แจ้งเตือน

Opportunity Hub

ศูนย์รวมโอกาสการลงทุนจาก Finnomena
รวมครบจบในที่เดียว ที่ finno.me/opphub

กองทุนแนะนำ
FundTalk Call MEGA10AI-A
ความเห็นจาก Finnomena : แนะนำเข้าซื้อกองทุน MEGA10AI-A หลังราคาปรับตัวลดลงแรง

FundTalk Contrarian Call แนะนำเข้าซื้อกองทุน MEGA10AI-A หลังราคาปรับตัวลดลงแรง จนทำให้ Valuations กลับมาน่าสนใจ ขณะที่แนวโน้มกำไรของหุ้น Big Tech AI ยังคงแข็งแกร่ง

ดัชนี VIX เปรียบเทียบกับดัชนี S&P500
Source: TradingView as of 26/07/2024

Volatility Index (VIX) คือดัชนีวัดความถูกความแพงของออปชั่นที่อ้างอิงดัชนี S&P500 และมักถูกเรียกว่ามาตรวัดความกลัว โดยเมื่อดัชนี VIX เพิ่มขึ้นจนเข้าใกล้ระดับ 20 จุด ถือเป็นสัญญาณให้เริ่มเข้าซื้อ ตามแนวทางการลงทุนแบบ Contrarian 

อัปเดตกองทุน PRINCIPAL GCLEAN-A

หลังจากประธานาธิบดี “โจ ไบเดน” ได้ประกาศถอนตัวจากการเลือกตั้งสหรัฐฯ และเปลี่ยนให้ กมลา แฮร์ริส” เป็นตัวแทนพรรคเดโมแครตในการชิงตำแหน่งประธานาธิบดีในช่วง 4 วันที่ผ่านมา กมลา แฮร์ริส ที่มีนโยบายสนับสนุนด้านพลังงานสะอาด และเชื่อว่าโมเมนตัมของกมลาจะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ส่งผลให้ หุ้นในกลุ่ม Clean Energy ปรับตัวเพิ่มขึ้นตามปัจจัยดังกล่าว 

iShares Global Clean Energy UCITS ETF (INRG)
Source: TradingView as of 26/07/2024

แนะนำลงทุนในกองทุน MEGA10AI-A

สรุปกองทุน MEGA10Ai-A

ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา หุ้นในกลุ่มเทคโนโลยีเดินหน้าปรับฐานอย่างต่อเนื่อง นำโดย NVIDIA (NVDA) ที่ปรับตัวลงมากว่า 20% จากจุดสูงสุดเดิม ซึ่งทำให้ P/E ratio กลับมาอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 5 ปี ขณะที่แนวโน้มกำไร (EPS) ยังโตขึ้นต่อเนื่อง นอกจากนี้ ยังมีหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีตัวอื่น ๆ อาทิเช่น TSMC (TSM) ที่ปรับฐานลงมากว่า 10%, Google (GOOGL) ปรับตัวลงมากว่า 12%, และหุ้นกลุ่ม Magnificent 7 ตัวอื่น ๆ ก็มีการปรับฐานเช่นเดียวกัน 

Market Breadth แนะนำกลับเข้าลงทุนในกลุ่ม Tech
Source: TradingView as of 26/07/2024

นอกจากนี้ยังมีสัญญาณซื้อจาก Market Breadth Indicator ที่มี Win/Loss Ratio ที่ค่อนข้างดี จึงเป็นสัญญาณให้กลับเข้าลงทุนในหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี

สัดส่วนการลงทุนใหม่ใน FundTalk Contrarian Portfolio
Source: Finnomena Funds as of 26/07/2024

FundTalk มองว่าอานิสงส์ดอกเบี้ยขาลง และการปรับฐานของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและปัญญาประดิษฐ์ จน Valuation กลับมาน่าสนใจ ขณะที่แนวโน้มกำไรยังแข็งแกร่ง จึงแนะนำลงทุนในกองทุน MEGA10AI-A

สรุปการปรับสัดส่วน FundTalk Contrarian Portfolio

FundTalk มีคำแนะนำปรับสัดส่วนใน FundTalk Contrarian Portfolio โดยมีสัดส่วนใหม่ ดังนี้

สัดส่วนการลงทุนใหม่ใน FundTalk Contrarian Portfolio
Source: Finnomena Funds as of 26/07/2024

ดู Fund Fact Sheet กองทุนแนะนำ

 

จัดทำโดยบลป. เดฟินิท สำหรับบลน. ฟินโนมีนา (Finnomena Funds)


คำเตือน: ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน | ผลการดำเนินงานในอดีต และผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต | ผู้ลงทุนอาจมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากการป้องกันความเสี่ยงขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้จัดการกองทุน | กองทุนรวมนี้ลงทุนกระจุกตัวในผู้ออกตราสารหรือประเทศใดประเทศหนึ่ง จึงมีความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนจำนวนมาก ผู้ลงทุนจึงควรพิจารณาการกระจายความเสี่ยงของ พอร์ตการลงทุนโดยรวมของตนเองด้วย | คำแนะนำการลงทุนนี้เป็นไปตามกรอบการพิจารณาของ Finnomena Funds ซึ่งมีเป้าหมายในการสร้างโอกาสรับผลตอบแทนในระยะเวลาตามแต่ละประเภทของพอร์ตเท่านั้น บริษัทมิได้การันตีถึงผลตอบแทนที่จะได้จากคำแนะนำการลงทุนดังกล่าว มีความเสี่ยงที่ผลตอบแทนอาจไม่เป็นไปตามคาดหวัง หรือมีผลขาดทุนได้ | สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน ฟินโนมีนา จำกัด ในช่วงเวลาวันทำการตั้งแต่ 09:00-17:00 น. ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 026 5100 และทาง LINE @FinnomenaPort | สำหรับผู้ลงทุนในความดูแลของ Kept by krungsri ติดต่อทีม Kept help center ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 296 6299

เมื่อกดปุ่ม “รับรายละเอียดเพิ่มเติม ” แสดงว่าคุณยินยอมให้บริษัท ฟินโนมีนา จำกัด และบริษัทในเครือ เก็บรวบรวมและใช้ข้อมูลเพื่อแนะนำบริการ แจ้งสิทธิประโยชน์ เป็นที่ปรึกษาการลงทุน ประชาสัมพันธ์ และดำเนินการที่เกี่ยวข้อง ศึกษานโยบายความเป็นส่วนตัว

MEGA10AI-A
MEGA10AI-A
FundTalk Contrarian Portfolio Update
ความเห็นจาก Finnomena : แนะนำเก็บกระสุนพักเงินในกองทุน KKP MP

FundTalk Contrarian Call แนะนำ Take Profit หุ้นตลาดเกิดใหม่ K-SEMQ กับหุ้น AI TISCOAI โดยมองเป็นจังหวะเก็บกระสุนพักเงินใน KKP MP

ในปี 2024 ตลาดหุ้นหลายตลาดทำผลตอบแทนได้อย่างโดดเด่น โดยเฉพาะตลาดหุ้นสหรัฐฯ นำโดยหุ้นในกลุ่มเทคโนโลยี และหุ้นที่ได้รับประโยชน์จากกระแสเรื่องปัญญาประดิษฐ์ อย่างเช่นหุ้นผู้ผลิตชิปอย่าง Nvidia และหุ้นผู้พัฒนาแพลตฟอร์ม AI อย่าง Amazon, Alphabet, Meta ที่ทำผลตอบแทนได้อย่างโดดเด่นตลอดช่วงปี 2024 ที่ผ่านมา อย่างไรก็ดี ครึ่งปีหลังของปี 2024 มีความไม่แน่นอนหลายอย่างเกิดขึ้น เช่นการเลือกตั้งสหรัฐฯ ที่ยังมีความไม่แน่นอนว่านโยบายของผู้ชนะการเลือกตั้งจะเป็นอย่างไร

FundTalk Contrarian Portfolio Update

ราคาหุ้นในกลุ่ม Magnificent 7
Source: Finnomena Funds as of 19/07/2024

ปัจจัยเหล่านี้อาจก่อให้เกิดความผันผวนกับตลาดหุ้น สังเกตได้จากราคาหุ้นในกลุ่ม Magnificent 7 ซึ่งเป็นหุ้นกลุ่มที่ทำผลตอบแทนได้อย่างโดดเด่นในช่วงครึ่งปีแรก มีการปรับตัวลง จากปัจจัยด้านความไม่แน่นอนดังกล่าว ด้วยเหตุนี้ FundTalk จึงมีคำแนะนำขายกองทุนหุ้นสองกอง ได้แก่กองทุน TISCOAI ซึ่งลงทุนใน Xtrackers Artificial Intelligence and Big Data UCITS ETF (XAIX) ลงทุนในหุ้นที่ได้รับประโยชน์จากการเติบโตของกระแส AI และกองทุน K-SEMQ ซึ่งลงทุนใน Templeton Emerging Markets Fund ลงทุนในหุ้นตลาดเกิดใหม่ในหลากหลายประเทศ โดยแนะนำให้พักเงินในกองทุน KKP MP ซึ่งเป็นกองทุนที่ลงทุนในตราสารหนี้รัฐบาลไทยอายุสั้น มีสภาพคล่องสูง เพื่อรอจังหวะลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงต่อไป

คำแนะนำปรับพอร์ต

FundTalk Contrarian Portfolio Update

สัดส่วนการลงทุนใหม่ใน FundTalk Contrarian Portfolio
Source: Finnomena Funds as of 19/07/2024

FundTalk คาดว่าจะเกิดความผันผวนในตลาดหุ้นทั่วโลก จากปัจจัยด้านการเมืองสหรัฐฯ จึงแนะนำขายกองทุน TISCOAI และ K-SEMQ และพักเงินในกองทุนตราสารหนี้ภาครัฐ KKP MP

สรุปการปรับสัดส่วน FundTalk Contrarian Portfolio

FundTalk มีคำแนะนำปรับสัดส่วนใน FundTalk Contrarian Portfolio โดยมีสัดส่วนใหม่ ดังนี้

FundTalk Contrarian Portfolio Update

สัดส่วนการลงทุนใหม่ใน FundTalk Contrarian Portfolio
Source: Finnomena Funds as of 19/07/2024

ดู Fund Fact Sheet กองทุนแนะนำ

 

จัดทำโดยบลป. เดฟินิท สำหรับบลน. ฟินโนมีนา (Finnomena Funds)


คำเตือน: ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน | ผลการดำเนินงานในอดีต และผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต | ผู้ลงทุนอาจมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากการป้องกันความเสี่ยงขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้จัดการกองทุน | กองทุนรวมนี้ลงทุนกระจุกตัวในผู้ออกตราสารหรือประเทศใดประเทศหนึ่ง จึงมีความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนจำนวนมาก ผู้ลงทุนจึงควรพิจารณาการกระจายความเสี่ยงของ พอร์ตการลงทุนโดยรวมของตนเองด้วย | คำแนะนำการลงทุนนี้เป็นไปตามกรอบการพิจารณาของ Finnomena Funds ซึ่งมีเป้าหมายในการสร้างโอกาสรับผลตอบแทนในระยะเวลาตามแต่ละประเภทของพอร์ตเท่านั้น บริษัทมิได้การันตีถึงผลตอบแทนที่จะได้จากคำแนะนำการลงทุนดังกล่าว มีความเสี่ยงที่ผลตอบแทนอาจไม่เป็นไปตามคาดหวัง หรือมีผลขาดทุนได้ | สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน ฟินโนมีนา จำกัด ในช่วงเวลาวันทำการตั้งแต่ 09:00-17:00 น. ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 026 5100 และทาง LINE @FinnomenaPort | สำหรับผู้ลงทุนในความดูแลของ Kept by krungsri ติดต่อทีม Kept help center ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 296 6299

เมื่อกดปุ่ม “รับรายละเอียดเพิ่มเติม ” แสดงว่าคุณยินยอมให้บริษัท ฟินโนมีนา จำกัด และบริษัทในเครือ เก็บรวบรวมและใช้ข้อมูลเพื่อแนะนำบริการ แจ้งสิทธิประโยชน์ เป็นที่ปรึกษาการลงทุน ประชาสัมพันธ์ และดำเนินการที่เกี่ยวข้อง ศึกษานโยบายความเป็นส่วนตัว

KKP MP
KKP MP
Mr.Messenger Call: ขายล็อกกำไร 5% กองทุน SCBNEXT(A)
ความเห็นจาก Finnomena : แนะนำขายทำกำไรกองทุน SCBNEXT(A) หลังปรับตัวขึ้น 5%

แนะนำขายทำกำไรกองทุน SCBNEXT(A) หลังปรับตัวขึ้น 5% แล้วหมุนเข้าลงทุนต่อในอุตสาหกรรมที่มีแนวโน้มขาขึ้นอย่างหุ้น World Energy

ก่อนหน้านี้ Mr.Messenger ได้ออกคำแนะนำ Mr.Messenger Call: โอกาสเก็งกำไรใน ARKW กลับมาอีกครั้ง ก่อนทะยานขึ้นรอบใหม่ เมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม 2024 โดยหลังจากออกคำแนะนำ NAV ของกองทุนที่แนะนำอย่าง SCBNEXT(A) ปรับตัวขึ้น 5% สู่ระดับ 5.89 บาท (ข้อมูล ณ วันที่ 17 กรกฏาคม 2024) จาก 5.58 บาท ณ วันที่ 16 พฤษภาคม 2024

ราคา ARKW (Timeframe day) 

Source: Finnomena Funds, Tradingview as of 18/07/2024 

ล่าสุดราคา ARKW ซึ่งเป็นกองทุนหลักของกองทุน SCBNEXT(A) ปรับตัวทดสอบจุดสูงสุดเดิมที่ $84 และย่อตัวลง บ่งชี้ถึงสัญญาณเชิงลบ แม้ราคา ARKW จะปรับตัวขึ้นไม่ถึงระดับ Take Profit ที่ให้ไว้ที่ $94 แต่ Mr.Messenger Call แนะนำขายล็อกกำไร กองทุน SCBNEXT(A) สำหรับนักลงทุนที่ลงทุนตามคำแนะนำ พร้อมแนะนำเข้าลงทุนใหม่ตามคำแนะนำอื่น ๆ ของ Mr.Messenger Call ดังนี้ 

 

จัดทำโดยบลป.เดฟินิท สำหรับบลน. ฟินโนมีนา (Finnomena Funds)


คำเตือน: ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน | ผลการดำเนินงานในอดีต และผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต | ผู้ลงทุนอาจมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากการป้องกันความเสี่ยงขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้จัดการกองทุน | กองทุนรวมนี้ลงทุนกระจุกตัวในผู้ออกตราสารหรือประเทศใดประเทศหนึ่ง จึงมีความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนจำนวนมาก ผู้ลงทุนจึงควรพิจารณาการกระจายความเสี่ยงของ พอร์ตการลงทุนโดยรวมของตนเองด้วย | คำแนะนำการลงทุนนี้เป็นไปตามกรอบการพิจารณาของ Finnomena Funds ซึ่งมีเป้าหมายในการสร้างโอกาสรับผลตอบแทนในระยะเวลาตามแต่ละประเภทของพอร์ตเท่านั้น บริษัทมิได้การันตีถึงผลตอบแทนที่จะได้จากคำแนะนำการลงทุนดังกล่าว มีความเสี่ยงที่ผลตอบแทนอาจไม่เป็นไปตามคาดหวัง หรือมีผลขาดทุนได้ | สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน ฟินโนมีนา จำกัด ในช่วงเวลาวันทำการตั้งแต่ 09:00-17:00 น. ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 026 5100 และทาง LINE @FinnomenaPort | สำหรับผู้ลงทุนในความดูแลของ Kept by krungsri ติดต่อทีม Kept help center ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 296 6299

เมื่อกดปุ่ม “รับรายละเอียดเพิ่มเติม ” แสดงว่าคุณยินยอมให้บริษัท ฟินโนมีนา จำกัด และบริษัทในเครือ เก็บรวบรวมและใช้ข้อมูลเพื่อแนะนำบริการ แจ้งสิทธิประโยชน์ เป็นที่ปรึกษาการลงทุน ประชาสัมพันธ์ และดำเนินการที่เกี่ยวข้อง ศึกษานโยบายความเป็นส่วนตัว

SCBNEXT(A)
SCBNEXT(A)
ความเห็นจาก Finnomena : แนะนำเก็งกำไรระยะสั้นในกองทุน KT-ENERGY

แนะนำเข้าซื้อกองทุนหุ้นพลังงานโลก KT-ENERGY หลังราคาปรับขึ้นทะลุ Downtrend Line โดยให้เข้าเก็งกำไรระยะสั้นไม่เกินราคาดัชนี Energy Select Sector SPDR Fund ที่ระดับ 96 เหรียญสหรัฐ

กราฟราคา Energy Select Sector SPDR® Fund (XLE) ( Timeframe Day)

Source:Finnomena Funds, Tradingview as of 18/07/2024 

ราคา Energy Select Sector SPDR® Fund (XLE) ปรับขึ้นทะลุ Downtrend Line พร้อมยืนเหนือเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ (Moving Average) ขณะที่ MACD พลิกกลับมาเหนือ Signal line และปรับตัวขึ้นเหนือแกน 0 บ่งชี้ถึง Momentum เชิงบวกของราคา

จึงแนะนำลงทุนภายใต้คำแนะนำ Mr.Messenger Call ในกองทุน KT-ENERGY ซึ่งมีผลการดำเนินงานเคลื่อนไหวใกล้เคียงกับราคา XLE โดยมีค่า Correlation กับดัชนีที่ 0.827 ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา สะท้อนถึงการเคลื่อนไหวตามราคา XLE โดยมีคำแนะนำดังนี้

1. แนะนำเข้าลงทุนที่ราคา XLE ไม่เกินระดับ $96 (+2.7% จากระดับราคาวันที่ 18/07/2024) ซึ่งเป็นระดับราคาที่เราแนะนำให้พิจารณาชะลอการเข้าซื้อ (หยุดซื้อ) ภายใต้คำแนะนำ Mr.Messenger Call เนื่องจากทำให้ Risk/Reward Ratio เข้าใกล้ระดับ 1:1

2. แนะนำ Take Profit หรือขายทำกำไร เมื่อราคา XLE ถึง $105 (Upside 12.7% จากระดับราคาวันที่ 18/07/2024 และ +9.5% จากจุดหยุดเข้าซื้อ) ซึ่งเป็นระดับ 161.8% ของ Fibonacci Extension 

3. แนะนำ Limit Loss หรือตัดขาดทุน เมื่อราคา XLE ต่ำกว่า $87 อย่างมีนัยยะ ซึ่งเป็นระดับจุดต่ำสุดเดิม ณ วันที่ 17 มิถุนายน (Downside -6.6% จากราคาวันที่ 18/07/2024 และ -9.3% จากจุดหยุดเข้าซื้อ) 

4. หากดัชนีปรับตัวขึ้นไปไม่ถึงจุด Take Profit ที่แนะนำ เราอาจพิจารณาแนะนำ Trailing Stop ด้วยเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 20 วัน (20-day MA) หรือใช้ระดับ 100% ของ Fibonacci Extension โดยเราจะประเมินสถานการณ์และแจ้งให้ทราบอีกครั้ง

KT-ENERGY

สรุปกองทุน KT-ENERGY

KT-ENERGY เป็นกองทุนความเสี่ยงสูง (ระดับ 7) ลงทุนใน BGF World Energy Fund (กองทุนหลัก) โดยกองทุนหลักลงทุนในหุ้นของบริษัทชั้นนําทั่วโลกซึ่งมีธุรกิจหลักในการสํารวจพัฒนาและจัดจําหน่ายพลังงาน และอาจลงทุนในบริษัทที่มุ่งเน้นการพัฒนาและใช้ประโยชน์จากพลังงานทดแทน

สัดส่วนการลงทุนของกองทุนหลัก KT-ENERGY

Source: blackrock, data as of 28/06/2024

ค่า Correlation ของกองทุน KT-ENERGY กับราคา XLE 

Source: Bloomberg as of 17/07/2024

นักลงทุนที่เหมาะกับคำแนะนำนี้ ระยะสั้นนี้ควร…

  1. เป็นนักลงทุนที่มีเงินสด หรือสภาพคล่องส่วนเกิน และรับความผันผวนได้สูง
  2. ใช้เงินลงทุนในสัดส่วนไม่เกิน 10% ของภาพรวมพอร์ตการลงทุนทั้งหมด
  3. นักลงทุนต้องยอมรับการ Limit Loss หรือ การตัดขาดทุนได้ทันที

ดู Fund Fact Sheet กองทุนแนะนำ

 

จัดทำโดยบลป.เดฟินิท สำหรับบลน. ฟินโนมีนา (Finnomena Funds)


คำเตือน: ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน | ผลการดำเนินงานในอดีต และผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต | ผู้ลงทุนอาจมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากการป้องกันความเสี่ยงขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้จัดการกองทุน | กองทุนรวมนี้ลงทุนกระจุกตัวในผู้ออกตราสารหรือประเทศใดประเทศหนึ่ง จึงมีความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนจำนวนมาก ผู้ลงทุนจึงควรพิจารณาการกระจายความเสี่ยงของ พอร์ตการลงทุนโดยรวมของตนเองด้วย | คำแนะนำการลงทุนนี้เป็นไปตามกรอบการพิจารณาของ Finnomena Funds ซึ่งมีเป้าหมายในการสร้างโอกาสรับผลตอบแทนในระยะเวลาตามแต่ละประเภทของพอร์ตเท่านั้น บริษัทมิได้การันตีถึงผลตอบแทนที่จะได้จากคำแนะนำการลงทุนดังกล่าว มีความเสี่ยงที่ผลตอบแทนอาจไม่เป็นไปตามคาดหวัง หรือมีผลขาดทุนได้ | สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน ฟินโนมีนา จำกัด ในช่วงเวลาวันทำการตั้งแต่ 09:00-17:00 น. ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 026 5100 และทาง LINE @FinnomenaPort | สำหรับผู้ลงทุนในความดูแลของ Kept by krungsri ติดต่อทีม Kept help center ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 296 6299

เมื่อกดปุ่ม “รับรายละเอียดเพิ่มเติม ” แสดงว่าคุณยินยอมให้บริษัท ฟินโนมีนา จำกัด และบริษัทในเครือ เก็บรวบรวมและใช้ข้อมูลเพื่อแนะนำบริการ แจ้งสิทธิประโยชน์ เป็นที่ปรึกษาการลงทุน ประชาสัมพันธ์ และดำเนินการที่เกี่ยวข้อง ศึกษานโยบายความเป็นส่วนตัว

KT-ENERGY
KT-ENERGY
ความเห็นจาก Finnomena : แนะนำสะสมทองคำผ่านกองทุน KT-GOLDUH-A

Finnomena Funds แนะนำเข้าลงทุนตามการพิจารณา MEVT Call เพื่อรับโอกาสสร้างผลตอบแทนที่ดีในระยะกลาง-ยาว (6-12 เดือนข้างหน้า) ทยอยสะสมทองคำผ่านกองทุน KT-GOLDUH-A

Executive Summary

  • ทองคำมีแนวโน้มปรับตัวขึ้นต่อจาก
    • Real Yield ที่กำลังลดลงตามอัตราดอกเบี้ยนโยบาย
    • ความเสี่ยงภูมิรัฐศาสตร์ที่เพิ่มขึ้น
    • ธนาคารกลางที่มีแนวโน้มเพิ่มทองคำสำรองต่อเนื่อง
  • คำแนะนำ: สะสมทองคำผ่านกองทุน KT-GOLDUH-A

Source: Finnomena Funds, Bloomberg as of 07/07/2024

ราคาทองคำและปริมาณทองคำที่ถือครองโดย ETFs มักมีความสัมพันธ์ที่สอดคล้องกัน อย่างไรก็ดี ตลอดช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ปริมาณทองคำที่ถือครองโดย ETFs มีแนวโน้มลดลง ในขณะที่ราคาทองคำปรับตัวเพิ่มขึ้น สะท้อนว่าทองคำกำลังมีผู้ซื้อที่ไม่ได้ซื้อผ่าน ETFs

Source: Finnomena Funds, Bloomberg as of 07/07/2024

ในขณะที่ราคาทองคำ และ Real Yield หรืออัตราดอกเบี้ยที่แท้จริง มักมีความสัมพันธ์ที่แปรผกผันกัน อย่างไรก็ตาม ช่วง 2 ปีที่ผ่านมา นับเป็นช่วงเดียวกับที่ราคาทองคำขยับสวนทางกับปริมาณทองคำที่ถือครองโดย ETFs ราคาทองคำ และ Real Yield ขยับไปในทิศทางเดียวกัน สะท้อนว่าทองคำกำลังมีผู้ซื้อที่ไม่ได้ซื้อเพื่อหวังผลตอบแทนในรูปแบบดอกเบี้ย แต่เป็นการถือครองเพื่อเหตุผลอื่น ๆ อาทิ การกระจายความเสี่ยง 

Source: Finnomena Funds, World Gold Council as of 07/07/2024

ปัจจัยดังกล่าวทำให้ Finnomena Funds เชื่อว่าธนาคารกลางที่ผ่านมามีบทบาทที่สำคัญในการผลักดันให้ราคาทองปรับตัวสูงขึ้นอย่างมีนัย โดยแบบสำรวจจาก World Gold Council ชี้ว่าธนาคารกลางกว่า 66% ทั่วโลกจะเพิ่มสัดส่วนทองคำสำรองในอีก 5 ปีข้างหน้า และอัตราดังกล่าวมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นทุก ๆ ปี สวนทางกับดอลลาร์สำรองที่ธนาคารกลางกว่า 49% ทั่วโลกคาดว่าจะลดลงในอีก 5 ปีข้างหน้า

Source: Finnomena Funds, World Gold Council as of 07/07/2024

มากกว่านั้นแบบสำรวจจาก World Gold Council ระบุว่ามากกว่า 81% ของธนาคารกลางทั่วโลกเชื่อว่าธนาคารกลางอื่น ๆ (ยกเว้นตนเอง) มีแนวโน้มจะเพิ่มทองคำสำรองในอีก 12 เดือนข้างหน้า โดยมีเพียง 3% ที่ระบุว่าตนจะลดทองคำสำรองลง ซึ่งแสดงให้เห็นว่าธนาคารกลางซื้อทองคำเพื่อเพิ่มสินทรัพย์สำรองเชิงกลยุทธ์ (Strategic Reserve) และมักจะไม่ขายในระยะเวลาสั้น ๆ

คำแนะนำการลงทุน

สรุปกองทุน KT-GOLDUH-A

Finnomena Funds แนะนำสะสมทองคำผ่านกองทุน KT-GOLDUH-A โดยกองทุนมีนโยบายเน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุน SPDR Gold Trust (กองทุนหลัก) เพียงกองทุนเดียว โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า 80% ของ NAV กองทุนหลักมุ่งหวังให้ผลประกอบการเคลื่อนไหวตามดัชนีชี้วัด (Passive Management) และปัจจุบัน KT-GOLDUH-A ไม่มีการป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน

KT-GOLDUH-A

  • ไม่เรียกเก็บค่าธรรมเนียมการขาย
  • ไม่ป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยน
  • มีค่าธรรมเนียมรวม 0.6671%

 

Source: ktam.co.th as of 15/07/2024

ดู Fund Fact Sheet กองทุนแนะนำ

 

สามารถศึกษารายละเอียดของกองทุนเพิ่มเติมได้ที่ https://www.finnomena.com/fund/
จัดทำโดยบลป. เดฟินิท สำหรับบลน. ฟินโนมีนา (Finnomena Funds)


คำเตือน: ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน | ผลการดำเนินงานในอดีต และผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต | ผู้ลงทุนอาจมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากการป้องกันความเสี่ยงขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้จัดการกองทุน | กองทุนรวมนี้ลงทุนกระจุกตัวในผู้ออกตราสารหรือประเทศใดประเทศหนึ่ง จึงมีความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนจำนวนมาก ผู้ลงทุนจึงควรพิจารณาการกระจายความเสี่ยงของ พอร์ตการลงทุนโดยรวมของตนเองด้วย | คำแนะนำการลงทุนนี้เป็นไปตามกรอบการพิจารณาของ Finnomena Funds ซึ่งมีเป้าหมายในการสร้างโอกาสรับผลตอบแทนในระยะเวลาตามแต่ละประเภทของพอร์ตเท่านั้น บริษัทมิได้การันตีถึงผลตอบแทนที่จะได้จากคำแนะนำการลงทุนดังกล่าว มีความเสี่ยงที่ผลตอบแทนอาจไม่เป็นไปตามคาดหวัง หรือมีผลขาดทุนได้ | สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน ฟินโนมีนา จำกัด ในช่วงเวลาวันทำการตั้งแต่ 09:00-17:00 น. ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 026 5100 และทาง LINE @FinnomenaPort | สำหรับผู้ลงทุนในความดูแลของ Kept by krungsri ติดต่อทีม Kept help center ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 296 6299

เมื่อกดปุ่ม “รับรายละเอียดเพิ่มเติม ” แสดงว่าคุณยินยอมให้บริษัท ฟินโนมีนา จำกัด และบริษัทในเครือ เก็บรวบรวมและใช้ข้อมูลเพื่อแนะนำบริการ แจ้งสิทธิประโยชน์ เป็นที่ปรึกษาการลงทุน ประชาสัมพันธ์ และดำเนินการที่เกี่ยวข้อง ศึกษานโยบายความเป็นส่วนตัว

KT-GOLDUH-A
KT-GOLDUH-A
MEVT Call Take Profit ยุโรป
ความเห็นจาก Finnomena : แนะนำขายทำกำไรกองทุนหุ้นยุโรป ONE-EUROEQ สำหรับผู้ที่ลงทุนตามคำแนะนำ MEVT Call

Finnomena Funds แนะนำขายทำกำไรทั้งหมดในกองทุนหุ้นยุโรป ONE-EUROEQ สำหรับผู้ที่ลงทุนตามคำแนะนำ MEVT Call เมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2024 

Executive Summary

  • Macroeconomics: ตลาดตอบรับปัจจัยเชิงบวกกับเศรษฐกิจไปมากแล้ว
  • Earnings: อัตราการเติบโตกลับสู่จุดปกติ พร้อมการปรับประมาณการกำไรเริ่มทรงตัว
  • Valuation: Absolute PE Valuation กลับมาอยู่ที่ค่าเฉลี่ย
  • Technical: จากสถิติที่ผ่านมา ตลาดมีโอกาส Sideway หลัง ECB ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย
  • คำแนะนำ: Take Profit ONE-EUROEQ ปรับตัวขึ้นได้ประมาณ 5.28% (ผลตอบแทนคำนวณจาก NAV วันที่ 11 มีนาคม 2567 ถึง 12 กรกฎาคม 2567 )

Macroeconomics

Source: Finnomena Funds, Bloomberg as of 15/07/2024

ตัวเลขดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคบริการของยุโรปอยู่ในโซนขยายตัว แต่หดตัวในส่วนของภาคการผลิต อย่างไรก็ดี เราเริ่มเห็นอัตราการเปลี่ยนแปลงที่ลดลงเมื่อเทียบกับเดือนที่ผ่านมา

Source: Finnomena Funds, Macrobond as of 15/07/2024

ตัวเลขเงินเฟ้อ Core HICP ในยุโรปทรงตัวอยูที่ระดับ ±2% YoY ใน 2-3 เดือนที่ผ่านมา ซึ่งอยู่ในกรอบเป้าหมาย 2% ตามที่ธนาคารกลางยุโรปต้องการแล้ว Finnomena Funds เชื่อว่าปัจจัยดังกล่าวทำให้ตลาดซึมซับข่าวดีที่มาจากเงินเฟ้อไปเต็มที่แล้ว

Source: Finnomena Funds, Macrobond as of 15/07/2024

ภาพเงินเฟ้อที่คลี่คลายทำให้ ECB เริ่มทำการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายไปแล้วในการประชุมเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา และมีแนวโน้มที่จะใช้นโยบายการเงินเชิงผ่อนคลายมากขึ้นในครึ่งปีหลัง โดย Finnomena Funds มองว่าตลาดปรับตัวขึ้นไปตอบรับความคาดหวังการลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่กำลังจะเกิดขึ้นแล้ว ทำให้ตลาดจะเคลื่อนไหวตาม Valuation และ Earnings มากขึ้นในครึ่งปีหลัง

Earnings

Source: Finnomena Funds, Bloomberg as of 15/07/2024

โดยในส่วนของอัตราการเติบโต บริษัทจดทะเบียนในยุโรปมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยที่ 5% (ค่าเฉลี่ยของคาดการณ์การเติบโตในปี 2024 และ 2025) และยังไม่มีการปรับประมาณการกำไรเพิ่มหรือลดลงอย่างมีนัยใน 1 เดือนที่ผ่านมา

Valuation

Source: Finnomena Funds, Bloomberg as of 15/07/2024

ในขณะที่ฝั่ง Absolute PE Valuation เมื่อเทียบตัวเองเฉลี่ย 10 ปีย้อนหลังอยู่ที่ 13.9 เท่า ซึ่งเป็นระดับค่าเฉลี่ย สะท้อนว่า Valuation ยุโรปปัจจุบันกำลังเทรดที่ Fair Value

Technical

Source: Finnomena Funds, Macrobond as of 10/06/2024

โดยจากสถิติที่ผ่านมาการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายของ ECB มักมาพร้อมกับตลาดที่ Sideways โดยในค่าเฉลี่ย ตลาดจะปรับตัวลดลง 7% และไม่ได้ตอบรับเชิงบวกต่อนโยบายการลดดอกเบี้ย

คำแนะนำการลงทุน

สำหรับนักลงทุนที่ซื้อสะสมหุ้นยุโรปตามคำแนะนำ MEVT Call: หุ้นยุโรปกลับมาแล้ว เศรษฐกิจโตต่อ Valuation ไม่แพง Finnomena Funds แนะนำให้ขายทำกำไรใน ONE-EUROEQ ทั้งหมด

