่ 09:00-17:00 น. ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 026 5100 และทาง LINE @FINNOMENAPORT | สำหรับผู้ลงทุนในความดูแลของ Kept by krungsri ติดต่อทีม Kept help center ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 296 6299

ดูกราฟ ONE-EUROEQ

เมื่อกดปุ่ม “รับรายละเอียดเพิ่มเติม ” แสดงว่าคุณยินยอมให้บริษัท ฟินโนมีนา จำกัด และบริษัทในเครือ เก็บรวบรวมและใช้ข้อมูลเพื่อแนะนำบริการ แจ้งสิทธิประโยชน์ เป็นที่ปรึกษาการลงทุน ประชาสัมพันธ์ และดำเนินการที่เกี่ยวข้อง ศึกษานโยบายความเป็นส่วนตัว

ONE-EUROEQ
ดูคลิปประกอบ
ONE-EUROEQ
Fundtalk call KT-ENERGY
ความเห็นจาก Finnomena : แนะนำโอกาสการลงทุนครั้งใหม่จากราคาน้ำมันที่ปรับตัวขึ้น ผ่านกองทุน KT-ENERGY

FundTalk Contrarian Portfolio Update แนะนำขายทำกำไรในหุ้นสหรัฐฯ พร้อมหาโอกาสการลงทุนใหม่จากราคาน้ำมันที่ปรับตัวขึ้น ผ่านกองทุน KT-ENERGY ซึ่งลงทุนในหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมพลังงานทั่วโลก

นับตั้งแต่ปี 2023 มาจนถึงปัจจุบัน เป็นช่วงเวลาที่ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ทำผลตอบแทนได้อย่างโดดเด่น โดยดัชนี S&P500 มีผลตอบแทน 1 ปีย้อนหลังอยู่ที่ 32.9% นำโดยหุ้นกลุ่ม Magnificent 7 ที่มีแนวโน้มเป็นขาขึ้นมาตั้งแต่ปี 2023 FundTalk มีมุมมองว่าตลาดหุ้นสหรัฐฯ โดยเฉพาะหุ้นเติบโต ในระยะสั้นอาจเกิดการปรับฐานแบบ Healthy Correction หลังจากตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ที่ประกาศออกมาในช่วงเดือนมีนาคม ส่งสัญญาณว่าเงินเฟ้ออาจกลับมาอีกระลอก และธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) อาจมีการปรับเปลี่ยนการดำเนินนโยบายการเงินให้เข้มงวดมากขึ้น

FundTalk จึงแนะนำขายทำกำไรกองทุน MEGA10-A ซึ่งลงทุนในหุ้นขนาดใหญ่ 10 ตัวของสหรัฐฯ ในหลากหลายอุตสาหกรรม

Fundtalk call KT-ENERGYผลการดำเนินงานย้อนหลัง 1 ปี ของกองทุนหุ้นสหรัฐฯ
Source: Finnomena Funds as of 15/03/2024

โดยกองทุนดังกล่าวมีผลตอบแทนย้อนหลัง 1 ปี อยู่ที่ 50.48% โดดเด่นเหนือกองทุนหุ้นสหรัฐฯ กองอื่นทั้งหมดในรอบปีที่ผ่านมา ผลตอบแทนดังกล่าวนำโดยหุ้นในกลุ่ม Magnificent 7 ยกตัวอย่างเช่น Meta และ Amazon ที่มีผลตอบแทนย้อนหลัง 1 ปีอยู่ที่ 162% และ 90.5% ตามลำดับ ผสมกับหุ้นในอุตสาหกรรมอื่น ๆ ที่มีลักษณะเป็นผู้นำตลาด เช่น ผู้ให้บริการเครือข่ายชำระเงินเจ้าใหญ่อย่าง Mastercard ที่มีผลตอบแทนย้อนหลัง 1 ปีอยู่ที่ 35% และธนาคารที่ใหญ่ที่สุดของสหรัฐ J.P.Morgan Chase & Co. ที่มีผลตอบแทนย้อนหลัง 1 ปีอยู่ที่ 43%

อย่างไรก็ดี กองทุนดังกล่าวมีลงทุนที่กระจุกตัว (ลงทุนในหุ้นเพียง 10 ตัว) และหุ้นหลายตัวในพอร์ตการลงทุน เป็นหุ้นที่มีลักษณะเติบโต ซึ่งจะมีความผันผวนสูง โดยเฉพาะในช่วงที่มีความไม่แน่นอนในการดำเนินนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ หลังจากตัวเลขการเติบโตรายปี (YoY Growth) ของดัชนีราคาสินค้าผู้บริโภค (Consumer Price Index: CPI) ของสหรัฐฯ ล่าสุดประกาศออกมาที่ 3.2% ซึ่งสูงกว่าที่คาด ทำให้มีความกังวลเกี่ยวกับความไม่แน่นอนในการดำเนินนโยบายการเงิน ปัจจัยดังกล่าวอาจส่งผลให้หุ้นในพอร์ตของกองทุน MEGA10-A เกิดการปรับฐาน จึงแนะนำขายทำกำไรกองทุนดังกล่าวออกมาก่อน อย่างไรก็ดี พอร์ต Contrarian Portfolio ยังคงมีสัดส่วนการลงทุนในหุ้นสหรัฐฯ ผ่านกองทุน AFMOAT-HA อยู่

ราคาน้ำมันมีแนวโน้มปรับตัวขึ้นจากปัจจัยพื้นฐานที่เปลี่ยนแปลง

Fundtalk call KT-ENERGYคาดการณ์อุปสงค์/อุปทานน้ำมันในปี 2024
Source: IEA as of 14/03/2024

จากรายงานขององค์กรพลังงานระหว่างประเทศ (International Energy Agency: IEA) ฉบับล่าสุด ณ วันที่ 14 มีนาคม 2024 ที่ผ่านมา IEA คาดว่าภาพรวมอุปสงค์น้ำมันทั่วโลกในไตรมาสแรกของปี 2024 จะเพิ่มสูงขึ้น เกินกว่าตัวเลขที่เคยประมาณไว้ก่อนหน้านี้ที่ 1.7 ล้านบาร์เรลต่อวัน โดยมีสาเหตุหลักมาจากอุปสงค์น้ำมันของสหรัฐฯ ที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในภาคการขนส่งทางน้ำที่มีความต้องการใช้น้ำมันที่สูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ในฝั่งของการผลิตน้ำมัน IEA คาดการณ์ว่าปริมาณการผลิตน้ำมันทั่วโลกในไตรมาสแรกของปี 2024 จะลดลงในอัตรา 8.7 แสนบาร์เรลต่อวัน

โดยมีสาเหตุมาจากการประกาศลดกำลังการผลิตน้ำมันของกลุ่มประเทศ OPEC+ โดย IEA ประเมินว่าสถานการณ์ปริมาณน้ำมันโลกในปัจจุบัน กลับมาอยู่ในสภาวะ deficit (ปริมาณน้ำมันที่ผลิตได้ มีน้อยกว่าความต้องการน้ำมัน) อีกครั้ง หลังจากก่อนหน้านี้สถานการณ์อยู่ในภาวะ surplus (ปริมาณน้ำมันที่ผลิตได้มีมากกว่าความต้องการน้ำมัน)

Fundtalk call KT-ENERGYกราฟราคาน้ำมันดิบ WTI
Source: Finnomena Funds as of 15/03/2024

การเปลี่ยนแปลงของปัจจัยพื้นฐาน ทั้งในมุมของการลดกำลังการผลิต และความต้องการน้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้น ส่งผลให้ราคาน้ำมันมีแนวโน้มปรับตัวขึ้น โดยล่าสุด (14 มีนาคม 2024) ราคาน้ำมันดิบ WTI ปรับตัวขึ้นมาอยู่ในระดับ 81 ดอลลาร์สหรัฐฯ แล้ว และจากการวิเคราะห์ทางเทคนิค เราเชื่อว่า WTI จะยังคงเป็นแนวโน้มขาขึ้นต่อไป

FundTalk มีมุมมองที่ดีขึ้นต่อราคาพลังงาน จึงแนะนำลงทุนในกองทุน KT-ENERGY ซึ่งลงทุนใน BGF World Energy Fund บริหารกองทุนโดย BlackRock

กองทุนดังกล่าวลงทุนในหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมพลังงานทั่วโลก โดยหุ้นที่กองทุนลงทุนจะต้องดำเนินธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมพลังงาน ไม่ว่าจะเป็นการสำรวจและผลิต ธุรกิจโรงกลั่น หรือธุรกิจอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยปกติแล้วหุ้นในกลุ่มอุตสาหกรรมพลังงานมักได้ประโยชน์จากราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวสูงขึ้น โดยหน่วยลงทุนของกองทุน BGF World Energy Fund มีราคาเคลื่อนไหวไปตามความเคลื่อนไหวของราคาน้ำมันดิบเช่นกัน นักลงทุนจึงสามารถลงทุนผ่านกองทุนดังกล่าว เพื่อให้ได้ประโยชน์จากราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวสูงขึ้นได้

Fundtalk call KT-ENERGYหุ้น 10 ตัวแรกในพอร์ตการลงทุน BGF World Energy Fund
Source: BlackRock as of 29/02/2024

หุ้น 10 ตัวแรกในกองทุน BGF World Energy Fund ประกอบไปด้วยหุ้นพลังงานขนาดใหญ่จากหลากหลายภูมิภาค เช่น อังกฤษ (Shell PLC และ BP PLC) สหรัฐอเมริกา (Exxon Mobil Corp และ Chevron Corp) และยุโรป (TotalEnergies SE)

สรุปการปรับสัดส่วน FundTalk Contrarian Portfolio

FundTalk มีคำแนะนำปรับสัดส่วนใน FundTalk Contrarian Portfolio โดยมีสัดส่วนใหม่ ดังนี้ 

Fundtalk call KT-ENERGYสัดส่วนการลงทุนใหม่ใน FundTalk Contrarian Portfolio
Source: Finnomena Funds as of 15/03/2024

  • ขายทำกำไรกองทุน MEGA10-A ทั้งหมด (10%)
  • เข้าซื้อกองทุน KT-ENERGY 10%

ดู Fund Fact Sheet กองทุนแนะนำ

 

จัดทำโดยบลป. เดฟินิท สำหรับบลน. ฟินโนมีนา (Finnomena Funds)


คำเตือน

ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน | ผลการดำเนินงานในอดีต และผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต | ผู้ลงทุนอาจมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากการป้องกันความเสี่ยงขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้จัดการกองทุน | กองทุนรวมนี้ลงทุนกระจุกตัวในผู้ออกตราสารหรือประเทศใดประเทศหนึ่ง จึงมีความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนจำนวนมาก ผู้ลงทุนจึงควรพิจารณาการกระจายความเสี่ยงของ พอร์ตการลงทุนโดยรวมของตนเองด้วย | คำแนะนำการลงทุนนี้เป็นไปตามกรอบการพิจารณาของ Finnomena Funds ซึ่งมีเป้าหมายในการสร้างโอกาสรับผลตอบแทนในระยะเวลาตามแต่ละประเภทของพอร์ตเท่านั้น บริษัทมิได้การันตีถึงผลตอบแทนที่จะได้จากคำแนะนำการลงทุนดังกล่าว มีความเสี่ยงที่ผลตอบแทนอาจไม่เป็นไปตามคาดหวัง หรือมีผลขาดทุนได้ | สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน ฟินโนมีนา จำกัด ในช่วงเวลาวันทำการตั้งแต่ 09:00-17:00 น. ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 026 5100 และทาง LINE @FINNOMENAPORT | สำหรับผู้ลงทุนในความดูแลของ Kept by krungsri ติดต่อทีม Kept help center ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 296 6299

ดูกราฟ KT-ENERGY

เมื่อกดปุ่ม “รับรายละเอียดเพิ่มเติม ” แสดงว่าคุณยินยอมให้บริษัท ฟินโนมีนา จำกัด และบริษัทในเครือ เก็บรวบรวมและใช้ข้อมูลเพื่อแนะนำบริการ แจ้งสิทธิประโยชน์ เป็นที่ปรึกษาการลงทุน ประชาสัมพันธ์ และดำเนินการที่เกี่ยวข้อง ศึกษานโยบายความเป็นส่วนตัว

KT-ENERGY
ดูคลิปประกอบ
KT-ENERGY
Take Profit กองทุน SCBNEXT(A)
ความเห็นจาก Finnomena : แนะนำขายทำกำไรในกองทุน SCBNEXT(A) หลังกองทุนปรับเพิ่มขึ้น +9.5% จากการแนะนำเข้าลงทุนเมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2023

แนะนำขายทำกำไรในกองทุน SCBNEXT(A) สำหรับนักลงทุนที่เน้นเก็งกำไรระยะสั้น และพักเงินไว้ที่กองทุนตลาดเงิน KKP MP หรืออาจพิจารณาเข้าลงทุนใหม่เพื่อเก็งกำไรต่อในกองทุนหุ้นจีนอย่าง B-CHINE-EQ และ K-CHINA-A(A) หรือกองทุนตราสารหนี้สกุลเงินดอลลาร์ TUSFIX และ ABGFIX

ก่อนหน้านี้ Mr.Messenger Call ได้ออกคำแนะนำเข้าลงทุน ARKW เตรียมพุ่งทะยาน หลังผ่านหลายแนวต้านสำคัญ เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2023 หลังจากแนะนำพบว่าราคา ARKW ETF (กองทุนหลักของ  SCBNEXT(A)) ปรับตัวเพิ่มขึ้น +11% (ข้อมูล ณ 12 มีนาคม) ขณะที่กองทุน SCBNEXT(A) +9.5% หลังจากแนะนำเข้าลงทุน (NAV ล่าสุด ณ 11 มีนาคม) 

แม้ราคาของกองทุนหลักยังไม่ถึงจุด Take Profit ที่ระบุไว้ แต่เรามองว่าในระยะยาวข้างหน้ามีโอกาสที่ตลาดหุ้นสหรัฐฯ อาจพักตัวลงในช่วงสั้น ๆ โดยเฉพาะในกลุ่มหุ้นเติบโตสูง Mr.Messenger Call จึงแนะนำ take profit กองทุน SCBNEXT(A) เพื่อล็อกกำไร สำหรับนักลงทุนที่ลงทุนตามคำแนะนำ โดยแนะนำพักเงินไว้ที่กองทุน Money Market Fund อย่างกองทุน KKP MP หรืออาจพิจารณาเข้าลงทุนใหม่ตามคำแนะนำ Mr.Messenger Tactical Call ดังนี้: 

 

ามารถศึกษารายละเอียดของกองทุนเพิ่มเติมได้ที่ https://www.finnomena.com/fund/ 
จัดทำโดยบลป.เดฟินิท สำหรับบลน. ฟินโนมีนา (Finnomena Funds)


คำเตือน

ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน | ผลการดำเนินงานในอดีต และผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต | ผู้ลงทุนอาจมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากการป้องกันความเสี่ยงขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้จัดการกองทุน | กองทุนรวมนี้ลงทุนกระจุกตัวในผู้ออกตราสารหรือประเทศใดประเทศหนึ่ง จึงมีความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนจำนวนมาก ผู้ลงทุนจึงควรพิจารณาการกระจายความเสี่ยงของ พอร์ตการลงทุนโดยรวมของตนเองด้วย | คำแนะนำการลงทุนนี้เป็นไปตามกรอบการพิจารณาของ Finnomena Funds ซึ่งมีเป้าหมายในการสร้างโอกาสรับผลตอบแทนในระยะเวลาตามแต่ละประเภทของพอร์ตเท่านั้น บริษัทมิได้การันตีถึงผลตอบแทนที่จะได้จากคำแนะนำการลงทุนดังกล่าว มีความเสี่ยงที่ผลตอบแทนอาจไม่เป็นไปตามคาดหวัง หรือมีผลขาดทุนได้ | สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน ฟินโนมีนา จำกัด ในช่วงเวลาวันทำการตั้งแต่ 09:00-17:00 น. ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 026 5100 และทาง LINE @FINNOMENAPORT | สำหรับผู้ลงทุนในความดูแลของ Kept by krungsri ติดต่อทีม Kept help center ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 296 6299

ดูกราฟ SCBNEXT(A)

เมื่อกดปุ่ม “รับรายละเอียดเพิ่มเติม ” แสดงว่าคุณยินยอมให้บริษัท ฟินโนมีนา จำกัด และบริษัทในเครือ เก็บรวบรวมและใช้ข้อมูลเพื่อแนะนำบริการ แจ้งสิทธิประโยชน์ เป็นที่ปรึกษาการลงทุน ประชาสัมพันธ์ และดำเนินการที่เกี่ยวข้อง ศึกษานโยบายความเป็นส่วนตัว

SCBNEXT(A)
ดูคลิปประกอบ
SCBNEXT(A)

KAsset Global Perspective ปรับพอร์ตไตรมาส 2 ปี 2024 รับสถานการณ์ที่เปลี่ยนไป โดยล่าสุดสถานการณ์การลงทุนมีการเปลี่ยนแปลงคือ

– ต้องจับตาเรื่องเงินเฟ้อโดยเฉพาะในฝั่ง Service โดยตลาดเริ่มมองว่า Fed อาจยังไม่ลดดอกเบี้ยปีนี้

– กำไรบริษัทจดทะเบียน มีแนวโน้มกระจายไป sector อื่น นอกจาก Tech มากขึ้น

– ยุโรปน่าสนใจเพราะ PMI ผ่าน Bottom ไปแล้ว ประกอบกับเงินเฟ้อที่ลดลง และ ECB พร้อมลดดออกเบี้ย แถมยังได้อัปเกรด EPS ของบริษัทต่าง ๆ ขึ้น

– ขณะที่ญี่ปุ่นมีแนวโน้มนโยบายการเงินผ่อนคลายน้อยลง ส่วนอินเดียยังโตแกร่งแต่ระดับราคาค่อนข้างสูง

สรุปออกมาเป็นมุมมองการลงทุนคือ

– ในระยะสั้น ระมัดระวังขึ้นจากเรื่องสงคราม ราคาน้ำมัน และ Yield พันธบัตร ตลอดจนท่าทีของ Fed

– ในระยะยาว Geopolitical risk ไม่ส่งผลต่อผลตอบแทนแบบมีนัยยะ

– แต่ Geopolitical risk ที่เกิดบ่อยและถี่ ก็ทำให้กระจายความเสี่ยงสำคัญมาก

– ลดน้ำหนักการลงทุนในหุ้นเทคฯ อเมริกา และเพิ่มการลงทุนในตราสารหนี้ระยะสั้น

– มีมุมมองเชิงบวกต่อยุโรปมากขึ้น

ส่องการปรับพอร์ตช่วงไตรมาส 2 ของ KAsset Global Perspective

1. กลยุทธ์ในส่วนของ Core Port เพื่อลงทุนระยะยาว

Overweight ตราสารหนี้ 

  • กรอบตราสารหนี้ไทย สิบปี พันธบัตรรัฐบาล อยู่ที่ 2.30 – 2.70% คาดว่า ธปท. จะลดดอกเบี้ย 2 ครั้งในครึ่งปีหลัง
  • สําหรับตราสารหนี้ไทย ระยะยาว แนะนําสะสม K-FIXEDPLUS
  • กรอบตราสารหนี้สหรัฐฯ สิบปีพันธบัตรรัฐบาล อยู่ที่ 3.5 -4.25% แนะนําทยอยสะสมกอง K-GDBOND

Overweight ตราสารทุน 

  • แนะนําทยอยลงทุนในประเทศที่การเติบโตแข็งแกร่ง K-USA, K-INDIA
  • ทยอยเข้าลงทุน เพื่อกระจายความเสี่ยงใน K-JPX, K-EUX
  • Downside risk จํากัด แนะนํากองทุน K-CHX, K-STAR, K-VALUE

Neutral สินทรัพย์ทางเลือก 

  • แนะนําลงทุนใน K-GOLD 3% ในพอร์ตเพื่อกระจายความเสี่ยง
  • มีมุมมองเชิงบวกต่อ REITS แนะนํา K-PROPI

2. กลยุทธ์ในส่วนของ Satellite Port ปรับพอร์ตในไตรมาสสอง

Return Seeking Satellite เพื่อหาผลตอบแทนเพิ่มเติมในระยะสั้น

  • มีการปรับขาย K-GTECH เนื่องจากให้ผลตอบแทนที่ค่อนข้างดีมาตั้งแต่ต้นปี มองว่าจะเข้ารอบย่อ จากการที่ตลาด repricing ใหม่ เรื่องการลดดอกเบี้ยของเฟด
  • ซื้อ K-SF เป็นกองทุนตราสารหนี้ระยะสั้น มองว่าบอนด์ยิลด์ไทย น่าจะยังเป็นขาลง และจะให้ผลตอบแทนที่ดีเมื่อ ธปท. ลดดอกเบี้ย

Diversifier Satellite เพื่อกระจายความเสี่ยงจาก Core Portfolio

  • K-GHEALTH คงเดิม แนะนําเข้าลงทุน หรือทยอยสะสม เพื่อกระจายความเสี่ยงได้
  • K-HIT คงเดิม แนะนําเข้าลงทุน หรือทยอยสะสม เพื่อกระจายความเสี่ยงได้

แนะนำ Global Perspective Portfolio by KAsset

หากใครสนใจการลงทุนในพอร์ตที่มีนโยบายแบบ Multi Asset วันนี้ FINNOMENA FUNDS ขอแนะนำ Global Perspective Portfolio by KAsset ช่วยสร้างผลตอบแทนระยะยาวผ่านพอร์ตการลงทุนที่มีการกระจายลงทุนเป็นอย่างดี

Global Perspective Portfolio by KAsset ใช้แนวคิด Core-Satellite portfolio คือ

มี Core Portfolio (80%) เป็นพอร์ตหลักที่ถือไปยาว ๆ 

มี Satellite Portfolio (20%) เป็นพอร์ตที่ช่วยสร้างโอกาสผลตอบแทนในระยะสั้นกว่า

 

ความพิเศษคือในส่วนของ Satellite Portfolio จะมีการแบ่งย่อยเป็น 2 ส่วนอีก คือ 

– Return-seeking Satellite (10%) ช่วยหาโอกาสผลตอบแทนเพิ่มเติม

– Diversifying Satellite (10%) ช่วยกระจายความเสี่ยง มี correlation กับ Core Port ต่ำ

 

นอกจากนี้ Global Perspective Portfolio by KAsset ยังมีการผสานมุมมองการลงทุนจาก J.P. Morgan Asset Management ซึ่งเป็นบลจ. ระดับโลกเข้ามาอีกด้วย

อ่านข้อมูลของ Global Perspective Portfolio by KAsset เพิ่มเติม : https://finno.me/global-perspective-port 


นักลงทุนสายจัดพอร์ต สามารถติดตามรายการใหม่ “Portfolio Mastery – รีวิวทุกข้อมูลพอร์ตการลงทุนที่คุณถือ” ได้ทุกวันพฤหัสบดี เวลา 1 ทุ่มตรง!

