ขั้นตอนการขายจะมีความซับซ้อนกว่าตอนซื้อ เพราะมีเรื่องเงื่อนไขระยะเวลาในการถือ และหลักการ FIFO (First in First out: ซื้อตัวไหนก่อน ตัวนั้นจะถูกขายออกไปก่อน)
National Digital ID (NDID) Platform คือ Platform กลางของประเทศไทยในการเป็นโครงสร้างพื้นฐานของการพิสูจน์และยืนยันตัวตนทางดิจิทัล เพื่อเชื่อมโยงหน่วยงานต่าง ๆ ทั้งภาครัฐและภาคเอกชนเข้าด้วยกัน
เป็นระบบกลางสำหรับบริหารจัดการ Digital ID เพื่อสนับสนุนกระบวนการทำธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ของบุคคลธรรมดาและนิติบุคคล เช่น การตรวจพิสูจน์และยืนยันตัวตนทางดิจิทัล (e KYC) การลงนามด้วยลายมือชื่อดิจิทัล (e Signature) การให้ความยินยอมในการเปิดเผยข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์ (e Consent) เป็นการสร้างมาตรฐานและยกระดับการทำธุรกรรมต่าง ๆ ให้มีความน่าเชื่อถือมากขึ้น อีกทั้งยังเป็นการสร้างระบบ Data Sharing โดยทำหน้าที่เชื่อมต่อข้อมูลของหน่วยงานต่าง ๆ อย่างไรก็ตามการ Data Sharing ดังกล่าวต้องได้รับการยินยอมจากเจ้าของข้อมูลก่อนจึงจะสามารถเชื่อมต่อข้อมูลได้
หลักการออกแบบระบบ NDID เป็นแบบ Data Security and Privacy by Design เป็นบริการที่มีความปลอดภัยสูงด้วยการเข้ารหัสในการรับส่งข้อมูล และระบบไม่มีการรวมศูนย์เก็บข้อมูล เพราะฉะนั้นข้อมูลจะยังคงอยู่กับหน่วยงานที่ดูแลข้อมูลและให้บริการลูกค้า โดยระบบถูกออกแบบภายใต้แนวคิด Decentralized ด้วยเทคโนโลยี Blockchain ซึ่งผู้ดูแลระบบคือ บริษัท เนชั่นแนลดิจิทัล ไอดี จำกัด จะไม่สามารถเห็นข้อมูลใด ๆ ของลูกค้า
สำหรับตัวอย่างเชื่อมบัญชีธนาคารตามรูปด้านบนจะเป็นของธนาคารกสิกรไทย หลังจากกรอกข้อมูลหมายเลขบัญชีธนาคารและสาขาธนาคารเรียบร้อยแล้ว กด “เชื่อมบัญชีธนาคาร” และกด “ยืนยันการใช้ข้อมูลบัญชีนี้” พร้อมเลือกช่องทางการเชื่อมบัญชีธนาคาร ในที่นี้เลือกเป็นช่องทาง Mobile Banking ผ่านแอปพลิเคชัน K PLUS จากนั้นเข้าไปทำรายการเชื่อมบัญชีธนาคารต่อในแอปพลิเคชันธนาคาร
ซึ่งใครที่สมัคร ATS ผ่าน Mobile Banking ของธนาคารอื่น หรือสมัครผ่านช่องทาง ATM และ Internet Banking ก็ไม่ต้องกังวลไปเพราะในแอปพลิเคชัน Finnomena ของเรามีขั้นตอนบอกไว้ครบทุกช่องทางแล้ว สามารถทำตามขั้นตอนบนแอปฯ ผ่านช่องทางที่สะดวกได้เลย
