แจ้งเตือน

ถึงเวลาปรับพอร์ต: Best-in-Class Portfolio

FINNOMENA FUNDS Investment Team
ปรับพอร์ต Best in Class

พอร์ตการลงทุน Best-in-Class เป็นพอร์ตการลงทุนที่มี Machine Learning เป็นหัวใจของการลงทุน บนเป้าหมายการเลือก 3 กองทุนที่มีโอกาสสร้างผลตอบแทนเหนือกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มในช่วง 6 เดือนข้างหน้า ส่งผลให้พอร์ตการลงทุนจำเป็นที่จะต้องรีวิวทุก ๆ 6 เดือน โดยจะรีวิวทั้งโมเดลการคำนวณ และน้ำหนักการลงทุน ว่ายังคงเหมาะสมที่จะถือครองหรือไม่ 

ซึ่งรอบการรีวิวในช่วงเดือนพฤษภาคม 2566 ที่ผ่านมา พบว่าโมเดล Machine Learning ที่ใช้ในการพิจารณานั้นยังเหมาะสมแก่การใช้คัดเลือกกองทุน แต่กองทุนที่ถือครองนั้น มีกองทุนที่อาจสร้างผลการดำเนินงานได้ดีกว่า โดยนักลงทุนสามารถทำความรู้จัก BIC ได้อย่างละเอียดได้ที่  👉  FINNOMENA Best-In-Class: รู้จักโมเดลเบื้องหลัง คัดที่สุดของกองทุนในแต่ละหมวด

FINNOMENA FUNDS Investment Team จึงแนะนำปรับพอร์ตการลงทุน เพื่อให้มั่นใจได้ว่าจะยังคงมีน้ำหนักการลงทุนบนกองทุนที่มีโอกาสเอาชนะกลุ่ม และสร้างผลตอบแทนที่ดีอยู่เสมอ ดังนี้

Best-in-Class: Global Technology

ปรับพอร์ต Best in Class

  • แนะนำลดสัดส่วนการลงทุน KFGTECH-A, DAOL-EVOSEMI และ MATECH-A ทั้งหมด
  • แนะนำเพิ่มน้ำหนักการลงทุนใน KT-WTAI-A 40%
  • แนะนำเพิ่มน้ำหนักการลงทุนใน B-INNOTECH 30%
  • แนะนำเพิ่มน้ำหนักการลงทุนใน SCBDIGI 30%

Best-in-Class: Thai Equity Large Cap

ปรับพอร์ต Best in Class

  • แนะนำลดสัดส่วนการลงทุน ONE-EQ, ABG และ TISESG-A ทั้งหมด
  • แนะนำเพิ่มน้ำหนักการลงทุนใน LHGROWTH-A 40%
  • แนะนำเพิ่มน้ำหนักการลงทุนใน SCBDA 30%
  • แนะนำเพิ่มน้ำหนักการลงทุนใน TISCOWB-A 30%

Best-in-Class: Property Fund & REITs

ปรับพอร์ต Best in Class

  • แนะนำลดสัดส่วนการลงทุน ONE-APACPROP-RD, M-PROPERTY และ ONE-PROP ทั้งหมด
  • แนะนำเพิ่มน้ำหนักการลงทุนใน T-PropInfraflex 40%
  • แนะนำเพิ่มน้ำหนักการลงทุนใน MPDIVMF 30%
  • แนะนำเพิ่มน้ำหนักการลงทุนใน K-PROPI-A(D) 30%

Best-in-Class: Global Healthcare

ปรับพอร์ต Best in Class

  • แนะนำลดสัดส่วนการลงทุน TGHDIGI, KFHEALTH-A และ SCBGHCA ทั้งหมด
  • แนะนำเพิ่มน้ำหนักการลงทุนใน ASP-IHEALTH 40%
  • แนะนำเพิ่มน้ำหนักการลงทุนใน KWI HCARE-A 30%
  • แนะนำเพิ่มน้ำหนักการลงทุนใน KFHHCARE-A 30%

Best-in-Class: Asia Ex. Japan

ปรับพอร์ต Best in Class

  • แนะนำลดสัดส่วนการลงทุน ASP-ASIAN ทั้งหมด
  • แนะนำเพิ่มน้ำหนักการลงทุนใน KF-ORTFLEX 30%

คำเตือน

ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน | ผลการดำเนินงานในอดีต และผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต | ผู้ลงทุนอาจมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากการป้องกันความเสี่ยงขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้จัดการกองทุน | กองทุนรวมนี้ลงทุนกระจุกตัวในผู้ออกตราสารหรือประเทศใดประเทศหนึ่ง จึงมีความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนจำนวนมาก ผู้ลงทุนจึงควรพิจารณาการกระจายความเสี่ยงของ พอร์ตการลงทุนโดยรวมของตนเองด้วย | คำแนะนำการลงทุนนี้เป็นไปตามกรอบการพิจารณาของ FINNOMENA ซึ่งมีเป้าหมายในการสร้างโอกาสรับผลตอบแทนในระยะสั้นเท่านั้น บริษัทมิได้การันตีถึงผลตอบแทนที่จะได้จากคำแนะนำการลงทุนดังกล่าว มีความเสี่ยงที่ผลตอบแทนอาจไม่เป็นไปตามคาดหวัง หรือมีผลขาดทุนได้ | สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน ฟินโนมีนา จำกัด ในช่วงเวลาวันทำการตั้งแต่ 09:00-17:00 น. ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 026 5100 และทาง LINE @FINNOMENAPORT | สำหรับผู้ลงทุนในความดูแลของ Kept by Krungsri ติดต่อทีม Kept help center ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 296 6299

เทียบฟอร์มกองทุนหุ้นไทย: ASP-SME-A และ TSF-A หุ้นโตไว หุ้นโตแกร่ง เลือกอะไรดี?

Park Kathawut
รีวิวกองทุน ASP-SME-A และ TSF-A

อยากลงทุนในตลาดหุ้นไทย แต่เลือกหุ้นไม่เก่ง คัดหุ้นรายตัวไม่เป็น หรือไม่ค่อยมีเวลาศึกษาข้อมูลบริษัทต่าง ๆ เราขอแนะนำให้รู้จักกองทุนหุ้นไทย Active Fund ที่มุ่งเน้นการลงทุนเชิงรุก เพื่อคาดหวังผลตอบแทนที่ชนะตลาด โดยใช้ความสามารถของผู้จัดการกองทุนในการเฟ้นหาสินทรัพย์ที่ดีและกำหนดกลยุทธ์ที่เหมาะสม

วันนี้เลยอยากพาไปรู้จัก 2 กองทุนหุ้นไทยแบบ Active Fund ที่น่าสนใจ คือ ASP-SME-A จาก บลจ. แอสเซท พลัส และ TSF-A จาก บลจ. ทิสโก้ พร้อมเปรียบเทียบให้เห็นชัด ๆ ว่าเหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไร เพื่อใช้ประกอบการตัดสินใจเลือกกองทุนที่เหมาะสมกับเรา 

รีวิวกองทุน ASP-SME-A และ TSF-A

Highlight

เลือกสรรโอกาสในการสร้างผลตอบแทนที่ดี คัดสรรกอง พอร์ต และธีมการลงทุนที่คุณห้ามพลาด จัดสรรโดย FINNOMENA FUNDS Investment Team

👉 ลงทะเบียนรับคำแนะนำเพิ่มเติม คลิก >>> https://finno.me/fpick-services


รู้จักกองทุน ASP-SME-A คัดหุ้นไทยโตไว 

กองทุนเปิด แอสเซทพลัส สมอล แอนด์ มิด แคป อิควิตี้ ชนิดสะสมมูลค่า หรือ ASP-SME-A เป็นกองทุนหุ้นไทยที่เน้นลงทุนในบริษัทขนาดกลางและขนาดเล็ก ทั้งที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) รวมถึงการจองซื้อตั้งแต่ช่วง IPO 

กลยุทธ์การคัดเลือกหุ้นจะเน้นที่การวิเคราะห์ตัวบริษัทแบบ Bottom-Up เพื่อเลือกหุ้นปัจจัยพื้นฐานดี และมีแนวโน้มเติบโตระยะยาว ภายใต้เงื่อนไขว่าจะต้องมีมูลค่าหลักทรัพย์ (Market Cap.) ไม่เกิน 80,000 ล้านบาท

ปรัชญาการลงทุนของ ASP-SME-A เชื่อว่าหุ้นขนาดกลางและขนาดเล็กที่มีศักยภาพ จะมีโอกาสสร้างผลตอบแทนแบบก้าวกระโดดได้มากกว่าหุ้นขนาดใหญ่ จากการขยายตัวของธุรกิจและการควบรวมกิจการ ประกอบกับการที่นักลงทุนสนใจน้อย จึงมี Valuation น่าสนใจ 

รายละเอียดอื่น ๆ ของ ASP-SME-A

  • ความเสี่ยงระดับ 6 กองทุนรวมตราสารทุน
  • นโยบายปันผล ไม่จ่าย
  • ลงทุนขั้นต่ำครั้งแรกและครั้งถัดไป 1 บาท
  • ค่าธรรมเนียมขาย (Front-end Fee) 1.25%
  • ค่าธรรมเนียมรับซื้อคืน (Back-end Fee) ไม่มี
  • ค่าธรรมเนียมการจัดการ (Management Fee) 1.61% ต่อปี
  • รวมค่าใช้จ่ายทั้งหมด 2.68% ต่อปี

ข้อมูลจากหนังสือชี้ชวนส่วนสรุปข้อมูลสำคัญ ณ วันที่ 08/11/2023

ศึกษารายละเอียดของกองทุนเพิ่มเติมได้ที่ https://www.finnomena.com/fund/

รู้จักกองทุน TSF-A เฟ้นหุ้นไทยโตแกร่ง

กองทุนเปิด ทิสโก้ สแตรทิจิก ฟันด์ ชนิดหน่วยลงทุน A หรือ TSF-A เป็นกองทุนหุ้นไทยที่มีนโยบายเน้นการลงทุนในบริษัทจดทะเบียนที่มีพื้นฐานธุรกิจแข็งแกร่ง มีโอกาสเติบโตสูง ด้วยมูลค่าที่เหมาะสม เพื่อคาดหวังผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว

จุดเด่นของ TSF-A คือกลยุทธ์การลงทุนแบบ High Conviction ซึ่งเฟ้นหาหุ้นที่ดีที่สุดเข้าพอร์ตเพียง 10-15 ตัวเท่านั้นในแต่ละช่วงเวลา โดยจะคัดเลือกผู้ชนะในแต่ละอุตสาหกรรม จากการวิเคราะห์เชิงคุณภาพ วิเคราะห์เชิงปริมาณ รวมทั้งเข้าทำความรู้จักบริษัทแบบเชิงลึก 

อีกกุญแจสำคัญก็คือการมีทีมวิเคราะห์ที่คอยติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด พร้อมปรับสัดส่วนการลงทุนให้เท่าทันกับการเปลี่ยนไปของแนวโน้มธุรกิจ และเหมาะสมกับสภาวะตลาดที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว

รายละเอียดอื่น ๆ ของ TSF-A

  • ความเสี่ยงระดับ 6 กองทุนรวมตราสารทุน
  • นโยบายปันผล ไม่จ่าย
  • ลงทุนขั้นต่ำครั้งแรกและครั้งถัดไป ไม่กำหนด
  • ค่าธรรมเนียมขาย (Front-end Fee) 1.05%
  • ค่าธรรมเนียมรับซื้อคืน (Back-end Fee) ไม่มี
  • ค่าธรรมเนียมการจัดการ (Management Fee) 1.77% ต่อปี
  • รวมค่าใช้จ่ายทั้งหมด 1.89% ต่อปี

ข้อมูลจากหนังสือชี้ชวนส่วนสรุปข้อมูลสำคัญ ณ วันที่ 30/09/2023

ศึกษารายละเอียดของกองทุนเพิ่มเติมได้ที่ https://www.finnomena.com/fund/

เจาะหุ้นในพอร์ต ASP-SME-A และ TSF-A

บอกเลยว่าจุดตัดของกองทุนหุ้นไทย Active Fund ก็คือการคัดเลือกหุ้นเข้าพอร์ตนี่แหละ ซึ่งเราจะเห็นว่ารายชื่อหลักทรัพย์ที่ ASP-SME-A และ TSF-A ลงทุนสูงสุด 5 อันดับแรก ค่อนข้างแตกต่างกันทีเดียว

รีวิวกองทุน ASP-SME-A และ TSF-A

Source: ASP-SME-A Fund Fact Sheet as of 08/11/2023 | TSF-A Fund Fact Sheet as of 30/09/2023

จากข้อมูลแสดงให้เห็นว่า TSF-A เน้นหนักไปที่หุ้นบิ๊กแคปพิมพ์นิยม โดยให้น้ำหนักบริษัทที่ครองตลาดเบอร์ 1-2 ในอุตสาหกรรมนั้น ๆ เช่น โรงพยาบาลเอกชนอย่าง BCH หุ้นพลังงานขนาดใหญ่ตั้งแต่ต้นน้ำอย่าง PTTEP หุ้นโรงกลั่น TOP และหุ้นโรงไฟฟ้า GULF รวมไปถึงการลงทุนใน COM7 ที่ได้ประโยชน์จากธุรกิจค้าปลีกสินค้าไอที

ส่วนไอเดียการเลือกหุ้นของ ASP-SME-A จะต่างออกไป คือพยายามมองหาหุ้นที่กำลังอยู่ในช่วงขยายการเติบโต เช่น ธุรกิจเครื่องดื่ม ได้แก่ SAPPE กับ ICHI ผู้พัฒนานิคมอุตสาหกรรมที่ได้ประโยชน์จากการย้ายฐานการผลิตอย่าง WHA และยังมีหุ้น TCAP โฮลดิ้งในธุรกิจการเงิน ตลอดจนเข้าไปลงทุนในหุ้น MOSHI ที่เพิ่ง IPO เมื่อปลายปี 2022 ที่ผ่านมา ซึ่งประกอบธุรกิจร้านค้าปลีกสินค้าไลฟ์สไตล์

เทียบผลตอบแทนย้อนหลัง ASP-SME-A และ TSF-A

รีวิวกองทุน ASP-SME-A และ TSF-Aกราฟแสดงผลการดำเนินงานย้อนหลัง 5 ปี ข้อมูล ณ 14/11/2023
Source: www.finnomena.com/fund/compare/
** ผลการดำเนินงานในอดีต และผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต **

เมื่อเปรียบเทียบภาพรวมผลตอบแทนระหว่าง ASP-SME-A กับ TSF-A ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา (2019-2023) ถือว่าเคลื่อนไหวในทิศทางใกล้เคียงกันมาก แต่จะมีช่วงระยะหลังตั้งแต่ปี 2022 ที่ ASP-SME-A เริ่มทำผลงานได้โดดเด่นกว่า TSF-A ซึ่งเป็นผลมาจากการชะลอการเติบโตของหุ้นขนาดใหญ่ในประเทศไทย

รีวิวกองทุน ASP-SME-A และ TSF-A

กราฟแสดงผลการดำเนินงานตามปีปฏิทิน ข้อมูล ณ 14/11/2023
Source: www.finnomena.com/fund/compare/
** ผลการดำเนินงานในอดีต และผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต **

หากลองดูผลตอบแทนแยกตามปีปฏิทิน พบว่ามีปีที่แพ้ชนะสลับกันไป อย่างไรก็ตาม ปีที่ตลาดแย่ TSF-A ค่อนข้างจะมีความมั่นคงมากกว่า ASP-SME-A ในทางกลับกันปีที่ตลาดพลิกฟื้นกลับมาสดใส ASP-SME-A ก็สามารถทำผลตอบแทนได้ก้าวกระโดดกว่า TSF-A

ทั้งนี้ เมื่อเทียบผลตอบแทนกับดัชนีชี้วัด SET TRI จะเห็นว่าผลการดำเนินงานของทั้งคู่สามารถเอาชนะดัชนีได้อย่างต่อเนื่อง

เลือกกองทุนไหนดีระหว่าง ASP-SME-A และ TSF-A

มาถึงคำถามสำคัญว่าควรเลือกลงทุนในกองไหนดีที่จะตอบโจทย์และเหมาะสมกับเรามากที่สุด คำตอบของบทความนี้ขอสรุปสั้น ๆ ดังนี้

หากคุณสนใจลงทุนในหุ้นไทยขนาดกลาง-ขนาดเล็ก โดยเชื่อว่าบริษัทกลุ่มนี้มีโอกาสเติบโตได้ไวกว่าหุ้นขนาดใหญ่ และตัวเองสามารถรับความเสี่ยงจากความผันผวนด้านราคาที่ค่อนข้างสูงได้ แนะนำให้จิ้ม ASP-SME-A 

แต่ถ้าคุณเชื่อมั่นในหุ้นไทยขนาดใหญ่ที่พื้นฐานมั่นคง เพื่อสร้างโอกาสเติบโตในระยะยาวอย่างแข็งแกร่ง และสามารถรับความผันผวนของราคาหุ้นได้บ้างในระหว่างทาง แนะนำว่า TSF-A ก็เป็นอะไรที่ตอบโจทย์ได้ดี

สามารถเปรียบเทียบกองทุน ASP-SME-A และ TSF-A แบบครบทุกมิติ
ทั้งผลตอบแทน ความผันผวน พอร์ตการลงทุน และค่าธรรมเนียม คลิกเลย

รีวิวกองทุน ASP-SME-A และ TSF-A

Source: FINNOMENA FUNDS as of 14/11/2023

ศึกษารายละเอียดของกองทุนเพิ่มเติมได้ที่ www.finnomena.com/fund

นอกจากนี้ ผู้ที่สนใจลงทุนเพื่อลดหย่อนภาษี บลจ. แอสเซท พลัส ก็มีกองทุนที่มีนโยบายการลงทุนดังกล่าวในชนิดหน่วยลงทุนอื่นให้เลือก ได้แก่ ASP-SMERMF และ ASP-SME-SSF เช่นเดียวกับ บลจ. ทิสโก้ ที่มีชนิดหน่อยลงทุน TSFRMF-A และ TSF-SSF


แหล่งข้อมูล

คำเตือน

การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน และศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่ระบุไว้ในคู่มือการลงทุนของกองทุน SSF และ RMF กรณีไม่ได้ปฏิบัติตามเงื่อนไขทางภาษี จะไม่ได้สิทธิประโยชน์ตามเงื่อนไขของกองทุน | ผลการดำเนินงานในอดีต และผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต | สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน ฟินโนมีนา จำกัด ในช่วงเวลาวันทำการตั้งแต่ 09:00-17:00 น. ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 026 5100 และทาง LINE “@FINNOMENAPORT”

บลจ. เอ็มเอฟซี เปิดตัว 2 กองทุน ThaiESG ลงทุนเพื่อความยั่งยืน ดีเดย์ 8 ธ.ค.นี้ ขาย IPO ตัวช่วยลดหย่อนภาษีปี 66-75

FINNOMENA Editor
Thaiesg เอ็มเอฟซี

บลจ. เอ็มเอฟซี (MFC) เตรียมเปิดขาย 2 กองทุนลดหย่อนภาษีใหม่ “ThaiESG” หนุนคนไทยออมระยะยาว ลงทุนหุ้น-ตราสารหนี้ไทยที่โดดเด่นด้านความยั่งยืน พร้อมเสิร์ฟ “กองทุนเปิดเอ็มเอฟซีท็อป 25 หุ้นไทยเพื่อความยั่งยืน (MT25-ThaiESG)” ลงทุนหุ้นไทย 25 บริษัท ที่โดดเด่นด้าน ESG และ “กองทุนเปิดเอ็มเอฟซีเฟล็กซิเบิลไทยเพื่อความยั่งยืน (MFLEX-ThaiESG)” กองทุนผสม ลงทุนหุ้นและตราสารหนี้ที่เกี่ยวข้องด้านความยั่งยืน ดีเดย์ขาย IPO ตั้งแต่วันที่ 8-19 ธ.ค. 66

นายธนโชติ รุ่งสิทธิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) หรือ MFC ในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านการบริหารจัดการกองทุนคุณภาพทั้งในและต่างประเทศ เปิดเผยว่า ตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติการจัดตั้ง “กองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืน” Thailand ESG Fund หรือ ThaiESG ซึ่งเป็นกองทุนลดหย่อนภาษีใหม่ โดยเน้นลงทุนในหุ้นหรือตราสารหนี้ในประเทศ ที่ดำเนินธุรกิจโดยคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สังคมและบรรษัทภิบาล (Environmental, Social and Governance หรือ ESG)  เพื่อส่งเสริมให้ประชาชนมีการออมระยะยาวมากขึ้นและส่งเสริมการลงทุนเพื่อความยั่งยืนของประเทศไทย รวมทั้งสนับสนุนการลงทุนของกิจการในประเทศที่จะขับเคลื่อนการพัฒนาที่ยั่งยืนของประเทศ ขณะนี้ MFC พร้อมนำเสนอ 2 กองทุนใหม่ โดยกำหนดเปิดขายครั้งแรก (IPO) ตั้งแต่วันที่ 8-19 ธันวาคม 2566 ลงทุนขั้นต่ำ 500 บาท