‍‍‍‍รายการที่จะนำทุกพอร์ตการลงทุนของ FINNOMENA มาทำการ review เชิงลึกให้นักลงทุนได้ติดตามความเคลื่อนไหวและมุมมองการลงทุน พร้อมกลยุทธ์ที่ใช้ในอนาคต รวมถึงแนะนำพอร์ตการลงทุนที่เหมาะสมในแต่ละช่วง

โดยคุณกิ๊ก กสิณ สุธรรมมนัส หรือ Coach Gigs – The Global Allocation และคุณหยง วศิน ปริธัญ – The Long-term Growth

‍‍‍‍‍‍สำหรับ EP. ล่าสุดเรื่อง Global Perspective Portfolio by KAsset รับชมย้อนหลังได้ที่ https://www.youtube.com/live/OYIfxtk8s6E?si=cFPwrUsQBU9xiEfB 


คำเตือน

ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน | ผลการดำเนินงานในอดีต และผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต | ผู้ลงทุนอาจมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากการป้องกันความเสี่ยงขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้จัดการกองทุน | คำแนะนำการลงทุนนี้เป็นไปตามกรอบการพิจารณาของ FINNOMENA FUNDS ซึ่งมีเป้าหมายในการสร้างโอกาสรับผลตอบแทนในกรอบระยะเวลาตามวัตถุประสงค์การลงทุนที่แตกต่างกันตามคำแนะนำ | บริษัทมิได้การันตีถึงผลตอบแทนที่จะได้จากคำแนะนำการลงทุนดังกล่าว มีความเสี่ยงที่ผลตอบแทนอาจไม่เป็นไปตามคาดหวัง หรือมีผลขาดทุนได้ | สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน ฟินโนมีนา จำกัด ในช่วงเวลาวันทำการตั้งแต่ 09:00-17:00 น. ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 026 5100 และทาง LINE @FINNOMENAPORT | สำหรับผู้ลงทุนในความดูแลของ Kept by Krungsri ติดต่อทีม Kept help center ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 296 6299

ดูกราฟ -

เมื่อกดปุ่ม “รับรายละเอียดเพิ่มเติม ” แสดงว่าคุณยินยอมให้บริษัท ฟินโนมีนา จำกัด และบริษัทในเครือ เก็บรวบรวมและใช้ข้อมูลเพื่อแนะนำบริการ แจ้งสิทธิประโยชน์ เป็นที่ปรึกษาการลงทุน ประชาสัมพันธ์ และดำเนินการที่เกี่ยวข้อง ศึกษานโยบายความเป็นส่วนตัว

ดูคลิปประกอบ
เปรียบเทียบกองทุนหุ้นยุโรป
ความเห็นจาก Finnomena : สรุปความน่าสนใจของตลาดหุ้นยุโรป พร้อมกองทุนแนะนำซึ่งตอบโจทย์เป้าหมายที่แตกต่างกัน

Highlight


เวลาพูดถึงกองทุนหุ้นยุโรป มักจะไม่ค่อย Mass ในสายตาคนส่วนใหญ่ เพราะใน Developed Markets นั้นถูกดึงโฟกัสไปที่สหรัฐอเมริกาและญี่ปุ่นซะเยอะ แถมยังมี Emerging Markets ซึ่งร้อนแรงในหลายประเทศไล่มาตั้งแต่จีน เกาหลีใต้ เวียดนาม และอินเดีย เป็นต้น

แต่ดูเหมือนว่าปี 2024 นี้ ภาพดังกล่าวจะต่างออกไป หุ้นยุโรปกำลังถูกสปอร์ตไลท์ส่องมากขึ้น ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลด้านราคาหุ้นที่ดัชนี EURO STOXX 600 ปรับตัวเพิ่มขึ้นกว่า 7% นับตั้งแต่ต้นปี

ตลอดจนภาวะเศรษฐกิจยุโรปที่กำลังผ่านพ้นจุดต่ำสุดไปแล้ว ไม่ว่าจะเป็นปัญหาความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ ราคาพลังงาน เงินเฟ้อ และภาวะเศรษฐกิจถดถอยที่เริ่มคลี่คลาย ทำให้เวลานี้หุ้นยุโรปถูกพูดถึงมากขึ้นทีเดียว

ตลาดหุ้นยุโรป ทำไมจึงน่าสนใจ?

1.) เศรษฐกิจยุโรปผ่านจุดต่ำสุดแล้ว หลุดพ้นจาก Technical Recession และอยู่ในแนวโน้มฟื้นตัวขึ้นเรื่อย ๆ ตั้งแต่ไตรมาส 1 ปี 2024 สะท้อนจากประมาณการเติบโต GDP, การบริโภคภาคครัวเรือน, การลงทุนภาครัฐ, ตัวเลขการผลิตภาคอุตสาหกรรม และอัตราการว่างงาน

2.) โอกาสการลดดอกเบี้ยที่เร็วและแรงของธนาคารกลางยุโรป (ECB) ถือว่ามีโอกาสสูงที่ ECB จะเป็นธนาคารกลางหลักแห่งแรกที่ตัดสินใจลดอัตราดอกเบี้ย เพราะเงินเฟ้อที่ชะลอตัวลงได้เร็วกว่าฝั่งสหรัฐฯ

3.) แม้ดัชนีหุ้นทำ New High แต่กำไรเติบโต หนุนให้ PE ไม่แพงอย่างที่คิด โดยดัชนี EURO STOXX 600 ณ วันที่ 01/04/2024 PE อยู่ที่ 14.05 เท่า มองในมิติ Valuation ยังถูกเมื่อเทียบกับหุ้นโลก

สรุปมุมมองการลงทุนหุ้นยุโรป

มุมมองการลงทุนหลักของ Finnomena Funds เริ่ม Overweight ตลาดหุ้นยุโรปมาตั้งแต่ต้นปี หลังเห็นสัญญาณบวกจากฝั่งยุโรปมากขึ้น ทั้งทิศทางเศรษฐกิจ แนวโน้มดอกเบี้ย และ Valuation ที่ยังถูกกว่า Developed Markets อื่น ๆ

กลยุทธ์การลงทุนในระยะยาวตามกรอบการพิจารณา MEVT Call จึงแนะนำ “ทยอยสะสม” กองทุน ONE-EUROEQ 

ส่วนมุมมองการลงทุนระยะสั้น-กลาง ซึ่งเน้นเก็งกำไรตามสัญญาณทางเทคนิคในตลาดขาขึ้นของ Mr.Messenger Call ก็มีมุมมองเชิงบวกต่อหุ้นยุโรปเช่นกัน หลังเกิดสัญญาณ Golden Cross จึงแนะนำ “ซื้อ” กองทุน ONE-EUROEQ และ ABEG

นอกจากนี้ Finnomena Pick ก็มีกองทุนแนะนำ Passive Fund เพื่อตอบโจทย์ผู้ที่ชื่นชอบลงทุนล้อตามดัชนี และมีค่าธรรมเนียมที่ต่ำอย่าง กองทุน SCBEUEQA

รีวิวกองทุนหุ้นยุโรป เลือกอย่างไรดี?

เปรียบเทียบกองทุนหุ้นยุโรป

คราวนี้อยากจะพามาเจาะรายละเอียดของแต่ละกองทุนที่เราแนะนำกันว่ามีนโยบายการลงทุนอย่างไร มีความแตกต่างกันในแง่มุมไหนบ้าง และเหมาะกับสไตล์การลงทุนแบบไหน มาดูกันเลย

ONE-EUROEQ

เปรียบเทียบกองทุนหุ้นยุโรปSource: Finnomena Funds as of 09/04/2024

นโยบายการลงทุน: กองทุนรวมหุ้นยุโรปที่ลงทุนผ่านกองทุนหลัก Eleva European Selection Fund ไม่น้อยกว่า 80% ของ NAV โดยใช้กระบวนการวิเคราะห์หุ้นแบบ Bottom up เพื่อลงทุนในบริษัทที่มีศักยภาพการเติบโตระยะยาวและมีความสามารถในการแข่งขัน

จุดเด่น: เป็นกองทุนที่พยายามมองหาเพชรในตมที่ราคาไม่แพง แต่มีศักยภาพการเติบโตในระยะยาว ด้วยการบริหารของ Eleva Capital ซึ่งเป็น Fund House ที่มีความชำนาญในการวิเคราะห์หุ้นยุโรป และมี Track Record ที่ดี สามารถเอาชนะดัชนี STOXX 600 ได้กว่า 10% ตั้งแต่จัดตั้งกองทุน

หุ้น Top 10 Holding (คิดเป็นสัดส่วน 35.92% ของพอร์ต)

  1. Novo Nordisk สัดส่วน 5.51%
  2. ASML Holding สัดส่วน 4.40%
  3. Nestle สัดส่วน 4.07%
  4. Novartis สัดส่วน 3.68%
  5. TotalEnergies สัดส่วน 3.48%
  6. UniCredit สัดส่วน 3.23%
  7. AXA สัดส่วน 3.20%
  8. L’Oreal สัดส่วน 2.88%
  9. Rio Tinto สัดส่วน 2.78%
  10.  Infineon Technologies สัดส่วน 2.67%

ABEG

เปรียบเทียบกองทุนหุ้นยุโรปSource: Finnomena Funds as of 09/04/2024

นโยบายการลงทุน: กองทุนรวมหุ้นยุโรปที่ลงทุนผ่านกองทุนหลัก abrdn SICAV I – European Sustainable Equity Fund ไม่น้อยกว่า 80% ของ NAV โดยมุ่งเน้นลงทุนในบริษัทขนาดใหญ่แบบ High Conviction 

จุดเด่น: เน้นลงทุนหุ้นยุโรปแบบ High Conviction ภาพรวมของพอร์ตจึงจะกระจุกอยู่ในหุ้นขนาดใหญ่ในสัดส่วนที่สูง เช่น The 11 GRANOLAS Stock ทำให้สามารถเร่งผลตอบแทนได้แรงกว่าในช่วงที่ตลาดเป็นขาขึ้น

หุ้น Top 10 Holding (คิดเป็นสัดส่วน 50.08% ของพอร์ต)

  1. ASML Holding สัดส่วน 8.10%
  2. Novo Nordisk สัดส่วน 7.49%
  3. RELX สัดส่วน 5.02%
  4. LVHM สัดส่วน 4.85%
  5. London Stock Exchange Group สัดส่วน 4.46%
  6. Adyen สัดส่วน 4.41%
  7. L’Orea สัดส่วน 4.26%
  8. Schneider Electric สัดส่วน 4.10%
  9. SAP สัดส่วน 3.84%
  10.  Edenred สัดส่วน 3.54%

SCBEUEQA

เปรียบเทียบกองทุนหุ้นยุโรปSource: Finnomena Funds as of 09/04/2024

นโยบายการลงทุน: กองทุนหุ้นยุโรปแบบ Passive Fund ที่ลงทุนผ่าน iShares STOXX Europe 600 (DE) เพื่อเป้าหมายได้รับผลตอบแทนใกล้เคียงกับการเคลื่อนไหวของดัชนี STOXX 600

จุดเด่น: เหมาะกับผู้ที่อยากกระจายความเสี่ยงไปในหุ้นยุโรปที่หลากหลาย เคลื่อนไหวสอดคล้องตามดัชนี และมีค่าธรรมเนียมที่ต่ำ

หุ้น Top 10 Holding (คิดเป็นสัดส่วน 21.40% ของพอร์ต)

  1. Novo Nordisk สัดส่วน 3.67%
  2. ASML Holding สัดส่วน 3.32%
  3. Nestle สัดส่วน 2.42%
  4. LVHM สัดส่วน 2.05%
  5. Shell สัดส่วน 1.79%
  6. AstraZeneca สัดส่วน 1.75%
  7. Novartis สัดส่วน 1.73%
  8. SAP สัดส่วน 1.67%
  9. Roche Holding สัดส่วน 1.65%
  10.  TotalEnergies สัดส่วน 1.35%

เปรียบเทียบกองทุนหุ้นยุโรป ONE-EUROEQ vs ABEG vs SCBEUEQA

เปรียบเทียบกองทุนหุ้นยุโรปกราฟแสดงผลตอบแทนกองทุนหุ้นยุโรปตั้งแต่ต้นปี ถึงวันที่ 9 เมษายน 2024
Source: Finnomena Funds as of 09/04/2024

สามารถดูข้อมูลการเปรียบเทียบเทียบกองทุนแบบครบทุกมิติ ทั้งผลตอบแทน ความผันผวน ความเสี่ยง นโยบายการลงทุน พอร์ตการลงทุน และค่าธรรมเนียม คลิกที่ที่

สรุปแล้วทั้ง 3 กองทุนถือเป็นกองทุนหุ้นยุโรปที่มีสไตล์แตกต่างกันชัดเจน … ใครชอบหาโอกาสในหุ้นที่ยังโตไม่เยอะ แต่มีศักยภาพรอวันฉายแสง แนะนำ ONE-EUROEQ … ใครชอบแนวคัดตัวเด่นเน้น ๆ อยากรีดพลังของการเติบโตแบบเต็มที่ในช่วงขาขึ้น แบบนี้ต้อง ABEG … ส่วนถ้าใครที่รับความเสี่ยงได้ไม่มาก อยากลงทุนแบบกระจายความเสี่ยงไปตามดัชนี SCBEUEQA ก็ถือว่าตอบโจทย์ได้เช่นกัน

ไหน ๆ จะลงทุนทั้งที การไม่ต้องจ่ายค่าธรรมเนียมเต็มเนี่ย ออกจะฟินสุดๆ ทีมงานมัดรวม FINT Cashback ตามลิงก์ข้างล่างเลย 👇🏻👇🏻👇🏻

1️⃣ อยากใช้ FINT Cashback ต้องเข้าตรงไหน?
💡 Link : https://www.finnomena.com/fint/cashback

2️⃣ สอนใช้ FINT Cashback แบบจับมือทำ
💡 Link : https://youtu.be/Zsrs7URDUwM?si=uROVCvLFIvA_Au0f

3️⃣ กองทุนที่เราจะลงทุน เข้าร่วม Cashback ไหม?
💡 Link : https://www.finnomena.com/fint/cashback/fund-list

4️⃣ อยากรู้ลึกๆ ว่า FINT Cashback คืออะไร?
💡 Link : https://docs.fint.finance/fint-token/use-fint-fint/cashback-from-fee


แหล่งข้อมูล

คำเตือน

ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน | ผลการดำเนินงานในอดีต และผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต | ผู้ลงทุนอาจมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากการป้องกันความเสี่ยงขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้จัดการกองทุน | กองทุนรวมนี้ลงทุนกระจุกตัวในผู้ออกตราสารหรือประเทศใดประเทศหนึ่ง จึงมีความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนจำนวนมาก ผู้ลงทุนจึงควรพิจารณาการกระจายความเสี่ยงของ พอร์ตการลงทุนโดยรวมของตนเองด้วย | คำแนะนำการลงทุนนี้เป็นไปตามกรอบการพิจารณาของ Finnomena Funds ซึ่งมีเป้าหมายในการสร้างโอกาสรับผลตอบแทนในระยะเวลาตามแต่ละประเภทของพอร์ตเท่านั้น บริษัทมิได้การันตีถึงผลตอบแทนที่จะได้จากคำแนะนำการลงทุนดังกล่าว มีความเสี่ยงที่ผลตอบแทนอาจไม่เป็นไปตามคาดหวัง หรือมีผลขาดทุนได้ | สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน ฟินโนมีนา จำกัด ในช่วงเวลาวันทำการตั้งแต่ 09:00-17:00 น. ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 026 5100 และทาง LINE @FINNOMENAPORT 

ดูกราฟ -

เมื่อกดปุ่ม “รับรายละเอียดเพิ่มเติม ” แสดงว่าคุณยินยอมให้บริษัท ฟินโนมีนา จำกัด และบริษัทในเครือ เก็บรวบรวมและใช้ข้อมูลเพื่อแนะนำบริการ แจ้งสิทธิประโยชน์ เป็นที่ปรึกษาการลงทุน ประชาสัมพันธ์ และดำเนินการที่เกี่ยวข้อง ศึกษานโยบายความเป็นส่วนตัว

ดูคลิปประกอบ
รีวิวกองทุน TLFVMR-ASIAX

กองทุน TLFVMR-ASIAX เปิดประตูการลงทุนสู่เอเชียแปซิฟิก (ยกเว้นญี่ปุ่นและจีน) ด้วยการพัฒนากลยุทธ์ร่วมกันระหว่าง บลจ. ทาลิส กับ A.Stotz Investment Research ผ่านแนวคิดการลงทุน FVMR สร้างผลตอบแทนชนะตลาด ภายใต้ความผันผวนที่เหมาะสม

Highlight


รีวิวกอง

กฎง่าย ๆ ของการลงทุน เรามักจะมองหาอะไรที่มี “โอกาส” สร้างผลตอบแทนคุ้มค่ากับ “ความเสี่ยง” หรือที่เรียกกันว่า Risk to Reward และที่สำคัญต้องเป็นสินทรัพย์ที่มีศักยภาพเติบโตไปข้างหน้า โดยยังมี Upside เพื่อสร้างผลตอบแทนในอนาคต

คำถามคือเมื่อกวาดตามองไปทั่วแผนที่โลก ภูมิภาคไหนล่ะที่ตอบโจทย์เงื่อนไขแบบนี้ คือยังไม่โตจนอิ่มตัว แต่ก็ไม่ได้เล็กจนขาดพลัง… เชื่อว่า “เอเชียแปซิฟิก (Asia-Pacific)” ต้องเป็นหนึ่งในชื่อที่หลายคนนึกถึง

เอเชียแปซิฟิก เป็นพื้นที่ทางภูมิศาสตร์ที่ครอบคลุมทวีปเอเชียและมหาสมุทรแปซิฟิก ซึ่งกำลังมีบทบาทสำคัญต่อเศรษฐกิจและการค้าระหว่างประเทศ เพราะความได้เปรียบในแง่จำนวนประชากรกว่า 4.7 พันล้านคน คิดเป็น 60% ของโลก เต็มไปด้วยวัยแรงงาน และ middle class ที่มีกำลังซื้อ ตลอดจนพลวัตรทางเศรษฐกิจที่น่าสนใจด้วยการเติบโตของอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์

จึงเป็นที่มาของกองทุน IPO น้องใหม่ TLFVMR-ASIAX ที่ บลจ. ทาลิส พัฒนาร่วมกับ A.Stotz Investment Research พาเปิดประตูการลงทุนสู่ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก 

รีวิวกองทุน TLFVMR-ASIAX

รู้จักกองทุน TLFVMR-ASIAX

กองทุนเปิดทาลิส FVMR เอเชียแปซิฟิก เอ็กซ์ เจแปน เอ็กซ์ ไชน่า หรือ TLFVMR-ASIAX เป็นกองทุนรวมประเภท Fund of Funds ที่มีนโยบายการลงทุนในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก (ยกเว้นญี่ปุ่นและจีน) โดยจะกระจายลงทุนในหุ้นของบริษัทจดทะเบียนในออสเตรเลีย, อินเดีย, อินโดนีเซีย, เกาหลีใต้, มาเลเซีย, ฟิลิปปินส์, สิงค์โปร์, ไต้หวัน และไทย

TLFVMR-ASIAXSource: A. Stotz Investment Research, mapchart.net as of 18/03/2024

กองทุนจะใช้กระบวนการวิเคราะห์ทั้งเชิงปริมาณและพื้นฐาน ด้วยหลักการ FVMR ประกอบด้วย Fundamentals, Valuation, Momentum, Risk ควบคู่กับปัจจัยอื่น ๆ เช่น ข้อมูลข่าวสาร บทวิเคราะห์ เพื่อพิจารณาเลือกลงทุนและกําหนดสัดส่วนในตลาดหุ้นของแต่ละประเทศ โดยมุ่งหวังผลตอบแทนสูงกว่าดัชนีชี้วัด (Active Management)

รายละเอียดอื่น ๆ ของ TLFVMR-ASIAX

  • ความเสี่ยงสูงระดับ 6 (กองทุนรวมตราสารทุน)
  • นโยบายปันผล ไม่จ่าย
  • ไม่ป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน
  • ลงทุนขั้นต่ำครั้งแรก 1,000 บาท และครั้งถัดไป 1 บาท
  • ค่าธรรมเนียมขาย (Front-end Fee) 1.00% 
  • ค่าธรรมเนียมรับซื้อคืน (Back-end Fee) ไม่มี
  • ค่าธรรมเนียมการจัดการ (Management Fee) 1.4980% ต่อปี
  • รวมค่าใช้จ่ายทั้งหมด 1.6050% ต่อปี
  • เสนอขายครั้งแรก (IPO) ระหว่างวันที่ 25 มีนาคม – 1 เมษายน 2024

ข้อมูลจากหนังสือชี้ชวนส่วนสรุปข้อมูลสำคัญ ณ วันที่ 07/03/2024

ลงทุนเอเชียแปซิฟิก ทำไมต้องไม่มีญี่ปุ่นและจีน?

