แจ้งเตือน

Finnomena Funds Market Alert: หุ้นจีน–ฮ่องกงร่วงแรงหลังข้อมูลเศรษฐกิจอ่อนแอกดดัน พร้อมแรงขายหุ้นเทคนำตลาด

Finnomena Funds
หุ้นจีน–ฮ่องกงร่วงแรง

วันที่ 14 พฤศจิกายน 2025 ดัชนี HSCEI ปรับตัวลง -2.03% มาที่ระดับ 9,403.81 จุด ขณะที่ดัชนี HSTECH อ่อนตัวแรงกว่า -2.87% โดยแรงขายรอบนี้เกิดขึ้นเป็นหลักจาก ข้อมูลเศรษฐกิจจีนเดือนตุลาคมที่ออกมาอ่อนแอกว่าคาดอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งทำให้ตลาดผิดหวังอย่างมากและกดดันบรรยากาศการลงทุนทั้งจีนและฮ่องกงตลอดช่วงเช้า

แรงกดดันหลักมาจากตัวเลข Industrial Production ของประเทศจีน ที่เติบโตเพียง 4.9% YoY ลดลงจาก 6.5% ในเดือนก่อน และต่ำกว่าที่ตลาดคาดไว้ ขณะที่ Retail Sales โตเพียง 2.9% YoY สะท้อนภาคบริโภคที่ชะลอตัวต่อเนื่องอย่างน่ากังวล ด้าน Fixed Asset Investment ช่วง 10 เดือนแรกหดตัว -1.7% และตัวเลขรายเดือนปรับลงถึง -11.4% YoY ซึ่งเป็นการหดตัวแรงที่สุดตั้งแต่ช่วงโควิด แสดงถึงการอ่อนแรงพร้อมกันของการลงทุนภาคอสังหาริมทรัพย์และโครงสร้างพื้นฐาน

ภาคอสังหาฯ ยังคงเป็นตัวฉุดสำคัญ โดย ราคาบ้านใหม่ลดลง -0.5% MoM ซึ่งเป็นระดับที่แย่ที่สุดในรอบหนึ่งปี ขณะที่ยอดขายบ้านและการลงทุนด้านอสังหาฯ ยังหดตัวต่อเนื่อง สะท้อนปัญหาความเชื่อมั่นที่ยังไม่ฟื้นตัว และส่งผลกระทบต่อการกระจายรายได้และกิจกรรมทางเศรษฐกิจโดยรวม

แรงขายยังลุกลามไปสู่หุ้นเทคจีน หลังข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอทำให้นักลงทุนกังวลต่อแนวโน้มกำไรในไตรมาสถัดไป โดยเฉพาะในหมวด AI, Semiconductor และ Consumer Electronics ที่อ่อนไหวต่อรอบธุรกิจและภาวะการบริโภค นอกจากนี้ในสัปดาห์นี้และสัปดาห์หน้า จีนจะทยอยประกาศผลประกอบการไตรมาส 3 ปี 2025 ของบริษัทใหญ่จำนวนมาก ทำให้ตลาดเพิ่มความระมัดระวังเชิงกลยุทธ์ เพราะมีความเสี่ยงที่ผลประกอบการหลายกลุ่มอาจสะท้อนภาพเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลง โดยเฉพาะภาคผู้บริโภค อสังหาฯ และเทคโนโลยี

การชะลอตัวพร้อมกันของภาคการผลิต–บริโภค–การลงทุน ส่งผลให้บรรยากาศตลาดอยู่ในโหมดป้องกันความเสี่ยง นักลงทุนลดน้ำหนักในสินทรัพย์เสี่ยงและกระจายไปยังกลุ่ม Defensive มากขึ้น ขณะที่ Sentiment ยังถูกกดทับจากข้อมูลเครดิตรายเดือนที่อ่อนแอมากในวันก่อนหน้า ทำให้ตลาดขาดปัจจัยบวกคอยพยุงในระยะสั้น

Finnomena Funds ประเมินว่าแรงขายรอบนี้สะท้อนภาพเศรษฐกิจจีนที่ชะลอตัวชัดเจน และความกังวลต่อการประกาศผลประกอบการไตรมาส 3 ที่จะเริ่มเปิดเผยจำนวนมากในสัปดาห์นี้และสัปดาห์หน้า ซึ่งอาจเพิ่มแรงกดดันต่อหุ้นกลุ่มบริโภคและเทคโนโลยี อย่างไรก็ตาม ปัจจัยเชิงโครงสร้างอย่างสภาพคล่องภายในและการผลักดัน China Involution ยังคงช่วยพยุงตลาดในระยะกลาง

โดยยังคงมีมุมมองต่อหุ้นจีนเป็น “Slightly Positive” และแนะนำทยอยสะสมหุ้น H-shares ผ่านกองทุน MEGA10CHINA-A

จัดทำโดยบลป. เดฟินิทสำหรับบลน. ฟินโนมีนา (Finnomena Funds)


คำเตือน: ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน | ผลการดำเนินงานในอดีต และผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต | ผู้ลงทุนอาจมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากการป้องกันความเสี่ยงขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้จัดการกองทุน | กองทุนรวมนี้ลงทุนกระจุกตัวในผู้ออกตราสารหรือประเทศใดประเทศหนึ่ง จึงมีความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนจำนวนมาก ผู้ลงทุนจึงควรพิจารณาการกระจายความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุนโดยรวมของตนเองด้วย | คำแนะนำการลงทุนนี้เป็นไปตามกรอบการพิจารณาของ Finnomena Funds ซึ่งมีเป้าหมายในการสร้างโอกาสรับผลตอบแทนในระยะเวลาตามแต่ละประเภทของพอร์ตเท่านั้น บริษัทมิได้การันตีถึงผลตอบแทนที่จะได้จากคำแนะนำการลงทุนดังกล่าว มีความเสี่ยงที่ผลตอบแทนอาจไม่เป็นไปตามคาดหวัง หรือมีผลขาดทุนได้ | สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน ฟินโนมีนา จำกัด ในช่วงเวลาวันทำการตั้งแต่ 09:00-17:00 น. ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 026 5100 และทาง LINE @FinnomenaPort | สำหรับผู้ลงทุนในความดูแลของ Kept by krungsri ติดต่อทีม Kept help center ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 296 6299

10 กองทุนแห่งปี มองขาดทุกโอกาสการลงทุน

Finnomena Funds
10 กองทุนแห่งปี มองขาดทุกโอกาสการลงทุน

สรุปกองทุนผลตอบแทนย้อนหลังโดดเด่นตั้งแต่ต้นปี 2025 จาก Finnomena Funds กองทุนไหนลงทุนในอะไรบ้าง มีลักษณะการลงทุนอย่างไร พร้อมแจกคูปองส่วนลดเมื่อซื้อกองทุนที่ร่วมรายการ

ฉลองโอกาสพิเศษ! Finnomena คว้ารางวัล “Startup of the Year – Prime Minister Award 2025” แจกคูปองส่วนลดเมื่อซื้อกองทุนที่ร่วมรายการรับ Cashback เป็นหน่วยลงทุน K-CASH* (ตามเงื่อนไขที่กำหนด)‍‍‍‍‍‍

 

แต่สำหรับใครที่ยังไม่มีกองทุนในใจ วันนี้เราคัดมาให้เลือกแบบง่าย ๆ กับ 10 กองทุนที่สร้างผลตอบแทนสูงตลอดปี 2025 และเป็นกองทุนที่เข้าร่วมกิจกรรมแจกคูปองรับ Cashback กับ Finnomena ซึ่งใช้ได้ถึงวันที่ 30 ธันวาคมนี้

10 กองทุนแห่งปี มองขาดทุกโอกาสการลงทุน


แนะนำ 10 กองทุนผลตอบแทนสูง ประจำปี 2025

1. DAOL-GOLD กองทุนเปิด ดาโอ โกลด์ แอนด์ ซิลเวอร์ อิควิตี้

  • ความเสี่ยงระดับ 7
  • ลงทุนในกองทุนหลัก Jupiter Asset Management Series Plc. – Jupiter Gold & Silver Fund ที่จะลงทุนในหุ้นที่เกี่ยวกับเงินและทองคำ รวมถึงมีกลยุทธ์เพิ่มสัดส่วนการถือทองคำแท่งเมื่อตลาดอยู่ในช่วงป้องกันความเสี่ยง
  • ผลตอบแทนย้อนหลัง YTD +94.39%
  • ดูรายละเอียดกองทุนเพิ่มเติมที่ www.finnomena.com/fund/DAOL-GOLD

 

2. KT-PRECIOUS กองทุนเปิดเคแทม เวิลด์ โกลด์ แอนด์ เพรเชียส เอคควิตี้

  • ความเสี่ยงระดับ 7
  • ลงทุนในกองทุนหลัก Franklin Gold and Precious Metals Fund ซึ่งเน้นลงทุนในหุ้นเหมืองโลหะมีค่า เช่น ทองคำ เงิน แพลทินัม และพัลลาเดียม
  • ผลตอบแทนย้อนหลัง YTD +94.08%
  • ดูรายละเอียดกองทุนเพิ่มเติมที่ www.finnomena.com/fund/KT-PRECIOUS

 

3. SCBKEQTG กองทุนเปิดไทยพาณิชย์หุ้นเกาหลี

  • ความเสี่ยงระดับ 6
  • ลงทุนในตลาดหุ้นเกาหลีใต้ผ่านหน่วยลงทุนของกองทุนหลัก iShares MSCI South KoreaCapped ETF เน้นบริษัทผู้นำในประเทศเกาหลีใต้
  • ผลตอบแทนย้อนหลัง YTD +76.46%
  • ดูรายละเอียดกองทุนเพิ่มเติมที่ www.finnomena.com/fund/SCBKEQTG

 

4. DAOL-KOREAEQ กองทุนเปิด ดาโอ เกาหลี อิควิตี้

  • ความเสี่ยงระดับ 6
  • ลงทุนในตลาดหุ้นเกาหลีใต้ผ่านหน่วยลงทุนของกองทุนหลัก JPMorgan Funds – Korea Equity Fund ซึ่งมีการกระจายไปยังบริษัทขนาดเล็กด้วย
  • ผลตอบแทนย้อนหลัง YTD +71.85%
  • ดูรายละเอียดกองทุนเพิ่มเติมที่www.finnomena.com/fund/DAOL-KOREAEQ

 

5. PRINCIPAL GCLEAN-A กองทุนเปิดพรินซิเพิล โกลบอล คลีน เอ็นเนอร์จี ชนิดสะสมมูลค่า

  • ความเสี่ยงระดับ 6
  • ลงทุนในกองทุนหลัก VanEck Uranium and Nuclear ETF ซึ่งเน้นลงทุนในหุ้นกลุ่ม Energy และ Utilities ที่ประกอบด้วยโรงไฟฟ้านิวเคลียร์กับเหมืองยูเรเนียมเป็นหลัก 
  • ผลตอบแทนย้อนหลัง YTD +65.88%
  • ดูรายละเอียดกองทุนเพิ่มเติมที่ www.finnomena.com/fund/PRINCIPAL%20GCLEAN-A

 

6. UCI กองทุนเปิด ยูไนเต็ด ไชน่า เอ แชร์ อินโนเวชั่น ฟันด์

  • ความเสี่ยงระดับ 6
  • ลงทุนในกองทุนหลัก United China A-Shares Innovation Fund ที่จะลงทุนในหุ้นจีน A-Shares ได้แก่ Shanghai Stock Exchange (SSE) และ Shenzhen Stock Exchange (SZSE) 
  • ผลตอบแทนย้อนหลัง YTD +65.15%
  • ดูรายละเอียดกองทุนเพิ่มเติมที่ www.finnomena.com/fund/UCI

 

