จะเห็นว่าจุดที่น่าสนใจของจังหวะนี้ คือหุ้นสหรัฐฯ ย่อลง น้ำมันพุ่งสูงขึ้น แต่คำถามก็คือทำไม Bond Yield กลับปรับตัวลดลง
ถือเป็นความสัมพันธ์ที่ย้อนแย้งเหมือนกัน เพราะปกติแล้วราคาน้ำมันดิบกับ Bond Yield จะวิ่งไปในทิศทางเดียวกัน เนื่องจากราคาน้ำมันที่แพงเป็นสัญญาณว่าเงินเฟ้อกำลังมา Fed จะไม่รีบลดดอกเบี้ย
คำตอบของเหตุการณ์นี้ หากมองให้ขาด Ahead of the Game ตลาดอาจกำลังส่งสัญญาณ Risk-Off กลัวความเสี่ยง จึงโยกเงินลงทุนเข้าตราสารหนี้ ซึ่งเป็น Safe Haven เสี่ยงต่ำ
แนะนำ “ซื้อ” กองทุนหุ้นจีนกลุ่ม All China หลังดัชนีตลาดหุ้นจีนกลับตัวเป็นขาขึ้นอีกครั้ง พร้อมทะยานเหนือแนวต้านสำคัญ โดยแนะนำเข้าลงทุนที่ NAV ของ MCHI ETF ไม่เกิน $40.7
แนะนำ “ซื้อ” กองทุนตราสารหนี้โลกที่ไม่ป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยน (unhedged) รับโอกาส Bond Yield ที่สูง พร้อม Capital Gain เมื่อ Fed ลดดอกเบี้ย และกำไรค่าเงินหากเงินบาทอ่อนค่าต่อ
แนะนำ “ซื้อ” กองทุนหุ้นกลุ่มสุขภาพ Global Health Care เป็นธีม Laggard Play ที่ราคายังขึ้นมาไม่เยอะ และมีโอกาสทะยานต่อจากการเกิด Sector Rotation ซึ่งหมุนจากหุ้นเทคโนโลยี
iShares Global Clean Energy (INRG) – Top 10 Holdings
Source: iShares Global Clean Energy (INRG) as of 16/03/2024
หน้าพอร์ตของกองทุนแม่ของ iShares Global Clean Energy (INRG) ซึ่งเป็นกองทุนหลักของ PRINCIPAL GCLEAN-Aประกอบไปด้วยหุ้นกลุ่มผู้ผลิตพลังงานทางเลือก, Utilities, Industrial, และ Information Technology โดยเน้นการลงทุนในประเทศสหรัฐฯ จีน และเดนมาร์ก
โดยถ้าหากพิจารณาราคา INRG จะพบว่า ราคาจะปรับตัวขึ้น เมื่อ Bond yield อยู่ในทิศทางลดลง ในขณะที่ดอกเบี้ยอยู่ในช่วงขาขึ้น ราคาจะปรับตัวลดลงมา ดังนั้นเมื่อ Fed มีแนวโน้มปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีนี้จึงเป็นโอกาสในการลงทุนในหุ้นกลุ่ม Clean Energy
กราฟราคา PRINCIPAL GCLEAN
Source: FINNOMENA Funds as of 21/03/2024
FundTalk มีมุมมองเชิงบวกต่อหุ้นกลุ่ม Clean Energy จึงแนะนำลงทุนในกองทุน PRINCIPAL GCLEAN-A ซึ่งลงทุนใน iShares Global Clean Energy
นอกจากนี้ FundTalk แนะนำสับเปลี่ยนออกกองทุน TISCOHD-A ซึ่งเป็นกองทุนที่ลงทุนในหุ้นในดัชนี SET High Dividend 30 Total Return Index เนื่องจาก Fund Flow ที่ไหลออกจากตลาดหุ้นไทยต่อเนื่องอาจกดดันต่อตลาดหุ้นไทย ดังนั้นควรเลือกสินทรัพย์อื่นที่มีความน่าสนใจมากกว่า
Source: Finnomena Funds, Bloomberg as of 19/03/2024
ในฝั่งของกำไรบริษัทจดทะเบียนในเอเชีย ในภาพรวมกำไรตลาดมีอัตราการเติบโตที่โดดเด่น โดยสามารถโตได้กว่า 22% อย่างไรก็ดี ตลาดมีการถูกปรับประมาณการกำไรลงแรงในช่วง 2 ถึง 3 ปีที่ผ่านมาจากเศรษฐกิจจีนที่ฟื้นตัวช้ากว่าที่คาด แต่การปรับประมาณการดังกล่าวเริ่มชะลอลงอย่างเห็นได้ชัด โดยสามารถดูได้จากเส้นกำไร EPS next year (เส้นสีฟ้า-กราฟล่าง) ที่มีแนวโน้มทรงตัวนับตั้งแต่เข้าปี 2024 ต่างจากเส้น EPS current year (เส้นสีดำ-กราฟล่าง) ที่ยังถูกปรับลดค่อนข้างเยอะ ภาพดังกล่าวสะท้อนว่ากำไรบริษัทจดทะเบียนในเอเชียมีแนวโน้มที่จะ Bottom out ในปีนี้ และฟื้นตัวได้ดีในปีถัดมา