TLFVMR-ASIAX แตกต่างจากกองทุนหุ้นเอเชียอื่น ๆ ในตลาด นั่นคือแนวคิดว่าควรแยกทั้งญี่ปุ่นและจีนออกจากเอเชียแปซิฟิกไปเลย และกลายมาเป็นกองทุน Asia Pacific ex Japan ex China 

เหตุผลเพราะว่าญี่ปุ่นและจีนเป็น 2 ประเทศที่มีมูลค่าตลาดหุ้นใหญ่มากเมื่อเทียบกับประเทศอื่น ๆ ในภูมิภาค จนมีอิทธิพลเกินไปในการกำหนดทิศทางพอร์ต ซึ่งไม่ค่อย Healthy นัก โดยเฉพาะช่วงตลาดขาลง

รีวิวกองทุน TLFVMR-ASIAXSource: A. Stotz Investment Research, mapchart.net as of 18/03/2024

ญี่ปุ่นถือเป็น Developed Market ที่ถูกแยกออกจากดัชนีหุ้น Asia Pacific มานานหลายทศวรรษแล้ว เพราะก่อนหน้านี้หุ้นญี่ปุ่นมีมูลค่ามากกว่าครึ่งหนึ่ง และปัจจุบันคิดเป็นประมาณ 1 ใน 3 ของ Asia Pacific 

แต่กรณีของจีนได้ก้าวขึ้นมาเป็นกำลังสำคัญในภูมิภาค ปัจจุบันมูลค่าตลาดหุ้นอยู่ที่ประมาณ 16% ของ Asia Pacific และมีแนวโน้มใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ ในอนาคต จึงเป็นที่มาว่าทำไมเราควรตัดจีนออกไปจาก Universe นี้เช่นกัน

รีวิวกองทุน TLFVMR-ASIAXSource: A. Stotz Investment Research, MSCI, Visual Capitalist as of 18/03/2024

ความน่าสนใจของประเทศที่ TLFVMR-ASIAX คาดจะเข้าลงทุน

รีวิวกองทุน TLFVMR-ASIAXSource: Source: A. Stotz Investment Research, CIA Factbook, IMF, MSCI, Refintitv, World Bank as of 18/03/2024

ออสเตรเลีย 

  • เศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 13 ของโลก ด้วยมูลค่า GDP ปี 2023 ที่ 1.6 ล้านล้านดอลลาร์ 
  • เป็นประเทศที่เศรษฐกิจมีเสถียรภาพสูงสุด สร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่องโดยไม่มีจังหวะสะดุดมาเกือบ 30 ปี
  • เศรษฐกิจถูกหนุนด้วยภาคบริการ คิดเป็นประมาณ 62.43% ของ GDP ปี 2022 และตามมาด้วยการเงิน สุขภาพ การศึกษา เหมืองแร่ และการก่อสร้าง

อินเดีย

  • ในปี 2024 คาดว่าอินเดียจะมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 5 ของโลก จากความหลากหลายของภาคเศรษฐกิจและอัตราการเติบโตอันรวดเร็ว
  • อินเดียถูกขับเคลื่อนด้วยกลุ่มเทคโนโลยี บริการ การเกษตร และอุตสาหกรรม 
  • ได้เปรียบจากเศรษฐกิจที่ใหญ่ ประกอบกับจำนวนประชากรมากที่สุดในโลก และอายุยังน้อย มีการขยายตัวของชนชั้นกลาง

อินโดนีเซีย

  • หนึ่งในประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ที่ถูกจับตามอง และมีขนาดใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
  • จำนวนประชากรมากเป็นอันดับ 4 ของโลก เศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 10
  • มีโอกาสเติบโตจากกำลังซื้อในประเทศ และจะได้รับประโยชน์มหาศาลหากสามารถขจัดความยากจนออกไปได้

เกาหลีใต้

  • ประเทศที่ประสบความสำเร็จอย่างน่าทึ่งในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา ทั้งในแง่การเติบโตทางเศรษฐกิจ และการลดความยากจนของคนในประเทศ
  • GDP เกาหลีใต้โตเฉลี่ย 4.9% ต่อปี ระหว่างปี 1999-2022 ซึ่งถูกขับเคลื่อนโดยการส่งออกเป็นหลัก

มาเลเซีย

  • Bank Negara Malaysia คาดการเติบโต GDP มาเลเซียปี 2024 อยู่ในช่วง 4-5% 
  • ปัจจัยหนุนมาเลเซียนั้นอยู่ที่รายได้จากการนักท่องเที่ยว รวมทั้งอุปสงค์ภายในประเทศที่ฟื้นตัวทั้งในฝั่งภาครัฐและเอกชน

“คน” + “เทคโนโลยี” พลังขับเคลื่อนตลาดเกิดใหม่

นอกจากปัจจัยเฉพาะตัวที่โดดเด่นของแต่ละประเทศแล้ว เมื่อมองในภาพรวมจะเห็นว่า Asia Pacific มีจุดแข็งร่วมกันอยู่ 2 ประการ คือ

ประการแรก… ประชากรกว่าครึ่งโลกอยู่ที่นี่ 

รีวิวกองทุน TLFVMR-ASIAXSource: A. Stotz Investment Research, Kharas (2010) The Emerging Middle Class in Developing Countries as of 18/03/2024

การมัดรวมประเทศใน Asia Pacific จะทำให้มีจำนวนประชากรมากกว่า 60% ของโลก เป็นวัยแรงงานในสัดส่วนที่สูง ประกอบกับแนวโน้มการขยายตัวของชนชั้นกลางที่มีกำลังซื้อสูง คาดว่าการใช้จ่ายของชนชั้นกลางในภูมิภาคนี้จะเพิ่มขึ้น 120% เป็น 33 ล้านล้านดอลลาร์ในปี 2030 สูงกว่าค่าเฉลี่ยโลกที่เติบโต 59% 

ประการที่สอง… ศูนย์กลางการผลิตเซมิคอนดักเตอร์

รีวิวกองทุน TLFVMR-ASIAXSource: : A. Stotz Investment Research, BCG, SIA as of 18/03/2024

อีกหนึ่งปัจจัยที่ขับเคลื่อนภูมิภาคนี้ ก็คือบทบาทสำคัญของอุตสากรรมเซมิคอนดักเตอร์ที่ได้รับอานิสงส์จากการพัฒนาเทคโนโลยี AI ซึ่งเราจะเห็นว่าช่วงที่ผ่านมา หุ้นเทคโนโลยีกลุ่ม Magnificat-7 ทะยานขึ้นสู่จุดสูงสุด แต่รู้ไหมว่าเบื้องหลังของ Tech และ AI ล้วนต้องการเซมิคอนดักเตอร์ที่มี ไต้หวัน เกาหลีใต้ และมาเลเซีย เป็นผู้ผลิตรายใหญ่

วิเคราะห์เชิงลึกผ่านกระบวนการลงทุน FVMR

รีวิวกองทุน TLFVMR-ASIAXSource: บลจ. ทาลิส as of March 2024

กองทุน TLFVMR-ASIAX มีกลยุทธ์การคัดเลือกตลาดโดยใช้ FVMR Framework ซึ่งเป็นรูปแบบวิธีคิดที่ถูกออกแบบเป็นขั้นตอนด้วยฝีมือของ A.Stotz Investment Research ก่อตั้งโดย Andrew Stotz นักวิเคราะห์และนักวิจัยที่มีประสบการณ์การลงทุนกว่า 20 ปี 

FVMR Framework ประกอบด้วย 4 ปัจจัยพื้นฐาน ได้แก่ 

  • Fundamentals: การวิเคราะห์พื้นฐานแบบ Bottom-up ของบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดแต่ละแห่ง เพื่อพิจารณาผลการดำเนินงาน ตัวเลขการเงิน และความสามารถทางการแข่งขัน
  • Valuation: ประเมินมูลค่าตลาดทั้ง Absolute และ Relative Valuation เพื่อค้นหาหุ้นที่มูลค่าเหมาะสม 
  • Momentum: วิเคราะห์แนวโน้มการเติบโตของกำไร ควบคู่กับทิศทางการเคลื่อนไหวของราคาหุ้น
  • Risk: ประเมินความเสี่ยงที่สำคัญ เช่น ความผันผวนของราคา ภาระหนี้สิน เป็นต้น

 

รีวิวกองทุน TLFVMR-ASIAXคุณษรศักดิ์ ก้องเจริญพาณิชย์ และคุณ Andrew Stotz ผู้ร่วมก่อตั้ง A.Stotz Investment Research

หัวใจสำคัญอยู่ที่กระบวนการลงทุนที่ชัดเจน เป็นระบบ ติดตาม และตรวจสอบกลยุทธ์สม่ำเสมอ พร้อมทั้งร่วมกับทีมผู้จัดการกองทุน บลจ. ทาลิส ตัดสินใจลงทุนขั้นสุดท้าย และจะพิจารณาปรับน้ำหนักพอร์ตโฟลิโอ จำนวน 4 ครั้งต่อปี

การทดสอบย้อนหลัง (Backtesting) ผลตอบแทนชนะตลาด 

A.Stotz Investment Research ได้นำกลยุทธ์ FVMR เปรียบเทียบกับ Asia Pacific ex Japan โดยทำการ Backtesting ตั้งแต่วันที่ 30 พฤษภาคม 1997 ถึง 30 พฤศจิกายน 2023 ผ่านการลงทุนในดัชนี และไม่พิจารณาค่าธรรมเนียม

พบว่ากลยุทธ์ FVMR ให้ผลตอบแทนที่สูงกว่า มี Risk-adjusted return ดีกว่า และ Maximum drawdown ก็ลดลงด้วย

รีวิวกองทุน TLFVMR-ASIAX

รีวิวกองทุน TLFVMR-ASIAXSource: A. Stotz Investment Research, Refintitv as of 18/03/2024

ภาพข้างต้นแสดงให้เห็นว่าเมื่อนำเงิน 100 บาทไปลงทุนในหุ้นเอเชียแปซิฟิก (ไม่รวมญี่ปุ่น) เวลาผ่านไป 26 ปี เงินก้อนนั้นจะโตเป็น 418 บาท 

แต่หากนำเงิน 100 บาทเท่ากันไปลงทุนผ่านกลยุทธ์ FVMR ในหุ้นเอเชียแปซิฟิก (ไม่รวมญี่ปุ่นและจีน) ใช้เวลาเท่ากัน เงินก้อนนั้นจะโตเป็น 805 บาท

สรุปจุดเด่นกองทุน TLFVMR-ASIAX เหมาะกับใคร?

  • ลงทุนกระจายไม่กระจุก ครอบคลุมหุ้นหลายประเทศใน Asia Pacific ลดความเสี่ยงจากการพึ่งพาประเทศขนาดใหญ่  
  • โอกาสเติบโตก้าวกระโดด จากศักยภาพของตลาดเกิดใหม่ที่มีพัฒนาการอย่างรวดเร็ว และมีปัจจัยหนุนเฉพาะตัว เช่น โครงสร้างประชากรอย่างอินเดียและอินโดนีเซีย หรือการเป็นศูนย์กลางเซมิคอนดักเตอร์อย่างไต้หวันและเกาหลีใต้
  • ลงทุนผ่านกลยุทธ์ FVMR ที่โดดเด่นในการเอาชนะทุกสภาวะตลาด ภายใต้ความผันผวนที่ต่ำ
  • เป็น Fund of Fund สามารถลงทุนใน Index ETF ที่จดทะเบียนในสหรัฐฯ ของหุ้นในกลุ่ม Asia Pacific ซึ่งผ่านการคัดกรองมาแล้วว่าน่าสนใจ และสภาพคล่องสูง
  • เหมาะกับผู้ที่ค้นหาโอกาสการลงทุนครั้งใหม่ เชื่อมั่นกับตลาดแห่งอนาคตทั้งในแง่เศรษฐกิจ และ Fund Flow ไหลเข้า

 

สามารถศึกษารายละเอียดของกองทุนเพิ่มเติมได้ที่ https://www.finnomena.com/fund/ 


คำเตือน

ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน | ผลการดำเนินงานในอดีต และผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต | ผู้ลงทุนอาจมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากการป้องกันความเสี่ยงขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้จัดการกองทุน | กองทุนรวมนี้ลงทุนกระจุกตัวในผู้ออกตราสารหรือประเทศใดประเทศหนึ่ง จึงมีความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนจำนวนมาก ผู้ลงทุนจึงควรพิจารณาการกระจายความเสี่ยงของ พอร์ตการลงทุนโดยรวมของตนเองด้วย | สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน ฟินโนมีนา จำกัด ในช่วงเวลาวันทำการตั้งแต่ 09:00-17:00 น. ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 026 5100 และทาง LINE @FINNOMENAPORT | สำหรับผู้ลงทุนในความดูแลของ Kept by krungsri ติดต่อทีม Kept help center ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 296 6299

ดูกราฟ -

เมื่อกดปุ่ม “รับรายละเอียดเพิ่มเติม ” แสดงว่าคุณยินยอมให้บริษัท ฟินโนมีนา จำกัด และบริษัทในเครือ เก็บรวบรวมและใช้ข้อมูลเพื่อแนะนำบริการ แจ้งสิทธิประโยชน์ เป็นที่ปรึกษาการลงทุน ประชาสัมพันธ์ และดำเนินการที่เกี่ยวข้อง ศึกษานโยบายความเป็นส่วนตัว

ดูคลิปประกอบ
เทียบกองทุนหุ้นจีน
ความเห็นจาก Finnomena : โอกาสการลงทุนครั้งสำคัญในชีวิตของทั้งคนที่ยังไม่เคยมีหุ้นจีนในพอร์ตเลย ตลอดจนคนที่ติดดอยหุ้นจีนมานาน ต้องแก้พอร์ต ทยอยถัว

Highlight


ตั้งแต่เปิดปี 2024 หุ้นจีนกลับมาอยู่ในแดนบวกอีกครั้ง แม้จะมีจังหวะย่อตัวลงไปบ้าง แต่ภาพรวมปีนี้ หุ้นจีนส่วนใหญ่ยังคงขึ้นมากกว่าลง

จริงอยู่ว่าส่วนหนึ่งเป็นเพราะฐานที่ต่ำของราคาหุ้นจีนที่ถูกสุดในรอบหลาย 10 ปี แต่หากพิจารณาให้ละเอียดจะเห็นว่าโมเมนตัมของตลาดเริ่มดีขึ้นชัดเจน ด้วยปัจจัยหลัก ๆ คือการเปลี่ยนท่าทีหันมากระตุ้นเศรษฐกิจและหนุนตลาดทุนอย่างจริงจังของรัฐบาล

ในช่วงที่ผ่านมา Finnomena Funds มีมุมมองเชิงบวกต่อตลาดหุ้นจีนมาโดยตลอดสำหรับกลยุทธ์การลงทุนในระยะยาวตามกรอบการพิจารณา MEVT Call ขณะเดียวกันสัญญาณการฟื้นตัวที่ชัดเจนขึ้น ทำให้ล่าสุดทั้งนักลงทุนสายสวน FundTalk The Contrarian และนักลงทุนชาวไล่ Mr.Messenger The Trend Follower พร้อมใจกันออกมา Call กองทุนหุ้นจีนเช่นกัน

และนี่อาจจะเป็นโอกาสการลงทุนครั้งสำคัญในชีวิตของทั้งคนที่ยังไม่เคยมีหุ้นจีนในพอร์ตเลย ตลอดจนคนที่ติดดอยหุ้นจีนมานาน ต้องแก้พอร์ต ทยอยถัว

สรุปมุมมองกองทุนหุ้นจีน

MEVT Call แนะนำทยอยสะสม K-CHINA-A(A) และ ABCA-A ด้วย Valuation ที่ค่อนข้างถูกเมื่อเทียบกับตลาดหุ้นอื่น ๆ และถูกกว่าค่าเฉลี่ยของตัวเองในอดีต ประกอบกับแนวโน้มการดำเนินนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลจีนที่เริ่มทยอยออกมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้ในระยะยาวยังมี Upside ที่น่าสนใจ

FundTalk Call แนะนำเข้าลงทุน MEGA10CHINA-A หลังท่าทีการกระตุ้นเศรษฐกิจที่จริงจังของทางการจีนที่ต้องการฟื้นความเชื่อมั่นตลาดหุ้น เช่น การเพิ่มสภาพคล่อง และอัดฉีดเงินเงินผ่าน ผ่าน Shanghai – Hongkong Stock Connect ขณะที่ P/E ของดัชนี Hang Seng เทรดที่ระดับประมาณ 7 เท่า ถูกที่สุดในรอบ 10 ปี 

Mr.Messenger Call แนะนำเก็งกำไรระยะสั้น B-CHINE-EQ และ K-CHINA-A(A) จากการที่ดัชนีหุ้นจีนเริ่มมีพัฒนาการที่ดีขึ้น พร้อมเกิดสัญญาณกลับตัว ทะยานเหนือแนวต้านสำคัญ บ่งชี้ถึงโมเมนตัมที่ดีในอนาคต

รู้จักหุ้นจีนแต่ละแบบ กองทุนไหน ลงทุนในอะไร 

ความพิเศษของตลาดหุ้นจีน คือการมีให้เลือกลงทุนหลากหลายตลาด ดังนั้น เวลาเราพูดถึงหุ้นจีน อาจจะไม่ใช่จีนเดียวกันก็ได้ โดยสามารถจัดกลุ่มหุ้นจีนให้เห็นภาพง่าย ๆ ดังนี้