7. ASP-DIGIBLOC กองทุนเปิด แอสเซทพลัส ดิจิทัล บล็อกเชน

  • ความเสี่ยงระดับ 6
  • มีนโยบายลงทุนในบริษัทสินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Assets Companies) หรือบริษัทที่ได้รับประโยชน์จากการใช้เทคโนโลยีบล็อกเชน (Blockchain)
  • ผลตอบแทนย้อนหลัง YTD +57.17%
  • ดูรายละเอียดกองทุนเพิ่มเติมที่ www.finnomena.com/fund/ASP-DIGIBLOC

 

8. M-EUBANK กองทุนเปิดเอ็มเอฟซี ยูโรเปียน แบงค์

  • ความเสี่ยงระดับ 7
  • ลงทุนในหุ้นธนาคารยุโรปผ่านหน่วยลงทุนของ iShares STOXX Europe 600 Banks UCITS ETF (DE)
  • ผลตอบแทนย้อนหลัง YTD +52.03%
  • ดูรายละเอียดกองทุนเพิ่มเติมที่ www.finnomena.com/fund/M-EUBANK 

 

9. ES-GTECH กองทุนเปิดอีสท์สปริง Global Technology

  • ความเสี่ยงระดับ 7
  • เน้นลงทุนหุ้นเทคโนโลยีผ่านกองทุนหลัก Polar Capital Funds Plc Global Technology Fund โดยจะคัดเลือกหุ้นที่มีความเป็นผู้นำและได้รับประโยชน์จากการเติบโตด้านนวัตกรรมที่มี New S-curve
  • ผลตอบแทนย้อนหลัง YTD +51.80%
  • ดูรายละเอียดกองทุนเพิ่มเติมที่ www.finnomena.com/fund/ES-GTECH

 

10. KT-BLOCKCHAIN-A กองทุนเปิดเคแทม Blockchain Economy ชนิดสะสมมูลค่า

  • ความเสี่ยงระดับ 6
  • เน้นกลยุทธ์การลงทุนในบริษัทสินทรัพย์ดิจิทัล หรือมีความเกี่ยวข้องกับระบบสินทรัพย์ดิจิทัล และหรือเทคโนโลยีบล็อกเชน (Blockchain)
  • ผลตอบแทนย้อนหลัง YTD +42.24%
  • ดูรายละเอียดกองทุนเพิ่มเติมที่ www.finnomena.com/fund/KT-BLOCKCHAIN-A

หมายเหตุ: ข้อมูลผลตอบแทนย้อนหลัง Year to Date จาก Finnomena Funds จัดอันดับ ณ วันที่ 4 พ.ย. 2025 ทั้งนี้ ข้อมูลผลตอบแทนบางกองทุนในหน้าจัดอันดับกองทุน อาจมีการแสดงผลตอบแทนที่แตกต่างจากแต่ละหน้ากองทุน เนื่องจากการดึงข้อมูลจากแหล่งข้อมูลที่ต่างกัน สามารถดูรายละเอียดของกองทุนเพิ่มเติมได้ที่ finnomena.com/fund

คำเตือน: การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนต้องทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน | การลงทุนในกองทุนรวมไม่ใช่การฝากเงิน | ผลการดำเนินงานในอดีต และผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต | กองทุนอาจลงทุนกระจุกตัวในอุตสาหกรรมและประเทศที่ลงทุน จึงมีความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนจำนวนมาก ผู้ลงทุนจึงควรพิจารณาการกระจายความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุนโดยรวมของตนเองด้วย | ผู้ลงทุนอาจมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากการป้องกันความเสี่ยงขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้จัดการกองทุน | สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน ฟินโนมีนา จำกัด ในช่วงเวลาวันทำการตั้งแต่ 09:00-17:00 น. ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 026 5100 และทาง LINE “@FinnomenaPort”

*E-coupon สามารถใช้ได้ผ่าน Application Finnomena เท่านั้น โดยจะใช้ได้หลังจากทำรายการลงทุนสำเร็จ ที่หน้า Order result จะมีปุ่มให้ใช้งานคูปองแสดงขึ้นมา

ระยะเวลาโปรโมชั่นเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน – 30 ธันวาคม 2025

ข้อกำหนดและเงื่อนไข:

  • การใช้คูปองจะถือว่าเสร็จสมบูรณ์ ก็ต่อเมื่อลูกค้าได้ยืนยันการใช้งานเรียบร้อยแล้ว
  • คูปอง 1 ใบ สามารถใช้ได้กับการทำรายการซื้อเพียง 1 ครั้งเท่านั้น
  • ยอดเงินลงทุนจะคำนวณจากมูลค่าการซื้อและสับเปลี่ยนเข้าสู่กองทุนที่ร่วมรายการเท่านั้น
  • บริษัทขอสงวนสิทธิ์ในการไม่นำรายการลงทุนในกองทุนที่ได้รับการยกเว้นค่าธรรมเนียมการซื้อหน่วยลงทุนหรือค่าธรรมเนียมการสับเปลี่ยนหน่วยลงทุนมาคำนวณเพื่อรับ Cashback
  • คูปองไม่สามารถจำหน่าย โอนสิทธิ์ แลกเปลี่ยน หรือแลกเป็นเงินสดได้
  • คูปองไม่สามารถใช้กับการปรับพอร์ตการลงทุน (PRA) และการลงทุนแบบทยอยสะสมมูลค่า (DCA)
  • ลูกค้าจะได้รับของรางวัลภายใน 21 วัน นับจากวันที่หน่วยลงทุนถูกจัดสรรเข้าสู่พอร์ตของลูกค้าเรียบร้อยแล้ว
  • ลูกค้าสามารถยกเลิกการใช้งานคูปองได้ภายในวันที่ใช้ โดยต้องดำเนินการก่อนเวลา 23:59 น. และจะได้รับคูปองคืนภายใน 3 วันทำการ
  • ในกรณีที่คำสั่งซื้อหน่วยลงทุนถูกยกเลิก คูปองจะถูกคืนกลับให้กับลูกค้าภายใน 3 วันทำการ
  • มูลค่า Cashback ที่ลูกค้าได้รับ จะไม่เกิน 0.2% ของมูลค่าการลงทุนขั้นต่ำตามที่บริษัทกำหนด ซึ่งเป็นไปตามหลักเกณฑ์ของสมาคมบริษัทจัดการลงทุน

 

Fed เสียงแตกครั้งใหญ่ โอกาสลดดอกเบี้ยเดือน ธ.ค. พลิกเหลือ 50:50

Finnomena
Fed เสียงแตก

เสียงในบอร์ด Fed เริ่มแตกเป็นเสี่ยง ขณะที่โอกาสที่คณะกรรมการ FOMC จะลดดอกเบี้ยอีกครั้งในเดือนธันวาคมถอยลงต่ำกว่า 50% หลังเจ้าหน้าที่ระดับสูงหลายคนส่งสัญญาณ “ชะลอการผ่อนคลาย” ท่ามกลางความกังวลว่าเงินเฟ้อยังเกาะระดับสูง และตลาดแรงงานไม่ได้อ่อนแรงตามที่เคยคาด

แรงเหวี่ยงครั้งนี้ทำให้ ตลาดฟิวเจอร์สดอกเบี้ยที่เคยให้โอกาส 67% เหลือเพียง 47% ว่าจะมีการปรับลดดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 9–10 ธันวาคม ซึ่งหมายความว่าการตัดสินใจครั้งนี้กลายเป็นเกมโยนเหรียญ นั่นคือ โอกาสลดดอกเบี้ยเหลือเพียง 50:50

Daly และ Kashkari จาก “Dovish” สู่จุดก้ำกึ่ง

Mary Daly ประธาน Fed ซานฟรานซิสโก ซึ่งเคยสนับสนุนการลดดอกเบี้ยอย่างมั่นคง ขึ้นเวทีที่ดับลินพร้อมประโยคที่นักลงทุนต้องอ่านซ้ำหลายรอบว่า “ยังเร็วเกินไปจะตัดสินใจ ฉันยังเปิดกว้างทุกทางเลือก”

ด้าน Neel Kashkari จากมินนิอาโปลิส ซึ่งเคยระบุเพียงไม่กี่เดือนก่อนว่าต้องมี “ลดดอกเบี้ยรอบที่สามภายในปีนี้” ก็ถอยมาจุดกลาง โดยยอมรับว่า ข้อมูลล่าสุดให้สัญญาณ ‘ปนเป’ และเงินเฟ้อที่ยังวิ่งแถว 3% คือความเสี่ยงที่ Fed มองข้ามไม่ได้

Collins สวนกระแสเด่นชัดที่สุด ชี้ “เงื่อนไขยังไม่เอื้อ”

Susan Collins จาก Fed บอสตันคือเสียงที่กดน้ำหนัก “ไม่ลดดอกเบี้ย” ชัดที่สุด เธอยืนยันว่า การผ่อนนโยบายเพิ่มเติมต้องผ่านเงื่อนไขที่สูงเป็นพิเศษ และตราบใดที่ตลาดแรงงานยังไม่ทรุดตัวจริง เธอจะ “ลังเลอย่างมาก” ที่จะสนับสนุนให้ผ่อนคลายนโยบายอีก

ที่สำคัญ เธอเตือนว่ารัฐบาลสหรัฐฯ ที่เพิ่งออกจากชัตดาวน์ ยังไม่สามารถส่งตัวเลขเงินเฟ้อและแรงงานได้ครบถ้วน ทำให้ Fed  “กำลังตัดสินใจในความมืด”

Powell เผชิญแรงดึงสองขั้ว

การแตกเสียงภายใน Fed เริ่มชัดขึ้นเรื่อยๆ หลังประธาน Jerome Powell เคยย้ำว่าการลดดอกเบี้ยรอบถัดไป “ยังห่างไกลจากความแน่นอน” โดยเฉพาะในภาวะที่ไม่มีข้อมูลทางการมารองรับการประเมินเศรษฐกิจ

สถานการณ์นี้ทำให้ความเสี่ยงการลงมติแตกในเดือนธันวาคมสูงกว่าปกติ

  • หาก Fed  “ลดดอกเบี้ย” ฝั่งไม่เห็นด้วยอาจเพิ่มจากเดิม 2 เสียงเป็น 4–5 เสียง
  • แต่ถ้า Fed  “คงดอกเบี้ย” ก็อาจเผชิญเสียงคัดค้านจากกลุ่มที่ต้องการผ่อนคลายมากกว่า เช่น Miran, Waller และ Bowman

 Fed กำลังเดินอยู่บนสะพานแคบที่มีหน้าผาทั้ง 2 ฝั่ง

ข้อมูลภาคเอกชนแม้ให้ภาพไม่ชัด แต่ไม่แย่ทั้งหมด

แม้ไม่มีตัวเลขจากรัฐบาล แต่ข้อมูลภาคเอกชนชี้ให้เห็นภาพที่ตีความได้ทั้งสองทาง

  • ADP ระบุว่าเอกชนลดตำแหน่งงานกว่า 11,000 ตำแหน่งต่อสัปดาห์ สะท้อนแรงงานเริ่มแผ่ว
  • แต่ฝั่งยอดภาษีการขาย (Sales Tax) ยังแข็งแรง และยังไม่มีสัญญาณชะลอชัดเจน
  • ส่วนด้านราคา Torsten Slok จาก Apollo คาดว่า กว่า 55% ของสินค้าในตะกร้า CPI ยังขึ้นเกิน 3% ซึ่งทำให้ Fed กังวลว่าการผ่อนนโยบายเร็วเกินไปอาจจุดชนวนเงินเฟ้อรอบใหม่

สัญญาณชัดเจนที่สุดคือ “ไม่มีอะไรชัดเจนเลย”