โดยหากคำนวณผลตอบแทนอ้างอิงดัชนี STOXX 600 วันที่ 11 มีนาคม 2567 (วันที่ออกคำแนะนำ) ถึงวันที่ 15 กรกฎาคม 2567 ดัชนี STOXX 600 สามารถปรับตัวขึ้นได้กว่า 4.5% ในฝั่งของกองทุน ONE-EUROEQ ปรับตัวขึ้นได้ประมาณ 5.28% (ผลตอบแทนคำนวณจาก NAV วันที่ 11 มีนาคม 2567 ถึง 12 กรกฎาคม 2567 ) และกองทุน Index Fund – STOXX 50 ปรับตัวขึ้นได้ประมาณ 4.01% (ผลตอบแทนคำนวณจาก NAV วันที่ 11 มีนาคม 2567 ถึง 12 กรกฎาคม 2567 )

Source: Finnomena Funds, Morningstar as of 12/07/2024

ONE-EUROEQ

กองทุนมีนโยบายลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุน Eleva European Selection Fund Class I (EUR) acc (กองทุนหลัก) โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน โดยกองทุนหลักมีนโยบายลงทุนในบริษัทที่พิจารณาแล้วเห็นว่ามีแนวโน้มการเติบโตในระดับที่น่าสนใจในช่วงระยะเวลา 3 ถึง 5 ปี โดยการเติบโตดังกล่าวไม่สะท้อนในราคาซื้อขายหุ้นของบริษัทนั้น

กองทุน ONE-EUROEQ เป็นกองทุนความเสี่ยงสูงระดับ 6 ปัจจุบันป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน (Fx Hedge ratio) ที่ 87.64% มีดัชนีชี้วัดเป็นดัชนี FTSE Developed Europe Net Total Return Index EUR

Source: one-asset.com as of 31/05/2024

สามารถศึกษารายละเอียดของกองทุนเพิ่มเติมได้ที่ https://www.finnomena.com/fund/
จัดทำโดยบลป. เดฟินิท สำหรับบลน. ฟินโนมีนา (Finnomena Funds)


คำเตือน: ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน | ผลการดำเนินงานในอดีต และผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต | ผู้ลงทุนอาจมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากการป้องกันความเสี่ยงขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้จัดการกองทุน | กองทุนรวมนี้ลงทุนกระจุกตัวในผู้ออกตราสารหรือประเทศใดประเทศหนึ่ง จึงมีความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนจำนวนมาก ผู้ลงทุนจึงควรพิจารณาการกระจายความเสี่ยงของ พอร์ตการลงทุนโดยรวมของตนเองด้วย | คำแนะนำการลงทุนนี้เป็นไปตามกรอบการพิจารณาของ Finnomena Funds ซึ่งมีเป้าหมายในการสร้างโอกาสรับผลตอบแทนในระยะเวลาตามแต่ละประเภทของพอร์ตเท่านั้น บริษัทมิได้การันตีถึงผลตอบแทนที่จะได้จากคำแนะนำการลงทุนดังกล่าว มีความเสี่ยงที่ผลตอบแทนอาจไม่เป็นไปตามคาดหวัง หรือมีผลขาดทุนได้ | สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน ฟินโนมีนา จำกัด ในช่วงเวลาวันทำการตั้งแต่ 09:00-17:00 น. ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 026 5100 และทาง LINE @FinnomenaPort | สำหรับผู้ลงทุนในความดูแลของ Kept by krungsri ติดต่อทีม Kept help center ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 296 6299

เมื่อกดปุ่ม “รับรายละเอียดเพิ่มเติม ” แสดงว่าคุณยินยอมให้บริษัท ฟินโนมีนา จำกัด และบริษัทในเครือ เก็บรวบรวมและใช้ข้อมูลเพื่อแนะนำบริการ แจ้งสิทธิประโยชน์ เป็นที่ปรึกษาการลงทุน ประชาสัมพันธ์ และดำเนินการที่เกี่ยวข้อง ศึกษานโยบายความเป็นส่วนตัว

ONE-EUROEQ
ONE-EUROEQ
FundTalk Contrarian Portfolio Update
ความเห็นจาก Finnomena : แนะนำขายทำกำไรกองทุน MEGA10-A และ TISCOAI โดยแนะนำไปเพิ่มสัดส่วนในหุ้นจีนผ่านกองทุน UOBSGC

FundTalk Contrarian Call แนะนำ Take Profit หุ้นสหรัฐฯ MEGA10-A และหุ้น AI TISCOAI โดยแนะนำไปเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในหุ้นจีน Greater China ผ่านกองทุน UOBSGC

ในปี 2024 ที่ผ่านมา ยังคงเป็นช่วงที่ดีสำหรับหุ้นสหรัฐอเมริกาขนาดใหญ่ และหุ้นในกลุ่ม AI ซึ่งยังคงได้ประโยชน์จากการใช้งานแพลตฟอร์ม AI ทำให้ดัชนี S&P500 ซึ่งเป็นดัชนีหุ้นขนาดใหญ่ของสหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นกว่า 17% นับตั้งแต่ต้นปี และ Nasdaq Global Artificial Intelligence and Big Data Index (NYGBIG) ซึ่งเป็นดัชนีหุ้นที่เกี่ยวข้องกับการใช้งานปัญญาประดิษฐ์ และเป็นดัชนีอ้างอิงของกองทุน TISCOAI ปรับตัวขึ้นกว่า 24% นับตั้งแต่ต้นปี

ทั้งสองดัชนีได้ประโยชน์จากหุ้นเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับ AI เป็นหลัก ไม่ว่าจะเป็นหุ้นผู้ผลิตชิป และเจ้าของ Data Center อย่าง Nvidia หรือหุ้นที่เป็นเจ้าของแพลตฟอร์ม AI อย่าง Amazon หรือ Microsoft ต่างก็ทำผลตอบแทนได้ดีนับตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา

ประมาณการกำไรของหุ้นในดัชนี S&P500

Source: Finnomena Funds as of 11/07/2024

FundTalk มีมุมมองว่าหุ้นกลุ่มนี้เริ่มมี Upside ที่จำกัด และอาจเกิด Sector Rotation หมายความว่าหุ้นสหรัฐฯ กลุ่มที่มีแนวโน้มจะทำผลตอบแทนได้ดีในอนาคต อาจจะไม่ใช่หุ้นขนาดใหญ่ หรือหุ้นที่มีความเกี่ยวข้องกับ AI ซึ่งเป็นเคยทำผลตอบแทนได้โดดเด่นในช่วงก่อนหน้านี้ 

จากกราฟด้านบน แสดงประมาณการกำไรของหุ้นในกลุ่ม Magnificent-7 (สีน้ำเงิน) เทียบกับหุ้นตัวอื่น ๆ ในดัชนี S&P500 พบว่าประมาณการกำไรของหุ้นตัวอื่น ๆ ใน S&P500 มีการเติบโตที่สูงกว่า Magnificent-7 ในช่วงเวลาที่เหลือของปีนี้ แต่เนื่องจากดัชนี S&P500 มีหุ้น Magnificent-7 เป็นสัดส่วนใหญ่ ทำให้เชื่อว่าตลาดหุ้นสหรัฐฯ อาจทำผลตอบแทนได้ไม่ดีนัก ในช่วงเวลาที่เหลือของปีนี้

ขายทำกำไร MEGA10-A และ TISCOAI

ก่อนหน้านี้ได้มีการออกคำแนะนำ FundTalk Call ถึงเวลาของหุ้นโลก และ AI เมื่อ Fed ชัดเจน และราคาน้ำมันไม่ไปต่อ เมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม 2024 หลังออกคำแนะนำ NAV ณ วันที่ 10 กรกฎาคม 2024 ของกองทุน TISCOAI ปรับตัวขึ้นประมาณ +11.77% และกองทุน MEGA10-A ปรับตัวขึ้นประมาณ +10.10% ดังนั้น จึงแนะนำรักษากำไร เนื่องจากแนวโน้มในระยะสั้นมีโอกาสพักฐาน และไม่ได้สร้างผลตอบแทนที่โดดเด่นเท่ากับช่วงที่ผ่านมา

​จีนออกมาตรการควบคุม Short-Selling อีกครั้ง

มูลค่าการทำ Short-Selling ในตลาดหุ้นจีน

Source: Finnomena Funds, Bloomberg as of 11/07/2024

ในวันที่ 10 กรกฎาคม 2024 ที่ผ่านมา China Securities Regulatory Commission (CSRC) อนุมัติมาตรการควบคุมการทำ Short-Selling โดยเพิ่มระดับหลักประกันที่นักลงทุนต้องวางเพื่อทำการชอร์ตหุ้น โดยจะเริ่มบังคับใช้ในวันที่ 22 กรกฎาคม 2024 เป็นต้นไป มาตรการดังกล่าวจะทำให้นักลงทุนที่ต้องการชอร์ตหุ้นมีต้นทุนในการทำธุรกรรมที่สูงขึ้น

นอกจากนี้ China Securities Finance Corp. ซึ่งเป็นสถาบันการเงินขนาดใหญ่ และเป็นองค์กรรัฐวิสาหกิจจีน (State-Owned Enterprise) จะหยุดให้บริการให้ยืมหลักทรัพย์แก่โบรกเกอร์ โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 11 กรกฎาคม 2024 เป็นต้นไป ทั้งนี้ การควบคุม Short-Selling ครั้งนี้ไม่ใช่ความพยายามในครั้งแรก โดยก่อนหน้านี้มีการออกมาตรการควบคุมในลักษณะใกล้เคียงกัน และทำให้มูลค่าการทำ Short-Selling ในตลาดหุ้นจีนลดลงอย่างมีนัยสำคัญ 

ดัชนี CSI300
Source: Finnomena Funds as of 11/07/2024

ถ้าหากเปรียบเทียบในช่วงเวลาที่มีการออกมาตรการควบคุม Short-Selling ในช่วงก่อนหน้านี้ จะสังเกตเห็นว่าดัชนี CSI300 ปรับตัวกลับมาเป็นขาขึ้น ตอบรับมาตรการดังกล่าว ดังนั้น FundTalk จึงมีมุมมองว่าตลาดหุ้นจีนในรอบนี้อาจปรับตัวเป็นขาขึ้นได้อีกครั้งจากปัจจัยนี้

แนะนำกองทุน Greater China ซึ่งใช้ Artificial Intelligence คัดเลือกหุ้น

สรุปกองทุน UOBSGC

FundTalk จึงแนะนำลงทุนในหุ้นจีนแบบ Greater China โดยกองทุนที่แนะนำคือ UOBSGC ซึ่งลงทุนในกองทุนหลัก United Greater China Fund เป็นกองทุนที่มีการใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) เข้ามาช่วยคัดเลือกหุ้นที่มีแนวโน้มจะทำผลตอบแทนได้ดีในอนาคต

สัดส่วนการลงทุนในกองทุน United Greater China Fund

Source: Finnomena Funds, UOBAM as of 31/05/2024

ถึงแม้ว่ากองทุนนี้จะสามารถลงทุนได้ทั้งตลาดหุ้นจีน ฮ่องกง และไต้หวัน แต่ในปัจจุบันกองทุนมีสัดส่วนการลงทุนหลักอยู่ในตลาดหุ้นจีนแผ่นดินใหญ่ ซึ่งเป็นตลาดหุ้นที่คาดว่าจะได้รับอานิสงส์จากมาตรการกระตุ้นสูงที่สุด

FundTalk จึงแนะนำปรับพอร์ต ดังนี้

สัดส่วนการลงทุนใหม่ใน FundTalk Contrarian Portfolio
Source: Finnomena Funds as of 12/07/2024

สำหรับผู้ที่ลงทุนตามแนวทางของ FundTalk Contrarian Portfolio ทั้งนี้ จากมุมมองของ FundTalk คาดว่าหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีขนาดใหญ่เริ่มมี Upside จำกัด, อาจเกิด Sector Rotation ในตลาดหุ้นสหรัฐฯ และหุ้นจีนมีแนวโน้มจะได้รับอานิสงส์จากมาตรการกระตุ้น จึงแนะนำแบ่งขายทำกำไรกองทุน TISCOAI และ MEGA10-A พร้อมกับโยกเงินเข้าลงทุนในกองทุน AFMOAT-HA และ UOBSGC

สรุปการปรับสัดส่วน FundTalk Contrarian Portfolio

คำแนะนำปรับสัดส่วนใน FundTalk Contrarian Portfolio โดยมีสัดส่วนใหม่ ดังนี้

สัดส่วนการลงทุนใหม่ใน FundTalk Contrarian Portfolio
Source: Finnomena Funds as of 12/07/2024

ดู Fund Fact Sheet กองทุนแนะนำ

 

สามารถศึกษารายละเอียดของกองทุนเพิ่มเติมได้ที่ https://www.finnomena.com/fund/
จัดทำโดยบลป. เดฟินิท สำหรับบลน. ฟินโนมีนา (Finnomena Funds)


คำเตือน: ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน | ผลการดำเนินงานในอดีต และผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต | ผู้ลงทุนอาจมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากการป้องกันความเสี่ยงขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้จัดการกองทุน | กองทุนรวมนี้ลงทุนกระจุกตัวในผู้ออกตราสารหรือประเทศใดประเทศหนึ่ง จึงมีความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนจำนวนมาก ผู้ลงทุนจึงควรพิจารณาการกระจายความเสี่ยงของ พอร์ตการลงทุนโดยรวมของตนเองด้วย | คำแนะนำการลงทุนนี้เป็นไปตามกรอบการพิจารณาของ Finnomena Funds ซึ่งมีเป้าหมายในการสร้างโอกาสรับผลตอบแทนในระยะเวลาตามแต่ละประเภทของพอร์ตเท่านั้น บริษัทมิได้การันตีถึงผลตอบแทนที่จะได้จากคำแนะนำการลงทุนดังกล่าว มีความเสี่ยงที่ผลตอบแทนอาจไม่เป็นไปตามคาดหวัง หรือมีผลขาดทุนได้ | สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน ฟินโนมีนา จำกัด ในช่วงเวลาวันทำการตั้งแต่ 09:00-17:00 น. ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 026 5100 และทาง LINE @FinnomenaPort | สำหรับผู้ลงทุนในความดูแลของ Kept by krungsri ติดต่อทีม Kept help center ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 296 6299

เมื่อกดปุ่ม “รับรายละเอียดเพิ่มเติม ” แสดงว่าคุณยินยอมให้บริษัท ฟินโนมีนา จำกัด และบริษัทในเครือ เก็บรวบรวมและใช้ข้อมูลเพื่อแนะนำบริการ แจ้งสิทธิประโยชน์ เป็นที่ปรึกษาการลงทุน ประชาสัมพันธ์ และดำเนินการที่เกี่ยวข้อง ศึกษานโยบายความเป็นส่วนตัว

UOBSGC
UOBSGC
Mr.Messenger Call Take Profit กองทุน KFJPINDX-A
ความเห็นจาก Finnomena : แนะนำขายทำกำไรกองทุนหุ้นญี่ปุ่น KFJPINDX-A หลังเงินเยนเริ่มพลิกกลับมาแข็งค่าขึ้น

แนะนำขายทำกำไรกองทุนหุ้นญี่ปุ่น KFJPINDX-A หลังค่าเงินเยนเริ่มพลิกกลับมาแข็งค่าขึ้น เป็นปัจจัยกดดันในอนาคต โดยแนะนำให้เก็งกำไรต่อในหุ้นจีน MEGA10CHINA-A

ก่อนหน้านี้ Mr.Messenger ได้ออกคำแนะนำ Mr.Messenger Call จังหวะย่อซื้อหุ้นญี่ปุ่น หลังยืนเหนือแนวรับสำคัญ พร้อมเกิด Buy Signal เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม 2024 โดยหลังจากออกคำแนะนำ NAV ของกองทุนที่แนะนำ KFJPINDX-A ปรับตัวขึ้น 8% สู่ระดับ 22.09 บาท (ข้อมูล ณ วันที่ 11 กรกฏาคม 2024) จาก 20.44 บาท ณ วันที่ 7 พฤษภาคม 2024

ดัชนี Nikkei 225 (Timeframe day) 

Mr.Messenger Call Take Profit กองทุน KFJPINDX-A

Source: Finnomena Funds, Tradingview as of 12/07/2024 

ล่าสุดดัชนี Nikkei 225 ที่ใช้อ้างอิงคำแนะนำปรับตัวขึ้นทำจุดสูงสุดตลอดกาลเมื่อวานนี้ (11/07/2024) และย่อตัวแรง 2% ในวันนี้ (12/07/2024) หลังจากสหรัฐฯ รายงานตัวเลขเงินเฟ้อต่ำกว่าตลาดคาด ส่งผลให้ค่าเงินเยนแข็งค่าขึ้นและกดดันต่อตลาดหุ้นญี่ปุ่น

แม้ดัชนีจะขึ้นไปไม่ถึงระดับ Take Profit ที่ 43,000 จุด แต่การที่ค่าเงินเยนเริ่มพลิกกลับมาแข็งค่าขึ้น อาจเป็นปัจจัยกดดันต่อตลาดหุ้นญี่ปุ่นในอนาคต Mr.Messenger Call จึงแนะนำ Take Profit กองทุน KFJPINDX-A เพื่อล็อกกำไรสำหรับนักลงทุนที่ลงทุนตามคำแนะนำ พร้อมแนะนำเข้าลงทุนใหม่ตามคำแนะนำอื่น ๆ ของ Mr.Messenger Call ดังนี้ 

 

สามารถศึกษารายละเอียดของกองทุนเพิ่มเติมได้ที่ https://www.finnomena.com/fund
จัดทำโดยบลป.เดฟินิท สำหรับบลน. ฟินโนมีนา (Finnomena Funds)


คำเตือน: ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน | ผลการดำเนินงานในอดีต และผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต | ผู้ลงทุนอาจมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากการป้องกันความเสี่ยงขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้จัดการกองทุน | กองทุนรวมนี้ลงทุนกระจุกตัวในผู้ออกตราสารหรือประเทศใดประเทศหนึ่ง จึงมีความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนจำนวนมาก ผู้ลงทุนจึงควรพิจารณาการกระจายความเสี่ยงของ พอร์ตการลงทุนโดยรวมของตนเองด้วย | คำแนะนำการลงทุนนี้เป็นไปตามกรอบการพิจารณาของ Finnomena Funds ซึ่งมีเป้าหมายในการสร้างโอกาสรับผลตอบแทนในระยะเวลาตามแต่ละประเภทของพอร์ตเท่านั้น บริษัทมิได้การันตีถึงผลตอบแทนที่จะได้จากคำแนะนำการลงทุนดังกล่าว มีความเสี่ยงที่ผลตอบแทนอาจไม่เป็นไปตามคาดหวัง หรือมีผลขาดทุนได้ | สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน ฟินโนมีนา จำกัด ในช่วงเวลาวันทำการตั้งแต่ 09:00-17:00 น. ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 026 5100 และทาง LINE @FinnomenaPort | สำหรับผู้ลงทุนในความดูแลของ Kept by krungsri ติดต่อทีม Kept help center ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 296 6299

เมื่อกดปุ่ม “รับรายละเอียดเพิ่มเติม ” แสดงว่าคุณยินยอมให้บริษัท ฟินโนมีนา จำกัด และบริษัทในเครือ เก็บรวบรวมและใช้ข้อมูลเพื่อแนะนำบริการ แจ้งสิทธิประโยชน์ เป็นที่ปรึกษาการลงทุน ประชาสัมพันธ์ และดำเนินการที่เกี่ยวข้อง ศึกษานโยบายความเป็นส่วนตัว

KFJPINDX-A
KFJPINDX-A
Mr.Messenger Call ซื้อ MEGA10CHINA-A
ความเห็นจาก Finnomena : แนะนำเข้าเก็งกำไร MEGA10CHINA-A ที่ดัชนี Hang Seng ไม่เกิน 85,600 จุด (THB)

แนะนำเข้าเก็งกำไรกองทุน MEGA10CHINA-A ลงทุนใน 10 หุ้นจีน H-Share ที่แบรนด์มีความทรงอิทธิพลที่สุด โดยเข้าซื้อระดับดัชนี Hang Seng ไม่เกิน 85,600 จุด (THB)

กราฟดัชนี HSI (THB, Timeframe Day)

Source: Tradingview as of 11/07/2024 

ดัชนี Hang Seng (HSI) ปรับเป็นสกุลเงินบาท ปรับตัวลดลงทดสอบเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อน 100 วัน (100-d MA) และฟื้นตัวกลับมาได้ โดยเมื่อวานนี้ (11/07/2024) ดัชนีสามารถยืนเหนือระดับ 61.8% ของ Fibonacci Retracement ซึ่งเป็น Golden Ratio บ่งชี้ถึงการฟื้นตัวขึ้นสู่จุดสูงสุดเดิมเมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 2024

จึงแนะนำลงทุนภายใต้คำแนะนำ Mr.Messenger Call ในกองทุน MEGA10CHINA-A ซึ่งมีผลการดำเนินงานเคลื่อนไหวใกล้เคียงกับดัชนี HSI (ปรับเป็นสกุลเงินบาท) โดยมีค่า Correlation กับดัชนีที่ 0.896 นับตั้งแต่ต้นปี 2024 สะท้อนถึงการเคลื่อนไหวตามดัชนี โดยมีคำแนะนำดังนี้

1. แนะนำเข้าลงทุนที่ดัชนี ไม่เกินระดับ 85,600 จุด (+3.2% จากระดับราคาวันที่ 11/07/2024) ซึ่งเป็นระดับราคาที่เราแนะนำให้พิจารณาชะลอการเข้าซื้อ (หยุดซื้อ) ภายใต้คำแนะนำ Mr.Messenger Call เนื่องจากทำให้ Risk/Reward Ratio เข้าใกล้ระดับ 1:1

2. แนะนำ Take Profit หรือขายทำกำไร เมื่อดัชนีถึง 94,870 จุด (Upside 14.4% จากระดับราคาวันที่ 11/07/2024 และ +10.8% จากจุดหยุดเข้าซื้อ) ซึ่งเป็นระดับจุดสูงสุดเดิมเมื่อวันที่ 27 มกราคม 2024

3. แนะนำ Limit Loss หรือตัดขาดทุน เมื่อดัชนีปิดตลาดต่ำกว่า 76,422 จุดอย่างมีนัยยะ ซึ่งใกล้เคียงระดับ Fibonacci 38.2% (Downside -7.8% จากราคาวันที่ 11/07/2024 และ -10.8% จากจุดหยุดเข้าซื้อ) 

4. หากดัชนีปรับตัวขึ้นไปไม่ถึงจุด Take Profit ที่แนะนำ เราอาจพิจารณาแนะนำ Trailing Stop ด้วยเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 20 วัน (20-day MA) โดยจะประเมินสถานการณ์และแจ้งให้ทราบอีกครั้ง

MEGA10CHINA-A

สรุป MEGA10CHINA-A

MEGA10CHINA-A เป็นกองทุนความเสี่ยงสูง (ระดับ 6) ลงทุนในหุ้นจีน H-Share แบบ Active ที่เลือกลงทุนในบริษัทที่มีแบรนด์ชั้นนำของประเทศจีนและจดทะเบียนซื้อขายในตลาดหุ้นฮ่องกง โดยจะไม่เลือกลงทุนในหุ้น State owned enterprise (SOE) กองทุนจะคัดเลือกหุ้นที่มีมูลค่าตลาดใหญ่ที่สุด 10 อันดับ และกำหนดสัดส่วนการลงทุนแบบเท่ากัน (equal weight)

10 บริษัทที่กองทุน MEGA10CHINA-A ลงทุน

Source: Talis Asset management as of July 2024

ค่า Correlation ของกองทุน MEGA10CHINA-A กับดัชนี HSI (ปรับเป็นสกุลเงินบาท)

Source: Bloomberg as of 11/07/2024

นักลงทุนที่เหมาะกับคำแนะนำนี้ ระยะสั้นนี้ควร…

  1. เป็นนักลงทุนที่มีเงินสด หรือสภาพคล่องส่วนเกิน และรับความผันผวนได้สูง
  2. ใช้เงินลงทุนในสัดส่วนไม่เกิน 10% ของภาพรวมพอร์ตการลงทุนทั้งหมด
  3. นักลงทุนต้องยอมรับการ Limit Loss หรือ การตัดขาดทุนได้ทันที

ดู Fund Fact Sheet กองทุนแนะนำ

 

สามารถศึกษารายละเอียดของกองทุนเพิ่มเติมได้ที่ https://www.finnomena.com/fund
จัดทำโดยบลป.เดฟินิท สำหรับบลน. ฟินโนมีนา (Finnomena Funds)


คำเตือน: ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน | ผลการดำเนินงานในอดีต และผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต | ผู้ลงทุนอาจมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากการป้องกันความเสี่ยงขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้จัดการกองทุน | กองทุนรวมนี้ลงทุนกระจุกตัวในผู้ออกตราสารหรือประเทศใดประเทศหนึ่ง จึงมีความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนจำนวนมาก ผู้ลงทุนจึงควรพิจารณาการกระจายความเสี่ยงของ พอร์ตการลงทุนโดยรวมของตนเองด้วย | คำแนะนำการลงทุนนี้เป็นไปตามกรอบการพิจารณาของ Finnomena Funds ซึ่งมีเป้าหมายในการสร้างโอกาสรับผลตอบแทนในระยะเวลาตามแต่ละประเภทของพอร์ตเท่านั้น บริษัทมิได้การันตีถึงผลตอบแทนที่จะได้จากคำแนะนำการลงทุนดังกล่าว มีความเสี่ยงที่ผลตอบแทนอาจไม่เป็นไปตามคาดหวัง หรือมีผลขาดทุนได้ | สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน ฟินโนมีนา จำกัด ในช่วงเวลาวันทำการตั้งแต่ 09:00-17:00 น. ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 026 5100 และทาง LINE @FinnomenaPort | สำหรับผู้ลงทุนในความดูแลของ Kept by krungsri ติดต่อทีม Kept help center ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 296 6299

เมื่อกดปุ่ม “รับรายละเอียดเพิ่มเติม ” แสดงว่าคุณยินยอมให้บริษัท ฟินโนมีนา จำกัด และบริษัทในเครือ เก็บรวบรวมและใช้ข้อมูลเพื่อแนะนำบริการ แจ้งสิทธิประโยชน์ เป็นที่ปรึกษาการลงทุน ประชาสัมพันธ์ และดำเนินการที่เกี่ยวข้อง ศึกษานโยบายความเป็นส่วนตัว

MEGA10CHINA-A
MEGA10CHINA-A
Mr.Messenger Call: หุ้นอินเดียอาจย่อ Take profit
ความเห็นจาก Finnomena : แนะนำขายทำกำไรกองทุน B-BHARATA และกองทุน TISCOINA-A ในสัดส่วนครึ่งหนึ่งของพอร์ต

แนะนำขายทำกำไรกองทุน B-BHARATA และกองทุน TISCOINA-A ในสัดส่วนครึ่งหนึ่งของพอร์ต คาดดัชนีหุ้นอินเดียมีโอกาสปรับตัวลงในช่วงสั้น พร้อมโยกเงินเข้าลงทุนต่อในเวียดนาม และ Greater China

Mr.Messenger ได้ออกคำแนะนำ Mr.Messenger Call จังหวะขาขึ้นของหุ้นอินเดีย รับอานิสงส์ MSCI เพิ่มน้ำหนัก เศรษฐกิจโตแกร่ง เมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2024 โดยหลังจากแนะนำ ดัชนี Nifty 50 Index ปรับตัวขึ้น 9% พร้อมทดสอบระดับ 161.8% ของ Fibonacci Extension ขณะที่ RSI indicator เริ่มอยู่ในโซน Overbought บ่งชี้ถึงโอกาสพักตัวช่วงสั้น

กราฟดัชนี Nifty 50  (Timeframe day) 

กราฟดัชนี Nifty 50 (Timeframe day)

Source: TradingView as of 02/07/2024

Valuation ของตลาดหุ้นทั่วโลก

Valuation ของตลาดหุ้นทั่วโลก

Source: Finnomena Funds, Bloomberg, TradingView as of 24/06/2024

Mr.Messenger มองว่าในเชิงปัจจัยพื้นฐานระยะยาวของตลาดหุ้นอินเดียยังคงมีความน่าสนใจด้วยอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจที่สูง แต่ Valuation ของตลาดหุ้นอินเดียอยู่ในระดับที่ตึงตัวมาก และในเชิง Technical ดัชนีมีโอกาสปรับตัวลงในช่วงสั้น 

จึงแนะนำ Take Profit บางส่วนเพื่อล็อกกำไร โดยกองทุนที่แนะนำอย่าง B-BHARATA ปรับตัวขึ้น 10.5% และกองทุน TISCOINA-A ปรับตัวขึ้น 12.0% (ข้อมูล NAV ณ 1 กรกฎาคม และ 28 มิถุนายน ตามลำดับ) ทั้งนี้ นักลงทุนสามารถเข้าลงทุนใหม่ตามคำแนะนำอื่น ๆ ของ Mr.Messenger Call ดังนี้

สรุปกองทุน PRINCIPAL VNEQ-A

สรุปกองทุน UOBSGC

สามารถศึกษารายละเอียดของกองทุนเพิ่มเติมได้ที่ https://www.finnomena.com/fund
จัดทำโดยบลป.เดฟินิท สำหรับบลน. ฟินโนมีนา (Finnomena Funds)


คำเตือน: ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน | ผลการดำเนินงานในอดีต และผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต | ผู้ลงทุนอาจมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากการป้องกันความเสี่ยงขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้จัดการกองทุน | กองทุนรวมนี้ลงทุนกระจุกตัวในผู้ออกตราสารหรือประเทศใดประเทศหนึ่ง จึงมีความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนจำนวนมาก ผู้ลงทุนจึงควรพิจารณาการกระจายความเสี่ยงของ พอร์ตการลงทุนโดยรวมของตนเองด้วย | คำแนะนำการลงทุนนี้เป็นไปตามกรอบการพิจารณาของ Finnomena Funds ซึ่งมีเป้าหมายในการสร้างโอกาสรับผลตอบแทนในระยะเวลาตามแต่ละประเภทของพอร์ตเท่านั้น บริษัทมิได้การันตีถึงผลตอบแทนที่จะได้จากคำแนะนำการลงทุนดังกล่าว มีความเสี่ยงที่ผลตอบแทนอาจไม่เป็นไปตามคาดหวัง หรือมีผลขาดทุนได้ | สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน ฟินโนมีนา จำกัด ในช่วงเวลาวันทำการตั้งแต่ 09:00-17:00 น. ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 026 5100 และทาง LINE @FinnomenaPort | สำหรับผู้ลงทุนในความดูแลของ Kept by krungsri ติดต่อทีม Kept help center ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 296 6299

เมื่อกดปุ่ม “รับรายละเอียดเพิ่มเติม ” แสดงว่าคุณยินยอมให้บริษัท ฟินโนมีนา จำกัด และบริษัทในเครือ เก็บรวบรวมและใช้ข้อมูลเพื่อแนะนำบริการ แจ้งสิทธิประโยชน์ เป็นที่ปรึกษาการลงทุน ประชาสัมพันธ์ และดำเนินการที่เกี่ยวข้อง ศึกษานโยบายความเป็นส่วนตัว

B-BHARATA
B-BHARATA
FundTalk Call: ถึงเวลาขายหุ้นจีน
ความเห็นจาก Finnomena : แนะนำขายทำกำไรกองทุน MEGA10CHINA-A และ Stop Loss กองทุน SCBCHAA หลังดัชนีหลุดแนวรับสำคัญ

FundTalk Contrarian Call แนะนำขายทำกำไรกองทุน MEGA10CHINA-A และ Stop Loss กองทุน SCBCHAA หลังดัชนีหลุดแนวรับสำคัญ โดยแนะนำไปเพิ่มน้ำหนักลงทุนในหุ้นโลกธีม AI หุ้นเกาหลีใต้ และตราสารหนี้ระยะยาว

จากที่ก่อนหน้านี้ได้มีการออกคำแนะนำ FundTalk Call แนะนำเข้าลงทุน Hang Seng หลังถูกสุดในรอบทศวรรษ ผ่านกองทุน MEGA10CHINA-A เมื่อวันที่ 25 มกราคม 2567 และ จีนแผ่นดินใหญ่ A-Shares ฟื้นตัว รับยาแรงกระตุ้นอสังหาฯ ผ่านกองทุน SCBCHAA เมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม 2567

หลังออกคำแนะนำ NAV ของกองทุน MEGA10CHINA-A ปรับตัวขึ้นประมาณ +15% ส่วนกองทุน SCBCHAA ปรับตัวลดลงประมาณ -5% (ข้อมูล ณ วันที่ 27 มิถุนายน 2024) ทว่าล่าสุดดัชนีหุ้นจีน Hang Seng และ CSI 300 ได้หลุดแนวรับสำคัญ ซึ่งสะท้อนถึงโมเมนตัมที่อ่อนแอในระยะสั้น

รักษากำไร MEGA10CHINA-A

FundTalk Call: ถึงเวลาขายหุ้นจีน

Source: TradingView as of 27/06/2024

FundTalk Call: ถึงเวลาขายหุ้นจีน

Source: TradingView as of 27/06/2024

จากการที่ดัชนีหุ้นจีนฮ่องกง Hang Seng หลุด 18,000 จุด อย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 27 มิถุนายน 2024 จึงแนะนำขายทำกำไร MEGA10CHINA-A ที่ปรับเพิ่มขึ้น ~15% นับจากวันที่แนะนำ

รักษาวินัย SCBCHAA

Source: Finnomena Funds, Bloomberg as of 10/06/2024

ในขณะที่ดัชนีหุ้นจีนแผ่นดินใหญ่ CSI 300 ก็หลุดแนวรับสำคัญเช่นกันที่ระดับ 3,470 จุด เพื่อเป็นการรักษาวินัยของการลงทุนในระยะสั้น จึงแนะนำ Stop Loss ตัดขาดทุนราว 5% พร้อมหมุนหาโอกาสการลงทุนใหม่ที่มีแนวโน้มเติบโตดีกว่า