  • หุ้นจีน A-Share หมายถึงจีนแผ่นดินใหญ่ เป็นบริษัทที่จดทะเบียนซื้อขายในตลาด  Shanghai Stock Exchange (SSE) และ Shenzhen Stock Exchange (SZSE) ⁣
  • หุ้นจีน H-Share หมายถึงจีนฮ่องกงเป็นบริษัทที่จดทะเบียนซื้อขายในตลาด Hong Kong Stock Exchange (HKEX)
  • หุ้นจีน ADRs หมายถึงหุ้นจีนที่ไปจดทะเบียนซื้อขายในตลาดหุ้นสหรัฐฯ เช่น NASDAQ⁣ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นบริษัทเทคโนโลยีของจีน 
  • หุ้นจีน All-China หมายถึงการลงทุนในหุ้นจีนที่กระจายไปได้หลากหลายตลาด ครอบคลุมกลุ่ม A-Shares, H-Shares และ ADs ส่วน 
  • Greater China หมายถึงการลงทุนที่รวมเอาตลาดหุ้นจีนทั้งหมดเข้าไว้ด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นจีนแผ่นดินใหญ่ ฮ่องกง และไต้หวัน

เทียบกองทุนหุ้นจีน

ทำความเข้าใจตลาดหุ้นจีนแล้ว คราวนี้มาดูกันว่ากองทุนหุ้นจีนที่เราแนะนำทั้งหมด จัดอยู่ในกลุ่มไหนกันบ้าง

สรุปจุดเด่นของแต่ละกองทุน

เทียบกองทุนหุ้นจีนSource: Finnomena Funds as of 18/03/2024

ABCA-A

เทียบกองทุนหุ้นจีน Source: Finnomena Funds as of 18/03/2024

กองทุนที่มีนโยบายลงทุนในหุ้นจีน A Share ผ่านกองทุนหลัก Aberdeen Standard SICAV I – China A Share Sustainable Equity Fund ซึ่งมีจุดเด่นในเรื่องการมุ่งเน้นลงทุนอย่างยั่งยืน ตั้งแต่กระบวนการคัดเลือกหุ้นเข้าพอร์ตที่คัดเฉพาะหุ้นคุณภาพ 30-40 ตัว กระจายลงทุน 5 ธีมหลัก ได้แก่ Aspiration, Digital, Green, Health และ Wealth

เหมาะกับคนที่เชื่อมั่นในหุ้นจีนแผ่นดินใหญ่ ซึ่งมักล้อไปกับการเติบโตของการบริโภคในจีน และได้รับประโยชน์เต็มที่จากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล นอกจากนี้ หากใครที่ยังกังวลความเสี่ยงเรื่อง Tech War ระหว่างจีนกับสหรัฐฯ หรือกลัวการควบคุมหุ้นเทคโนโลยีของจีน การเลือกกองทุน A Share ก็สามารถลดความกังวลลงไปได้

ตัวอย่างหุ้นจีนในพอร์ต ได้แก่ Kweichow Moutai, Contemporary Amperex Technology, China Merchants Bank, Fuyao Glass Industry, Midea, Shenzhen Mindray Bio-Medical Electronics, Aier Eye Hospital Group, Proya Cosmetics, Ping An Insurance, Bank of Ningbo

MEGA10CHINA-A

เทียบกองทุนหุ้นจีนSource: Finnomena Funds as of 18/03/2024

กองทุนที่มีนโยบายเข้าไปลงทุนใน 10 บริษัทที่ทรงอิทธิพลในจีน ซึ่งจดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง เน้นเฉพาะบริษัทที่มีมูลค่าตลาดขนาดใหญ่ สภาพคล่องสูง เป็นผู้นำในด้าน Brand Value และต้องไม่ใช่รัฐวิสาหกิจ ไม่มีการถือหุ้นใหญ่โดยรัฐบาลจีน

เหมาะกับคนที่อยากลงทุนแบบเน้น ๆ กับหุ้นผู้ชนะเพียง 10 ในสัดส่วนที่เท่ากันแบบ Equal weight ถือว่าแตกต่างจากกองทุนหุ้นจีนอื่น ๆ ในตลาด ที่มักจะกระจายการลงทุนไปหลายตัว แต่ MEGA10CHINA-A โฟกัสเฉพาะหัว ๆ 

ตัวอย่างหุ้นจีนในพอร์ต ได้แก่ Alibaba, Ping An Insurance, BYD, NetEase, Baidu, Nongfu Spring, Tencent, Meituan, JD.com และ Xiaomi

K-CHINA-A(A)

เทียบกองทุนหุ้นจีนSource: Finnomena Funds as of 18/03/2024

กองทุนหุ้นจีน All China ที่มีนโยบายลงทุนผ่านกองทุนหลัก JPMorgan Funds – China Fund เน้นคัดเลือกหุ้นที่จะลงทุนแบบ bottom-up ในบริษัทที่มีการตั้งถิ่นฐานหรือดำเนินธุรกิจในจีน เน้นธุรกิจที่มีศักยภาพการเติบโตเหนือกว่าคู่แข่งอย่างยั่งยืน โดยเฉพาะหุ้นกลุ่ม New Economy ที่ได้ประโยชน์จากแผนพัฒนาเศรษฐกิจจากรัฐบาลจีน 

เหมาะกับคนที่อยากกระจายการลงทุนไปในหุ้นจีนหลากหลายตลาดทั้งจีนแผ่นดินใหญ่ ฮ่องกง และอื่นๆ อีกทั้งยังเป็นส่วนผสมของหลากหลายอุตสาหกรรม แม้จะเน้นหนักไปที่กลุ่ม New Economy เช่น Consumer Discretionary, Communication Services, Information Technology, Health Care แต่ก็มีฝั่ง Old Economy เข้ามาด้วย เช่น Financials, Industrials, Consumer Staples, Real Estate 

ตัวอย่างหุ้นจีนในพอร์ต ได้แก่ Tencent, Pinduoduo, Alibaba, NetEase, Baidu Meituan, Trip.com, Kweichow Moutai, Ping An Insurance และ China Merchants Bank

B-CHINE-EQ

เทียบกองทุนหุ้นจีนSource: Finnomena Funds as of 18/03/2024

กองทุนหุ้นจีน All China ที่เป็น Fund of Fund ที่สามารถลงทุนได้หลากหลายตลาดตั้งแต่ A-Share, H-Share, ADRs รวมถึงหลักทรัพย์อื่นใดที่เกี่ยวข้องกับประเทศจีนในอนาคต ซึ่งปัจจุบันมีการลงทุนผ่านกองทุน Allianz China A-Shares และ Allianz All China Equity เป็นหลัก

เหมาะกับคนที่ชอบกองทุนหุ้นจีนที่มีความหลากหลายและยืดหยุ่น สามารถเพิ่มลดสัดส่วนตามความเหมาะสมของสภาวะตลาดในช่วงนั้น ๆ โดยทำได้ทั้งจากกองทุนหลักเองและจากการซื้อหุ้นโดยตรงในตลาดหุ้นจีน อีกทั้งยังตอบโจทย์ผู้ที่ต้องการกองทุนที่มีนโยบายการจ่ายเงินปันผล

ตัวอย่างหุ้นจีนในพอร์ต ได้แก่ Kweichow Moutai, CITIC Securities, China Merchants Bank, Tencent, Alibaba, Trip.com, Shenzhou International Group Holdings, China Construction Bank, Midea และ Shenzhen Mindray Bio-Medical Electronics

เปรียบเทียบกองทุนหุ้นจีน ABCA-A vs MEGA10CHINA-A vs K-CHINA-A(A) vs B-CHINE-EQ

เทียบกองทุนหุ้นจีนกราฟแสดงผลตอบแทนกองทุนหุ้นจีนในรอบ 1 เดือนที่ผ่านมา
Source: Finnomena Funds as of 18/03/2024

สามารถดูข้อมูลการเปรียบเทียบเทียบกองทุนแบบครบทุกมิติ ทั้งผลตอบแทน ความผันผวน ความเสี่ยง นโยบายการลงทุน พอร์ตการลงทุน และค่าธรรมเนียม คลิกที่ที่

สุดท้ายนี้… สำหรับใครที่ยังไม่มีหุ้นจีนในพอร์ต ช่วงนี้ถือโมเมนตัมตลาดกำลังเป็นขาขึ้น ไม่ควรพลาดอย่างยิ่งที่จะเพิ่มสัดส่วนหุ้นจีนเข้าไปเพื่อสร้างโอกาสทำกำไรจาก Upside ที่สูง 

ส่วนใครที่ติดดอยหุ้นจีนมานาน และยังไม่ได้เข้าถัวสักที จังหวะนี้ก็ต้องลงมือทำอะไรสักอย่างแล้ว ก่อนที่จะสายเกินไป และมาเกิดนึกเสียใจทีหลังเมื่อผ่านพ้นช่วงทยอยสะสมไปแล้ว 

ไหน ๆ จะลงทุนทั้งที การไม่ต้องจ่ายค่าธรรมเนียมเต็มเนี่ย ออกจะฟินสุดๆ ทีมงานมัดรวม FINT Cashback ตามลิงก์ข้างล่างเลย 👇🏻👇🏻👇🏻

1️⃣ อยากใช้ FINT Cashback ต้องเข้าตรงไหน?
💡 Link : https://www.finnomena.com/fint/cashback

2️⃣ สอนใช้ FINT Caskback แบบจับมือทำ
💡 Link : https://youtu.be/Zsrs7URDUwM?si=uROVCvLFIvA_Au0f

3️⃣ กองทุนที่เราจะลงทุน เข้าร่วม Cashback ไหม?
💡 Link : https://www.finnomena.com/fint/cashback/fund-list

4️⃣ อยากรู้ลึกๆ ว่า FINT Cashback คืออะไร?
💡 Link : https://docs.fint.finance/fint-token/use-fint-fint/cashback-from-fee


แหล่งข้อมูล

คำเตือน

ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน | ผลการดำเนินงานในอดีต และผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต | ผู้ลงทุนอาจมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากการป้องกันความเสี่ยงขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้จัดการกองทุน | กองทุนรวมนี้ลงทุนกระจุกตัวในผู้ออกตราสารหรือประเทศใดประเทศหนึ่ง จึงมีความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนจำนวนมาก ผู้ลงทุนจึงควรพิจารณาการกระจายความเสี่ยงของ พอร์ตการลงทุนโดยรวมของตนเองด้วย | คำแนะนำการลงทุนนี้เป็นไปตามกรอบการพิจารณาของ Finnomena Funds ซึ่งมีเป้าหมายในการสร้างโอกาสรับผลตอบแทนในระยะเวลาตามแต่ละประเภทของพอร์ตเท่านั้น บริษัทมิได้การันตีถึงผลตอบแทนที่จะได้จากคำแนะนำการลงทุนดังกล่าว มีความเสี่ยงที่ผลตอบแทนอาจไม่เป็นไปตามคาดหวัง หรือมีผลขาดทุนได้ | สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน ฟินโนมีนา จำกัด ในช่วงเวลาวันทำการตั้งแต่ 09:00-17:00 น. ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 026 5100 และทาง LINE @FINNOMENAPORT 

ดูกราฟ -

เมื่อกดปุ่ม “รับรายละเอียดเพิ่มเติม ” แสดงว่าคุณยินยอมให้บริษัท ฟินโนมีนา จำกัด และบริษัทในเครือ เก็บรวบรวมและใช้ข้อมูลเพื่อแนะนำบริการ แจ้งสิทธิประโยชน์ เป็นที่ปรึกษาการลงทุน ประชาสัมพันธ์ และดำเนินการที่เกี่ยวข้อง ศึกษานโยบายความเป็นส่วนตัว

ดูคลิปประกอบ
เปิดโผ 10 กองทุนปันผลสูง สร้าง Passive Income เสริมความมั่งคั่งให้พอร์ตระยะยาว

“กองทุนปันผล” ถือเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่นักลงทุนหลาย ๆ ท่านชื่นชอบ เพราะนอกจากจะมีโอกาสสร้างกำไรจากส่วนต่างราคา (Capital Gain) แล้ว ยังสร้างกระแสเงินสดสม่ำเสมอจากเงินปันผลที่กองทุนจ่ายได้ด้วย

บทความนี้เราจึงรวม 10 กองทุนปันผลสูง สร้าง Passive Income เสริมความมั่งคั่งให้พอร์ตระยะยาว มาฝากทุกคนกัน จะมีกองไหนบ้าง ติดตามไปพร้อมกันได้เลย

เปิดโผ 10 กองทุนปันผลสูง สร้าง Passive Income เสริมความมั่งคั่งให้พอร์ตระยะยาว

1. T-GLOBALVALUE

  • นโยบายกองทุน: ลงทุนในหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานดี โดยกระจายการลงทุนไปในภูมิภาคต่าง ๆ ของโลกที่มีศักยภาพและโอกาสในการลงทุน
  • กลยุทธ์ในการบริหารจัดการลงทุน: มุ่งหวังให้ผลประกอบการสูงกว่าดัชนีชี้วัด (Active Management)
  • ระดับความเสี่ยง: 6
  • ค่าธรรมเนียมรวมกองทุน: 1.713%
  • เงินลงทุนขั้นต่ำของการซื้อครั้งแรกและครั้งถัดไป: 1 บาท

 

เปิดโผ 10 กองทุนปันผลสูง สร้าง Passive Income เสริมความมั่งคั่งให้พอร์ตระยะยาว

** ผลการดำเนินงานในอดีต และผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต **

ผลการดำเนินงานย้อนหลังของกองทุน T-GlobalValue (ข้อมูล ณ วันที่ 11 มี.ค. 2567)
ที่มา: https://www.finnomena.com/fund/T-GlobalValue/performance

ข้อมูลการปันผล

  • อัตราเงินปันผลในรอบ 1 ปี: 9.56%
  • วันที่จ่ายปันผลล่าสุด: 26/9/2023
  • จำนวนเงินปันผลล่าสุด: 0.75 บาท

 

ซื้อกองทุน T-GlobalValue คลิก

ศึกษารายละเอียด นโยบาย ข้อมูล และความเสี่ยงของกองทุนเพิ่มเติมได้ที่ https://www.eastspring.co.th/THDocs/FS/T-GlobalValue_03.pdf

2. KFGBRAND-D

  • นโยบายกองทุน: ลงทุนในหุ้นของบริษัทในประเทศพัฒนาแล้วทั่วโลก ซึ่งประสบผลสำเร็จหรือมีชื่อเสียงใน Brand โดยพิจารณาจาก Intangible Assets เช่น การมีเครื่องหมายการค้าเป็นที่รู้จักทั่วโลก การเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์สินค้า หรือกลวิธีการจัดจำหน่าย เป็นต้น
  • กลยุทธ์ในการบริหารจัดการลงทุน: มุ่งหวังให้ผลประกอบการสูงกว่าดัชนีชี้วัด (Active Management)
  • ระดับความเสี่ยง: 6
  • ค่าธรรมเนียมรวมกองทุน: 0.8893%
  • เงินลงทุนขั้นต่ำของการซื้อครั้งแรกและครั้งถัดไป: 500 บาท

 

เปิดโผ 10 กองทุนปันผลสูง สร้าง Passive Income เสริมความมั่งคั่งให้พอร์ตระยะยาว

** ผลการดำเนินงานในอดีต และผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต **

ผลการดำเนินงานย้อนหลังของกองทุน KFGBRAND-D (ข้อมูล ณ วันที่ 11 มี.ค. 2567)
ที่มา: https://www.finnomena.com/fund/KFGBRAND-D/performance

ข้อมูลการปันผล

  • อัตราเงินปันผลในรอบ 1 ปี: 9.10%
  • วันที่จ่ายปันผลล่าสุด: 21/3/2024
  • จำนวนเงินปันผลล่าสุด: 0.65 บาท

 

ซื้อกองทุน KFGBRAND-D คลิก

ศึกษารายละเอียด นโยบาย ข้อมูล และความเสี่ยงของกองทุนเพิ่มเติมได้ที่ https://www.krungsriasset.com/DataWeb/AYFWeb/th/pdf/FFS_KFGBRAND-D_TH.pdf?rnd=20240314013815

3. T-PREMIUM BRAND

  • นโยบายกองทุน: ลงทุนในหุ้นของบริษัทที่เกี่ยวข้องกับสินค้าและบริการระดับสูง
  • กลยุทธ์ในการบริหารจัดการลงทุน: มุ่งหวังให้ผลประกอบการสูงกว่าดัชนีชี้วัด (Active Management)
  • ระดับความเสี่ยง: 7
  • ค่าธรรมเนียมรวมกองทุน: 1.781%
  • เงินลงทุนขั้นต่ำของการซื้อครั้งแรกและครั้งถัดไป: 1 บาท

 

เปิดโผ 10 กองทุนปันผลสูง สร้าง Passive Income เสริมความมั่งคั่งให้พอร์ตระยะยาว

** ผลการดำเนินงานในอดีต และผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต **

ผลการดำเนินงานย้อนหลังของกองทุน T-PREMIUM BRAND (ข้อมูล ณ วันที่ 11 มี.ค. 2567)
ที่มา: https://www.finnomena.com/fund/T-PREMIUM%20BRAND/performance

ข้อมูลการปันผล

  • อัตราเงินปันผลในรอบ 1 ปี: 8.08%
  • วันที่จ่ายปันผลล่าสุด: 26/9/2923
  • จำนวนเงินปันผลล่าสุด: 0.90 บาท

 

ซื้อกองทุน T-PREMIUM BRAND คลิก

ศึกษารายละเอียด นโยบาย ข้อมูล และความเสี่ยงของกองทุนเพิ่มเติมได้ที่ https://www.eastspring.co.th/THDocs/FS/T-PREMIUM%20BRAND_03.pdf

4. KFGPROP-D

  • นโยบายกองทุน: ลงทุนหุ้นของบริษัททั่วโลก ที่ประกอบธุรกิจหรือเกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ หรือบริษัทที่เป็นเจ้าของทรัพย์สินที่เป็นอสังหาริมทรัพย์
  • กลยุทธ์ในการบริหารจัดการลงทุน: มุ่งหวังให้ผลประกอบการสูงกว่าดัชนีชี้วัด (Active Management)
  • ระดับความเสี่ยง: 7
  • ค่าธรรมเนียมรวมกองทุน: 1.0172%
  • เงินลงทุนขั้นต่ำของการซื้อครั้งแรกและครั้งถัดไป: 500 บาท

 

เปิดโผ 10 กองทุนปันผลสูง สร้าง Passive Income เสริมความมั่งคั่งให้พอร์ตระยะยาว

** ผลการดำเนินงานในอดีต และผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต **

ผลการดำเนินงานย้อนหลังของกองทุน KFGPROP-D (ข้อมูล ณ วันที่ 11 มี.ค. 2567)
ที่มา: https://www.finnomena.com/fund/KFGPROP-D/performance

ข้อมูลการปันผล

  • อัตราเงินปันผลในรอบ 1 ปี: 7.43%
  • วันที่จ่ายปันผลล่าสุด: 20/2/2024
  • จำนวนเงินปันผลล่าสุด: 0.50 บาท

 

ซื้อกองทุน KFGPROP-D คลิก

ศึกษารายละเอียด นโยบาย ข้อมูล และความเสี่ยงของกองทุนเพิ่มเติมได้ที่ https://www.krungsriasset.com/DataWeb/AYFWeb/th/pdf/FFS_KFGPROP-D_TH.pdf?rnd=20240314015822

5. SCBEUEQ

  • นโยบายกองทุน: ลงทุนในหุ้นที่เป็นส่วนประกอบของดัชนี STOXX Europe 600 เพื่อให้ผลการดำเนินงานของกองทุนใกล้เคียงกับผลตอบแทนของดัชนี STOXX Europe 600
  • กลยุทธ์ในการบริหารจัดการลงทุน: มุ่งหวังให้ผลประกอบการเคลื่อนไหวตามดัชนีชี้วัด (Passive Management)
  • ระดับความเสี่ยง: 6
  • ค่าธรรมเนียมรวมกองทุน: 1.11%
  • เงินลงทุนขั้นต่ำของการซื้อครั้งแรกและครั้งถัดไป: 1 บาท

 

เปิดโผ 10 กองทุนปันผลสูง สร้าง Passive Income เสริมความมั่งคั่งให้พอร์ตระยะยาว

** ผลการดำเนินงานในอดีต และผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต **

ผลการดำเนินงานย้อนหลังของกองทุน SCBEUEQ (ข้อมูล ณ วันที่ 11 มี.ค. 2567)
ที่มา: https://www.finnomena.com/fund/SCBEUEQ/performance