Thaiesg เอ็มเอฟซี

“กองทุนเปิดเอ็มเอฟซีท็อป 25 หุ้นไทยเพื่อความยั่งยืน” (MT25-ThaiESG) เน้นลงทุนในหุ้นสามัญและ/หรือหุ้นบุริมสิทธิของบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ซึ่งเป็นบริษัทที่เป็นองค์ประกอบของดัชนี SET ESG Index จำนวน 25 บริษัทแรกที่ผ่านหลักเกณฑ์การคัดเลือกหลักทรัพย์ โดยพิจารณาจากมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (Market Capitalization) , การเปิดเผยข้อมูลด้านการบริหารจัดการ ESG  และการได้รับการจัดอันดับ ESG Ratings หรือ ESG Scores จากสถาบันการจัดอันดับ ที่เป็นอิสระ นอกจากนี้ จะมีการควบคุมการกระจุกตัวของหลักทรัพย์ ในแต่ละอุตสาหกรรม (Sector) ไม่ให้เกิน 5 หลักทรัพย์ โดยบริษัทจัดการจะทบทวนรายชื่อหลักทรัพย์ปีละ 2 ครั้งในวันทำการแรกของเดือนมีนาคม และกันยายน ซึ่งกองทุนนี้เหมาะกับผู้ลงทุนที่เน้นผลตอบแทนในระยะยาว สามารถรับความเสี่ยงและความผันผวนจากราคาหุ้นได้ กองทุนมีระดับความเสี่ยง 6 นอกจากนี้มีนโยบายจ่ายเงินปันผลไม่เกินปีละ 1 ครั้ง

นายธนโชติ กล่าวอีกว่า MFC ยังได้ออก “กองทุนเปิดเอ็มเอฟซีเฟล็กซิเบิลไทยเพื่อความยั่งยืน” (MFLEX-ThaiESG) ซึ่งเป็นกองทุนผสม กระจายการลงทุนในตราสารทุน และ/หรือตราสารหนี้ และ/หรือเงินฝาก และอื่นๆ โดยกองทุนจะลงทุนในหลักทรัพย์ที่ผู้ออกเป็นภาครัฐไทยหรือกิจการที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมายไทยที่มีส่วนในการส่งเสริมความยั่งยืน (Sustainability) ให้ประเทศไทย โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน เหมาะกับผู้ลงทุนที่เน้นผลตอบแทนในระยะยาว โดยคาดหวังผลตอบแทนที่ดีกว่าการลงทุนในตราสารหนี้ทั่วไป และสามารถรับความเสี่ยงและความผันผวนจากราคาหุ้นได้ กองทุนมีระดับความเสี่ยง 5 และมีนโยบายจ่ายเงินปันผลไม่เกินปีละ 1 ครั้ง กองทุน MFLEX-ThaiESG เน้นลงทุนหุ้นบริษัทจดทะเบียนใน SET และ/หรือ mai ที่มีความโดดเด่นด้านสิ่งแวดล้อม หรือ ESG รวมทั้งจะลงทุนในตราสารเพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อม (Green Bond) ตราสารเพื่อความยั่งยืน (Sustainability Bond) หรือตราสารส่งเสริมความยั่งยืน (Sustainability – Linked Bond) และพันธบัตรหรือหุ้นกู้เพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อม (Green Bond) พันธบัตรหรือหุ้นกู้เพื่อความยั่งยืน (Sustainability Bond) หรือพันธบัตรหรือหุ้นกู้ส่งเสริมความยั่งยืน (Sustainability – Linked Bond) ทั้งนี้ กองทุนจะไม่ลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Derivatives) ตราสารหนี้ที่มีอันดับความน่าเชื่อถือของตราสารหรือผู้ออกตํ่ากว่าที่สามารถลงทุนได้ (Non-Investment Grade) หรือตราสารหนี้ที่ไม่ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือ (unrated securities)  และตราสารทุนที่ไม่ได้จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ (unlisted securities) เว้นแต่เป็นหุ้นที่คณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์สั่งรับเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ซึ่งผู้ออกหุ้นดังกล่าวอยู่ระหว่างการดำเนินการกระจายการถือหุ้นรายย่อยตามข้อบังคับตลาดหลักทรัพย์ รวมถึงตราสารที่มีลักษณะของสัญญาซื้อขายล่วงหน้าแฝง (Structured Note)

นายธนโชติ กล่าวว่า การคัดเลือกหลักทรัพย์เพื่อลงทุนจะผ่านกระบวนการวิเคราะห์ที่นำปัจจัยด้าน ESG มาพิจารณา   เพื่อประกอบการตัดสินใจลงทุน ปัจจุบันมีหลักทรัพย์ที่ผ่านเกณฑ์ SET ESG Rating ประจำปี 2566 จำนวน 193 บริษัท ซึ่งมี Rating ตั้งแต่ AAA – BBB อย่างไรก็ตาม กรณีที่หลักทรัพย์มีข่าวเกี่ยวข้องกับ ESG ซึ่งอาจส่งผลต่อ ESG ของบริษัทอย่างมาก เช่น ผู้บริหารมีการทุจริต, มีการปล่อยสารพิษสู่ธรรมชาติ, หรือการค้ามนุษย์ เป็นต้น  ทาง MFC จะไม่ลงทุนเพิ่มหรือขายหลักทรัพย์นั้นออกไป

สำหรับเงื่อนไขของกองทุน “ThaiESG” กำหนดให้ผู้ลงทุนต้องถือหน่วยลงทุน 8 ปีขึ้นไป (นับแบบวันชนวัน) จึงจะได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีตามเงื่อนไขที่กรมสรรพากรกำหนด สามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้ 30% ของรายได้ สูงสุดไม่เกิน 100,000 บาท ทำให้ในปี 2566 นี้ ผู้ลงทุนได้สิทธิประโยชน์ทางภาษีเพิ่มอีก 100,000 บาท จากเดิมได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีจากกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) และกองทุนรวมเพื่อส่งเสริมการออมระยะยาว (SSF) ที่รวมกันได้สูงสุดไม่เกิน 500,000 บาท (นับรวมกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ,กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ)

กองทุน ThaiESG ถือเป็นตัวช่วยลดหย่อนภาษีในปีนี้ได้เพิ่ม ทำให้ผู้ลงทุนใช้สิทธิลดหย่อนภาษีสูงสุดได้ถึง 600,000 บาท ขณะเดียวกันราคาหุ้นที่ปรับตัวลงมากเป็นโอกาสลงทุน เพื่อสร้างผลตอบแทนจากหุ้นที่มีความโดดเด่นทางด้าน ESG นายธนโชติ กล่าว

ทั้งนี้ ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน ความเสี่ยง และสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่ระบุไว้ในคู่มือการลงทุนในกองทุนรวมก่อนการตัดสินใจลงทุน ผู้ที่สนใจสอบถามข้อมูลและขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่ บลจ.เอ็มเอฟซี โทร. 0-2649-2000 ติดต่อฝ่ายวางแผนการลงทุน กด 2 หรือ Contact Center กด 0 สาขาแจ้งวัฒนะ โทร. 0-2835-3055-57 สาขาปิ่นเกล้า โทร. 0-2014-3150-2 สาขาขอนแก่น โทร. 043-204-014-16 สาขาเชียงใหม่ โทร. 0-5321-8480-82 สาขาระยอง โทร. 033-100-340 สาขาหาดใหญ่ โทร. 074-232-324–25 หรือศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ http://www.mfcfund.com

ThaiESG Hub ศูนย์รวมข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับ ThaiESG ซื้อจบได้ที่นี่ คลิก 👉 https://www.finnomena.com/thaiesg-hub/

บลจ. ยูโอบี เตรียมเสนอขาย กองทุนเปิด ยูไนเต็ด หุ้นไทย ซัสเทนเนเบิล (UTSEQ) ให้กับนักลงทุนไทยเร็ว ๆ นี้

FINNOMENA Editor
Thaiesg ยูโอบี

บลจ. ยูโอบี เตรียมเสนอขาย กองทุนเปิด ยูไนเต็ด หุ้นไทย ซัสเทนเนเบิล (UTSEQ) ให้กับนักลงทุนไทยเร็ว ๆ นี้ พร้อมตอกย้ำความมั่นใจด้วย 3 รางวัลความเป็นผู้นำด้านความยั่งยืน (ESG)

ตามที่กระทรวงการคลัง และคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติการจัดตั้งกองทุน THAIESG เมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน 2566 บลจ.ยูโอบี (ประเทศไทย) มีความพร้อมที่จะยื่นขออนุมัติสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อจัดตั้ง กองทุนเปิด ยูไนเต็ด หุ้นไทย ซัสเทนเนเบิล (UTSEQ) ทันที โดยคาดว่าจะเสนอขายให้กับนักลงทุนไทยได้ในช่วงต้นเดือน ธันวาคม 2566 เป็นต้นไป

กองทุน THAIESG มีวัตถุประสงค์ในการส่งเสริมการลงทุนเพื่อความยั่งยืนของประเทศไทย โดยมีจุดเด่นดังนี้

– เพิ่มโอกาสรับผลตอบแทนที่ดีในระยะยาวจากการลงทุนในหุ้นยั่งยืนที่พิจารณาจากปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาล (Environmental, Social and Governance หรือ ESG)
– ได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษี เมื่อผู้ลงทุนซื้อหน่วยลงทุนและปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่ประกาศอธิบดีกรมสรรพากรและหรือกฎหมายอื่นใดที่เกี่ยวข้องกำหนด ทั้งในปัจจุบันและที่แก้ไขเพิ่มเติมในอนาคต
– ลงทุนได้ไม่เกิน 30% ของรายได้พึงประเมิน ไม่เกิน 100,000 บาทต่อปี เป็นส่วนที่เพิ่มเติมขึ้นมาต่างหาก ไม่ต้องไปรวมกับยอดเงินลงทุน 500,000 บาทที่เป็นเพดานของกองทุนเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) + กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ หรือกบข. + ประกันชีวิตแบบบำนาญ + กองทุนเพื่อการออม (SSF)
– ต้องถือไว้ 8 ปีเต็มจริง ๆ นับแบบวันชนวัน ให้สิทธิซื้อตั้งแต่ปี 2566 ถึงปี 2575 (รวมซื้อได้ 10 ปี)
– ไม่จำเป็นต้องลงทุนต่อเนื่องทุกปี ลงทุนปีไหนลดหย่อนปีนั้น
– รองรับกลุ่มลูกค้า LTF ที่ครบกำหนด และตอบโจทย์ผู้ลงทุนที่ต้องการเพิ่มเงินลงทุนเพื่อการเกษียณ

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา บลจ.ยูโอบี ได้มีส่วนร่วมในการผลักดันการนำเอาปัจจัย ESG เข้ามาผนวกเป็นส่วนหนึ่งในการบริหารการลงทุน ในปี 2023 นี้ เราได้รับ 3 รางวัลด้าน ESG ทั้งจากสถาบันทั้งในและต่างประเทศ รางวัลดังกล่าวเป็นการตอกย้ำความเชื่อมั่นความเป็นผู้นำด้าน ESG ของเรา บลจ. ยูโอบี จึงมีความยินดีที่จะเข้าร่วมสนับสนุนนโยบายดังกล่าว เพื่อสนับสนุนภาพรวมการลงทุนในหลาย ๆ มิติ ทั้งในด้านนักลงทุนได้มีโอกาสออมเงินไว้ใช้จ่ายในอนาคต ตลาดหุ้นไทยให้มีความแข็งแรงขึ้น โดยเฉพาะการสนับสนุนธุรกิจที่คำนึงถึงปัจจัย ESG

จึงได้จัดเตรียมเสนอขาย กองทุนเปิด ยูไนเต็ด หุ้นไทย ซัสเทนเนเบิล (UTSEQ) เน้นลงทุนในหุ้นไทยที่เป็นไปตามหลักเกณฑ์การประเมินหุ้นยั่งยืน SET ESG Rating ที่มีการประกาศล่าสุด มีกลยุทธ์การบริหาร เพื่อมุ่งหวังให้ผลประกอบการเคลื่อนไหวสูงกว่าดัชนีชี้วัด (Active Management) และมีการนำเอาปัจจัย ESG เข้ามาผนวกในกระบวนการลงทุน นอกจากนี้กองทุน UTSEQ ยังเป็นไปตามหลักเกณฑ์ของ กองทุนรวมเพื่อความยั่งยืน (SRI Fund) ซึ่งเป็นกองทุนรวมที่มีการเปิดเผยข้อมูลในโครงการและหนังสือชี้ชวนว่ามีการจัดการกองทุนรวมโดยมุ่งความยั่งยืน (Sustainability) ตามหลักสากลอีกด้วย

Thaiesg ยูโอบี

กองทุนเปิด ยูไนเต็ด หุ้นไทย ซัสเทนเนเบิล (UTSEQ) อยู่ระหว่างการขออนุมัติจัดตั้งจาก ก.ล.ต.

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ บลจ.ยูโอบี โทร.02-786-2222 หรือ www.uobam.co.th

ThaiESG Hub ศูนย์รวมข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับ ThaiESG ซื้อจบได้ที่นี่ คลิก 👉 https://www.finnomena.com/thaiesg-hub/

FINNOMENA FUNDS เปิดตัว ThaiESG Hub ศูนย์รวมข้อมูลข่าวสารกองทุนไทยเพื่อความยั่งยืน ลงทุนได้ครบจบที่เดียว

FINNOMENA FUNDS
ThaiESG Hub

FINNOMENA FUNDS (ฟินโนมีนา ฟันด์) ตอกย้ำการเป็นผู้นำแพลตฟอร์มซื้อขายกองทุนรวมของประเทศไทย เดินหน้าสนับสนุนกองทุนไทยเพื่อความยั่งยืน (Thailand ESG Fund: ThaiESG) เปิดตัว ThaiESG Hub เพื่อเป็นแหล่งรวบรวมข้อมูลความรู้การลงทุนที่ถูกต้อง อัปเดตข้อมูลข่าวสารล่าสุดจากทุก บลจ. พร้อมคัดสรรกองทุนลดหย่อนภาษีด้วยคำแนะนำที่เป็นกลาง อีกทั้งยังสามารถลงทุนในกองทุน ThaiESG ได้ผ่าน FINNOMENA FUNDS ผ่านระบบ online 100% ได้ตั้งแต่วันศุกร์ที่ 8 ธันวาคม 2566

นายกสิณ สุธรรมมนัส Co-founders – FINNOMENA Group เปิดเผยว่า “นับเป็นข่าวดีของคนไทยในช่วงปลายปีนี้ เมื่อรัฐบาลได้อนุมัติให้บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) เดินหน้าจัดตั้งกองทุนลดหย่อนภาษีรูปแบบใหม่ ThaiESG สำหรับเป็นโบนัสให้คนไทยได้ลงทุนพร้อมนำเงินลงทุนไปหักลดหย่อนภาษีเพิ่มขึ้นถึง 100,000 บาท และไม่เกิน 30% ของรายได้ทั้งปี โดยแยกวงเงินดังกล่าวออกมาให้ลดหย่อนภาษีได้เลยแบบเต็ม ๆ ไม่ต้องนับวงเงินรวมกับกองทุน SSF หรือ RMF”

“FINNOMENA FUNDS จึงตั้งใจพัฒนา ThaiESG Hub สำหรับเป็นศูนย์รวมข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับกองทุน ThaiESG แบบครบวงจร ด้วยการรวบรวมกองทุน ThaiESG ทั้งหมดทั่วประเทศให้มาอยู่บน Hub นี้ อัปเดตทุกข้อมูลการลงทุน ทุกเทคนิคการลดหย่อนภาษี ตลอดจนกองทุนแนะนำที่ FINNOMENA FUNDS Investment Team คัดสรรมาให้แล้ว พร้อมทั้งจะสามารถซื้อ ThaiESG ได้เลย ครบจบในที่เดียว ตั้งแต่วันที่ 8 ธันวาคมนี้”

ThaiESG Hub

ความพิเศษของ ThaiESG Hub โดย FINNOMENA FUNDS มุ่งหวังให้เป็นพื้นที่สำหรับส่งเสริมการลงทุนในกองทุน ThaiESG แก่คนไทย ทั้งการให้ความรู้และการลงทุนที่ถูกต้อง นำไปสู่การลงทุนอย่างยั่งยืน เพื่อโอกาสรับผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว รวมทั้งสามารถลงทุนลดหย่อนภาษีได้อย่างเหมาะสมตามเป้าหมาย ซึ่งมีรายละเอียด ดังนี้

  • สรุปทุกข้อมูลเกี่ยวกับกองทุน ThaiESG ว่าคืออะไร เงื่อนไขเป็นอย่างไร เหมาะกับใคร
  • เจาะลึกรายละเอียดกองทุน ThaiESG ทุกกองทุกในตลาด ทั้งแนวคิด นโยบายการลงทุน และจุดเด่นที่แตกต่าง
  • ข่าวสาร ThaiESG ที่อัปเดตล่าสุดจากทุก บลจ. ในประเทศไทย
  • โพยกองทุน ThaiESG คัดสรรกองทุนน่าซื้อด้วยคำแนะนำที่เป็นกลางจาก FINNOMENA FUNDS Investment Team ในเร็ว ๆ นี้
  • เตรียมเปิดให้เลือกซื้อกองทุน ThaiESG จากทุก บลจ. ทั่วประเทศ ในเร็ว ๆ นี้

ที่ผ่านมาคนไทยคุ้นเคยกับการลงทุนใน SSF, RMF หรือแม้กระทั่ง LTF กันดีอยู่แล้ว เราซื้อกองทุนเหล่านี้เพื่อลดหย่อนภาษีทุกปี แต่เชื่อว่าปีนี้จะคึกคักที่สุดในรอบหลายปี เพราะการมาของ ThaiESG นั้นมีข้อดีมากมาย ทั้งวงเงินเพื่อนำไปหักลดหย่อน 100,000 บาท ซึ่งไม่ต้องนับวงเงินรวมกับกองทุนอื่น ๆ ตอบโจทย์คนที่ฐานภาษีสูง ๆ สามารถนำไปหักลดหย่อนภาษีได้มากขึ้น ส่วนระยะเวลาถือครองก็เพียง 8 ปีจากวันที่ซื้อ จึงเหมาะกับคนรุ่นใหม่ที่กำลังจะเริ่มซื้อกองทุนลดหย่อนภาษีเป็นครั้งแรก และที่สำคัญคือนโยบาย ThaiESG มุ่งเน้นลงทุนในหุ้นยั่งยืน ESG และตราสารหนี้ ESG ในไทย จึงเป็นโอกาสดีในการออมระยะยาวกับสินทรัพย์คุณภาพที่มีโอกาสสร้างผลตอบแทนเติบโตอย่างยั่งยืน

นายกสิณ สุธรรมมนัส Co-founders – FINNOMENA Group กล่าวปิดท้าย

ทั้งนี้ ผู้ที่สนใจสามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติม และติดตามข้อมูลข่าวสารบน ThaiESG Hub โดย FINNOMENA FUNDS ได้ที่ https://www.finnomena.com/thaiesg-hub

Tactical Call: Stop Loss CSI 300 หลังหลุดแนวรับสำคัญระยะยาว

FINNOMENA FUNDS Investment Team

เมื่อวันที่ 9 มกราคม 2023 ที่ผ่านมา FINNOMENA FUNDS Investment Team ได้แนะนำเข้าลงทุนในรูปแบบการเก็งกำไรระยะสั้นในดัชนี CSI 300 ผ่านกองทุน SCBCHAA และ KT-ASHARES-A โดยตั้งจุด Stop loss เมื่อดัชนี CSI 300 ปิดตลาดต่ำกว่า 3,450 – 3,500 จุด

ซึ่งในวันที่ 5 ธันวาคมที่ผ่านมา ดัชนี CSI 300 ได้ลงมาปิดที่ระดับ 3,394 จุด ต่ำกว่าจุด Stop Loss ที่กำหนดไว้ หลังจาก Moody’s ปรับลดคาดการณ์แนวโน้มภาพรวมความน่าเชื่อถือของจีนสู่ระดับ ติดลบ (Negative) จากคงที่ (Stable) โดย Moody’s ระบุว่ารัฐบาลจีนต้องใช้มาตรการสนับสนุนด้านการเงินแก่รัฐบาลท้องถิ่นและรัฐวิสาหกิจ ซึ่งอาจส่งผลต่อความแข็งแกร่งทางด้านการคลังและเศรษฐกิจของจีน รวมถึงยังเป็นการสะท้อนความเสี่ยงแนวโน้มเศรษฐกิจในระยะกลางที่อาจชะลอลงและการหดตัวของภาคอสังหาฯ ในปัจจุบัน ทำให้ความกังวลการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีนยังเป็นปัจจัยสำคัญที่กดดันตลาดหุ้น

stop loss csi300

รูปที่ 1: CSI 300 TF Week
Source: Tradingview as of 6/12/2023

FINNOMENA FUNDS Investment Team จึงแนะนำให้ Stop Loss การลงทุนในกองทุน SCBCHAA และ KT-ASHARES-A สำหรับนักลงทุนที่ลงทุนตามคำแนะนำ Tactical Call เพื่อรักษาวินัยและรักษาเงินต้นไว้เพื่อโอกาสในการเก็งกำไรครั้งถัดไป

สำหรับการลงทุนในรูปแบบ MEVT Call และ การลงทุนใน FINNOMENA FUNDS Port Global Absolute Return (GAR) ทาง FINNOMENA FUNDS Investment Team ยังติดตามสถานการณ์ความผันผวนของตลาดหุ้นจีนอย่างใกล้ชิด โดยมีความพยายามจากทางรัฐบาลจีนที่กอบกู้ความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่มีความกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจจีนและตลาดอสังหาริมทรัพย์ของจีน โดยใช้การออกนโยบายการกระตุ้นเศรษฐกิจออกมาอย่างต่อเนื่อง และเรายังคาดว่ามาตรการในการกระตุ้นเศรษฐกิจในขนาดที่เหมาะสมจะค่อย ๆ ทยอยออกมาเพิ่มเติมอีกในอนาคต เพื่อฟื้นความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่อเศรษฐกิจจีน