จีนระยะสั้นอ่อนแอ แต่มุมมองระยะกลางยังดี

การปรับตัวลงของตลาดหุ้นจีนนั้นมาจากปัจจัยเชิงลบตาม Sentiment ระยะสั้น รวมทั้งความเชื่อมั่นต่อของนักลงทุนต่อตลาดหุ้นจีน อย่างไรก็ดี ในมุมมองระยะกลางถึงยาว ตลาดหุ้นจีนยังมีโอกาสจากความพยายามออกนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง

FundTalk Call: ถึงเวลาขายหุ้นจีน

Source: Bloomberg as of 19 June 2024

จีนกำลังยกเครื่องนโยบายการเงิน ทั้งดอกเบี้ย และการบริหารสภาพคล่อง พร้อมทยอยออกมาตรการกระตุ้นอย่างต่อเนื่อง แต่เม็ดเงินไม่ได้ใหญ่มากเมื่อเทียบกับมูลค่า GDP โดยตั้งเป้าหมาย GDP เติบโต 5% สูงกว่าที่ตลาดคาด ซึ่งตลาดปรับประมาณการ GDP ขึ้นมาบ้างแล้ว แต่ยังมี Gap จากเป้าหมายของรัฐฯ

สำหรับความมั่นใจผู้บริโภคยังไม่ฟื้น ตามราคาอสังหาริมทรัพย์ที่หดตัวอย่างต่อเนื่อง แต่เริ่มเห็นสัญญาณที่ดีขึ้นจากราคาตราสารหนี้กลุ่มอสังหาฯ ที่เริ่มฟื้นตัว

ทั้งนี้ สำหรับผู้ที่มีเป้าหมายการลงทุนในระยะยาวและเชื่อมั่นในตลาดหุ้นจีน ยังคงสามารถสะสมหุ้นจีนผ่านกองทุน B-CHINE-EQ MEGA10CHINA-A SCBCHAA และ UOBSGC

แนะนำเพิ่มน้ำหนักลงทุนในหุ้นโลกธีม AI หุ้นเกาหลีใต้ และตราสารหนี้สหรัฐฯ

สำหรับผู้ลงทุนที่ขายหุ้นจีนตามคำแนะนำ FundTalk Contrarian Call พร้อมแนะนำเข้าลงทุนใหม่ตามคำแนะนำอื่น ๆ ของ FundTalk Call ดังนี้ 

กองทุนแนะนำ FundTalk Contrarian Call อัปเดตล่าสุด 28 มิถุนายน 2024

FundTalk Call: ถึงเวลาขายหุ้นจีน

ดู Fund Fact Sheet กองทุนแนะนำ

 

สามารถศึกษารายละเอียดของกองทุนเพิ่มเติมได้ที่ https://www.finnomena.com/fund/
จัดทำโดยบลป. เดฟินิท สำหรับบลน. ฟินโนมีนา (Finnomena Funds)


คำเตือน: ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน | ผลการดำเนินงานในอดีต และผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต | ผู้ลงทุนอาจมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากการป้องกันความเสี่ยงขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้จัดการกองทุน | กองทุนรวมนี้ลงทุนกระจุกตัวในผู้ออกตราสารหรือประเทศใดประเทศหนึ่ง จึงมีความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนจำนวนมาก ผู้ลงทุนจึงควรพิจารณาการกระจายความเสี่ยงของ พอร์ตการลงทุนโดยรวมของตนเองด้วย | คำแนะนำการลงทุนนี้เป็นไปตามกรอบการพิจารณาของ Finnomena Funds ซึ่งมีเป้าหมายในการสร้างโอกาสรับผลตอบแทนในระยะเวลาตามแต่ละประเภทของพอร์ตเท่านั้น บริษัทมิได้การันตีถึงผลตอบแทนที่จะได้จากคำแนะนำการลงทุนดังกล่าว มีความเสี่ยงที่ผลตอบแทนอาจไม่เป็นไปตามคาดหวัง หรือมีผลขาดทุนได้ | สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน ฟินโนมีนา จำกัด ในช่วงเวลาวันทำการตั้งแต่ 09:00-17:00 น. ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 026 5100 และทาง LINE @FinnomenaPort | สำหรับผู้ลงทุนในความดูแลของ Kept by krungsri ติดต่อทีม Kept help center ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 296 6299

เมื่อกดปุ่ม “รับรายละเอียดเพิ่มเติม ” แสดงว่าคุณยินยอมให้บริษัท ฟินโนมีนา จำกัด และบริษัทในเครือ เก็บรวบรวมและใช้ข้อมูลเพื่อแนะนำบริการ แจ้งสิทธิประโยชน์ เป็นที่ปรึกษาการลงทุน ประชาสัมพันธ์ และดำเนินการที่เกี่ยวข้อง ศึกษานโยบายความเป็นส่วนตัว

MEGA10CHINA-A
MEGA10CHINA-A
Mr.Messenger Call: Take Profit กองทุน ASP-DIGIBLOC
ความเห็นจาก Finnomena : แนะนำขายทำกำไรกองทุน ASP-DIGIBLOC ทั้งหมด

แนะนำขายทำกำไรกองทุน ASP-DIGIBLOC ทั้งหมด พร้อมหมุมเงินไปลงทุนต่อในกองทุนหุ้นเวียดนามและกองทุนหุ้นจีน

Mr.Messenger ได้ออกคำแนะนำ Mr.Messenger Call หุ้น Blockchain เตรียมรีบาวด์ หลังฟื้นตัวขึ้นยืนเหนือแนวต้านสำคัญ เมื่อวันที่ 30 มกราคม 2024 และได้ แนะนำให้นักลงทุน Take Profit บางส่วน เมื่อวันที่ 8 มีนาคม

โดยหลังจากออกคำแนะนำ NAV ของกองทุนที่แนะนำ ASP-DIGIBLOC ปรับตัวขึ้น 35% สู่ระดับ 8.23  บาท (ข้อมูล ณ วันที่ 21 มิถุนายน 2024) จาก 6.09 บาท ณ วันที่ 30 มกราคม 2024

กราฟราคาของ VanEck Digital Transformation ETF หรือ DAPP ETF (Timeframe day) 

Mr.Messenger Call: Take Profit กองทุน ASP-DIGIBLOC

Source: Finnomena Funds, Tradingview as of 25/06/2024 (ดูกราฟ)

ล่าสุดราคาของ VanEck Digital Transformation ETF (DAPP) ที่ใช้อ้างอิงคำแนะนำปรับตัวขึ้นทำจุดสูงสุดในรอบ 1 ปี และพักตัวลงมา สอดคล้องกับ RSI Indicator ที่บ่งชี้ถึงสัญญาณ Overbought ในช่วงที่ผ่านมา 

Mr.Messenger Call จึงแนะนำ Take Profit กองทุน ASP-DIGIBLOC เพื่อล็อกกำไร ~35% สำหรับนักลงทุนที่ลงทุนตามคำแนะนำ พร้อมแนะนำเข้าลงทุนใหม่ตามคำแนะนำอื่น ๆ ของ Mr.Messenger Call ดังนี้ 

 

สามารถศึกษารายละเอียดของกองทุนเพิ่มเติมได้ที่ https://www.finnomena.com/fund
จัดทำโดยบลป.เดฟินิท สำหรับบลน. ฟินโนมีนา (Finnomena Funds)


คำเตือน: ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน | ผลการดำเนินงานในอดีต และผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต | ผู้ลงทุนอาจมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากการป้องกันความเสี่ยงขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้จัดการกองทุน | กองทุนรวมนี้ลงทุนกระจุกตัวในผู้ออกตราสารหรือประเทศใดประเทศหนึ่ง จึงมีความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนจำนวนมาก ผู้ลงทุนจึงควรพิจารณาการกระจายความเสี่ยงของ พอร์ตการลงทุนโดยรวมของตนเองด้วย | คำแนะนำการลงทุนนี้เป็นไปตามกรอบการพิจารณาของ Finnomena Funds ซึ่งมีเป้าหมายในการสร้างโอกาสรับผลตอบแทนในระยะเวลาตามแต่ละประเภทของพอร์ตเท่านั้น บริษัทมิได้การันตีถึงผลตอบแทนที่จะได้จากคำแนะนำการลงทุนดังกล่าว มีความเสี่ยงที่ผลตอบแทนอาจไม่เป็นไปตามคาดหวัง หรือมีผลขาดทุนได้ | สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน ฟินโนมีนา จำกัด ในช่วงเวลาวันทำการตั้งแต่ 09:00-17:00 น. ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 026 5100 และทาง LINE @FinnomenaPort | สำหรับผู้ลงทุนในความดูแลของ Kept by krungsri ติดต่อทีม Kept help center ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 296 6299

เมื่อกดปุ่ม “รับรายละเอียดเพิ่มเติม ” แสดงว่าคุณยินยอมให้บริษัท ฟินโนมีนา จำกัด และบริษัทในเครือ เก็บรวบรวมและใช้ข้อมูลเพื่อแนะนำบริการ แจ้งสิทธิประโยชน์ เป็นที่ปรึกษาการลงทุน ประชาสัมพันธ์ และดำเนินการที่เกี่ยวข้อง ศึกษานโยบายความเป็นส่วนตัว

ASP-DIGIBLOC
ASP-DIGIBLOC
เวียดนามลั่น! ตั้งเป้า GDP โต 7% ต่อปี หนุนรายได้ต่อหัวประชากรแตะ 7,500 ดอลลาร์ฯ ภายในปี 2030
ความเห็นจาก Finnomena : แนะนำซื้อ “PRINCIPAL VNEQ-A” กองทุนหุ้นเวียดนาม บริหารโดยผู้ที่มีความเชี่ยวชาญในการลงทุนในเวียดนาม ติดตามการลงทุนอย่างใกล้ชิด

สำนักข่าวซินหัว รายงานว่า รัฐบาลเวียดนามได้ประกาศเป้าหมายการเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) เฉลี่ย 7% ต่อปี ซึ่งคาดว่าจะช่วยให้รายได้ต่อหัวของประชากรเพิ่มขึ้นเป็น 7,500 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 270,000 บาท ภายในปี 2030

แผนงานนี้ของรัฐบาลเวียดนามมุ่งเน้นการกระตุ้นการพัฒนาอุตสาหกรรมและความทันสมัยของประเทศ เพื่อให้การเติบโตเป็นไปอย่างรวดเร็วมากยิ่งขึ้นจนถึงปี 2030 พร้อมกับขยายวิสัยทัศน์ระยะยาวไปจนถึงปี 2045 นอกจากนี้ รัฐบาลยังตั้งเป้าหมายให้เวียดนามเป็น 1 ใน 3 ประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำในสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) โดยภาคอุตสาหกรรมมีส่วนสำคัญในการสนับสนุนการเติบโตของ GDP มากกว่า 40%

คาดว่า ภาคการผลิตและการแปรรูปของเวียดนามจะมีสัดส่วนราว 30% ของ GDP ขณะที่ภาคบริการคาดว่าจะมีสัดส่วนมากกว่า 50% ของ GDP ส่วนภาคการท่องเที่ยวเพียงอย่างเดียวจะมีสัดส่วนประมาณ 14-15% ตามรายงานยังคาดว่า แรงงานในภาคเกษตรกรรมจะลดลงเหลือไม่ถึง 20% ของกำลังแรงงานทั้งหมด

สำนักงานสถิติแห่งชาติของเวียดนามรายงานว่า GDP ในช่วงครึ่งแรกของปี 2024 เติบโตที่ระดับ 6.42% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YOY) ซึ่งเป็นตัวเลขครึ่งปีแรกที่สูงสุดเป็นอันดับ 2 ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา

ปัจจุบัน เวียดนามตั้งเป้าหมายรายได้ต่อหัวของประชากรในปีนี้ไว้ที่ 4,700-4,730 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 169,400-170,500 บาท

ที่มา: https://www.efinancethai.com/LastestNews/LatestNewsMain.aspx?ref=A&id=Z1krVlE1cHc1Wm89

กองทุนหุ้นเวียดนามแนะนำโดย Finnomena Funds

  • MEVT Call และ Mr.Messenger Call แนะนำ PRINCIPAL VNEQ-Aกองทุนหุ้นเวียดนาม ลงทุนในหุ้นที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์หรือมีธุรกิจหลักในประเทศเวียดนามที่เชื่อว่ามีศักยภาพในการเติบโตในอนาคต
  • ใช้กลยุทธ์ Core-Satellite Port เน้นผลตอบแทนระยะยาวและมีการสับเปลี่ยนหุ้นบางส่วนตามสภาวะตลาดเพื่อเพิ่มผลตอบแทนระยะสั้น
  • บริหารโดยผู้ที่มีความเชี่ยวชาญในการลงทุนในประเทศเวียดนาม ติดตามการลงทุนอย่างใกล้ชิด
  • ลงทุนในหุ้นที่มีศักยภาพในการเติบโตสูง แม้ติดเกณฑ์ FOL (Foreign Ownership Limit) สร้างโอกาสเหนือกองทุนอื่น เน้นลงทุนระยะยาว
  • ดูรายละเอียดกองทุนเพิ่มเติมได้ที่ https://finno.me/mevt-call-vneq

คำเตือน: การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนต้องทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน | การลงทุนในกองทุนรวมไม่ใช่การฝากเงิน | กองทุนอาจลงทุนกระจุกตัวในอุตสาหกรรมและประเทศที่ลงทุน จึงมีความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนจำนวนมาก ผู้ลงทุนจึงควรพิจารณาการกระจายความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุนโดยรวมของตนเองด้วย | ผู้ลงทุนอาจมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากการป้องกันความเสี่ยงขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้จัดการกองทุน | สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน ฟินโนมีนา จำกัด ในช่วงเวลาวันทำการตั้งแต่ 09:00-17:00 . ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 026 5100 และทาง LINE “@FinnomenaPort”

เมื่อกดปุ่ม “รับรายละเอียดเพิ่มเติม ” แสดงว่าคุณยินยอมให้บริษัท ฟินโนมีนา จำกัด และบริษัทในเครือ เก็บรวบรวมและใช้ข้อมูลเพื่อแนะนำบริการ แจ้งสิทธิประโยชน์ เป็นที่ปรึกษาการลงทุน ประชาสัมพันธ์ และดำเนินการที่เกี่ยวข้อง ศึกษานโยบายความเป็นส่วนตัว

PRINCIPAL VNEQ-A
PRINCIPAL VNEQ-A
หุ้นอเมริกา ร่วงแรงสุดในรอบ 2 ปี
ความเห็นจาก Finnomena : ปรับลดคำแนะนำหุ้นสหรัฐฯ เป็น “ถือ” สำหรับเป้าหมายในระยะยาว และเป็นจังหวะ Take Profit สำหรับการลงทุนในระยะสั้น

เกิดอะไรขึ้น?

เมื่อคืนนี้ (24 กรกฎาคม 2024) หุ้นสหรัฐอเมริกา S&P 500 ลดลง 2.31% และ Nasdaq ลดลง 3.64% ถือเป็นวันที่แย่ที่สุดในรอบกว่า 2 ปี

แรงเทขายจำนวนมากมาจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีขนาดใหญ่ เนื่องจากความกังวลของผลประกอบการไตรมาส 2/2024

กลุ่มที่กระทบหนักสุดคือ Magnificent-7 นำโดย Tesla, Nvidia, Meta, Alphabet, Microsoft, Amazon และ Apple ซึ่งโดยรวมปรับตัวลงไปประมาณ 5%

โดยคิดเป็นมูลค่าบริษัทรวมกันที่หายไปถึง 7.5 แสนล้านเหรียญสหรัฐ ภายในวันเดียว นับเป็นวันที่ Magnificent-7 สูญเสียมูลค่าสูงที่สุดในประวัติศาสตร์

มุมมองการลงทุน Finnomena Funds

ก่อนหน้านี้เราคาดว่าตลาดหุ้นสหรัฐฯ มีโอกาสพักฐานในระยะสั้น จากความคาดหวังเรื่องเงินเฟ้อและดอกเบี้ยนโยบายที่ Price-in ไปแล้ว และน่าจะเกิดความผันผวนจากการเลือกตั้งสหรัฐฯ ในช่วงปลายปี

ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจเริ่มชะลอตัวตามเงินเฟ้อ โดย ISM Manufacturing New Orders ซึ่งเป็นดัชนีชี้นำ GDP ปรับลงมาอยู่ที่ 45.4 สะท้อนความน่าจะเป็นว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ อาจเจอแรงกดดันในอนาคต

สำหรับหุ้นเทคโนโลยีกลุ่ม AI ก็มองว่าในปัจจุบันเริ่มมี Upside ที่จำกัด Valuation อยู่ในระดับที่ค่อนข้างแพง

Finnomena Funds จึงปรับลดคำแนะนำหุ้นสหรัฐฯ เป็น “ถือ” สำหรับเป้าหมายในระยะยาว และเป็นจังหวะ “Take Profit” สำหรับการลงทุนในระยะสั้น

อ่านบทความ – Finnomena Mid-Year Investment Outlook 2024 


คำเตือน: การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน | สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน ฟินโนมีนา จำกัด ในช่วงเวลาวันทำการตั้งแต่ 09:00-17:00 น. ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 026 5100 และทาง LINE “@FinnomenaPort”

เมื่อกดปุ่ม “รับรายละเอียดเพิ่มเติม ” แสดงว่าคุณยินยอมให้บริษัท ฟินโนมีนา จำกัด และบริษัทในเครือ เก็บรวบรวมและใช้ข้อมูลเพื่อแนะนำบริการ แจ้งสิทธิประโยชน์ เป็นที่ปรึกษาการลงทุน ประชาสัมพันธ์ และดำเนินการที่เกี่ยวข้อง ศึกษานโยบายความเป็นส่วนตัว

จีนลั่นเดินหน้าพัฒนาเศรษฐกิจ รับประกันเศรษฐกิจจีนจะดำเนินไปได้อย่างราบรื่นและมั่นคง
ความเห็นจาก Finnomena : แนะนำซื้อกองทุนหุ้นจีน “UOBSGC” และ “MEGA10CHINA-A”

ท่ามกลางความตึงเครียดทางการค้าที่ทวีความรุนแรงขึ้น เจ้าหน้าที่ระดับสูงของจีนออกมาย้ำจุดยืนในการมุ่งเน้นพัฒนาเศรษฐกิจภายในประเทศอย่างมั่นคง

ตราบใดที่เราดำเนินการอย่างถูกต้อง เศรษฐกิจของประเทศจะเดินหน้าต่อไปอย่างราบรื่นและมั่นคงนายหาน เหวินซิ่ว รองผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการกลางด้านการเงินและเศรษฐกิจของพรรคคอมมิวนิสต์จีน กล่าวต่อสื่อมวลชนเมื่อวันที่ 19 .. ที่ผ่านมา

นายหานเน้นย้ำถึง 3 กลยุทธ์สำคัญสำหรับการขับเคลื่อนเศรษฐกิจจีน ได้แก่ การพัฒนาตลาดอสังหาริมทรัพย์อย่างมั่นคงและแข็งแกร่ง การส่งเสริมการพัฒนาอุตสาหกรรมใหม่และการปรับตัวตามอนาคต และการขยายการบริโภคภายในประเทศ โดยเฉพาะการส่งเสริมการบริโภค

นายหานยังตอบคำถามเกี่ยวกับกลยุทธ์ของจีนในการรับมือกับความตึงเครียดทางการค้าที่เพิ่มขึ้น โดยอ้างอิงคำกล่าวของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำจีน ที่เน้นย้ำให้ประชาชนในประเทศทำสิ่งต่าง ๆ ของตนให้ดี และให้ความสำคัญกับเรื่องของตนเอง

ที่มา: https://www.infoquest.co.th/2024/415210

กองทุนหุ้นจีน แนะนำโดย Finnomena Funds

1. UOBSGC

  • Mr.Messenger Call แนะนำUOBSGCกองทุนหุ้นจีน Greater China ที่กระจายการลงทุนในหุ้นจีน ฮ่องกง และไต้หวัน
  • คัดเลือกหุ้นโดยใช้ AI ร่วมกับนักวิเคราะห์ โดยกรอบการทำงานนี้ช่วยประสิทธิภาพในการคัดเลือกหุ้น และค้นพบโอกาสในการลงทุนที่ซ่อนอยู่
  • ดูรายละเอียดกองทุนเพิ่มเติมได้ที่ https://www.finnomena.com/fund/UOBSGC

 

อ่านคำแนะนำ Mr.Messenger Call เพิ่มเติมได้ที่ https://www.finnomena.com/mr-messenger/call-greaterchina-jun-2024/

2. MEGA10CHINA-A

  • Mr.Messenger Call แนะนำMEGA10CHINA-Aกองทุนหุ้นจีน เน้นลงทุนใน 10 บริษัทที่ทรงอิทธิพลของจีนในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง
  • ลงทุนในบริษัทที่มีมูลค่าตลาดขนาดใหญ่ มีสภาพคล่องสูง โดยเลี่ยงบริษัทที่รัฐบาลจีนเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ เพราะมองเป็นอีกหนึ่งความเสี่ยง
  • เน้นความเป็นผู้นำในด้านตราสินค้า (Brand Value) ในกลุ่ม TOP/BEST CHINESE BRANDS จากการจัดอันดับโดยบริษัทที่มีชื่อเสียงและเป็นที่ยอมรับในเรื่องของการจัดอันดับดังกล่าว
  • ดูรายละเอียดกองทุนเพิ่มเติมได้ที่ https://www.finnomena.com/fund/MEGA10CHINA-A 

 

อ่านคำแนะนำ Mr.Messenger Call เพิ่มเติมได้ที่ https://www.finnomena.com/mr-messenger/call-hsi-july-2024/


คำเตือน: การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนต้องทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน | การลงทุนในกองทุนรวมไม่ใช่การฝากเงิน | กองทุนอาจลงทุนกระจุกตัวในอุตสาหกรรมและประเทศที่ลงทุน จึงมีความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนจำนวนมาก ผู้ลงทุนจึงควรพิจารณาการกระจายความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุนโดยรวมของตนเองด้วย | ผู้ลงทุนอาจมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากการป้องกันความเสี่ยงขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้จัดการกองทุน | สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน ฟินโนมีนา จำกัด ในช่วงเวลาวันทำการตั้งแต่ 09:00-17:00 . ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 026 5100 และทาง LINE “@FinnomenaPort”

เมื่อกดปุ่ม “รับรายละเอียดเพิ่มเติม ” แสดงว่าคุณยินยอมให้บริษัท ฟินโนมีนา จำกัด และบริษัทในเครือ เก็บรวบรวมและใช้ข้อมูลเพื่อแนะนำบริการ แจ้งสิทธิประโยชน์ เป็นที่ปรึกษาการลงทุน ประชาสัมพันธ์ และดำเนินการที่เกี่ยวข้อง ศึกษานโยบายความเป็นส่วนตัว

UOBSGC, MEGA10CHINA-A
UOBSGC, MEGA10CHINA-A
กมลา แฮร์ริส Kamala Harris คือใคร?

กระแสความสนใจในตัว “กมลา แฮร์ริส” (Kamala Harris) เพิ่มขึ้นมาทันที หลังเมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม 2024 “โจ ไบเดน” เขียนจดหมายถอนตัวอย่างเป็นทางการจากการเป็นตัวแทนพรรคเดโมแครตในการชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา 2024

หลังจากก่อนหน้านี้ โจ ไบเดน ถูกตั้งคำถามมากมายถึงความพร้อมในการสู้ศึกเลือกตั้งสมัยที่ 2 ไม่ว่าจะด้วยผลงานดีเบตที่เพลี่ยงพล้ำให้แก่ “โดนัลด์ ทรัมป์” ในรอบแรกเมื่อช่วงสิ้นเดือนที่ผ่านมา ตลอดจนปัญหาสุขภาพ และความแก่ชราของไบเดนในวัย 81 ปีที่แสดงออกมาชัดเจน

พรรคเดโมแครต จึงตัดสินใจเปลี่ยนม้ากลางศึก เพื่อไม่ให้คะแนนนิยมตกต่ำไปมากกว่านี้ ซึ่งว่ากันว่าผู้ที่จะก้าวขึ้นมาเป็นตัวแทนในครั้งนี้ก็คือ กมลา แฮร์ริส รองประธานาธิบดีคนปัจจุบันนั่นเอง

ไบเดน โพสผ่าน X ส่วนตัวว่า การถอนตัวครั้งนี้ เพื่อเป็นประโยชน์สูงสุดต่อพรรคและประเทศชาติ พร้อมหนุนให้ แฮร์ริส เป็นผู้รับไม้ต่อในสู้ศึกเลือกตั้ง

Source: X@JoeBiden as of 22/07/2024

เปิดประวัติ กมลา แฮร์ริส (Kamala Harris)

Source: X@KamalaHarrisas of 11/01/2023

กมลา แฮร์ริส (Kamala Harris) หญิงแกร่งวัย 59 ปี ผู้พลิกหน้าประวัติศาสตร์การเมืองอเมริกา ด้วยการเป็นผู้หญิงคนแรกที่ดำรงตำแหน่งรองประธานาธิบดีสหรัฐฯ เมื่อปี 2021

เธอเกิดที่รัฐแคลิฟอร์เนีย โดยมีคุณพ่อเป็นนักเศรษฐศาสตร์ผิวสีชาวจาไมกา และคุณแม่เป็นนักวิจัยโรคมะเร็งชื้อสายอินเดีย ซึ่งทั้งคู่เป็นผู้อพยพเข้ามาอยู่ในสหรัฐฯ

พ่อแม่ของ กมลา แฮร์ริส พบรักเมื่อตอนเรียนมหาวิทยาลัย ในช่วงที่มีขบวนการนักศึกษายุค 60’s จึงพูดได้ว่าเธอเป็นหนึ่งทั้งผลผลิตของขบวนการนักศึกษายุครุ่งเรือง และเป็นลูกครึ่งจากผู้อพยพสองทวีปที่ไม่ใช่คนผิวขาว

สู่เส้นทางอาชีพการเมือง

กมลา แฮร์ริส เรียนจบปริญญาตรีด้านรัฐศาสตร์จาก Howard University ซึ่งเป็นสถาบันที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานของคนผิวสี และที่นั่นทำให้เธอได้มีโอกาสทำกิจกรรมทางการเมืองต่าง ๆ เช่น ประเด็นการแบ่งแยกผิวสีในแอฟริกาใต้ หลังจากนั้นจึงได้เรียนต่อด้านกฎหมายจาก University of California, Hastings

เธอเริ่มต้นเส้นทางอาชีพทนายความ ในช่วงปี 1990 และเติบโตอย่างก้าวกระโดด ก่อนที่จะตัดสินใจลงเล่นการเมืองด้วยการชนะเลือกตั้งอัยการประจำเขตซานฟรานซิสโกปี 2003 และได้รับเลือกเป็นอัยการสูงสุดของรัฐแคลิฟอร์เนียในปี 2010

เวลานั้นชื่อของเธอถือเป็นนักเมืองหญิงดาวรุ่งของพรรคเดโมแครต เพราะถูกจับตาทั้งในแง่ของภูมิหลัง รวมทั้งมีผลงานโดดเด่นในการปกป้องชาวแคลิฟอร์เนีย ไม่ให้โดนยึดบ้านจากผลพวงของ Subprime Crisis 2008

กระทั่งปี 2016 จึงได้มีโอกาสเข้าสู่สนามเลือกตั้งในตำแหน่งวุฒิสมาชิก และเมื่อปี 2021 ก็ได้บันทึกหน้าประวัติศาสตร์ ‘Madame Vice President’ ครั้งแรกของสหรัฐฯ

ฉันอาจจะเป็นผู้หญิงคนแรกที่นั่งในตำแหน่งนี้ แต่จะไม่ใช่คนสุดท้ายแน่นอน
– สุนทรพจน์แรกของ กมลา แฮร์ริส หลังประกาศชัยชนะของพรรคเดโมแครต เมื่อ 4 ปีก่อน –

บทบาทในฐานะรองประธานาธิบดี

Source: X@KamalaHarrisas of 19/06/2024

กมลา แฮร์ริส มีชื่อเสียงจากการเดินทางไปทั่วสหรัฐฯ เพื่อแสดงถึงจุดยืนในการปกป้องสิทธิสตรีและสิทธิการทำแท้งเสรี หลังศาลสูงสุดได้ยกเลิกคำพิพากษาคดี Roe v Wade ว่าการทำแท้งขัดต่อรัฐธรรมนูญ

ทว่าคะแนนความนิยมของเธอในภาพรวม ถูกตัดเกรดในระดับต่ำมาโดยตลอด ตามการสำรวจความคิดเห็นของ FiveThirtyEight มีคนอเมริกันถึง 51% ที่ไม่เห็นด้วยกับการทำงานของเธอ

นักวิเคราะห์มองว่าหน้าที่ของ กมลา แฮร์ริส ในฐานะรองประธานาธิบดี เป็นไปตามแบบแผนทั่วไปและไร้ความโดดเด่น โดยมีภารกิจหลักคือการลดจำนวนผู้อพยพข้ามพรมแดนทางใต้ของสหรัฐฯ และมองว่าเธอค่อนข้างล้มเหลวในการแก้ปัญหานี้

คะแนนความนิยม Harris vs. Trump

โพลล่าสุดจาก DDHQ and The Hill ระบุว่า คะแนนนิยมของ “กมลา แฮร์ริส” ตามหลัง “โดนัลด์ ทรัมป์” อยู่ที่ 45.4% ต่อ 47.4% และชี้ว่าเธอมีแนวโน้มที่จะเอาชนะได้มากกว่าปล่อยให้ “โจ ไบเดน” ฝืนลงแข่งต่อไป

อย่างไรก็ตาม โดนัลด์ ทรัมป์ ให้สัมภาษณ์สถานีโทรทัศน์ CNN เมื่อวันอาทิตย์ที่ 21 ก.ค. ที่ผ่านมาว่า แฮร์ริสเอาชนะง่ายกว่าไบเดน และไม่มีความกังวลเลยที่จะต้องเจอกับเธอ

เมื่อกดปุ่ม “รับรายละเอียดเพิ่มเติม ” แสดงว่าคุณยินยอมให้บริษัท ฟินโนมีนา จำกัด และบริษัทในเครือ เก็บรวบรวมและใช้ข้อมูลเพื่อแนะนำบริการ แจ้งสิทธิประโยชน์ เป็นที่ปรึกษาการลงทุน ประชาสัมพันธ์ และดำเนินการที่เกี่ยวข้อง ศึกษานโยบายความเป็นส่วนตัว

ความเห็นจาก Finnomena : ความเชื่อมั่นเริ่มกลับมา แนะนำทยอยสะสม MEGA10CHINA-A, UOBSGC และ SCBCHAA

วันนี้ (19 กรกฎาคม 2024) ดัชนีหุ้นฮ่องกง Hang Seng (HSI) และดัชนี HSCEI หรือหุ้นจีน H-Share ปรับตัวลงกว่า 2% หลังการประชุมใหญ่ของคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์ครั้งที่ 3 (Third Plenum) ที่เกิดขึ้นในวันที่ 15 – 18 กรกฎาคม 2024 สิ้นสุดลง โดยสำนักข่าวซินหัวระบุว่า คณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน (CPC) ชุดที่ 20 ได้รับรองมติการปฏิรูปรอบด้านอย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น โดยมีเป้าหมายที่จะมุ่งเน้นไปสู่การเป็นประเทศที่พัฒนาอย่างมีคุณภาพสูง พร้อมสร้างความทันสมัยแบบจีน เช่น การปฏิรูปทางการเงินให้ระบบมีประสิทธิภาพมากขึ้น อย่างไรก็ตามยังไม่มีรายละเอียดระบุเกี่ยวกับวิธีการกระตุ้นเศรษฐกิจและรูปแบบนโยบายที่จะออกมาเพิ่มเติม  

Finnomena Funds มองว่าความเชื่อมั่นต่อตลาดหุ้นจีนและตลาดหุ้นฮ่องกงจะเริ่มดีขึ้นหลังการประชุม Third Plenum เมื่อมีรายละเอียดของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม อย่างไรก็ดีรัฐบาลจีนมีความพยายามออกนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างมีนัยสำคัญในช่วงที่ผ่านมา โดยเฉพาะภาคอสังหาฯ  ประกอบกับเมื่อพิจารณาถึงระดับ valuation ของดัชนี CSI 300 ที่มี 12-m forward PE ที่ 11.2  เท่า หรือ -1.2 S.D. ขณะที่ดัชนี Hang Seng มี 12-m forward  PE ที่ 8.3 เท่า หรือ -2 S.D. เมื่อเทียบค่าเฉลี่ยในรอบ 10 ปี เรายังแนะนำทยอยสะสมในกองทุน MEGA10CHINA-A, UOBSGC และ SCBCHAA

จัดทำโดยบลป. เดฟินิทสำหรับบลน. ฟินโนมีนา (Finnomena Funds)

เมื่อกดปุ่ม “รับรายละเอียดเพิ่มเติม ” แสดงว่าคุณยินยอมให้บริษัท ฟินโนมีนา จำกัด และบริษัทในเครือ เก็บรวบรวมและใช้ข้อมูลเพื่อแนะนำบริการ แจ้งสิทธิประโยชน์ เป็นที่ปรึกษาการลงทุน ประชาสัมพันธ์ และดำเนินการที่เกี่ยวข้อง ศึกษานโยบายความเป็นส่วนตัว

UOBSGC
UOBSGC
เฟดส่งสัญญาณใกล้ลดดอกเบี้ย หลังเงินเฟ้อเริ่มลด-ตลาดแรงงานสมดุลขึ้น คาดลดดอกเบี้ย ก.ย. นี้
ความเห็นจาก Finnomena : แนะนำซื้อ “MUBONDUH-A” กองทุนตราสารหนี้สหรัฐฯ เน้นสินทรัพย์คุณภาพ รับโอกาสดอกเบี้ยขาลง