ข้อมูลการปันผล

  • อัตราเงินปันผลในรอบ 1 ปี: 7.27%
  • วันที่จ่ายปันผลล่าสุด: 22/2/2024
  • จำนวนเงินปันผลล่าสุด: 0.34 บาท

 

ซื้อกองทุน SCBEUEQ คลิก

ศึกษารายละเอียด นโยบาย ข้อมูล และความเสี่ยงของกองทุนเพิ่มเติมได้ที่ https://www.scbam.com/medias/fund-doc/summary-prospectus/SCBEUEQ_SUM.pdf

6. K-USXNDQ-A(D)

  • นโยบายกองทุน: ลงทุนให้มีผลตอบแทนตามดัชนีหุ้นสหรัฐ Nasdaq-100 ที่ประกอบด้วยหุ้นจำนวน 100 หุ้นของบริษัทขนาดใหญ่ที่ไม่ใช่สถาบันการเงินที่ซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ NASDAQ
  • กลยุทธ์ในการบริหารจัดการลงทุน: มุ่งหวังให้ผลประกอบการเคลื่อนไหวตามดัชนีชี้วัด (Passive Management)
  • ระดับความเสี่ยง: 6
  • ค่าธรรมเนียมรวมกองทุน: 0.7174%
  • เงินลงทุนขั้นต่ำของการซื้อครั้งแรกและครั้งถัดไป: 500 บาท

เปิดโผ 10 กองทุนปันผลสูง สร้าง Passive Income เสริมความมั่งคั่งให้พอร์ตระยะยาว

** ผลการดำเนินงานในอดีต และผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต **

ผลการดำเนินงานย้อนหลังของกองทุน K-USXNDQ-A(D) (ข้อมูล ณ วันที่ 11 มี.ค. 2567)
ที่มา: https://www.finnomena.com/fund/K-USXNDQ-A(D)/performance

ข้อมูลการปันผล

  • อัตราเงินปันผลในรอบ 1 ปี: 6.80%
  • วันที่จ่ายปันผลล่าสุด: 14/3/2024
  • จำนวนเงินปันผลล่าสุด: 0.50 บาท

 

ซื้อกองทุน K-USXNDQ-A(D) คลิก

ศึกษารายละเอียด นโยบาย ข้อมูล และความเสี่ยงของกองทุนเพิ่มเติมได้ที่ https://www.kasikornasset.com/FundDocument/Fund_Fact_Sheet/K-USXNDQ-A(D).pdf?924

7. SCBGPROP

  • นโยบายกองทุน: ลงทุนหุ้นของบริษัทที่มีธุรกิจหลักในภาคอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งอาจรวมถึงบริษัทที่มุ่งเน้นด้านที่พักอาศัยและ/หรืออสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์เช่นเดียวกับบริษัทที่ดำเนินงานด้านอสังหาริมทรัพย์และ real estate holding companies เช่น ทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REITs)
  • กลยุทธ์ในการบริหารจัดการลงทุน: มุ่งหวังให้ผลประกอบการสูงกว่าดัชนีชี้วัด (Active Management)
  • ระดับความเสี่ยง: 7
  • ค่าธรรมเนียมรวมกองทุน: 1.74%
  • เงินลงทุนขั้นต่ำของการซื้อครั้งแรกและครั้งถัดไป: 1,000 บาท

 

เปิดโผ 10 กองทุนปันผลสูง สร้าง Passive Income เสริมความมั่งคั่งให้พอร์ตระยะยาว

** ผลการดำเนินงานในอดีต และผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต **

ผลการดำเนินงานย้อนหลังของกองทุน SCBGPROP (ข้อมูล ณ วันที่ 11 มี.ค. 2567)

ที่มา: https://www.finnomena.com/fund/SCBGPROP/performance

ข้อมูลการปันผล

  • อัตราเงินปันผลในรอบ 1 ปี: 6.67%
  • วันที่จ่ายปันผลล่าสุด: 22/1/2024
  • จำนวนเงินปันผลล่าสุด: 0.48 บาท

 

ซื้อกองทุน SCBGPROP คลิก

ศึกษารายละเอียด นโยบาย ข้อมูล และความเสี่ยงของกองทุนเพิ่มเติมได้ที่ https://www.scbam.com/medias/fund-doc/summary-prospectus/SCBGPROP_SUM.pdf

8. KF-JPSCAPD

  • นโยบายกองทุน: ลงทุนในหุ้นของบริษัทขนาดเล็กที่เป็นบริษัทชั้นนำและมีศักยภาพในการเติบโตในระยะยาว และจดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ญี่ปุ่น
  • กลยุทธ์ในการบริหารจัดการลงทุน: มุ่งหวังให้ผลประกอบการสูงกว่าดัชนีชี้วัด (Active Management)
  • ระดับความเสี่ยง: 6
  • ค่าธรรมเนียมรวมกองทุน: 0.9045%
  • เงินลงทุนขั้นต่ำของการซื้อครั้งแรกและครั้งถัดไป: 500 บาท

 

เปิดโผ 10 กองทุนปันผลสูง สร้าง Passive Income เสริมความมั่งคั่งให้พอร์ตระยะยาว

** ผลการดำเนินงานในอดีต และผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต **

ผลการดำเนินงานย้อนหลังของกองทุน KF-JPSCAPD (ข้อมูล ณ วันที่ 11 มี.ค. 2567)
ที่มา: https://www.finnomena.com/fund/KF-JPSCAPD/performance

ข้อมูลการปันผล

  • อัตราเงินปันผลในรอบ 1 ปี: 6.45%
  • วันที่จ่ายปันผลล่าสุด: 18/10/2023
  • จำนวนเงินปันผลล่าสุด: 0.65 บาท

 

ซื้อกองทุน KF-JPSCAPD คลิก

ศึกษารายละเอียด นโยบาย ข้อมูล และความเสี่ยงของกองทุนเพิ่มเติมได้ที่ https://www.krungsriasset.com/DataWeb/AYFWeb/th/pdf/FFS_KF-JPSCAPD_TH.pdf?rnd=20240314021305

9. SCBGEQ

  • นโยบายกองทุน: ลงทุนในหุ้นของบริษัทที่จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ทั่วโลก
  • กลยุทธ์ในการบริหารจัดการลงทุน: มุ่งหวังให้ผลประกอบการสูงกว่าดัชนีชี้วัด (Active Management)
  • ระดับความเสี่ยง: 6
  • ค่าธรรมเนียมรวมกองทุน: 1.73%
  • เงินลงทุนขั้นต่ำของการซื้อครั้งแรกและครั้งถัดไป: 1,000 บาท

 

เปิดโผ 10 กองทุนปันผลสูง สร้าง Passive Income เสริมความมั่งคั่งให้พอร์ตระยะยาว

** ผลการดำเนินงานในอดีต และผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต **

ผลการดำเนินงานย้อนหลังของกองทุน SCBGEQ (ข้อมูล ณ วันที่ 8 มี.ค. 2567)
ที่มา: https://www.finnomena.com/fund/SCBGEQ/performance

ข้อมูลการปันผล

  • อัตราเงินปันผลในรอบ 1 ปี: 6.25%
  • วันที่จ่ายปันผลล่าสุด: 22/2/2024
  • จำนวนเงินปันผลล่าสุด: 0.35 บาท

 

ซื้อกองทุน SCBGEQ คลิก

ศึกษารายละเอียด นโยบาย ข้อมูล และความเสี่ยงของกองทุนเพิ่มเติมได้ที่ 

https://www.scbam.com/medias/fund-doc/summary-prospectus/SCBGEQ_SUM.pdf

10. MATECH-D

  • นโยบายกองทุน: ลงทุนหุ้นในธุรกิจเกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมเทคโนโลยี หรือประกอบธุรกิจเกี่ยวกับการพัฒนาทางเทคโนโลยีในภูมิภาคเอเชีย
  • กลยุทธ์ในการบริหารจัดการลงทุน: มุ่งหวังให้ผลประกอบการสูงกว่าดัชนีชี้วัด (Active Management)
  • ระดับความเสี่ยง: 7
  • ค่าธรรมเนียมรวมกองทุน: 1.2303%
  • เงินลงทุนขั้นต่ำของการซื้อครั้งแรกและครั้งถัดไป: 1,000 บาท (ครั้งแรก), 500 บาท (ครั้งถัดไป)

 

เปิดโผ 10 กองทุนปันผลสูง สร้าง Passive Income เสริมความมั่งคั่งให้พอร์ตระยะยาว

** ผลการดำเนินงานในอดีต และผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต **

ผลการดำเนินงานย้อนหลังของกองทุน MATECH-D (ข้อมูล ณ วันที่ 11 มี.ค. 2567)
ที่มา: https://www.finnomena.com/fund/MATECH-D/performance

ข้อมูลการปันผล

  • อัตราเงินปันผลในรอบ 1 ปี: 5.55%
  • วันที่จ่ายปันผลล่าสุด: 27/11/2023
  • จำนวนเงินปันผลล่าสุด: 0.60 บาท

 

ซื้อกองทุน MATECH-D คลิก

ศึกษารายละเอียด นโยบาย ข้อมูล และความเสี่ยงของกองทุนเพิ่มเติมได้ที่ https://documents.mfcfund.com/Website/FundFiles/FactSheet/FS_MATECH-D.pdf

ข้อมูลอัตราเงินปันผลตอบแทน ณ วันที่ 13 มี.ค. 2567

ข้อมูลผลตอบแทนย้อนหลังจาก Finnomena Funds สามารถอัปเดตข้อมูลล่าสุดได้ที่ www.finnomena.com/fund

อัปเดตตัวเลขผลตอบแทน ณ วันที่ 8 มี.ค. 2567: SCBGEQ

อัปเดตตัวเลขผลตอบแทน ณ วันที่ 11 มี.ค. 2567: T-GlobalValue, KFGBRAND-D, T-PREMIUM BRAND, KFGPROP-D, SCBEUEQ, K-USXNDQ-A(D), SCBGPROP, KF-JPSCAPD, MATECH-D

Finnomena Funds ให้คุณได้ลงทุนในกองทุนรวมชั้นนำของประเทศไทยจากหลากหลาย บลจ.
ตอบโจทย์ทุกความต้องการ ไม่ว่าจะลงกองเดี่ยว จัดพอร์ต วางแผนลงทุน หรือลดหย่อนภาษี
ดูรายละเอียดเพิ่มเติม คลิก https://finno.me/get-started-ws


คำเตือน

ผู้ลงทุนต้องทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน | ผลการดำเนินงานในอดีต และผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต | กองทุนอาจลงทุนกระจุกตัวในหมวดอุตสาหกรรมและประเทศที่ลงทุน  จึงมีความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนจำนวนมาก ผู้ลงทุนจึงควรพิจารณาการกระจายความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุนโดยรวมของตนเองด้วย | ผู้ลงทุนอาจมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากการป้องกันความเสี่ยงขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้จัดการกองทุน | สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน ฟินโนมีนา จำกัด ในช่วงเวลาวันทำการตั้งแต่ 09:00-17:00 น. ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 026 5100 และทาง LINE “@FINNOMENAPORT”

ดูกราฟ -

เมื่อกดปุ่ม “รับรายละเอียดเพิ่มเติม ” แสดงว่าคุณยินยอมให้บริษัท ฟินโนมีนา จำกัด และบริษัทในเครือ เก็บรวบรวมและใช้ข้อมูลเพื่อแนะนำบริการ แจ้งสิทธิประโยชน์ เป็นที่ปรึกษาการลงทุน ประชาสัมพันธ์ และดำเนินการที่เกี่ยวข้อง ศึกษานโยบายความเป็นส่วนตัว

ดูคลิปประกอบ
ความเห็นจาก Finnomena : กองทุนตราสารหนี้โลกระยะสั้น สำหรับผู้ที่ต้องการ Yield สูง หาก Fed ชะลอการลดดอกเบี้ย พร้อมรับประโยชน์จากดอลลาร์ที่แข็งค่าต่อเนื่อง

ตอนนี้เรากำลังอยู่ในจังหวะทองของตราสารหนี้โลก จากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยสูงสุดในรอบ 20 ปี ทำให้อัตราผลตอบแทนตราสารหนี้น่าสนใจ แถมยังมีโอกาสได้รับ Capital Gain จากการที่ราคากองทุนตราสารหนี้ขยับตัวสูงขึ้น หากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงจากจุดพีกในอนาคต

นอกจากนี้ อีก 2 ปัจจัยหนุนที่ทำให้ตราสารหนี้โดยเฉพาะในสกุลเงินสหรัฐฯ น่าสนใจ คือ

  1. เศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่กำลังร้อนแรง ทำให้เฟดยังคงดอกเบี้ยในระดับสูง เพื่อกดเงินเฟ้อลงสู่เป้า 2% ต่อไป เห็นได้จากการจ้างงานและเงินเฟ้อที่สูงกว่าคาดทั้งคู่ในเดือนมกราคม 
  2. สกุลเงินดอลลาร์ที่กำลังแข็งค่า เมื่อเทียบกับสกุลเงินอื่น 

 

และหนึ่งในกองทุนที่ตอบโจทย์ภาวะการลงทุนดังกล่าวคือ กองทุน ABGFIX-A

รู้จักกองทุน ABGFIX-A

กองทุน ABGFIX-A หรือ กองทุนเปิด อเบอร์ดีน โกลบอล เอนแฮนซ์ ฟิกซ์ อินคัม ฟันด์ ชนิดสะสมมูลค่า เป็นกองทุนรวมตราสารหนี้ที่มีความเสี่ยงระดับ 4 ลงทุนในกองทุนหลักคือ abrdn SICAV I – Short Dated Enhanced Income Fund, Class Z Acc USD (กองทุนหลัก) 

กองทุนหลักมีนโยบายคือ

  • ลงทุนในตราสารหนี้สกุลเงินสหรัฐฯ เป็นหลัก
  • ลงทุนในตราสารหนี้สกุลเงินอื่นบางส่วน แต่จะทำการป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนกลับมาเป็นเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐฯ

 

กองทุนแบ่งการลงทุนออกเป็น ตราสารหนี้ที่ลงทุนจะอยู่ในระดับ investment grade อย่างน้อย 50% และจะลงทุนใน sub-investment grade ไม่เกิน 20% มี Duration อยู่ที่ 1.3 ปี และ Yield to Maturity ที่ 6.93% (USD) ค่าเฉลี่ย Credit Rating ของกลุ่มอยู่ที่ A- อ้างอิงข้อมูลจากอเบอร์ดีน

อันดับความน่าเชื่อถือ อายุเฉลี่ยของตราสารหนี้ และอัตราผลตอบแทนเมื่อถือจนครบอายุเฉลี่ยของกองทุน ABGFIX-A | Source: abrdn.com as of 29/09/2023

สัดส่วนการลงทุนของกองทุนหลักของกองทุน ABGFIX-A | Source: หนังสือชี้ชวนส่วนสรุปข้อมูลสำคัญ ABGFIX-A as of 31/01/2024

นโยบายการลงทุนของ ABGFIX-A

  • High quality พอร์ตลงทุนมีอันดับความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้เฉลี่ยอยู่ในเกณฑ์ที่ดี ไม่ต่ำกว่า A-
  • Enhanced yield กองทุนหลักตั้งเป้าอัตราผลตอบแทน +1.75-2.25% จาก SOFR (อัตราดอกเบี้ยการกู้ยืมระยะข้ามคืนโดยมีพันธบัตรรัฐบาลเป็นหลักประกัน) ซึ่ง ณ 29 กันยายน 2566 SOFR อยู่ที่ 5.31% (ที่มา: Bloomberg) กับตราสารหนี้คุณภาพสูงทั่วโลกพร้อมส่วนเพิ่มจากการลงทุนใน High Yield Bond ไม่เกิน 20% โดยอัตราผลตอบแทนเมื่อถือจนครบกำหนดอายุ (YTM) ของกองทุนหลัก ณ สิ้นเดือนกันยายน อยู่ที่ 6.93% จากข้อมูลของอเบอร์ดีน ซึ่งถือว่าค่อนข้างสูง เมื่อเทียบกับความเสี่ยง และตัวเลือกการลงทุนอื่น ๆ อย่างไรก็ตาม YTM ไม่ใช่ผลตอบแทนโดยรวมจากการลงทุนของกองทุน (Total Return)
  • Low volatility ความผันผวนต่ำ ด้วยอายุเฉลี่ยตราสารหนี้ของพอร์ตน้อยกว่า 2 ปี ลดความเสี่ยงที่อาจเกิดจากการเปลี่ยนแปลงของอัตราดอกเบี้ย
  • Advanced liquidity สภาพคล่องสูง ผู้ลงทุนสามารถรับเงินขายคืนภายใน 2 วันทำการ

กองทุนตราสารหนี้ระยะสั้นที่เน้นสกุลเงินดอลลาร์ ทำไมถึงน่าสนใจ?

ตอนนี้เราอยู่ในภาวะ inverted yield curve หรือพูดง่าย ๆ คือ ผลตอบแทนของตราสารหนี้ระยะสั้นสูงกว่าระยะยาว เวลานี้จึงเป็นจุดที่ดีในการลงทุนตราสารหนี้พันธบัตรระยะสั้น 1-3 ปี

นอกจากนี้ แม้ว่าตลาดตราสารหนี้ในยุโรปและสหรัฐฯ จะเกิด inverted yield curve ทั้งสองตลาด แต่เรามองว่า ตราสารหนี้สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ จะให้ผลตอบแทนในรูปอัตราดอกเบี้ยที่ดีกว่า เพราะ Fed น่าจะคงดอกเบี้ยในระดับสูงต่อไป อีกทั้งความแข็งแกร่งของเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ก็เป็นตัวหนุนให้การลงทุนในตราสารหนี้สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ น่าสนใจ

รายละเอียดอื่น ๆ เพิ่มเติม

  • เป็นกองทุนรวมตราสารหนี้
  • เป็นกองทุนความเสี่ยงระดับ 4 (เสี่ยงปานกลางค่อนข้างต่ำ)
  • กองทุนอาจลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Derivatives) เพื่อป้องกันความเสี่ยง (Hedging) และ/หรือเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารการลงทุน (Efficient Portfolio Management)
  • ค่าธรรมเนียมซื้อ 1%
  • ค่าธรรมเนียมขาย ยกเว้น
  • ลงทุนขั้นต่ำครั้งแรก 1,000 บาท
  • ลงทุนขั้นต่ำครั้งถัดไป 1,000 บาท

ศึกษารายละเอียดของกองทุนเพิ่มเติมได้ที่ https://www.finnomena.com/fund/

คว้าโอกาสในรอบทศวรรษของตราสารหนี้ด้วย ABGFIX-A

FINNOMENA FUNDS ได้มีมุมมองการลงทุนภายใต้คำแนะนำ Tactical Call ในกองทุน ABGFIX-A ซึ่งเป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับนักลงทุนที่ต้องการ Yield ที่สูง เนื่องจากมีการลงทุนในตราสารหนี้บริษัท ปัจจุบันกองทุน ABGFIX-A ไม่ป้องกันความเสี่ยงค่าเงิน จึงทำให้กองทุนเคลื่อนไหวตาม USDTHB โดยคำแนะนำมีดังนี้

  1. แนะนำเข้าลงทุนที่ USDTHB ไม่เกินระดับ  35.95  (+0.9% จากระดับราคาวันที่ 12/12/2023) ซึ่งเป็นระดับราคาที่เราแนะนำให้พิจารณาชะลอการเข้าซื้อ (หยุดซื้อ) ภายใต้คำแนะนำ Tactical Call เนื่องจากทำให้ Risk/Reward ratio เข้าใกล้ระดับ 1:1
  2. แนะนำ Take Profit หรือขายทำกำไร เมื่อ USDTHB ปรับตัวขึ้นถึง 37.2 (Upside 4.2% จากระดับราคาวันที่ 12/12/2023 และ 3.48% จากจุดหยุดเข้าซื้อ) ซึ่งเป็นจุดสูงสุดเดิมของรอบย่อที่ผ่านมา
  3. แนะนำ Limit Loss หรือตัดขาดทุนทันที เมื่อ USDTHB ปิดตลาดต่ำกว่า 34.7 ซึ่งเป็นจุดต่ำสุดเดิมในเดือนพ.ย. (Downside 2.7% จากราคาวันที่ 12/12/2023 และ -3.48% จากจุดหยุดเข้าซื้อ) โดยเราอาจพิจารณาแนะนำ Trailing Stop โดยใช้เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 20 วัน (20 MA) โดยเราจะประเมินสถานการณ์และแจ้งให้ทราบอีกครั้ง