Valuation
Valuation เอเชียถูกมากกว่าเมื่อเทียบหุ้นโลก
Source: Finnomena Funds, Bloomberg as of 19/03/2024
นอกจากนี้ เมื่อทำการเปรียบเทียบในส่วนของ PE Ratio เอเชีย MSCI Asia ex Japan กับหุ้นโลก MSCI ACWI จะเห็นได้ว่าตลาดเอเชียกำลังซื้อขายในระดับราคาที่ถูกกว่า -2 S.D. นับเป็นมูลค่าที่ถูกกว่าหุ้นโลกมาก
กองทุนลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุน United Asia Fund กองทุนหลักจัดตั้งและบริหารจัดการโดย UOB Asset Management (Singapore) มุ่งหวังให้ผลประกอบการเคลื่อนไหวตามกองทุนหลัก โดยกองทุนหลักใช้กลยุทธ์การบริหารกองทุนเชิงรุก (active management)
กองทุน UOBSAเป็นกองทุนความเสี่ยงสูงระดับ 6 ปัจจุบันป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน (Fx Hedge ration) ที่ 0.00% มีดัชนีชี้วัดเป็น ดัชนี MSCI AC Asia (ex Japan) net TR USD
Source: Finnomena Funds, Morningstar as of 13/03/2024
UOBSA ลงทุนในกองทุนหลัก United Asia Fund ซึ่งที่ผ่านมากองทุน UOBSAสามารถสร้างผลตอบแทนได้โดดเด่นกว่ากองทุนในกลุ่มเดียวกันมาก และที่มาของผลตอบแทนที่โดดเด่น มาจากการกลยุทธ์การเลือกหุ้นด้วย Artificial Intelligence (AI) ซึ่ง United Asia Fund เริ่มใช้ตั้งแต่ปี 2021 ทำให้ผลตอบแทนหลังจากนั้นมีความโดดเด่นมาก
Source: Finnomena Funds, Morningstar as of 13/03/2024
โดยจาก Track Record ที่ผ่านมา AI มีการจัดสัดส่วนได้อย่างแม่นยำ โดยมีการแนะนำลดสัดส่วนการลงทุนในประเทศจีนในช่วงปี 2021 และเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในประเทศอินเดียเข้ามาแทน ส่งผลให้ United Asia Fund สามารถสร้างผลตอบแทนได้อย่างโดดเด่นใน 2-3 ปีที่ผ่านมา นอกจากนี้การปรับสัดส่วนรายเดือนยังสามารถทำได้อย่างรวดเร็วเมื่อเที่ยบกับกองทุนที่ไม่ใช่ AI
กองทุนรวมหุ้นยุโรปที่ บริหารจัดการโดย ELEVA Capital ซึ่งเป็นบริษัทที่มีความชำนาญในการลงทุนในหุ้นยุโรป มีกระบวนวิเคราะห์หุ้นลักษณะ Bottom up โดยลงทุนในบริษัทที่มีศักยภาพการเติบโตระยะยาวและมีความสามารถในการแข่งขัน
ONE-EUROEQ Top HoldingSource: Fund Fact Sheet ของกองทุน ONE-EUROEQ as of 31/1/2024
FundTalk มีมุมมองที่ดีขึ้นต่อราคาพลังงาน จึงแนะนำลงทุนในกองทุน KT-ENERGY ซึ่งลงทุนใน BGF World Energy Fund บริหารกองทุนโดย BlackRock
กองทุนดังกล่าวลงทุนในหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมพลังงานทั่วโลก โดยหุ้นที่กองทุนลงทุนจะต้องดำเนินธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมพลังงาน ไม่ว่าจะเป็นการสำรวจและผลิต ธุรกิจโรงกลั่น หรือธุรกิจอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยปกติแล้วหุ้นในกลุ่มอุตสาหกรรมพลังงานมักได้ประโยชน์จากราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวสูงขึ้น โดยหน่วยลงทุนของกองทุน BGF World Energy Fund มีราคาเคลื่อนไหวไปตามความเคลื่อนไหวของราคาน้ำมันดิบเช่นกัน นักลงทุนจึงสามารถลงทุนผ่านกองทุนดังกล่าว เพื่อให้ได้ประโยชน์จากราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวสูงขึ้นได้