จากรายงานของสำนักข่าวรอยเตอร์ นายคริสโตเฟอร์ วอลเลอร์ หนึ่งในคณะกรรมการผู้ว่าการเฟด สมาชิกถาวรของคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของเฟด (FOMC) ส่งสัญญาณบ่งชี้ว่า เฟดมีแนวโน้มจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเร็ว ๆ นี้ คาดว่าจะเกิดขึ้นในเดือนกันยายนนี้

สัญญาณดังกล่าวสอดคล้องกับมุมมองของเจ้าหน้าที่เฟดระดับสูงหลายท่าน รวมถึงประธานเฟด เจอโรม พาวเวลล์ ที่ต่างแสดงความมั่นใจว่า แนวโน้มการลดลงของเงินเฟ้อที่เริ่มขึ้นเมื่อปีที่แล้ว ยังคงดำเนินต่อไป แม้ว่าจะมีการเพิ่มขึ้นของเงินเฟ้อในระยะสั้นช่วงต้นปีนี้ก็ตาม

ปัจจัยสนับสนุนนโยบายผ่อนคลายของเฟด มาจากแรงกดดันด้านราคาที่ผ่อนคลายลงในหลาย ๆ ด้าน เช่น ราคาสินค้าที่ลดลง ต้นทุนที่อยู่อาศัยที่ชะลอตัวลง และการเติบโตของค่าจ้างที่อยู่ในระดับปานกลางมากขึ้น ส่งผลให้เงินเฟ้อที่เคยเพิ่มสูงขึ้นในภาคบริการเริ่มผ่อนคลายลง

นายวอลเลอร์ คาดการณ์ว่า ช่วงเวลาที่เหมาะสมสำหรับการปรับลดอัตราดอกเบี้ย น่าจะเป็นช่วงเดือนกันยายนถึงธันวาคมนี้

ทั้งนี้ หลายฝ่ายคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ ซึ่งคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับ 5.25-5.50% ในปีที่ผ่านมา น่าจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งในเดือนพฤศจิกายนและธันวาคม ซึ่งจะทำให้อัตราดอกเบี้ยนโยบายอยู่ที่ช่วง 4.50-4.75% ภายในสิ้นปี 2024

ที่มา: https://www.efinancethai.com/LastestNews/LatestNewsMain.aspx?ref=FR&id=cUIybm1HeU5QcTg9

กองทุนตราสารหนี้โดย Finnomena Funds

  • FundTalk Call แนะนำMUBONDUH-Aลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุน JPMorgan Funds – US Aggregate Bond Fund (กองทุนหลัก) ที่มี Duration ประมาณ 6 ปี
  • กองทุนหลักลงทุนในตราสารหนี้ของสหรัฐอเมริกาที่มีอันดับความน่าเชื่อถืออยู่ในอันดับที่สามารถลงทุนได้
  • มีนโยบายการลงทุนแบบ Active ให้ผลการดำเนินงานเคลื่อนไหวใกล้เคียงกับดัชนี U.S. Aggregate Bond Index
  • ดูรายละเอียดกองทุนเพิ่มเติมได้ที่ https://finno.me/ft-call-mubonduh-a-fba

 

📌 อ่านคำแนะนำ FundTalk Call เพิ่มเติมได้ที่https://www.finnomena.com/fundtalk/call-us-bond-jun24/

เฟดส่งสัญญาณใกล้ลดดอกเบี้ย หลังเงินเฟ้อเริ่มลด-ตลาดแรงงานสมดุลขึ้น คาดลดดอกเบี้ย ก.ย. นี้


คำเตือน: การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนต้องทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน | การลงทุนในกองทุนรวมไม่ใช่การฝากเงิน | กองทุนอาจลงทุนกระจุกตัวในอุตสาหกรรมและประเทศที่ลงทุน จึงมีความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนจำนวนมาก ผู้ลงทุนจึงควรพิจารณาการกระจายความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุนโดยรวมของตนเองด้วย | ผู้ลงทุนอาจมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากการป้องกันความเสี่ยงขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้จัดการกองทุน | สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน ฟินโนมีนา จำกัด ในช่วงเวลาวันทำการตั้งแต่ 09:00-17:00 . ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 026 5100 และทาง LINE “@FinnomenaPort”

เมื่อกดปุ่ม “รับรายละเอียดเพิ่มเติม ” แสดงว่าคุณยินยอมให้บริษัท ฟินโนมีนา จำกัด และบริษัทในเครือ เก็บรวบรวมและใช้ข้อมูลเพื่อแนะนำบริการ แจ้งสิทธิประโยชน์ เป็นที่ปรึกษาการลงทุน ประชาสัมพันธ์ และดำเนินการที่เกี่ยวข้อง ศึกษานโยบายความเป็นส่วนตัว

MUBONDUH-A
MUBONDUH-A
ความเห็นจาก Finnomena : แนะนำซื้อกองทุนหุ้นจีน “UOBSGC” และ “MEGA10CHINA-A”

กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ปรับเพิ่มคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจจีนในปี 2567 ขึ้นสู่ระดับ 5.0% จาก 4.6% ที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้

การปรับเพิ่มคาดการณ์ดังกล่าวมีขึ้นตามรายงานแนวโน้มเศรษฐกิจโลก (World Economic Outlook – WEO) ฉบับล่าสุดของ IMF ที่เผยแพร่เมื่อวันที่ 16 .. โดยระบุว่า เศรษฐกิจจีนได้รับแรงหนุนจากการฟื้นตัวของการบริโภคในภาคเอกชนและการส่งออกที่แข็งแกร่งในไตรมาสแรกของปีนี้

สำหรับจีน การฟื้นตัวของการบริโภคภายในประเทศเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญที่ทำให้เศรษฐกิจขยายตัวดีขึ้นในไตรมาส 1 ของปี 2567” IMF ระบุในรายงาน

ที่มา: https://www.infoquest.co.th/2024/414368

กองทุนหุ้นจีน แนะนำโดย Finnomena Funds

1. UOBSGC

  • Mr.Messenger Call แนะนำUOBSGCกองทุนหุ้นจีน Greater China ที่กระจายการลงทุนในหุ้นจีน ฮ่องกง และไต้หวัน
  • คัดเลือกหุ้นโดยใช้ AI ร่วมกับนักวิเคราะห์ โดยกรอบการทำงานนี้ช่วยประสิทธิภาพในการคัดเลือกหุ้น และค้นพบโอกาสในการลงทุนที่ซ่อนอยู่
  • ดูรายละเอียดกองทุนเพิ่มเติมได้ที่ https://www.finnomena.com/fund/UOBSGC

 

อ่านคำแนะนำ Mr.Messenger Call เพิ่มเติมได้ที่ https://www.finnomena.com/mr-messenger/call-greaterchina-jun-2024/

2. MEGA10CHINA-A

  • Mr.Messenger Call แนะนำMEGA10CHINA-Aกองทุนหุ้นจีน เน้นลงทุนใน 10 บริษัทที่ทรงอิทธิพลของจีนในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง
  • ลงทุนในบริษัทที่มีมูลค่าตลาดขนาดใหญ่ มีสภาพคล่องสูง โดยเลี่ยงบริษัทที่รัฐบาลจีนเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ เพราะมองเป็นอีกหนึ่งความเสี่ยง
  • เน้นความเป็นผู้นำในด้านตราสินค้า (Brand Value) ในกลุ่ม TOP/BEST CHINESE BRANDS จากการจัดอันดับโดยบริษัทที่มีชื่อเสียงและเป็นที่ยอมรับในเรื่องของการจัดอันดับดังกล่าว
  • ดูรายละเอียดกองทุนเพิ่มเติมได้ที่ https://www.finnomena.com/fund/MEGA10CHINA-A 

 

อ่านคำแนะนำ Mr.Messenger Call เพิ่มเติมได้ที่ https://www.finnomena.com/mr-messenger/call-hsi-july-2024/


คำเตือน: การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนต้องทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน | การลงทุนในกองทุนรวมไม่ใช่การฝากเงิน | กองทุนอาจลงทุนกระจุกตัวในอุตสาหกรรมและประเทศที่ลงทุน จึงมีความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนจำนวนมาก ผู้ลงทุนจึงควรพิจารณาการกระจายความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุนโดยรวมของตนเองด้วย | ผู้ลงทุนอาจมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากการป้องกันความเสี่ยงขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้จัดการกองทุน | สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน ฟินโนมีนา จำกัด ในช่วงเวลาวันทำการตั้งแต่ 09:00-17:00 . ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 026 5100 และทาง LINE “@FinnomenaPort”

เมื่อกดปุ่ม “รับรายละเอียดเพิ่มเติม ” แสดงว่าคุณยินยอมให้บริษัท ฟินโนมีนา จำกัด และบริษัทในเครือ เก็บรวบรวมและใช้ข้อมูลเพื่อแนะนำบริการ แจ้งสิทธิประโยชน์ เป็นที่ปรึกษาการลงทุน ประชาสัมพันธ์ และดำเนินการที่เกี่ยวข้อง ศึกษานโยบายความเป็นส่วนตัว

UOBSGC, MEGA10CHINA-A
UOBSGC, MEGA10CHINA-A
พาวเวลล์ย้ำชัด เฟดไม่รอเงินเฟ้อลงแตะ 2% ก่อนเริ่มหั่นดอกเบี้ย ชี้หากรออาจนานเกินไป
ความเห็นจาก Finnomena : แนะนำซื้อ “MUBONDUH-A” กองทุนตราสารหนี้สหรัฐฯ เน้นสินทรัพย์คุณภาพ รับโอกาสดอกเบี้ยขาลง

ตามรายงานจากเว็บไซต์ CNBC TV18 นายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือเฟด ย้ำจุดยืนว่า เฟดจะไม่รอให้อัตราเงินเฟ้อลดลงสู่เป้าหมาย 2% ก่อนเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ย สอดคล้องกับแถลงการณ์นโยบายการเงินและภาวะเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่นำเสนอต่อสภาคองเกรสเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา

ในการกล่าวต่อสมาคมเศรษฐกิจแห่งวอชิงตัน ดี.ซี. (Economic Club of Washington D.C.) พาวเวลล์เน้นย้ำว่า เฟดจะไม่รอจนกว่าอัตราเงินเฟ้อจะกลับมาอยู่ที่ 2% จึงเริ่มลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย เขายังชี้แจงว่า นโยบายของธนาคารกลางสหรัฐฯ มีความล่าช้ามานานและปรับเปลี่ยนไปตามข้อมูลเศรษฐกิจ

คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (FOMC) มีการประชุมนัดถัดไปในวันที่ 30-31 กรกฎาคมนี้ นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับเดิมที่ 5.25-5.50% อย่างไรก็ตาม นักลงทุนคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยอย่างน้อย 2 ครั้งก่อนสิ้นปี 2567 โดยเริ่มครั้งแรกในเดือนกันยายนนี้

ทั้งนี้อัตราเงินเฟ้อของสหรัฐฯ กำลังชะลอตัวลงสู่เป้าหมายของเฟด ดัชนีวัดอัตราเงินเฟ้อผู้บริโภคปรับตัวลดลงในเดือนมิถุนายน โดยราคาสินค้าและบริการโดยรวมปรับตัวลดลงจากเดือนพฤษภาคมเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2563

ที่มา: https://www.efinancethai.com/LastestNews/LatestNewsMain.aspx?ref=FR&id=dlZNQmYyVENOMFE9

กองทุนตราสารหนี้โดย Finnomena Funds

  • FundTalk Call แนะนำMUBONDUH-Aลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุน JPMorgan Funds – US Aggregate Bond Fund (กองทุนหลัก) ที่มี Duration ประมาณ 6 ปี
  • กองทุนหลักลงทุนในตราสารหนี้ของสหรัฐอเมริกาที่มีอันดับความน่าเชื่อถืออยู่ในอันดับที่สามารถลงทุนได้
  • มีนโยบายการลงทุนแบบ Active ให้ผลการดำเนินงานเคลื่อนไหวใกล้เคียงกับดัชนี U.S. Aggregate Bond Index
  • ดูรายละเอียดกองทุนเพิ่มเติมได้ที่ https://finno.me/ft-call-mubonduh-a-fba

 

📌 อ่านคำแนะนำ FundTalk Call เพิ่มเติมได้ที่ https://www.finnomena.com/fundtalk/call-us-bond-jun24/


คำเตือน: การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนต้องทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน | การลงทุนในกองทุนรวมไม่ใช่การฝากเงิน | กองทุนอาจลงทุนกระจุกตัวในอุตสาหกรรมและประเทศที่ลงทุน จึงมีความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนจำนวนมาก ผู้ลงทุนจึงควรพิจารณาการกระจายความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุนโดยรวมของตนเองด้วย | ผู้ลงทุนอาจมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากการป้องกันความเสี่ยงขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้จัดการกองทุน | สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน ฟินโนมีนา จำกัด ในช่วงเวลาวันทำการตั้งแต่ 09:00-17:00 . ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 026 5100 และทาง LINE “@FinnomenaPort”

เมื่อกดปุ่ม “รับรายละเอียดเพิ่มเติม ” แสดงว่าคุณยินยอมให้บริษัท ฟินโนมีนา จำกัด และบริษัทในเครือ เก็บรวบรวมและใช้ข้อมูลเพื่อแนะนำบริการ แจ้งสิทธิประโยชน์ เป็นที่ปรึกษาการลงทุน ประชาสัมพันธ์ และดำเนินการที่เกี่ยวข้อง ศึกษานโยบายความเป็นส่วนตัว

MUBONDUH-A
MUBONDUH-A
ความเห็นจาก Finnomena : ความเชื่อมั่นเริ่มดีขึ้นแนะนำทยอยสะสม MEGA10CHINA-A, UOBSGC และ SCBCHAA

วันนี้ (12 กรกฎาคม 2024) ดัชนีหุ้นฮ่องกง Hang Seng (HSI) และดัชนี HSCEI หรือหุ้นจีน H-Share ปรับตัวขึ้นกว่า 2.5% หลังตัวเลขการส่งออกเดือนมิ.ย.ขยายตัวเร่งขึ้นจาก 7.6% YoY ในเดือนพ.ค. สู่ระดับ 8.6% YoY ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ ด้านตัวเลขการนำเข้าพลิกกลับมาหดตัวสู่ระดับ -2.3% YoY จากขยายตัว 1.8% YoY ในเดือนก่อนหน้า สวนทางกับที่นักวิเคราะห์ไว้ที่ขยายตัว 2.8% YoY จากปัจจัยดังกล่าวจึงทำให้จีนมียอดเกินดุลการค้าในเดือนมิถุนายนเพิ่มขึ้นจาก 8.26 หมื่นล้านดอลลาร์ ในเดือนพ.ค. สู่ระดับ 9.9 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือนมิ.ย. ซึ่งเป็นระดับที่สูงที่สุดนับตั้งแต่ปี 1990  

นอกเหนือจากตัวเลขการส่งออกที่ประกาศออกมาวันนี้ เมื่อวานนี้ (11 ก.ค. 2024) คณะกรรมการกำกับดูแลหลักทรัพย์ของจีน (CSRC) ได้ออกมาตรการเชิงรุก เพื่อควบคุม Short-Selling และกลยุทธ์การเทรดหุ้นโดยใช้การวิเคราะห์เชิงปริมาณ (Quantitative Trading Strategy) โดยได้อนุมัติการเพิ่มข้อกำหนดการวางเงินประกัน (Margin Requirements) สำหรับ Short-Selling และจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 22 กรกฎาคม 2024 จากปัจจัยดังกล่าวจะทำให้ Hedge Fund และนักลงทุนมีต้นทุนการ Short-Selling ที่แพงขึ้น 

Finnomena Funds มองว่าความเชื่อมั่นต่อตลาดหุ้นจีนและตลาดหุ้นฮ่องกงจะเริ่มดีขึ้นจากข้อมูลเชิงบวกที่ประกาศออกมา และมาตรการกระตุ้นที่เริ่มมีผล นอกจากนี้รัฐบาลจีนมีความพยายามออกนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างมีนัยสำคัญในช่วงที่ผ่านมา โดยเฉพาะภาคอสังหาฯ  ประกอบกับเมื่อพิจารณาถึงระดับ valuation ของดัชนี CSI 300 ที่มี 12-m forward PE ที่ 11.2  เท่า หรือ -1.2 S.D. ขณะที่ดัชนี Hang Seng มี 12-m forward  PE ที่ 8.3 เท่า หรือ -2 S.D. เมื่อเทียบค่าเฉลี่ยในรอบ 10 ปี เรายังแนะนำทยอยสะสมในกองทุน MEGA10CHINA-A, UOBSGC และ SCBCHAA

จัดทำโดยบลป. เดฟินิทสำหรับบลน. ฟินโนมีนา (Finnomena Funds)

เมื่อกดปุ่ม “รับรายละเอียดเพิ่มเติม ” แสดงว่าคุณยินยอมให้บริษัท ฟินโนมีนา จำกัด และบริษัทในเครือ เก็บรวบรวมและใช้ข้อมูลเพื่อแนะนำบริการ แจ้งสิทธิประโยชน์ เป็นที่ปรึกษาการลงทุน ประชาสัมพันธ์ และดำเนินการที่เกี่ยวข้อง ศึกษานโยบายความเป็นส่วนตัว

UOBSGC
UOBSGC
ส่งออกจีนเดือน มิ.ย. 67 พุ่ง 8.6% ดันดุลการค้าเกินดุล 9.905 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ
ความเห็นจาก Finnomena : แนะนำซื้อกองทุนหุ้นจีน “UOBSGC” และ “MEGA10CHINA-A”

สำนักงานศุลกากรจีน (GAC) เปิดว่าในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ยอดนำเข้าของจีนลดลง 2.3% เมื่อเทียบเป็นรายปี สวนทางกับนักวิเคราะห์ในโพลของสำนักข่าว Reuters ที่คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 2.8% ในขณะที่ยอดส่งออกของจีนในเดือนมิถุนายนเพิ่มขึ้น 8.6% เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งสูงกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 8%

ในเดือนมิถุนายนนี้ จีนมียอดเกินดุลการค้า 9.905 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ สูงกว่าคาดการณ์ที่ระดับ 8.5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรีฐ และเพิ่มขึ้นจากเดือนพฤษภาคมที่ 8.262 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ

ในช่วงครึ่งแรกของปี 2567 ยอดนำเข้าของจีนเพิ่มขึ้น 2% และยอดส่งออกเพิ่มขึ้น 3.6% เมื่อเทียบเป็นรายปี

ที่มา: https://www.infoquest.co.th/2024/410525

กองทุนหุ้นจีน แนะนำโดย Finnomena Funds

1. UOBSGC

  • Mr.Messenger Call แนะนำUOBSGCกองทุนหุ้นจีน Greater China ที่กระจายการลงทุนในหุ้นจีน ฮ่องกง และไต้หวัน
  • คัดเลือกหุ้นโดยใช้ AI ร่วมกับนักวิเคราะห์ โดยกรอบการทำงานนี้ช่วยประสิทธิภาพในการคัดเลือกหุ้น และค้นพบโอกาสในการลงทุนที่ซ่อนอยู่
  • ดูรายละเอียดกองทุนเพิ่มเติมได้ที่ https://www.finnomena.com/fund/UOBSGC

 

อ่านคำแนะนำ Mr.Messenger Call เพิ่มเติมได้ที่ https://www.finnomena.com/mr-messenger/call-greaterchina-jun-2024/

2. MEGA10CHINA-A

  • Mr.Messenger Call แนะนำMEGA10CHINA-Aกองทุนหุ้นจีน เน้นลงทุนใน 10 บริษัทที่ทรงอิทธิพลของจีนในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง
  • ลงทุนในบริษัทที่มีมูลค่าตลาดขนาดใหญ่ มีสภาพคล่องสูง โดยเลี่ยงบริษัทที่รัฐบาลจีนเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ เพราะมองเป็นอีกหนึ่งความเสี่ยง
  • เน้นความเป็นผู้นำในด้านตราสินค้า (Brand Value) ในกลุ่ม TOP/BEST CHINESE BRANDS จากการจัดอันดับโดยบริษัทที่มีชื่อเสียงและเป็นที่ยอมรับในเรื่องของการจัดอันดับดังกล่าว
  • ดูรายละเอียดกองทุนเพิ่มเติมได้ที่ https://www.finnomena.com/fund/MEGA10CHINA-A 

 

อ่านคำแนะนำ Mr.Messenger Call เพิ่มเติมได้ที่ https://www.finnomena.com/mr-messenger/call-hsi-july-2024/


คำเตือน: การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนต้องทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน | การลงทุนในกองทุนรวมไม่ใช่การฝากเงิน | กองทุนอาจลงทุนกระจุกตัวในอุตสาหกรรมและประเทศที่ลงทุน จึงมีความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนจำนวนมาก ผู้ลงทุนจึงควรพิจารณาการกระจายความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุนโดยรวมของตนเองด้วย | ผู้ลงทุนอาจมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากการป้องกันความเสี่ยงขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้จัดการกองทุน | สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน ฟินโนมีนา จำกัด ในช่วงเวลาวันทำการตั้งแต่ 09:00-17:00 . ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 026 5100 และทาง LINE “@FinnomenaPort”

เมื่อกดปุ่ม “รับรายละเอียดเพิ่มเติม ” แสดงว่าคุณยินยอมให้บริษัท ฟินโนมีนา จำกัด และบริษัทในเครือ เก็บรวบรวมและใช้ข้อมูลเพื่อแนะนำบริการ แจ้งสิทธิประโยชน์ เป็นที่ปรึกษาการลงทุน ประชาสัมพันธ์ และดำเนินการที่เกี่ยวข้อง ศึกษานโยบายความเป็นส่วนตัว

UOBSGC, MEGA10CHINA-A
UOBSGC, MEGA10CHINA-A

การลงทุนในตราสารหนี้เป็นที่นิยมอย่างแพร่หลายเนื่องจากมีความมั่นคงและสามารถสร้างการเติบโตในระยะยาวได้อย่างมีประสิทธิภาพ และหนึ่งในกองทุนที่ได้รับความนิยมอย่างมากจากนักลงทุน คือ กองทุนตราสารหนี้โลกในตระกูล UGIS นั่นเอง

กองทุนหลักของ UGIS บริหารโดย PIMCO Global Advisor (Ireland) Limited บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ระดับโลก ที่มีชื่อเสียงอย่างยิ่งในด้านการลงทุนในตราสารหนี้โดยเฉพาะ ก่อตั้งโดย Bill Gross ชายผู้ได้รับการยกย่องว่าเป็น “ราชาแห่งพันธบัตร” (Bond King) PIMCO มีประสบการณ์ในการบริหารจัดการตราสารหนี้มายาวนานกว่า 50 ปี ตั้งแต่ปี 1971

ปัจจุบัน กองทุนในตระกูลนี้ประกอบด้วย 

  • UGIS-N (ชนิดรับซื้อคืนหน่วยลงทุนแบบปกติ)
  • UGIS-A (ชนิดรับซื้อคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติ)

 

และล่าสุด UOBAM ได้เปิดทางเลือกใหม่ให้กับนักลงทุนด้วยกองทุน UGISFX ซึ่งเป็นกองทุน F/X Hedge or Unhedged  หรือป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนหรือไม่ก็ได้โดยขึ้นอยู่กับดุลยพินิจผู้จัดการกองทุน เปิดโอกาสรับผลตอบแทนส่วนเพิ่มจากเงินบาทที่แข็งค่า ส่วนทั้ง 2 กองที่เปิดมาก่อนหน้านี้มีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนไม่น้อยกว่าร้อยละ 90 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน

UGISFX ถือเป็นอีกหนึ่งเขี้ยวเล็บสำหรับนักลงทุนสำหรับการลงทุนในสภาวะที่หลากหลายออกไป

ดอกเบี้ยพีค! เงินบาทแข็ง!

สภาพเศรษฐกิจปัจจุบันเหมาะสมสำหรับการลงทุนในตราสารหนี้ ล่าสุด ECB ได้ลดดอกเบี้ยลง 0.25% ในขณะที่ Fed ยังคงมุมมองที่จะลดดอกเบี้ยในปีนี้ ถือเป็นประโยชน์สำหรับการลงทุนในตราสารหนี้ที่อาจได้รับประโยชน์จากอัตราผลตอบแทนที่สูงตามดอกเบี้ยที่ยังสูงอยู่ และ Capital Gain จากราคาที่จะสูงขึ้นตามอัตราดอกเบี้ยที่จะเข้าสู่ขาลงในอนาคต

หนึ่งในกองทุนที่น่าสนใจคือ กองทุนตราสารหนี้ ที่สามารถได้รับประโยชน์จากช่วงดอกเบี้ยขาลงในระยะยาว นอกจากนี้ ค่าเงินบาทที่กำลังแข็งค่า ก็ทำให้การลงทุนในกองทุนตราสารหนี้แบบ Unhedged อย่าง UGISFX น่าสนใจ

ส่องนโยบายการลงทุนของ UGISFX

กองทุนเปิด ยูไนเต็ด โกลบอล อินคัม สตราทีจิค บอนด์ เอฟเอ็กซ์ ฟันด์ หรือ UGISFX เป็นกองทุนรวมตราสารหนี้ในกลุ่ม Global Bond Discretionary F/X Hedge or Unhedged โดยลงทุนในกองทุนหลัก PIMCO GIS Income Fund (Class I) ซึ่งกระจายการลงทุนในตราสารหนี้ประเภทต่าง ๆ ทั้งภาครัฐและเอกชนทั่วโลกอย่างน้อย 2 ใน 3 ของมูลค่าทรัพย์สิน

กองทุนหลักบริหารจัดการโดย PIMCO Global Advisor (Ireland) Limited  ซึ่งมีความเชี่ยวชาญด้านตราสารหนี้โดยเฉพาะ มุ่งหวังให้ผลประกอบการของกองทุน UGISFX เคลื่อนไหวตามกองทุนหลัก โดยใช้กลยุทธ์การบริหารกองทุนเชิงรุก (active management)

5 ทรัพย์สินที่ PIMCO GIS Income Fund (Class I) ลงทุนมากที่สุด | Source: Fund Factsheet as of 31/03/2024

ผลตอบแทนย้อนหลังรายปีของ PIMCO GIS Income Fund (Class I) | Source: PIMCO as of 28/06/2024

ทำไมต้องลงทุนใน UGISFX?

1. นโยบาย Unhedged เพิ่มโอกาสรับผลตอบแทนจากอัตราแลกเปลี่ยน

กองทุน UGISFX แตกต่างจากกองทุน UGIS-N และ UGIS-A ที่เปิดมาก่อนหน้านี้ ตรงที่ UGISFX ซึ่งเป็นกองทุน F/X Hedge or Unhedged หรือป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนหรือไม่ก็ได้ โดยขึ้นอยู่กับดุลยพินิจผู้จัดการกองทุน ทำให้นักลงทุนมีโอกาสรับผลตอบแทนส่วนเพิ่มหากค่าเงินบาทแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์ ซึ่งหมายความว่ากองทุนไทยสามารถซื้อหน่วยลงทุนของกองทุนหลักที่ซื้อขายในสกุลเงินดอลลาร์ได้เพิ่มขึ้น สะท้อนกลับมายัง NAV ของกองทุนไทยที่เพิ่มขึ้น นึกภาพง่าย ๆ เหมือนการหิ้วของจากต่างประเทศที่จะซื้อของได้มากขึ้นหากค่าเงินบาทแข็ง

ในทางกลับกัน ป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนหรือไม่ก็ได้ก็ทำให้นักลงทุนต้องรับความเสี่ยงเพิ่มขึ้นหากค่าเงินบาทอ่อนค่า อย่างไรก็ตาม การที่มีกองทุนหลายประเภทให้เลือกลงทุนตามกลยุทธ์ ทำให้นักลงทุนมีทางเลือกมากขึ้น กองทุนที่มีนโยบายแบบ Hedge or Unhedged จะช่วยติดอาวุธให้นักลงทุนในการเพิ่มโอกาสรับผลตอบแทนที่สูงขึ้น

2. Credit rating สูง แต่อัตราผลตอบแทนยังน่าพอใจ

ข้อมูลของตราสารหนี้ที่ PIMCO GIS Income Fund (Class I) ลงทุน | Source: PIMCO Funds : Global Investor Series PLC as of 31/05/2024

นอกจากนี้ ตราสารหนี้หลายชนิดที่ PIMCO GIS Income Fund (Class I) เข้าไปลงทุน มีความน่าเชื่อถือเฉลี่ยที่ระดับ AA- สะท้อนความเสี่ยงจากการผิดนัดชำระหนี้ที่ต่ำมาก การลงทุนในตราสารหนี้ที่มี Credit Rating สูงช่วยเพิ่มความมั่นใจให้นักลงทุนในเรื่องความปลอดภัยของเงินลงทุน

3. เร่งผลตอบแทนด้วย Mortgage-Backed Securities (MBS)

Mortgage-Backed Securities (MBS) หรือ ตราสารหนี้ที่มีสินเชื่อที่อยู่อาศัยเป็นหลักประกัน เป็นตราสารทางการเงินที่เกิดจากการนำสินเชื่อบ้านที่คัดกรองแล้วมามัดรวมกัน นักลงทุนจะได้ประโยชน์จากการสร้างรายได้ต่อเนื่องผ่านผู้กู้ยืมที่ผ่อนชำระ โดย MBS มีทั้งที่ออกโดยหน่วยงานรัฐ (Agency MBS) และสถาบันการเงิน (Non-Agency MBS)

ข้อดีของ MBS คือให้ผลตอบแทนที่สูงกว่าพันธบัตรรัฐบาลและตราสารหนี้แบบอื่น ๆ นอกจากนี้ MBS ในปัจจุบันยังมีความปลอดภัยสูงขึ้นกว่าช่วงวิกฤตเศรษฐกิจในปี 2008 หลังจากที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) และรัฐบาลได้เข้ามาช่วยเหลือและปรับกฎเกณฑ์

สรุป

กองทุน UGISFX เป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนที่ต้องการการเติบโตมั่นคงในตราสารหนี้ระดับโลก พร้อมนโยบายแบบ Hedge or Unhedged ที่ช่วยเพิ่มโอกาสรับผลตอบแทนที่สูงขึ้น และยังไม่มีค่าธรรมเนียมเพิ่มเติมสำหรับการป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยน

นอกจากนี้ การลงทุนในตราสารหนี้ที่มีความน่าเชื่อถือสูงและ Mortgage-Backed Securities (MBS) ที่ให้ผลตอบแทนสูง ยังช่วยเพิ่มอัตราผลตอบแทนให้กับกองทุน UGISFX จึงเหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการเพิ่มอาวุธในการลงทุนและพร้อมรับความเสี่ยงเพิ่มเติมจากการเปลี่ยนแปลงค่าเงินในตลาดโลก

ส่วนนักลงทุนที่ต้องการลงทุนโดยลดระดับความเสี่ยงลงมา หรือลงทุนในช่วงเงินบาทอ่อนค่า ก็สามารถลงทุนในกองทุน UGIS-N และ UGIS-A ที่มีการป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนไม่น้อยกว่าร้อยละ 90 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุนได้เช่นกัน การเปิดกองทุน UGISFX จึงถือเป็นการเพิ่มทางเลือกในการลงทุนในสภาวะที่แตกต่างออกไปได้

รายละเอียดอื่น ๆ ของกองทุน (ข้อมูลจากหนังสือชี้ชวนส่วนสรุปข้อมูลสำคัญ ณ วันที่ 30/3/2024) 

  • เป็นกองทุนรวมตราสารหนี้ กลุ่ม Global Bond Discretionary F/X Hedge or Unhedged
  • ลงทุนในกองทุนหลัก PIMCO GIS Income Fund (Class I)
  • มุ่งหวังให้ผลประกอบการเคลื่อนไหวตามกองทุนหลัก โดยกองทุนหลักใช้กลยุทธ์การบริหารกองทุนเชิงรุก (active management)
  • กองทุนมีความเสี่ยงอยู่ที่ระดับ 5
  • นโยบายการจ่ายปันผล: ไม่จ่าย
  • ค่าธรรมเนียมขาย: 1% 
  • ค่าธรรมเนียมรับซื้อคืน: –
  • ลงทุนขั้นต่ำครั้งแรก: ไม่กำหนด
  • ลงทุนขั้นต่ำครั้งถัดไป: ไม่กำหนด

 

สามารถศึกษารายละเอียดของกองทุนเพิ่มเติมได้ที่ https://www.finnomena.com/fund/

พิเศษ! นักลงทุนจะได้รับการยกเว้นค่าธรรมเนียมในกรณีการสับเปลี่ยนระหว่าง UGIS-A และ UGIS-N ไป UGISFX

UGISFX กองทุนเปิด ยูไนเต็ด โกลบอล อินคัม สตราทีจิค บอนด์ เอฟเอ็กซ์ ฟันด์ จะเสนอขายครั้งแรก (IPO) วันที่  27 มิ.ย. – 9 ก.ค. 