นักลงทุนที่เหมาะกับคำแนะนำนี้ ระยะสั้นนี้ควร…

  • เป็นนักลงทุนที่มีเงินสด หรือสภาพคล่องส่วนเกิน และรับความผันผวนได้สูง
  • ใช้เงินลงทุนในสัดส่วนไม่เกิน 10% ของภาพรวมพอร์ตการลงทุนทั้งหมด
  • นักลงทุนต้องยอมรับการ Limit Loss หรือ การตัดขาดทุนได้ทันที

FINNOMENA FUNDS ให้คุณได้ลงทุนในกองทุนรวมชั้นนำของประเทศไทยจากหลากหลาย บลจ. ตอบโจทย์ทุกความต้องการ ไม่ว่าจะลงกองเดี่ยว จัดพอร์ต วางแผนลงทุน หรือลดหย่อนภาษี ดูรายละเอียดเพิ่มเติม คลิก https://finno.me/get-started-ws


อ้างอิง

คำเตือน

การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน | ผลการดำเนินงานในอดีต และผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต | ผู้ลงทุนอาจมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากการป้องกันความเสี่ยงขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้จัดการกองทุน | กองทุนรวมนี้ลงทุนกระจุกตัวในผู้ออกตราสารหรือประเทศใดประเทศหนึ่ง จึงมีความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนจำนวนมาก ผู้ลงทุนจึงควรพิจารณาการกระจายความเสี่ยงของ พอร์ตการลงทุนโดยรวมของตนเองด้วย | คำแนะนำการลงทุนนี้เป็นไปตามกรอบการพิจารณาของ FINNOMENA FUNDS ซึ่งมีเป้าหมายในการสร้างโอกาสรับผลตอบแทนในกรอบระยะเวลาตามวัตถุประสงค์การลงทุนที่แตกต่างกันตามคำแนะนำ บริษัทมิได้การันตีถึงผลตอบแทนที่จะได้จากคำแนะนำการลงทุนดังกล่าว มีความเสี่ยงที่ผลตอบแทนอาจไม่เป็นไปตามคาดหวัง หรือมีผลขาดทุนได้ | สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน ฟินโนมีนา จำกัด ในช่วงเวลาวันทำการตั้งแต่ 09:00-17:00 น. ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 026 5100 และทาง LINE “@FINNOMENAPORT

ดูกราฟ ABGFIX-A

เมื่อกดปุ่ม “รับรายละเอียดเพิ่มเติม ” แสดงว่าคุณยินยอมให้บริษัท ฟินโนมีนา จำกัด และบริษัทในเครือ เก็บรวบรวมและใช้ข้อมูลเพื่อแนะนำบริการ แจ้งสิทธิประโยชน์ เป็นที่ปรึกษาการลงทุน ประชาสัมพันธ์ และดำเนินการที่เกี่ยวข้อง ศึกษานโยบายความเป็นส่วนตัว

ABGFIX-A
ดูคลิปประกอบ
ABGFIX-A
เขียวยกแผง! อัปเดตผลตอบแทนกองทุนใน FundTalk The Contrarian Portfolio บวกสูงสุด 8.28% นับตั้งแต่จัดตั้งพอร์ตช่วงต้นปีนี้
ความเห็นจาก Finnomena : รีวิวผลตอบแทน GOR พอร์ตที่วางแผนด้วยกลยุทธ์ระดับ World Class ปี 2023 ทำผลตอบแทนไปได้ถึง 10.22% !!

FundTalk The Contrarian Portfolio จัดตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 18 .. 2567 ที่ผ่านมาโดย Jet – The Contrarian Investor ซึ่งหัวใจสำคัญของคือการกระจายจัดพอร์ตให้ใกล้เคียงกับ Market Cap ของหุ้นแต่ละประเทศในโลก โดยในปัจจุบันสัดส่วน Market Cap ของหุ้นโลกตอนนี้อยู่ที่หุ้นประเทศพัฒนาแล้ว 75% และหุ้นประเทศกำลังพัฒนาอีก 25% เมื่อเทียบหุ้นกับตราสราหนี้แล้วสัดส่วนจะอยู่ที่ 45% ต่อ 55%

อัปเดตผลการดำเนินการของของพอร์ต ณ วันที่ 20 .. 2567 พอร์ต FundTalk The Contrarian Portfolio ทำผลตอบแทนไป 3.99% นับตั้งแต่เริ่มจัดตั้งพอร์ต ซึ่งเป็นผลพวงจากกองทุนในพอร์ตที่พร้อมใจกันปรับตัวขึ้น ได้แก่

 

เขียวยกแผง! อัปเดตผลตอบแทนกองทุนใน FundTalk The Contrarian Portfolio บวกสูงสุด 8.28% นับตั้งแต่จัดตั้งพอร์ตช่วงต้นปีนี้

สัดส่วนกองทุนใน FundTalk The Contrarian Portfolio ณ วันที่ 18 ม.ค. 2024

หมายเหตุ

  • ข้อมูลผลตอบแทนกองทุนนับตั้งแต่ต้นปี (YTD) ณ วันที่ 20 ก.พ. 2567
  • พอร์ตนี้ยังไม่มีอยู่ใน Model Port ของ FINNOMENA FUNDS

 

ถือเป็นอีกหนึ่งไอเดียการจัดพอร์ตที่น่าจับตามอง ซึ่งเราก็ยังคงต้องจับตาดูความเคลื่อนไหวกันอย่างใกล้ชิดต่อไป

ดูมุมมองและอัปเดตพอร์ตจาก Jet – The Contrarian Investor เพิ่มเติมได้ในคลิปนี้

และสำหรับผู้ที่สนใจกองทุน KFUS-A แต่ยังไม่ได้เข้าซื้อ เนื่องจากปัจจุบันมีการประกาศปิดรับคำสั่งซื้อและสับเปลี่ยนเข้าแล้ว ในเร็ว ๆ นี้จะมีการคัดเลือกกองทุนอื่นมาทดแทน รอติดตามกันนะครับ


คำเตือน: ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน | ผลการดำเนินงานในอดีต และผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคตผู้ลงทุนอาจมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากการป้องกันความเสี่ยงขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้จัดการกองทุน | คำแนะนำการลงทุนนี้เป็นไปตามกรอบการพิจารณาของ FINNOMENA FUNDS ซึ่งมีเป้าหมายในการสร้างโอกาสรับผลตอบแทนในกรอบระยะเวลาตามวัตถุประสงค์การลงทุนที่แตกต่างกันตามคำแนะนำ | บริษัทมิได้การันตีถึงผลตอบแทนที่จะได้จากคำแนะนำการลงทุนดังกล่าว มีความเสี่ยงที่ผลตอบแทนอาจไม่เป็นไปตามคาดหวัง หรือมีผลขาดทุนได้ | สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน ฟินโนมีนา จำกัด ในช่วงเวลาวันทำการตั้งแต่ 09:00-17:00 . ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 026 5100 และทาง LINE @FINNOMENAPORT | สำหรับผู้ลงทุนในความดูแลของ Kept by Krungsri ติดต่อทีม Kept help center ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 296 6299

อื่นๆ

เมื่อกดปุ่ม “รับรายละเอียดเพิ่มเติม ” แสดงว่าคุณยินยอมให้บริษัท ฟินโนมีนา จำกัด และบริษัทในเครือ เก็บรวบรวมและใช้ข้อมูลเพื่อแนะนำบริการ แจ้งสิทธิประโยชน์ เป็นที่ปรึกษาการลงทุน ประชาสัมพันธ์ และดำเนินการที่เกี่ยวข้อง ศึกษานโยบายความเป็นส่วนตัว

ดูคลิปประกอบ

ครั้งหนึ่ง วอร์เรน บัฟเฟ็ตต์ เคยกล่าวไว้ว่า “การลงทุนเป็นเหมือนการวิ่งมาราธอน ไม่ใช่การวิ่งระยะสั้น”

ในภาวะการลงทุนปัจจุบันที่เต็มไปด้วยความเปลี่ยนแปลง ไม่ว่าจะเป็นวิกฤตภูมิอากาศ AI ภูมิรัฐศาสตร์ และอื่น ๆ Mindset การลงทุนแบบวิ่งมาราธอน คือมองภาพระยะยาว ถือเป็นเรื่องขาดไม่ได้

และการจะทำแบบนั้นได้ นักลงทุนจำเป็นต้องทำ Asset Allocation สร้างพอร์ตแบบ Multi Asset เพื่อให้เกิดการกระจายความเสี่ยง สามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่องทุกภาวะตลาดในระยะยาว

สาเหตุสำคัญที่ทำให้เราต้องกระจายการลงทุนคือ สินทรัพย์ชนิดหนึ่งไม่สามารถสร้างผลตอบแทนได้ดีที่สุดตลอดไป

ถ้าตามติดข่าวสารด้านการลงทุนจะเห็นได้เลยว่าสภาวะตลาดเปลี่ยนไปทุกปี เช่น ในยุคที่ดอกเบี้ยสูงในปีก่อน ๆ หุ้นเติบโตไม่สามารถทำผลได้ดีเท่าที่ควร ดังนั้น การจัดพอร์ตแบบ Multi Asset จึงเปิดโอกาสให้ในระยะยาวเราสามารถทำผลตอบแทนได้น่าพอใจไม่ว่าสินทรัพย์ไหนจะทำผลงานได้ดีในช่วงเวลานั้น

ที่มา: Presentation Slide รายการ Portfolio Mastery ณ วันที่ 23/02/2024

หากใครสนใจการลงทุนในพอร์ตที่มีนโยบายแบบ Multi Asset วันนี้ FINNOMENA FUNDS ขอแนะนำ Global Perspective Portfolio by KAsset ช่วยสร้างผลตอบแทนระยะยาวผ่านพอร์ตการลงทุนที่มีการกระจายลงทุนเป็นอย่างดี

รู้จัก Global Perspective Portfolio by KAsset

Global Perspective Portfolio by KAsset ใช้แนวคิด Core-Satellite portfolio คือ

– มี Core Portfolio (80%) เป็นพอร์ตพลักที่ถือไปยาว ๆ 

– มี Satellite Portfolio (20%) เป็นพอร์ตที่ช่วยสร้างโอกาสผลตอบแทนในระยะสั้นกว่า

ความพิเศษคือในส่วนของ Satellite Portfolio จะมีการแบ่งย่อยเป็น 2 ส่วนอีก คือ 

– Return-seeking Satellite (10%) ช่วยหาโอกาสผลตอบแทนเพิ่มเติม

– Diversifying Satellite (10%) ช่วยกระจายความเสี่ยง มี correlation กับ Core Port ต่ำ

นอกจากนี้ Global Perspective Portfolio by KAsset ยังมีการผสานมุมมองการลงทุนจาก J.P. Morgan Asset Management ซึ่งเป็นบลจ. ระดับโลกเข้ามาอีกด้วย

อ่านข้อมูลของ Global Perspective Portfolio by KAsset เพิ่มเติม : https://finno.me/global-perspective-port 

ที่มา: Presentation Slide รายการ Portfolio Mastery ณ วันที่ 23/02/2024

ติดตามรายการใหม่ Portfolio Mastery

นักลงทุนสายจัดพอร์ต สามารถติดตามรายการใหม่ Portfolio Mastery – รีวิวทุกข้อมูลพอร์ตการลงทุนที่คุณถือ” ได้ทุกวันพฤหัสบดี เวลา 1 ทุ่มตรง!

‍‍‍‍‍‍รายการที่จะนำทุกพอร์ตการลงทุนของ FINNOMENA มาทำการ review เชิงลึกให้นักลงทุนได้ติดตามความเคลื่อนไหวและมุมมองการลงทุน พร้อมกลยุทธ์ที่ใช้ในอนาคต รวมถึงแนะนำพอร์ตการลงทุนที่เหมาะสมในแต่ละช่วง ‍‍ ‍‍‍

โดยคุณกิ๊ก กสิณ สุธรรมมนัส หรือ Coach Gigs – The Global Allocation และคุณหยง วศิน ปริธัญ – The Long-term Growth

สำหรับ EP. ล่าสุดเรื่อง Global Perspective Portfolio by KAsset รับชมย้อนหลังได้ที่ https://www.youtube.com/live/BWe_aC0OOeQ


คำเตือน

ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน | ผลการดำเนินงานในอดีต และผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต | ผู้ลงทุนอาจมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากการป้องกันความเสี่ยงขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้จัดการกองทุน | คำแนะนำการลงทุนนี้เป็นไปตามกรอบการพิจารณาของ FINNOMENA FUNDS ซึ่งมีเป้าหมายในการสร้างโอกาสรับผลตอบแทนในกรอบระยะเวลาตามวัตถุประสงค์การลงทุนที่แตกต่างกันตามคำแนะนำ | บริษัทมิได้การันตีถึงผลตอบแทนที่จะได้จากคำแนะนำการลงทุนดังกล่าว มีความเสี่ยงที่ผลตอบแทนอาจไม่เป็นไปตามคาดหวัง หรือมีผลขาดทุนได้ | สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน ฟินโนมีนา จำกัด ในช่วงเวลาวันทำการตั้งแต่ 09:00-17:00 น. ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 026 5100 และทาง LINE @FINNOMENAPORT | สำหรับผู้ลงทุนในความดูแลของ Kept by Krungsri ติดต่อทีม Kept help center ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 296 6299

ดูกราฟ -

เมื่อกดปุ่ม “รับรายละเอียดเพิ่มเติม ” แสดงว่าคุณยินยอมให้บริษัท ฟินโนมีนา จำกัด และบริษัทในเครือ เก็บรวบรวมและใช้ข้อมูลเพื่อแนะนำบริการ แจ้งสิทธิประโยชน์ เป็นที่ปรึกษาการลงทุน ประชาสัมพันธ์ และดำเนินการที่เกี่ยวข้อง ศึกษานโยบายความเป็นส่วนตัว

ดูคลิปประกอบ
กองทุน Nvidia

Highlight (คลิกอ่านเฉพาะหัวข้อที่สนใจได้เลย)

ถ้าจะพูดถึง Super Stock ของปี 2023 แน่นอนว่าต้องเป็น NVDA หรือ Nvidia Corporation ผู้ผลิตชิปรายใหญ่ของโลก ที่ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นอย่างร้อนแรง จนมูลค่าบริษัทพุ่งทะลุ 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐได้สำเร็จ

NVDAภาพแสดงความเคลื่อนไหวของราคาหุ้น Nvidia ตั้งแต่ปี 2001 จนถึงปี 2024
Source: Benzinga, companies market cap as of 20/02/2024 

ราคาหุ้น Nvidia ตั้งแต่ต้นปี 2023 ปรับเพิ่มขึ้นมากกว่า 300% ทำ All Time High ครั้งแล้วครั้งเล่า และขึ้นไปติดทำเนียบ Trillion Dollar Club เป็นรายล่าสุด

Nvidia โตเหนือความคาดหมาย

การเติบโตของ Nvidia นั้นมาจากผลประกอบการที่เหนือความคาดหมาย เนื่องจากธุรกิจ Data Center และกระแสของ Generative AI กำลังเป็นเทรนด์ขาขึ้น ทำให้ความต้องการชิป Nvidia สูงขึ้นแบบก้าวกระโดด

ผลประกอบการล่าสุด Q4/2024 (สิ้นสุดเดือนมกราคม 2024) บริษัทมีรายได้ $22.1 พันล้านเหรียญ เพิ่มขึ้น 22% QoQ และเพิ่มขึ้น 256% YoY ขณะที่กำไรอยู่ที่ $12.2 พันล้านเหรียญ เพิ่มขึ้น 33% QoQ และเพิ่มขึ้น 769% YoY โดยคิดเป็นกำไรต่อหุ้น (EPS) ที่ 5.16 เหรียญ มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าจะมี EPS ที่ 4.64 เหรียญ

การขยายตัวส่วนใหญ่มาจากธุรกิจ Data Center ท่ามกลางความต้องการที่เพิ่มขึ้นสำหรับ AI GPU แม้ว่ายอดขายไปยังประเทศจีนจะปรับลดลงอย่างมีนัยสำคัญก็ตาม เพราะข้อกำหนดการออกใบอนุญาตของรัฐบาลสหรัฐฯ

NVDA Q4/24Source: Nvidia Financial Reports as of 22/02/2024

NVDA Q4/24Source: Nvidia Financial Reports, App Economy as of 22/02/2024

ยุคสมัยใหม่ของอุตสาหกรรมคอมพิวเตอร์ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว ทั่วโลกกำลังเปลี่ยนผ่านเข้าสู่ยุค AI

เทคโนโลยี และ GPU ของ Nvidia จะเป็นโครงสร้างพื้นฐานสำคัญในการประมวลผลของ generative AI ที่สามารถใช้ได้กับทุกผลิตภัณฑ์ของบริษัทชั้นนำทั่วโลก

– Jensen Huang ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของ Nvidia –

Nvidia ทำธุรกิจอะไร ทำไมครองตลาด AI

เชื่อว่าเป็นคำถามที่หลายคนยังสงสัยว่าธุรกิจหลักในปัจจุบันของ Nvidia คืออะไร? กลุ่มธุรกิจไหนเป็นแรงขับเคลื่อนการเติบโต แล้วทำไมบริษัทนี้ถึงกำลังก้าวขึ้นมาเป็นผู้ชนะในอุตสาหกรรม AI ชนิดทิ้งห่างคู่แข่งยาว ๆ 

เพราะภาพจำของคนส่วนใหญ่มักจะมอง Nvidia เป็นผู้ผลิตการ์ดจอสำหรับการเล่มเกมที่ตีคู่มากับ AMD และ Intel

อย่างไรก็ตาม ตลาดการ์ดจอพัฒนาไปไกลมาก โดยถูกหยิบไปใช้งานในหลายอุตสาหกรรม เช่น Generative AI, Cloud Computing, Autonomous Vehicle และ Cryptocurrency เป็นต้น ซึ่งล้วนแต่อาศัยการ์ดจอที่มีขุมพลังสูง

ความแตกต่างของ Nvidia คือการมีชิป A100 ที่ถูกออกแบบภายใต้สถาปัตยกรรม Ampere ซึ่งสามารถประมวลข้อมูลได้เร็วกว่า แรงกว่า และเหนือกว่าคู่แข่ง ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ Nvidia ครองส่วนแบ่งตลาดไปเลย

ดังนั้น โครงสร้างรายได้ของ Nvidia ก็เปลี่ยนไปเยอะมากเช่นกัน แม้จะยังขายชิปการ์ดจอสำหรับอุตสาหกรรมเกมอยู่ แต่ก็มีธุรกิจอื่น ๆ เข้ามาเป็น New S-Curve จึงทำให้สัดส่วนรายได้ล่าสุดของบริษัท เป็นดังนี้

1. ธุรกิจ Data Center ประมาณ 81%

2. ธุรกิจ Gaming ประมาณ 13%

3. ธุรกิจอื่น ๆ ได้แก่ แพลตฟอร์ม Metaverse และยานยนต์ อีกประมาณ 6%

ถามว่า Data Center คือธุรกิจอะไรบ้าง สรุปสั้น ๆ คือชิปสำหรับประมวลผลของศูนย์ข้อมูลที่ให้บริการต่าง ๆ เช่น Microsoft Office, Google Docs, Amazon Web Services รวมไปถึงชิปประมวลผลการทำงานของ AI เพื่อใช้ฝึก Deep learning ของบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ทั้งหลาย ซึ่งที่เห็นชัด ๆ อย่างเช่น ChatGPT และ Bard นั่นเอง

NVDA Q4/24Source: Nvidia Financial Reports, App Economy as of 22/02/2024

โพยกองทุนหุ้น Nvidia

อยากซื้อกองทุนที่มีหุ้น Nvidia สัดส่วนเยอะ ๆ มีกองไหนให้เลือกบ้าง บทความนี้จึงรวบรวมมาให้เลือกด้วยกันจาก 5 บลจ. ชั้นนำ ดังนี้

SCBSEMI(A)SCBSEMI(SSF)

สัดส่วนลงทุนใน Nvidia ประมาณ 23.58%

นโยบายการลงทุน: ลงทุนในอุตสาหกรรม Semiconductor ที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นสหรัฐฯ