ความแตกแยกของเสียงภายใน Fed ทำให้การตัดสินใจเดือนธันวาคมเป็นหนึ่งในการโหวตที่สุ่มเสี่ยงที่สุดในรอบหลายปี นักลงทุนจึงต้องเตรียมรับทั้ง 2 ทาง คือ ดอกเบี้ยอาจถูกลด อาจถูกคง และไม่ว่าทางไหนก็อาจมีเสียงคัดค้านจำนวนมากตามมา


อ้างอิง: Reuters

เงินเย็นที่พักไว้ อย่าให้พักฟรี ฝากในบัญชี FIN SAVE by KKP วันนี้ รับเงินคืนสูงสุด 500 บาท

Finnomena

มีเงินเย็นที่ยังไม่รู้จะทำอะไรดี? อย่าปล่อยให้เงินนอนนิ่ง! ให้เงินทำงานแทนคุณได้ง่าย ๆ เพียงฝากเงินไว้ในบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ FIN SAVE by KKP

✅ รับดอกเบี้ยเงินฝากสูงสุด 1.6% ต่อปี*

รับผลตอบแทนมากกว่าค่าเฉลี่ยบัญชีออมทรัพย์ทั่วไปประมาณ 5 เท่า**** (อ้างอิงอัตราดอกเบี้ยเฉลี่ยจากธนาคารแห่งประเทศไทย ณ วันที่ 8 ส.ค. 2568) สูงสุด 1.6% ต่อปี คำนวณดอกเบี้ยทุกวัน ระหว่างที่พักเงินรอโอกาสลงทุน ทำให้เงินของคุณทำงานอยู่ตลอดเวลา

✅ ปลอดภัย อุ่นใจได้ในทุกบาทที่ฝาก

เพราะเงินฝากในบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ FIN SAVE by KKP อยู่ภายใต้การดูแลของธนาคารเกียรตินาคินภัทร หนึ่งในธนาคารชั้นนำของประเทศไทย มีความมั่นคงสูง ได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าทั่วประเทศ

✅ ฝากเงินขั้นต่ำ 500,000 บาท รับ Cashback สูงสุด 500 บาท***

ฝากเงิน 500,000 – 999,999 บาท รับ Cashback 100 บาท***

ฝากเงิน 1,000,000 บาท ขึ้นไป รับ Cashback 500 บาท***

เฉพาะเงินที่ฝากใหม่ในช่วงกิจกรรม ระหว่างวันที่ 1 พ.ย. – 31 ธ.ค. 2568 และต้องคงเงินไว้จนถึง 31 ม.ค. 2569 เท่านั้น**

📅 โปรโมชันดี ๆ แบบนี้มีตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย. – 31 ธ.ค. 2568 เท่านั้น

💡 อย่ารอช้า รีบเปิดบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ FIN SAVE by KKP ตั้งเป็นบัญชีหลักสำหรับการลงทุน และเริ่มลงทุนกับ Finnomena เพื่อรับโปรโมชันนี้ได้เลย! 👉 https://partner.finnomena.com/kkp/landing

กดรับคูปอง คลิก 👉 https://www.finnomena.com/coupon-book/kkppromotionsaving2025

* อัตราดอกเบี้ยและเงื่อนไขเป็นตามที่ธนาคาร เกียรตินาคินภัทรกำหนด

** สิทธิพิเศษนี้เป็นกิจกรรมส่งเสริมการขาย ไม่ใช่ผลตอบแทนจากการลงทุนหรือดอกเบี้ยเงินฝาก

*** ของสมนาคุณเทียบเท่าอัตราดอกเบี้ยเฉลี่ย 0.05% – 0.20% ต่อปี เมื่อฝาก เงินตั้งแต่ 500,000 ถึง 1,000,000 บาท เป็นระยะเวลา 12 เดือน

**** ข้อมูลดังกล่าวคิดมาจากการเปรียบเทียบกับค่าเฉลี่ยของอัตราดอกเบี้ยเงินฝากจากธนาคารพาณิชย์จำนวน 19 แห่ง โดยอ้างอิงจากข้อมูลของธนาคารแห่งประเทศไทย ณ วันที่ 8 สิงหาคม 2568


คำเตือน: อัตราดอกเบี้ยและเงื่อนไขเป็นไปตามที่ธนาคารเกียรตินาคินภัทรกำหนด | บัญชีเงินฝากออมทรัพย์ FIN SAVE by KKP เป็นผลิตภัณฑ์ของธนาคารเกียรตินาคินภัทร | เงื่อนไขผลิตภัณฑ์ ให้บริการเฉพาะประเภทลูกค้า (1) บุคคลธรรมดา สัญชาติไทย อายุตั้งแต่ 20 ปี บริบูรณ์ขึ้นไป มีบัตรประชาชนแบบ Smart Card | ผู้ฝากสามารถขอเปิดบัญชีได้เฉพาะบัญชีที่มีชื่อบุคคลคนเดียวเป็นเจ้าของบัญชี และผู้ฝาก 1 ราย เปิดได้ 1 บัญชี โดยไม่จำกัดรายการฝาก | ผู้ฝากสามารถเปิดบัญชีได้ด้วยตนเองผ่านแอปฯ Finnomena ตั้งแต่เวลา 06.00-22.00 น. โดยทำการพิสูจน์และยืนยันตัวตนผ่านบริการ NDID | การคำนวณดอกเบี้ยของบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ FIN SAVE by KKP คิดแบบขั้นบันได (Step Up) ตามอัตราที่กำหนดในแต่ละวงเงิน ธนาคารจะคำนวณจากยอดเงินคงเหลือ ณ สิ้นวัน โดยอัตราดอกเบี้ยเฉลี่ยขึ้นอยู่กับจำนวนเงินฝากของลูกค้า | ธนาคารจะคำนวณและหักภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่ายจากดอกเบี้ยเงินฝากตามหลักเกณฑ์ที่กรมสรรพากรกำหนด | หากพบปัญหาเกี่ยวกับการเปิดบัญชีไม่สำเร็จหรือบริการทางบัญชีเพิ่มเติม โปรดติดต่อ KKP Contact Center โทร 02-165-5555 กด 5 ต่อจากนั้น กด 1 เวลา 07.00-20.00 น. ของทุกวัน | หากต้องการสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับการใช้งาน Finnomena Application โปรดติดต่อ 02-026-5100 เวลา 09.00 – 17:00 น. ทุกวันทำการ ยกเว้นวันหยุดนักขัตฤกษ์ | การลงทุนในกองทุนรวมรวม ไม่ใช่การฝากเงิน

Finnomena Funds Market Alert: หุ้นเกาหลีใต้ร่วงแรงจากแรงขายหุ้นเทค แม้ได้แรงหนุนเชิงโครงสร้างจากข้อตกลงการค้ากับสหรัฐฯ

Finnomena Funds
Korea Stock

วันที่ 14 พฤศจิกายน 2025 ดัชนี KOSPI ปรับตัวลง -2.40% มาที่ระดับ 4,070 จุด โดยการปรับตัวลงแรงครั้งนี้ได้รับผลกระทบจากแรงขายในหุ้นเทคโนโลยีทั่วโลก หลังนักลงทุนลดความเสี่ยงจากความกังวลว่าเฟดอาจไม่ลดดอกเบี้ยในเดือนธันวาคม ซึ่งทำให้หุ้นกลุ่ม AI และ Semiconductor ถูกปรับฐานพร้อมกันในหลายภูมิภาค

แรงขายหนาแน่นเกิดขึ้นในหุ้นเทคขนาดใหญ่ โดยเฉพาะ Samsung Electronics -3.6%, SK Hynix -5.4%, LG Energy Solution -2.4%, Doosan Enerbility -2.7% และ SK Square -8.7% ซึ่งสะท้อนแรงเทขายตาม Valuation ที่ตึงตัวและการพักฐานหลังการปรับขึ้นร้อนแรงในช่วงที่ผ่านมา

นอกจากแรงขายในกลุ่มเทคแล้ว ตลาดยังถูกกดดันจากการอ่อนค่าต่อเนื่องของค่าเงินวอน ซึ่งสร้างความกังวลต่อเสถียรภาพด้านเงินทุนเคลื่อนย้าย ในขณะที่ถ้อยแถลงล่าสุดจาก Fed และตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ออกมาดีกว่าคาด ช่วยลดโอกาสการผ่อนคลายนโยบายในระยะสั้น ทำให้นักลงทุนต่างชาติระมัดระวังมากขึ้น

ด้านภูมิรัฐศาสตร์ ประธานาธิบดี Lee Jae Myung เปิดเผยว่าเกาหลีใต้และสหรัฐฯ ได้สรุปข้อตกลงร่วมด้านการค้าและความมั่นคง ซึ่งรวมถึงความร่วมมือด้าน AI อุตสาหกรรมนิวเคลียร์ อุตสาหกรรมต่อเรือ และการสร้างเรือดำน้ำนิวเคลียร์ พร้อมแผนลดภาษีนำเข้าสินค้าเกาหลีจาก 25% เหลือ 15% ซึ่งเป็นปัจจัยบวกเชิงโครงสร้าง แม้ไม่สามารถพยุงตลาดในช่วงที่ถูกเทขายแรงจากหุ้นเทคได้

Finnomena Funds ประเมินว่าแรงขายรอบนี้เป็นเพียงการพักฐานของกลุ่มเทคโนโลยี ขณะที่พื้นฐานระยะกลางของตลาดเกาหลีใต้ยังได้รับแรงสนับสนุนจากความต้องการชิป HBM และ DRAM สำหรับ AI การปรับประมาณการกำไร (EPS Revision) ที่ดีขึ้น และมาตรการ Korea Value-Up Program ที่ช่วยลด “Korea Discount”

ทั้งนี้ House View สำหรับตลาดเกาหลีใต้ยังอยู่ที่ระดับ “Slightly Positive” และแนะนำทยอยสะสมผ่านกองทุน SCBKEQTG

จัดทำโดยบลป. เดฟินิทสำหรับบลน. ฟินโนมีนา (Finnomena Funds)


คำเตือน: ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน | ผลการดำเนินงานในอดีต และผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต | ผู้ลงทุนอาจมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากการป้องกันความเสี่ยงขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้จัดการกองทุน | กองทุนรวมนี้ลงทุนกระจุกตัวในผู้ออกตราสารหรือประเทศใดประเทศหนึ่ง จึงมีความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนจำนวนมาก ผู้ลงทุนจึงควรพิจารณาการกระจายความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุนโดยรวมของตนเองด้วย | คำแนะนำการลงทุนนี้เป็นไปตามกรอบการพิจารณาของ Finnomena Funds ซึ่งมีเป้าหมายในการสร้างโอกาสรับผลตอบแทนในระยะเวลาตามแต่ละประเภทของพอร์ตเท่านั้น บริษัทมิได้การันตีถึงผลตอบแทนที่จะได้จากคำแนะนำการลงทุนดังกล่าว มีความเสี่ยงที่ผลตอบแทนอาจไม่เป็นไปตามคาดหวัง หรือมีผลขาดทุนได้ | สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน ฟินโนมีนา จำกัด ในช่วงเวลาวันทำการตั้งแต่ 09:00-17:00 น. ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 026 5100 และทาง LINE @FinnomenaPort | สำหรับผู้ลงทุนในความดูแลของ Kept by krungsri ติดต่อทีม Kept help center ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 296 6299

Eastspring Dynamic Opportunities (ES-DO) อัปเดตมุมมองเดือนพฤศจิกายน 2025: เกาะติดฤดูประกาศงบ Q3/25

Eastspring Thailand
Eastspring Dynamic Opportunities (ES-DO) อัปเดตมุมมองเดือนพฤศจิกายน 2025: เกาะติดฤดูประกาศงบ Q3/25