ตลาดหุ้นจีน All China มี Valuation อยู่ในระดับที่มี downside จำกัด โดยมี PE เมื่อเทียบกับตัวเองในอดีตที่ระดับ -1 S.D. เรายังมีมุมมองเชิงบวกต่อตลาดหุ้นจีน เนื่องจากราคาลงมาในจุดที่ Valuation น่าสนใจ 

สามารถศึกษาข้อมูลกองทุนเพิ่มเติมได้ที่ www.finnomena.com/fund/ 


คำเตือน

การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน | ผลการดำเนินงานในอดีต และผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต | ผู้ลงทุนอาจมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากการป้องกันความเสี่ยงขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้จัดการกองทุน | กองทุนรวมนี้ลงทุนกระจุกตัวในผู้ออกตราสารหรือประเทศใดประเทศหนึ่ง จึงมีความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนจำนวนมาก ผู้ลงทุนจึงควรพิจารณาการกระจายความเสี่ยงของ พอร์ตการลงทุนโดยรวมของตนเองด้วย | คำแนะนำการลงทุนนี้เป็นไปตามกรอบการพิจารณาของ FINNOMENA FUNDS ซึ่งมีเป้าหมายในการสร้างโอกาสรับผลตอบแทนในกรอบระยะเวลาตามวัตถุประสงค์การลงทุนที่แตกต่างกันตามคำแนะนำ บริษัทมิได้การันตีถึงผลตอบแทนที่จะได้จากคำแนะนำการลงทุนดังกล่าว มีความเสี่ยงที่ผลตอบแทนอาจไม่เป็นไปตามคาดหวัง หรือมีผลขาดทุนได้ | สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน ฟินโนมีนา จำกัด ในช่วงเวลาวันทำการตั้งแต่ 09:00-17:00 น. ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 026 5100 และทาง LINE “@FINNOMENAPORT | สำหรับผู้ลงทุนในความดูแลของ Kept by krungsri ติดต่อทีม Kept help center ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 296 6299

บลจ. ทิสโก้ ตัวจริงกองทุนหุ้นไทย เปิดกอง T-ThaiESG ออมอย่างยั่งยืน

FINNOMENA Editor
Thaiesg ทิสโก้

บลจ. ทิสโก้ นำทีมเปิดเสนอขาย กองทุนเปิด ทิสโก้ หุ้นไทยเพื่อความยั่งยืน (T-ThaiESG) หวังหนุนคนไทยออมระยะยาวในหุ้นที่มีความโดดเด่นด้านสิ่งแวดล้อม สังคม ธรรมาภิบาล พร้อมช่วยบริหารจัดการภาษีปลายปี เปิด IPO 8-18 ธ.ค. 66 มั่นใจเพิ่มโอกาสสร้างผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว เพราะมีความชำนาญในด้านการบริหารจัดการกองทุนหุ้นไทย หลังคว้ารางวัลบริษัทจัดการกองทุนยอดเยี่ยม ประเภทกองทุนหุ้นในประเทศ 2 ปีซ้อนจาก Morningstar* และมีประสบการณ์บริหารกองทุนรวมเพื่อความยั่งยืน (SRI Fund) 2 กองทุน   

นายสาห์รัช ชัฏสุวรรณ

นายสาห์รัช ชัฏสุวรรณ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ทิสโก้ จำกัด (Mr. Saharat Chudsuwan Deputy Managing Director of TISCOASSET) เปิดเผยว่า บลจ. ทิสโก้ ในฐานะผู้นำด้านการบริหารจัดการกองทุนหุ้นไทยและเป็นเจ้าของรางวัลรางวัลบริษัทจัดการกองทุนยอดเยี่ยม ประเภทกองทุนหุ้นในประเทศ 2 ปีซ้อน คือปี 2565 และปี 2566 จาก Morningstar Awards* พร้อมทั้งมีประสบการณ์ในการบริหารจัดการกองทุนรวมเพื่อความยั่งยืน (SRI Fund) ถึง 2 กองทุน จึงมีความชำนาญในการคัดกรองหุ้นที่มีความโดดเด่นด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) ที่มีโอกาสสร้างผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว จากประเด็นข้างต้น บลจ.ทิสโก้พร้อมขานรับนโยบายภาครัฐในการจัดตั้งกองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืน (ThaiESG) เพื่อสนับสนุนการออมระยะยาว และเพิ่มสินทรัพย์การลงทุนที่เป็นอีกหนึ่งตัวช่วยในการบริหารจัดการภาษีในช่วงปลายปี

และเพื่อให้คนไทยไม่พลาดโอกาสสร้างผลตอบแทนที่โดดเด่นในระยะยาว พร้อมลงทุนในหุ้นไทยในช่วงราคาที่น่าสนใจ บลจ.ทิสโก้จึงประกาศเปิดเสนอขาย กองทุนเปิด ทิสโก้ หุ้นไทยเพื่อความยั่งยืน ชนิดไทยเพื่อความยั่งยืนสะสมผลตอบแทน (T-ThaiESG-A) และกองทุนเปิด ทิสโก้ หุ้นไทยเพื่อความยั่งยืน ชนิดไทยเพื่อความยั่งยืนปันผล (T-ThaiESG-D) ความเสี่ยงระดับ 6 (เสี่ยงสูง) ลงทุนในหุ้นของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และ/หรือตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ ที่ได้รับการคัดเลือกจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยหรือองค์กรหรือสถาบันอื่นที่สำนักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต. ยอมรับว่ามีความโดดเด่นด้านความยั่งยืน ได้แก่ สิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (Environmental, Social and Governance: ESG) ซึ่งผ่านกระบวนการวิเคราะห์การลงทุนแบบ ESG Integration  เปิดเสนอขายครั้งแรก 8-18 ธันวาคม 2566

พิเศษ สำหรับลูกค้าบุคคลธรรมดาที่ลงทุนกองทุน T-ThaiESG-A และ/หรือ กองทุน T-ThaiESG-D ตั้งแต่วันที่ 8 ธันวาคม 2566 – 31 มกราคม 2567 ยอดเงินลงทุนทุก ๆ 50,000 บาท รับหน่วยลงทุน กองทุนเปิด ทิสโก้ พันธบัตรระยะสั้น (TISCOSTF) มูลค่า 100 บาท

ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไข ผลตอบแทน ความเสี่ยง และศึกษาสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่ระบุไว้ในคู่มือการลงทุนของกองทุน Thai ESG ก่อนตัดสินใจลงทุน กรณีไม่ได้ปฏิบัติตามเงื่อนไขทางภาษี จะไม่ได้สิทธิประโยชน์ตามเงื่อนไขของกองทุน ผลการดำเนินงานในอดีตของกองทุนรวม มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต สามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดหรือขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่ บลจ.ทิสโก้ หรือ แอปพลิเคชัน TISCO My Funds  ธนาคารทิสโก้ทุกสาขา หรือ TISCO Contact Center โทร. 02-633-6000 กด 4

ThaiESG Hub ศูนย์รวมข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับ ThaiESG ซื้อจบได้ที่นี่ คลิก 👉 https://www.finnomena.com/thaiesg-hub/


*ที่มา: บลจ.ทิสโก้ได้รับรางวัลบริษัทจัดการกองทุนยอดเยี่ยมประเภทกองทุนหุ้นในประเทศ จาก Morningstar Awards 2022 และ 2023 สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.morningstarthailand.com

ที่มา: ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป

บลจ. กสิกรไทย พร้อมจัดตั้ง ThaiESG Fund หวังกระตุ้นหุ้นไทยให้โตยั่งยืน

FINNOMENA Editor
Thaiesg กสิกรไทย

บลจ. กสิกรไทย เร่งเครื่องจัดตั้งกองทุน ThaiESG คาดเปิดขายธันวาคมนี้ มองหุ้น ESG แนวโน้มดีมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก เนื่องจากผู้ลงทุนเริ่มหันมาให้ความสำคัญกับธุรกิจที่ดำเนินงานตามหลัก ESG โดยคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สังคม การกำกับดูแลที่ดีประกอบไปด้วยกันกับผลกำไร เพื่อสร้างผลตอบแทนให้ผู้ลงทุนในระยะยาวอย่างยั่งยืนไปพร้อมกัน

นางสาวธิดาศิริ ศรีสมิต

นางสาวธิดาศิริ ศรีสมิต, CFA, Chief Investment Officer (รองกรรมการผู้จัดการ สายงานจัดการลงทุน) บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทย จำกัด เปิดเผยว่า ตามที่กระทรวงการคลังเตรียมออกกองทุนลดหย่อนภาษีใหม่ ภายใต้ชื่อ กองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืน (ThaiESG) เพื่อสนับสนุนการออมระยะยาว และส่งเสริมบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยที่มีการดำเนินงานตามหลัก ESG โดยคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สังคม และการกำกับดูแลที่ดีนั้น บลจ.กสิกรไทย มีความพร้อมอย่างเต็มที่ในการจัดตั้งกองทุน ThaiESG เพื่อมุ่งให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อผู้ลงทุน และสร้างความยั่งยืนให้กับตลาดทุนโดยรวมในระยะยาว โดยคาดว่าจะพร้อมเสนอขายภายในช่วงต้นเดือนธันวาคมนี้

“ตลอดระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมา บลจ.กสิกรไทย ได้ให้ความสำคัญต่อประเด็นด้านสิ่งแวดล้อม สังคมและธรรมาภิบาลมาอย่างต่อเนื่อง และมีการจัดทำนโยบายสิ่งแวดล้อม สังคมและธรรมาภิบาล (ESG Policy) มาตั้งแต่ปี พ.ศ.2556 โดยได้นำนโยบายและหลักการไปปรับใช้ในทุกขั้นตอนของการบริหารจัดการกองทุน ตั้งแต่การวิเคราะห์ คัดเลือก และประเมินมูลค่าหลักทรัพย์ รวมถึงได้จัดตั้งกองทุนหุ้น ESG ทั้งที่ลงทุนสินทรัพย์ในไทยและต่างประเทศจำนวนหลายกองทุนด้วยกัน ยกตัวอย่างเช่น กองทุน K-SUSTAIN-UI, K-PLANET และ KTHAICGRMF ซึ่งเป็นกองทุนแรกในอุตสาหกรรมที่ได้รับความเห็นชอบจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (กลต.) ให้เป็นกองทุนรวมเพื่อความยั่งยืน (SRI Fund) ที่มีกลยุทธ์การลงทุนแบบ ESG Integration รวมถึงล่าสุด กองทุน K-CHANGE ซึ่งมีกลยุทธ์มุ่งเน้นให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในด้านบวกต่อคุณภาพชีวิตและสิ่งแวดล้อม ที่ได้รับความเห็นชอบให้เป็น SRI Fund เพิ่มเติมไปเมื่อเร็วๆ นี้

นอกจากนี้ บลจ.กสิกรไทย ยังเป็นบลจ.แห่งแรกในประเทศไทยที่ได้เข้าร่วมลงนาม Principles for Responsible Investment หรือ PRI Signatory ตั้งแต่ปี พ.ศ.2564 ซึ่งเป็นหลักการลงทุนที่รับผิดชอบในระดับสากลที่ได้รับการสนับสนุนจากองค์การสหประชาชาติ (United Nations) รวมถึงมีการจัดทำรายงาน Task Force on Climate-related Financial Disclosures (TCFD) หรือรายงานการเปิดเผยข้อมูลการกำกับดูแลขององค์กรเกี่ยวกับความเสี่ยงและโอกาสที่เกี่ยวกับสภาพภูมิอากาศ” นางสาวธิดาศิริ กล่าว

นางสาวธิดาศิริ กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับกองทุน ThaiESG กำหนดให้มีระยะเวลาถือครองหน่วยลงทุน 8 ปีนับจากวันที่ซื้อ และสามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้ 30% ของเงินได้ แต่ไม่เกิน 1 แสนบาท อย่างไรก็ดี การตั้งกองทุน ThaiESG เป็นการจัดตั้งกองทุนขึ้นมาเพิ่มเติม ทำให้ปีนี้ผู้ลงทุนได้สิทธิประโยชน์ทางภาษีเพิ่มเติมอีก 1 แสนบาท จากเดิมที่ได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีจาก RMF (กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ) และกองทุน SSF (กองทุนรวมเพื่อส่งเสริมการออมระยะยาว) ที่ให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีรวมกันได้สูงสุดไม่เกิน 500,000 บาท (นับรวมกองทุนกลุ่มเพื่อการเกษียณทั้งหมด เช่น กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ กองทุนบำเน็จบำนาญข้าราชการ) จึงคาดว่าจะสร้างเม็ดเงินให้ไหลเข้ามาในตลาดหุ้นไทยได้อีกกว่าหมื่นล้านบาท ภายในสิ้นปีนี้

“โลกไม่ได้มีความต้องการเรามากเท่ากับที่เราต้องการโลก” ดังนั้นถ้าเรารักตัวเอง อยากเห็นโลกใบนี้เต็มไปด้วยทรัพยากรธรรมชาติที่ยังคงอุดมสมบูรณ์ สังคมแห่งการแบ่งปันโอกาส และการดำเนินธุรกิจอย่างมีจริยธรรม เพื่อส่งต่อให้กับลูกหลานของเราในวันข้างหน้า วันนี้เราจึงควรต้องหันมารักษ์โลก ทั้งนี้ บลจ.กสิกรไทย ขอชวนผู้ลงทุนร่วมส่งเสริมและสนับสนุนกลุ่มบริษัทที่ดำเนินธุรกิจตามหลัก ESG เพื่อให้ธุรกิจเติบโตอย่างยั่งยืนไปพร้อมกับรับโอกาสทำกำไรจากการลงทุนในหุ้นของธุรกิจเหล่านี้ โดยคาดว่ากองทุน ThaiESG จากกสิกรไทย จะขายผ่านทุกช่องทางของธนาคารกสิกรไทยและผู้แทนสนับสนุนการขาย เริ่มต้นเพียง 500 บาท สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ KAsset Contact Center 0 2673 3888

ThaiESG Hub ศูนย์รวมข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับ ThaiESG ซื้อจบได้ที่นี่ คลิก 👉 https://www.finnomena.com/thaiesg-hub/


ที่มา: บลจ.กสิกรไทย

สร้างพอร์ตลงทุนชนะตลาดด้วยการลงทุนแบบ Passive

WealthGuru
สร้างพอร์ตลงทุนชนะตลาดด้วยการลงทุนแบบ Passive

มีรุ่นน้องถามผมว่า ถ้าต้องการลงทุนส่วนใหญ่เป็น Passive เลย Active บ้างตาม Cycle ของ เศรษฐกิจ

แต่ให้สามารถมีผลตอบแทนมากกว่าตลาด แต่ความเสี่ยงใกล้ตลาด

โดยลงทุนเองได้ ไม่ต้องมีเครื่องมือที่ complex แบบพวกสถานบันการเงินมี

ส่วนตัวชอบลงทุนแนว Sector อยู่แล้ว ดังนั้นจึงลองทำ portfolio optimization โดยใช้ USA Sector ดู

โดยใช้ portfoliovisualizer เป็นเครื่องมือช่วย โดยเลือก optimize แบบ maximize Sharpe Ratio

ผลการทำ portfolio optimization โดยใช้วิธีการ Mean Variance- Maximize Sharpe Ratio

โดยให้ถือแต่ละ Sector ETF ที่เป็นการลงทุนแบบ Passive Fund

โดยสัดส่วนแต่ละ ETF ต้องไม่เกิน 20% ผมแบ่งเป็น  5 ช่วง

  • 2007- 2010 ผ่านช่วง Criss  Fed ต้องลดดอกเบี้ยเหลือ 0 พร้อมอัด QE เข้าไป
  • 2010 – 2015 Economic เพิ่มฟื้นตัว
  • 2015 – 2018  โดยเฉพาะปี 2018 มีปัญหากับจีน ตลาดหุ้นตกทั่วโลก
  • 2019 – 2023  ผ่านช่วง COVID-19 ทั่วโลกดอกเบี้ยเหลือ 0 พร้อมอีดสภาพคล่องทำให้เกิด เงินเฟ้อทั่วโลก จึงจำเป็นต้องเพิ่มดอกเบี้ย

ผลได้ดังรูปนี้

สร้างพอร์ตลงทุนชนะตลาดด้วยการลงทุนแบบ Passive

Figure 1 ผลจาก portfoliovisualizer วันที่ 3-Dec-2023

ในช่วงเวลาที่เกิด Criss แบบปี 2008 Sector ที่เป็น defensive แบบ Healthcare , Consumer Staple และ Gold ก็จะ outperform กว่าตลาด

ในขณะเดียวกัน ถ้า cycle ของ เศรษฐกิจดี ก็สามารถเพิ่มสัดส่วนพวก Growth Sector เช่น technology หรือ Semiconductor และลด Defensive Sector ลงได้

แต่ถ้า cycle ดอกเบี้ยสูง ก็ลดพวก growth sector ลงเพิ่ม defensive sector พร้อมเพิ่มพวก commodity

อย่างไรก็ดี ผลจากการทดสอบ ผมสังเกตแบบง่าย ๆ จะเห็น Sector ที่จะอยุ่ส่วนใหญ่ในทุกช่วงเวลา

โดยเป็น Strategic Sector ETF  คือ

  • XLV – Healthcare
  • XLP – Consumer Staple
  • GLD – Gold
  • XLK – Technology

ส่วน Tactical Sector ETF คือ

  • XLY – Consumer Discretionary
  • SOXX – Semiconductor
  • DBC – Commodity

ผมจึงแนะนำรุ่นน้องให้ซื้อพวกนั้นเป็นส่วนใหญ่แบบ Strategic Sector ETF  และ อีกส่วนที่เหลือที่เป็น Tactical ก็ค่อยปรับตัว Cycle ของ เศรษฐกิจ

ถ้าคนไม่ได้มีความรู้มาก จับจังหวะของ Market Cycle ไม่ได้ ก็อาจจะใช้การแบ่งสัดส่วนง่ายๆ แบบ Equal Weight ดังนี้

Model ที่ 1 – ใช้ Sector ทั้งหมด

โดยเป็น Strategic Sector ETF  80% ใช้ equal weight เลยก็ได้

  • XLV – Healthcare 20%
  • XLP – Consumer Staple 20%
  • GLD – Gold 20%
  • XLK – Technology 20%

ที่เหลือเป็น 20%

ส่วน Tactical Sector ETF คือ

  • XLY – Consumer Discretionary 7%
  • SOXX – Semiconductor 7%
  • DBC – Commodity 6%

Model ที่ 2 เป็น core satellite

โดยให้ S&P500 เป็นหลักสัก 20%

โดยเป็น Strategic Sector ETF  60%

ใช้ equal weight เลยก็ได้

  • XLV – Healthcare 15%
  • XLP – Consumer Staple 15%
  • GLD – Gold 15%
  • XLK – Technology 15%

ที่เหลือเป็น 20% ส่วน Tactical Sector ETF คือ

  • XLY – Consumer Discret 7%
  • SOXX – Semiconductor 7%
  • DBC – Commodity 6%

สร้างพอร์ตลงทุนชนะตลาดด้วยการลงทุนแบบ Passive

ผลทดสอบย้อนหลังได้ตามรูป

จะเห็นได้ว่า ทั้ง 3 พอร์ตจะมีค่า Maximize Sharpe Ratio สูงกว่าตลาดคือ S&P500

อย่างไรก็ การทดสอบเป็นนำค่าจากอดีตมาใช้  อนาคตอาจจะไม่เหมือนเดิมแบบนี้เสมอ

นักลงทุนจะต้องเฝ้าติดต่อการเปลี่ยนแปลงเสมอ

แท้จริงนักลงทุนสามารถกำหนด สัดส่วนของ Strategic และ Tactical ได้มากกว่า 2 model ข้างบน

แต่ภาพผลทดสอบที่เราเห็นอย่างน้อยเราจะได้ความสัมพันธ์ระหว่างของ sector และ Cycle ของ Economic คร่าว ๆ

ข่วยให้นักลงทุน Style Passive ก็สามารถเอาชนะตลาดได้

WealthGuru

รวมกองทุน Term Fund ออกใหม่ (IPO) ประจำสัปดาห์ (4 – 10 ธ.ค. 66)

FINNOMENA FUNDS
รวมกองทุน Term Fund ออกใหม่ (IPO) ประจำสัปดาห์ (4 - 10 ธ.ค. 66)

สัปดาห์นี้ วันที่ 4 – 10 ธ.ค. 2566 จะมีกองทุน Term Fund ออกใหม่ (IPO) กองไหนบ้าง บทความนี้จะขอพาผู้อ่านไปดูกันครับ

รวมกองทุน Term Fund ออกใหม่ (IPO) ประจำสัปดาห์ (4 – 10 ธ.ค. 66)

รวมกองทุน Term Fund ออกใหม่ (IPO) ประจำสัปดาห์ (4 - 10 ธ.ค. 66)

1. PRINCIPAL FI6M2AI – กองทุนเปิดพรินซิเพิล ตราสารหนี้ 6M2 ห้ามขายผู้ลงทุนรายย่อย

นโยบายลงทุน: ลงทุนในตราสารแห่งหนี้ ตราสารทางการเงิน และ/หรือเงินฝากที่เสนอขายในประเทศที่ออกโดยภาครัฐบาล รัฐวิสาหกิจ และ/หรือภาคเอกชนที่ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือของตราสารหรือของผู้ออกตราสารอยู่ในอันดับที่สามารถลงทุนได้ (Investment grade) และ/หรือตราสารหนี้ที่ไม่ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือ (Unrated Securities) ตราสารหนี้ที่มีอันดับความน่าเชื่อถือของตราสารหรือผู้ออก (Issue/Issuer) ตํ่ากว่าที่สามารถลงทุนได้ (Non-investment grade)