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมและขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่ บลจ. ยูโอบี (ประเทศไทย) โทร 0-2786-2222


อ้างอิง


คำเตือน 

ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสียง ก่อนตัดสินใจลงทุน | การลงทุนในกองทุนรวมที่ลงทุนในต่างประเทศมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน ซึ่งอาจทำให้ได้รับเงินคืนต่ำกว่าเงินลงทุนเริ่มแรก | กองทุน UGIS-N และ UGIS-A มีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนไม่น้อยกว่าร้อยละ 90 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ ของกองทุน | กองทุน UGISFX-N อาจพิจารณาลงทุนใน Derivatives เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารการลงทุน ซึ่งรวมถึงการป้องกัน ความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน (FX Hedging) หรือไม่ก็ได้ โดยขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน | ผลการดำเนินงานในอดีต และผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต | คำแนะนำการลงทุนนี้เป็นไปตามกรอบการพิจารณาของ Finnomena Funds ซึ่งมีเป้าหมายในการสร้างโอกาสรับผลตอบแทนในระยะเวลาตามแต่ละประเภทของพอร์ตเท่านั้น บริษัทมิได้การันตีถึงผลตอบแทนที่จะได้จากคำแนะนำการลงทุนดังกล่าว มีความเสี่ยงที่ผลตอบแทนอาจไม่เป็นไปตามคาดหวัง หรือมีผลขาดทุนได้ | สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน ฟินโนมีนา จำกัด ในช่วงเวลาวันทำการตั้งแต่ 09:00-17:00 น. ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 026 5100 และทาง LINE @FINNOMENAPORT | สำหรับผู้ลงทุนในความดูแลของ Kept by krungsri ติดต่อทีม Kept help center ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 296 6299

เมื่อกดปุ่ม “รับรายละเอียดเพิ่มเติม ” แสดงว่าคุณยินยอมให้บริษัท ฟินโนมีนา จำกัด และบริษัทในเครือ เก็บรวบรวมและใช้ข้อมูลเพื่อแนะนำบริการ แจ้งสิทธิประโยชน์ เป็นที่ปรึกษาการลงทุน ประชาสัมพันธ์ และดำเนินการที่เกี่ยวข้อง ศึกษานโยบายความเป็นส่วนตัว

กองทุนหุ้น Apple

ทุกการเคลื่อนไหวของ Apple Inc. (AAPL) ย่อมสร้างแรงสั่นสะเทือนให้แก่โลกอยู่เสมอ ในฐานะหนึ่งในบริษัทเทคโนโลยีที่ใหญ่ที่สุดของโลก

ล่าสุด WWDC 2024 งานประชุมนักพัฒนาประจำปีของ Apple ก็มีไฮไลต์ที่การเปิดตัว Apple Intelligence ระบบอัจฉริยะสำหรับใช้งานบน iPhone, iPad และ Mac ซึ่งว่ากันว่าเป็นอีกขั้นของ AI เพราะมันคือ Personalized Intelligence ที่เข้าใจชีวิตประจำวันของผู้ใช้งาน และทำให้สิ่งที่เป็นอยู่ทุกวัน ง่ายและรวดเร็วยิ่งขึ้น

แต่ละครั้งที่มีการเปิดตัวสินค้าหรือบริการใหม่ มักส่งผลต่อความเคลื่อนไหวของราคาหุ้น Apple อย่างมีนัยสำคัญ ยิ่งถ้าเป็นเทคโนโลยีที่ปฏิวัติวงการด้วยแล้ว เช่นเดียวกับ Apple Intelligence ที่ได้หนุนราคาหุ้น Apple ทำจุดสูงสุดใหม่ ยืนเหนือ 200 เหรียญดอลลาร์ ด้วยมูลค่าตลาดกว่า 3.12 ล้านล้านดอลลาร์ 

โพยกองทุนหุ้น Apple

คำถามคือถ้าอยากซื้อกองทุนที่มีหุ้น Apple สัดส่วนเยอะ ๆ เพื่อรับโอกาสเติบโตไปพร้อมกับกระแส AI ที่กลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตจริง แบบนี้จะมีกองทุนไหนให้เลือกลงทุนบ้าง วันนี้เราสรุปมาให้ดูแล้วแบบเน้น ๆ

 

รวบรวมข้อมูลสัดส่วนการลงทุนโดย Finnomena Funds จาก Bloomberg ณ วันที่ 12/06/2024 สัดส่วนการถือหุ้นดังกล่าว อาจมีการปรับเปลี่ยนได้ตามนโยบายของกองทุน ศึกษารายละเอียดของกองทุนเพิ่มเติมได้ที่ www.finnomena.com/fund

ลงทุนที่ Finnomena Funds แจกฟรี 10,000 FINT* แลกรับส่วนลดค่าธรรมเนียมซื้อกองทุน (Cashback) สูงสุด 20,000 บาท*

‍‍‍‍‍‍เข้าร่วมกิจกรรม👉 คลิกเลยที่นี่

ระยะเวลากิจกรรมตั้งแต่วันที่ 4 – 30 มิ.ย. 2024
*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด เฉพาะกองทุนที่มีค่าธรรมเนียมการซื้อ และไม่ได้เข้าร่วมโปรโมชันอื่น โดย Cashback ที่ได้รับจะไม่เกิน 0.2% ของมูลค่าเงินลงทุน ตามที่บริษัทกำหนด


คำเตือน: ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไข ผลตอบแทน ความเสี่ยงและศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่ระบุไว้ในคู่มือการลงทุนในกองทุนรวม SSF และ RMF กรณีไม่ได้ปฏิบัติตามเงื่อนไขภาษี จะไม่ได้สิทธิประโยชน์ตามเงื่อนไขกองทุน | การลงทุนในกองทุนรวมไม่ใช่การฝากเงิน | ผลการดำเนินงานในอดีต และผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต | กองทุนมีการลงทุนกระจุกตัวในอุตสาหกรรมและประเทศที่ลงทุน จึงมีความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนจำนวนมาก ผู้ลงทุนจึงควรพิจารณาการกระจายความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุนโดยรวมของตนเองด้วย | ผู้ลงทุนอาจมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากการป้องกันความเสี่ยงขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้จัดการกองทุน | สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน ฟินโนมีนา จำกัด ในช่วงเวลาวันทำการตั้งแต่ 09:00-17:00 น. ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 026 5100 และทาง LINE “@FinnomenaPort” 

เมื่อกดปุ่ม “รับรายละเอียดเพิ่มเติม ” แสดงว่าคุณยินยอมให้บริษัท ฟินโนมีนา จำกัด และบริษัทในเครือ เก็บรวบรวมและใช้ข้อมูลเพื่อแนะนำบริการ แจ้งสิทธิประโยชน์ เป็นที่ปรึกษาการลงทุน ประชาสัมพันธ์ และดำเนินการที่เกี่ยวข้อง ศึกษานโยบายความเป็นส่วนตัว

รีวิวกองทุน SCBCLIMATE

กองทุน SCBCLIMATE ร่วมลดภาวะโลกเดือด พร้อมโอกาสลงทุนเสริมพอร์ตหุ้นทั่วโลกอย่างมีเสถียรภาพ ที่เติบโตอย่างยั่งยืนไปกับธุรกิจที่ช่วยลดปริมาณคาร์บอนและลดผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ด้วยกลยุทธ์คัดเลือกหุ้นคุณค่า Core-Value ที่ครอบคลุมทุกขนาดธุรกิจ เพื่อรับมือต่อความเปลี่ยนแปลงทั้งตลาดขาขึ้นและขาลง

Highlight


Templeton Global Climate Change

Source: Templeton Global Climate Change Fund as of June 2024

จุดมุ่งหมายของโลกในวันนี้ คือเราต้องร่วมมือกันควบคุมอุณหภูมิเฉลี่ยทั่วโลก ไม่ให้เพิ่มขึ้นเกิน 2 องศาเซลเซียส และบรรลุการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Emissions) ภายในปี 2050 เพราะหากปล่อยให้สูงไปกว่านี้ โอกาสที่จะแก้ไขปัญหาโลกร้อนจะยากขึ้นมาก

คำมั่นสัญญาที่ 195 ประเทศทั่วโลกให้ไว้ใน Paris Agreement 2015 ซึ่งไม่ใช่แค่คำพูดสวย  แต่ได้กลายเป็นกติกาใหม่ที่ส่งผลต่อนโยบายการพัฒนาประเทศ การเติบโตของภาคธุรกิจ ตลอดจนแนวโน้มการลงทุนที่ต้องนำกรอบเรื่อง “ความยั่งยืน” มาเป็นปัจจัยสำคัญในการตัดสินใจ

จึงจะเห็นว่าช่วงที่ผ่านมา มีกองทุนที่เกี่ยวข้องกับ Climate Change Theme ออกมาต่อเนื่อง ผู้จัดการกองทุนจำนวนมากไม่ได้เน้นแค่หุ้นที่รีดผลกำไรสูงสุดในระยะสั้นเท่านั้น แต่เปลี่ยนมาเฟ้นหาธุรกิจที่ตระหนักถึงความยั่งยืนเพื่อสร้างการเติบโตในระยะยาว ทั้งนี้ McKinsey & Company คาดว่า 11 ธีมที่ส่งเสริม Net Zero เช่น Transport, Buildings, Power และ Water ฯลฯ มีศักยภาพที่จะสร้างรายได้ต่อปีรวมกันสูงกว่า 12 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ภายในปี 2030

ถ้าคุณเองก็กำลังค้นหาโอกาสการลงทุนระยะยาวในธุรกิจคุณภาพ พร้อมได้ร่วมสร้างการเปลี่ยนแปลงที่ดีต่อโลกใบนี้ เราอยากจะพาไปรู้จักกองทุน SCBCLIMATE จาก บลจ. ไทยพาณิชย์ หรือ SCBAM กันแบบเข้ม ๆ เจาะลึกทุกแง่มุม

รู้จัก SCBCLIMATE กองทุนที่มุ่งสร้างการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้น

รีวิวกองทุน SCBCLIMATE

Source: บลจ. ไทยพาณิชย์ as of April 2024

กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ Global Climate Change หรือ SCBCLIMATE มีนโยบายการลงทุนผ่านกองทุนหลัก (Master Fund) Templeton Global Climate Change Fund – Class I  Accumulation (EUR) ที่สัดส่วนไม่เกิน 80% ของ NAV ซึ่งบริหารเชิงรุก (Active Management) โดย Franklin Templeton ผู้เชี่ยวชาญด้านการจัดพอร์ตลงทุนระดับโลก

โดยจะเน้นลงทุนบริษัททั่วโลกในทุกกลุ่มอุตสาหกรรม ที่ดำเนินธุรกิจเกี่ยวข้องกับการช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอน หรือใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ ตลอดจนสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อโลก จากภาวะการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ด้วยกลยุทธ์แบบ Bottom-up เน้นหุ้นพื้นฐานแข็งแกร่งในระดับราคาที่เหมาะสม เพื่อสร้างการเติบโตอย่างมีเสถียรภาพทั้งตลาดขาขึ้นและขาลง

รายละเอียดอื่น ๆ ของ SCBCLIMATE

  • ชนิดสะสมมูลค่า SCBCLIMATE(A)
  • ความเสี่ยงระดับ 6 (กองทุนรวมตราสารทุน)
  • นโยบายปันผล – ไม่จ่าย
  • ป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยน (Hedging) ตามดุลยพินิจ
  • ลงทุนขั้นต่ำครั้งแรก 1,000 บาท และครั้งถัดไป 1,000 บาท
  • ค่าธรรมเนียมขาย (Front-end Fee) 1.50%
  • ค่าธรรมเนียมรับซื้อคืน (Back-end Fee) ยกเว้น
  • ค่าธรรมเนียมการจัดการ (Management Fee) 1.605% ต่อปี
  • เสนอขายครั้งแรก (IPO) ระหว่างวันที่ 11–17 มิถุนายน 2024

คัดเลือกหุ้นคุณภาพดีแบบ Core-Value

รีวิวกองทุน SCBCLIMATE

Source: Templeton Global Climate Change Fund as of April 2024

Core-Value Strategy คือหัวใจหลักที่ SCBCLIMATE ใช้เฟ้นหาหุ้นคุณค่าที่มีพื้นฐานธุรกิจแข็งแกร่งในราคาที่เหมาะสม ซึ่งแตกต่างจาก Thematic Funds ส่วนมากซึ่งมักจะเน้นลงทุนในหุ้น Growth ที่ราคาแพงไปแล้ว

Stock Universe ครอบคลุมบริษัทที่ดำเนินธุรกิจเพื่อมุ่งลดปริมาณคาร์บอน และบริษัทที่กำลังเปลี่ยนถ่ายสู่ผู้นำในอุตสาหกรรมด้านผู้ให้บริการโซลูชัน รวมกันประมาณ 200 บริษัททั่วโลก แล้วจึงคัดกรองเข้ามาใน Watch List เหลือราว 75 ตัว ด้วยการประเมินสัดส่วนรายได้จากการให้บริการโซลูชันและคะแนนด้านความยั่งยืน

จากนั้นผู้จัดการกองทุนจะคัดสรรหุ้นคุณภาพ ประมาณ 40 ตัว ผ่านกระบวนการลงทุนอันเข้มข้น ทั้งวิเคราะห์เชิงลึกหุ้นรายตัว รวมถึงใช้ Global Research เฟ้นหาโอกาสการลงทุนที่น่าสนใจจากหุ้นทุกขนาดในทุกอุตสาหกรรมทั่วโลก

รีวิวกองทุน SCBCLIMATE

Source: Templeton Global Climate Change Fund as of April 2024

ดังนั้น หน้าตาของหุ้นที่ได้นั่นคือกลุ่ม Solution Provider และกำลังเติบโตเป็น Solution Provider ที่ช่วยลดและปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ อีกทั้งก็ต้องมีความยืดหยุ่นทางการเงินต่อผลกระทบเรื่องภาวะโลกร้อนในระยะยาว โดยเรา Breakdown หุ้น 100% ของพอร์ต แบ่งเป็นดังนี้

1. กลุ่ม Solution สัดส่วนไม่น้อยกว่า 50% ของพอร์ต

ต้องเป็นบริษัทที่รายได้ >50% มาจากสินค้าและบริการที่ลดการปล่อยคาร์บอน หรือป้องกันผลกระทบโลกร้อน เช่น Energy Efficiency (ธุรกิจที่ลดการใช้พลังงาน), Renewable Energy (พลังงานหมุนเวียน), Sustainable Transportation (ยานยนต์ไฟฟ้าและไฮบริด) เป็นต้น

2. กลุ่ม Transitioning สัดส่วนไม่เกิน 50% ของพอร์ต

บริษัทที่รายได้ >20% ในการนำเสนอโซลูชัน และกำลังเติบโตไปสู่บริษัทที่ช่วยลดโลกร้อน ได้แก่ Emerging Solutions เช่น ผู้ผลิตรถยนต์ที่เริ่มลงทุนเพื่อพัฒนายานยนต์ไฟฟ้า และ Transition Enablers เช่น ผู้ผลิตทองแดงที่สนับสนุนการเปลี่ยนจากเชื้อเพลิงฟอสซิลเป็นไฟฟ้า หรือบริการติดตั้งพลังงานหมุนเวียน

ตัวอย่างหุ้น Top Holding ในกองทุนหลัก

รีวิวกองทุน SCBCLIMATE

Source: Templeton Global Climate Change Fund as of April 2024

รีวิวกองทุน SCBCLIMATE

Source: Templeton Global Climate Change Fund as of April 2024
ข้อมูลบริษัทอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ในอนาคต และการลงทุนของกองทุน SCBCLIMATE มิได้ลงทุนในบริษัทข้างต้นนี้เสมอไป ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับว่าบริษัทใด จะเข้าเงื่อนไขตรงกับนโยบายของกองทุน

จะเห็นว่า SCBCLIMATE กระจายการลงทุนในหุ้น Climate Change Themes หลากหลายอุตสาหกรรมทั่วโลก โดยให้น้ำหนัก Overweight ในกลุ่ม Material ซึ่งเป็นแนวคิดที่แตกต่างและแปลกใหม่ไปจากกองทุนธีมลดโลกร้อนอื่น ๆ เหตุผลก็เพราะว่าหุ้นในอุตสากรรมดังกล่าว อย่างเช่นผู้ผลิตแร่โลหะหรือผู้ผลิตแบตเตอรี่รถยนต์ ล้วนเป็นหนึ่งในกลไกสำคัญที่ขับเคลื่อนให้เกิดการใช้พลังงานสะอาดมากขึ้น ขณะเดียวกันก็ช่วยสร้างโอกาสในการลงทุนที่กว้างขึ้นด้วย

นอกจากนี้ ปัจจุบันกองทุนได้ Underweight สหรัฐฯ ที่มีราคาแพง แต่หันไป Overweight ยุโรปและเอเชียที่มี upside สูงกว่า สะท้อนถึงความยืดหยุ่นของกลยุทธ์การลงทุน ตลอดจนการผสมผสานทั้งหุ้นขนาดเล็ก กลาง ใหญ่ เพื่อสร้างการเติบโตสม่ำเสมอในระยะยาว

ผลตอบแทนย้อนหลังของกองทุนหลัก

รีวิวกองทุน SCBCLIMATE

Source: Templeton Global Climate Change Fund Factsheet and Morningstar as of 30 April 2024
ผลการดำเนินงานในอดีต และผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต

รีวิวกองทุน SCBCLIMATE

Source: Templeton Global Climate Change Fund as of 31 Mar 2024
ผลการดำเนินงานในอดีต และผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต

ภาพรวมผลตอบแทนย้อนหลังของกองทุนหลัก Templeton Global Climate Change Fund พบว่าตลอดช่วง 5 ปีที่ผ่านมา เป็นกองทุนที่ทำผลงานได้สม่ำเสมอ ทนทานต่อสภาวะตลาดทั้งขาขึ้นและขาลง ผลตอบแทนเฉลี่ยชนะกองทุนในลักษณะเดียวกัน (Peer Group Average) รวมทั้งสามารถแข่งขันได้เมื่อเปรียบเทียบกับดัชนีหุ้นโลกอย่าง MSCI All Country World Index และ MSCI ACWI Investable Market Index

หรือหากพิจารณาในมุมความเสี่ยงของการขาดทุนหนักโดยดูจากผลขาดทุนสูงสุดหรือ Maximum Drawdown จะเห็นได้ว่าในระยะยาวตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไป กองทุนหลักมี Maximum Drawdown ที่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของกองทุนในกลุ่มเดียวกันชัดเจน

รีวิวกองทุน SCBCLIMATE

Source: Morningstar as of 30 April 2024

สำหรับ Valuation ของกองทุนก็เป็นอีกไฮไลท์ที่น่าสนใจ เนื่องด้วยราคาหุ้นใน Templeton Global Climate Change Fund (As of 30/04/2024) P/E อยู่ที่ระดับ 14.5x ถูกกว่า MSCI ACWI Index และค่าเฉลี่ยของกองทุนในกลุ่มเดียวกัน ที่มี P/E ระดับ 17.5x และ 20.7x ตามลำดับ

สรุปจุดเด่นกองทุน ทำไมต้องเลือก SCBCLIMATE

1. เน้นลงทุนใน Value Stock เหมาะกับการลงทุนในระยะยาว

ชัดเจนสุดคือสไตล์ของหุ้นที่เน้น Value Stock มากกว่า Growth Stock โดยกองทุนมี Valuation ที่ถูกกว่าดัชนีหุ้นโลก และกองทุนในกลุ่มเดียวกัน ขณะที่ผลตอบแทนย้อนหลังของกองทุนหลักก็ค่อนข้างมีเสถียรภาพทั้งระยะสั้นและระยะยาว จาก drawdown ที่ต่ำกว่ากองทุนในกลุ่มเดียวกัน

2. ลงทุนกระจายไม่กระจุก พอร์ตมีความยืดหยุ่นสูง

ถือว่าเป็น Thematic Fund ที่มีการกระจายลงทุนหลากหลาย ไม่จำกัดอุตสาหกรรมใดอุตสาหกรรมหนึ่ง และยังสามารถลงทุนในหุ้นได้ทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นสหรัฐฯ ยุโรป และเอเชีย ทำให้รับมือกับความผันผวนได้ดี

3. Track Record ยอดเยี่ยม จากความเชื่อมั่นของนักลงทุน

กองทุนหลัก Templeton Global Climate Change Fund เป็นหนึ่งในกองทุนที่ได้รับความเชื่อมั่นจากนักลงทุนในระดับโลก สะท้อนจากเม็ดเงินลงทุนไหลเข้าสุทธิกว่า 350 ล้านเหรียญสหรัฐ ในปี 2023 พร้อมด้วยรางวัลการันตีจากองค์กรด้านความยั่งยืนชั้นนำ

รีวิวกองทุน SCBCLIMATE

Source: Templeton Global Climate Change Fund as of April 2024
ผลการดำเนินงานในอดีต มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต

สรุปแล้ว SCBCLIMATE เป็นกองทุนที่ออกแบบมาได้ตอบโจทย์กับภาวะ Climate Change ของโลก รวมถึงภาวะตลาดปัจจุบันที่ผันผวนและเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา

จึงเหมาะกับผู้ลงทุนที่อยากเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยลดภาวะโลกเดือด และช่วยเปลี่ยนแปลงโลกให้ดีขึ้น ผ่านการลงทุนในหุ้นที่มีศักยภาพการเติบโตอย่างยั่งยืน

เพราะฉะนั้น ผู้ลงทุนจึงสามารถใช้ SCBCLIMATE เป็นหนึ่งในกองทุนส่วน Core-Portfolio สำหรับเป็นตัวแทนของหุ้นโลกได้ เพื่อเป้าหมายโอกาสในการสร้างผลตอบแทนที่ดีและมีเสถียรภาพในระยะยาว

สามารถศึกษารายละเอียดของกองทุนเพิ่มเติมได้ที่ https://www.finnomena.com/fund/  


แหล่งข้อมูลอ้างอิง: Templeton Global Climate Change Fund, บลจ. ไทยพาณิชย์

คำเตือน: ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน | ผลการดำเนินงานในอดีต และผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต | ผู้ลงทุนอาจมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากการป้องกันความเสี่ยงขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้จัดการกองทุน | กองทุนรวมนี้ลงทุนกระจุกตัวในผู้ออกตราสารหรือประเทศใดประเทศหนึ่ง จึงมีความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนจำนวนมาก ผู้ลงทุนจึงควรพิจารณาการกระจายความเสี่ยงของ พอร์ตการลงทุนโดยรวมของตนเองด้วย | สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน ฟินโนมีนา จำกัด ในช่วงเวลาวันทำการตั้งแต่ 09:00-17:00 น. ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 026 5100 และทาง LINE @FinnomenaPort

เมื่อกดปุ่ม “รับรายละเอียดเพิ่มเติม ” แสดงว่าคุณยินยอมให้บริษัท ฟินโนมีนา จำกัด และบริษัทในเครือ เก็บรวบรวมและใช้ข้อมูลเพื่อแนะนำบริการ แจ้งสิทธิประโยชน์ เป็นที่ปรึกษาการลงทุน ประชาสัมพันธ์ และดำเนินการที่เกี่ยวข้อง ศึกษานโยบายความเป็นส่วนตัว

SCBCLIMATE(A)
SCBCLIMATE(A)
กองทุน Nvidia

Highlight (คลิกอ่านเฉพาะหัวข้อที่สนใจได้เลย)

ถ้าจะพูดถึง Super Stock แห่งยุคนี้ แน่นอนว่าต้องเป็น NVDA หรือ Nvidia Corporation ผู้ผลิตชิปรายใหญ่ของโลก ที่ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นอย่างร้อนแรง จนมูลค่าบริษัทพุ่งทะลุ 3 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐได้สำเร็จ

Market capitalization of NVIDIA

ภาพแสดงความเคลื่อนไหวของราคาหุ้น Nvidia ตั้งแต่ปี 2001 จนถึงปี 2024
Source: companiesmarketcap as of 06/06/2024 

ราคาหุ้น Nvidia พุ่งทะยานเป็นจรวด ตั้งแต่ต้นปี 2023 ปรับเพิ่มขึ้นกว่า 500% ทำ All Time High ครั้งแล้วครั้งเล่า ขึ้นไปติดทำเนียบ Trillion Dollar Club เป็นรายล่าสุด และตอนนี้ก็กำลังท้าชิงตำแหน่งเบอร์ 1 ของโลก

Nvidia โตเหนือความคาดหมาย

การเติบโตของ Nvidia นั้นมาจากผลประกอบการที่เหนือความคาดหมาย เนื่องจากธุรกิจ Data Center และกระแสของ Generative AI กำลังเป็นเทรนด์ขาขึ้น ทำให้ความต้องการชิป Nvidia สูงขึ้นแบบก้าวกระโดด

ผลประกอบการล่าสุดงวด Q1/2025 ของบริษัท (สิ้นสุดเดือนเมษายน 2024) ก็ยังแข็งแกร่งสุด ๆ สรุปสั้น ๆ คือกำไรแกร่งกว่าคาด ส่วน Guidance ก็ยังดีอีกด้วย

  • รายได้ $26.0 พันล้าน โต 262% YoY
  • กำไร $14.9 พันล้าน โต +628% YoY
  • คิดเป็น Net Margin สูงถึง 57%

 

ผลประกอบการ Nvidia

Source: App Economy Insights, Nvidia Financial Reports as of 28/05/2024

ที่น่าสนใจคือรายได้จาก Data Center โตระเบิด 427% YoY และ 24% QoQ ขึ้นมาอยู่ที่ระดับ $2.26 หมื่นล้าน ทำให้ไตรมาสนี้ Nvidia มีสัดส่วนรายได้ 87% จากธุรกิจ Data Center พูดง่าย ๆ ว่านี่คือหุ้นเจ้าแห่งชิป AI และ Big Data อย่างแท้จริง

สำหรับแนวโน้มไตรมาสถัดไป บริษัทคาดว่าจะยังคงทำรายได้เติบโตต่อเนื่องที่ระดับ $28 พันล้าน สูงกว่าที่ Bloomberg Consensus มองไว้ $26.8 พันล้าน

ธุรกิจ Data Center ของ Nvidia

Source: Nvidia Financial Reports as of 28/05/2024

ยุคสมัยใหม่ของอุตสาหกรรมคอมพิวเตอร์ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว ทั่วโลกกำลังเปลี่ยนผ่านเข้าสู่ยุค AI

เทคโนโลยี และ GPU ของ Nvidia จะเป็นโครงสร้างพื้นฐานสำคัญในการประมวลผลของ generative AI ที่สามารถใช้ได้กับทุกผลิตภัณฑ์ของบริษัทชั้นนำทั่วโลก

– Jensen Huang ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของ Nvidia –

Nvidia ทำธุรกิจอะไร ทำไมครองตลาด AI

เชื่อว่าเป็นคำถามที่หลายคนยังสงสัยว่าธุรกิจหลักในปัจจุบันของ Nvidia คืออะไร? กลุ่มธุรกิจไหนเป็นแรงขับเคลื่อนการเติบโต แล้วทำไมบริษัทนี้ถึงกำลังก้าวขึ้นมาเป็นผู้ชนะในอุตสาหกรรม AI ชนิดทิ้งห่างคู่แข่งยาว ๆ 

เพราะภาพจำของคนส่วนใหญ่มักจะมอง Nvidia เป็นผู้ผลิตการ์ดจอสำหรับการเล่มเกมที่ตีคู่มากับ AMD และ Intel

อย่างไรก็ตาม ตลาดการ์ดจอพัฒนาไปไกลมาก โดยถูกหยิบไปใช้งานในหลายอุตสาหกรรม เช่น Generative AI, Cloud Computing, Autonomous Vehicle และ Cryptocurrency เป็นต้น ซึ่งล้วนแต่อาศัยการ์ดจอที่มีขุมพลังสูง

ความแตกต่างของ Nvidia คือการมีชิป A100 ที่ถูกออกแบบภายใต้สถาปัตยกรรม Ampere ซึ่งสามารถประมวลข้อมูลได้เร็วกว่า แรงกว่า และเหนือกว่าคู่แข่ง ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ Nvidia ครองส่วนแบ่งตลาดไปเลย

ดังนั้น โครงสร้างรายได้ของ Nvidia ก็เปลี่ยนไปเยอะมากเช่นกัน แม้จะยังขายชิปการ์ดจอสำหรับอุตสาหกรรมเกมอยู่ แต่ก็มีธุรกิจอื่น ๆ เข้ามาเป็น New S-Curve จึงทำให้สัดส่วนรายได้ล่าสุดของบริษัท เป็นดังนี้

  1. ธุรกิจ Data Center ประมาณ 81%
  2. ธุรกิจ Gaming ประมาณ 13%
  3. ธุรกิจอื่น ๆ ได้แก่ แพลตฟอร์ม Metaverse และยานยนต์ อีกประมาณ 6%

 

ถามว่า Data Center คือธุรกิจอะไรบ้าง สรุปสั้น ๆ คือชิปสำหรับประมวลผลของศูนย์ข้อมูลที่ให้บริการต่าง ๆ เช่น Microsoft Office, Google Docs, Amazon Web Services รวมไปถึงชิปประมวลผลการทำงานของ AI เพื่อใช้ฝึก Deep learning ของบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ทั้งหลาย ซึ่งที่เห็นชัด ๆ อย่างเช่น ChatGPT และ Bard นั่นเอง

nvidia breakdown Source: Nvidia Financial Reports, App Economy as of 28/05/2024

โพยกองทุนหุ้น Nvidia

อยากซื้อกองทุนที่มีหุ้น Nvidia สัดส่วนเยอะ ๆ มีกองไหนให้เลือกบ้าง บทความนี้จึงรวบรวมมาให้เลือกด้วยกัน ดังนี้

ศึกษารายละเอียดของกองทุนเพิ่มเติมได้ที่ https://finnomena.com/fund
หมายเหตุ: สัดส่วนการถือหุ้น NVDA เป็นการรวบรวมในเบื้องต้น ณ วันที่ 23/05/2024 อาจมีการปรับเปลี่ยนได้ตามนโยบายของกองทุน

กองทุน AI และเซมิคอนดักเตอร์ที่ Finnomena Funds แนะนำ

สำหรับใครที่อยากเน้นค้นหาหุ้นปลายน้ำที่ได้รับประโยชน์จากการพัฒนาเทคโนโลยี AI โดยมุมมองของ FundTalk Call แนะนำเข้าสะสมกองทุน TISCOAI กองทุนหุ้นโลกเทคโนโลยี AI & Big Data (ความเสี่ยงระดับ 6) ซึ่งจะเข้าไปลงทุนในบริษัทที่เป็นเจ้าของสิทธิบัตรด้าน AI และ Big Data

ลงทุนที่ Finnomena Funds แจกฟรี 10,000 FINT* แลกรับส่วนลดค่าธรรมเนียมซื้อกองทุน (Cashback) สูงสุด 20,000 บาท*

‍‍‍‍‍‍เข้าร่วมกิจกรรม👉 คลิกเลยที่นี่

ระยะเวลากิจกรรมตั้งแต่วันที่ 4 – 30 มิ.ย. 2024
*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด เฉพาะกองทุนที่มีค่าธรรมเนียมการซื้อ และไม่ได้เข้าร่วมโปรโมชันอื่น โดย Cashback ที่ได้รับจะไม่เกิน 0.2% ของมูลค่าเงินลงทุน ตามที่บริษัทกำหนด


แหล่งข้อมูล

 

คำเตือน: ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไข ผลตอบแทน ความเสี่ยงและศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่ระบุไว้ในคู่มือการลงทุนในกองทุนรวม SSF และ RMF กรณีไม่ได้ปฏิบัติตามเงื่อนไขภาษี จะไม่ได้สิทธิประโยชน์ตามเงื่อนไขกองทุน | การลงทุนในกองทุนรวมไม่ใช่การฝากเงิน |  ผลการดำเนินงานในอดีต และผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต | กองทุนมีการลงทุนกระจุกตัวในอุตสาหกรรมและประเทศที่ลงทุน จึงมีความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนจำนวนมาก ผู้ลงทุนจึงควรพิจารณาการกระจายความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุนโดยรวมของตนเองด้วย | ผู้ลงทุนอาจมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากการป้องกันความเสี่ยงขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้จัดการกองทุน | สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน ฟินโนมีนา จำกัด ในช่วงเวลาวันทำการตั้งแต่ 09:00-17:00 น. ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 026 5100 และทาง LINE “@FINNOMENAPORT”

เมื่อกดปุ่ม “รับรายละเอียดเพิ่มเติม ” แสดงว่าคุณยินยอมให้บริษัท ฟินโนมีนา จำกัด และบริษัทในเครือ เก็บรวบรวมและใช้ข้อมูลเพื่อแนะนำบริการ แจ้งสิทธิประโยชน์ เป็นที่ปรึกษาการลงทุน ประชาสัมพันธ์ และดำเนินการที่เกี่ยวข้อง ศึกษานโยบายความเป็นส่วนตัว

SCBSEMI(A)
SCBSEMI(A)
วางแผนเงินลงทุนได้หลากหลาย เพื่อทุกเป้าหมายที่เป็นจริงได้ด้วย Goals Navigator

วางแผนเงินลงทุนให้ครอบคลุมยิ่งขึ้นด้วย “Finnomena Funds Goals Navigator” ตัวช่วยให้คุณสามารถกำหนดล่วงหน้าได้ว่าในอนาคตจะลงทุนเงินก้อนเท่าไรในช่วงเวลาใด ครอบคลุมการบริหารเงินลงทุนทุกบาททุกสตางค์

ทั้งเงินลงทุนตั้งต้น รายได้ประจำ และเงินก้อนจากแหล่งอื่น ๆ ในอนาคต รวมถึงวางแผนเงิน DCA รายเดือนที่สามารถปรับเพิ่มเงินลงทุนเป็นเปอร์เซ็นต์ต่อปีได้ ทำให้เห็นภาพรวมแผนการลงทุนชัดเจนขึ้น และบริหารเงินลงทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด มุ่งสู่ความสำเร็จของทุกเป้าหมายได้อย่างมืออาชีพ

  • วางแผนลงทุนจากเงินก้อนที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ไม่ว่าจะเป็น เงินก้อนจากโบนัส เงินก้อนจากการขายกองทุนภาษี เงินฝากครบกำหนด เงินมรดก หรือเงินบำเหน็จบำนาญ
  • ปรับเพิ่มเงินลงทุนแบบ DCA เป็นเปอร์เซ็นต์ต่อปี ตามรายได้ที่เพิ่มขึ้นในแต่ละปี
  • กำหนดเป้าหมายการลงทุน ให้สอดคล้องกับสถานการณ์เฉพาะของคุณ เพื่อสร้างแผนการลงทุนที่มีโอกาสสำเร็จมากที่สุด
  • รับคำแนะนำการลงทุนรายบุคคล ในพอร์ตที่มีความเสี่ยงเหมาะสม ช่วยให้บรรลุเป้าหมายได้จริง

 

วางแผนเงินลงทุนได้หลากหลาย เพื่อทุกเป้าหมายที่เป็นจริงได้ด้วย Goals Navigator

ทำไมต้องใช้ Finnomena Funds Goals Navigator?