ตลาดหุ้นโลกในเดือนตุลาคม 2025 เผชิญกับความผันผวนสูงมาก โดยปัจจัยชี้นำหลักคือสถานการณ์สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน ในช่วงกลางเดือน ตลาดปรับตัวลงอย่างรุนแรง (ดัชนี Fear & Greed Index เข้าสู่โซน Fear) หลังจากจีนประกาศควบคุมการส่งออกแร่ Rare Earth ทำให้ ปธน. ทรัมป์ ตอบโต้ด้วยการประกาศตั้งภาษีสินค้านำเข้าจากจีน 100% อย่างไรก็ตาม ในช่วงปลายเดือน บรรยากาศการลงทุนกลับมาเป็นบวกอย่างรวดเร็ว หลังมีการยืนยันว่า ปธน.ทรัมป์ และ ปธน.สี จิ้นผิง จะพบกันนอกรอบการประชุม APEC เพื่อคลี่คลายความตึงเครียด

ในระหว่างเดือน ตลาดเผชิญกับหลายเหตุการณ์สำคัญ เริ่มตั้งแต่การที่สหรัฐฯ เข้าสู่ภาวะ Government Shutdown ในช่วงต้นเดือน ส่งผลให้การรายงานตัวเลขเศรษฐกิจล่าช้า นอกจากนี้ ประเด็นด้านภูมิรัฐศาสตร์ทวีความตึงเครียดขึ้น เมื่อสหรัฐฯ ประกาศคว่ำบาตร Rosneft และ Lukoil ผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ของรัสเซีย ส่งผลให้ราคาน้ำมันพุ่งสูงขึ้นอย่างรุนแรง ในทางกลับกัน ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปรับตัวขึ้นโดดเด่นจนทำสถิติสูงสุดใหม่ ตอบรับการขึ้นรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของนาง Sanae Takaichi ซึ่งมีนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ (“Sanaenomics”) และส่งสัญญาณชะลอการขึ้นดอกเบี้ยของ BOJ ขณะที่ตลาดหุ้นเวียดนามปรับตัวขึ้นร้อนแรง หลัง FTSE ประกาศอัปเกรดสถานะเป็น Emerging Market อย่างเป็นทางการ

การประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (FOMC) ในวันที่ 29 ตุลาคม มีมติ 10 ต่อ 2 เสียง ลดดอกเบี้ย 0.25% มาอยู่ที่ระดับ 3.75%-4.00% ตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ โดยให้เหตุผลถึงความกังวลเกี่ยวกับตลาดแรงงานที่ชะลอตัวลง นอกจากนี้ เฟดยังได้ประกาศยุติกระบวนการลดขนาดงบดุล (QT) ในวันที่ 1 ธันวาคม ซึ่งเร็วกว่าที่คาด อย่างไรก็ตาม นายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานเฟด ได้เตือนว่าการลดดอกเบี้ยในเดือนธันวาคมยัง “ห่างไกลจากความแน่นอน” เนื่องจากข้อมูลเศรษฐกิจที่ไม่ชัดเจน (จากผลของ Government Shutdown) และความเห็นที่แตกต่างกันของกรรมการ

ภาพรวมการลงทุนประจำเดือนพฤศจิกายน 2025 คาดว่าปัจจัยชี้ขาดทิศทางตลาดคือผลการเจรจาการค้าระหว่าง ปธน.ทรัมป์ และ ปธน.สี จิ้นผิง ในการประชุม APEC ขณะที่ตลาดยังคงติดตามตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ เพื่อประเมินท่าทีของเฟดในการประชุมครั้งถัดไป รวมถึงการประกาศผลประกอบการของกลุ่มบริษัทเทคโนโลยีของสหรัฐฯ ในไตรมาส 3/25 โดยเรายังคงแนะนำให้นักลงทุนจัดพอร์ตแบบบาร์เบล (Barbell Strategy) โดยผสมระหว่างสินทรัพย์ที่เติบโตสูงอย่างหุ้นสหรัฐฯ ที่ยังได้แรงหนุนจากการลงทุนด้าน AI ควบคู่กับการถือครองสินทรัพย์กลุ่ม Defensive อย่างตราสารหนี้โลกและหุ้นกลุ่มโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อสร้างสมดุลและลดความผันผวนของพอร์ตในระยะสั้น

ที่มา: บลจ.อีสท์สปริง วันที่ 7 พ.ย. 2025

สำหรับลูกค้าที่ลงทุนใน Eastspring Dynamic Opportunities (ES-DO) สามารถดูพอร์ตการลงทุนได้ตามช่องทางนี้
ผ่านมือถือ/Tablet >> แอปฯ Finnomena ผ่านคอมพิวเตอร์ >>  เว็บไซต์ Finnomena สำหรับลูกค้าที่สนใจลงทุนใน Eastspring Dynamic Opportunities (ES-DO) คลิกที่นี่เพื่อสร้างแผนการลงทุน

โปรดทราบ สำหรับลูกค้าฟินโนมีนาที่ลงทุนใน Finnomena Port และได้รับบทความนี้ แต่ยังไม่ได้รับอีเมลและ/หรือ Notificationในการแจ้งสัดส่วนเงินในการเข้าลงทุน อาจเกิดจาก

1) ท่านอยู่ระหว่างการทำรายการซื้อขายกองทุน ซึ่งทางฟินโนมีนาจะแจ้งเตือนอีกครั้งภายใน 1 สัปดาห์หลังจากการทำรายการซื้อขายเสร็จสิ้น

2) ท่านมีจำนวนเงินลงทุนต่ำกว่าเกณฑ์ขั้นต่ำที่แนะนำ

หมายเหตุ หากท่านไม่ประสงค์ที่จะรอรับการแจ้งเตือน ท่านสามารถดูรายละเอียดของพอร์ตการลงทุนที่แนะนำผ่านทางเว็บไซต์และแอปพลิเคชั่นของฟินโนมีนาพร้อมปรับพอร์ตเข้าลงทุนได้ทันที สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ LINE ID: @FINNOMENAPORT


คำเตือน: ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยง ก่อนตัดสินใจลงทุน โดยสามารถขอข้อมูลจากผู้แนะนำก่อนการลงทุน | ผลการดำเนินงานในอดีต และผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต | ผู้ลงทุนอาจมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากการป้องกันความเสี่ยงขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้จัดการกองทุน | สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ทหารไทย จำกัด หรือ บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน ฟินโนมีนา จำกัด ในช่วงเวลาวันทำการตั้งแต่ 09:00-17:00 น. ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 026 5100 และทาง LINE “@FINNOMENAPORT” | สำหรับผู้ลงทุนในความดูแลของ Kept by krungsri ติดต่อทีม Kept help center ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 296 6299

บลจ.วรรณ : โปรโมชั่นสำหรับลูกค้าที่ลงทุนในกองทุน ONE-LS7-UI และ ONE-LS7UH-UI ระหว่างวันที่ 7-21 พ.ย. 68

Finnomena Funds Editor

 

 


คำเตือน

การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนต้องทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน | การลงทุนในกองทุนรวมไม่ใช่การฝากเงิน | กองทุนอาจลงทุนกระจุกตัวในอุตสาหกรรมและประเทศที่ลงทุน จึงมีความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนจำนวนมาก ผู้ลงทุนจึงควรพิจารณาการกระจายความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุนโดยรวมของตนเองด้วย | ผู้ลงทุนอาจมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากการป้องกันความเสี่ยงขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้จัดการกองทุน | สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน ฟินโนมีนา จำกัด ในช่วงเวลาวันทำการตั้งแต่ 09:00-17:00 น. ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 026 5100 และทาง LINE “@FINNOMENAPORT”

ปลายปีนี้ วางแผนภาษีอย่างชาญฉลาด ด้วยกองทุน RMF และ THAI ESG คุณภาพจาก บลจ.เกียรตินาคินภัทร

Finnomena Funds
กองทุนลดหย่อนภาษีแนะนำ KKPAM

ช่วงสิ้นปีแบบนี้ ถือเป็นเวลาทองของการ “วางแผนภาษี” สำหรับคนทำงานและนักลงทุน

เพราะนอกจากจะช่วยลดภาระภาษีได้แล้ว ยังเป็นจังหวะดีในการวางรากฐานความมั่งคั่งระยะยาว

และถ้าคุณกำลังมองหากองทุนลดหย่อนภาษีที่ ลงทุนง่าย ถือยาวได้ และมีคุณภาพในการบริหารจัดการพอร์ต นี่คือ 5 กองทุนคุณภาพในกลุ่ม RMF และ THAI ESG เพื่อให้ตอบโจทย์ทั้งด้าน “สิทธิลดหย่อนภาษี” และ “โอกาสเติบโตของเงินลงทุน” ไปพร้อมกัน

KKP GNP RMF-H และ KKP GNP RMF-UH (ระดับความเสี่ยง 6) 

ลงทุนในหุ้นทั่วโลก ผ่านกองทุนหลัก Capital Group New Perspective Fund เน้นลงทุนในบริษัทข้ามชาติที่แข็งแกร่ง และได้รับประโยชน์จากการเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจการค้าโลกผ่านการคัดเลือกหุ้นรายตัว (Bottom-up) บริหารด้วยผู้จัดการกองทุน 10 ท่าน กลยุทธ์การบริหารกองมี Track Record ยาวนานกว่า 50 ปี เหมาะกับการจัดเป็น Core Port มีให้เลือกลงทุนทั้งแบบป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยน (KKP GNP RMF-H) และแบบที่ไม่ป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยน (KKP GNP RMF-UH)

KKP COREPATH BALANCED RMF (ระดับความเสี่ยง 5) 

กองทุนผสมแบบ Multi Asset ที่กระจายการลงทุนในสินทรัพย์ที่หลากหลายทั้งในและต่างประเทศ มีการปรับพอร์ตการลงทุนเพื่อให้การกระจายการลงทุนเป็นไปอย่างเหมาะสมและทันต่อสภาวะตลาด

(ปัจจุบันกองทุนนี้ลงทุนผ่านกองทุน KKP CorePath Balanced Fund ภายใต้คำแนะนำเชิงกลยุทธ์ของทีมที่ปรึกษาการลงทุน KKPS ซึ่งได้รับประโยชน์จากความเชี่ยวชาญด้านการจัดสรรการลงทุนของ Goldman Sachs Asset Management)

KKP INRMF (ระดับความเสี่ยง 4) 

ลงทุนในตราสารหนี้ภาครัฐ ตราสารหนี้ภาคเอกชน รวมทั้งเงินฝาก โดยมีการบริหารพอร์ตแบบยืดหยุ่นสามารถปรับเปลี่ยนการลงทุนให้เหมาะสมกับภาวะเศรษฐกิจ ทั้งในด้าน Credit Rating และ Duration Management เพื่อมุ่งสร้างผลตอบแทนที่สูงขึ้นภายใต้ความเสี่ยงที่เหมาะสม  โดยไม่มีการลงทุนในต่างประเทศ 

กองทุนนี้ได้รับรางวัลกองทุนยอดเยี่ยมประเภทกองทุนตราสารหนี้ระยะปานกลางและยาว และรางวัลกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพยอดเยี่ยม ประเภทตราสารหนี้ จาก Morningstar Awards 2 ปีซ้อน (2024-2025)

KKP GB THAI ESG (ระดับความเสี่ยง 3) 

เน้นลงทุนในตราสารหนี้ภาครัฐไทยที่เกี่ยวข้องกับตราสารหนี้กลุ่มความยั่งยืน โดยปัจจุบันไม่มีการลงทุนในตราสารหนี้ภาคเอกชน ทั้งนี้ กองทุนสามารถปรับการลงทุนในด้าน Duration Management เพื่อเพิ่มโอกาสสร้างผลตอบแทนที่สูงขึ้นเมื่อเทียบกับระดับความเสี่ยงที่เหมาะสม 

สามารถศึกษารายละเอียดของกองทุนเพิ่มเติมได้ที่ www.finnomena.com/fund


สำหรับใครที่มีข้อสงสัย ยังไม่จุใจกับเรื่องการวางแผนภาษี มาหาคำตอบได้ที่งาน TAX Source Solution 2025 มัดรวมทุกทางออกลดหย่อนภาษี 