กลยุทธ์การลงทุน: ลงทุนแบบครั้งเดียว และถือทรัพย์สินที่ลงทุนไว้จนครบอายุโครงการ

ศึกษารายละเอียด นโยบาย ข้อมูล และความเสี่ยงของกองทุนเพิ่มเติมได้ที่

https://www.principal.th/sites/default/files/fund-documents/Thailand%20Site/th_PRINCIPAL_FI6M2AI_FFS.pdf

2. KFJGB6M6 – กองทุนเปิดกรุงศรีพันธบัตรรัฐบาลญี่ปุ่น 6M6

นโยบายลงทุน: ลงทุนในพันธบัตร หรือตราสารหนี้ภาครัฐ ที่รัฐบาล หรือกระทรวงการคลังของประเทศญี่ปุ่นเป็นผู้ออกโดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า 80% ของ NAV ส่วนที่เหลือจะลงทุนในเงินฝากธนาคาร และ/หรือตราสารทางการเงิน และ/หรือศุกูก และ/หรือตราสารหนี้อื่นใดที่มีอันดับความน่าเชื่อถือของตราสาร (Issue rating) หรือของผู้ออกตราสาร (Issuer rating) อยู่ในอันดับที่สามารถลงทุนได้ (Investment Grade)

กลยุทธ์การลงทุน: ลงทุนแบบครั้งเดียว และถือทรัพย์สินที่ลงทุนไว้จนครบอายุโครงการ

ศึกษารายละเอียด นโยบาย ข้อมูล และความเสี่ยงของกองทุนเพิ่มเติมได้ที่

https://www.krungsriasset.com/DataWeb/AYFWeb/th/pdf/FFS_KFJGB6M6_TH.pdf?rnd=20231127120353

3. SCBCP3M43 – กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ มุ่งรักษาเงินต้น 3 เดือน 43

นโยบายลงทุน: ลงทุนในหลักทรัพย์หรือทรัพย์สินอันเป็นหรือเกี่ยวข้องกับตราสารแห่งหนี้ที่เสนอขายทั้งใน และ/หรือต่างประเทศ โดยจะลงทุนในตราสารที่มุ่งให้เกิดการรักษาเงินต้น ได้แก่ ตราสารหนี้ภาครัฐ และ/หรือเงินฝาก และ/หรือบัตรเงินฝาก และ/หรือตั๋วสัญญาใช้เงินที่ออกโดยสถาบันการเงิน รวมถึงหลักทรัพย์หรือทรัพย์สินอื่นตามที่สำนักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต. เห็นชอบให้กองทุนลงทุนได้

กลยุทธ์การลงทุน: ลงทุนแบบครั้งเดียว และถือทรัพย์สินที่ลงทุนไว้จนครบอายุโครงการ

ศึกษารายละเอียด นโยบาย ข้อมูล และความเสี่ยงของกองทุนเพิ่มเติมได้ที่

https://www.scbam.com/medias/fund-doc/summary-prospectus/SCBCP3M43_SUM.pdf

4. SCBCP6M29 – กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ มุ่งรักษาเงินต้น 6 เดือน 29

นโยบายลงทุน: ลงทุนในหลักทรัพย์หรือทรัพย์สินอันเป็นหรือเกี่ยวข้องกับตราสารแห่งหนี้ที่เสนอขายในต่างประเทศ โดยจะลงทุนในตราสารที่มุ่งให้เกิดการรักษาเงินต้น ได้แก่ ตราสารหนี้ภาครัฐ และ/หรือเงินฝาก และ/หรือบัตรเงินฝาก และ/หรือตั๋วสัญญาใช้เงินที่ออกโดยสถาบันการเงิน รวมถึงหลักทรัพย์หรือทรัพย์สินอื่นตามที่สำนักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต. เห็นชอบให้กองทุนลงทุนได้

กลยุทธ์การลงทุน: ลงทุนแบบครั้งเดียว และถือทรัพย์สินที่ลงทุนไว้จนครบอายุโครงการ

ศึกษารายละเอียด นโยบาย ข้อมูล และความเสี่ยงของกองทุนเพิ่มเติมได้ที่

https://www.scbam.com/medias/fund-doc/summary-prospectus/SCBCP6M29_SUM.pdf

5. SCBCP3M44 – กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ มุ่งรักษาเงินต้น 3 เดือน 44

นโยบายลงทุน: ลงทุนในหลักทรัพย์หรือทรัพย์สินอันเป็นหรือเกี่ยวข้องกับตราสารแห่งหนี้ที่เสนอขายในต่างประเทศ โดยจะลงทุนในตราสารที่มุ่งให้เกิดการรักษาเงินต้น ได้แก่ ตราสารหนี้ภาครัฐ และ/หรือเงินฝาก และ/หรือบัตรเงินฝาก และ/หรือตั๋วสัญญาใช้เงินที่ออกโดยสถาบันการเงิน รวมถึงหลักทรัพย์หรือทรัพย์สินอื่นตามที่สำนักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต. เห็นชอบให้กองทุนลงทุนได้

กลยุทธ์การลงทุน: ลงทุนแบบครั้งเดียว และถือทรัพย์สินที่ลงทุนไว้จนครบอายุโครงการ

ศึกษารายละเอียด นโยบาย ข้อมูล และความเสี่ยงของกองทุนเพิ่มเติมได้ที่

https://www.scbam.com/medias/fund-doc/summary-prospectus/SCBCP3M44_SUM.pdf

6. KTGOV3M11 – กองทุนเปิดกรุงไทยพันธบัตร 3M11

นโยบายลงทุน: ลงทุนในตั๋วเงินคลัง พันธบัตรรัฐบาล พันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย รวมทั้งพันธบัตรรัฐวิสาหกิจที่มีกระทรวงการคลังค้ำประกัน หรือตราสารหนี้ที่รัฐบาล กระทรวงการคลังหรือธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นผู้ออก ผู้สั่งจ่าย ผู้รับรอง ผู้รับอาวัล หรือผู้ค้ำประกัน และ/หรือตราสารภาครัฐต่างประเทศ ที่รัฐบาลต่างประเทศ องค์การหรือหน่วยงานของรัฐบาลต่างประเทศรัฐวิสาหกิจตามกฎหมายต่างประเทศ หรือองค์การระหว่างประเทศ เป็นผู้ออก หรือผู้ค้ำประกัน

กลยุทธ์การลงทุน: ลงทุนแบบครั้งเดียว และถือทรัพย์สินที่ลงทุนไว้จนครบอายุโครงการ

ศึกษารายละเอียด นโยบาย ข้อมูล และความเสี่ยงของกองทุนเพิ่มเติมได้ที่

https://www.ktam.co.th/document_fund/fundfactsheet/Factsheet_th_KTGOV3M11.pdf

7. KTSIV3M3 – กองทุนเปิดกรุงไทยสมาร์ท อินเวส 3 เดือน3

นโยบายลงทุน: ลงทุนในหรือมีไว้ซึ่งตราสารแห่งหนี้ภาคเอกชน และ/หรือตราสารสารแห่งหนี้ภาครัฐที่มีคุณภาพ และมีความสามารถในการชำระดอกเบี้ยหรือเงินต้นสูง และ/หรือเงินฝาก หรือหลักทรัพย์หรือทรัพย์สินอื่น หรือการหาดอกผลโดยวิธีอื่นตามที่สำนักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต. กำหนดหรือเห็นชอบให้กองทุนลงทุนได้

กลยุทธ์การลงทุน: มุ่งหวังให้ผลประกอบการสูงกว่าดัชนีชี้วัด (active management)

ศึกษารายละเอียด นโยบาย ข้อมูล และความเสี่ยงของกองทุนเพิ่มเติมได้ที่

https://www.ktam.co.th/document_fund/fundfactsheet/Factsheet_th_KTSIV3M3.pdf

วันนี้นักลงทุนสามารถทำรายการซื้อกองทุน Term Fund ด้วยตัวเองผ่านแอปฯ FINNOMENA โดยกดเพิ่มรายการคำสั่งซื้อที่พอร์ต DIY ได้เลย หรือสอบถามรายละเอียดได้ผ่านที่ปรึกษาการลงทุนส่วนตัวของท่าน

อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับกองทุน Term Fund


คำเตือน

ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน | การลงทุนในกองทุนรวมไม่ใช่การฝากเงิน | ผลการดำเนินงานในอดีต และผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต | สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน ฟินโนมีนา จำกัด ในช่วงเวลาวันทำการตั้งแต่ 09:00-17:00 น. ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 026 5100 และทาง LINE “@FINNOMENAPORT”

Tactical Call: DAPP ETF ถึงจุด Take Profit แต่ยังมีโอกาสเข้าเก็งกำไรได้ต่อ

FINNOMENA FUNDS Investment Team

วันศุกร์ที่ 1 ธันวาคมที่ผ่านมา Bond Yield สหรัฐฯ อายุ 10 ปี ปรับตัวลดลงสู่ระดับ 4.2% ทำจุดต่ำสุดในรอบเกือบ 3 เดือน หลังประธานเฟดส่งสัญญาณว่าอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯ อาจถึงระดับสูงสุดแล้ว หนุน Sentiment บวกต่อสินทรัยพ์เสี่ยงให้ปรับตัวเพิ่มขึ้นถ้วนหน้า

take profit DAPPรูปที่ 1: กราฟดัชนี DAPP ETF TF Day
Source: Tradingview as of 12/01/2023

จากคำแนะนำ FINNOMENA FUNDS Tactical Call: DAPP ETF ทำ Higher High ยืนยันการกลับตัวเหมาะแก่การเก็งกำไร” ผ่านกองทุน ASP-DIGIBLOC เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ล่าสุดราคา DAPP ETF ถึงจุด Take Profit แล้วที่ระดับ 7.40 ดอลลาร์ (DAPP ETF +16.25% นับตั้งแต่เริ่มแนะนำ) FINNOMENA FUNDS Investment Team จึงแนะนำขายทำกำไรทั้งหมด

อย่างไรก็ตาม ในระยะสั้น Momentum การปรับตัวขึ้นที่แข็งแกร่งบ่งชี้ว่ายังมีโอกาสปรับตัวขึ้นได้ต่อ ส่งผลให้ผู้ที่ต้องการเก็งกำไรต่อ อาจพิจารณาขายทำกำไรบางส่วนเพื่อบริหารความเสี่ยง และส่วนที่เหลือถือครองนั้น แนะนำขายทำกำไรที่ 9.76 ดอลลาร์ซึ่งเป็นจุดสูงสุดเดิม และกำหนด Trailing Stop โดยใช้ MA 20 วัน หรือใช้ระดับราคา 6.8 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับ Fibonacci 32.8%

take profit DAPP

รูปที่ 2: ข้อมูล Correlation ของกับกองทุน ASP-DIGIBLOC กับ DAPP ETF
Source: Bloomberg as of 24/11/2023

สำหรับผู้ที่ยังไม่ได้ลงทุน อาจพิจารณาเข้าลงทุนภายใต้ คำแนะนำ Tactical Call ในกองทุน ASP-DIGIBLOC  ซึ่งเป็นกองทุนที่ลงทุนใน DAPP ETF สัดส่วน 78% มีค่า Correlation กับ DAPP ETF ที่ 0.97 สะท้อนถึงการเคลื่อนไหวตาม DAPP ETF โดยมีคำแนะนำดังนี้

  1. แนะนำเข้าลงทุนที่ไม่เกินระดับ 8.0 ดอลลาร์ (+5.9% จากระดับราคาปิดตลาดวันที่ 1/12/2023) ซึ่งเป็นระดับราคาที่เราแนะนำให้พิจารณาชะลอการเข้าซื้อ (หยุดซื้อ) ภายใต้คำแนะนำ Tactical Call เนื่องจากทำให้ Risk/Reward ratio เข้าใกล้ระดับ 1:1 มากขึ้น
  2. แนะนำ Take Profit หรือขายทำกำไร เมื่อราคา DAPP ETF ปรับตัวขึ้นถึง 9.76 ดอลลาร์ (Upside 30% จากระดับราคาปิดตลาดวันที่ 1/12/2023) ซึ่งเป็นระดับ fibonacci 100% หรือจุดสูงสุด ของรอบขาลงที่ผ่านมา
  3. แนะนำ Limit Loss หรือตัดขาดทุนทันที เมื่อ DAPP ETF ปิดตลาดต่ำกว่าระดับ 6.8 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับ fibo 38.2% (Downside 8.9%) ซึ่งอาจบ่งชี้ถึงการกลับตัวเป็นแนวโน้มขาลง หรือพิจารณา Trailing Stop ด้วยเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 20 วัน (MA 20 day) โดยเราจะประเมินสถานการณ์และแจ้งให้ทราบอีกครั้ง

นักลงทุนที่เหมาะกับ Tactical Call ระยะสั้นนี้ควร…

  1. เป็นนักลงทุนที่มีเงินสด หรือสภาพคล่องส่วนเกิน และรับความผันผวนได้สูง
  2. ใช้เงินลงทุนในสัดส่วนไม่เกิน 10% ของภาพรวมพอร์ตการลงทุนทั้งหมด
  3. นักลงทุนต้องยอมรับการ Limit Loss หรือ การตัดขาดทุนได้ทันที

ASP-DIGIBLOC

DAPP ETF ทำ Higher High

รูปที่ 3 : ASP-DIGIBLOC Top Holding
Source: Fund Fact Sheet ของกองทุน ASP-DIGIBLOC as of 31/10/2023

ASP-DIGIBLOC เป็นกองทุนความเสี่ยงสูง (ระดับ 6) มีนโยบายลงทุนในตราสารทุนของบริษัทสินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Assets Companies) และ/หรือบริษัทที่มีรายได้จากการดำาเนินธุรกิจและ/หรือมีความเกี่ยวข้องกับระบบสินทรัพย์ดิจิทัล และ/หรือบริษัทที่ได้รับประโยชน์จากการใช้เทคโนโลยี บล็อกเชน (Blockchain) เช่น เพิ่มประสิทธิภาพหรือลดต้นทุนในการดNาเนินงาน เป็นต้น และ/หรือลงทุนในหน่วย CISและ/หรือ ETF ที่มีการลงทุนในตราสารทุนตามลักษณะดังกล่าวข้างต้นด้วย 

สามารถศึกษารายละเอียดของกองทุนเพิ่มเติมได้ที่ https://www.finnomena.com/fund/ 

FINNOMENA FUNDS Investment Team


คำเตือน

การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน | ผลการดำเนินงานในอดีต และผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต | ผู้ลงทุนอาจมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากการป้องกันความเสี่ยงขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้จัดการกองทุน | กองทุนรวมนี้ลงทุนกระจุกตัวในผู้ออกตราสารหรือประเทศใดประเทศหนึ่ง จึงมีความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนจำนวนมาก ผู้ลงทุนจึงควรพิจารณาการกระจายความเสี่ยงของ พอร์ตการลงทุนโดยรวมของตนเองด้วย | คำแนะนำการลงทุนนี้เป็นไปตามกรอบการพิจารณาของ FINNOMENA FUNDS ซึ่งมีเป้าหมายในการสร้างโอกาสรับผลตอบแทนในกรอบระยะเวลาตามวัตถุประสงค์การลงทุนที่แตกต่างกันตามคำแนะนำ | บริษัทมิได้การันตีถึงผลตอบแทนที่จะได้จากคำแนะนำการลงทุนดังกล่าว มีความเสี่ยงที่ผลตอบแทนอาจไม่เป็นไปตามคาดหวัง หรือมีผลขาดทุนได้ | สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน ฟินโนมีนา จำกัด ในช่วงเวลาวันทำการตั้งแต่ 09:00-17:00 น. ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 026 5100 และทาง LINE “@FINNOMENAPORT | สำหรับผู้ลงทุนในความดูแลของ Kept by krungsri ติดต่อทีม Kept help center ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 296 6299

ดาวน์โหลดฟรี! Weekly Market Insight ฉบับล่าสุด

FINNOMENA FUNDS Investment Team

Weekly Market Insight

ประจำสัปดาห์  04/12/2023 – 08/12/2023

พิเศษ! สำหรับสมาชิก FINNOMENA

THIS ISSUE
สรุปข่าวเศรษฐกิจรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา

EYE ON THIS WEEK
ประเด็นน่าจับตามองในสัปดาห์นี้

MARKET
ภาพรวมตลาดและสินทรัพย์ที่น่าสนใจ

FINNOMENA PORT PERFORMANCE
ผลตอบแทนของพอร์ตการลงทุน

ดาวน์โหลดฟรี “มุมมองการลงทุนประจำสัปดาห์”

กดที่นี่เพื่อดาวน์โหลดได้เลย

 

3 Step เปลี่ยนนิสัยนักช้อป ด้วยกฎ 30 วัน

Finspace
3 Step เปลี่ยนนิสัยนักช้อป ด้วยกฎ 30 วัน

เงินเดือนออกตั้งใจจะเก็บเงิน แต่พอเจอสิ่งของล่อตาล่อใจ เกิดอารมณ์ชั่ววูบ อดไม่ได้ที่จะซื้อ เพราะเจอคำว่าของมันต้องมี และราคาก็ดีงาม ไม่ซื้อตอนนี้แล้วจะตอนไหน จนหลายครั้งเรากลับแยกไม่ออกว่านี่จำเป็นหรือแค่อยากได้ ?

ซึ่งพฤติกรรมนี้เป็นสิ่งที่กำลังทำร้ายเราอยู่ไม่รู้ตัว เช่น เงินหมดก่อนสิ้นเดือน ดึงเงินเก็บมาใช้จนเงินค่อย ๆ ลด แต่กลับกัน ถ้าแบ่งใช้แบ่งเก็บให้ดี ซื้อของที่อยากได้โดยไม่ทำร้ายกระเป๋าอื่น ก็เป็นสิ่งที่ทำได้

แต่ถ้าเรารู้ตัวก่อนว่าพฤติกรรมนี้ส่งผลไม่ดีแน่ในอนาคต เราลองมาหาวิธีง่าย ๆ ที่จะเปลี่ยนนิสัยให่้เป็นคนคิดก่อนซื้อ ไม่ใช่อารมณ์ตัดสิน และแยกให้ออกระหว่างจำเป็นกับอยากได้ ด้วยกฏ 30 วัน

3 Step เปลี่ยนนิสัยนักช้อป

3 Step เปลี่ยนนิสัยนักช้อป ด้วยกฎ 30 วัน

1.  คิดจะซื้อ ให้ลองคิดทบทวน

เมื่อเจอของที่อยากได้มาก ๆ ให้ลองอดทนเป็นเวลา 30 วัน ก่อนตัดสินใจซื้อ เพื่อทบทวนว่าของชิ้นนี้ จำเป็นหรือแค่อยากได้

2. ออมเงินให้เท่ากับราคาสินค้า

ให้ออมเงินเท่ากับราคาสินค้าชิ้นนี้เข้าบัญชีทันที หรือทยอยออมเงิน ภายใน 30 วัน ให้ครบจำนวน

3. ครบ 30 วัน ลองวัดใจอีกรอบ

เมื่อครบกำหนดวันแล้ว ให้ถามลองตัวเองอีกครั้งว่า ยังอยากซื้อของชิ้นนี้อยู่หรือเปล่า ?

  • ถ้ายังอยากซื้ออยู่ ก็ซื้อเลย ไม่ต้องลังเล เพราะไตร่ตรองมาแล้ว ไม่ได้มาจากอารมณ์ชั่ววูบ
  • ถ้าไม่อยากซื้อแล้ว ก็จะมีเก็บเงินมากขึ้น เพื่อเอาไปลงทุนต่อยอด หรืออื่น ๆ ได้

FinSpace

ที่มาบทความ: https://www.finspace.co/30-days-rule-for-saving-money/

มัดรวมกองทุน SSF & RMF สาย Growth สร้างพอร์ตให้เติบโตระยะยาว

FINNOMENA FUNDS
มัดรวมกองทุน SSF & RMF สาย Growth สร้างพอร์ตให้เติบโตระยะยาว

ใครเป็นนักลงทุนสายหุ้นเติบโต (Growth) ที่กำลังมองหากองทุนลดหย่อนภาษีอย่างกองทุน SSF และ RMF สำหรับวางแผนภาษีในปีนี้อยู่บ้าง?