  • นวัตกรรมวางแผนลงทุนจัดพอร์ตระดับโลกที่จะช่วยให้ทุกเป้าหมายของคุณสำเร็จได้ในทุกสถานการณ์
  • ดูแลคุณอย่างใกล้ชิดโดยทีมที่ปรึกษาการลงทุนที่ได้รับความเห็นชอบจาก สำนักงาน ก.ล.ต.
  • การันตีความเชี่ยวชาญด้วยรางวัล Global Private Banker Innovation Awards ปี 2023
  • ใช้เงินลงทุนเพียง 500,000 บาท ก็สามารถเข้าถึงบริการวางแผนการลงทุนระดับโลกได้โดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม

 

ปัจจุบันมีนักลงทุนวางแผนลงทุนผ่าน Finnomena Funds Goals Navigator แล้วกว่า 660 เป้าหมาย ด้วยเงินลงทุนมูลค่ามากกว่า 667 ล้านบาท (ข้อมูล ณ วันที่ 26 ก.พ. 2567) ลองให้ “Finnomena Funds Goals Navigator” ช่วยคุณวางแผนทุกเป้าหมายชีวิตด้วยนวัตกรรมที่มาพร้อมกับบริการวางแผนลงทุนจัดพอร์ตระดับโลกหนึ่งเดียวในประเทศไทยที่ทาง Finnomena Funds และ Franklin Templeton ร่วมมือกันพัฒนาและออกแบบ เพื่อตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์และเป้าหมายการลงทุน ไม่ว่าคุณอยากมีชีวิตแบบไหน Goals Navigator ก็พร้อมทำฝันนั้นให้เป็นจริงได้

👉 ลงทะเบียนรับบริการ คลิก >> https://finno.me/gnavi-web


คำเตือน

การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนต้องทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน | การลงทุนในกองทุนรวมไม่ใช่การฝากเงิน | ผลการดำเนินงานในอดีต และผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต | ข้อมูลและการคาดการณ์ที่ปรากฏในบทความนี้จัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลในอดีตร่วมกับการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน แต่ทั้งนี้ไม่อาจรับรองความสมบูรณ์แท้จริงและความแม่นยำของการวิเคราะห์ข้อมูลในอนาคตได้ | สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน ฟินโนมีนา จำกัด ในช่วงเวลาวันทำการตั้งแต่ 09:00-17:00 น. ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 026 5100 และทาง LINE “@FinnomenaPort”

เมื่อกดปุ่ม “รับรายละเอียดเพิ่มเติม ” แสดงว่าคุณยินยอมให้บริษัท ฟินโนมีนา จำกัด และบริษัทในเครือ เก็บรวบรวมและใช้ข้อมูลเพื่อแนะนำบริการ แจ้งสิทธิประโยชน์ เป็นที่ปรึกษาการลงทุน ประชาสัมพันธ์ และดำเนินการที่เกี่ยวข้อง ศึกษานโยบายความเป็นส่วนตัว

รีวิวกองทุน MEGA10

ก่อนอื่นอยากให้ทุกคนดูวิดีโอด้านล่างนี้ก่อนครับ

นี่คือพลังแห่งอารมณ์ และ แบรนด์ ซึ่งไม่ได้สร้าง 2-3 เดือนเสร็จ แต่นี่คือการปูเส้นทางอันสุดยอดยาวนานของสุดยอด Designer และ Innovator แห่งวงการเทคโนโลยีอย่าง Steve Jobs

หากพูดถึง Steve Jobs หลายคนคงนึกถึง Super นวัตกรรมอย่างไอโฟนหรือคอมพิวเตอร์ iMac ที่ปฏิวัติวงการมือถือและคอมพิวเตอร์แบบเดิม ๆ ไปอย่างสิ้นเชิง

ความสุดยอดของสินค้าเหล่านี้ก็คือ ถึงคนจะต้องบุกน้ำลุยไฟ ราคาแพงแค่ไหน แต่เพื่อให้ได้มาซึ่งไอโฟนแล้ว ผมเชื่อว่าไม่มีใครยอมแพ้แน่นอน

นี่คือพลังแห่งแบรนด์ในแง่ของธุรกิจซึ่งเปรียบเสมือนพลังและคูเมืองอันยิ่งใหญ่ เพราะอะไร? เพราะธุรกิจที่มีแบรนด์ไม่จำเป็นต้องง้อลูกค้า แต่ลูกค้าต้องตามง้อจึงทำให้ขึ้นราคาสินค้าได้อย่างอิสระสร้างรายได้และกำไรที่เหนือธุรกิจและหุ้นทั่ว ๆ ไป

ในเชิงของการลงทุนแล้ว หุ้นเหล่านี้หากเป็นสินค้าที่คนซื้อเรื่อยไปไม่มีหยุดหรือขึ้นราคาได้เรื่อย ๆ ถือว่าเป็น Superstock ที่ยากจะล้มหายตายจาก อีกทั้งนับวันหากแตกไลน์สินค้าเพิ่มเติมลูกบอลหิมะ (snowball) ลูกนี้มีแต่จะยิ่งมีรายได้ที่แข็งแกร่งทบกันไปเรื่อย ๆ เป็นก้อนใหญ่

นี่จึงเป็นที่มาแห่งสุดยอดกองทุน กองทุนที่สุดแห่งแบรนด์จากบริษัทยักษ์ใหญ่ สร้างคูเมืองรายได้ที่แข็งแกร่ง กลายเป็นกองทุนหุ้นที่รวมที่สุดแห่งหุ้นแบรนด์ชั้นนำของบริษัทที่จดทะเบียนในอเมริกาน่าลงทุนในระยะยาว

รีวิวกองทุน MEGA10

รีวิวกองทุน MEGA10

กองทุน MEGA10 กองทุนที่ลงทุนในหุ้นที่สุดแห่งแบรนด์ ในประเทศมหาอำนาจอันดับ 1

หากพูดถึงประเทศมหาอำนาจของโลก อเมริกา ต้องเป็นประเทศแรกแน่ ๆ ที่ทุกคนนึกขึ้นมาในหัว ไม่ว่าจะด้วยระบบระเบียบการปกครอง แนวคิดทุนนิยมที่อาจจะเรียกได้ว่ามีความสมบูรณ์แบบที่สุด ส่งผลให้อเมริกาเป็นประเทศที่มีอะไรใหม่ ๆ พัฒนาตลอดเวลา และมีตลาดหุ้นที่เป็นผู้นำโลก สร้างผลตอบแทนได้อย่างยั่งยืนในระยะยาว

รีวิวกองทุน MEGA10: กองทุนหุ้นบิ๊กแบรนด์ บิ๊กไซส์ ดีไซน์โดยลงทุนแมน

ภาพแสดงผลตอบแทนดัชนี S&P500 เทียบดัชนีหุ้นตลาดเกิดใหม่และอื่น ๆ ที่มา: seekingalpha.com วันที่: 23 เมษายน 2020

กองทุน MEGA10 จะทำการคัดเลือกสุดยอดหุ้นของบริษัทที่จดทะเบียนในประเทศอเมริกา โดยจะคัดเลือกหุ้นที่มีแบรนด์แข็งแกร่งและมี market cap หรือความใหญ่ของหุ้นเป็นอันดับต้น ๆ

ส่วนเหตุผลว่าทำไมเราต้องมีการคัด market cap เรื่อย ๆ เหตุผลที่ว่าอาจจะเป็นตามภาพนี้ครับ

รีวิวกองทุน MEGA10: กองทุนหุ้นบิ๊กแบรนด์ บิ๊กไซส์ ดีไซน์โดยลงทุนแมน

ภาพแสดงประวัติศาสตร์หุ้นที่มี Market cap ใหญ่ที่สุดในโลก ที่มา: visualcapitalist.com วันที่: 21 มิถุนายน 2019

เราจะเห็นได้ว่าสุดยอดหุ้น Big cap ในโลกนี้เปลี่ยนไปไม่มีที่สิ้นสุด

ความยิ่งใหญ่อาจอยู่เพียงช่วงยุคสมัยหนึ่งเท่านั้น ดังนั้นการหมุนพอร์ต monitor ไว้บ้าง อาจช่วยป้องกันความเสี่ยงที่ว่าได้บ้างครับ

กองทุนนี้คัดหุ้นเลือกหุ้นอย่างไร?

รีวิวกองทุน MEGA10: โอกาสลงทุนใน 10 บริษัท ผู้ทรงอิทธิพลที่สุดในโลก

 

ภาพแสดงการคัดเลือกหุ้นตามแบบฉบับกองทุน MEGA10 ที่มา: เอกสารนำเสนอการขาย บลจ. ทาลิส เดือนพฤศจิกายน 2022

กองทุน MEGA10 จะทำการคัดเลือกหุ้นผ่านตัวชูโรงของกองซึ่งหนีไม่พ้นบริษัทที่มีแบรนด์แข็งแกร่งสะท้อนความสามารถในการแข่งขันที่ยากจะเลียนแบบ จากนั้นจึงค่อยมาตัดเลือกหุ้นตาม market cap เพื่อลดความเสี่ยง ตามมาด้วยตัวกรองตามมาตรฐานอย่างสภาพคล่อง และท้ายที่สุดแล้วหลังจากผ่านกระบวนการข้างต้นทั้งหมดหุ้นแต่ละตัวจะถูกนำมาจัดน้ำหนักการลงทุนที่เหมาะสมต่อไป

กองทุนนี้คัดหุ้นแบรนด์เด่นอย่างไร?

เป็นที่รู้กันว่าแบรนด์เป็นสินทรัพย์ที่จับต้องไม่ได้และเป็นสิ่งที่ติดอยู่ในหัวคนเพียงเท่านั้น

ดังนั้นคำถามที่อาจผุดขึ้นมาในหัวหลาย ๆ คนก็อาจจะเป็น…

แล้วกองทุนนี้มีวิธีคัดเลือกสุดยอดหุ้นที่มีแบรนด์อย่างไร? (แบบไม่มโน)

รีวิวกองทุน MEGA10: กองทุนหุ้นบิ๊กแบรนด์ บิ๊กไซส์ ดีไซน์โดยลงทุนแมน

ภาพแสดงการประเมินวิธีการประเมินมูลค่าแบรนด์ของกองทุน MEGA10 ที่มา: เอกสารนำเสนอการขาย บลจ. ทาลิส เดือนพฤศจิกายน 2022

จากภาพเราจะเห็นได้ว่ากองทุนนี้คัดเลือกหุ้นที่มีแบรนด์จากการจัดอันดับของหน่วยงานชั้นนำ เช่น Forbes ที่มีกระบวกการประเมินทางด้านมูลค่าทางการเงินของแบรนด์รวมถึงมูลค่าของตัวแบรนด์ อาทิ คนรู้จักมากแค่ไหนเป็นต้น รวมถึงหน่วยงานอื่น ๆ เช่น Interbrand BrandZ Brand Finance ซึ่งการจัดอันดับเหล่านี้เป็นสาธารณะและตรวจสอบได้

ดังนั้นจึงหายห่วงได้ว่าการจิ้มหุ้นแบรนด์ต่าง ๆ จะมาจากการที่ใครชอบหุ้นตัวไหนไม่ชอบหุ้นตัวไหนมี bias

นโยบายการลงทุนของกองทุน MEGA10

ลงทุนในตราสารทุนที่เป็นผู้นําด้านตราสินค้า (Brand Value) ของบริษัทต่าง ๆ ทั่วโลกที่จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ของประเทศสหรัฐอเมริกาโดยผู้จัดการกองทุนจะเลือกลงทุนจากมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (Market Capitalization) สูงสุด และมีสภาพคล่อง 10 บริษัทแรก โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน โดยกองทุนมีความเสี่ยงอยู่ที่ระดับ 6

สัดส่วนอุตสาหกรรมหลักที่ลงทุน

รีวิวกองทุน MEGA10

เน้นหนักลงทุนในอุตสาหกรรมที่เป็นที่สุดแห่งการเติบโตอย่าง Communication, Financial และ Technology ซึ่งถือได้ว่าเป็นอุตสาหกรรมที่เป็นผู้นำแห่งยุค มีโมเดลธุรกิจที่เติบโตได้ไวไม่แพ้ราคาหุ้น

สัดส่วนหุ้นหลักที่ลงทุน

รีวิวกองทุน MEGA10

หุ้น 10 อันดับแรกเป็นหุ้นที่เราคุ้นหน้าคุ้นตากันเป็นอย่างดีมีทั้งตัวที่เป็น Super stock และตัวที่มีศักยภาพสูง มีสตอรี่ความสำเร็จอันสุดยอดผ่านมือการสรรค์สร้างโดยผู้บริหารระดับท็อป ๆ ของยุคมาก่อน

*ข้อมูลบริษัทอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ในอนาคต และการลงทุนของกองทุน MEGA10-A มิได้ลงทุนใน 10 บริษัทข้างต้นนี้เสมอไป ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับว่าบริษัทใดใน NYSE / NASDAQ จะเข้าเงื่อนไขตรงกับนโยบายของกองทุน

ผลตอบแทนย้อนหลัง

รีวิวกองทุน MEGA10: กองทุน Supermoat Superbrand ของลงทุนแมน x Talis

ผลตอบแทนย้อนหลังกองทุน MEGA10 ที่มา: เอกสารนำเสนอการขาย บลจ. ทาลิส เดือนพฤศจิกายน 2022

รีวิวกองทุน MEGA10

ค่าธรรมเนียมและเงินลงทุนขั้นต่ำของกองทุน MEGA10

MEGA10-A

  • ค่าธรรมเนียมการขาย (Front-end fee): 1.00%
  • ค่าธรรมเนียมรับซื้อคืน (Back-end fee): ยกเว้น
  • ค่าธรรมเนียมการสับเปลี่ยนเข้า (Switching in fee): 1.00%
  • ค่าธรรมเนียมการสับเปลี่ยนออก (Switching out fee): ยกเว้น
  • ค่าธรรมเนียมรวมรายปี: 1.7120%
  • เงินลงทุนขั้นต่ำครั้งแรก: 1,000 บาท
  • เงินลงทุนขั้นต่ำครั้งถัดไป: 1 บาท

MEGA10-SSF

  • ค่าธรรมเนียมการขาย (Front-end fee): ยกเว้น
  • ค่าธรรมเนียมรับซื้อคืน (Back-end fee): ยกเว้น
  • ค่าธรรมเนียมสับเปลี่ยนภายใน บลจ. 
    • กองทุนปกติ → SSF: ยกเว้น 
    • SSF → SSF: ไม่เรียกเก็บ 
  • ค่าธรรมเนียมสับเปลี่ยนระหว่าง บลจ. 
    • กรณีเป˞นกองทุนต้นทาง: 200 บาท / Transaction 
    • กรณีเป็˞นกองปลายทาง: ยกเว้น
  • ค่าธรรมเนียมรวมรายปี: 1.7120%
  • เงินลงทุนขั้นต่ำครั้งแรก: 1,000 บาท
  • เงินลงทุนขั้นต่ำครั้งถัดไป: 1 บาท

MEGA10RMF

  • ค่าธรรมเนียมการขาย (Front-end fee): ยกเว้น
  • ค่าธรรมเนียมรับซื้อคืน (Back-end fee): ยกเว้น
  • ค่าธรรมเนียมสับเปลี่ยนภายใน บลจ. 
    • กองทุนปกติ → RMF: ยกเว้น
    • RMF → RMF: ไม่เรียกเก็บ 
  • ค่าธรรมเนียมสับเปลี่ยนระหว่าง บลจ. 
    • กรณีเป˞นกองทุนต้นทาง: 200 บาท / Transaction
    • กรณีเป็˞นกองปลายทาง: ยกเว้น
  • ค่าธรรมเนียมรวมรายปี: 1.7120%
  • เงินลงทุนขั้นต่ำครั้งแรก: 1,000 บาท
  • เงินลงทุนขั้นต่ำครั้งถัดไป: 1 บาท

ที่มา: เอกสารนำเสนอการขาย บลจ. ทาลิส เดือนพฤศจิกายน 2022

สรุปจุดเด่นกองทุน MEGA10

  • เป็นกองทุนที่คัดเลือกหุ้นบน Top of mind ของผู้บริโภค มีการปกป้องแข็งแกร่งในเชิงธุรกิจ
  • มีการปรับเปลี่ยนหุ้นตาม market cap ช่วยลดความเสี่ยงหากอันดับหุ้นชั้นนำมีการเปลี่ยนแปลงไป
  • คัดเลือกหุ้นที่มีมูลค่าเหมาะสม เพราะ หุ้นที่ดีหากลงทุนในจังหวะเวลาที่แพงไป อาจกลายเป็นการลงทุนที่แย่

หากจะทิ้งท้ายสั้น ๆ ใครเป็น FC หรือผู้หลงใหลการลงทุนในหุ้นที่มีสุดยอดป้อมปราการ กองทุน MEGA10 ถือว่าเป็นอีกหนึ่งกองทุนที่นักลงทุนไม่ควรพลาดจริง ๆ ครับ

ขอให้ทุกคนโชคดีครับ

Mr. Serotonin


คำเตือน: ผู้ลงทุนต้องทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน | ผลการดำเนินงานในอดีต และผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต |  ผู้ลงทุนอาจมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากการป้องกันความเสี่ยงขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้จัดการกองทุน |  สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน ฟินโนมีนา จำกัด ในช่วงเวลาวันทำการตั้งแต่ 09:00-17:00 น. ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 026 5100 และทาง LINE “@FINNOMENAPORT”

References

 

เมื่อกดปุ่ม “รับรายละเอียดเพิ่มเติม ” แสดงว่าคุณยินยอมให้บริษัท ฟินโนมีนา จำกัด และบริษัทในเครือ เก็บรวบรวมและใช้ข้อมูลเพื่อแนะนำบริการ แจ้งสิทธิประโยชน์ เป็นที่ปรึกษาการลงทุน ประชาสัมพันธ์ และดำเนินการที่เกี่ยวข้อง ศึกษานโยบายความเป็นส่วนตัว

MEGA10-A
MEGA10-A
ความเห็นจาก Finnomena : แนะนำลงทุนใน AFMOAT-HA จากประกอบการบริษัทที่โตต่อเนื่อง และความเสี่ยง recession ของสหรัฐฯ ที่เลื่อนออกไป

สารบัญ


คูเมือง/ปราการ (Moat) ทางธุรกิจ คืออะไร ทำไมถึงสำคัญ?

เมื่อเกือบ 30 ปีก่อน Bill Gates มหาเศรษฐีผู้ปลุกปั้น Microsoft เคยยอมรับผ่านปลายปากกาในนิตยสาร Harvard Business Review ว่า สิ่งหนึ่งที่เขาได้เรียนรู้จาก Warren Buffett คือ การมองธุรกิจเป็นเหมือนปราสาท

และสิ่งที่ธุรกิจดี ๆ ทำกันคือ หมั่นตรวจว่าผู้บริหารได้ลงแรงขยับขยายคูเมือง (Moat) หรือปราการที่คอยโอบล้อมธุรกิจจากคู่แข่งและการแข่งขันอันดุเดือดหรือไม่ และแค่มีปราการยังไม่พอ คุณต้องขยับขยายมันด้วย

“ผมมองหาปราการธุรกิจซึ่งโอบล้อมด้วยคูเมือง
ที่ไม่อาจทะลวงฟันเข้ามาได้

– Warren Buffett

อันที่จริง ไม่ใช่ว่าทุกธุรกิจจะมีปราการล้อมกันไปหมด Bill Gates อธิบายต่อว่า การหาข้อได้เปรียบของธุรกิจที่สามารถกำบังตัวเองจากคู่แข่งเป็นเรื่องยาก บ่อยครั้งคูเมืองที่แน่นหนาเกิดจากปัจจัยไม่ธรรมดาหลายข้อหลอมรวมกัน (เช่น แบรนด์ สิทธิบัตร จำนวนผู้ใช้มหาศาล หรือ ความใหญ่โตของธุรกิจ) อันจะนำมาซึ่งการเติบโตที่ยั่งยืน

5 รูปแบบของคูเมือง

คำถามสำคัญก็คือ มีข้อได้เปรียบแบบไหนบ้างที่เป็นเหมือนคูเมืองคอยป้องกันธุรกิจที่เราลงทุนจากคู่แข่ง นิยามของเรื่องนี้อาจจะหลากหลายกันไป แต่เราขอหยิบยกคูเมืองในนิยามของ Morningstar มาให้ดูกัน ดังนี้

  1. Switching Cost (ต้นทุนในการเปลี่ยนใจ) ที่ผู้บริโภคต้องเจอเมื่อตัดสินใจไปใช้เจ้าอื่น
  2. Intangible Assets (สินทรัพย์ไม่มีตัวตน) สินทรัพย์ต่าง ๆ ที่อาจจะจับต้องไม่ได้ เช่น สิทธิบัตร (Patent) แบรนด์ เครื่องหมายการค้า ลิขสิทธิ์ ใบอนุญาตพิเศษ และอื่น ๆ
  3. Network Effect (ผลจากความเชื่อมโยง) เกิดจากการที่มูลค่าของสินค้าหรือบริการเพิ่มขึ้นต่อเนื่องหากจำนวนผู้ใช้งาน (Users) เติบโตขึ้นไปด้วย
  4. Cost Advantage (ความได้เปรียบทางราคา) ข้อได้เปรียบทางด้านราคาผ่านต้นทุนที่ต่ำกว่าคู่แข่ง
  5. Efficient Scale Leads to Natural Monopoly (การประหยัดต่อขนาดซึ่งนำไปสู่การผูกขาดโดยธรรมชาติ) หรือการอยู่ในวงการที่เข้ามาแข่งขันได้ยาก (เช่น สายการบิน) เพราะถ้าเข้ามาแข่งแล้วอาจจะสู้เรื่องต้นทุนไม่ได้

 

และกองทุน AFMOAT-HA ที่กำลังจะรีวิวต่อจากนี้ก็เป็นช่องทางในการลงทุนในธุรกิจที่พรั่งพร้อมไปด้วยคูเมืองโอบล้อม เพื่อสร้างผลตอบแทนที่ยั่งยืนในทุกภาวะตลาด

กองทุน AFMOAT-HA ลงทุนในธุรกิจปราการแกร่ง

AFMOAT-HA หรือ กองทุนเปิด เอ เอฟ ยูเอส ไวด์ โมท เฮดจ์ ชนิดสะสมมูลค่า คือ

  • กองทุนหุ้นสหรัฐฯ แบบ Passive
  • เน้นเคลื่อนไหวตามดัชนี Morningstar® Wide Moat Focus Index 
  • ดัชนีนี้เน้นการลงทุนในหุ้นที่มีความได้เปรียบในการแข่งขันสูง (ปราการ) เพื่อการเติบโตอย่างมั่นคงในระยะยาว
  • มีกองทุนหลักคือ VanEck Morningstar Wide Moat ETF

 

กองทุน AFMOAT-HA ได้รับเรตติ้งระดับ 5 ดาวจาก Morningstar ทั้งในส่วนของภาพรวม การดำเนินงาน 3 ปี และการดำเนินงาน 5 ปี

เรตติ้งของกองทุน VanEck Morningstar Wide Moat ETF โดย Morningstar | Source: vaneck.com as of 10/2023

สัดส่วนการลงทุนของ AFMOAT-HA

ถ้ากางข้อมูลกองทุนหุ้นสหรัฐฯ ส่วนใหญ่ออกมาดู โดยทั่วไปเรามักจะเห็นหุ้นอย่าง Tesla หรือ Microsoft แวะเวียนกันมาอยู่บนหน้า Top Holdings อยู่เสมอ 

แต่ข้อแตกต่างของกองทุน AFMOAT-HA ที่เลือกลงทุนในหุ้นปราการแกร่งโดยเฉพาะ ทำให้เราได้เห็นการลงทุนในบริษัท เช่น Salesforce ผู้ให้บริการระบบจัดการความสัมพันธ์ลูกค้า (CRM) ผ่านระบบคลาวด์ซึ่งต้องใช้เวลาในการวางระบบทำให้มี Switching Cost สูงมาก

ทรัพย์สินที่กองทุนหลักของ AFMOAT-HA ลงทุน 10 อันดับแรก | Source: Fund Factsheet ของ VanEck Morningstar Wide Moat ETF as of 10/2023

สัดส่วนการลงทุนตามอุตสาหกรรมของ VanEck Morningstar Wide Moat ETF | Source: Fund Factsheet ของ VanEck Morningstar Wide Moat ETF as of 10/2023

เจาะลึกนโยบายการลงทุน: AFMOAT-HA มีจุดเด่นอย่างไร?

  1. ลงทุนในธุรกิจที่มีปราการแน่นหนา

คัดเลือกเฉพาะบริษัทที่มีปราการอย่างน้อย 1 ใน 5 แบบ ตามที่เคยกล่าวไปข้างต้น คือ ต้นทุนการเปลี่ยนใจ สินทรัพย์ไม่มีตัวตน ผลจากความเชื่อมโยง ความได้เปรียบทางราคา หรือความได้เปรียบจากขนาด เพื่อรับประกันว่าบริษัทนั้น ๆ จะมีความสามารถในการแข่งขันซึ่งจะนำไปสู่การสร้างผลตอบแทนได้อย่างแท้จริง

  1. ลงทุนแบบมองกันยาว ๆ

กองทุนแบ่งบริษัทออกเป็น 3 แบบ คือ ไร้ปราการ (none) ปราการเปราะบาง (narrow moat) และ ปราการแน่นหนา (wide moat) และธุรกิจแบบสุดท้ายคือธุรกิจที่กองทุนนี้ให้ความสนใจโดยประเมินแล้วว่าด้วยความแข็งแกร่งของปราการที่บริษัท wide moat มี จะทำให้บริษัทสามารถรักษาความได้เปรียบในการแข่งขัน (ปราการ) ไปได้ยาวนานถึง 20 ปี ซึ่งจะสร้างผลตอบแทนให้กับนักลงทุนได้ในระยะยาว โดยบริษัทแบบนี้คิดเป็นเพียง 10-15% เท่านั้นในจักรวาลหุ้นของ Morningstar

  1. ลงทุนหุ้นแกร่งในเวลาที่ใช่

กองทุนลงทุนก็ต่อเมื่อธุรกิจนั้นอยู่ในราคาที่น่าดึงดูด โดยจะมองไปที่ธุรกิจที่มีมูลค่าต่ำกว่าตามการประมาณการของดัชนีจาก Morningstar พูดง่าย ๆ คือลงทุนใน fair value

  1. ลงทุนแบบไม่ยึดติด

ที่ผ่านมากองทุนปรับเปลี่ยนคาแรกเตอร์หุ้นที่ลงทุนระหว่างหุ้นเติบโตและหุ้นคุณค่าอยู่เสมอ โดยเป็นผลมาจากวิธีการคัดหุ้นโดยมองที่ปราการเป็นหลักมากกว่าการมองสไตล์ของหุ้น การไม่ยึดติดตรงนี้ทำให้กองทุนสามารถเลือกธุรกิจที่น่าสนใจโดยไม่โดนจำกัดความเป็นไปได้

ผลตอบแทนย้อนหลังของ VanEck Morningstar Wide Moat ETF | Source: Fund Factsheet ของ VanEck Morningstar Wide Moat ETF as of 10/2023

กองทุนนี้เหมาะกับใคร?

  • นักลงทุนที่ต้องการสร้างผลตอบแทนในระยะยาว สอดคล้องนโยบายการลงทุนในหุ้นที่มีความสามารถในการแข่งขันอันยั่งยืน
  • นักลงทุนที่ต้องการเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในตลาดสหรัฐฯ
  • นักลงทุนที่สามารถยอมรับความเสี่ยงการลงทุนในตราสารทุนต่างประเทศที่มีความผันผวนในการขึ้นลงของราคา

รายละเอียดอื่น ๆ ของกองทุน AFMOAT-HA (ข้อมูลจากหนังสือชี้ชวนส่วนสรุปข้อมูลสำคัญ ณ วันที่ 28/12/2023

  • เป็นกองทุนรวมตราสารทุน ในกลุ่ม US Equity
  • กองทุนมีความเสี่ยงอยู่ที่ระดับ 6
  • ลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุน VanEck Morningstar Wide Moat ETF (กองทุนหลัก) เพียงกองทุนเดียว 
  • มีการป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนไม่น้อยกว่า 90%
  • มุ่งหวังให้ผลประกอบการเคลื่อนไหวตามกองทุนหลัก โดยกองทุนหลักใช้กลยุทธ์การบริหารกองทุนเชิงรับ (Passive management strategy)
  • ไม่มีนโยบายการจ่ายปันผล
  • ค่าธรรมเนียมซื้อ 1.0% ของมูลค่าที่ซื้อ
  • ค่าธรรมเนียมขาย ยกเว้น
  • ลงทุนขั้นต่ำครั้งแรก 1,000 บาท
  • ลงทุนขั้นต่ำครั้งถัดไป 1 บาท

 

สามารถศึกษารายละเอียดของกองทุนเพิ่มเติมได้ที่ https://www.finnomena.com/fund/

FINNOMENA FUNDS ให้คุณได้ลงทุนในกองทุนรวมชั้นนำของประเทศไทยจากหลากหลาย บลจ.
ตอบโจทย์ทุกความต้องการ ไม่ว่าจะลงกองเดี่ยว จัดพอร์ต วางแผนลงทุน หรือลดหย่อนภาษี
ดูรายละเอียดเพิ่มเติม คลิก https://finno.me/get-started-ws?ct_id=afmoat-ha-2023 


อ้างอิง

คำเตือน

การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน | ผลการดำเนินงานในอดีต และผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต | กองทุนมีการลงทุนกระจุกตัวในประเทศที่ลงทุน จึงมีความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนจำนวนมาก ผู้ลงทุนจึงควรพิจารณาการกระจายความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุนโดยรวมของตนเองด้วย | ผู้ลงทุนอาจมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากการป้องกันความเสี่ยงขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้จัดการกองทุน | สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน ฟินโนมีนา จำกัด ในช่วงเวลาวันทำการตั้งแต่ 09:00-17:00 น. ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 026 5100 และทาง LINE “@FINNOMENAPORT”

เมื่อกดปุ่ม “รับรายละเอียดเพิ่มเติม ” แสดงว่าคุณยินยอมให้บริษัท ฟินโนมีนา จำกัด และบริษัทในเครือ เก็บรวบรวมและใช้ข้อมูลเพื่อแนะนำบริการ แจ้งสิทธิประโยชน์ เป็นที่ปรึกษาการลงทุน ประชาสัมพันธ์ และดำเนินการที่เกี่ยวข้อง ศึกษานโยบายความเป็นส่วนตัว

AFMOAT-HA
AFMOAT-HA
รีวิวกองทุน MEGA10CHINA
ความเห็นจาก Finnomena : กองทุนหุ้นจีนที่มีจุดเด่นที่การลงทุนแบบโฟกัสในหุ้นจีน H-Share แค่ 10 บริษัททรงอิทธิพล และเป็นโอกาสที่หาไม่ได้ในช่วงเวลาอื่น ด้วย Valuation ของหุ้นจีนที่ถูกที่สุดในรอบกว่า 10 ปี

Highlight


“ในวิกฤตย่อมมีโอกาส” คำพูดนี้ไม่เกินจริง เพราะเราเห็นมาแล้วนักต่อนักว่านักลงทุนที่ประสบความสำเร็จ ไม่น้อยเลยสร้างเนื้อสร้างตัวได้จากช่วงวิกฤต หรือพูดง่าย ๆ ว่าเป็นผู้กล้าในยามที่คนทั่วหล้าเกรงกลัว

กองทุนหุ้นจีนเคยเป็นตลาดยอดฮิตอันดับต้น ๆ ของนักลงทุนไทย จากศักยภาพการเติบโตทางเศรษฐกิจที่สามารถก้าวขึ้นมาเป็นประเทศมหาอำนาจทางเศรษฐกิจอันดับ 2 ของโลกได้ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา และยังต่อกรกับสหรัฐอเมริกาได้อย่างสูสี จนเกิดความคาดหวังว่าหุ้นจีนจะให้ผลตอบแทนที่สวยงามไม่แพ้กัน

แต่สิ่งที่เกิดขึ้นจริง กองทุนหุ้นจีนทั้งฝั่ง A-Share, H-Share และ All-China กลับให้ผลตอบแทนไม่ดีนัก แถมยังสร้างความเจ็บช้ำให้ผู้คนจำนวนมาก เพราะตลอด 3 ปีมานี้ (2021-2023) ดัชนีหุ้นจีนลงลึก ลงแล้ว ลงอีก และเมื่อเห็นจังหวะเข้าถัวให้ต้นทุนถูกลง ก็ยังเจอราคาที่ถูกกว่า จนหลายคนหมดหวังไปแล้ว

ทว่าทุกอย่างย่อมมีเวลาของมัน หุ้นจีนเองก็เช่นกัน ในช่วงที่ราคาลงมาต่ำสุดในรอบ 10 ปี ประกอบกับท่าทีของรัฐบาลจีนก็ดูผ่อนคลายลงชัดเจน นี่อาจจะถึงเวลาอันเหมาะสมแล้วที่เราจะกลับมาคว้าโอกาสในตลาดแห่งความหวังนี้อีกครั้ง กับกองทุนซึ่งคัดเฉพาะบริษัททรงอิทธิพลในจีนอย่าง MEGA10CHINA