SCBSEMI(A) ลงทุนขั้นต่ำครั้งแรกและครั้งถัดไป 1 บาท

SCBSEMI(SSF) ลงทุนขั้นต่ำครั้งแรกและครั้งถัดไป 1,000 บาท

UBOT

สัดส่วนลงทุนใน Nvidia ประมาณ 13.98%

นโยบายการลงทุน: ลงทุนในธีม Robotics & AI ที่ครอบคลุมในหลายอุตสาหกรรม 

ลงทุนขั้นต่ำครั้งแรกและครั้งถัดไป 1 บาท

ES-USTECH

สัดส่วนลงทุนใน Nvidia ประมาณ 11.98%

นโยบายการลงทุน: ลงทุนในหุ้นเทคโนโลยีขนาดใหญ่จากดัชนี S&P 500 ของสหรัฐฯ

ลงทุนขั้นต่ำครั้งแรกและครั้งถัดไป 1 บาท

KFGTECH-AKFGTECHRMF

สัดส่วนลงทุนใน Nvidia ประมาณ 9.37%

นโยบายการลงทุน: ลงทุนในบริษัทผู้นำด้านเทคโนโลยีทั่วโลก

ลงทุนขั้นต่ำครั้งแรกและครั้งถัดไป 500 บาท

LHESPORT-A, LHESPORT-D

สัดส่วนลงทุนใน Nvidia ประมาณ 8.58%

นโยบายการลงทุน: ลงทุนในอุตสาหกรรม E-Sports แบบครบทั้งระบบ

ลงทุนขั้นต่ำครั้งแรก 1,000 บาท และครั้งถัดไป 100 บาท

เป็นการรวบรวมข้อมูลสัดส่วนการลงทุนโดย FINNOMENA FUNDS จาก Bloomberg ณ วันที่ 22/02/2024

ศึกษารายละเอียดของกองทุนเพิ่มเติมได้ที่ www.finnomena.com/fund

FINNOMENA FUNDS ให้คุณได้ลงทุนในกองทุนรวมชั้นนำของประเทศไทยจากหลากหลาย บลจ.
ตอบโจทย์ทุกความต้องการ ไม่ว่าจะลงกองเดี่ยว จัดพอร์ต วางแผนลงทุน หรือลดหย่อนภาษี
ดูรายละเอียดเพิ่มเติม คลิก https://finno.me/get-started-ws?ct_id=nvidia-fund


แหล่งข้อมูล

คำเตือน

ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไข ผลตอบแทน ความเสี่ยงและศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่ระบุไว้ในคู่มือการลงทุนในกองทุนรวม SSF และ RMF กรณีไม่ได้ปฏิบัติตามเงื่อนไขภาษี จะไม่ได้สิทธิประโยชน์ตามเงื่อนไขกองทุน | การลงทุนในกองทุนรวมไม่ใช่การฝากเงิน |  ผลการดำเนินงานในอดีต และผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต | กองทุนมีการลงทุนกระจุกตัวในอุตสาหกรรมและประเทศที่ลงทุน จึงมีความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนจำนวนมาก ผู้ลงทุนจึงควรพิจารณาการกระจายความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุนโดยรวมของตนเองด้วย | ผู้ลงทุนอาจมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากการป้องกันความเสี่ยงขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้จัดการกองทุน | สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน ฟินโนมีนา จำกัด ในช่วงเวลาวันทำการตั้งแต่ 09:00-17:00 น. ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 026 5100 และทาง LINE “@FINNOMENAPORT”

ดูกราฟ SCBSEMI(A)

เมื่อกดปุ่ม “รับรายละเอียดเพิ่มเติม ” แสดงว่าคุณยินยอมให้บริษัท ฟินโนมีนา จำกัด และบริษัทในเครือ เก็บรวบรวมและใช้ข้อมูลเพื่อแนะนำบริการ แจ้งสิทธิประโยชน์ เป็นที่ปรึกษาการลงทุน ประชาสัมพันธ์ และดำเนินการที่เกี่ยวข้อง ศึกษานโยบายความเป็นส่วนตัว

SCBSEMI(A)
ดูคลิปประกอบ
SCBSEMI(A)
US Treasury Yield สูงสุดในรอบ 17 ปี !! จังหวะคว้าโอกาสลงทุนตราสารหนี้ มาจัดพอร์ตสร้าง Passive Income
ความเห็นจาก Finnomena : รีวิวผลตอบแทน GOR พอร์ตที่วางแผนด้วยกลยุทธ์ระดับ World Class ปี 2023 ทำผลตอบแทนไปได้ถึง 10.22% !!

อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ (US Treasury Yield) ปรับตัวขึ้นแตะ 4.00% ถือเป็นตัวเลขสูงสุดในรอบกว่า 17 ปี

อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ (US Treasury Yield) ที่ปรับตัวขึ้นส่งผลราคาพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ลดลง โดยตั้งแต่ปี 2022 ราคาตราสารหนี้โลก (ที่ส่วนใหญ่เป็นพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ) ทรุดสุดหนักในรอบกว่า 30 ปี จะเห็นได้จาก Drawdown ของตราสารหนี้โลกในภาพด้านล่างที่ปรับตัวลงไปถึง -25.4 ในวันที่ 20 ตุลาคม 2022

US Treasury Yield สูงสุดในรอบ 17 ปี !! จังหวะคว้าโอกาสลงทุนตราสารหนี้ มาจัดพอร์ตสร้าง Passive Income

จากสถิติตั้งแต่ปี 1984 หลังจากธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) หยุดขึ้นดอกเบี้ย ตราสารหนี้สหรัฐฯ มักให้ผลตอบแทนเป็นบวกเสมอ เนื่องจาก Bond Yield กับราคาพันธบัตรมักวิ่งสวนทางกัน จากภาพจะเห็นได้ว่าผลตอบแทนเฉลี่ยของตราสารหนี้อายุ 6 เดือน หลัง Fed หยุดขึ้นดอกเบี้ยอยู่ที่ 8% ในขณะที่ตราสารหนี้อายุ 1 ปี ผลตอบแทนเฉลี่ยสูงถึง 13%

US Treasury Yield สูงสุดในรอบ 17 ปี !! จังหวะคว้าโอกาสลงทุนตราสารหนี้ มาจัดพอร์ตสร้าง Passive Income

ดังนั้นในช่วงที่ Bond Yield ยังอยู่ในระดับสูงและ Fed เริ่มส่งสัญญาณลดดอกเบี้ย จึงเป็นจังหวะที่ดีในการลงทุนตราสารหนี้เพื่อเพิ่มโอกาสการทำกำไรจากส่วนต่างของราคาตราสารหนี้ (Capital Gain)

สำหรับใครที่อยากคว้าโอกาสลงทุนในตราสารหนี้ วันนี้ FINNOMENA FUNDS ขอแนะนำพอร์ตที่เน้นให้น้ำหนักลงทุนในตราสารหนี้ พร้อมสร้าง Passive Income นั่นคือ พอร์ต GIF และ RIS

  • Global Income Focus (GIF): พอร์ตที่ออกแบบมาสำหรับนักลงทุนที่ต้องการกระแสเงินสดระหว่างทาง ด้วยการผสมสินทรัพย์การลงทุนที่หลากหลาย เพื่อลดความผันผวน และสร้างผลตอบแทนสม่ำเสมอเป็นระยะเวลายาวนาน โดยตั้ง เป้าหมายจ่ายกระแสเงินสดได้ปีละ 4-5% ต่อปี และคาดหวัง Total Return ไว้ที่ 6-8% ต่อปี (ไม่ใช่การันตี)
  • Retirement Income Solution (RIS): พอร์ตการลงทุนสำหรับวัยเกษียณ ก่อนต่อยอดการลงทุนไปยังพอร์ตอื่นๆ มีเป้าหมายสร้างกระแสเงินสดสม่ำเสมอ ในรูปแบบของการจ่ายปันผล หรือ การรับซื้อคืนอัตโนมัติ (Auto Redeem) เฉลี่ย 3-4% ต่อปี พร้อมด้วยนโยบายการควบคุมความผันผวนแบบเข้มงวด ด้วยการตั้งเป้าขาดทุนสูงสุดน้อยกว่า 5% เพื่อให้มั่นใจได้ว่า เงินลงทุนนั้นจะสามารถใช้ได้นานที่สุดหลังเกษียณ

 

US Treasury Yield สูงสุดในรอบ 17 ปี !! จังหวะคว้าโอกาสลงทุนตราสารหนี้ มาจัดพอร์ตสร้าง Passive Income

จะเห็นได้ว่า 2 พอร์ตนี้มี Core Idea คล้าย ๆ กัน แต่พอร์ต RIS จะให้น้ำหนักลงทุนในตราสารทุนหรือหุ้นน้อยกว่าและไม่ได้ลงทุนในกองทุนหุ้นโดยตรง แต่จะลงทุนผ่านกองทุนผสมแทน เนื่องจากเป็นพอร์ตลงทุนสำหรับวัยเกษียณ

ผู้ที่สนใจพอร์ต GIF และ RIS สามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติม พร้อมทดลองสร้างพอร์ตได้ที่
– GIF: https://port.finnomena.com/plan-select/plans/gif
– RIS: https://port.finnomena.com/plan-select/plans/ris

สำหรับนักลงทุนสายจัดพอร์ต สามารถติดตามรายการใหม่ “Portfolio Mastery – รีวิวทุกข้อมูลพอร์ตการลงทุนที่คุณถือ”

ทุกวันพฤหัสบดี เวลา 1 ทุ่มตรง!

ที่จะนำทุกพอร์ตการลงทุนของ FINNOMENA มาทำการ review เชิงลึกให้นักลงทุนได้ติดตามความเคลื่อนไหวและมุมมองการลงทุน พร้อมกลยุทธ์ที่ใช้ในอนาคต รวมถึงแนะนำพอร์ตการลงทุนที่เหมาะสมในแต่ละช่วง

โดยคุณกิ๊ก กสิณ สุธรรมมนัส หรือ Coach Gigs – The Global Allocation และคุณหยง วศิน ปริธัญ – The Long-term Growth

สำหรับ EP เรื่อง Goals Navigator สามารถรับชมย้อนหลังกันได้เลย


คำเตือน: ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน | ผลการดำเนินงานในอดีต และผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคตผู้ลงทุนอาจมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากการป้องกันความเสี่ยงขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้จัดการกองทุน | คำแนะนำการลงทุนนี้เป็นไปตามกรอบการพิจารณาของ FINNOMENA FUNDS ซึ่งมีเป้าหมายในการสร้างโอกาสรับผลตอบแทนในกรอบระยะเวลาตามวัตถุประสงค์การลงทุนที่แตกต่างกันตามคำแนะนำ | บริษัทมิได้การันตีถึงผลตอบแทนที่จะได้จากคำแนะนำการลงทุนดังกล่าว มีความเสี่ยงที่ผลตอบแทนอาจไม่เป็นไปตามคาดหวัง หรือมีผลขาดทุนได้ | สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน ฟินโนมีนา จำกัด ในช่วงเวลาวันทำการตั้งแต่ 09:00-17:00 . ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 026 5100 และทาง LINE @FINNOMENAPORT | สำหรับผู้ลงทุนในความดูแลของ Kept by Krungsri ติดต่อทีม Kept help center ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 296 6299

อื่นๆ

เมื่อกดปุ่ม “รับรายละเอียดเพิ่มเติม ” แสดงว่าคุณยินยอมให้บริษัท ฟินโนมีนา จำกัด และบริษัทในเครือ เก็บรวบรวมและใช้ข้อมูลเพื่อแนะนำบริการ แจ้งสิทธิประโยชน์ เป็นที่ปรึกษาการลงทุน ประชาสัมพันธ์ และดำเนินการที่เกี่ยวข้อง ศึกษานโยบายความเป็นส่วนตัว

ดูคลิปประกอบ
กองทุนหุ้นอินเดีย
ความเห็นจาก Finnomena : แนะนำ 2 กองทุนหุ้นอินเดีย ได้แก่ B-BHARATA และ TISCOINA-A ซึ่งมีกลยุทธ์การลงทุนแบบ Active Management เน้นคัดเลือกหุ้นคุณภาพดีและมีศักยภาพในการเติบโต

หุ้นอินเดียเป็นตลาดแห่งความหวังของใครหลายคน จากการถูกหมายมั่นว่าเศรษฐกิจจะเติบโตได้ร้อนแรงมากที่สุดในปีนี้ ส่วนหุ้นอินเดียเองก็ยืนระยะได้อย่างมั่นคง

แต่ในอีกแง่ตลาดหุ้นอินเดียก็ดูจะเป็นดินแดนลึกลับที่นักลงทุนจำนวนมากไม่ค่อยรู้จัก จนบางครั้งอาจจะพลาดโอกาสไปแบบน่าเสียดาย

เอาเป็นว่า… หากใครอยากเริ่มต้นลงทุนใน ‘ตลาดหุ้นอินเดีย’ อยากมีกองทุนหุ้นอินเดียติดพอร์ต บทความนี้จะพามาดูกันว่ามีเรื่องอะไรบ้างที่ต้องรู้ โอกาสและปัจจัยเสี่ยงของตลาดหุ้นอินเดียอยู่ตรงไหน พร้อมกองทุนหุ้นอินเดียที่ Finnomena Funds คัดมาให้แล้ว

Highlight (เลือกอ่านเฉพาะหัวข้อที่สนใจได้เลย)


กองทุนอินเดีย

FINNOMENA FUNDS ให้คุณได้ลงทุนในกองทุนรวมชั้นนำของประเทศไทยจากหลากหลาย บลจ.
ตอบโจทย์ทุกความต้องการ ไม่ว่าจะลงกองเดี่ยว จัดพอร์ต วางแผนลงทุน หรือลดหย่อนภาษี
ดูรายละเอียดเพิ่มเติม คลิก https://finno.me/get-started-ws?ct_id=india-funds-outlook

ความน่าสนใจของประเทศอินเดีย

1. เศรษฐกิจเติบโตเร็วที่สุดในโลก

ในปี 2023 อินเดียเป็นหนึ่งในประเทศที่เศรษฐกิจโตเร็วที่สุดในโลก Real GDP growth อยู่ที่ 6.3% นอกจากนี้ OECD คาดการณ์ว่าปี 2024-2025 เศรษฐกิจอินเดียจะมี GDP เติบโตที่ 6.1% และ 6.5% ตามลำดับ ถือว่าเติบโตมากที่สุดในกลุ่มประเทศเศรษฐกิจหลัก แถมแซงหน้าจีนเป็นที่เรียบร้อย

และหากมองไปที่มูลค่า GDP อินเดียมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 5 ของโลก รองจากสหรัฐฯ จีน ญี่ปุ่น และเยอรมัน เท่านั้น

จุดที่น่าสนใจ คือการเติบโตของอินเดียไม่ได้มาจากการส่งออกเป็นหลัก แต่เป็นการใช้จ่ายภายในประเทศ ซึ่งหนึ่งในแรงผลักดันสำคัญก็คือแผนพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ Atmanirbhar Bharat ‘อินเดียที่พึ่งพาตนเอง’ ของรัฐบาล Narendra Modi

real GDP อินเดีย

Source: OECD Economic Outlook as of 12/02/2024

2. จำนวนประชากรมากที่สุดในโลก และเต็มไปด้วยวัยแรงงาน

อินเดียมีความได้เปรียบเชิงโครงสร้างประชากรเป็นอย่างมาก ปัจจุบันมีจำนวนประชากรเป็นอันดับ 1 ของโลกแล้ว ด้วยจำนวนกว่า 1,429 ล้านคน

ประชากรส่วนใหญ่ยังมีอายุเฉลี่ยที่น้อยเพียง 28.2 ปีเท่านั้น โดยอยู่ในวัยทำงานมากถึง 68% จึงเป็นประเทศที่มีศักยภาพในการพัฒนาได้อีกมากในอนาคต เนื่องจากความแข็งแกร่งของตลาดแรงงานและคุณภาพของประชากรที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง

กองทุนหุ้นอินเดีย

Source: reuters.com as of 20/04/2023

3. โครงสร้างพื้นฐานที่แข็งแรง

อินเดียมีความพร้อมทางด้านโครงสร้างพื้นฐานสำหรับรองรับการเป็นฐานการผลิตใหม่ของโลกในอุตสาหกรรมที่หลากหลาย เนื่องจากรัฐบาลได้อัดฉีดเม็ดเงินลงมาอย่างต่อเนื่อง โดยมีแผนพัฒนาสำคัญ เช่น 

  • BharatMalaProject ส่งเสริมด้านโลจิสติกส์ภายในประเทศ และการเชื่อมต่อระหว่างประเทศให้มีประสิทธิภาพ
  • SaubhagyaProject เพื่อให้คนอินเดียทุกครัวเรือนจะต้องมีไฟฟ้าใช้ 
  • BharatNetProject เป้าหมายให้คนอินเดียก้าวเข้าสู่โลกดิจิทัล โดยสามารถเข้าถึงและใช้งานอินเทอร์เน็ตเพื่อหาความรู้ และทำธุรกรรมออนไลน์

4. ความสัมพันธ์ที่ดีกับสหรัฐอเมริกา

อินเดียและสหรัฐฯ มีสายสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดมาเป็นเวลาหลาย 10 ปี เรียกว่าเป็นเหมือนหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ทางการเมือง เศรษฐกิจ และความมั่นคง เพราะทั้งคู่ต่างยังต้องการกันและกัน เพื่อคานอำนาจการขยายอิทธิพลของจีน

กองทุนหุ้นอินเดีย

Source: REUTERS/Jonathan Ernst

โอกาสและความเสี่ยงของตลาดหุ้นอินเดีย

เห็นความน่าสนใจในแง่ของภาพรวมเศรษฐกิจไปแล้ว ทีนี้ลองมาเจาะลึกลงไปดูในระดับอุตสาหกรรมและตลาดหุ้นกันบ้าง ว่าตอนนี้หุ้นอินเดียมีโอกาสอะไรรออยู่ข้างหน้า หรือมีปัจจัยเสี่ยงเรื่องไหนบ้างที่ต้องระวัง

แรงซื้อต่างชาติไหลกลับเข้าหุ้นอินเดียต่อเนื่อง

หุ้นอินเดียปรับฐานช่วงต้นปีพักนึง ก่อนที่จะกลับมาวิ่งฉิวเป็นขาขึ้นยาว ๆ โดยมีปัจจัยหนุนจากการเข้ามาไล่ซื้อของนักลงทุนต่างชาติที่คาดหวังการเติบโตทางเศรษฐกิจอันแข็งแกร่ง สวนทางประเทศอื่น ๆ ในภูมิภาคเอเชียที่ดูสะดุดลง 

Bloomberg รายงานว่าในช่วงไตรมาส 2 ปี 2023 นักลงทุนต่างชาติซื้อหุ้นอินเดีย 9,400 ล้านดอลลาร์ และคิดเป็นกว่า 30% ของมูลค่า Market Cap.

กองทุนหุ้นอินเดีย

Source: FINNOMENA, Bloomberg as of 26/06/2023

Valuation ที่แพง แต่แลกกับการเติบโต

แม้ว่า Valuation ของหุ้นอินเดียยังอยู่ในโซนสูง แต่ก็ถือว่าปรับลดลงมาประมาณนึงแล้ว รวมทั้งแลกมากับโอกาสการเติบโตที่สูงในอนาคต ซึ่งหุ้นอินเดียถูกปรับคาดการณ์กำไรดีกว่าหุ้นโลกต่อเนื่องมาตั้งแต่ปีก่อน 

กองทุนหุ้นอินเดีย

Source: FINNOMENA, Bloomberg as of 26/06/2023

ดัชนี PMI ขยายตัวสูง และมีโมเมนตัมที่ดี

ดัชนีที่บ่งชี้สภาวะทางเศรษฐกิจของภาคการผลิตและบริการอย่างดัชนี PMI (Purchasing Managers’ Index) ที่วัดความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจในประเทศ สะท้อนว่าอินเดียกำลังขยายตัวได้ในระดับสูงมากอย่างต่อเนื่อง และเหนือว่าประเทศอื่น ๆ ในหลายแง่มุม

กองทุนหุ้นอินเดีย

Source: FINNOMENA, Bloomberg as of 26/06/2023

รู้จักดัชนีหุ้นอินเดีย มีอะไรบ้าง?