วันนี้ FINNOMENA FUNDS คัดกองทุน SSF และ RMF สำหรับนักลงทุนที่ชอบหุ้น Growth เอาไว้สร้างพอร์ตให้เติบโตระยะยาวมาให้โดยเฉพาะ จะมีกองไหนบ้าง แต่ละกองมีจุดเด่นอะไร ลองมาดูกัน

สารบัญ

กองทุน SSF แนะนำสำหรับนักลงทุนสาย Growth

มัดรวมกองทุน SSF & RMF สาย Growth สร้างพอร์ตให้เติบโตระยะยาว

K-CHANGE-SSF

รายละเอียดกองทุน

กองทุนรวมหุ้นตามแนวคิด ESG ที่สนับสนุนการเติบโตอย่างยั่งยืนทั่วโลก แบบ Active

จุดเด่น

  • บริหารโดย Baillie Gifford หนึ่งในผู้บริหารกองทุนหุ้นเติบโตอันดับต้น ๆ ของโลก ที่มีประวัติมาอย่างยาวนาน
  • คัดเลือกหุ้นที่มีโอกาสเติบโต 2 เท่าใน 5 ปี และเป็นไปตามมาตรฐาน ESG แบบเข้มข้น
  • กลยุทธ์ Buy & Hold เพิ่มความมั่นใจในการไม่พลาดโอกาส และลดค่าใช่จ่ายในการทำธุรกรรมในระยะยาว

ลงทุนขั้นต่ำ

  • ครั้งแรก: 500 บาท
  • ครั้งถัดไป: 500 บาท

ค่าธรรมเนียม

  • ค่าธรรมเนียมการขาย (Front-end Fee): ยกเว้น
  • ค่าธรรมเนียมการรับซื้อคืน (Back-end Fee): ยกเว้น
  • ค่าใช้จ่ายกองทุนรวม: 1.3736%

สัดส่วนหุ้น 5 อันดับแรก (ข้อมูล ณ วันที่ 30 ก.ย. 2566)

  • MercadoLibre 8.32%
  • ASML 6.71%
  • TSMC 5.42%
  • Shopify ‘A’ 4.75%
  • Deere & Co 4.75%

นโยบายการลงทุน

เน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของ Baillie Gifford Positive Change Fund – Class B accumulation (GBP) โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า 80% ของ NAV

ที่มา: K-CHANGE-SSF Fund Fact Sheet วันที่ 29 กันยายน 2023

ศึกษารายละเอียด นโยบาย ข้อมูล และความเสี่ยงของกองทุนเพิ่มเติม ได้ที่

https://www.kasikornasset.com/FundDocument/Fund_Fact_Sheet/K-CHANGE-SSF.pdf

KKP GNP-H-SSF

รายละเอียดกองทุน

ลงทุนในหุ้นสามัญทั่วโลกของบริษัทที่มีส่วนร่วมกับการเปลี่ยนแปลงด้านการค้าและเศรษฐกิจระหว่างประเทศของโลกในอนาคต

จุดเด่น

  • กองทุนมี Correlation กับหุ้นโลก ACWI ในระยะยาว มีสไตล์การลงทุน ที่สร้าง Alpha ในระยะยาวได้เหนือดัชนีชี้วัดต่อเนื่อง โดยที่มีความผันผวนต่ำกว่า Active Fund หลายกองทุน
  • มีมุมมองการลงทุนในระยะยาว Turnover เฉลี่ยของกองเพียง 25% ถือครองหุ้นมากกว่า 5 ปีกว่า 60% ของพอร์ต
  • กองทุนมีการเลือกหุ้นแบบ Bottom-up ในแต่ละอุตสาหกรรม ไม่ได้มี High Conviction มากเกินไปจนทำให้กองทุนมีการลงทุนในแต่ละอุตสาหกรรมผิดเพี้ยนไปจาก Index ทำให้ได้ Alpha มาจากการเลือกหุ้นที่เป็นผู้ชนะในตลาดจริง ๆ

ลงทุนขั้นต่ำ

  • ครั้งแรก: 100 บาท
  • ครั้งถัดไป: 100 บาท

ค่าธรรมเนียม

  • ค่าธรรมเนียมการขาย (Front-end Fee): ยกเว้น
  • ค่าธรรมเนียมการรับซื้อคืน (Back-end Fee): ยกเว้น
  • ค่าใช้จ่ายกองทุนรวม: 1.7530%

สัดส่วนสินทรัพย์หลัก 5 อันดับแรก (ข้อมูล ณ วันที่ 31 ต.ค. 2566)

  • Microsoft 5.0%
  • Novo Nordisk 3.4%
  • Meta Platforms 2.4%
  • Broadcom 2.2%
  • TSMC 2.2%

นโยบายการลงทุน

เน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของ Capital Group New Perspective Fund, Class P (USD)โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า 80% ของ NAV

ที่มา: KKP GNP-H-SSF Fund Fact Sheet วันที่ 29 กันยายน 2023

ศึกษารายละเอียด นโยบาย ข้อมูล และความเสี่ยงของกองทุนเพิ่มเติม ได้ที่

https://media.kkpfg.com/document/2021/Oct/AM%20Sum%20KKP%20GNP-H-SSF.pdf

MEGA10-SSF

รายละเอียดกองทุน

กองทุนที่ลงทุนในหุ้นบริษัทที่มีแบรนด์แข็งแกร่งทั่วโลกโดยกระจายการลงทุนในหุ้น 10 ตัว สัดส่วนเท่า ๆ กัน

จุดเด่น

  • ใช้หลักการเลือกหุ้นเข้ามาในพอร์ตแบบ Rule Based Investing Approach ทำให้มีหลักการที่ชัดเจนในการเลือกหุ้นเข้ามาไม่มี Bias ของผู้จัดการกองทุน
  • แบรนด์ชั้นนำระดับโลกเป็นที่รู้จักในวงกว้างและเป็นบริษัทที่ทุกคนให้การยอมรับโดยการจัดอันดับแบรนด์เหล่านี้มีการใช้งบการเงินของบริษัทมาเป็นส่วนหนึ่งของการเลือกด้วย ทำให้ได้หุ้นที่ดีมีคุณภาพ และมีงบการเงินที่แข็งแรง

ลงทุนขั้นต่ำ

  • ครั้งแรก: 1,000 บาท
  • ครั้งถัดไป: 1 บาท

ค่าธรรมเนียม

  • ค่าธรรมเนียมการขาย (Front-end Fee): ยกเว้น
  • ค่าธรรมเนียมการรับซื้อคืน (Back-end Fee): ยกเว้น
  • ค่าใช้จ่ายกองทุนรวม: 1.7120%

สัดส่วนหุ้น 5 อันดับแรก

  • Tesla 9.50%
  • Alphabet 9.38%
  • Meta 9.38%
  • Microsoft 9.35%
  • JPMorgan 9.29%

นโยบายการลงทุน

ลงทุนในตราสารทุนของบริษัทต่าง ๆ ทั่วโลกที่จดทะเบียนซื้อขายใน NYSE / NASDAQ โดยเฉลี่ยใน รอบปีไม่น้อยกว่า 80% ของ NAV

ที่มา: MEGA10-SSF Fund Fact Sheet วันที่: 29 กันยายน 2023

ศึกษารายละเอียด นโยบาย ข้อมูล และความเสี่ยงของกองทุนเพิ่มเติม ได้ที่

https://www.talisam.co.th/wp-content/uploads/2023/10/20230929_MEGA10-SSF.pdf 

K-CHINA-SSF

รายละเอียดกองทุน

กองทุนหุ้นจีน All China แบบ Active 

จุดเด่น

  • เน้นการลงทุนบนเป้าหมายการเติบโตในระยะ 5 ปีขึ้นไป จากการวิเคราะห์อย่างเข้มข้น เพื่อรับโอกาสสร้างผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว
  • ใช้ชุดคำถาม Checklist กว่า 100 ข้อ ในการคัดเลือกหุ้นเข้าสู่พอร์ตการลงทุน เพื่อสร้างความมั่นใจบนมุมมองที่แข็งแกร่ง

ลงทุนขั้นต่ำ

  • ครั้งแรก: 500 บาท
  • ครั้งถัดไป: 500 บาท

ค่าธรรมเนียม

  • ค่าธรรมเนียมการขาย (Front-end Fee): ยกเว้น
  • ค่าธรรมเนียมการรับซื้อคืน (Back-end Fee): ยกเว้น
  • ค่าใช้จ่ายกองทุนรวม: 1.1603%

สัดส่วนหุ้น 5 อันดับแรก (ข้อมูล ณ วันที่ 30 ก.ย. 2566)

  • Tencent 9.90%
  • Meituan 5.90%
  • Alibaba 5.10%
  • Pinduoduo 4.30%
  • Baidu 4.00%

นโยบายการลงทุน

ลงทุนในหน่วยลงทุนของ JPMorgan Funds – China Fund, Class JPM China I (acc) – USD โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า 80% ของ NAV

ที่มา: K-CHINA-SSF Fund Fact Sheet วันที่: 29 กันยายน 2023

ศึกษารายละเอียด นโยบาย ข้อมูล และความเสี่ยงของกองทุนเพิ่มเติม ได้ที่

https://www.kasikornasset.com/FundDocument/Fund_Fact_Sheet/K-CHINA-SSF.pdf

B-INNOTECHSSF

รายละเอียดกองทุน

กองทุนหุ้นเทคโนโลยีทั่วโลก บริหารแบบ Active เน้นการปรับพอร์ตการลงทุนให้เหมาะสมกับสถานการณ์ เพื่อรับโอกาสการเติบโตที่ดีภายใต้ความผันผวนที่ต่ำกว่าในระยะยาว

จุดเด่น

  • กองทุนหุ้นเทคโนโลยีแนวหน้า ที่มีผลการดำเนินงานติดอันดับต้น ๆ สม่ำเสมอ
  • บริหารแบบ Active ด้วยกลยุทธ์ที่หลากหลาย อาทิ เข้าลงทุนในหุ้นเทคโนโลยีตามวัตถุประสงค์ พร้อมทั้งจัดสรรเข้าลงทุนในหุ้นวัฏจักร หรือ หุ้นสถานการณ์พิเศษ (Special Situation) ได้บางส่วน เพื่อรับโอกาสสร้างผลตอบแทนหรือกระจายความเสี่ยง
  • ผู้จัดการกองทุนหลักบริหารมาอย่างยาวนาน ส่งผลถึงความสม่ำเสมอของผลตอบแทนกองทุนในอดีต และความต่อเนื่องในอนาคต

ลงทุนขั้นต่ำ

  • ครั้งแรก: 500 บาท
  • ครั้งถัดไป: 500 บาท

ค่าธรรมเนียม

  • ค่าธรรมเนียมการขาย (Front-end Fee): ไม่เรียกเก็บ
  • ค่าธรรมเนียมการรับซื้อคืน (Back-end Fee): ไม่เรียกเก็บ
  • ค่าใช้จ่ายกองทุนรวม: 0.5144%

สัดส่วนหุ้น 5 อันดับแรก (ข้อมูล ณ วันที่ 31 ส.ค. 2566)

  • Microsoft 5.1%
  • Apple 4.8%
  • Taiwan Semiconductor 3.9%
  • Amazon.com 3.7%
  • Alphabet 3.3%

นโยบายการลงทุน

เน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของ Fidelity Funds – Global Technology Fund โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า 80% ของ NAV

ที่มา: B-INNOTECHSSF Fund Fact Sheet วันที่ 30 กันยายน 2023

ศึกษารายละเอียด นโยบาย ข้อมูล และความเสี่ยงของกองทุนเพิ่มเติม ได้ที่

https://www.bangkokbank.com/-/media/files/personal/save-and-invest/mutual-funds/fund-information/b-innotechssf/b-innotechssf_factsheet_th.pdf?la=th-th&hash=D774A625F28D7045F3FA83EF097AB924BE94D398

กองทุน RMF แนะนำสำหรับนักลงทุนสาย Growth

มัดรวมกองทุน SSF & RMF สาย Growth สร้างพอร์ตให้เติบโตระยะยาว

KFGGRMF

รายละเอียดกองทุน

กองทุนมีกลยุทธ์การบริหารแบบไม่อิงกับ Benchmark เลือกหุ้นแบบ Bottom Up เน้นหุ้นที่มีโอกาสเติบโตสูงในระยะยาว เน้นการซื้อและถือเป็นหลัก ในหุ้นที่ยังมีโอกาสเติบโตสูง 

จุดเด่น

  • บริหารโดย Baillie Gifford หนึ่งในผู้บริหารกองทุนหุ้นเติบโตอันดับต้น ๆ ของโลก ที่มีประวัติมาอย่างยาวนาน
  • คัดเลือกหุ้นเข้าพอร์ตการลงทุนอย่างเข้มข้น เพื่อให้มั่นใจว่าจะมีโอกาสเติบโต 2 เท่าใน 5 ปี
  • กลยุทธ์ Buy & Hold เพิ่มความมั่นใจในการไม่พลาดโอกาส และลดค่าใช่จ่ายในการทำธุรกรรมในระยะยาว

ลงทุนขั้นต่ำ

  • ครั้งแรก: 500 บาท
  • ครั้งถัดไป: 500 บาท

ค่าธรรมเนียม

  • ค่าธรรมเนียมการขาย (Front-end Fee): ไม่เรียกเก็บ
  • ค่าธรรมเนียมการรับซื้อคืน (Back-end Fee): ไม่เรียกเก็บ
  • ค่าใช้จ่ายกองทุนรวม: 1.1491%

สัดส่วนหุ้น 5 ดันดับแรก (ข้อมูล ณ วันที่ 29 ก.ย. 2566)

  • NVIDIA 7.20%
  • Amazon.com 6.50%
  • PDD Holdings 5.40%
  • Tesla Inc 5.20%
  • ASML 4.10%

นโยบายการลงทุน

เน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของ Baillie Gifford Worldwide Long Term Global Growth Fund, Class B USD Acc โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า 80% ของ NAV

ที่มา: KFGGRMF Fund Fact Sheet วันที่ 31 ตุลาคม 2023

ศึกษารายละเอียด นโยบาย ข้อมูล และความเสี่ยงของกองทุนเพิ่มเติม ได้ที่

https://www.krungsriasset.com/DataWeb/AYFWeb/th/pdf/FFS_KFGGRMF_TH.pdf?rnd=20220818022444

KCHANGERMF

รายละเอียดกองทุน

กองทุนรวมหุ้นตามแนวคิด ESG ที่สนับสนุนการเติบโตอย่างยั่งยืนทั่วโลก แบบ Active

จุดเด่น

  • บริหารโดย Baillie Gifford หนึ่งในผู้บริหารกองทุนหุ้นเติบโตอันดับต้น ๆ ของโลก ที่มีประวัติมาอย่างยาวนาน
  • คัดเลือกหุ้นที่มีโอกาสเติบโต 2 เท่าใน 5 ปี และเป็นไปตามมาตรฐาน ESG แบบเข้มข้น
  • กลยุทธ์ Buy & Hold เพิ่มความมั่นใจในการไม่พลาดโอกาส และลดค่าใช่จ่ายในการทำธุรกรรมในระยะยาว

ลงทุนขั้นต่ำ

  • ครั้งแรก: 500 บาท
  • ครั้งถัดไป: 500 บาท

ค่าธรรมเนียม

  • ค่าธรรมเนียมการขาย (Front-end Fee): ไม่มี
  • ค่าธรรมเนียมการรับซื้อคืน (Back-end Fee): ยกเว้น
  • ค่าใช้จ่ายกองทุนรวม: 1.3666%

สัดส่วนหุ้น 5 อันดับแรก (ข้อมูล ณ วันที่ 30 ก.ย. 2566)

  • MercadoLibre 8.32%
  • ASML 6.71%
  • TSMC 5.42%
  • Shopify ‘A’ 4.75%
  • Deere & Co 4.75%

นโยบายการลงทุน

เน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของ Baillie Gifford Positive Change Fund – Class B accumulation (GBP) โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า 80% ของ NAV

ที่มา: KCHANGERMF Fund Fact Sheet วันที่ 29 กันยายน 2023

ศึกษารายละเอียด นโยบาย ข้อมูล และความเสี่ยงของกองทุนเพิ่มเติม ได้ที่

https://www.kasikornasset.com/FundDocument/Fund_Fact_Sheet/KCHANGERMF.pdf

KKP GNP RMF-H

รายละเอียดกองทุน

ลงทุนในหุ้นสามัญทั่วโลกของบริษัทที่มีส่วนร่วมกับการเปลี่ยนแปลงด้านการค้าและเศรษฐกิจระหว่างประเทศของโลกในอนาคต

จุดเด่น

  • กองทุนมี Correlation กับหุ้นโลก ACWI ในระยะยาว มีสไตล์การลงทุน ที่สร้าง Alpha ในระยะยาวได้เหนือดัชนีชี้วัดต่อเนื่อง โดยที่มีความผันผวนต่ำกว่า Active Fund หลายกองทุน
  • มีมุมมองการลงทุนในระยะยาว Turnover เฉลี่ยของกองเพียง 25% ถือครองหุ้นมากกว่า 5 ปีกว่า 60% ของพอร์ต
  • กองทุนมีการเลือกหุ้นแบบ Bottom-up ในแต่ละอุตสาหกรรม ไม่ได้มี High Conviction มากเกินไปจนทำให้กองทุนมีการลงทุนในแต่ละอุตสาหกรรมผิดเพี้ยนไปจาก Index ทำให้ได้ Alpha มาจากการเลือกหุ้นที่เป็นผู้ชนะในตลาดจริง ๆ

ลงทุนขั้นต่ำ

  • ครั้งแรก: 1,000 บาท
  • ครั้งถัดไป: 1,000 บาท

ค่าธรรมเนียม

  • ค่าธรรมเนียมการขาย (Front-end Fee): ยกเว้น
  • ค่าธรรมเนียมการรับซื้อคืน (Back-end Fee): ยกเว้น
  • ค่าใช้จ่ายกองทุนรวม: 1.7630%

สัดส่วนสินทรัพย์หลัก 5 อันดับแรก (ข้อมูล ณ วันที่ 31 ต.ค. 2566)

  • Microsoft 5.0%
  • Novo Nordisk 3.4%
  • Meta Platforms 2.4%
  • Broadcom 2.2%
  • TSMC 2.2%

นโยบายการลงทุน

เน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของ Capital Group New Perspective Fund, Class P (USD)โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า 80% ของ NAV

ที่มา: KKP GNP RMF-H Fund Fact Sheet วันที่ 29 กันยายน 2023

ศึกษารายละเอียด นโยบาย ข้อมูล และความเสี่ยงของกองทุนเพิ่มเติม ได้ที่

https://media.kkpfg.com/document/2020/Nov/AM%20Sum%20KKP%20GNP%20RMF-H.pdf 

MEGA10RMF

รายละเอียดกองทุน

กองทุนที่ลงทุนในหุ้นบริษัทที่มีแบรนด์แข็งแกร่งทั่วโลกโดยกระจายการลงทุนในหุ้น 10 ตัว สัดส่วนเท่า ๆ กัน

จุดเด่น

  • ใช้หลักการเลือกหุ้นเข้ามาในพอร์ตแบบ Rule Based Investing Approach ทำให้มีหลักการที่ชัดเจนในการเลือกหุ้นเข้ามาไม่มี Bias ของผู้จัดการกองทุน
  • แบรนด์ชั้นนำระดับโลกเป็นที่รู้จักในวงกว้างและเป็นบริษัทที่ทุกคนให้การยอมรับโดยการจัดอันดับแบรนด์เหล่านี้มีการใช้งบการเงินของบริษัทมาเป็นส่วนหนึ่งของการเลือกด้วย ทำให้ได้หุ้นที่ดีมีคุณภาพ และมีงบการเงินที่แข็งแรง

ลงทุนขั้นต่ำ

  • ครั้งแรก: 1,000 บาท
  • ครั้งถัดไป: 1 บาท

ค่าธรรมเนียม

  • ค่าธรรมเนียมการขาย (Front-end Fee): ยกเว้น
  • ค่าธรรมเนียมการรับซื้อคืน (Back-end Fee): ยกเว้น
  • ค่าใช้จ่ายกองทุนรวม: 1.7120%

สัดส่วนหุ้น 5 อันดับแรก 

  • Tesla 9.50%
  • Alphabet 9.38%
  • Meta 9.38%
  • Microsoft 9.35%
  • JPMorgan 9.29%

นโยบายการลงทุน

ลงทุนในตราสารทุนของบริษัทต่าง ๆ ทั่วโลกที่จดทะเบียนซื้อขายใน NYSE / NASDAQ โดยเฉลี่ยใน รอบปีไม่น้อยกว่า 80% ของ NAV

ที่มา: MEGA10RMF Fund Fact Sheet วันที่ 29 กันยายน 2023

ศึกษารายละเอียด นโยบาย ข้อมูล และความเสี่ยงของกองทุนเพิ่มเติม ได้ที่

https://www.talisam.co.th/wp-content/uploads/2023/10/20230929_MEGA10RMF.pdf 

B-INNOTECHRMF

รายละเอียดกองทุน

กองทุนหุ้นเทคโนโลยีทั่วโลก บริหารแบบ Active เน้นการปรับพอร์ตการลงทุนให้เหมาะสมกับสถานการณ์ เพื่อรับโอกาสการเติบโตที่ดีภายใต้ความผันผวนที่ต่ำกว่าในระยะยาว

จุดเด่น

  • กองทุนหุ้นเทคโนโลยีแนวหน้า ที่มีผลการดำเนินงานติดอันดับต้น ๆ สม่ำเสมอ
  • บริหารแบบ Active ด้วยกลยุทธ์ที่หลากหลาย อาทิ เข้าลงทุนในหุ้นเทคโนโลยีตามวัตถุประสงค์ พร้อมทั้งจัดสรรเข้าลงทุนในหุ้นวัฏจักร หรือ หุ้นสถานการณ์พิเศษ (Special Situation) ได้บางส่วน เพื่อรับโอกาสสร้างผลตอบแทน หรือ กระจายความเสี่ยง
  • ผู้จัดการกองทุนหลักบริหารมาอย่างยาวนาน ส่งผลถึงความสม่ำเสมอของผลตอบแทนกองทุนในอดีต และความต่อเนื่องในอนาคต

ลงทุนขั้นต่ำ

  • ครั้งแรก: 500 บาท
  • ครั้งถัดไป: 500 บาท

ค่าธรรมเนียม

  • ค่าธรรมเนียมการขาย (Front-end Fee): ไม่เรียกเก็บ
  • ค่าธรรมเนียมการรับซื้อคืน (Back-end Fee): ไม่เรียกเก็บ
  • ค่าใช้จ่ายกองทุนรวม: 1.4222%

สัดส่วนหุ้น 5 อันดับแรก (ข้อมูล ณ วันที่ 31 ส.ค. 2566)

  • Microsoft 5.1%
  • Apple 4.8%
  • Taiwan Semiconductor 3.9%
  • Amazon.com 3.7%
  • Alphabet 3.3%

นโยบายการลงทุน

เน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของ Fidelity Funds – Global Technology Fund โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า 80% ของ NAV

ที่มา: B-INNOTECHRMF Fund Fact Sheet วันที่ 30 กันยายน 2023

ศึกษารายละเอียด นโยบาย ข้อมูล และความเสี่ยงของกองทุนเพิ่มเติม ได้ที่

https://www.bangkokbank.com/-/media/files/personal/save-and-invest/mutual-funds/fund-information/b-innotechrmf/b-innotechrmf_factsheet_th.pdf?la=th-th&hash=BDCEE04E66E4C67E200CFA3479A44E7C1B30455D

.