ย้อนเวลาหาอดีต เกิดอะไรบ้างกับตลาดหุ้นจีน 

รีวิวกองทุน MEGA10CHINA

  • May 2021: รัฐบาลจีนควบคุม Startup ด้านการศึกษา เช่น สถาบันกวดวิชา และแพลตฟอร์มเรียนออนไลน์ เพื่อลดความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงการศึกษา 
  • Aug 2021: เพิ่มการกำกับดูแลหุ้นจีนที่จดทะเบียนในสหรัฐฯ (ADRs) โดยเน้นไปที่บริษัทเทคโนโลยี จากความกังวลเรื่องข้อมูลรั่วไหล
  • Sep 2021: จุดเริ่มต้นวิกฤตอสังหาริมทรัพย์ จากปัญหาของ China Evergrande ผู้พัฒนาอสังหาฯ อันดับ 2 ของจีน ส่งผลให้ราคาบ้านในจีนตกต่ำ กดดันให้ตลาดหุ้นจีนปรับตัวลงแรง
  • Oct 2022: “สี จิ้นผิง” ได้เป็นผู้นําจีนต่อสมัยที่ 3 รวมถึงมีการเปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรีจาก “หลี่เค่อเฉียง” เป็น “หลี่เฉียง” ที่เน้นนโยบายทางด้านการเมืองมากยิ่งขึ้น
  • Nov 2022: ทางการจีนออกมาตรการกระตุ้นภาคอสังหาฯ 16 ข้อ เช่น ขยายเวลาสินเชื่อ ลดเงินดาวน์ มาตรการช่วยเหลือผู้ติดเชื้อ Covid-19 และเริ่มผ่อนคลายมาตรการ Zero Covid
  • Jan 2023: จีนประกาศเปิดประเทศเต็มตัว คณะกรรมาธิการด้านสุขภาพของจีน ออกแถลงการณ์ยกเลิกมาตรการกักตัวผู้ที่เดินทางจากต่างประเทศ โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 8 มกราคม 2023 
  • Mar 2023: เริ่มเห็นการผ่อนคลายมาตรการควบคุมหุ้นเทคโนโลยี และเห็น “แจ็ค หม่า” กลับมาปรากฏตัวในเมืองจีนอีกครั้ง ขณะที่ Alibaba ก็ประกาศปรับโครงสร้างธุรกิจครั้งใหญ่
  • Aug 2023: กระทรวงการคลังลดอากรสแตมป์การซื้อขายหุ้นจีน ลงมาอยู่ที่ระดับ 0.05% จากเดิมที่ระดับ 0.1% โดยมีเป้าหมายดึงดูดนักลงทุน หลังตลาดทรุดหนัก
  • Oct 2023: รัฐบาลกลางจีนอนุมัติออกพันธบัตร 1 ล้านล้านหยวน (1.37 แสนล้านดอลลาร์) เตรียมกระตุ้นเศรษฐกิจชุดใหญ่

จีนยังมีหวัง สายลมแห่งการเปลี่ยนแปลงเริ่มขึ้นแล้ว

เมื่อไล่เรียงช่วงเวลาตั้งแต่ปี 2021-2023 ตลาดหุ้นจีนเริ่มจากเจอฝุ่นตลบรอบด้าน แล้วจึงค่อย ๆ เห็นสายลมพัดพาไปในทิศทางที่สดใสขึ้น 

กระทั่งเดือนแรกของปี 2024 เราได้เห็นพัฒนาการอันรวดเร็วของรัฐบาลจีนที่ออกมาแสดงท่าทีว่าจะกระตุ้นเศรษฐกิจชุดใหญ่จริงจัง พร้อมสนับสนุนตลาดทุนให้กลับมาเฉิดฉายอีกครั้ง ผ่านกลไกของหน่วยงานต่าง ๆ ได้แก่

  • จัดตั้งกองทุนเพื่อดันตลาดหุ้นจีน มูลค่ากว่า 2 ล้านล้านหยวน โดยใช้กลไก Hong Kong Exchange Link เอาเงินจากกองทุนรัฐวิสาหกิจกลับเข้าซื้อหุ้นจีนโดยตรง 
  • ธนาคารกลางจีน (PBOC) ประกาศลดอัตราการตั้งสำรองของธนาคารพาณิชย์ (RRR) เหลือ 0.5% ช่วยเพิ่มสภาพคล่องระยะยาวได้ 1 ล้านล้านหยวน 
  • คณะกรรมการกำกับดูแลหลักทรัพย์จีน (CSRC) เพิ่มข้อจำกัดในการยืมหุ้นเพื่อ short-selling เพื่อสร้างเสถียรภาพให้กับตลาดหุ้น
  • นำกฎการควบคุมการเล่นเกมออกจากเว็บไซต์ของ National Press and Publication Administration (NPPA) พร้อมกับอนุมัติ 32 เกมออนไลน์ ซึ่งเริ่มให้บริการตั้งแต่ 1 กุมภาพันธ์นี้

ทั้งหมดนี้ถือเป็นปัจจัยเร่งสำคัญให้นักลงทุนกลับมาเห็นแสงสว่างในดินแดนมังกรหลับ ซึ่งสัปดาห์สุดท้ายของเดือนมกราคม 2024 ดัชนีหุ้นจีนก็ตอบรับทาง Performance ปรับตัวขึ้นแรงเกือบ 10%

MEGA10CHINA กองทุนหุ้นจีน โอกาสแพ้น้อย โอกาสชนะสูง

FundTalk Call หุ้นจีนมาแรง

สำหรับคนที่อยากเข้าซื้อหุ้นจีนในเวลานี้ เพราะเชื่อใน Downside ที่จำกัด ราคาคงไม่ตกต่ำไปกว่านี้มากนัก และเห็นสัญญาณบวกของการเปลี่ยนแปลงท่าทีของรัฐบาล แต่ลึก ๆ ก็ยังคงกลัวความเสี่ยงจากความไม่แน่นอนอยู่ 

ดังนั้น กองทุนหุ้นจีนที่เราควรพิจารณา 

หนึ่ง… ต้องลงทุนในหุ้นที่มีความสามารถทางการแข่งขันด้วยตัวเอง เป็นแบรนด์ที่ครองใจชาวจีน และเก่งพอที่จะออกไปแข่งขันกับตลาดโลก 

สอง… ต้องลงทุนในหุ้นที่ไม่ใช่รัฐวิสาหกิจจีน ไม่มีการถือหุ้นใหญ่โดยรัฐบาลจีน เพื่อลดความเสี่ยงของการถูกแทรกแซง เช่น ธนาคาร และอสังหาริมทรัพย์ 

รีวิวกองทุน MEGA10CHINA

MEGA10CHINA คือกองทุนที่ตอบโจทย์เงื่อนไขดังกล่าว ด้วยนโยบายที่เข้าไปลงทุนใน 10 บริษัทที่ทรงอิทธิพลในจีน ซึ่งจดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง (Hong Kong Stock Exchange: HKEX) โดยจะต้องเป็นบริษัทที่มีมูลค่าตลาดขนาดใหญ่ มีสภาพคล่องสูง และเน้นความเป็นผู้นำในด้านตราสินค้า (Brand Value) ในกลุ่ม TOP/BEST CHINESE BRANDS จากการจัดอันดับโดยบริษัทที่มีชื่อเสียงและเป็นที่ยอมรับในเรื่องของการจัดอันดับดังกล่าว

ทั้งนี้ MEGA10CHINA มีกองทุนให้เลือกทั้งชนิดสะสมมูลค่า MEGA10CHINA-A และกองทุนลดหย่อนภาษี MEGA10CHINA-SSF กับ MEGA10CHINARMF

รายละเอียดอื่น ๆ ของ MEGA10CHINA-A

  • ความเสี่ยงระดับ 6 (กองทุนรวมตราสารทุน)
  • นโยบายปันผล ไม่จ่าย
  • ไม่ป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยน
  • ลงทุนขั้นต่ำครั้งแรก 1,000 บาท และครั้งถัดไป 1 บาท
  • ค่าธรรมเนียมขาย (Front-end Fee) 1.00% 
  • ค่าธรรมเนียมรับซื้อคืน (Back-end Fee) ไม่มี
  • ค่าธรรมเนียมการจัดการ (Management Fee) 1.6050% ต่อปี
  • รวมค่าใช้จ่ายทั้งหมด 1.7120% ต่อปี

ข้อมูลจากหนังสือชี้ชวนส่วนสรุปข้อมูลสำคัญ ณ วันที่ 28/12/2023
ศึกษารายละเอียดของกองทุนเพิ่มเติมได้ที่ https://www.finnomena.com/fund/

วิธีคัดเลือกหุ้นของ MEGA10CHINA 

จุดเด่นของกองทุนนี้คือการคัดเฉพาะหุ้นผู้ชนะเพียง 10 ตัวเน้น ๆ และนำมาจัดพอร์ตแบบ Equal weight ต่างจากกองทุนหุ้นจีนอื่น ๆ ที่มักจะกระจายการลงทุนไปหลายตัว โดยแนวทางการคัดเลือกหุ้นเข้าพอร์ต ประกอบด้วย

รีวิวกองทุน MEGA10CHINA

Source: เอกสารนำเสนอการขาย บลจ. ทาลิส as of 28/12/2023

1. เน้นลงทุนบริษัทที่มีแบรนด์ชั้นนำของประเทศจีน จำนวน 10 ตัวที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง และต้องไม่ใช่รัฐวิสาหกิจ ไม่มีการถือหุ้นใหญ่โดยรัฐบาลจีน เพราะนี่จะเป็นความเสี่ยงที่คาดการณ์ได้ยาก

2. มีงานวิจัยระดับโลกที่สนับสนุนว่ามูลค่าของแบรนด์นั้นมีผลเชิงบวกต่อราคาหุ้นของบริษัทนั้น ๆ 

3. เป็นบริษัทที่มีแบรนด์ชั้นนำระดับโลก ซึ่งมีความได้เปรียบในการแข่งขัน และทนทานต่อผลกระทบจากเศรษฐกิจถดถอยได้ดีกว่าบริษัทอื่น ๆ 

4. มีการกระจายตัวของรายได้จากหลากหลายภูมิภาคทั่วโลก

5. เน้นการลงทุนระยะยาวโดยใช้วิธี Rule Based Approach คัดเลือกหุ้นโดยคำนึงปัจจัยที่มีผลต่อราคา อาทิ ปัจจัยด้านคุณภาพหุ้น (Quality) ขนาดของมูลค่าหุ้น (Size) สภาพคล่อง (Liquidity) เป็นต้น

รีวิวกองทุน MEGA10CHINASource: เอกสารนำเสนอการขาย บลจ. ทาลิส as of 28/12/2023

ภาพแสดงกระบวนลงทุนคัดเลือกหุ้นตามแบบฉบับกองทุน MEGA10CHINA เริ่มต้นกรองจากบริษัทที่มีแบรนด์แข็งแกร่งจากการจัดอันดับของสถาบันที่น่าเชื่อถือ จากนั้นค่อยมาตัดหุ้นที่เป็น State Owned Companies ออกไป แล้วนำมาจัดอันดับตาม Market Cap. ตามมาด้วยคัดกรองสภาพคล่อง และท้ายที่สุดหุ้นแต่ละตัวจะถูกนำมาจัดน้ำหนักการลงทุนในสัดส่วนที่เท่า ๆ กัน

เจาะ 10 บริษัททรงอิทธิพลในจีน 

เข้าใจกระบวนการคัดเลือกหุ้นแล้ว คราวนี้มาดูกันว่าหุ้นที่เข้าเกณฑ์จะมีหน้าตาเป็นอย่างไรบ้าง 

รีวิวกองทุน MEGA10CHINA

Source: Finnomena Funds, Bloomberg as of 30/04/2024

1. Alibaba: เจ้าพ่ออีคอมเมิร์ซที่ใหญ่ที่สุดในจีน และเป็นเจ้าของแพลตฟอร์มค้าปลีกออนไลน์ระดับโลกอย่าง LAZADA

2. Ping An Insurance: บริษัทประกันภัยชั้นนำของจีน โดยผลิตภัณฑ์ประกันและการเงินแบบครบวงจร 

3. BYD: ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า (EV) สัญชาติจีน ซึ่งปัจจุบันมีเป็นแบรนด์ที่มียอดขายรถยนต์ไฟฟ้ามากที่สุดในโลก

4. NetEase: บริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ของจีน ที่มีทั้งธุรกิจเกม ธุรกิจเพลงสตรีมมิ่ง อีคอมเมิร์ซ แอปพลิเคชัน และมีเดียแพลตฟอร์ม

5. Baidu: ผู้ให้บริการเสิร์ชเอนจินรายใหญ่ของจีน พร้อมทั้งบริการแผนที่ออนไลน์ และมีการพัฒนา AI ครบวงจร ตั้งแต่การออกแบบชิป การพัฒนา Deep Learning กระทั่งต่อยอดไปเป็นแอปพลิเคชันต่าง ๆ 

6. Nongfu Spring: บริษัทน้ำดื่มบรรจุขวดที่ใหญ่ที่สุดในเมืองจีน โดยมีผลิตภัณฑ์น้ำดื่มบรรจุขวดหลายประเภท อาทิ น้ำแร่ น้ำเปล่า และน้ำชา

7. Tencent: บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ที่ดำเนินธุรกิจไปทั่วโลก ด้วยการมีธุรกิจมากมาย เช่น โซเชียลมีเดีย เกมออนไลน์ บริการชำระเงิน เป็นต้น

8. Meituan: ผู้นำแพลตฟอร์มการจัดส่งอาหารออนไลน์และสินค้าที่สามารถครองใจคนจีน 

9. JD.com: อีคอมเมิร์ซรายใหญ่ของจีน โดยมีจุดเด่นที่การนำเสนอสินค้าหลากหลายประเภท เช่น สินค้าอิเล็กทรอนิกส์ เสื้อผ้า และของใช้ในบ้าน 

10. Xiaomi: ผู้ผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และสินค้าไอทีสัญชาติจีนที่ส่งออกไปทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นสมาร์ทโฟน สมาร์ททีวี และอุปกรณ์ IoT สมาร์ทโฮมต่าง ๆ

ทั้งหมดนี้ล้วนแต่เป็นแบรนด์ที่เราคุ้นหน้าคุ้นตากันเป็นอย่างดี ไม่ว่าจะด้วยเรื่องราวความสำเร็จ ชื่อเสียงของผู้บริหาร ตลอดจนความแข็งแกร่งของธุรกิจที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมาพอสมควร จึงมั่นใจได้ว่าเป็นหุ้นที่มีโอกาสชนะมากกว่าแพ้ 

หมายเหตุ: ข้อมูลบริษัทอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ในอนาคต และการลงทุนของกองทุน MEGA10CHINA มิได้ลงทุนใน 10 บริษัทข้างต้นนี้เสมอไป ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับว่าบริษัทใดใน HKEX จะเข้าเงื่อนไขตรงกับนโยบายของกองทุน

สรุปจุดเด่นกองทุน MEGA10CHINA 

  • การลงทุนแบบโฟกัสในหุ้นจีน H-Share แค่ 10 ตัวหลักที่ผ่านการคัดกรองมาแล้วว่าดี  
  • เป็นโอกาสที่หาไม่ได้ในช่วงเวลาอื่น ด้วย Valuation ของหุ้นจีนที่ถูกที่สุดในรอบกว่า 10 ปี
  • เหมาะกับผู้ที่เชื่อมั่นว่ารัฐบาลจีนจะพูดจริง ทำจริง และเห็นผลชัดเจนจริง กับภาพการกระตุ้นเศรษฐกิจ และหันมาหนุนตลาดทุนครั้งใหม่

สุดท้ายนี้ MEGA10CHINA ถือเป็นกองทุนหุ้นจีนที่น่าทยอยเข้าสะสมทั้งในแง่กลยุทธ์ที่แตกต่าง และจังหวะเวลาที่น่าเสี่ยง 

อย่างไรก็ตาม ถ้าใครที่มีหุ้นจีนในพอร์ตค่อนข้างเยอะแล้ว และยังคงดอยมาตั้งแต่จุดสูงสุดของรอบ แนะนำว่าให้พิจารณาสัดส่วนของพอร์ตการลงทุนให้ดี ๆ ซึ่งไม่ควรมีหุ้นจีนเกินกว่า 15% ของทั้งหมด แต่หากยังเหลือสัดส่วนอยู่บ้าง ก็สามารถเข้าถัวเฉลี่ยเพิ่มได้ในช่วงนี้

Finnomena Funds ให้คุณได้ลงทุนในกองทุนรวมชั้นนำของประเทศไทยจากหลากหลาย บลจ. ตอบโจทย์ทุกความต้องการ ไม่ว่าจะลงกองเดี่ยว จัดพอร์ต วางแผนลงทุน หรือลดหย่อนภาษี ดูรายละเอียดเพิ่มเติม คลิก https://finno.me/get-started-ws


แหล่งข้อมูลอ้างอิง

 

คำเตือน

ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน | ผลการดำเนินงานในอดีต และผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต | ผู้ลงทุนอาจมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากการป้องกันความเสี่ยงขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้จัดการกองทุน | กองทุนรวมนี้ลงทุนกระจุกตัวในผู้ออกตราสารหรือประเทศใดประเทศหนึ่ง จึงมีความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนจำนวนมาก ผู้ลงทุนจึงควรพิจารณาการกระจายความเสี่ยงของ พอร์ตการลงทุนโดยรวมของตนเองด้วย | คำแนะนำการลงทุนนี้เป็นไปตามกรอบการพิจารณาของ Finnomena Funds ซึ่งมีเป้าหมายในการสร้างโอกาสรับผลตอบแทนในระยะเวลาตามแต่ละประเภทของพอร์ตเท่านั้น บริษัทมิได้การันตีถึงผลตอบแทนที่จะได้จากคำแนะนำการลงทุนดังกล่าว มีความเสี่ยงที่ผลตอบแทนอาจไม่เป็นไปตามคาดหวัง หรือมีผลขาดทุนได้ | สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน ฟินโนมีนา จำกัด ในช่วงเวลาวันทำการตั้งแต่ 09:00-17:00 น. ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 026 5100 และทาง LINE @FINNOMENAPORT | สำหรับผู้ลงทุนในความดูแลของ Kept by krungsri ติดต่อทีม Kept help center ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 296 6299

เมื่อกดปุ่ม “รับรายละเอียดเพิ่มเติม ” แสดงว่าคุณยินยอมให้บริษัท ฟินโนมีนา จำกัด และบริษัทในเครือ เก็บรวบรวมและใช้ข้อมูลเพื่อแนะนำบริการ แจ้งสิทธิประโยชน์ เป็นที่ปรึกษาการลงทุน ประชาสัมพันธ์ และดำเนินการที่เกี่ยวข้อง ศึกษานโยบายความเป็นส่วนตัว

MEGA10CHINA-A
MEGA10CHINA-A

รู้จัก TISCO Omakase Extra Fund

– พอร์ตการลงทุน TISCO Omakase Extra Fund ลงทุนในสินทรัพย์หลากหลายเพื่อที่จะสร้างผลตอบแทนสม่ำเสมอ 

– เปิดต่อสินทรัพย์หลากหลาย ทั้งกองทุนรวมตราสารหนี้ กองทุนตราสารทุน กองทุนสินค้าโภคภัณฑ์ กองทุนโครงสร้างพื้นฐาน และกองทุนทางเลือก ทั้งในประเทศและ/หรือ ต่างประเทศ

– วิเคราะห์ลงทุนตามภาวะเศรษฐกิจมหภาค ผลประกอบการ การเคลื่อนไหวของ fund flow

– ติดตามการเคลื่อนไหวพอร์ตลงทุนในทุกๆ สัปดาห์ หรือกรณีมีการเปลี่ยนแปลงสำคัญทางด้านพื้นฐาน โดยจะปรับตามปัจจัยพื้นฐานเปลี่ยนแปลง หรือ Valuation สินทรัพย์สูงหรือต่ำเกินไป

– หลักเกณฑ์การลงทุน คือ ต้องมีอัตราผลตอบแทนคาดหวังเมื่อเทียบกับความเสี่ยงไม่สูงเกินไป (risk-adjusted return)

มุมมองการลงทุนล่าสุดจาก TISCO ASSET MANAGEMENT (4/2024)

ลมหนุนการลงทุน

– เศรษฐกิจโลกยังโต จีนเริ่มฟื้นตัว

– ดอกเบี้ยขาลง (ยกเว้นญี่ปุ่น)

– Fed ชะลอการปรับลดงบดุล QT 

– AI ช่วยลดต้นทุน เพิ่มประสิทธิภาพ

– ผลดำเนินงานบริษัทขยายตัวดี

– นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของไทย

แรงต้านการลงทุน

– เงินเฟ้อปลายปีคาดสูงกว่าเป้าหมายธนาคารกลาง

– Fed ลดดอกเบี้ย 1-2 ครั้ง หรือ คงดอกเบี้ยนานกว่าคาด

– Valuation บางตลาดยังคงตึงตัว

– ความเสี่ยงสงคราม

– ประเด็นการหาเสียงเลือกตั้งสหรัฐฯ 

– ราคาน้ำมันยังทรงตัวในระดับสูง

– ค่าเงิน USD ที่แข็งค่าเป็นผลลบต่อตลาด EM

จากมุมมองนี้ มีกลยุทธ์อย่างไร?

– ล่าสุด หุ้นโลกเผชิญกับแรงเทขายจากความขัดแย้งในตะวันออกกลาง และเงินเฟ้อสหรัฐฯ ทำให้ ตลาดเข้าสู่สภาวะ Risk-Off อีกครั้ง

– ทว่า การปรับฐานของหุ้นโลก ถือเป็นปัจจัยระยะสั้น พอร์ตยังมีมุมมองเชิงบวกกับตราสารหนี้ภาคเอกชนและสินทรัพย์เสี่ยง โดยเฉพาะกลุ่ม AI จากการเติบโตที่แกร่งต่อเนื่อง

TISCO Omakase Extra Fund ปรับพอร์ตเดือนเมษายน 2024

– ปรับลดน้ำหนัก TCHCON (TISCO China Consumer Fund) ไปยัง TCLOUD (TISCO Cloud Computing Equity Fund)

– โดยมองว่า กลุ่ม Consumer Discretionary ในจีน กำลังเผชิญกับความท้าทายจากสงครามราคารถยนต์ EV ในจีน 

– ขณะที่ความต้องการใช้ Cloud Computing สูงขึ้นจากเทคโนโลยี AI ที่มีความจำเป็นต้องพึ่งพาระบบ Cloud จากการขยายฐานข้อมูล 

– นอกจากนี้ กองทุนหลักของ TCLOUD มีกระจายการลงทุนไปยังธุรกิจอื่นที่ นอกเหนือจาก Cloud – Storage อย่างเช่นกลุ่ม Application Software และ System Software เป็นต้น

– ทำให้สัดส่วนการลงทุนปัจจุบันของพอร์ตการลงทุน TISCO Omakase Extra Fund เป็นดังภาพ

หากสนใจพอร์ต TISCO Omakase Extra Fund สามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ : https://finno.me/port-tiscoasset 


นักลงทุนสายจัดพอร์ต สามารถติดตามรายการใหม่ “Portfolio Mastery – รีวิวทุกข้อมูลพอร์ตการลงทุนที่คุณถือ” ได้ทุกวันพฤหัสบดี เวลา 1 ทุ่มตรง!

‍‍‍‍รายการที่จะนำทุกพอร์ตการลงทุนของ FINNOMENA มาทำการ review เชิงลึกให้นักลงทุนได้ติดตามความเคลื่อนไหวและมุมมองการลงทุน พร้อมกลยุทธ์ที่ใช้ในอนาคต รวมถึงแนะนำพอร์ตการลงทุนที่เหมาะสมในแต่ละช่วง

โดยคุณกิ๊ก กสิณ สุธรรมมนัส หรือ Coach Gigs – The Global Allocation และคุณหยง วศิน ปริธัญ – The Long-term Growth

‍‍‍‍‍‍สำหรับ EP. ล่าสุดเรื่อง TISCO Omakase Extra Fund รับชมย้อนหลังได้ที่ https://www.youtube.com/live/CanAj1hju-g?si=6OownwSmA82s0Z8A


คำเตือน

ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน | ผลการดำเนินงานในอดีต และผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต | ผู้ลงทุนอาจมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากการป้องกันความเสี่ยงขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้จัดการกองทุน | คำแนะนำการลงทุนนี้เป็นไปตามกรอบการพิจารณาของ FINNOMENA FUNDS ซึ่งมีเป้าหมายในการสร้างโอกาสรับผลตอบแทนในกรอบระยะเวลาตามวัตถุประสงค์การลงทุนที่แตกต่างกันตามคำแนะนำ | บริษัทมิได้การันตีถึงผลตอบแทนที่จะได้จากคำแนะนำการลงทุนดังกล่าว มีความเสี่ยงที่ผลตอบแทนอาจไม่เป็นไปตามคาดหวัง หรือมีผลขาดทุนได้ | สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน ฟินโนมีนา จำกัด ในช่วงเวลาวันทำการตั้งแต่ 09:00-17:00 น. ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 026 5100 และทาง LINE @FINNOMENAPORT | สำหรับผู้ลงทุนในความดูแลของ Kept by Krungsri ติดต่อทีม Kept help center ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 296 6299

เมื่อกดปุ่ม “รับรายละเอียดเพิ่มเติม ” แสดงว่าคุณยินยอมให้บริษัท ฟินโนมีนา จำกัด และบริษัทในเครือ เก็บรวบรวมและใช้ข้อมูลเพื่อแนะนำบริการ แจ้งสิทธิประโยชน์ เป็นที่ปรึกษาการลงทุน ประชาสัมพันธ์ และดำเนินการที่เกี่ยวข้อง ศึกษานโยบายความเป็นส่วนตัว

KAsset Global Perspective ปรับพอร์ตไตรมาส 2 ปี 2024 รับสถานการณ์ที่เปลี่ยนไป โดยล่าสุดสถานการณ์การลงทุนมีการเปลี่ยนแปลงคือ

– ต้องจับตาเรื่องเงินเฟ้อโดยเฉพาะในฝั่ง Service โดยตลาดเริ่มมองว่า Fed อาจยังไม่ลดดอกเบี้ยปีนี้

– กำไรบริษัทจดทะเบียน มีแนวโน้มกระจายไป sector อื่น นอกจาก Tech มากขึ้น

– ยุโรปน่าสนใจเพราะ PMI ผ่าน Bottom ไปแล้ว ประกอบกับเงินเฟ้อที่ลดลง และ ECB พร้อมลดดออกเบี้ย แถมยังได้อัปเกรด EPS ของบริษัทต่าง ๆ ขึ้น

– ขณะที่ญี่ปุ่นมีแนวโน้มนโยบายการเงินผ่อนคลายน้อยลง ส่วนอินเดียยังโตแกร่งแต่ระดับราคาค่อนข้างสูง

สรุปออกมาเป็นมุมมองการลงทุนคือ

– ในระยะสั้น ระมัดระวังขึ้นจากเรื่องสงคราม ราคาน้ำมัน และ Yield พันธบัตร ตลอดจนท่าทีของ Fed

– ในระยะยาว Geopolitical risk ไม่ส่งผลต่อผลตอบแทนแบบมีนัยยะ

– แต่ Geopolitical risk ที่เกิดบ่อยและถี่ ก็ทำให้กระจายความเสี่ยงสำคัญมาก

– ลดน้ำหนักการลงทุนในหุ้นเทคฯ อเมริกา และเพิ่มการลงทุนในตราสารหนี้ระยะสั้น

– มีมุมมองเชิงบวกต่อยุโรปมากขึ้น

ส่องการปรับพอร์ตช่วงไตรมาส 2 ของ KAsset Global Perspective

1. กลยุทธ์ในส่วนของ Core Port เพื่อลงทุนระยะยาว

Overweight ตราสารหนี้ 

  • กรอบตราสารหนี้ไทย สิบปี พันธบัตรรัฐบาล อยู่ที่ 2.30 – 2.70% คาดว่า ธปท. จะลดดอกเบี้ย 2 ครั้งในครึ่งปีหลัง
  • สําหรับตราสารหนี้ไทย ระยะยาว แนะนําสะสม K-FIXEDPLUS
  • กรอบตราสารหนี้สหรัฐฯ สิบปีพันธบัตรรัฐบาล อยู่ที่ 3.5 -4.25% แนะนําทยอยสะสมกอง K-GDBOND

Overweight ตราสารทุน 

  • แนะนําทยอยลงทุนในประเทศที่การเติบโตแข็งแกร่ง K-USA, K-INDIA
  • ทยอยเข้าลงทุน เพื่อกระจายความเสี่ยงใน K-JPX, K-EUX
  • Downside risk จํากัด แนะนํากองทุน K-CHX, K-STAR, K-VALUE

Neutral สินทรัพย์ทางเลือก 

  • แนะนําลงทุนใน K-GOLD 3% ในพอร์ตเพื่อกระจายความเสี่ยง
  • มีมุมมองเชิงบวกต่อ REITS แนะนํา K-PROPI

2. กลยุทธ์ในส่วนของ Satellite Port ปรับพอร์ตในไตรมาสสอง

Return Seeking Satellite เพื่อหาผลตอบแทนเพิ่มเติมในระยะสั้น

  • มีการปรับขาย K-GTECH เนื่องจากให้ผลตอบแทนที่ค่อนข้างดีมาตั้งแต่ต้นปี มองว่าจะเข้ารอบย่อ จากการที่ตลาด repricing ใหม่ เรื่องการลดดอกเบี้ยของเฟด
  • ซื้อ K-SF เป็นกองทุนตราสารหนี้ระยะสั้น มองว่าบอนด์ยิลด์ไทย น่าจะยังเป็นขาลง และจะให้ผลตอบแทนที่ดีเมื่อ ธปท. ลดดอกเบี้ย

Diversifier Satellite เพื่อกระจายความเสี่ยงจาก Core Portfolio

  • K-GHEALTH คงเดิม แนะนําเข้าลงทุน หรือทยอยสะสม เพื่อกระจายความเสี่ยงได้
  • K-HIT คงเดิม แนะนําเข้าลงทุน หรือทยอยสะสม เพื่อกระจายความเสี่ยงได้

แนะนำ Global Perspective Portfolio by KAsset

หากใครสนใจการลงทุนในพอร์ตที่มีนโยบายแบบ Multi Asset วันนี้ FINNOMENA FUNDS ขอแนะนำ Global Perspective Portfolio by KAsset ช่วยสร้างผลตอบแทนระยะยาวผ่านพอร์ตการลงทุนที่มีการกระจายลงทุนเป็นอย่างดี

Global Perspective Portfolio by KAsset ใช้แนวคิด Core-Satellite portfolio คือ

มี Core Portfolio (80%) เป็นพอร์ตหลักที่ถือไปยาว ๆ 

มี Satellite Portfolio (20%) เป็นพอร์ตที่ช่วยสร้างโอกาสผลตอบแทนในระยะสั้นกว่า

 

ความพิเศษคือในส่วนของ Satellite Portfolio จะมีการแบ่งย่อยเป็น 2 ส่วนอีก คือ 

– Return-seeking Satellite (10%) ช่วยหาโอกาสผลตอบแทนเพิ่มเติม

– Diversifying Satellite (10%) ช่วยกระจายความเสี่ยง มี correlation กับ Core Port ต่ำ

 

นอกจากนี้ Global Perspective Portfolio by KAsset ยังมีการผสานมุมมองการลงทุนจาก J.P. Morgan Asset Management ซึ่งเป็นบลจ. ระดับโลกเข้ามาอีกด้วย

อ่านข้อมูลของ Global Perspective Portfolio by KAsset เพิ่มเติม : https://finno.me/global-perspective-port 


นักลงทุนสายจัดพอร์ต สามารถติดตามรายการใหม่ “Portfolio Mastery – รีวิวทุกข้อมูลพอร์ตการลงทุนที่คุณถือ” ได้ทุกวันพฤหัสบดี เวลา 1 ทุ่มตรง!

‍‍‍‍รายการที่จะนำทุกพอร์ตการลงทุนของ FINNOMENA มาทำการ review เชิงลึกให้นักลงทุนได้ติดตามความเคลื่อนไหวและมุมมองการลงทุน พร้อมกลยุทธ์ที่ใช้ในอนาคต รวมถึงแนะนำพอร์ตการลงทุนที่เหมาะสมในแต่ละช่วง

โดยคุณกิ๊ก กสิณ สุธรรมมนัส หรือ Coach Gigs – The Global Allocation และคุณหยง วศิน ปริธัญ – The Long-term Growth

‍‍‍‍‍‍สำหรับ EP. ล่าสุดเรื่อง Global Perspective Portfolio by KAsset รับชมย้อนหลังได้ที่ https://www.youtube.com/live/OYIfxtk8s6E?si=cFPwrUsQBU9xiEfB 


คำเตือน

ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน | ผลการดำเนินงานในอดีต และผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต | ผู้ลงทุนอาจมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากการป้องกันความเสี่ยงขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้จัดการกองทุน | คำแนะนำการลงทุนนี้เป็นไปตามกรอบการพิจารณาของ FINNOMENA FUNDS ซึ่งมีเป้าหมายในการสร้างโอกาสรับผลตอบแทนในกรอบระยะเวลาตามวัตถุประสงค์การลงทุนที่แตกต่างกันตามคำแนะนำ | บริษัทมิได้การันตีถึงผลตอบแทนที่จะได้จากคำแนะนำการลงทุนดังกล่าว มีความเสี่ยงที่ผลตอบแทนอาจไม่เป็นไปตามคาดหวัง หรือมีผลขาดทุนได้ | สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน ฟินโนมีนา จำกัด ในช่วงเวลาวันทำการตั้งแต่ 09:00-17:00 น. ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 026 5100 และทาง LINE @FINNOMENAPORT | สำหรับผู้ลงทุนในความดูแลของ Kept by Krungsri ติดต่อทีม Kept help center ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 296 6299

เมื่อกดปุ่ม “รับรายละเอียดเพิ่มเติม ” แสดงว่าคุณยินยอมให้บริษัท ฟินโนมีนา จำกัด และบริษัทในเครือ เก็บรวบรวมและใช้ข้อมูลเพื่อแนะนำบริการ แจ้งสิทธิประโยชน์ เป็นที่ปรึกษาการลงทุน ประชาสัมพันธ์ และดำเนินการที่เกี่ยวข้อง ศึกษานโยบายความเป็นส่วนตัว

เปรียบเทียบกองทุนหุ้นยุโรป
ความเห็นจาก Finnomena : สรุปความน่าสนใจของตลาดหุ้นยุโรป พร้อมกองทุนแนะนำซึ่งตอบโจทย์เป้าหมายที่แตกต่างกัน

Highlight


เวลาพูดถึงกองทุนหุ้นยุโรป มักจะไม่ค่อย Mass ในสายตาคนส่วนใหญ่ เพราะใน Developed Markets นั้นถูกดึงโฟกัสไปที่สหรัฐอเมริกาและญี่ปุ่นซะเยอะ แถมยังมี Emerging Markets ซึ่งร้อนแรงในหลายประเทศไล่มาตั้งแต่จีน เกาหลีใต้ เวียดนาม และอินเดีย เป็นต้น

แต่ดูเหมือนว่าปี 2024 นี้ ภาพดังกล่าวจะต่างออกไป หุ้นยุโรปกำลังถูกสปอร์ตไลท์ส่องมากขึ้น ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลด้านราคาหุ้นที่ดัชนี EURO STOXX 600 ปรับตัวเพิ่มขึ้นกว่า 7% นับตั้งแต่ต้นปี

ตลอดจนภาวะเศรษฐกิจยุโรปที่กำลังผ่านพ้นจุดต่ำสุดไปแล้ว ไม่ว่าจะเป็นปัญหาความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ ราคาพลังงาน เงินเฟ้อ และภาวะเศรษฐกิจถดถอยที่เริ่มคลี่คลาย ทำให้เวลานี้หุ้นยุโรปถูกพูดถึงมากขึ้นทีเดียว

ตลาดหุ้นยุโรป ทำไมจึงน่าสนใจ?