หุ้น 10 ตัวแรกในพอร์ตการลงทุน BGF World Energy Fund
Source: BlackRock as of 29/02/2024
หุ้น 10 ตัวแรกในกองทุน BGF World Energy Fund ประกอบไปด้วยหุ้นพลังงานขนาดใหญ่จากหลากหลายภูมิภาค เช่น อังกฤษ (Shell PLC และ BP PLC) สหรัฐอเมริกา (Exxon Mobil Corp และ Chevron Corp) และยุโรป (TotalEnergies SE)
หากใครสนใจการลงทุนในพอร์ตที่มีนโยบายแบบ Multi Asset วันนี้ FINNOMENA FUNDS ขอแนะนำ Global Perspective Portfolio by KAsset ช่วยสร้างผลตอบแทนระยะยาวผ่านพอร์ตการลงทุนที่มีการกระจายลงทุนเป็นอย่างดี
Global Perspective Portfolio by KAsset ใช้แนวคิด Core-Satellite portfolio คือ
3.) แม้ดัชนีหุ้นทำ New High แต่กำไรเติบโต หนุนให้ PE ไม่แพงอย่างที่คิด โดยดัชนี EURO STOXX 600 ณ วันที่ 01/04/2024 PE อยู่ที่ 14.05 เท่า มองในมิติ Valuation ยังถูกเมื่อเทียบกับหุ้นโลก
นโยบายการลงทุน: กองทุนรวมหุ้นยุโรปที่ลงทุนผ่านกองทุนหลัก Eleva European Selection Fund ไม่น้อยกว่า 80% ของ NAV โดยใช้กระบวนการวิเคราะห์หุ้นแบบ Bottom up เพื่อลงทุนในบริษัทที่มีศักยภาพการเติบโตระยะยาวและมีความสามารถในการแข่งขัน
จุดเด่น: เป็นกองทุนที่พยายามมองหาเพชรในตมที่ราคาไม่แพง แต่มีศักยภาพการเติบโตในระยะยาว ด้วยการบริหารของ Eleva Capital ซึ่งเป็น Fund House ที่มีความชำนาญในการวิเคราะห์หุ้นยุโรป และมี Track Record ที่ดี สามารถเอาชนะดัชนี STOXX 600 ได้กว่า 10% ตั้งแต่จัดตั้งกองทุน
หุ้น Top 10 Holding (คิดเป็นสัดส่วน 35.92% ของพอร์ต)
นโยบายการลงทุน: กองทุนรวมหุ้นยุโรปที่ลงทุนผ่านกองทุนหลัก abrdn SICAV I – European Sustainable Equity Fund ไม่น้อยกว่า 80% ของ NAV โดยมุ่งเน้นลงทุนในบริษัทขนาดใหญ่แบบ High Conviction
จุดเด่น: เน้นลงทุนหุ้นยุโรปแบบ High Conviction ภาพรวมของพอร์ตจึงจะกระจุกอยู่ในหุ้นขนาดใหญ่ในสัดส่วนที่สูง เช่น The 11 GRANOLAS Stock ทำให้สามารถเร่งผลตอบแทนได้แรงกว่าในช่วงที่ตลาดเป็นขาขึ้น
หุ้น Top 10 Holding (คิดเป็นสัดส่วน 50.08% ของพอร์ต)
TLFVMR-ASIAX แตกต่างจากกองทุนหุ้นเอเชียอื่น ๆ ในตลาด นั่นคือแนวคิดว่าควรแยกทั้งญี่ปุ่นและจีนออกจากเอเชียแปซิฟิกไปเลย และกลายมาเป็นกองทุน Asia Pacific ex Japan ex China
Source: A. Stotz Investment Research, mapchart.net as of 18/03/2024
ญี่ปุ่นถือเป็น Developed Market ที่ถูกแยกออกจากดัชนีหุ้น Asia Pacific มานานหลายทศวรรษแล้ว เพราะก่อนหน้านี้หุ้นญี่ปุ่นมีมูลค่ามากกว่าครึ่งหนึ่ง และปัจจุบันคิดเป็นประมาณ 1 ใน 3 ของ Asia Pacific