“มาใช้เงินลงทุนทุกบาททุกสตางค์อย่างคุ้มค่ากัน ด้วยการลงทุนผ่านกองทุนลดหย่อนภาษี SSF & RMF ทั้งประหยัดภาษี ทั้งสร้างให้พอร์ตโตในระยะยาว ให้เราเกษียณอย่างมีคุณภาพนะครับ”

– ชยนนท์ รักกาญจนันท์ CEO, FINNOMENA Funds


คำเตือน

ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไข ผลตอบแทน ความเสี่ยงและศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่ระบุไว้ในคู่มือการลงทุนในกองทุนรวม SSF และ RMF กรณีไม่ได้ปฏิบัติตามเงื่อนไขภาษี จะไม่ได้สิทธิประโยชน์ตามเงื่อนไขกองทุน | การลงทุนในกองทุนรวมไม่ใช่การฝากเงิน | ผู้ลงทุนอาจมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากการป้องกันความเสี่ยงขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้จัดการกองทุน | บางกองทุนมีการลงทุนกระจุกตัวในประเทศที่ลงทุน จึงมีความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนจำนวนมาก ผู้ลงทุนจึงควรพิจารณาการกระจายความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุนโดยรวมของตนเองด้วย | สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่ บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน ฟินโนมีนา จำกัด ในช่วงเวลาวันทำการตั้งแต่ 09:00-17:00 น. ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 026 5100 และทาง LINE “@FINNOMENAPORT” | สำหรับผู้ลงทุนในความดูแลของ Kept by krungsri ติดต่อทีม Kept help center ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 296 6299

เปิดบัญชีกองทุนรวมวันนี้ รับ 100 FINT!

FINNOMENA

FINT คืออะไร?

“พลิกวงการการลงทุน ลดค่าธรรมเนียมได้”

FINT เป็นโทเคนดิจิทัลเพื่อการใช้ประโยชน์บนเทคโนโลยีบล๊อกเชน Ethereum ที่จะให้สิทธิ์ผู้ถือโทเคนในการรับประโยชน์จากการใช้งานแพลตฟอร์มและเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งในกิจกรรมต่าง ๆ บนผลิตภัณฑ์และบริการของกลุ่มเรา  โดยทุกๆการลงทุน 5,000 บาท รับไปเลย 1 FINT

ฟินโนมีนา มอบมิติใหม่ของการลงทุน…สู่การเป็นดิจิตอล Wealth Creation Platform ตอบโจทย์การสร้างความมั่งคั่งผ่านการลงทุน

FINT ใช้ทำอะไรได้บ้าง?​

แลกรับส่วนลดค่าธรรมเนียมซื้อกองทุน

แลกของรางวัลและเข้าร่วมกิจกรรมพิเศษอีกมากมาย

ใช้ในเกม Trading สำหรับนักลงทุน

ลุ้นรับ NFT สุดพิเศษ

ขั้นตอนกดรับคูปอง

ขั้นตอนการเปิดบัญชี

พิเศษ!! เปิดบัญชีกองทุนภาษีรับเพิ่มอีก 30 FINT*

หรือมีข้อสงสัย กดลงทะเบียนเปิดบัญชีรับ FINT

โปรดกรอกรายละเอียดให้ครบถ้วน เราจะติดต่อท่านกลับอีกครั้งเพื่อให้ข้อมูลการเปิดบัญชีรับ 100 FINT

 

เมื่อกดปุ่ม ยืนยันลงทะเบียน แสดงว่าคุณเข้าใจและยอมรับ ข้อตกลงเงื่อนไขการใช้งาน และนโยบายความเป็นส่วนตัวของ FINNOMENA แล้ว

เงื่อนไขการการเปิดบัญชี 

  • ลูกค้าจะต้องไม่เคยเปิดบัญชีซี้อขายหน่วยลงทุนกับ FINNOMENA FUNDS มาก่อน หรือเป็นลูกค้าที่เคยเปิดบัญชีแล้วแต่ยังไม่ทำรายการตัดบัญชีธนาคารอัตโนมัติ (ATS)
  • ลูกค้าจะได้รับ 100 FINT เมื่อเปิดบัญชีซื้อขายกองทุนรวมพร้อมทำรายการตัดบัญชีธนาคารอัตโนมัติเสร็จสมบูรณ์ (ผู้ได้รับสิทธิ์จะต้องได้รับการยืนยันเลขที่ผู้ถือหน่วยลงทุนจาก FINNOMENA FUNDS  และการอนุมัติตัดบัญชีธนาคารอัตโนมัติ ATS เรียบร้อย ภายในวันที่ 1 – 24 ธันวาคม 2566 เท่านั้น)
  • ลูกค้าจะต้องกดรับสิทธิ์ในหน้าเว็บไซต์  https://www.finnomena.com/z-admin/campaign-fint-oa-sep-dec-2023 หรือกดรับสิทธิ์ในแอป FINNOMENA หากลูกค้าไม่กดรับสิทธิ์ในช่องทางข้างต้นจะถือว่าลูกค้าไม่ประสงค์จะรับสิทธิ์ในส่วนนี้
  • จำกัดสิทธิ์ ลูกค้า 1 ท่าน ต่อ 1 สิทธิ์เท่านั้น
  • จำกัดสิทธิ์การได้รับ FINT ที่ปฏิบัติตามเงื่อนไขครบถ้วน โดย FINNOMENA FUNDS จะพิจารณาจากเวลาที่เปิดบัญชีสำเร็จ และมีการปฏิบัติตามเงื่อนไขของกิจกรรมครบถ้วนโดยสมบูรณ์แล้วเท่านั้น
  • สามารถรับสิทธิ์และเปิดบัญชี ได้ตั้งแต่วันที่ 15 กันยายน – 24 ธันวาคม 2566

เงื่อนไขการรับสิทธิ์

  • ลูกค้ามีคุณสมบัติครบตามเงื่อนไขการรับสิทธิ์ ต่อไปจะเรียกว่า “ผู้รับสิทธิ์” 
  • ผู้รับสิทธิ์ทราบว่าของรางวัลเป็น FINT 100 FINT  ซึ่งสามารถศึกษารายละเอียดรางวัลเพิ่มเติมได้ที่ https://www.fint.finance/
  • FINNOMENA FUNDS จะดำเนินการจัดสรร FINT ให้แก่ผู้รับสิทธิ์ทุกท่านที่ปฏิบัติถูกต้องตามเงื่อนไขการรับสิทธิ์ โดยกำหนดขั้นตอนดังนี้ 
    • ผู้รับสิทธิ์จะต้องกดรับสิทธิ์ก่อนการเปิดบัญชีเท่านั้น จากนั้นดำเนินการเปิดบัญชีและทำรายการตัดบัญชีธนาคารอัตโนมัติเสร็จสมบูรณ์ให้เรียบร้อยก่อนวันที่ 24 ธันวาคม 2566
    • ท่านจะได้รับ 100 FINT เมื่อบัญชีซี้อขายหน่วยลงทุนกับ FINNOMENA FUNDS ได้รับการอนุมัติ
  • ผู้รับสิทธิ์จะต้องกดรับ FINT ผ่าน FINT Wallet ภายใน 180 วัน นับจากวันที่ได้รับ FINT 
  • ของรางวัลไม่สามารถเปลี่ยนแปลงเป็นเงินสดได้
  • ลูกค้านิติบุคคลไม่สามารถร่วมรายการส่งเสริมการขายนี้ได้
  • ลูกค้าที่เปิดบัญชีผ่าน Kept invest by FINNOMENA ไม่สามารถเข้าร่วมรายการส่งเสริมการขายนี้ได้
  • การพิจารณาและตัดสินใจของบริษัทไม่ว่ากรณีใด ๆ อันเกี่ยวข้องกับการส่งเสริมการขายนี้ให้เป็นที่สิ้นสุดและไม่อาจโต้แย้งได้
  • ผู้เข้าร่วมรายการส่งเสริมการขายนี้รับทราบและตกลงที่จะผูกพันตามข้อกำหนดและเงื่อนไขและการตัดสินใจของบริษัทโดยไม่มีข้อจำกัด ผู้เข้าร่วมการส่งเสริมการขายยอมรับว่าการพิจารณาและตัดสินใจทั้งหมดของบริษัทจะถือเป็นที่สิ้นสุดและเด็ดขาด
  • บริษัทขอสงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลงหรือยกเลิกเงื่อนไขและข้อตกลงโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า และของรางวัลไม่สามารถตัดทอนเพิ่ม แลกเปลี่ยนเป็นสิ่งของรูปแบบอื่นได้ และบริษัทฯ สงวนสิทธิ์พิจารณาชี้ขาดข้อพิพาทใด ๆ ที่เกิดขึ้นในการส่งเสริมการขายนี้แต่เพียงผู้เดียว

คำเตือน

  • การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้าเงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน
  • ผลการดำเนินงานในอดีต และผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุนมิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต

เปิดบัญชีกองทุนลดหย่อนภาษี SSF-RMF วันนี้ รับฟรี! 30 FINT*

FINNOMENA

FINT คืออะไร?

“พลิกวงการการลงทุน ลดค่าธรรมเนียมได้”

FINT เป็นโทเคนดิจิทัลเพื่อการใช้ประโยชน์บนเทคโนโลยีบล๊อกเชน Ethereum ที่จะให้สิทธิ์ผู้ถือโทเคนในการรับประโยชน์จากการใช้งานแพลตฟอร์มและเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งในกิจกรรมต่าง ๆ บนผลิตภัณฑ์และบริการของกลุ่มเรา  โดยทุกๆการลงทุน 5,000 บาท รับไปเลย 1 FINT

ฟินโนมีนา มอบมิติใหม่ของการลงทุน…สู่การเป็นดิจิตอล Wealth Creation Platform

ตอบโจทย์การสร้างความมั่งคั่งผ่านการลงทุน

FINT ใช้ทำอะไรได้บ้าง?​

แลกรับส่วนลดค่าธรรมเนียมซื้อกองทุน

แลกของรางวัลและเข้าร่วมกิจกรรมพิเศษอีกมากมาย

ใช้ในเกม Trading สำหรับนักลงทุน

ลุ้นรับ NFT สุดพิเศษ

ขั้นตอนกดรับคูปอง

ขั้นตอนการเปิดบัญชี

หรือมีข้อสงสัย กดลงทะเบียนเปิดบัญชีรับ FINT

โปรดกรอกรายละเอียดให้ครบถ้วน เราจะติดต่อท่านกลับอีกครั้งเพื่อให้ข้อมูลการเปิดบัญชีรับ 100 FINT

 

เมื่อกดปุ่ม ยืนยันลงทะเบียน แสดงว่าคุณเข้าใจและยอมรับ ข้อตกลงเงื่อนไขการใช้งาน และนโยบายความเป็นส่วนตัวของ FINNOMENA แล้ว

เงื่อนไขการการเปิดบัญชีภาษี

  • ลูกค้าจะต้องทำการเปิดบัญชีซี้อขายหน่วยลงทุนกับ FINNOMENA FUNDS มาก่อน และทำการเปิดบัญชีลงทุนกองภาษี (Tax Saving Fund) กับ FINNOMENA FUNDS
  • บัญชีกองภาษีหมายถึง แผน Tax Saving Fund สำหรับซื้อกองทุน SSF-RMF โดยลูกค้าสามารถเปิดบัญชีกองภาษีได้ผ่านแอปพลิเคชัน FINNOMENA และเลือก เพิ่มแผน Tax Saving Fund หลังจากเปิดบัญชีกองทุนรวมสำเร็จ
  • เปิดบัญชีภาษีวันสุดท้ายภายในวันที่ 26 ธ.ค. 2566 พร้อมได้รับอนุมัติบัญชีภายในวันที่ 27 ธ.ค. 2566 สามารถซื้อกองทุนลดหย่อนภาษีได้ ภายใน 28 ธ.ค. 2566
  • ผู้มีสิทธิได้รับรางวัล คือผู้ที่เปิดบัญชีกองภาษี เป็นครั้งแรก และได้รับการยืนยันเลขที่หน่วยลงทุนจาก FINNOMENA FUNDS สำหรับบัญชีกองภาษี ตั้งแต่วันที่ 15 กันยายน  – 27 ธันวาคม 2566
  • ในกรณีที่เปิดบัญชีกองภาษี และได้รับเลขที่หน่วยลงทุนก่อนวันที่ 15 ก.ย. 2566 จะไม่ได้รับสิทธิ์ในโปรโมชันนี้
  • ลูกค้าจะต้องกดรับสิทธิ์ผ่านคูปองในหน้าเว็บไซต์ https://www.finnomena.com/z-admin/campaign-fint-tax-oa-sep-dec-2023 หรือกดรับสิทธิ์ในแอป FINNOMENA หากลูกค้าไม่กดรับสิทธิ์ในช่องทางข้างต้นจะถือว่าลูกค้าไม่ประสงค์จะรับสิทธิ์ในส่วนนี้
  • จำกัดสิทธิ์รับรางวัล ลูกค้า 1 ท่าน ต่อ 1 สิทธิ์เท่านั้น

เงื่อนไขการรับสิทธิ์

  • ลูกค้ามีคุณสมบัติครบตามเงื่อนไขการรับสิทธิ์ ต่อไปจะเรียกว่า “ผู้รับสิทธิ์” 
  • ผู้รับสิทธิ์ทราบว่าของรางวัลคือ FINT จำนวน 30 FINT  ซึ่งสามารถศึกษารายละเอียดรางวัลเพิ่มเติมได้ที่ https://www.fint.finance/
  • FINNOMENA จะดำเนินการจัดสรร FINT ให้แก่ผู้รับสิทธิ์ทุกท่านที่ปฏิบัติถูกต้องตามเงื่อนไขการรับสิทธิ์ โดยกำหนดขั้นตอนดังนี้ 
    • ผู้รับสิทธิ์จะต้องกดรับสิทธิ์ก่อนการเปิดแผน Tax Saving Fund พร้อมได้รับอนุมัติบัญชีก่อนวันที่ 27 ธันวาคม 2566
    • ท่านจะได้รับ 30 FINT เมื่อแผน Tax Saving Fund ของท่านได้รับการอนุมัติภายในวันที่ 27 ธันวาคม 2566
    • ผู้รับสิทธิ์จะต้องกดรับ FINT ผ่าน FINT Wallet ภายใน 180 วัน นับจากวันที่ได้รับ FINT 
  • ของรางวัลไม่สามารถเปลี่ยนแปลงเป็นเงินสดได้
  • ลูกค้านิติบุคคลไม่สามารถร่วมรายการส่งเสริมการขายนี้ได้
  • ลูกค้าที่เปิดบัญชีผ่าน Kept invest by FINNOMENA ไม่สามารถเข้าร่วมรายการส่งเสริมการขายนี้ได้
  • การพิจารณาและตัดสินใจของบริษัทไม่ว่ากรณีใด ๆ อันเกี่ยวข้องกับการส่งเสริมการขายนี้ให้เป็นที่สิ้นสุดและไม่อาจโต้แย้งได้
  • ผู้เข้าร่วมรายการส่งเสริมการขายนี้รับทราบและตกลงที่จะผูกพันตามข้อกำหนดและเงื่อนไขและการตัดสินใจของบริษัทโดยไม่มีข้อจำกัด ผู้เข้าร่วมการส่งเสริมการขายยอมรับว่าการพิจารณาและตัดสินใจทั้งหมดของบริษัทจะถือเป็นที่สิ้นสุดและเด็ดขาด
  • บริษัทขอสงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลงหรือยกเลิกเงื่อนไขและข้อตกลงโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า และของรางวัลไม่สามารถตัดทอนเพิ่ม แลกเปลี่ยนเป็นสิ่งของรูปแบบอื่นได้ และบริษัทฯ สงวนสิทธิ์พิจารณาชี้ขาดข้อพิพาทใด ๆ ที่เกิดขึ้นในการส่งเสริมการขายนี้แต่เพียงผู้เดียว

คำเตือน

  • คำเตือน ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไข ผลตอบแทน ความเสี่ยงและศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่ระบุไว้ในคู่มือการลงทุนในกองทุนรวม SSF และ RMF กรณีไม่ได้ปฏิบัติตามเงื่อนไขภาษี จะไม่ได้สิทธิประโยชน์ตามเงื่อนไขกองทุน
  • ผลการดำเนินงานในอดีต และผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุนมิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต

ซื้อกองทุน ThaiESG เท่าไหร่ดี? ให้ประหยัดภาษีคุ้มสุด

FINNOMENA FUNDS
ซื้อ thaiesg เท่าไรดี

ลดหย่อนภาษีด้วยกองทุน ThaiESG ซื้อเท่าไหร่ให้คุ้มค่าที่สุด? รายได้เท่านี้ ลงทุน ThaiESG ได้เท่าไหร่ ประหยัดภาษีได้กี่บาท? ใครที่ปีนี้ลงทุนกับ SSF RMF ไปเยอะแล้ว ยังควรซื้อ ThaiESG เพิ่มอีกไหม? บทความนี้จะสรุปให้เห็นภาพแบบชัด ๆ เพื่อให้ทุกคนสามารถนำไปวางแผนภาษีปีนี้ได้อย่างเหมาะสม

รับบริการผู้แนะนำการลงทุนกองภาษีส่วนตัวจาก FINNOMENA FUNDS ฟรี! ไม่มีค่าใช้จ่าย
👉 ลงทะเบียน คลิก https://finno.me/taxplanner-services

ทบทวนเงื่อนไข ThaiESG – SSF – RMF ซื้อได้เท่าไหร่

  • ThaiESG ลงทุนได้สูงสุดไม่เกิน 30% ของรายได้รวมทั้งปี และไม่เกิน 100,000 บาท
  • SSF ลงทุนได้สูงสุดไม่เกิน 30% ของรายได้รวมทั้งปี และไม่เกิน 200,000 บาท
  • RMF ลงทุนได้สูงสุดไม่เกิน 30% ของรายได้รวมทั้งปี และไม่เกิน 500,000 บาท

ทั้งนี้ กองทุน SSF กับ RMF เมื่อนำมาคำนวณรวมกับกองทุนการออมเพื่อการเกษียณอายุอื่น ๆ ได้แก่ กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (PVD), กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.), กองทุนสงเคราะห์ครูโรงเรียนเอกชน, กองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) และประกันชีวิตแบบบำนาญ จะลงทุนรวมกันได้ไม่เกิน 500,000 บาท

รายได้เท่านี้ ซื้อ ThaiESG ได้สูงสุดเท่าไหร่ 

หากคำนวณตามเงื่อนไขรายได้ เราจะสามารถซื้อกองทุน ThaiESG หรือ ‘กองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืน’ ในแต่ละช่วงรายได้ ดังนี้

  • เงินเดือน 15,000 บาท รายได้รวมทั้งปี 180,000 บาท ซื้อ ThaiESG ได้สูงสุด 54,000 บาท
  • เงินเดือน 20,000 บาท รายได้รวมทั้งปี 240,000 บาท ซื้อ ThaiESG ได้สูงสุด 72,000 บาท
  • เงินเดือน 25,000 บาท รายได้รวมทั้งปี 300,000 บาท ซื้อ ThaiESG ได้สูงสุด 90,000 บาท
  • เงินเดือน 35,000 บาท รายได้รวมทั้งปี 420,000 บาท ซื้อ ThaiESG ได้สูงสุด 100,000 บาท
  • เงินเดือน 50,000 บาท รายได้รวมทั้งปี 600,000 บาท ซื้อ ThaiESG ได้สูงสุด 100,000 บาท
  • เงินเดือน 100,000 บาท รายได้รวมทั้งปี 1,200,000 บาท ซื้อ ThaiESG ได้สูงสุด 100,000 บาท
  • เงินเดือน 500,000 บาท รายได้รวมทั้งปี 6,000,000 บาท ซื้อ ThaiESG ได้สูงสุด 100,000 บาท

(หมายเหตุ: วงเงินลดหย่อนของ ThaiESG จะไม่นับรวมกับกองทุนการออมเพื่อการเกษียณอายุอื่น ๆ)

วิธีวางแผนลงทุน ThaiESG ให้ประหยัดภาษีแบบคุ้มค่า

ตัวเลขข้างต้นนั้นเป็นจำนวนเงินสูงสุดที่เราสามารถลงทุนได้ แต่ถ้าอยากรู้ว่าควรซื้อกี่บาทถึงจะเหมาะสมและพอดีกับการวางแผนภาษี สิ่งที่ต้องทำก็คือการคำนวณเงินได้สุทธิเพื่อหาฐานภาษีตามขั้นบันได