วันที่ 23 พฤศจิกายน 2568 หอประชุมศาสตราจารย์สังเวียน อินทรวิชัย อาคาร B ชั้น 7 ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

ลงทะเบียนเข้าร่วมงานฟรี! ที่นั่งมีจำนวนจำกัด


คำเตือน: ผลการดำเนินงานในอดีตมิได้ยืนยันผลการดำเนินงานในอนาคต | ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไข ผลตอบแทน ความเสี่ยงและศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่ระบุไว้ในคู่มือการลงทุนในกองทุนรวม RMF และ Thai ESG กรณีไม่ได้ปฏิบัติตามเงื่อนไขภาษี จะไม่ได้สิทธิประโยชน์ตามเงื่อนไขกองทุน | การลงทุนในกองทุนรวม Thai ESG มีเงื่อนไขสิทธิประโยชน์ทางภาษีเฉพาะตามที่กรมสรรพากรกำหนด | การลงทุนในกองทุนรวมไม่ใช่การฝากเงิน | ผู้ลงทุนอาจมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากการป้องกันความเสี่ยงขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้จัดการกองทุน | บางกองทุนมีการลงทุนกระจุกตัวในประเทศที่ลงทุน จึงมีความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนจำนวนมาก ผู้ลงทุนจึงควรพิจารณาการกระจายความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุนโดยรวมของตนเองด้วย | สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่ บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน ฟินโนมีนา จำกัด ในช่วงเวลาวันทำการตั้งแต่ 09:00-17:00 น. ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 026 5100 และทาง LINE “@FinnomenaPort”

Copyright@ 2025 บริษัท มอร์นิ่งสตาร์ รีเสริช์ ประเทศไทย สงวนลิขสิทธิ์ ข้อมูลที่ประกอบในเอกสารนี้: 

(1) เป็นกรรมสิทธิ์ของบริษัทมอร์นิ่งสตาร์ และ/หรือ ผู้ให้บริการข้อมูล 

(2) บริษัทขอสงวนสิทธิ์ในการทำซ้ำ หรือเผยแพร่ 

(3) บริษัทขอสงวนสิทธิ์ที่จะไม่รับผิดชอบต่อความถูกต้อง ครบถ้วน และความเสียหายต่างๆ ที่เกิดขึ้นทุกกรณีจากการนำข้อมูลไปใช้อ้างอิง ผลการดำเนินงานในอดีตมิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต 

Morningstar Awards 2025@ บริษัท มอร์นิ่งสตาร์ รีเสริช์ ประเทศไทย สงวนลิขสิทธิ์: กองทุน KKP INRMF ได้รับรางวัลกองทุนตราสารหนี้ระยะปานกลางและยาวยอดเยี่ยม และรางวัลกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพยอดเยี่ยมประเภทตราสารหนี้ (ประเทศไทย) 

Krungsri The Masterpiece อัปเดตมุมมองประจำเดือนพฤศจิกายน 2025 : ท่าที Fed กดดัน Bond

บลจ.กรุงศรี
Krungsri The Masterpiece อัปเดตมุมมองประจำเดือนพฤศจิกายน 2025 : ท่าที Fed กดดัน Bond

มุมมองการลงทุน

ในช่วงเดือนที่ผ่านมา ตลาดหุ้นส่วนใหญ่ทั่วโลกเดินหน้าทำสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง ถึงแม้หน่วยงานรัฐบาลของสหรัฐต้องปิดทำการชั่วคราวต่อเนื่องยาวนานก็ตาม โดยได้แรงหนุนจากความคาดหวังว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะลดดอกเบี้ย การเจรจาการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐจะออกมาในเชิงบวก และผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นสหรัฐส่วนใหญ่ออกมาดีกว่าที่คาด ในขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลปรับตัวสูงขึ้น จากแรงขายทำกำไร และนักลงทุนกังวลว่าเฟดอาจลดดอกเบี้ยน้อยกว่าที่ประเมินไว้

สำหรับทิศทางตลาดหุ้นในช่วงเดือนพฤศจิกายนน่าจะได้แรงหนุนจากผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน หลังบริษัทฯส่วนใหญ่ที่รายงานผลประกอบการไตรมาส 3/68 แล้ว มีผลประกอบการที่ดีกว่าที่คาด และมีมุมมองเชิงบวกมากขึ้นต่อผลประกอบการในอนาคต จึงมีแนวโน้มว่าบริษัทฯที่ยังไม่ได้รายงานผลประกอบการน่าจะมีผลประกอบการที่ดีเช่นกัน กอปรกับปัญหาความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐกับจีนเริ่มคลี่คลายไปในทางที่ดี และการค้าในตลาดโลกมีสัญญาณฟื้นตัว ในขณะที่ตลาดตราสารหนี้มีแนวโน้มที่จะยังคงผันผวนจากความคาดหวังต่อทิศทางดอกเบี้ยของสหรัฐ หลังประธานเฟดส่งสัญญาณว่ายังไม่มีความชัดเจนว่าจะมีการลดดอกเบี้ยอีก 1 ครั้งในปีนี้หรือไม่

สำหรับตลาดหุ้นไทย ดัชนีตอบรับข่าวมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจภาครัฐ ความชัดเจนของการเมือง และผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนไปแล้วบางส่วน การลงทุนในหุ้นต่างประเทศจึงยังคงมีความน่าสนใจมากกว่า

ในส่วนของตราสารหนี้ ความไม่แน่นอนของทิศทางดอกเบี้ยของเฟดส่งผลให้ตลาดตราสารหนี้ของไทยมีแนวโน้มผันผวนเช่นกัน โดยการที่ กนง. ตัดสินใจคงดอกเบี้ยในการประชุมครั้งล่าสุด ซึ่งผิดไปจากที่ตลาดคาดว่าจะมีการประกาศลดดอกเบี้ย ส่งผลให้ผลตอบแทนกองทุนตราสารหนี้ของไทยปรับตัวลดลงในช่วงที่ผ่านมา อย่างไรก็ดี ทิศทางดอกเบี้ยในระยะยาวทั้งในและต่างประเทศยังคงเป็นขาลง การที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรปรับตัวสูงขึ้นจึงเป็นโอกาสที่ดีในการลงทุน

 


คำเตือน: ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยง ก่อนตัดสินใจลงทุน ทั้งนี้ ผลการดำเนินงานในอดีตของกองทุนรวม และผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต กองทุนที่มีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน อาจมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน  ซึ่งอาจทำให้ผู้ลงทุนขาดทุนหรือได้รับกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน/หรือได้รับเงินคืนต่ำกว่าเงินลงทุนเริ่มแรกได้  กองทุนที่มีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเต็มจำนวน อาจมีต้นทุนสำหรับการทำธุรกรรมป้องกันความเสี่ยงดังกล่าว โดยทำให้ผลตอบแทนของกองทุนโดยรวมลดลงเล็กน้อยจากต้นทุนที่เพิ่มขึ้น กองทุนอาจลงทุนในตราสารหนี้ที่มีอันดับความน่าเชื่อถือต่ำกว่าอันดับที่สามารถลงทุนได้  (non-investment grade) หรือไม่มีการจัดอันดับความน่าเชื่อถือ (unrated bond) ผู้ลงทุนจึงอาจมีความเสี่ยงสูงขึ้นจากการไม่ได้รับชำระคืนเงินต้น และดอกเบี้ย เอกสารฉบับนี้จัดทำขึ้นเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆที่น่าเชื่อถือได้ ณ วันที่แสดงข้อมูลแต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้องความน่าเชื่อถือ และความสมบูรณ์ของข้อมูลทั้งหมด โดยบริษัทฯขอสงวนสิทธิ์เปลี่ยนแปลงข้อมูลทั้งหมดโดยไม่จำเป็นต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงศรี จำกัด โทร  0 2657 5757 | สำหรับผู้ลงทุนในความดูแลของ Kept by krungsri ติดต่อทีม Kept help center ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 296 6299

Finnomena Funds Market Alert: หุ้นเวียดนาม VN-Index ฟื้นแรง นำโดยหุ้น Vingroup–FPT หลังแรงขายต่างชาติชะลอลง และความหวังดีลการค้าสหรัฐฯ–เวียดนาม

Finnomena Funds
หุ้นเวียดนาม

วันที่ 12 พฤศจิกายน 2025 ดัชนี VN-Index ปรับตัวขึ้น +2.40% มาสู่ระดับ 1,631.86 จุด หลังเผชิญแรงขายติดต่อกันหลายวันก่อนหน้า โดยแรงซื้อกลับเด่นในหุ้นนำตลาดและหุ้นธนาคาร ท่ามกลางสัญญาณว่าแรงขายสุทธิของนักลงทุนต่างชาติเริ่มลดลง หนุนให้บรรยากาศการลงทุนกลับมาเป็นบวก

แรงหนุนหลักมาจากหุ้นเครือ Vingroup และเทคโนโลยี โดย Vingroup (VIC) +5.07%, Vinhomes (VHM) +4.44%, และ FPT +4.68% ขณะที่ค้าปลีกและการเงินอย่าง MWG +3.21% และ MBB +2.16% ฟื้นตัวตาม การเคลื่อนไหวดังกล่าวช่วยประคองดัชนีให้อยู่ในแดนบวกต่อเนื่อง ขณะที่ MSN +1.28% หนุนภาพรวมกลุ่มบริโภคไม่ให้ถอยหลังมากนัก

ประเด็นมหภาคยังช่วยพยุง Sentiment หลังมีรายงานว่าเวียดนามและสหรัฐฯ เดินหน้าเร่งปิดดีลข้อตกลงการค้าทวิภาคี โดยคาดคงอัตราภาษีนำเข้า 20% ของสหรัฐฯ ไว้แต่จะมี “รายการยกเว้น” ให้สินค้าเวียดนามบางประเภท ซึ่งหากจบลงได้ตามกรอบเดือนธันวาคม จะช่วยประคองการส่งออกและภาพการลงทุนของเวียดนามในห่วงโซ่อุปทานสหรัฐฯ ต่อไป

ในเชิงกลยุทธ์ ระยะสั้นตลาดยังเผชิญแรงขายจากต่างชาติ แต่การที่แรงขายชะลอลงและหุ้นนำดัชนีเริ่มฟื้น สอดคล้องกับมุมมองระยะกลางที่ยังดีจากการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน การเติบโตของสินเชื่อ และการอัปเกรดสู่ EM ที่จะมีผลในปี 2026 ซึ่งล้วนเป็นปัจจัยสนับสนุน EPS และกระตุ้นเม็ดเงินต่างชาติกลับเข้ามาเมื่อความผันผวนลดลง

Finnomena Funds ประเมินว่า การดีดตัวของ VN-Index วันนี้สะท้อนแรงซื้อกลับหลังราคาปรับฐานเกินพื้นฐาน และปัจจัยบวกเชิงโครงสร้างยังเด่น

เราจึงคงมุมมอง “Positive” ต่อหุ้นเวียดนาม พร้อมแนะนำทยอยลงทุนผ่านกองทุน PRINCIPAL VNEQ-A เพื่อรับอานิสงส์จากการเติบโตของกำไรและโอกาสการไหลเข้าเงินทุนต่างชาติในระยะถัดไป

จัดทำโดยบลป. เดฟินิทสำหรับบลน. ฟินโนมีนา (Finnomena Funds)