1.) เศรษฐกิจยุโรปผ่านจุดต่ำสุดแล้ว หลุดพ้นจาก Technical Recession และอยู่ในแนวโน้มฟื้นตัวขึ้นเรื่อย ๆ ตั้งแต่ไตรมาส 1 ปี 2024 สะท้อนจากประมาณการเติบโต GDP, การบริโภคภาคครัวเรือน, การลงทุนภาครัฐ, ตัวเลขการผลิตภาคอุตสาหกรรม และอัตราการว่างงาน

2.) โอกาสการลดดอกเบี้ยที่เร็วและแรงของธนาคารกลางยุโรป (ECB) ถือว่ามีโอกาสสูงที่ ECB จะเป็นธนาคารกลางหลักแห่งแรกที่ตัดสินใจลดอัตราดอกเบี้ย เพราะเงินเฟ้อที่ชะลอตัวลงได้เร็วกว่าฝั่งสหรัฐฯ

3.) แม้ดัชนีหุ้นทำ New High แต่กำไรเติบโต หนุนให้ PE ไม่แพงอย่างที่คิด โดยดัชนี EURO STOXX 600 ณ วันที่ 01/04/2024 PE อยู่ที่ 14.05 เท่า มองในมิติ Valuation ยังถูกเมื่อเทียบกับหุ้นโลก

สรุปมุมมองการลงทุนหุ้นยุโรป

มุมมองการลงทุนหลักของ Finnomena Funds เริ่ม Overweight ตลาดหุ้นยุโรปมาตั้งแต่ต้นปี หลังเห็นสัญญาณบวกจากฝั่งยุโรปมากขึ้น ทั้งทิศทางเศรษฐกิจ แนวโน้มดอกเบี้ย และ Valuation ที่ยังถูกกว่า Developed Markets อื่น ๆ

กลยุทธ์การลงทุนในระยะยาวตามกรอบการพิจารณา MEVT Call จึงแนะนำ “ทยอยสะสม” กองทุน ONE-EUROEQ 

ส่วนมุมมองการลงทุนระยะสั้น-กลาง ซึ่งเน้นเก็งกำไรตามสัญญาณทางเทคนิคในตลาดขาขึ้นของ Mr.Messenger Call ก็มีมุมมองเชิงบวกต่อหุ้นยุโรปเช่นกัน หลังเกิดสัญญาณ Golden Cross จึงแนะนำ “ซื้อ” กองทุน ONE-EUROEQ และ ABEG

นอกจากนี้ Finnomena Pick ก็มีกองทุนแนะนำ Passive Fund เพื่อตอบโจทย์ผู้ที่ชื่นชอบลงทุนล้อตามดัชนี และมีค่าธรรมเนียมที่ต่ำอย่าง กองทุน SCBEUEQA

รีวิวกองทุนหุ้นยุโรป เลือกอย่างไรดี?

เปรียบเทียบกองทุนหุ้นยุโรป

คราวนี้อยากจะพามาเจาะรายละเอียดของแต่ละกองทุนที่เราแนะนำกันว่ามีนโยบายการลงทุนอย่างไร มีความแตกต่างกันในแง่มุมไหนบ้าง และเหมาะกับสไตล์การลงทุนแบบไหน มาดูกันเลย

ONE-EUROEQ

เปรียบเทียบกองทุนหุ้นยุโรปSource: Finnomena Funds as of 09/04/2024

นโยบายการลงทุน: กองทุนรวมหุ้นยุโรปที่ลงทุนผ่านกองทุนหลัก Eleva European Selection Fund ไม่น้อยกว่า 80% ของ NAV โดยใช้กระบวนการวิเคราะห์หุ้นแบบ Bottom up เพื่อลงทุนในบริษัทที่มีศักยภาพการเติบโตระยะยาวและมีความสามารถในการแข่งขัน

จุดเด่น: เป็นกองทุนที่พยายามมองหาเพชรในตมที่ราคาไม่แพง แต่มีศักยภาพการเติบโตในระยะยาว ด้วยการบริหารของ Eleva Capital ซึ่งเป็น Fund House ที่มีความชำนาญในการวิเคราะห์หุ้นยุโรป และมี Track Record ที่ดี สามารถเอาชนะดัชนี STOXX 600 ได้กว่า 10% ตั้งแต่จัดตั้งกองทุน

หุ้น Top 10 Holding (คิดเป็นสัดส่วน 35.92% ของพอร์ต)

  1. Novo Nordisk สัดส่วน 5.51%
  2. ASML Holding สัดส่วน 4.40%
  3. Nestle สัดส่วน 4.07%
  4. Novartis สัดส่วน 3.68%
  5. TotalEnergies สัดส่วน 3.48%
  6. UniCredit สัดส่วน 3.23%
  7. AXA สัดส่วน 3.20%
  8. L’Oreal สัดส่วน 2.88%
  9. Rio Tinto สัดส่วน 2.78%
  10.  Infineon Technologies สัดส่วน 2.67%

ABEG

เปรียบเทียบกองทุนหุ้นยุโรปSource: Finnomena Funds as of 09/04/2024

นโยบายการลงทุน: กองทุนรวมหุ้นยุโรปที่ลงทุนผ่านกองทุนหลัก abrdn SICAV I – European Sustainable Equity Fund ไม่น้อยกว่า 80% ของ NAV โดยมุ่งเน้นลงทุนในบริษัทขนาดใหญ่แบบ High Conviction 

จุดเด่น: เน้นลงทุนหุ้นยุโรปแบบ High Conviction ภาพรวมของพอร์ตจึงจะกระจุกอยู่ในหุ้นขนาดใหญ่ในสัดส่วนที่สูง เช่น The 11 GRANOLAS Stock ทำให้สามารถเร่งผลตอบแทนได้แรงกว่าในช่วงที่ตลาดเป็นขาขึ้น

หุ้น Top 10 Holding (คิดเป็นสัดส่วน 50.08% ของพอร์ต)

  1. ASML Holding สัดส่วน 8.10%
  2. Novo Nordisk สัดส่วน 7.49%
  3. RELX สัดส่วน 5.02%
  4. LVHM สัดส่วน 4.85%
  5. London Stock Exchange Group สัดส่วน 4.46%
  6. Adyen สัดส่วน 4.41%
  7. L’Orea สัดส่วน 4.26%
  8. Schneider Electric สัดส่วน 4.10%
  9. SAP สัดส่วน 3.84%
  10.  Edenred สัดส่วน 3.54%

SCBEUEQA

เปรียบเทียบกองทุนหุ้นยุโรปSource: Finnomena Funds as of 09/04/2024

นโยบายการลงทุน: กองทุนหุ้นยุโรปแบบ Passive Fund ที่ลงทุนผ่าน iShares STOXX Europe 600 (DE) เพื่อเป้าหมายได้รับผลตอบแทนใกล้เคียงกับการเคลื่อนไหวของดัชนี STOXX 600

จุดเด่น: เหมาะกับผู้ที่อยากกระจายความเสี่ยงไปในหุ้นยุโรปที่หลากหลาย เคลื่อนไหวสอดคล้องตามดัชนี และมีค่าธรรมเนียมที่ต่ำ

หุ้น Top 10 Holding (คิดเป็นสัดส่วน 21.40% ของพอร์ต)

  1. Novo Nordisk สัดส่วน 3.67%
  2. ASML Holding สัดส่วน 3.32%
  3. Nestle สัดส่วน 2.42%
  4. LVHM สัดส่วน 2.05%
  5. Shell สัดส่วน 1.79%
  6. AstraZeneca สัดส่วน 1.75%
  7. Novartis สัดส่วน 1.73%
  8. SAP สัดส่วน 1.67%
  9. Roche Holding สัดส่วน 1.65%
  10.  TotalEnergies สัดส่วน 1.35%

เปรียบเทียบกองทุนหุ้นยุโรป ONE-EUROEQ vs ABEG vs SCBEUEQA

เปรียบเทียบกองทุนหุ้นยุโรปกราฟแสดงผลตอบแทนกองทุนหุ้นยุโรปตั้งแต่ต้นปี ถึงวันที่ 9 เมษายน 2024
Source: Finnomena Funds as of 09/04/2024

สามารถดูข้อมูลการเปรียบเทียบเทียบกองทุนแบบครบทุกมิติ ทั้งผลตอบแทน ความผันผวน ความเสี่ยง นโยบายการลงทุน พอร์ตการลงทุน และค่าธรรมเนียม คลิกที่ที่

สรุปแล้วทั้ง 3 กองทุนถือเป็นกองทุนหุ้นยุโรปที่มีสไตล์แตกต่างกันชัดเจน … ใครชอบหาโอกาสในหุ้นที่ยังโตไม่เยอะ แต่มีศักยภาพรอวันฉายแสง แนะนำ ONE-EUROEQ … ใครชอบแนวคัดตัวเด่นเน้น ๆ อยากรีดพลังของการเติบโตแบบเต็มที่ในช่วงขาขึ้น แบบนี้ต้อง ABEG … ส่วนถ้าใครที่รับความเสี่ยงได้ไม่มาก อยากลงทุนแบบกระจายความเสี่ยงไปตามดัชนี SCBEUEQA ก็ถือว่าตอบโจทย์ได้เช่นกัน

ไหน ๆ จะลงทุนทั้งที การไม่ต้องจ่ายค่าธรรมเนียมเต็มเนี่ย ออกจะฟินสุดๆ ทีมงานมัดรวม FINT Cashback ตามลิงก์ข้างล่างเลย 👇🏻👇🏻👇🏻

1️⃣ อยากใช้ FINT Cashback ต้องเข้าตรงไหน?
💡 Link : https://www.finnomena.com/fint/cashback

2️⃣ สอนใช้ FINT Cashback แบบจับมือทำ
💡 Link : https://youtu.be/Zsrs7URDUwM?si=uROVCvLFIvA_Au0f

3️⃣ กองทุนที่เราจะลงทุน เข้าร่วม Cashback ไหม?
💡 Link : https://www.finnomena.com/fint/cashback/fund-list

4️⃣ อยากรู้ลึกๆ ว่า FINT Cashback คืออะไร?
💡 Link : https://docs.fint.finance/fint-token/use-fint-fint/cashback-from-fee


แหล่งข้อมูล

คำเตือน

ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน | ผลการดำเนินงานในอดีต และผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต | ผู้ลงทุนอาจมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากการป้องกันความเสี่ยงขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้จัดการกองทุน | กองทุนรวมนี้ลงทุนกระจุกตัวในผู้ออกตราสารหรือประเทศใดประเทศหนึ่ง จึงมีความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนจำนวนมาก ผู้ลงทุนจึงควรพิจารณาการกระจายความเสี่ยงของ พอร์ตการลงทุนโดยรวมของตนเองด้วย | คำแนะนำการลงทุนนี้เป็นไปตามกรอบการพิจารณาของ Finnomena Funds ซึ่งมีเป้าหมายในการสร้างโอกาสรับผลตอบแทนในระยะเวลาตามแต่ละประเภทของพอร์ตเท่านั้น บริษัทมิได้การันตีถึงผลตอบแทนที่จะได้จากคำแนะนำการลงทุนดังกล่าว มีความเสี่ยงที่ผลตอบแทนอาจไม่เป็นไปตามคาดหวัง หรือมีผลขาดทุนได้ | สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน ฟินโนมีนา จำกัด ในช่วงเวลาวันทำการตั้งแต่ 09:00-17:00 น. ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 026 5100 และทาง LINE @FINNOMENAPORT 

เมื่อกดปุ่ม “รับรายละเอียดเพิ่มเติม ” แสดงว่าคุณยินยอมให้บริษัท ฟินโนมีนา จำกัด และบริษัทในเครือ เก็บรวบรวมและใช้ข้อมูลเพื่อแนะนำบริการ แจ้งสิทธิประโยชน์ เป็นที่ปรึกษาการลงทุน ประชาสัมพันธ์ และดำเนินการที่เกี่ยวข้อง ศึกษานโยบายความเป็นส่วนตัว

รีวิวกองทุน TLFVMR-ASIAX

Highlight


รีวิวกอง

กฎง่าย ๆ ของการลงทุน เรามักจะมองหาอะไรที่มี “โอกาส” สร้างผลตอบแทนคุ้มค่ากับ “ความเสี่ยง” หรือที่เรียกกันว่า Risk to Reward และที่สำคัญต้องเป็นสินทรัพย์ที่มีศักยภาพเติบโตไปข้างหน้า โดยยังมี Upside เพื่อสร้างผลตอบแทนในอนาคต

คำถามคือเมื่อกวาดตามองไปทั่วแผนที่โลก ภูมิภาคไหนล่ะที่ตอบโจทย์เงื่อนไขแบบนี้ คือยังไม่โตจนอิ่มตัว แต่ก็ไม่ได้เล็กจนขาดพลัง… เชื่อว่า “เอเชียแปซิฟิก (Asia-Pacific)” ต้องเป็นหนึ่งในชื่อที่หลายคนนึกถึง

เอเชียแปซิฟิก เป็นพื้นที่ทางภูมิศาสตร์ที่ครอบคลุมทวีปเอเชียและมหาสมุทรแปซิฟิก ซึ่งกำลังมีบทบาทสำคัญต่อเศรษฐกิจและการค้าระหว่างประเทศ เพราะความได้เปรียบในแง่จำนวนประชากรกว่า 4.7 พันล้านคน คิดเป็น 60% ของโลก เต็มไปด้วยวัยแรงงาน และ middle class ที่มีกำลังซื้อ ตลอดจนพลวัตรทางเศรษฐกิจที่น่าสนใจด้วยการเติบโตของอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์

จึงเป็นที่มาของกองทุน IPO น้องใหม่ TLFVMR-ASIAX ที่ บลจ. ทาลิส พัฒนาร่วมกับ A.Stotz Investment Research พาเปิดประตูการลงทุนสู่ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก 

รีวิวกองทุน TLFVMR-ASIAX

รู้จักกองทุน TLFVMR-ASIAX

กองทุนเปิดทาลิส FVMR เอเชียแปซิฟิก เอ็กซ์ เจแปน เอ็กซ์ ไชน่า หรือ TLFVMR-ASIAX เป็นกองทุนรวมประเภท Fund of Funds ที่มีนโยบายการลงทุนในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก (ยกเว้นญี่ปุ่นและจีน) โดยจะกระจายลงทุนในหุ้นของบริษัทจดทะเบียนในออสเตรเลีย, อินเดีย, อินโดนีเซีย, เกาหลีใต้, มาเลเซีย, ฟิลิปปินส์, สิงค์โปร์, ไต้หวัน และไทย

TLFVMR-ASIAXSource: A. Stotz Investment Research, mapchart.net as of 18/03/2024

กองทุนจะใช้กระบวนการวิเคราะห์ทั้งเชิงปริมาณและพื้นฐาน ด้วยหลักการ FVMR ประกอบด้วย Fundamentals, Valuation, Momentum, Risk ควบคู่กับปัจจัยอื่น ๆ เช่น ข้อมูลข่าวสาร บทวิเคราะห์ เพื่อพิจารณาเลือกลงทุนและกําหนดสัดส่วนในตลาดหุ้นของแต่ละประเทศ โดยมุ่งหวังผลตอบแทนสูงกว่าดัชนีชี้วัด (Active Management)

รายละเอียดอื่น ๆ ของ TLFVMR-ASIAX

  • ความเสี่ยงสูงระดับ 6 (กองทุนรวมตราสารทุน)
  • นโยบายปันผล ไม่จ่าย
  • ไม่ป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน
  • ลงทุนขั้นต่ำครั้งแรก 1,000 บาท และครั้งถัดไป 1 บาท
  • ค่าธรรมเนียมขาย (Front-end Fee) 1.00% 
  • ค่าธรรมเนียมรับซื้อคืน (Back-end Fee) ไม่มี
  • ค่าธรรมเนียมการจัดการ (Management Fee) 1.4980% ต่อปี
  • รวมค่าใช้จ่ายทั้งหมด 1.6050% ต่อปี
  • เสนอขายครั้งแรก (IPO) ระหว่างวันที่ 25 มีนาคม – 1 เมษายน 2024

ลงทุนเอเชียแปซิฟิก ทำไมต้องไม่มีญี่ปุ่นและจีน?

TLFVMR-ASIAX แตกต่างจากกองทุนหุ้นเอเชียอื่น ๆ ในตลาด นั่นคือแนวคิดว่าควรแยกทั้งญี่ปุ่นและจีนออกจากเอเชียแปซิฟิกไปเลย และกลายมาเป็นกองทุน Asia Pacific ex Japan ex China 

เหตุผลเพราะว่าญี่ปุ่นและจีนเป็น 2 ประเทศที่มีมูลค่าตลาดหุ้นใหญ่มากเมื่อเทียบกับประเทศอื่น ๆ ในภูมิภาค จนมีอิทธิพลเกินไปในการกำหนดทิศทางพอร์ต ซึ่งไม่ค่อย Healthy นัก โดยเฉพาะช่วงตลาดขาลง

รีวิวกองทุน TLFVMR-ASIAXSource: A. Stotz Investment Research, mapchart.net as of 18/03/2024

ญี่ปุ่นถือเป็น Developed Market ที่ถูกแยกออกจากดัชนีหุ้น Asia Pacific มานานหลายทศวรรษแล้ว เพราะก่อนหน้านี้หุ้นญี่ปุ่นมีมูลค่ามากกว่าครึ่งหนึ่ง และปัจจุบันคิดเป็นประมาณ 1 ใน 3 ของ Asia Pacific 

แต่กรณีของจีนได้ก้าวขึ้นมาเป็นกำลังสำคัญในภูมิภาค ปัจจุบันมูลค่าตลาดหุ้นอยู่ที่ประมาณ 16% ของ Asia Pacific และมีแนวโน้มใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ ในอนาคต จึงเป็นที่มาว่าทำไมเราควรตัดจีนออกไปจาก Universe นี้เช่นกัน

รีวิวกองทุน TLFVMR-ASIAXSource: A. Stotz Investment Research, MSCI, Visual Capitalist as of 18/03/2024

ความน่าสนใจของประเทศที่ TLFVMR-ASIAX คาดจะเข้าลงทุน

รีวิวกองทุน TLFVMR-ASIAXSource: Source: A. Stotz Investment Research, CIA Factbook, IMF, MSCI, Refintitv, World Bank as of 18/03/2024

ออสเตรเลีย 

  • เศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 13 ของโลก ด้วยมูลค่า GDP ปี 2023 ที่ 1.6 ล้านล้านดอลลาร์ 
  • เป็นประเทศที่เศรษฐกิจมีเสถียรภาพสูงสุด สร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่องโดยไม่มีจังหวะสะดุดมาเกือบ 30 ปี
  • เศรษฐกิจถูกหนุนด้วยภาคบริการ คิดเป็นประมาณ 62.43% ของ GDP ปี 2022 และตามมาด้วยการเงิน สุขภาพ การศึกษา เหมืองแร่ และการก่อสร้าง

อินเดีย

  • ในปี 2024 คาดว่าอินเดียจะมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 5 ของโลก จากความหลากหลายของภาคเศรษฐกิจและอัตราการเติบโตอันรวดเร็ว
  • อินเดียถูกขับเคลื่อนด้วยกลุ่มเทคโนโลยี บริการ การเกษตร และอุตสาหกรรม 
  • ได้เปรียบจากเศรษฐกิจที่ใหญ่ ประกอบกับจำนวนประชากรมากที่สุดในโลก และอายุยังน้อย มีการขยายตัวของชนชั้นกลาง

อินโดนีเซีย

  • หนึ่งในประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ที่ถูกจับตามอง และมีขนาดใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
  • จำนวนประชากรมากเป็นอันดับ 4 ของโลก เศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 10
  • มีโอกาสเติบโตจากกำลังซื้อในประเทศ และจะได้รับประโยชน์มหาศาลหากสามารถขจัดความยากจนออกไปได้

เกาหลีใต้

  • ประเทศที่ประสบความสำเร็จอย่างน่าทึ่งในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา ทั้งในแง่การเติบโตทางเศรษฐกิจ และการลดความยากจนของคนในประเทศ
  • GDP เกาหลีใต้โตเฉลี่ย 4.9% ต่อปี ระหว่างปี 1999-2022 ซึ่งถูกขับเคลื่อนโดยการส่งออกเป็นหลัก

มาเลเซีย

  • Bank Negara Malaysia คาดการเติบโต GDP มาเลเซียปี 2024 อยู่ในช่วง 4-5% 
  • ปัจจัยหนุนมาเลเซียนั้นอยู่ที่รายได้จากการนักท่องเที่ยว รวมทั้งอุปสงค์ภายในประเทศที่ฟื้นตัวทั้งในฝั่งภาครัฐและเอกชน

“คน” + “เทคโนโลยี” พลังขับเคลื่อนตลาดเกิดใหม่

นอกจากปัจจัยเฉพาะตัวที่โดดเด่นของแต่ละประเทศแล้ว เมื่อมองในภาพรวมจะเห็นว่า Asia Pacific มีจุดแข็งร่วมกันอยู่ 2 ประการ คือ

ประการแรก… ประชากรกว่าครึ่งโลกอยู่ที่นี่ 

รีวิวกองทุน TLFVMR-ASIAXSource: A. Stotz Investment Research, Kharas (2010) The Emerging Middle Class in Developing Countries as of 18/03/2024

การมัดรวมประเทศใน Asia Pacific จะทำให้มีจำนวนประชากรมากกว่า 60% ของโลก เป็นวัยแรงงานในสัดส่วนที่สูง ประกอบกับแนวโน้มการขยายตัวของชนชั้นกลางที่มีกำลังซื้อสูง คาดว่าการใช้จ่ายของชนชั้นกลางในภูมิภาคนี้จะเพิ่มขึ้น 120% เป็น 33 ล้านล้านดอลลาร์ในปี 2030 สูงกว่าค่าเฉลี่ยโลกที่เติบโต 59% 

ประการที่สอง… ศูนย์กลางการผลิตเซมิคอนดักเตอร์

รีวิวกองทุน TLFVMR-ASIAXSource: : A. Stotz Investment Research, BCG, SIA as of 18/03/2024

อีกหนึ่งปัจจัยที่ขับเคลื่อนภูมิภาคนี้ ก็คือบทบาทสำคัญของอุตสากรรมเซมิคอนดักเตอร์ที่ได้รับอานิสงส์จากการพัฒนาเทคโนโลยี AI ซึ่งเราจะเห็นว่าช่วงที่ผ่านมา หุ้นเทคโนโลยีกลุ่ม Magnificat-7 ทะยานขึ้นสู่จุดสูงสุด แต่รู้ไหมว่าเบื้องหลังของ Tech และ AI ล้วนต้องการเซมิคอนดักเตอร์ที่มี ไต้หวัน เกาหลีใต้ และมาเลเซีย เป็นผู้ผลิตรายใหญ่

วิเคราะห์เชิงลึกผ่านกระบวนการลงทุน FVMR

รีวิวกองทุน TLFVMR-ASIAXSource: บลจ. ทาลิส as of March 2024

กองทุน TLFVMR-ASIAX มีกลยุทธ์การคัดเลือกตลาดโดยใช้ FVMR Framework ซึ่งเป็นรูปแบบวิธีคิดที่ถูกออกแบบเป็นขั้นตอนด้วยฝีมือของ A.Stotz Investment Research ก่อตั้งโดย Andrew Stotz นักวิเคราะห์และนักวิจัยที่มีประสบการณ์การลงทุนกว่า 20 ปี 

FVMR Framework ประกอบด้วย 4 ปัจจัยพื้นฐาน ได้แก่ 

  • Fundamentals: การวิเคราะห์พื้นฐานแบบ Bottom-up ของบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดแต่ละแห่ง เพื่อพิจารณาผลการดำเนินงาน ตัวเลขการเงิน และความสามารถทางการแข่งขัน
  • Valuation: ประเมินมูลค่าตลาดทั้ง Absolute และ Relative Valuation เพื่อค้นหาหุ้นที่มูลค่าเหมาะสม 
  • Momentum: วิเคราะห์แนวโน้มการเติบโตของกำไร ควบคู่กับทิศทางการเคลื่อนไหวของราคาหุ้น
  • Risk: ประเมินความเสี่ยงที่สำคัญ เช่น ความผันผวนของราคา ภาระหนี้สิน เป็นต้น

 

รีวิวกองทุน TLFVMR-ASIAXคุณษรศักดิ์ ก้องเจริญพาณิชย์ และคุณ Andrew Stotz ผู้ร่วมก่อตั้ง A.Stotz Investment Research

หัวใจสำคัญอยู่ที่กระบวนการลงทุนที่ชัดเจน เป็นระบบ ติดตาม และตรวจสอบกลยุทธ์สม่ำเสมอ พร้อมทั้งร่วมกับทีมผู้จัดการกองทุน บลจ. ทาลิส ตัดสินใจลงทุนขั้นสุดท้าย และจะพิจารณาปรับน้ำหนักพอร์ตโฟลิโอ จำนวน 4 ครั้งต่อปี

การทดสอบย้อนหลัง (Backtesting) ผลตอบแทนชนะตลาด 

A.Stotz Investment Research ได้นำกลยุทธ์ FVMR เปรียบเทียบกับ Asia Pacific ex Japan โดยทำการ Backtesting ตั้งแต่วันที่ 30 พฤษภาคม 1997 ถึง 30 พฤศจิกายน 2023 ผ่านการลงทุนในดัชนี และไม่พิจารณาค่าธรรมเนียม

พบว่ากลยุทธ์ FVMR ให้ผลตอบแทนที่สูงกว่า มี Risk-adjusted return ดีกว่า และ Maximum drawdown ก็ลดลงด้วย

รีวิวกองทุน TLFVMR-ASIAX

รีวิวกองทุน TLFVMR-ASIAXSource: A. Stotz Investment Research, Refintitv as of 18/03/2024

ภาพข้างต้นแสดงให้เห็นว่าเมื่อนำเงิน 100 บาทไปลงทุนในหุ้นเอเชียแปซิฟิก (ไม่รวมญี่ปุ่น) เวลาผ่านไป 26 ปี เงินก้อนนั้นจะโตเป็น 418 บาท 

แต่หากนำเงิน 100 บาทเท่ากันไปลงทุนผ่านกลยุทธ์ FVMR ในหุ้นเอเชียแปซิฟิก (ไม่รวมญี่ปุ่นและจีน) ใช้เวลาเท่ากัน เงินก้อนนั้นจะโตเป็น 805 บาท

สรุปจุดเด่นกองทุน TLFVMR-ASIAX เหมาะกับใคร?

  • ลงทุนกระจายไม่กระจุก ครอบคลุมหุ้นหลายประเทศใน Asia Pacific ลดความเสี่ยงจากการพึ่งพาประเทศขนาดใหญ่  
  • โอกาสเติบโตก้าวกระโดด จากศักยภาพของตลาดเกิดใหม่ที่มีพัฒนาการอย่างรวดเร็ว และมีปัจจัยหนุนเฉพาะตัว เช่น โครงสร้างประชากรอย่างอินเดียและอินโดนีเซีย หรือการเป็นศูนย์กลางเซมิคอนดักเตอร์อย่างไต้หวันและเกาหลีใต้
  • ลงทุนผ่านกลยุทธ์ FVMR ที่โดดเด่นในการเอาชนะทุกสภาวะตลาด ภายใต้ความผันผวนที่ต่ำ
  • เป็น Fund of Fund สามารถลงทุนใน Index ETF ที่จดทะเบียนในสหรัฐฯ ของหุ้นในกลุ่ม Asia Pacific ซึ่งผ่านการคัดกรองมาแล้วว่าน่าสนใจ และสภาพคล่องสูง
  • เหมาะกับผู้ที่ค้นหาโอกาสการลงทุนครั้งใหม่ เชื่อมั่นกับตลาดแห่งอนาคตทั้งในแง่เศรษฐกิจ และ Fund Flow ไหลเข้า

 

สามารถศึกษารายละเอียดของกองทุนเพิ่มเติมได้ที่ https://www.finnomena.com/fund/ 


คำเตือน

ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน | ผลการดำเนินงานในอดีต และผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต | ผู้ลงทุนอาจมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากการป้องกันความเสี่ยงขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้จัดการกองทุน | กองทุนรวมนี้ลงทุนกระจุกตัวในผู้ออกตราสารหรือประเทศใดประเทศหนึ่ง จึงมีความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนจำนวนมาก ผู้ลงทุนจึงควรพิจารณาการกระจายความเสี่ยงของ พอร์ตการลงทุนโดยรวมของตนเองด้วย | สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน ฟินโนมีนา จำกัด ในช่วงเวลาวันทำการตั้งแต่ 09:00-17:00 น. ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 026 5100 และทาง LINE @FINNOMENAPORT | สำหรับผู้ลงทุนในความดูแลของ Kept by krungsri ติดต่อทีม Kept help center ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 296 6299

เมื่อกดปุ่ม “รับรายละเอียดเพิ่มเติม ” แสดงว่าคุณยินยอมให้บริษัท ฟินโนมีนา จำกัด และบริษัทในเครือ เก็บรวบรวมและใช้ข้อมูลเพื่อแนะนำบริการ แจ้งสิทธิประโยชน์ เป็นที่ปรึกษาการลงทุน ประชาสัมพันธ์ และดำเนินการที่เกี่ยวข้อง ศึกษานโยบายความเป็นส่วนตัว

บลจ พรินซิเพิล แจ้งรายการส่งเสริมการขาย SSF&RMF&ThaiESG 2024
บลจ.อเบอร์ดีน (ประเทศไทย) : โครงการส่งเสริมการขาย RMF-SSF ปี 2567
บลจ.แอสเซท พลัส : Promotion กองทุน SSF, LTF, RMF, ThaiESG ลงทุนภายในกันยายน 2567
บลจ.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ : Promotion กองทุน SSF, RMF, ThaiESG สำหรับผู้ถือหน่วย ในช่วงวันที่ 2 ม.ค. – 30 ธ.ค. 2567
บลจ.วรรณ : ส่งโปรโมชั่นสำหรับลูกค้าเพื่อเพิ่มโอกาสสร้างเงินออมในกองทุน RMF & SSF ในระหว่างวันที่ 3 ม.ค.-30 ธ.ค.67
บลจ.ดาโอ: ขอนำเสนอโปรโมชั่นสำหรับผู้ลงทุนกองทุน RMF ระหว่างวันที่ 2 ม.ค. – 30 ธ.ค. 2567
บลจ.แอสเซท พลัส : Promotion กองทุน SSF, LTF, RMF, ThaiESG ลงทุนภายใน 28 มิถุนายน 2567
รับหน่วยลงทุน TISCOSTF ฟรี! มูลค่า 1,000 บาท เมื่อลงทุนใน TISCOHD-A
อยากลงทุนหุ้นปันผลใน SETHD แบบครบ ๆ ไม่ต้องเลือกเองทีละตัว FundTalk Call แนะนำลงทุนในกองทุน “TISCOHD-A”
ซื้อกองทุนแบบได้ Cashback
FINT Cashback คุ้มค่าแค่ไหน การซื้อกองทุนรวมกับ Finnomena Funds คุ้มค่ากว่าซื้อกับที่อื่นได้อย่างไร
บลจ.กรุงศรี : ขอแจ้งโปรโมชันสำหรับลูกค้าที่ลงทุนกอง KF1 ตั้งแต่วันที่ 15 มีนาคม – 31 พฤษภาคม 2567

ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน | ผลการดำเนินงานในอดีต และผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต | ผู้ลงทุนอาจมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากการป้องกันความเสี่ยงขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้จัดการกองทุน | กองทุนรวมที่ลงทุนกระจุกตัวในผู้ออกตราสารหรือประเทศใดประเทศหนึ่ง จะมีความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนจำนวนมาก ผู้ลงทุนจึงควรพิจารณาการกระจายความเสี่ยงของ พอร์ตการลงทุนโดยรวมของตนเองด้วย 

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน ฟินโนมีนา จำกัด ในช่วงเวลาวันทำการตั้งแต่ 09:00-17:00 น. ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 026 5100 และทาง LINE “@FINNOMENAPORT | สำหรับผู้ลงทุนในความดูแลของ Kept by krungsri ติดต่อทีม Kept help center ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 296 6299

© 2024 Finnomena. All rights reserved.