โดยใช้สูตร เงินได้สุทธิ = รายได้ทั้งปี – ค่าใช้จ่าย – ค่าลดหย่อน

ตัวอย่างเช่น: เราเป็นพนักงานออฟฟิศ รายได้ต่อเดือน 50,000 บาท รวมเป็นรายได้ต่อปี 600,000 บาท 

จากนั้นให้นำไปหักค่าใช้จ่ายส่วนตัว 100,000 บาท (รายได้ประจำสามารถหักค่าใช้จ่ายได้ 50% ไม่เกิน 100,000 บาท) และหักค่าลดหย่อนต่าง ๆ ที่มี ซึ่งพื้นฐานเลยก็อย่างเช่น ค่าลดหย่อนส่วนตัว 60,000 บาท ประกันสังคม 9,000 บาท เป็นต้น

คิดตามนี้ แปลว่าเงินได้สุทธิ เท่ากับ 600,000 – 100,000 – 60,000 – 9,000 = 431,000 บาท

แล้วค่อยนำเงินได้สุทธิจำนวนนี้ไปคำนวณตามเงื่อนไขของ ThaiESG ที่ลงทุนได้สูงสุด 30% และไม่เกิน 100,000 บาท ซึ่งในกรณีนี้เราจะลงทุนได้เต็มแม็กที่จำนวน 100,000 บาท

– อ่านเพิ่มเติม สรุปวิธีคำนวณภาษี ปี 2566: จับมือสอนตั้งแต่เริ่มต้น ครบจบทุกขั้นตอน

อย่างไรก็ดี แม้การซื้อกองทุนลดหย่อนภาษีให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ จะช่วยเปลี่ยนภาษีที่ต้องจ่ายเป็นเงินออมได้มากเท่านั้น และยังตอบโจทย์เป้าหมายการเงินในระยะยาว แต่อย่าลืมพิจารณาปัจจัยอื่น ๆ ในชีวิตควบคู่กันไปด้วย อาทิ

1. สภาพคล่องทางการเงิน: ถ้าลงทุนแล้วจะทำให้เงินขาดมือ หรืออาจเกิดปัญหาทางการเงินตามมาหรือไม่ เพราะอย่าลืมว่า ThaiESG รวมทั้ง SSF RMF เป็นการลงทุนระยะยาวในการรอคอย

2. ผลตอบแทนและความเสี่ยงที่รับได้: ควรเลือกลงทุนให้เหมาะสมกับตัวเอง ถ้ารู้ตัวว่ารับความเสี่ยงจาก ThaiESG ไม่ได้ การมองหาตัวช่วยลดหย่อนภาษีอื่น ๆ น่าจะเหมาะกว่า

3. ฐานภาษีของตัวเอง: ยิ่งฐานภาษีสูง การลดหย่อนยิ่งจำเป็นและคุ้มค่า แต่ถ้าไม่ได้มีกระแสเงินสดที่เพียงพอขนาดนั้น แนะนำให้ซื้อเพื่อลดฐานภาษีตัวเองลงก็ได้ เช่น ตอนนี้เสียภาษีที่ฐาน 15% เราก็ซื้อ ThaiESG เพื่อให้ฐานภาษีเหลือ 10% เพื่อจะได้จ่ายภาษีเบาลง

สุดท้ายนี้ FINNOMENA FUNDS สรุปออกมาเป็นตารางให้เห็นภาพชัด ๆ ว่าเราสามารถซื้อ  SSF-RMF ควบคู่กับ ThaiESG ได้เท่าไหร่ แบบเต็มแม็ก โดยคิดจากเงินได้สุทธิ พร้อมเปรียบเทียบกับฐานภาษีในแต่ละช่วง เพื่อให้ทุกคนนำไปวางแผนต่อได้ง่ายยิ่งขึ้น

ซื้อ thaiesg เท่าไรดี

คำอธิบายตารางเพิ่มเติม

  • เงินได้สุทธิ คือรายได้รวมทั้งปี หักด้วยค่าใช้จ่ายและค่าลดหย่อนอื่น ๆ 
  • เงินลงทุนสูงสุด คำนวณจากเงื่อนไข SSF ที่ลงทุนได้ไม่เกิน 30% ของรายได้ สูงสุด 200,000 บาท, RMF ไม่เกิน 30% ของรายได้ สูงสุด 500,000 บาท และเมื่อรวมกันแล้วต้องไม่เกิน 500,000 บาท
  • ThaiESG ลงทุนได้ไม่เกิน 30% ของรายได้ สูงสุด 100,000 บาท ไม่ต้องนับรวมกับกองทุนอื่น ๆ 

หากมีการเปิดให้ซื้อกองทุน ThaiESG ผ่าน FINNOMENA FUNDS เมื่อไหร่ จะมีการอัปเดตให้ทราบกันอีกครั้งแน่นอน

ศึกษาเกี่ยวกับกองทุน ThaiESG เพิ่มเติมได้ที่

กองทุนลดหย่อนภาษีปีนี้ มาซื้อที่ฟินโนมีนา ฟันด์ เปิดบัญชีที่เดียว ซื้อ SSF-RMF ได้หลากหลาย บลจ. พร้อมโปรโมชันพิเศษ ดูรายละเอียดได้ที่ https://finno.me/tsf-23-ws


คำเตือน: ผู้ลงทุนต้องทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไข ผลตอบแทน ความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน และควรศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่ระบุไว้ในคู่มือการลงทุนของกองทุน SSF RMF และ ThaiESG กรณีไม่ได้ปฏิบัติตามเงื่อนไขภาษี จะไม่ได้สิทธิประโยชน์ตามเงื่อนไขกองทุน

รวม 10 อันดับ กองทุนผลตอบแทนดี ประจำเดือนปี 2023

FINNOMENA
รวม 10 อันดับ กองทุนผลตอบแทนดี ประจำเดือนปี 2023

กองทุนไหนดี? รวบรวม 10 อันดับกองทุนผลตอบแทนดีในแต่ละเดือนของปี 2566 มาไว้ที่นี่แล้ว!

สารบัญ

FINNOMENA FUNDS ให้คุณได้ลงทุนในกองทุนรวมชั้นนำของประเทศไทยจากหลากหลาย บลจ.
ตอบโจทย์ทุกความต้องการ ไม่ว่าจะลงกองเดี่ยว จัดพอร์ต วางแผนลงทุน หรือลดหย่อนภาษี
ดูรายละเอียดเพิ่มเติม คลิก https://finno.me/get-started-ws

10 อันดับ กองทุนผลตอบแทนดี ประจำเดือนมกราคม 2023

รวม 10 อันดับ กองทุนผลตอบแทนดี ประจำเดือนปี 2023

คลิกที่ชื่อกองทุนเพื่อดูข้อมูลกองทุนเพิ่มเติม: ASP-DIGIBLOC, KFINNO-A, TMB-ES-INTERNET, T-ES-GINNO, TMB-ES-GINNO, SCBNEXT(A), SCBINNO(A), ONE-GECOM, SCBFINTECH(A), TMB-ES-FINTECH

10 อันดับ กองทุนผลตอบแทนดี ประจำเดือนกุมภาพันธ์ 2023

รวม 10 อันดับ กองทุนผลตอบแทนดี ประจำเดือนปี 2023

คลิกที่ชื่อกองทุนเพื่อดูข้อมูลกองทุนเพิ่มเติม: MEGA10-A, BCAP-DISRUPT, KT-WTAI-A, TNEXTGEN-A, SCBFST, ABAG, TCYBER, T-ES-GTECH, KWI EE EURO, KF-EUROPE

อ่านเพิ่มเติม รีวิวกองทุน MEGA10: โอกาสลงทุนใน 10 บริษัท ผู้ทรงอิทธิพลที่สุดในโลก

10 อันดับ กองทุนผลตอบแทนดี ประจำเดือนมีนาคม 2023

รวม 10 อันดับ กองทุนผลตอบแทนดี ประจำเดือนปี 2023

คลิกที่ชื่อกองทุนเพื่อดูข้อมูลกองทุนเพิ่มเติม: DAOL-GOLD, LHESPORT-A, LHESPORT-D, DAOL-PLAY, SCBGOLDH, KT-PRECIOUS, UOBSG – H, PRINCIPAL IGOLD-A, K-GOLD-C(A), KF-HGOLD, KT-GOLD

10 อันดับ กองทุนผลตอบแทนดี ประจำเดือนเมษายน 2023

รวม 10 อันดับ กองทุนผลตอบแทนดี ประจำเดือนปี 2023

คลิกที่ชื่อกองทุนเพื่อดูข้อมูลกองทุนเพิ่มเติม: ONE-GLOBFIN-RD, ONE-GLOBFIN-RA, ASP-DIGIBLOC, ASP-OIL, KT-ENERGY, TUSOIL, TOIL6, TFINTECH, KWI EE EURO, I-OIL, KT-OIL

10 อันดับ กองทุนผลตอบแทนดี ประจำเดือนพฤษภาคม 2023

รวม 10 อันดับ กองทุนผลตอบแทนดี ประจำเดือนปี 2023

คลิกที่ชื่อกองทุนเพื่อดูข้อมูลกองทุนเพิ่มเติม: KKP SEMICON-H, SCBSEMI(A), KFGTECH-A, KKP TECH-H, ONE-METAVERSE, ASP-DIGIBLOC, ES-USTECH, M-META, KKP NDQ100-H, K-USXNDQ-A(A), K-USXNDQ-A(D)

10 อันดับ กองทุนผลตอบแทนดี ประจำเดือนมิถุนายน 2023

รวม 10 อันดับ กองทุนผลตอบแทนดี ประจำเดือนปี 2023

คลิกที่ชื่อกองทุนเพื่อดูข้อมูลกองทุนเพิ่มเติม: TMB-ES-INTERNET, SCBNEXT(A), PRINCIPAL VNEQ-A, SCBINNO(A), T-ES-GINNO, KT-VIETNAM-A, TMB-ES-GINNO, KFINNO-A, ONE-GECOM, K-VIETNAM

10 อันดับ กองทุนผลตอบแทนดี ประจำเดือนกรกฎาคม 2023

รวม 10 อันดับ กองทุนผลตอบแทนดี ประจำเดือนปี 2023

คลิกที่ชื่อกองทุนเพื่อดูข้อมูลกองทุนเพิ่มเติม: ASP-DIGIBLOC, LHBLOCKCHAIN, TMB-ES-INTERNET, KT-BLOCKCHAIN-A, DAOL-CYBER, T-ES-GINNO, KFINNO-A, TMB-ES-FINTECH, TMB-ES-GINNO, TUSOIL

10 อันดับ กองทุนผลตอบแทนดี ประจำเดือนสิงหาคม 2023

คลิกที่ชื่อกองทุนเพื่อดูข้อมูลกองทุนเพิ่มเติม: KKP SM CAP, KKP TQG, TLMSEQ-A, TLFLEX, TLEQ, UTSME, TISCOFLEXP, ABTED, KMSLTF-A(A), K-MIDSMALL

10 อันดับ กองทุนผลตอบแทนดี ประจำเดือนกันยายน 2023

รวม 10 อันดับ กองทุนผลตอบแทนดี ประจำเดือนปี 2023

คลิกที่ชื่อกองทุนเพื่อดูข้อมูลกองทุนเพิ่มเติม: DAOL-CANAB, MCANN, TMBOIL, KT-OIL, I-OIL, TOIL6, K-OIL, SCBOIL, TISCOOIL, KF-OIL

10 อันดับ กองทุนผลตอบแทนดี ประจำเดือนตุลาคม 2023

คลิกที่ชื่อกองทุนเพื่อดูข้อมูลกองทุนเพิ่มเติม: K-GOLD-A(A), K-GOLD-A(D), PRINCIPAL IGOLD-A, SCBGOLDH, UOBSG – H, KKP GOLD, UOBSG-N, UOBSG-D, LHGOLDH-A, LHGOLDH-D, TGOLDBULLION-H

10 อันดับ กองทุนผลตอบแทนดี ประจำเดือนพฤศจิกายน 2023

คลิกที่ชื่อกองทุนเพื่อดูข้อมูลกองทุนเพิ่มเติม: KFINNO-A, TNEXTGEN-A, T-ES-GINNO, TMB-ES-GINNO, TMB-ES-FINTECH, SCBFINTECH(A), TMB-ES-INTERNET, DAOL-CYBER, SCBNEXT(A), LHINNO-A

สามารถกรองการจัดอันดับได้เอง พร้อมข้อมูลอัปเดตล่าสุดที่ FINNOMENA Fund Filter

รับบริการที่ปรึกษาการลงทุนส่วนตัวจาก FINNOMENA FUNDS ฟรี! ไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม ใช้เงินลงทุนเริ่มต้นเพียง 500,000 บาทเท่านั้น
👉 ลงทะเบียน คลิก >>> https://finno.me/finnomena-x-service


คำเตือน

ผู้ลงทุนต้องทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน | ผลการดำเนินงานในอดีต และผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต | กองทุนอาจลงทุนกระจุกตัวในหมวดอุตสาหกรรมและประเทศที่ลงทุน  จึงมีความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนจำนวนมาก ผู้ลงทุนจึงควรพิจารณาการกระจายความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุนโดยรวมของตนเองด้วย | ผู้ลงทุนอาจมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากการป้องกันความเสี่ยงขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้จัดการกองทุน | สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน ฟินโนมีนา จำกัด ในช่วงเวลาวันทำการตั้งแต่ 09:00-17:00 น. ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 026 5100 และทาง LINE “@FINNOMENAPORT”

สรุปไลฟ์ “เปิดมุมมองกองทุนตราสารหนี้ ABGFIX หลังทิศทางนโยบายการเงินเริ่มเปลี่ยน” I สรุป LIVE Market Talk

FINNOMENA FUNDS
สรุปไลฟ์ “เปิดมุมมองกองทุนตราสารหนี้ ABGFIX หลังทิศทางนโยบายการเงินเริ่มเปลี่ยน” I สรุป LIVE Market Talk

สรุปสถานการณ์ตราสารหนี้โลกปี 2023 เราได้บทเรียนอะไรจากตลาดตราสารหนี้บ้าง

เกือบ 2 ปีที่ผ่านมา ถือเป็นช่วงเวลาที่ท้าทายสำหรับตราสารหนี้ โดยการคาดการณ์ของตลาดเปลี่ยนไปมาตลอดเวลา จากที่คาดไว้ว่าสหรัฐฯ จะเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย แต่ปัจจุบันความน่าจะเป็นในกรณีดังกล่าวก็ลดน้อยลงไป ทำให้ผลตอบแทนจากการลงทุนตราสารหนี้ค่อนข้างผันผวน

อย่างไรก็ดี อเบอร์ดีนเชื่อว่าปีหน้า (2024) จะเป็นปีที่ดีของตราสารหนี้ อเบอร์ดีนคิดว่าดอกเบี้ยน่าจะอยู่ในระดับที่สูงที่สุด หรือใกล้สูงที่สุดแล้ว (peak) สะท้อนจากเงินเฟ้อที่ค่อย ๆ ชะลอตัวลงตามคาด ซึ่งจะทำให้การลงทุนในตราสารหนี้น่าจะกลับมาสร้างผลตอบแทนได้ดีอีกครั้ง

หลังประชุมธนาคารกลางต่าง ๆ ผ่านไป ผลกระทบต่อ bond yield เป็นอย่างไร และส่งผลอย่างไรต่อตลาดตราสารหนี้

หลังการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินของธนาคารสหรัฐฯ (Fed) และยุโรป(ECB) อเบอร์ดีนเชื่อว่าอัตราดอกเบี้ยน่าจะอยู่ในระดับสูงที่สุด หรือใกล้สูงที่สุดแล้ว และbond yield น่าจะเริ่มปรับตัวเข้าสู่ภาวะสมดุล

อย่างไรก็ดี สำหรับการลงทุนในตราสารหนี้ในระยะต่อไป สิ่งที่สำคัญที่สุด คือการเลือกระยะเวลาของตราสารหนี้ที่จะไปลงทุนมากกว่า ซึ่งอเบอร์ดีนมองว่าตราสารหนี้ระยะสั้น (1-3 ปี) น่าจะให้ผลตอบแทนที่ดี และควรแบ่งการลงทุนไปยังตลาดตราสารหนี้ทั่วโลก โดยแม้ว่าการลงทุนในสหรัฐฯ และยุโรปจะได้รับความนิยมมาก แต่การกระจายการลงทุนไปทั่วโลกน่าจะช่วยลดความเสี่ยงได้มากกว่า ในขณะเดียวกันยังคงให้ผลตอบแทนที่ยอมรับได้

ทำไมอเบอร์ดีนจึงคิดว่าตราสารหนี้ระยะสั้นจะให้ผลตอบแทนที่ดี   

ปัจจุบันตลาดตราสารหนี้เกิดเหตุการณ์ในลักษณะ inverted yield curve ซึ่งหมายความว่าผลตอบแทนของตราสารหนี้อายุสั้นมีผลตอบแทนสูงกว่าตราสารหนี้ระยะยาวทำให้อเบอร์ดีนมองว่าตรา-สารหนี้อายุ 1-3 ปีดูน่าสนใจกว่าตราสารหนี้ระยะยาว โดยจากสถิติที่ผ่านมา เมื่อดอกเบี้ยเข้าสู่ภาวะปกติ yield curve จะเริ่มกลับมาเป็นเหมือนเดิม ทำให้อเบอร์ดีนมองว่าก่อนเหตุการณ์จะกลับมาปกติ ณ เวลานี้เป็นจุดที่ดีในการลงทุนตราสารหนี้พันธบัตรระยะสั้น 1-3 ปี ซึ่งเป็นจุดที่ดอกเบี้ยเข้าใกล้หรืออยู่จุดที่สูงที่สุด หากรอจนเหตุการณ์เริ่มกลับมาปกติน่าจะช้าไป

แม้ว่าตลาดตราสารหนี้ในยุโรปและสหรัฐฯ จะเกิด inverted yield curve ทั้งสองตลาด แต่อเบอร์ดีนให้ความสนใจกับตราสารหนี้ที่เป็นเงินดอลลาร์สหรัฐฯ มากกว่า โดยตราสารหนี้ที่เป็นเงินดอลลาร์สหรัฐฯ จะให้ผลตอบแทนในรูปอัตราดอกเบี้ยที่ค่อนข้างดีกว่าการลงทุนอื่น ๆ เนื่องจาก Fed ยังน่าจะคงดอกเบี้ยในระดับสูงต่อไป และความแข็งแกร่งของเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ในอนาคตจะทำให้การลงทุนในตราสารหนี้ที่เป็นเงินดอลลาร์สหรัฐฯ น่าสนใจมากขึ้น กล่าวคือ

  • หากเศรษฐกิจถดถอยอย่างรุนแรง (hard landing) จะทำให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ แข็งค่า เนื่องจากนักลงทุนต้องการถือเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อป้องกันความเสี่ยง
  • และในทางตรงกันข้าม หากเศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังเติบโตได้ต่อ ก็จะทำให้เงินไหลเข้าตลาดสหรัฐฯ และเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ก็จะแข็งค่าเช่นเดียวกัน ซึ่งจะเป็นผลบวกต่อตราสารหนี้ในตลาดสหรัฐฯ

สถานการณ์ที่ดอกเบี้ยน่าจะคงอยู่ในระดับสูงเป็นระยะเวลานาน (higher for longer)น่าจะทำให้นักลงทุนเลือกหันกลับมาลงในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงน้อยกว่าสินทรัพย์อื่น ๆโดยกระจายการลงทุนให้เหมาะสม ตลอดจนหาโอกาสจากการลงทุนที่ได้ประโยชน์จากดอกเบี้ยสูง ซึ่งอเบอร์ดีนเชื่อว่าการลงทุนในตราสารหนี้จะตอบโจทย์ดังกล่าวได้ดี

วิธีการเลือกตราสารหนี้เข้าพอร์ตรับปี 2024

อเบอร์ดีนชอบการลงทุนในตราสารหนี้โลก แต่ให้น้ำหนักในตราสารหนี้ที่เป็นสกุลดอลลาร์สหรัฐฯ มากกว่า เนื่องจากให้ผลตอบแทนที่สูงกว่า และค่าเงินดอลลาร์ที่น่าจะคงอยู่ในระดับแข็งค่าไปอีกระยะหนึ่ง อเบอร์ดีนแนะนำการลงทุนในตราสารหนี้ระยะสั้น 1-3 ปี ที่ปัจจุบันให้ผลตอบแทนสูงกว่าตราสารหนี้ระยะ-ยาว โดยลงทุนในบริษัทที่ดีมีคุณภาพ (แนะนำไม่ต่ำกว่า A-) เพื่อป้องกันปัญหาด้านสภาพคล่อง และน่าจะสร้างผลตอบแทนได้ดี

ทำความรู้จัก ABGFIX จุดเด่นของกอง ABGFIX และนักลงทุนแบบใดควรมี ABGFIX ในพอร์ต

กองทุนเปิดอเบอร์ดีน โกลบอล เอนแฮนซ์ ฟิกซ์ อินคัม ฟันด์ (ABGFIX) เป็นกองทุนเปิดที่ลงทุนในกองทุน abrdn SICAV-I Short dated Enhanced Income Fund Class Z Acc USD (กองทุนหลัก) ซึ่งจะลงทุนในตราสารหนี้สกุลเงินสหรัฐฯ เป็นหลัก และมีบางส่วนที่ลงทุนในตราสารหนี้สกุลเงินอื่น แต่ทั้งนี้กองทุนหลักจะทำการป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนกลับมาเป็นเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐฯ โดยตราสารหนี้ที่ลงทุนจะอยู่ในระดับ investment grade อย่างน้อย 50% ของสินทรัพย์ของกองทุน และจะลงทุนใน sub-investment grade ไม่เกิน 20%ของสินทรัพย์ทั้งหมด กองทุนหลักจะมี credit rating ของสินทรัพย์เฉลี่ยอยู่ที่ A- และตราสารหนี้ที่ถือจะมีระยะเวลาโดยเฉลี่ยอยู่ในช่วง 1-2 ปี โดยจุดเด่นของ ABGFIX ประกอบด้วย