คำเตือน: ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน | ผลการดำเนินงานในอดีต และผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต | ผู้ลงทุนอาจมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากการป้องกันความเสี่ยงขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้จัดการกองทุน | กองทุนรวมนี้ลงทุนกระจุกตัวในผู้ออกตราสารหรือประเทศใดประเทศหนึ่ง จึงมีความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนจำนวนมาก ผู้ลงทุนจึงควรพิจารณาการกระจายความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุนโดยรวมของตนเองด้วย | คำแนะนำการลงทุนนี้เป็นไปตามกรอบการพิจารณาของ Finnomena Funds ซึ่งมีเป้าหมายในการสร้างโอกาสรับผลตอบแทนในระยะเวลาตามแต่ละประเภทของพอร์ตเท่านั้น บริษัทมิได้การันตีถึงผลตอบแทนที่จะได้จากคำแนะนำการลงทุนดังกล่าว มีความเสี่ยงที่ผลตอบแทนอาจไม่เป็นไปตามคาดหวัง หรือมีผลขาดทุนได้ | สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน ฟินโนมีนา จำกัด ในช่วงเวลาวันทำการตั้งแต่ 09:00-17:00 น. ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 026 5100 และทาง LINE @FinnomenaPort | สำหรับผู้ลงทุนในความดูแลของ Kept by krungsri ติดต่อทีม Kept help center ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 296 6299

ผลสำรวจ Money Poll ของตลาดสหรัฐ ปี 2025

MacroView
ผลสำรวจ Money Poll ของตลาดสหรัฐ ปี 2025

ทุก ๆ 6 เดือน ทาง Dow Jones News Service จะทำการสำรวจความเห็นจากบรรดาผู้จัดการกองทุนและนักกลยุทธ์ทั่วสหรัฐ บทความนี้ จะขอนำผลสำรวจดังกล่าวเมื่อเดือนก่อนมาฝากกัน

ผลของ Money Poll ในรอบนี้ ปรากฏว่า ร้อยละ 47 ของนักลงทุนสถาบัน มั่นใจว่าตลาดหุ้นสหรัฐจะมีความคึกคัก (Bullish) ซึ่งเพิ่มขึ้นจาก 28% เมื่อช่วงต้นปีนี้ ในขณะที่ 34% มีมุมมองเป็นกลาง ที่เหลือ 19% มีมุมมอง Bearish กระนั้นก็ดี 57% ของกลุ่มตัวอย่างทั้งหมด เชื่อว่าตลาดหุ้นสหรัฐมีมูลค่าสูงเกินกว่าความเป็นจริง เทียบกับเพียง 3% ที่เชื่อว่าตลาดหุ้นยังถูกกว่าความเป็นจริง

โดยผู้ที่มุมมอง Bullish เชื่อว่าตลาดหุ้นสหรัฐจะขึ้นต่อไปจนถึงสิ้นปีนี้ โดย ณ ปลายเดือนกันยายนที่ผ่านมา เชื่อว่าตลาดหุ้นสหรัฐจะขึ้นอีก 9-10.5% จากจุดนั้น เนื่องมาจากการเพิ่มขึ้นของผลกำไรที่เพิ่มขึ้นของบริษัทจดทะเบียน

โดยเกือบ 38% ของกลุ่มตัวอย่างทั้งหมด เชื่อว่าอัตราส่วนกำไรต่อหุ้นจะเพิ่มขึ้น 6-10% จากระดับของปีนี้ ในขณะที่อีก 13% ของกลุ่มตัวอย่างทั้งหมด เชื่อว่าอัตราส่วนกำไต่อหุ้นจะเพิ่มขึ้นมากกว่า 10% จากระดับของปีนี้

ส่วนเหตุผลที่ Bullish คือเชื่อว่า AI จะสามารถเปลี่ยนแปลงโลกในปัจจุบันได้ ทว่าตลาดหุ้นสหรัฐก็วิ่งไปแล้วค่อนข้างแรงมาก จนเชื่อว่ามีความเสี่ยงที่มูลค่าของตลาดตอนนี้จะสูงเกินจริง

โดยค่าเฉลี่ยของการถือครองสินทรัพย์ในพอร์ตการลงทุนอยู่ที่ หุ้น 73% หุ้นกู้หรือบอนด์ 17% และ เงินสด 6% โดย 2 ใน 3 ของกลุ่มตัวอย่างทั้งหมด รายงานว่าตนเองมีสัดส่วนของหุ้นต่อพอร์ตโดยรวมสูงกว่าเมื่อ 6 เดือนก่อน

อย่างไรก็ดี ในปีนี้ ไม่เพียงแต่ตลาดหุ้นสหรัฐเท่านั้นที่เป็นขาขึ้น ตลาดหุ้นอย่างยุโรปและญี่ปุ่น รวมถึงตลาดเกิดใหม่ อย่างจีนและบราซิลก็อยู่ในช่วงขาขึ้นเช่นกัน โดยเกือบ 60% ของกลุ่มตัวอย่างทั้งหมดเพิ่มสัดส่วนหุ้นนอกสหรัฐในพอร์ตของตนเองในรอบ 12 เดือนที่ผ่านมา และเกือบ 40% มีแผนที่จะเพิ่มสัดส่วนหุ้นนอกสหรัฐ ในระยะเวลา 12 เดือนถัดไป

ในช่วงที่หุ้นเป็นช่วงขาขึ้นอย่างต่อเนื่อง มี 62% ของกลุ่มตัวอย่างทั้งหมด ทำการลดสัดส่วนการถือครองหุ้นกู้หรือบอนด์ลง ทว่า 2 ใน 3 ของทั้งหมดบอกว่ามีความเห็นในเชิงบวกต่อทองคำ ทั้งนี้ ราคาทองคำได้ขึ้นไปกว่า 60% ในปีนี้ โดยมองว่าจะใช้เป็นสินทรัพย์ทางเลือกเพื่อกระจายความเสี่ยง

อย่างไรก็ดี บรรดากลุ่ม Bearish เห็นความเสี่ยงที่เกิดจากการขึ้นอย่างร้อนแรงของราคาทองคำและระดับราคาหุ้นที่สูงมากเกินไป โดยกลุ่มนี้คาดว่าตลาดหุ้นสหรัฐจะลดลง 8-13.5% จากนี้จนถึงสิ้นปี 2026 เมื่อกระแส AI เริ่มจางลงและความกังวลต่อเศรษฐกิจเริ่มมีผลต่อตลาด โดย 38% ของทั้งหมด เชื่อว่าตลาดหุ้นสหรัฐจะประสบกับตลาดเข้าสู่ภาวะหมี หรือลดลงมากกว่า 20% จากจุดสูงที่สุด ในช่วงอีก 12 เดือนถัดไป

ทั้งนี้ มองว่าหุ้นธีมที่เกาะกระแส AI ยุคเริ่มต้นดังเช่นในตอนนี้ อาจจะไม่ใช่ผู้ชนะในระยะยาว แม้ว่า AI จะมีผลต่อโลกของเราแบบถาวรดังเช่นอินเตอร์เน็ตในยุคที่ผ่านมา แม้ว่าหุ้นระดับชั้นนำแนว AI ในตอนนี้ จะมีธุรกิจที่แข็งแกร่งกว่าในยุคปี 1999 ทว่าระดับมูลค่าถือว่าโดยส่วนใหญ่สูงกว่ามูลค่าในความเป็นจริงไปมากแล้ว

ทั้งนี้ มี 3 ความเสี่ยงหลัก จากการสำรวจ ได้แก่ เศรษฐกิจชะลอตัว, ตัวเลขผลกำไรบริษัทจดทะเบียนออกมาน่าผิดหวัง และความวุ่นวายทางการเมือง กระนั้นก็ดี 37% ของกลุ่มตัวอย่างทั้งหมด มองว่าอัตราการเติบโตของจีดีพีสหรัฐในปีหน้า จะอยู่ในช่วง 2-3% และอีก 25% มองว่าจะอยู่ที่ 1.5% ในปีหน้า

ด้านความนิยมต่อแผนเศรษฐกิจของรัฐบาลโดนัลด์ ทรัมป์ ดูจะไม่สวยหรูเท่าไร โดยเกือบ 2 ใน 3 ของทั้งหมดไม่เห็นด้วยต่อนโยบาย tariff และ 58% ให้เกรด C หรือ D ต่อนโยบายการคลังของทรัมป์ อย่างไรก็ดี มีบางส่วนมองว่า tariff ช่วยให้เกิดความยุติธรรมต่อระบบการค้าของสหรัฐและดีลการค้ากับญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ยุโรป และแคนาดา ถือว่าดูเป็นมิตรมากขึ้น  รวมถึงบางส่วนเห็นด้วยต่อการใช้ไม้แข็งด้านการค้ากับจีน พร้อม ๆ กับการปิดดีลการค้ากับจีนได้

ด้านมุมมองต่อธนาคารกลางสหรัฐหรือเฟด ส่วนใหญ่ ราว 57% ชื่นชอบต่อนโยบายเฟด โดยมี 34% มองว่านโยบายการเงินมีความตึงตัวมากจนเกินไป เมื่อเทียบกับ 6 เดือนที่ 70% ชื่นชอบต่อนโยบายเฟด โดยมี 23% มองว่านโยบายการเงินมีความตึงตัวมากจนเกินไป

สำหรับมุมมองต่อประธานเฟดท่านใหม่  ส่วนใหญ่อยากได้ คริสโตเฟอร์ วาลเลอร์ หรือ เควิน วอร์ช ทว่าประเมินว่า เควิน ฮาสเส็ต มีโอกาสเป็นมากที่สุดเนื่องจากเป็นหนึ่งในทีมงานของทรัมป์ในปัจจุบัน

สำหรับนโยบายการเงินในปีหน้า มองว่าผ่อนคลายลงค่อนข้างแน่ จากตลาดแรงงานที่แผ่วลง และอัตราเงินเฟ้อที่น่าจะชะลอลง โดยทั้งดอกเบี้ยที่ลดลงและนโยบายการคลังที่ผ่อนคลาย รวมถึงการผ่อนกฎเกณฑ์ต่าง ๆ และการลดภาษีของรัฐบาลสหรัฐน่าจะช่วยให้นักลงทุนยังคงลงทุนอยู่ในตลาด แม้ว่าตลาดจะมีมูลค่าปัจจุบันที่สูง ทว่านโยบายต่าง ๆ หากมาถูกทางก็น่าจะช่วยให้ตลาดสามารถไปต่อได้อีกสักพักดังเช่นในปี 1997

โดยส่วนใหญ่ของผู้สำรวจมองว่าแม้ตลาดหุ้นสหรัฐจะมีล้มเป็นพัก ๆ ทว่าตราบเท่าที่ความคาดหวังของผลกำไรของบริษัทจดทะเบียนยังเพิ่มขึ้น สถานะด้านการเงินที่ไม่ตึงตัวเกินไป และรัฐบาลสหรัฐช่วยหนุนเศรษฐกิจ ตลาดหุ้นสหรัฐยังน่าจะพออยู่ในช่วงขาขึ้นได้

ดร. บุญธรรม รจิตภิญโญเลิศ, CFP

MacroView, macroviewblog.com

รู้หรือไม่? พลังของผู้แนะนำการลงทุน 1 คน อาจสร้างการเปลี่ยนแปลงสำคัญให้ประเทศได้

Finnomena Funds
รู้หรือไม่? พลังของผู้แนะนำการลงทุน 1 คน อาจสร้างการเปลี่ยนแปลงสำคัญให้ประเทศได้

ประเทศไทยติด 1 ใน 10 ประเทศที่มีหนี้ครัวเรือนสูงที่สุดในโลก โดยหนี้ครัวเรือนคือหนี้ที่เกิดจากการกู้ยืมของคนในประเทศ ทั้งการกู้ยืมไปซื้อบ้าน ซื้อรถ ทำธุรกิจ นำเงินไปหมุน นับเป็นหนี้ครัวเรือนทั้งหมด ในปี 2568 ภาคครัวเรือนไทย 95.1% มีภาระหนี้สิน เฉลี่ยประมาณ 740,596.94 บาท/ครัวเรือน