ผ่านไปแค่ครึ่งปี Xiaomi ก็จดทะเบียนบริษัทลูกในชื่อ Xiaomi EV สำหรับทำเรื่องนี้โดยเฉพาะ ถือเป็นการส่งสัญญาณจริงจังของ Xiaomi
พอถึงปลายปี 2023 Xiaomi ก็ประกาศเปิดตัว EV ของตัวเองในชื่อ ก่อนจะเปิดให้จับจองในช่วงต้นปี 2024 ในราคาและสเป็กที่เรียกได้ว่าออกมาเพื่อชน Tesla Model 3 อย่างจริงจัง คือสเป็กเหนือกว่า Model 3 บางด้านในราคาเพียง 1.1 ล้านบาท
ประโยคสุดคลาสสิกที่สะท้อนแนวคิดการลงทุนของ Jim Simons ตำนานนักลงทุนเจ้าของฉายา Quant King ได้เป็นอย่างดี ซึ่งเป็นต้นแบบที่พิสูจน์แล้วว่าประสบความสำเร็จในระดับสูงแบบที่ไม่เคยมีใครทำได้มาก่อน
ผลงานที่โดดเด่นสุดของเขาคือการบริหาร Medallion Fund ของ Hedge fund อย่าง Renaissance Technologies ที่ทำผลตอบแทนเฉลี่ย 66% ต่อปี (ปี 1988-2018) และตัวเลขหลังหักค่าธรรมเนียมแล้วก็ยังสูงถึง 39% ต่อปี
Medallion Fund Track Record ตั้งแต่ปี 1998-2018
นับเป็นปรากฎการณ์ที่ยากจะมีใครทำได้แบบนี้ในวงการลงทุน แม้แต่ Warren Buffett และ Charlie Munger ยังยกย่องในความอัจฉริยะด้านการลงทุนของ Jim Simon จากการสร้างผลตอบแทนอันโดดเด่น
โดย Jet – The Contrarian คำแนะนำการลงทุนในรูปแบบ The Contrarian Investor เน้นกลยุทธ์การลงทุนที่หาสินทรัพย์ที่ถูกทิ้ง จนราคาปรับตัวลงลึกมากจนเกินไป แต่ศักยภาพการเติบโตยังดี ประกอบกับมีลมหนุนที่ทำให้เริ่มเห็นสัญญาณการกลับตัวขึ้นได้ ทำให้มีโอกาสได้เข้าลงทุนในสินทรัพย์ที่ดี ราคาถูก ตอนที่คนไม่เหลียวแล
1.) TISCOAI
กองทุนหุ้นโลกเทคโนโลยี AI & Big Data (ความเสี่ยงระดับ 6) ซึ่งจะเข้าไปลงทุนในบริษัทที่เป็นเจ้าของสิทธิบัตรด้าน AI และ Big Data ในตลาด Nasdaq โดยแนะนำ “ซื้อ” เนื่องจากคาดว่าหุ้นโลกสไตล์เติบโตจะกลับมา Outperform
กองทุนหุ้น Asia ex Japan (ความเสี่ยงระดับ 6) แนะนำ “ทยอยสะสม” พร้อมรับปัจจัยหนุนจากเศรษฐกิจของประเทศในภูมิภาคที่ฟื้นตัว และมีอัพไซด์จากดอลลาร์ใกล้อ่อนค่า เม็ดเงินลงทุนต่างชาติไหลเข้าตลาดหุ้นเอเชียชัดเจนมากขึ้น
พอร์ต Next-Generation Global Growth (GGG) เป็นพอร์ตการลงทุนแบบ Fully Invested หรือลงทุนในหุ้น 100% ตลอดเวลา แต่ควบคุมความเสี่ยงด้วยการกระจายการลงทุนในหลากหลายธีม ซึ่งจะถูกจัดหมวดหมู่เป็น 4 มิติการเติบโต (The Four Dimensions of Growth)
The Four Dimensions of Growth
Source: Finnomena Funds as of 30/04/2024
1. Country Growth ประเทศหรือภูมิภาคที่มีโอกาสเติบโตในอนาคต