  1. High quality พอร์ตลงทุนมีอันดับความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้เฉลี่ยอยู่ในเกณฑ์ที่ดี ไม่ต่ำกว่า A-
  2. Enhanced yield กองทุนหลักตั้งเป้าอัตราผลตอบแทน +75-2.25% จาก SOFR*หรืออัตราดอกเบี้ยการกู้ยืมระยะข้ามคืน ซึ่ง ณ สิ้นเดือนกันยายน SOFR อยู่ที่ 5.31% (ที่มา: Bloomberg) กับตราสารหนี้คุณภาพสูงทั่วโลก โดยอัตราผลตอบแทนเมื่อถือจนครบกำหนดอายุ (YTM) ของกองทุนหลัก ณ สิ้นเดือนกันยายน อยู่ที่ 6.79% ซึ่งถือว่าค่อนข้างสูง เมื่อเทียบกับความเสี่ยง และตัวเลือกการลงทุนอื่น ๆ อย่างไรก็ตาม YTMไม่ใช่ผลตอบแทนโดยรวมจากการลงทุนของกองทุน (Total Return)
  3. Low volatility ความผันผวนต่ำ ด้วยอายุเฉลี่ยตราสารหนี้ของพอร์ตน้อยกว่า 2 ปี ลดความเสี่ยงที่อาจเกิดจากการเปลี่ยนแปลงของอัตราดอกเบี้ย
  4. Advanced liquidity สภาพคล่องสูง ผู้ลงทุนสามารถรับเงินคืนภายใน 2 วันทำการ

สรุปไลฟ์ “เปิดมุมมองกองทุนตราสารหนี้ ABGFIX หลังทิศทางนโยบายการเงินเริ่มเปลี่ยน” I สรุป LIVE Market Talk

ที่มา: Presentation กองทุนเปิด อเบอร์ดีน โกลบอล เอนแฮนซ์ ฟิกซ์ อินคัม ฟันด์ (ABGFIX)
ข้อมูล ณ เดือนกันยายน 2566

ที่มา: Presentation กองทุนเปิด อเบอร์ดีน โกลบอล เอนแฮนซ์ ฟิกซ์ อินคัม ฟันด์ (ABGFIX)
ข้อมูล ณ เดือนพฤศจิกายน 2566

นอกจากนั้น เมื่อเทียบกับกองทุนที่ลงทุนในสินทรัพย์ที่ใกล้เคียงกันอื่น ๆ จะเห็นว่าABGFIX ให้ผลตอบแทนที่น่าสนใจ ด้วยอายุเฉลี่ยตราสารหนี้ของ ABGFIX ที่ต่ำกว่า แต่มีเป้าหมายการสร้างผลตอบแทนในระดับที่สูงกว่า ทำให้กองทุนมีความน่าสนใจ ซึ่งจะต่างจากการลงทุนในตราสารหนี้ระยะยาวที่อาจจะสร้างผลตอบแทนที่สูงกว่าเพียงเล็กน้อย แต่ก็อาจจะมีสภาพคล่องที่น้อยกว่าและมีโอกาสเสี่ยงต่อความไม่แน่นอนที่อาจจะเกิดขึ้นในการถือตราสารหนี้ที่มีระยะเวลาที่ยาวกว่า

ที่มา: Presentation กองทุนเปิด อเบอร์ดีน โกลบอล เอนแฮนซ์ ฟิกซ์ อินคัม ฟันด์ (ABGFIX)
ข้อมูล ณ วันที่ 29 กันยายน 2566

กองทุน ABGFIX เหมาะสำหรับการถือลงทุนเพื่อลดความเสี่ยง

จากสถิติที่ผ่านมา กองทุนหลักมีความสัมพันธ์ที่ตรงกันข้ามกับกองทุนหลักอื่น ๆ ซึ่งอเบอร์ดีนมองว่าเป็นสิ่งที่ดีในการช่วยกระจายความเสี่ยงในการลงทุน โดยหากกองทุนอื่น ๆ หรือสินทรัพย์อื่น ๆ ให้ผลตอบแทนที่ติดลบ กองทุนนี้มีโอกาสสร้างผลตอบแทนที่เป็นบวก และช่วยกระจายความเสี่ยงโดยรวมของพอร์ตการลงทุนได้ ทั้งนี้ อเบอร์ดีนมองว่าสัดส่วนความผันผวนต่อผลตอบแทน (returns – volatility ratio) ของกองทุนนี้ที่เกือบเท่ากับ 1แสดงให้เห็นว่ากองทุนนี้สร้างผลตอบแทนได้ดี เมื่อเทียบกับความผันผวน

ที่มา: Presentation กองทุนเปิด อเบอร์ดีน โกลบอล เอนแฮนซ์ ฟิกซ์ อินคัม ฟันด์ (ABGFIX)
ข้อมูล ณ เดือนพฤษภาคม 2566

ที่มา: Presentation กองทุนเปิด อเบอร์ดีน โกลบอล เอนแฮนซ์ ฟิกซ์ อินคัม ฟันด์ (ABGFIX)
ข้อมูล ณ เดือนตุลาคม 2566 

กองทุน ABGFIX ไม่มีกลไกป้องกันความเสี่ยงจากค่าเงิน (hedging) จะเกิดผลเสียหรือไม่

อเบอร์ดีนเชื่อว่าความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากกองทุน ABGFIX ไม่ได้มีกลไก hedging ค่าเงิน อยู่ในระดับที่ควบคุมได้ แม้ว่าจะทำให้ผลตอบแทนของกองทุนมีความผันผวนมากกว่ากองทุนหลัก แต่จากสถิติย้อนหลังจากการทำพอร์ตจำลอง จะเห็นได้ว่าการไม่ hedge นั้น ทำให้กองทุนสร้างผลตอบแทนโดยเฉลี่ยสูงกว่า โดยนักลงทุนไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมในการ hedging นอกจากนั้นการแข็งค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ที่อเบอร์ดีนคาดการณ์ว่าจะเกิดขึ้นในอนาคต ทำให้อเบอร์ดีนคิดว่าการไม่มี hedging นั้นเหมาะสมกับสภาพตลาดการลงทุนในปัจจุบันและอนาคตอันใกล้นี้มากกว่า

ที่มา: Presentation กองทุนเปิด อเบอร์ดีน โกลบอล เอนแฮนซ์ ฟิกซ์ อินคัม ฟันด์ (ABGFIX)
ข้อมูล ณ เดือนตุลาคม 2566

ตัวอย่างการลงทุนใน ABGFIX

การลงทุนในตราสารหนี้ในกองทุน ABGFIX กระจายอยู่ในหลาย ๆ ภูมิภาคทั่วโลกโดยให้น้ำหนักในตลาดพัฒนาแล้วมากกว่าตลาดเกิดใหม่ และลงทุนในตราสารหนี้ในหลาย ๆ อุตสาหกรรม โดยส่วนใหญ่ก็ยังเป็นการลงทุนในตราสารหนี้ระยะสั้นตามนโยบายการลงทุนหลัก

ที่มา: Presentation กองทุนเปิด อเบอร์ดีน โกลบอล เอนแฮนซ์ ฟิกซ์ อินคัม ฟันด์ (ABGFIX)
ข้อมูล ณ วันที่ 29 กันยายน 2566

ที่มา: Presentation กองทุนเปิด อเบอร์ดีน โกลบอล เอนแฮนซ์ ฟิกซ์ อินคัม ฟันด์ (ABGFIX)
ข้อมูล ณ วันที่ 29 กันยายน 2566

ความเสี่ยงที่ควรรู้ก่อนลงทุนใน ABGFIX

อัตราดอกเบี้ยนโยบายอาจทำให้ราคาตราสารหนี้ผันผวนมากขึ้น ซึ่งจากที่อเบอร์ดีนคาดการณ์ว่าดอกเบี้ยเข้าใกล้ระดับสูงที่สุดแล้ว ทำให้ความเสี่ยงนี้ค่อนข้างจำกัด นอกจากนั้น การที่กองทุนนี้ไม่มีกลไก hedging อาจทำให้นักลงทุนได้รับผลกระทบหากค่าเงินมีความผันผวน หรือเงินดอลลาร์สหรัฐฯ อ่อนค่าลงอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งอเบอร์ดีนก็มองว่าโอกาสเกิดมีไม่มากนักเช่นกัน

หากนักลงทุนสนใจกองทุน ABGFIX สามารถศึกษารายละเอียดได้จาก https://finno.me/abgfix-ws


คำเตือน

การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน | ผลการดำเนินงานในอดีต และผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต | การลงทุนในกองทุนรวมที่ลงทุนในต่างประเทศมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน ซึ่งอาจทำให้ได้รับเงินคืนต่ำกว่าเงินลงทุนเริ่มแรก | กองทุนมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนตามดุลยพินิจผู้จัดการกองทุน ปัจจุบันกองทุนไม่มีการป้องกันความเสี่ยง | กองทุนรวมนี้ลงทุนกระจุกตัวในตราสารหนี้ ผู้ลงทุนจึงควรพิจารณาการกระจายความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุนโดยรวมของตนเองด้วย | สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน ฟินโนมีนา จำกัด ในช่วงเวลาวันทำการตั้งแต่ 09:00-17:00 น. ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 026 5100 และทาง LINE “@FINNOMENAPORT

แด่ Charlie Munger เส้นทางชีวิตตลอด 99 ปี ผู้ยึดแนวคิด “คอยให้เป็น เย็นให้พอ”

Park Kathawut
Charlie Munger ชาร์ลี มังเกอร์

28 พฤศจิกายน 2023 Berkshire Hathaway ออกแถลงการณ์ถึงการจากไปอย่างสงบของ “Charlie Munger” (ชาร์ลี มังเกอร์) ตำนานนักลงทุนแบบเน้นคุณค่าที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดคนหนึ่งของโลก ผู้จุดประกายแนวคิดการลงทุนหุ้นคุณภาพที่เติบโตในระยะยาว

ตลอดช่วงเวลาเกือบหนึ่งศตวรรษ Charlie Munger ได้สร้างแรงบันดาลใจมากมายต่อผู้คนทั่วโลก ผ่านการดำเนินชีวิตอันเรียบง่าย ตรงไปตรงมา ซึ่งเราได้สรุปบางแง่มุมที่น่าสนใจมาเล่าให้ฟัง

จุดเริ่มต้น Charlie Munger เด็กหนุ่มจากเมือง Omaha

Charlie Munger เกิดเมื่อวันที่ 1 มกราคม 1924 ที่เมืองโอมาฮา รัฐเนแบรสกา ประเทศสหรัฐอเมริกา เติบโตมาในครอบครัวที่ใช้ชีวิตอย่างเรียบง่าย ฐานะปานกลาง โดยมีคุณพ่อเป็นนักกฎหมายด้านธุรกิจ และคุณแม่ที่คอยดูแล

เวลาส่วนใหญ่ในวัยเด็กของ Charlie Munger หมดไปกับการอ่านหนังสือ และยังฉายแววความอัจฉริยะตั้งแต่ตอนนั้นจากการเป็นคนขี้สงสัย สนใจที่จะเรียนรู้เรื่องรอบตัวอยู่ตลอดเวลา  

ครอบครัวของเขาอาศัยอยู่ในชุมชนเดียวกันกับครอบครัวของ Warren Buffett ซึ่งทั้งคู่มีอายุห่างกัน 6 ปี ทำให้เด็กชายทั้งสองยังไม่ได้รู้จักกันในตอนนั้น 

ในช่วงวัยรุ่นเขามีโอกาสทำงานเป็นแคชเชียร์ที่ร้านขายของชำ ‘Buffet & Son’ ซึ่งเจ้าของเป็นคุณปู่ของ Warren Buffett นั้นถือเป็นจุดเริ่มต้นในการพาตัวเองเข้าสู่โลกของธุรกิจ ผ่านการเรียนรู้ระบบสินค้าคงคลัง การจัดวางสินค้า การให้บริการลูกค้า ไปจนถึงการเรียนรู้วิธีทำงานร่วมกับผู้อื่น

ปี 1942 เขาเรียนต่อในระดับปริญญาตรีที่ University of Michigan สาขาวิชาเศรษฐศาสตร์และคณิตศาสตร์ แต่เรียนถึงแค่ปี 2 ดันเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 ทำให้ต้องดรอปเรียนเพราะถูกเกณฑ์ทหารไปประจำการในกองทัพอากาศสหรัฐฯ และถูกส่งไปฝึกเป็นนักอุตุนิยมวิทยา ที่สถาบันเทคโนโลยีแคลิฟอร์เนีย

เวลาผ่านไปเนิ่นนาน สงครามสิ้นสุดลง ชีวิต Charlie Munger กลับเข้าสู่เป้าหมายอีกครั้ง เขาตัดสินใจเข้าเรียนต่อวิชากฎหมายที่ Harvard Law School หวังตามรอยพ่อที่เป็นนักกฎหมาย และสำเร็จการศึกษาพร้อมเกียรตินิยมในปี 1948

งานแรกหลังเรียนจบ Charlie Munger เป็นทนายความในสำนักงานกฎหมายชื่อดัง Wright & Garrett ที่ลอสแอนเจลิส เป็นเวลากว่า 12 ปีในแวดวงกฎหมาย เขาได้เรียนรู้เรื่องธุรกิจมากมาย โดยเฉพาะการเห็นบทเรียนว่าบริษัทซึ่งเต็มไปด้วยปัญหาที่ไม่มีทางออก ยากมากที่จะพลิกฟื้นกลับมาเติบโตได้

ระหว่างทำงานเป็นนักกฎหมาย เขาหมกมุ่นกับเรื่องธุรกิจค่อนข้างมาก ชอบที่จะซักไซ้มุมมองของนักธุรกิจเก่ง ๆ จนเป็นนิสัย นอกจากนี้ ยังทำงานหนักเพื่อต้องการยกระดับฐานะของตัวเอง แต่ก็พบว่ากว่าจะเก็บเงินล้านแรกได้นั้น มันช่วงยากลำบากเหลือเกิน และทำให้เขาคิดขึ้นมาว่าคงไม่มีทางร่ำรวยได้ด้วยการทำงานประจำ

ชีวิตที่พลิกผันของ Charlie Munger เมื่อได้พบ Warren Buffett 

Charlie Munger ชาร์ลี มังเกอร์

ทุกคนรู้ดีว่า Warren Buffett เป็นคู่หูคนสำคัญของ Charlie Munger ทั้งคู่อายุไล่เลี่ยกัน เกิดที่เมืองเดียวกัน เคยทำงานที่ร้านขายของชำเดียวกัน แต่มีช่วงชีวิตที่เฉียดกันไปเฉียดกันมา

กระทั่งปี 1959 คุณพ่อของ Charlie Munger ได้จากไป เขาจึงต้องเดินทางกลับบ้านเกิดที่เมืองโอมาฮา ตอนนั้นเองเป็นครั้งแรกที่เขาได้พูดคุยกับ Warren Buffett ในงานเลี้ยงอาหารค่ำ ชาย 2 คน กลายเป็นเพื่อนที่สนิทกันอย่างรวดเร็ว หนึ่งในบทสนทนาที่ถูกหยิบมาพูดคุยกันวันนั้น คือความเป็นอัจฉริยะในการลงทุนของ Benjamin Graham

ที่สุดแล้วในปี 1962 Warren Buffett ก็แนวโน้มให้ Charlie Munger ลาออกจากงาน แล้วมาเปิดบริษัทด้านการลงทุนเต็มตัว ในชื่อว่า Wheeler, Munger and Company ซึ่งเป็นบริษัทลงทุนแบบเดียวกับ Buffett Partnership นั่นเอง

ผลงานการลงทุนของ Charlie Munger โดดเด่นมากทีเดียว ตั้งแต่ปี 1962-1975 สามารถผลตอบแทนเฉลี่ยสูงถึง 19.8% ต่อปี ในขณะที่ดัชนี Dow Jones ให้ผลตอบแทนเฉลี่ยเพียง 6.4% ต่อปี

และแล้วช่วงปี 1978 Warren Buffett จึงตัดสินใจชวน Charlie Munger มาทำงานกับ Berkshire Hathaway ในตำแหน่งรองประธานบริษัท ซึ่งตลอด 4 ทศวรรษที่ผ่านมา เขาเป็นส่วนสำคัญในการผลักดันการเติบโตบริษัท จนมีมูลค่าตลาดมากถึง 7.84 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ

Buffett และ Munger กลายเป็นส่วนผสมที่ลงตัว รู้ใจ และเฉียบคม แม้จะมีบุคลิกที่ต่างกันสุดขั้ว คนนึงสุขุม ใจเย็น แต่อีกคนเด็ดเดี่ยว โผงผาง พูดจาตรงไปตรงมา 

Charlie Munger ชาร์ลี มังเกอร์

ภาพที่หลายคนคุ้นตาคือการที่ทั้งคู่จะขึ้นกล่าววิสัยทัศน์ร่วมกันในการประชุมประจำปีของ Berkshire Hathaway 

ตลอดระยะเวลากว่า 60 ปีที่เป็นเพื่อนกันมา เราไม่เคยทะเลาะกันเลยแม้แต่ครั้งเดียว เขาคือเพื่อนแท้ที่คอยมอบคำแนะนำดี ๆ มากมายแก่ผม ผมมีชีวิตที่ดีขึ้นได้เพราะเขา

Warren Buffett กล่าวถึง  Charlie Munger ในการสัมภาษณ์สื่อเมื่อปี 2018 

ลงทุนแบบ Charlie Munger 

ข้อคิด นักลงทุน

แม้จะไม่เคยพูดถึงความเชื่อในการลงทุนส่วนตัวของตัวเองแบบชัดเจน แต่จากสิ่งที่ทำมาตลอด ก็คงพอปะติดปะต่อได้ว่าสูตรความสำเร็จของ Charlie Munger นั่นคือ

การลงทุนระยะยาวในบริษัทที่เติบโต โดยเข้าซื้อในราคาที่เหมาะสม ไม่จำเป็นต้องเป็นหุ้นที่ถูกมาก แต่ต้องเป็นหุ้นที่มีคุณภาพ และมีความได้เปรียบในการแข่งขัน

เขาแนะนำแนวคิดดังกล่าวแก่ Warren Buffett และได้มีอิทธิพลอย่างมากต่อการตัดสินใจลงทุนของ Berkshire Hathaway ในช่วงหลัง ๆ จากที่เคยเน้นลงทุนเฉพาะหุ้นราคาถูกที่ต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริง หันมาลงทุนหุ้นที่มีคุณภาพยอดเยี่ยม แต่ยอมจ่ายในราคาที่สมเหตุสมผลมากขึ้น 

ทำให้บริษัทไม่พลาดโอกาสลงทุนในบริษัทดี ๆ มากมาย เช่น Coca-Cola, See’s Candies, P&G หรือแม้แต่ Apple เป็นต้น

Charlie Munger เคยพูดเอาไว้ว่า “บางครั้งชีวิตก็เหมือนการเล่นโป๊กเกอร์ คุณต้องเรียนรู้ที่จะถอยแม้จะถือไพ่ในมือดีแค่ไหน คุณต้องเรียนรู้ที่จะรับมือกับความผิดพลาดและความจริงใหม่ ๆ ที่จะเปลี่ยนความเป็นไปได้ที่จะเกิดขึ้น”

ประโยคนี้ทำให้เห็นแนวคิดที่สำคัญในการลงทุนของเขาได้เป็นอย่างดี โดยให้ความสำคัญกับการรอคอยความสำเร็จในระยะยาว อดทนใจเย็นสุด ๆ เพื่อรอจังหวะ และโอกาสที่ดีที่สุดในการลงทุน

ความอดทนฝึกกันได้ สมาธิที่มั่นคงและความสามารถที่จะจดจ่อกับสิ่งหนึ่งสิ่งใดได้อย่างยาวนานถือเป็นข้อได้เปรียบอันใหญ่หลวง แต่คนส่วนใหญ่มักอดทนรอไม่ได้

Charlie Munger พูดถึงสิ่งสำคัญของการลงทุนระยะยาว

ชีวิตที่เรียบง่ายอย่าง Charlie Munger 

Charlie Munger เคยพูดถึงชีวิตที่ดีและมีความสุขเอาไว้ว่าจงทำตามกฎง่าย ๆ เหล่านี้ อย่าอิจฉาริษยา อย่าโกรธแค้น มองโลกในแง่ดีแม้จะเจอปัญหา อยู่ร่วมกับคนที่ไว้ใจได้ ทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด ใช้จ่ายให้น้อยกว่าที่หามาได้ พยายามเรียนรู้ต่อไปตลอดชีวิต 

และสุดท้ายแล้ว เกราะกำบังที่ดีที่สุดในวัยชราคือการใช้ชีวิตอย่างดีในช่วงก่อนหน้านั้น ทั้งหมดนี้ดูเป็นเรื่องธรรมดา ๆ แต่กลับน่าจดจำและนำไปใช้ 

Charlie Munger ชาร์ลี มังเกอร์

สิ่งที่ดีที่สุดที่มนุษย์คนหนึ่งสามารถทำได้ ก็คือการช่วยให้มนุษย์คนอื่นให้เรียนรู้ได้มากขึ้น