ตลาดหุ้นอินเดียจะมีดัชนีหลักของประเทศที่เทรดกันบนสกุลเงินรูปีอินเดียด้วยกัน 2 ดัชนี ได้แก่ 

  • Nifty 50 คือ ดัชนีที่ประกอบด้วยหุ้นขนาดใหญ่ 50 ตัวแรกในตลาดหุ้นอินเดีย
  • Sensex คือ ดัชนีที่ประกอบด้วยหุ้นขนาดใหญ่ 30 ตัวแรกในตลาดหุ้นอินเดีย

แต่ดัชนีซึ่งเป็นที่นิยมมากที่สุดของกองทุนรวมเพื่อใช้เป็นตัวชี้วัด (Benchmark) สำหรับตลาดหุ้นอินเดีย คือ MSCI India ที่ประกอบด้วยหุ้นขนาดกลางและขนาดใหญ่ 114 ตัวในตลาดหุ้นอินเดีย

อย่างไรก็ดี ทั้ง 3 ดัชนีมีสัดส่วนการให้น้ำหนักในหุ้นและกลุ่มอุตสาหกรรมค่อนข้างคล้ายคลึงกัน โดยหุ้น Top Holding นำมาด้วย Reliance ที่เป็นบริษัทพลังงานและปิโตรเคมี, ธุรกิจธนาคารและสินเชื่ออย่าง ICCI Bank และ Housing Dev Finance ตลอดจนธุรกิจไอทียักษ์ใหญ่ อย่าง Infosys และ Tata Consultancy Services 

กองทุนไทยที่มีนโยบายลงทุนในหุ้นอินเดีย

ถ้าเริ่มสนใจลงทุนในหุ้นอินเดีย ปัจจุบันมีกองทุนไทยที่มีนโยบายลงทุนในอินเดียให้เลือกมากมาย ดังนี้

กองทุนหุ้นอินเดีย Active Fund

กองทุนหุ้นอินเดีย Passive Fund

สามารถศึกษารายละเอียดของกองทุนเพิ่มเติมได้ที่ https://www.finnomena.com/fund/

กองทุนหุ้นอินเดียแนะนำ

B-BHARATA กองทุนเปิดบัวหลวงภารตะ

กองทุนหุ้นอินเดียที่มีนโยบายลงทุนผ่านกองทุนหลัก RAMS Investment Unit Trust – India Equities Portfolio Fund II ไม่น้อยกว่า 80% ของ NAV โดยมีกลยุทธ์การลงทุน Active Management เน้นลงทุนในธุรกิจที่ได้รับประโยชน์จากการเติบโตของอุตสาหกรรมในประเทศอินเดีย

  • ค่าความเสี่ยงของกองทุนอยู่ที่ระดับ 6
  • นโยบายป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน (FX Hedging 50.16 %)
  • เงินลงทุนขั้นต่ำ 500 บาท

กองทุนอินเดีย  Source: FINNOMENA FUND as of 12/02/2024

TISCOINA-A กองทุนเปิด ทิสโก้ อินเดีย แอคทีฟ อิควิตี้ ชนิดสะสมผลตอบแทน

กองทุนที่ลงทุนในหุ้นอินเดียผ่าน 3 กองทุนหลักคือ 1.) Nomura Funds Ireland plc India Equity Fund ใช้กลยุทธ์ Active คัดเลือกหุ้นด้วยวิธี Bottom-up 25-30 ตัว จาก Universe ประมาณ 240 ตัว ซึ่งส่วนใหญ่เป็นหุ้นขนาดใหญ่ 2.) FSSA Indian Subcontinent Fund ใช้กลยุทธ์ Active คัดเลือกหุ้นด้วยวิธี Bottom-up ที่ประกอบธุรกิจในอินเดีย, ศรีลังกา, ปากีสถาน และบังคลาเทศ เน้นลงทุน 50 ตัว กระจายในหุ้นขนาดใหญ่ กลาง เล็ก 3.) Goldman Sachs India Equity Portfolio ใช้กลยุทธ์ Active คัดเลือกหุ้นด้วยวิธี Bottom-up ประมาณ 70-100 ตัว จาก Universe ประมาณ 700 ตัว ส่วนใหญ่เป็นหุ้นขนาดกลาง-เล็ก

  • ค่าความเสี่ยงของกองทุนอยู่ที่ระดับ 6
  • ปัจจุบันกองทุนไม่ได้มีการป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน
  • เงินลงทุนขั้นต่ำ 1,000 บาท

TISCOINA-A Source: FINNOMENA FUND as of 12/02/2024

เปรียบเทียบกองทุน B-BHARATA vs TISCOINA-A

เปรียบเทียบกองทุนอินเดีย

กราฟแสดงผลการดำเนินงานย้อนหลัง 1 ปี ข้อมูล ณ 21/02/2024 ที่มา: www.finnomena.com/fund/compare/
** ผลการดำเนินงานในอดีต และผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต **

เปรียบเทียบกองทุนอินเดีย

ตารางเปรียบเทียบข้อมูลกองทุน ข้อมูล ณ 21/02/2024 ที่มา: www.finnomena.com/fund/compare/

สุดท้ายนี้ใครที่มีความสนใจและมองเห็นโอกาสต่อศักยภาพการเติบโตของประเทศอินเดีย หรืออาจจะต้องการกระจายเงินลงทุนในตลาด Emerging Market ใหม่ ๆ นอกเหนือจากจีนและเวียดนาม ตลาดหุ้นอินเดียก็ถือเป็นอีกทางเลือกที่น่าศึกษาและทำความเข้าใจไว้

สามารถศึกษารายละเอียดของกองทุนเพิ่มเติมได้ที่ https://www.finnomena.com/fund/

เลือกสรรโอกาสในการสร้างผลตอบแทนที่ดี คัดสรรกอง พอร์ต และธีมการลงทุนที่คุณห้ามพลาด จัดสรรโดย Finnomena Funds
👉 ลงทะเบียนรับคำแนะนำเพิ่มเติม คลิก >>> https://finno.me/fpick-services


แหล่งข้อมูล

คำเตือน

การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยง ก่อนตัดสินใจลงทุน | ผลการดำเนินงานในอดีต และผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต | กองทุนมีการลงทุนกระจุกตัวในหมวดอุตสาหกรรม และประเทศที่ลงทุน จึงมีความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนจำนวนมาก ผู้ลงทุนจึงควรพิจารณาการกระจายความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุนโดยรวมของตนเองด้วย | ผู้ลงทุนอาจมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากการป้องกันความเสี่ยงขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้จัดการกองทุน | สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน ฟินโนมีนา จำกัด ในช่วงเวลาวันทำการตั้งแต่ 09:00-17:00 น. ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 026 5100 และทาง LINE “@FINNOMENAPORT”

ดูกราฟ B-BHARATA

เมื่อกดปุ่ม “รับรายละเอียดเพิ่มเติม ” แสดงว่าคุณยินยอมให้บริษัท ฟินโนมีนา จำกัด และบริษัทในเครือ เก็บรวบรวมและใช้ข้อมูลเพื่อแนะนำบริการ แจ้งสิทธิประโยชน์ เป็นที่ปรึกษาการลงทุน ประชาสัมพันธ์ และดำเนินการที่เกี่ยวข้อง ศึกษานโยบายความเป็นส่วนตัว

B-BHARATA
ดูคลิปประกอบ
B-BHARATA
รีวิวผลตอบแทนพอร์ต Goals Navigator ความเสี่ยงระดับ 9 ตั้งแต่เปิดตัวทำไปได้ถึง +9.60% !!
ความเห็นจาก Finnomena : รีวิวผลตอบแทน GOR พอร์ตที่วางแผนด้วยกลยุทธ์ระดับ World Class ปี 2023 ทำผลตอบแทนไปได้ถึง 10.22% !!

พอร์ต Goals Navigator ความเสี่ยงระดับ 9 ตั้งแต่เปิดตัวเดือนมีนาคม 2023 ทำผลตอบแทนไปได้ถึง 9.60% มากที่สุดในบรรดาพอร์ตของ Goals Navigator

รีวิวผลตอบแทนพอร์ต Goals Navigator ความเสี่ยงระดับ 9 ตั้งแต่เปิดตัวทำไปได้ถึง +9.60% !!

ที่มา: Presentation Slide รายการ Portfolio Mastery ณ วันที่ 08/02/2024

Goals Navigator คืออะไร? ทำไมถึงตอบโจทย์ทุกการวางแผนเป้าหมายชีวิต?

🎯 Goals Navigator คืออะไร?

Goals Navigator คือ บริการวางแผนลงทุนจัดพอร์ตระดับโลกหนึ่งเดียวในประเทศไทยที่ทาง FINNOMENA และ Franklin Templeton ได้ร่วมมือกันพัฒนาและออกแบบเพื่อตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์และเป้าหมายการลงทุน

โดย Goals Navigator มีจุดเด่นอยู่ที่การจัดพอร์ตที่จะยึดจากเป้าหมายทางการเงินที่แตกต่างกันไปของแต่ละท่าน เพื่อหาพอร์ตการลงทุนที่เหมาะสมในแต่ละช่วงเวลาและทำให้สามารถพิชิตเป้าหมายได้เร็วที่สุด รวมทั้งคำนึงถึงสภาวะตลาด ณ ช่วงเวลานั้น ๆ ซึ่งจะช่วยให้เป้าหมายชีวิตของคุณสำเร็จได้ในทุกสถานการณ์

นอกจากนี้ Goals Navigator ยังช่วยจัดลำดับความสำคัญของเป้าหมาย โดยการแบ่งประเภทของเป้าหมายออกเป็น 4 แบบ ได้แก่ Need, Want, Wish, Dream เพื่อจัดสรรเงินลงทุนตามลำดับความสำคัญของเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด สามารถวางแผนเป้าหมายทุกช่วงชีวิตได้ครบจบในที่เดียว

รีวิวผลตอบแทนพอร์ต Goals Navigator ความเสี่ยงระดับ 9 ตั้งแต่เปิดตัวทำไปได้ถึง +9.60% !!

ที่มา: Presentation Slide รายการ Portfolio Mastery ณ วันที่ 08/02/2024

จุดแข็งที่ Goals Navigator จะเข้ามาช่วยวางแผนการเงินมีอยู่ 4 อย่าง ได้แก่

  1. SUCCESS-DRIVEN : ติดตามผล และปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ ให้เหมาะสมกับสถานการณ์ วางแผนลงทุนเพื่อให้เป้าหมายสำเร็จได้อย่างแท้จริง แห่งเดียวในไทย
  2. MULTI-GOAL : วางแผนหลายเป้าหมายในที่เดียว ครอบคลุมทุกช่วงจังหวะชีวิต ทั้งเกษียณสุขส่งลูกเรียนต่อ ดูแลพ่อแม่ เที่ยวรอบโลก ฯลฯ
  3. MULTI-PRIORITY : กำหนดความสำคัญของแต่ละเป้าหมาย เพื่อจัดสรรเงินลงทุนให้ตอบโจทย์ชีวิตจริง ไม่ว่าจะเป็นความรับผิดชอบ หรือความฝัน
  4. LIFETIME SERVICE : ปรับแผนได้ตามสถานภาพทางการเงินที่ เปลี่ยนแปลงไปมีผู้วางแผนการลงทุนส่วนตัว คอยดูแล และแนะนำจนถึงเป้าหมาย

 

นอกจากนี้ยังมีทีมที่ปรึกษาการลงทุนของ FINNOMENA ที่มีประสบการณ์ด้านการลงทุนอย่างยาวนาน และได้รับความเห็นชอบจากสำนักงาน ก... คอยดูแลคุณอย่างใกล้ชิด พาคุณมุ่งสู่ความสำเร็จไปด้วยกันตั้งแต่ต้นจนถึงปลายทาง

อ่านมาถึงตรงนี้ บางคนอาจจะคิดว่านวัตกรรมระดับนี้ต้องมีเงินลงทุนจำนวนมากแน่ ๆ แต่สำหรับ Goals Navigator ใช้เงินลงทุนเริ่มต้นเพียง 500,000 บาท ก็สามารถเข้าถึงบริการวางแผนการลงทุนระดับโลกได้โดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม

📌 สำหรับท่านที่สนใจพิชิตเป้าหมายทางการเงินไปกับ Goals Navigator สามารถลงทะเบียนรับบริการได้ที่ https://finno.me/gnavi-web

สำหรับนักลงทุนสายจัดพอร์ต สามารถติดตามรายการใหม่ “Portfolio Mastery – รีวิวทุกข้อมูลพอร์ตการลงทุนที่คุณถือ”

ทุกวันพฤหัสบดี เวลา 1 ทุ่มตรง!

ที่จะนำทุกพอร์ตการลงทุนของ FINNOMENA มาทำการ review เชิงลึกให้นักลงทุนได้ติดตามความเคลื่อนไหวและมุมมองการลงทุน พร้อมกลยุทธ์ที่ใช้ในอนาคต รวมถึงแนะนำพอร์ตการลงทุนที่เหมาะสมในแต่ละช่วง

โดยคุณกิ๊ก กสิณ สุธรรมมนัส หรือ Coach Gigs – The Global Allocation และคุณหยง วศิน ปริธัญ – The Long-term Growth

สำหรับ EP เรื่อง Goals Navigator สามารถรับชมย้อนหลังกันได้เลย


คำเตือน: ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน | ผลการดำเนินงานในอดีต และผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคตผู้ลงทุนอาจมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากการป้องกันความเสี่ยงขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้จัดการกองทุน | คำแนะนำการลงทุนนี้เป็นไปตามกรอบการพิจารณาของ FINNOMENA FUNDS ซึ่งมีเป้าหมายในการสร้างโอกาสรับผลตอบแทนในกรอบระยะเวลาตามวัตถุประสงค์การลงทุนที่แตกต่างกันตามคำแนะนำ | บริษัทมิได้การันตีถึงผลตอบแทนที่จะได้จากคำแนะนำการลงทุนดังกล่าว มีความเสี่ยงที่ผลตอบแทนอาจไม่เป็นไปตามคาดหวัง หรือมีผลขาดทุนได้ | สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน ฟินโนมีนา จำกัด ในช่วงเวลาวันทำการตั้งแต่ 09:00-17:00 . ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 026 5100 และทาง LINE @FINNOMENAPORT | สำหรับผู้ลงทุนในความดูแลของ Kept by Krungsri ติดต่อทีม Kept help center ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 296 6299

อื่นๆ

เมื่อกดปุ่ม “รับรายละเอียดเพิ่มเติม ” แสดงว่าคุณยินยอมให้บริษัท ฟินโนมีนา จำกัด และบริษัทในเครือ เก็บรวบรวมและใช้ข้อมูลเพื่อแนะนำบริการ แจ้งสิทธิประโยชน์ เป็นที่ปรึกษาการลงทุน ประชาสัมพันธ์ และดำเนินการที่เกี่ยวข้อง ศึกษานโยบายความเป็นส่วนตัว

ดูคลิปประกอบ
บลจ.ดาโอ: ขอนำเสนอโปรโมชั่นสำหรับผู้ลงทุนกองทุน RMF ระหว่างวันที่ 2 ม.ค. – 30 ธ.ค. 2567
อื่นๆ
ดูคลิปประกอบ
บลจ.วรรณ : ส่งโปรโมชั่นสำหรับลูกค้าเพื่อเพิ่มโอกาสสร้างเงินออมในกองทุน RMF & SSF ในระหว่างวันที่ 3 ม.ค.-30 ธ.ค.67
อื่นๆ
ดูคลิปประกอบ
บลจ.กรุงศรี : ขอแจ้งโปรโมชันสำหรับลูกค้าที่ลงทุนกอง KF1 ตั้งแต่วันที่ 15 มีนาคม – 31 พฤษภาคม 2567
อื่นๆ
ดูคลิปประกอบ
เฮง เฮง เฮง รับปีมังกร แจกอั่งเปาฟรี 10,000 FINT เพียงใส่โค้ด ANGPAO24 ไว้แลกส่วนลดค่าธรรมซื้อกองทุน สูงสุด 20,000 บาท วันที่ 15 – 29 ก.พ. 2567 นี้เท่านั้น
อื่นๆ
ดูคลิปประกอบ
บลจ.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ : Promotion กองทุนเปิด แอล เอช ยูเอส อิควิตี้ (LHUS)_IPO : วันที่ 19 – 27 กุมภาพันธ์ 2567
อื่นๆ
ดูคลิปประกอบ
บลจ.กรุงศรี : ขอแจ้งโปรโมชันสำหรับลูกค้าที่ลงทุนหน่วยลงทุนกับบลจ.กรุงศรี ปี2567
อื่นๆ
ดูคลิปประกอบ
บลจ.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ : Promotion กองทุน SSF, RMF, ThaiESG สำหรับผู้ถือหน่วย ในช่วงวันที่ 2 ม.ค. – 30 ธ.ค. 2567
อื่นๆ
ดูคลิปประกอบ
บลจ.แอสเซท พลัส : Promotion กองทุน SSF, LTF, RMF, ThaiESG ลงทุนภายใน 29 มีนาคม 2567
อื่นๆ
ดูคลิปประกอบ
รับหน่วยลงทุน TISCOSTF ฟรี! มูลค่า 1,000 บาท เมื่อลงทุนใน TISCOHD-A
อยากลงทุนหุ้นปันผลใน SETHD แบบครบ ๆ ไม่ต้องเลือกเองทีละตัว FundTalk Call แนะนำลงทุนในกองทุน “TISCOHD-A”
อื่นๆ
ดูคลิปประกอบ
Term Fund

พันธบัตร

Bond

หุ้นกู้เอกชน

Fund

กองทุน

Port

จัดพอร์ต

Other

อื่นๆ

ลงทุนในหุ้นกู้เอกชน Investment Grade

ผลตอบแทน 3-7% ต่อปี ความเสี่ยงตามความน่าเชื่อถือของบริษัท แนะนำโดย บลป Definit


ลงทุนกองทุนผ่าน FINNOMENA FUNDS DIY

เลือกลงทุนในกองทุนได้ตามระดับความเสี่ยงที่รับได้ เปิดบัญชีกองทุนกับ FINNOMENA ครั้งเดียวลงทุนได้ครบทุก บลจ.ในไทย


จัดพอร์ตการลงทุนกับ FINNOMENA FUNDS PORT


ลดหย่อนภาษีกับ กองทุนลดหย่อนภาษี พร้อมโพย SSF/RMF/Thai ESG


วางแผนการลงทุนทั้งชีวิตกับ Goals Navigators​ ปรับพอร์ตอัตโนมัติ

วางแผนเพื่อคุณโดยเฉพาะ หลายเป้าหมาย ติดตามผลง่าย ปรับได้ตามสถานการณ์ (ดูเพิ่ม: Goals Navigators คืออะไร?)


ลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล กับ Term Fund โอกาสช่วงดอกเบี้ยสูง

ผลตอบแทน 1.8%-2.1% ต่อปี ความเสี่ยงต่ำมาก ทางเลือกอีกสไตล์ของคนไม่ชอบเสี่ยง (ดูเพิ่ม: Term Fund คืออะไร?)


ลงทุนในธุรกิจ SMEs ที่มีศักยภาพสูงของไทย กับหุ้นกู้ Crowd Funding

เป้าหมายผลตอบแทน 5 – 15% ต่อปี พร้อมเกณฑ์วัดความเสี่ยง (ดูเพิ่ม: หุ้นกู้ Crowd Funding คืออะไร?)


ลงทุนใน Private Credit กับ UI FUND ต่อยอดความมั่งคั่งของคุณ

Private Asset ลงทุนในสินทรัพย์นอกตลาด 6 ประเภท เฉพาะนักลงทุนรายใหญ่พิเศษ (ดูเพิ่ม: UI FUND คืออะไร?)

สอบถามเพิ่มเติม 02 026 5100

ดูกราฟ -
ดูคลิปประกอบ

ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน | ผลการดำเนินงานในอดีต และผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต | ผู้ลงทุนอาจมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากการป้องกันความเสี่ยงขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้จัดการกองทุน | กองทุนรวมที่ลงทุนกระจุกตัวในผู้ออกตราสารหรือประเทศใดประเทศหนึ่ง จะมีความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนจำนวนมาก ผู้ลงทุนจึงควรพิจารณาการกระจายความเสี่ยงของ พอร์ตการลงทุนโดยรวมของตนเองด้วย 

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน ฟินโนมีนา จำกัด ในช่วงเวลาวันทำการตั้งแต่ 09:00-17:00 น. ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 026 5100 และทาง LINE “@FINNOMENAPORT | สำหรับผู้ลงทุนในความดูแลของ Kept by krungsri ติดต่อทีม Kept help center ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 296 6299

© 2024 Finnomena. All rights reserved.