ปัญหาหนี้ครัวเรือนเป็นปัญหาที่เกิดจากหลายปัจจัย ไม่ได้เกิดจากสาเหตุใดสาเหตุหนึ่ง โดยอาจเกิดจากทั้งรายได้ที่ลดลงตามสภาพเศรษฐกิจ ค่าครองชีพที่สูงขึ้น ความง่ายในการเข้าถึงแหล่งเงินทุน การติดนิสัยใช้บัตรเครดิตและการผ่อนจ่าย

ปัญหาบางอย่างเป็นเรื่องที่เราควบคุมไม่ได้ เช่น การยกเลิกจ้าง หรือผลกระทบจากวิกฤตโรคระบาด แต่ปัญหาส่วนใหญ่ลึก ๆ แล้วไม่ได้เกิดจากปัจจัยภายนอก แต่เกิดจากพฤติกรรมการใช้เงินแบบผิด ๆ ของคนไทยที่สั่งสมกันมานาน และหากจะขุดลึกไปถึงต้นตอของพฤติกรรมการใช้เงินแบบผิด ๆ ก็จะพบว่าเกิดจากการที่คนไทยส่วนใหญ่ “ขาดความรู้ทางการเงินที่ดี” หรือขาด “Financial Literacy” นั่นเอง

ต้นตอของปัญหาหนี้ คือ การขาด Financial Literacy

Financial แปลว่า การเงิน Literacy แปลว่า ความสามารถในการอ่านออกเขียนได้ แปลรวมกัน Financial Literacy คือ การมีความรู้ความเข้าใจในเรื่องการเงิน ตัวอย่างเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นจากการขาด Financial Literacy ที่ดี เช่น ประเมินรายได้ของตัวเองต่ำเกินไป ทำให้ใช้จ่ายเกินตัว อยากได้อะไรก็ซื้อทันที หรือหาเงินมาได้แล้วไม่เก็บออม ไม่เผื่อไว้ใช้ในยามฉุกเฉิน เมื่อเกิดเหตุการณ์ที่จำเป็นต้องใช้เงินก็ลำบาก ต้องไปกู้เงินเพิ่ม เป็นหนี้อีก

จะเห็นว่าต้นตอของปัญหาหนี้จริง ๆ เริ่มต้นมาจากพฤติกรรมการใช้เงินส่วนบุคคล แต่ถามว่าคนที่เป็นหนี้ผิดหรือไม่ที่บริหารเงินได้ไม่ดี ก็ไม่ได้ผิดทั้งหมด เพราะคนที่ไม่คุ้นเคยกับเรื่องเงินมาก่อน ไม่ได้เรียนรู้เรื่องเงินมาก่อน ก็ยากที่จะทำอะไรถูกต้องตั้งแต่ครั้งแรก และการศึกษาไทยก็ไม่ได้สอนเรื่องนี้กันในโรงเรียนด้วย เพราะฉะนั้นเรื่องเงินสำหรับคนไทย ถ้าไม่ไปเจอประสบการณ์จริงด้วยตัวเองแล้วเรียนรู้ ก็ต้องมีคนคอยช่วยเหลือแนะนำให้ไปในทางที่ถูกต้อง

รู้หรือไม่? พลังของผู้แนะนำการลงทุน 1 คน อาจสร้างการเปลี่ยนแปลงสำคัญให้ประเทศได้

ผู้แนะนำการลงทุนจะช่วยแก้ปัญหานี้อย่างไร

คนที่เป็นผู้แนะนำการลงทุนถือว่าเรามีความรู้เรื่องการเงินเยอะกว่าคนทั่วไป ทั้งเรื่องการบริหารค่าใช้จ่าย เรื่องการวางแผนการเงิน เรื่องประกัน เรื่องการลงทุน ในขณะที่คนไทยกว่าครึ่งยังขาดความรู้ความเข้าใจ และประสบปัญหาเรื่องเงินอยู่ ดังนั้น ผู้แนะนำการลงทุนสามารถใช้ความรู้ความสามารถของตัวเองที่มีในการแก้ปัญหาตรงนี้ให้กับคนที่เดือดร้อนได้ ถึงแม้ว่าจะเป็นคำแนะนำเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็อาจช่วยเปลี่ยนชีวิตของคนคนหนึ่งได้

ทีนี้มีคำถามว่าผู้แนะนำการลงทุน แนะนำกองทุนให้ลูกค้าต้องดูแลเฉพาะลูกค้าที่มีเงินเยอะ ๆ หรือเปล่า? คนที่ยังมีเงินน้อยหรือเป็นหนี้ ผู้แนะนำการลงทุนไม่เห็นเกี่ยวอะไรด้วยเลย คำตอบคือ “ไม่ใช่” จริงอยู่ว่าคนที่เป็นหนี้ไม่ควรลงทุน แต่มันก็ขึ้นอยู่กับประเภทของหนี้ ถ้าเกิดเป็นหนี้ที่เกิดจากการใช้จ่ายเกินตัว กรณีนั้นไม่ควรเริ่มลงทุน ควรบริหารค่าใช้จ่ายให้เป็นบวกให้ได้ก่อน ส่วนถ้าเป็นหนี้จากของจำเป็น เช่น ผ่อนซื้อบ้าน ซื้อรถหนี้จากการประกอบอาชีพ หนี้การศึกษา กรณีนี้สามารถลงทุนได้ ส่วนกรณีคนที่ยังมีเงินน้อย ยิ่งควรต้องเรียนรู้เรื่องการลงทุนเพื่อให้ในอนาคตจะได้มีเงินเยอะขึ้นและไปถึงเป้าหมายที่ตัวเองต้องการได้ไวขึ้น

จะเห็นว่าไม่ว่าใครก็ต้องการคนให้คำแนะนำเรื่องเงิน ในช่วงชีวิตที่แตกต่างกันจะมีปัญหาเรื่องเงินที่แตกต่างกันมาให้แก้เสมอ เพราะฉะนั้นในทุกยุคทุกสมัยความสามารถของผู้แนะนำการลงทุนจึงเป็นสิ่งที่ต้องการ และถือว่าเป็นโอกาสของผู้แนะนำการลงทุนด้วย เพราะคนไทยที่ต้องการความช่วยเหลือเรื่องเงินยังมีอีกจำนวนมาก

เริ่มล้มโดมิโน่ตัวแรก

โดมิโน่ตัวหนึ่งสามารถล้มโดมิโน่ตัวที่มีขนาดใหญ่เป็น 1.5 เท่าของมันได้ มีคำเปรียบเทียบว่า ถ้าเริ่มผลักโดมิโน่ตัวแรกขนาด 2 นิ้ว แล้วผลักไปโดนโดมิโน่ตัวที่ใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ โดมิโน่ตัวที่ 23 จะสามารถล้มหอไอเฟลได้

ปัญหาเรื่องเงินของคนไทยก็คงเป็นเช่นนั้น ถึงแม้ว่าปัญหาจะดูใหญ่ แต่ถ้าเราเริ่มผลักโดมิโน่ตัวแรกให้ถูกตัว แล้วผลักมันล้มไปเรื่อย ๆ สักวันนึงก็จะสามารถแก้ปัญหานี้ได้ และโดมิโน่ตัวแรกในมุมมองของ Finnomena Funds ก็คือผู้แนะนำการลงทุนทุกท่าน ที่จะช่วยส่งต่อความรู้ความเข้าใจเรื่องการเงิน และช่วยแนะนำให้คนไทยรู้จักโลกของการเงินการลงทุน จากผู้แนะนำการลงทุน 1 คนไปสู่ลูกค้า 1 คน และจากลูกค้าที่มีสุขภาพการเงินที่ดีแล้ว 1 คน ส่งต่อไปสู่คนรอบตัวอีกมากมาย สิ่งที่ผู้แนะนำการลงทุนจะสามารถทำให้กับประเทศได้ คือการเริ่มต้นดูแลลูกค้า 1 คนให้ดีที่สุด

ส่งท้าย

Finnomena Funds เราเปิดรับสมัครผู้แนะนำการลงทุนทุกท่านที่สนใจจะร่วมเป็นพาร์ทเนอร์กับเรา โดยเรามีสิทธิประโยชน์มากมายที่จะช่วยให้ผู้แนะนำการลงทุนสามารถทำงานได้ง่ายขึ้น อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่บทความ Finnomena Funds ให้สิทธิประโยชน์อะไรกับผู้แนะนำการลงทุนบ้าง?

ท่านใดสนใจสมัครเป็นผู้แนะนำการลงทุนกับ Finnomena Funds สามารถเข้าไปดูรายละเอียดได้ที่

finnomena.com/fa/


คำเตือน: บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ข้อมูลทั่วไปเกี่ยวกับอาชีพผู้แนะนำการลงทุนเท่านั้น ไม่ได้เป็นการชักชวนหรือแนะนำให้ลงทุนในผลิตภัณฑ์ทางการเงินใด ๆ ผู้ที่สนใจประกอบอาชีพนี้ควรศึกษาหลักเกณฑ์ คุณสมบัติ และข้อกำหนดของสำนักงาน ก.ล.ต. อย่างละเอียดก่อนตัดสินใจ โดยการเข้าร่วมเป็นผู้แนะนำการลงทุน ต้องมีคุณสมบัติและขึ้นทะเบียนตามเกณฑ์ที่สำนักงาน ก.ล.ต. กำหนด

เงินเดือนเท่านี้ ซื้อกองทุนลดหย่อนภาษีเต็มแม็ก ได้เงินคืนเท่าไร?

Finnomena Funds
เงินเดือนเท่านี้ ซื้อกองทุนลดหย่อนภาษีเต็มแม็ก ได้เงินคืนเท่าไร?

อย่างที่ทราบกันดีว่า “การจ่ายภาษี” กับ “มนุษย์เงินเดือน” เป็นสองสิ่งที่มักมาคู่กัน หากเราเป็นมนุษย์เงินเดือนและมีเงินได้ถึงเกณฑ์ก็มีหน้าที่ต้องเสียภาษี ยิ่งได้รับเงินเดือนมากก็ต้องเสียภาษีมากขึ้นตาม แต่ถ้าวางแผนภาษีให้ดี เราอาจไม่ต้องจ่ายภาษีเลยก็เป็นได้ หรือหากต้องจ่ายก็จ่ายน้อยลงมาก

วันนี้ Finnomena Funds จึงสรุปมาให้ว่าหากใช้สิทธิลดหย่อนภาษีด้วยการซื้อกองทุนประหยัดภาษีสูงสุดอย่าง RMF และ Thai ESG จะได้เงินภาษีคืนเท่าไรบ้าง? ลองมาดูกัน

“Tax Cal” เครื่องมือวางแผนภาษีที่ช่วยให้คุณรู้ภาษีที่ต้องจ่าย เห็นวงเงินลดหย่อนที่เหลือ และวางแผนลงทุนลดหย่อนได้อย่างมีประสิทธิภาพภายในไม่กี่นาที

ลองใช้ฟรี! 👉 www.finnomena.com/tax/คำนวณภาษี

จากตารางขอยกตัวอย่างดังนี้ เงินเดือน 50,000 บาท รายได้รวมต่อปี 600,000 บาท ฐานภาษี 10% จะเสียภาษีสูงสุดเท่ากับ 20,600 บาท เป็นจำนวนภาษีหลังหักค่าใช้จ่าย 50% ของรายได้รวมทั้งปี สูงสุดไม่เกิน 100,000 บาท ค่าลดหย่อนส่วนตัว 60,000 บาท และประกันสังคม 9,000 บาทแล้ว โดยถ้าลงทุนกองทุน RMF สูงสุด จะช่วยประหยัดภาษีได้ 20,600 บาท ดังนั้นในกรณีนี้หากเลือกลงทุนกองทุน RMF สูงสุดแล้ว ไม่มีความจำเป็นต้องลงทุนในกองทุน Thai ESG เพิ่มอีก หรือถ้ายังไม่ได้ลงทุนกองทุน RMF แล้วจะลงทุนกองทุน Thai ESG อย่างเดียวสูงสุด 300,000 บาทก็สามารถทำได้เช่นกัน แต่จะช่วยประหยัดภาษีได้เพียง 15,550 บาทเท่านั้น ทำให้ยังต้องจ่ายภาษีจำนวน 5,050 บาท

จะเห็นได้ว่าการวางแผนภาษีเป็นเรื่องสำคัญอย่างมาก แม้ว่าฐานภาษีสูง แต่หากมีการวางแผนภาษีที่ดีก็จะช่วยให้ประหยัดภาษีได้มาก มีเงินเหลือเก็บ เอาไปต่อยอดให้เงินงอกเงยได้อีก อย่าลืมว่าปีนี้เหลือเวลาวางแผนภาษีอยู่อีกไม่มากแล้ว รีบทำก่อนหมดปีแล้วต้องจ่ายภาษีเต็ม ๆ นะ

ใครยังลังเลอยู่ว่าจะปีนี้จะลดหย่อนภาษีด้วยการซื้อ RMF และ Thai ESG กองไหนดี Finnomena Funds มีจัดโพยกองทุนประหยัดภาษีมาให้แล้ว ทั้งแบบกองเดี่ยว ๆ และกองชุดแบบ Combo ให้นักลงทุนทุกท่านได้เลือกกันเต็มที่

.