กองทุนที่มีนโยบายลงทุนในหุ้นจีน A Share ผ่านกองทุนหลัก Aberdeen Standard SICAV I – China A Share Sustainable Equity Fund ซึ่งมีจุดเด่นในเรื่องการมุ่งเน้นลงทุนอย่างยั่งยืน ตั้งแต่กระบวนการคัดเลือกหุ้นเข้าพอร์ตที่คัดเฉพาะหุ้นคุณภาพ 30-40 ตัว กระจายลงทุน 5 ธีมหลัก ได้แก่ Aspiration, Digital, Green, Health และ Wealth
เหมาะกับคนที่เชื่อมั่นในหุ้นจีนแผ่นดินใหญ่ ซึ่งมักล้อไปกับการเติบโตของการบริโภคในจีน และได้รับประโยชน์เต็มที่จากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล นอกจากนี้ หากใครที่ยังกังวลความเสี่ยงเรื่อง Tech War ระหว่างจีนกับสหรัฐฯ หรือกลัวการควบคุมหุ้นเทคโนโลยีของจีน การเลือกกองทุน A Share ก็สามารถลดความกังวลลงไปได้
ตัวอย่างหุ้นจีนในพอร์ต ได้แก่ Kweichow Moutai, Contemporary Amperex Technology, China Merchants Bank, Fuyao Glass Industry, Midea, Shenzhen Mindray Bio-Medical Electronics, Aier Eye Hospital Group, Proya Cosmetics, Ping An Insurance, Bank of Ningbo
กองทุนหุ้นจีน All China ที่มีนโยบายลงทุนผ่านกองทุนหลัก JPMorgan Funds – China Fund เน้นคัดเลือกหุ้นที่จะลงทุนแบบ bottom-up ในบริษัทที่มีการตั้งถิ่นฐานหรือดำเนินธุรกิจในจีน เน้นธุรกิจที่มีศักยภาพการเติบโตเหนือกว่าคู่แข่งอย่างยั่งยืน โดยเฉพาะหุ้นกลุ่ม New Economy ที่ได้ประโยชน์จากแผนพัฒนาเศรษฐกิจจากรัฐบาลจีน
เหมาะกับคนที่อยากกระจายการลงทุนไปในหุ้นจีนหลากหลายตลาดทั้งจีนแผ่นดินใหญ่ ฮ่องกง และอื่นๆ อีกทั้งยังเป็นส่วนผสมของหลากหลายอุตสาหกรรม แม้จะเน้นหนักไปที่กลุ่ม New Economy เช่น Consumer Discretionary, Communication Services, Information Technology, Health Care แต่ก็มีฝั่ง Old Economy เข้ามาด้วย เช่น Financials, Industrials, Consumer Staples, Real Estate
ตัวอย่างหุ้นจีนในพอร์ต ได้แก่ Tencent, Pinduoduo, Alibaba, NetEase, Baidu Meituan, Trip.com, Kweichow Moutai, Ping An Insurance และ China Merchants Bank
กองทุนหุ้นจีน All China ที่เป็น Fund of Fund ที่สามารถลงทุนได้หลากหลายตลาดตั้งแต่ A-Share, H-Share, ADRs รวมถึงหลักทรัพย์อื่นใดที่เกี่ยวข้องกับประเทศจีนในอนาคต ซึ่งปัจจุบันมีการลงทุนผ่านกองทุน Allianz China A-Shares และ Allianz All China Equity เป็นหลัก
ตัวอย่างหุ้นจีนในพอร์ต ได้แก่ Kweichow Moutai, CITIC Securities, China Merchants Bank, Tencent, Alibaba, Trip.com, Shenzhou International Group Holdings, China Construction Bank, Midea และ Shenzhen Mindray Bio-Medical Electronics
เปรียบเทียบกองทุนหุ้นจีน ABCA-A vs MEGA10CHINA-A vs K-CHINA-A(A) vs B-CHINE-EQ
กราฟแสดงผลตอบแทนกองทุนหุ้นจีนในรอบ 1 เดือนที่ผ่านมา
Source: Finnomena Funds as of 18/03/2024
ตอนนี้เรากำลังอยู่ในจังหวะทองของตราสารหนี้โลก จากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยสูงสุดในรอบ 20 ปี ทำให้อัตราผลตอบแทนตราสารหนี้น่าสนใจ แถมยังมีโอกาสได้รับ Capital Gain จากการที่ราคากองทุนตราสารหนี้ขยับตัวสูงขึ้น หากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงจากจุดพีกในอนาคต
หากใครสนใจการลงทุนในพอร์ตที่มีนโยบายแบบ Multi Asset วันนี้ FINNOMENA FUNDS ขอแนะนำ Global Perspective Portfolio by KAsset ช่วยสร้างผลตอบแทนระยะยาวผ่านพอร์ตการลงทุนที่มีการกระจายลงทุนเป็นอย่างดี
รู้จัก Global Perspective Portfolio by KAsset
Global Perspective Portfolio by KAsset ใช้แนวคิด Core-Satellite portfolio คือ
ภาพแสดงความเคลื่อนไหวของราคาหุ้น Nvidia ตั้งแต่ปี 2001 จนถึงปี 2024 Source: Benzinga, companies market cap as of 20/02/2024
ราคาหุ้น Nvidia ตั้งแต่ต้นปี 2023 ปรับเพิ่มขึ้นมากกว่า 300% ทำ All Time High ครั้งแล้วครั้งเล่า และขึ้นไปติดทำเนียบ Trillion Dollar Club เป็นรายล่าสุด
Nvidia โตเหนือความคาดหมาย
การเติบโตของ Nvidia นั้นมาจากผลประกอบการที่เหนือความคาดหมาย เนื่องจากธุรกิจ Data Center และกระแสของ Generative AI กำลังเป็นเทรนด์ขาขึ้น ทำให้ความต้องการชิป Nvidia สูงขึ้นแบบก้าวกระโดด
การขยายตัวส่วนใหญ่มาจากธุรกิจ Data Center ท่ามกลางความต้องการที่เพิ่มขึ้นสำหรับ AI GPU แม้ว่ายอดขายไปยังประเทศจีนจะปรับลดลงอย่างมีนัยสำคัญก็ตาม เพราะข้อกำหนดการออกใบอนุญาตของรัฐบาลสหรัฐฯ
Source: Nvidia Financial Reports as of 22/02/2024
Source: Nvidia Financial Reports, App Economy as of 22/02/2024
ยุคสมัยใหม่ของอุตสาหกรรมคอมพิวเตอร์ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว ทั่วโลกกำลังเปลี่ยนผ่านเข้าสู่ยุค AI
เทคโนโลยี และ GPU ของ Nvidia จะเป็นโครงสร้างพื้นฐานสำคัญในการประมวลผลของ generative AI ที่สามารถใช้ได้กับทุกผลิตภัณฑ์ของบริษัทชั้นนำทั่วโลก
– Jensen Huang ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของ Nvidia –
Nvidia ทำธุรกิจอะไร ทำไมครองตลาด AI
เชื่อว่าเป็นคำถามที่หลายคนยังสงสัยว่าธุรกิจหลักในปัจจุบันของ Nvidia คืออะไร? กลุ่มธุรกิจไหนเป็นแรงขับเคลื่อนการเติบโต แล้วทำไมบริษัทนี้ถึงกำลังก้าวขึ้นมาเป็นผู้ชนะในอุตสาหกรรม AI ชนิดทิ้งห่างคู่แข่งยาว ๆ
ถามว่า Data Center คือธุรกิจอะไรบ้าง สรุปสั้น ๆ คือชิปสำหรับประมวลผลของศูนย์ข้อมูลที่ให้บริการต่าง ๆ เช่น Microsoft Office, Google Docs, Amazon Web Services รวมไปถึงชิปประมวลผลการทำงานของ AI เพื่อใช้ฝึก Deep learning ของบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ทั้งหลาย ซึ่งที่เห็นชัด ๆ อย่างเช่น ChatGPT และ Bard นั่นเอง
Source: Nvidia Financial Reports, App Economy as of 22/02/2024
กองทุนหุ้นอินเดียที่มีนโยบายลงทุนผ่านกองทุนหลัก RAMS Investment Unit Trust – India Equities Portfolio Fund II ไม่น้อยกว่า 80% ของ NAV โดยมีกลยุทธ์การลงทุน Active Management เน้นลงทุนในธุรกิจที่ได้รับประโยชน์จากการเติบโตของอุตสาหกรรมในประเทศอินเดีย