ซื้อกองทุนลดหย่อนภาษีปี 2568 ต้องซื้ออย่างมีกลยุทธ์!
ซื้อที่ Finnomena Funds ซื้อได้ครบทั้ง 21 บลจ. ไม่ว่าจะเป็นกองทุน RMF และ Thai ESG

พิเศษ! สำหรับลูกค้าใหม่ กดรับสิทธิ์คูปองก่อนเปิดบัญชี
รับฟรี หน่วยลงทุนกองทุนรวมตลาดเงิน K-CASH มูลค่า 100 บาท

📌 ดูกองทุนแนะนำ คลิก https://finno.me/Taxtactic25-ws


คำเตือน

  • ผู้ลงทุนต้องทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไข ผลตอบแทน ความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน และควรศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่ระบุไว้ในคู่มือการลงทุนของกองทุน RMF และ Thai ESG กรณีไม่ได้ปฏิบัติตามเงื่อนไขภาษี จะไม่ได้สิทธิประโยชน์ตามเงื่อนไขกองทุน
  • การลงทุนในกองทุนรวมไม่ใช่การฝากเงิน
  • สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่ บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน ฟินโนมีนา จำกัด ในช่วงเวลาวันทำการตั้งแต่ 09:00-17:00 น. ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 026 5100 และทาง LINE “@FinnomenaPort”
  • สำหรับผู้ลงทุนในความดูแลของ Kept by krungsri ติดต่อทีม Kept help center ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 296 6299

จดหมายฉบับสุดท้ายจาก Warren Buffett ถึงผู้ถือหุ้น Berkshire Hathaway สู่นักลงทุนทั่วโลก

Finnomena
จดหมายฉบับสุดท้ายจาก Warren Buffett

Warren Buffett สะท้อนว่าชีวิตนี้เหมือนถูกหวย ความสำเร็จของเขาไม่ได้เกิดจากพรสวรรค์เพียงอย่างเดียว แต่ต้องขอบคุณความโชคดีตลอด 95 ปี และเชื่อว่าสุดท้ายแล้วคุณค่าของชีวิต คือการเป็นมนุษย์ที่ดีขึ้นในทุก ๆ วัน

ถึงเวลาแล้วที่ผมจะหายไปแบบเงียบ ๆ และคงไม่ได้เขียนรายงานประจำปี Berkshire’s หรือขึ้นพูดในงานประชุมผู้ถือหุ้นอีกต่อไป

Greg Abel จะเข้ารับตำแหน่งหัวเรือใหญ่ในปีนี้ เขาเป็นผู้บริหารที่ยอดเยี่ยม ทำงานอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ซื่อสัตย์ และเรียนรู้เร็วมาก

หวังว่าสุขภาพของเขาจะยังคงดีไปอีกหลายสิบปี

ผมรู้สึกขอบคุณความโชคดีของตัวเองที่มีชีวิตอยู่ได้ถึง 95 ปี แม้จะเจอเหตุการณ์เฉียดตายหลายครั้ง

แค่นี้ชีวิตก็เหมือนถูกหวยแล้ว ผมเกิดในปี 1930 สุขภาพดี มีสติปัญญาพอสมควร เป็นคนขาว เป็นผู้ชาย และอยู่ในอเมริกายุคที่เต็มไปด้วยโอกาส

ถือว่าโชคดีกว่าคนนับพันล้านคนบนโลกนี้

ความสำเร็จของผมก็ไม่ได้มาจากพรสวรรค์เพียงอย่างเดียว แต่เพราะมีเทพีแห่งโชคลาภ (Lady Luck) เข้าข้าง

หากย้อนดูช่วงชีวิตที่ผ่านมา ผมรู้สึกมีความสุขกับครึ่งหลังของชีวิตมากกว่าครึ่งแรก เพราะฉะนั้น ทุกคนอย่ามัวจมอยู่กับความผิดพลาดในอดีต จงเรียนรู้มันและก้าวต่อไปข้างหน้า

ชีวิตที่ยิ่งใหญ่ไม่ได้เกิดจากเงิน ชื่อเสียง หรืออำนาจ แต่คือชีวิตที่มีเมตตา ช่วยเหลือผู้คน

สิ่งสำคัญที่สุดคือการเป็นมนุษย์ที่ดีขึ้นในทุกวัน

จงเลือกฮีโร่ที่ถูกต้องให้รอบคอบที่สุด พยายามเป็นอย่างเขา แล้วใช้ชีวิตให้สมกับสิ่งที่คุณอยากให้คนรุ่นหลังพูดถึงเมื่อคุณจากไป

แน่นอนว่าทุกคนจะไม่มีทางสมบูรณ์แบบ แต่คุณสามารถเป็นคนที่ดีขึ้นได้เสมอ..

10 พฤศจิกายน 2025 Warren Buffett (วอร์เรน บัฟเฟตต์) ได้แปลงหุ้น BRK.A จำนวน 1,800 หุ้น เป็น BRK.B จำนวน 2.7 ล้านหุ้น เพื่อบริจาคให้มูลนิธิของครอบครัว

อนาคตของ Berkshire Hathaway จะยังคงแข็งแกร่งเหมือนเดิม เนื่องจากแนวทางการบริหารที่ใส่ใจผู้ถือหุ้น แต่ขนาดของบริษัทที่ใหญ่ขึ้น อาจทำให้การเติบโตช้าลงในอนาคต คงมีช่วงที่ราคาหุ้นผันผวนร่วงลงถึง 50% แต่ไม่ต้องกลัว อย่าสิ้นหวัง เพราะสุดท้ายอเมริกาจะกลับมา และเราก็จะกลับมาด้วย

รวมโอกาสการลงทุน China Play จีน-สหรัฐฯ พักรบชั่วคราว

Finnomena Funds
กองทุนธีม China Play

กองทุนธีม China Play คว้าโอกาสหลังจีน-สหรัฐฯ สงบศึกภาษีทางการค้า ตกลงเปลี่ยน Trade War เป็น Trade Deal คัดกองทุนหุ้นจีนที่ได้รับประโยชน์ ทั้งหุ้นจีนยักษ์ใหญ่, หุ้นเทคโนโลยีจีน, หุ้นจีน Health Care, Rare Earth, โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ รวมถึงกองทุนลดหย่อนภาษีหุ้นจีน

สรุปข้อตกลงการค้า ‘ทรัมป์’ กับ ‘สี จิ้นผิง’

การพบปะระหว่างประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา โดนัลด์ ทรัมป์ กับประธานาธิบดีจีน สี จิ้นผิง ในงานประชุม APEC Economic Leaders’ Meeting 2025 ช่วงวันที่ 1 พฤศจิกายน 2025 ที่ประเทศเกาหลีใต้ ได้เกิดสัญญาณเชิงบวกหลายมิติ โดยเฉพาะการผ่อนคลายความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน ผ่านข้อตกลงที่สำคัญหลายประการ เช่น 

  1. สหรัฐฯ ตกลงจะลดภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนลง 10% เหลือ 47% (จากเดิม 57%) มีผลตั้งแต่วันที่ 10 พฤศจิกายน 2025 และจะคงระงับการเพิ่มภาษีตอบโต้เพิ่มเติมจนถึงวันที่ 10 พฤศจิกายน 2026 แต่ยังคงอัตราภาษีตอบโต้พื้นฐานที่ 10%
  2. จีนระงับเก็บภาษีนำเข้าสหรัฐฯ ที่อัตรา 24% แต่ยังคงเหลือเก็บภาษีการค้าไว้แค่ 10% 
  3. จีนจะระงับการบังคับใช้ข้อจำกัดการส่งออกแร่หายาก (Rare Earth) ที่ประกาศไว้เมื่อวันที่ 9 ตุลาคม 2025 โดยจะออกใบอนุญาตทั่วไปสำหรับการส่งออกแร่หายากเพื่อให้ซัพพลายเออร์ทั่วโลกเข้าถึงได้
  4. จีนจะยุติมาตรการภาษีตอบโต้ (Retaliatory Tariffs) ทั้งหมดที่ประกาศตั้งแต่ 4 มีนาคม 2025 ครอบคลุมสินค้าการเกษตรของสหรัฐฯ หลายประเภท เช่น ไก่ ข้าวสาลี ข้าวโพด ฝ้าย ข้าวฟ่าง ถั่วเหลือง เนื้อหมู เนื้อวัว สินค้าทะเล ผลไม้ ผัก และผลิตภัณฑ์นม
  5. จีนจะซื้อถั่วเหลืองจากสหรัฐฯ อย่างน้อย 12 ล้านตัน ภายในปลายปี 2025 และจะซื้ออย่างน้อย 25 ล้านตันต่อปีในปี 2026-2028
  6. จีนจะยุติการส่งเฟนทานิลและสารเคมีที่เกี่ยวข้องไปยังทวีปอเมริกาเหนือโดยตรง รวมถึงเข้มงวดการควบคุมการส่งออกสารเคมีอื่น ๆ ไปยังทุกประเทศทั่วโลก

 

กองทุนธีม China Play

Finnomena Funds ประเมินว่า แนวโน้มการฟื้นตัวของตลาดหุ้นจีนและฮ่องกงยังอยู่ในทิศทางเชิงบวก เพราะได้รับแรงหนุนจากนโยบายเทคโนโลยีในประเทศและการคลี่คลายความตึงเครียดทางการค้า หลังผลการเจรจากับสหรัฐฯ ออกมาดี โดยมีกองทุนที่เกี่ยวข้อง ดังนี้

  • รายละเอียดเพิ่มเติม > KFCHINA-T10PLUS-A
  • รายละเอียดเพิ่มเติม > MEGA10CHINA-A
  • รายละเอียดเพิ่มเติม > SCBRMMLCA
  • รายละเอียดเพิ่มเติม > DAOL-RARE
  • รายละเอียดเพิ่มเติม > UCHI
  • รายละเอียดเพิ่มเติม > X-NUCTECH

กองทุนแนะนำได้ประโยชน์ดีลจีน-สหรัฐฯ 

กองทุน KFCHINA-T10PLUS-A

  • ความเสี่ยงระดับ 6 กองทุนรวมตราสารทุน
  • นโยบายลงทุนในบริษัทที่จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง (Hong Kong Stock Exchange: HKEX) ซึ่งธุรกิจมีความเกี่ยวข้องกับธีมเทคโนโลยี 
  • เน้นคัดหุ้นเทคโนโลยีจีนไม่น้อยกว่า 10 บริษัท แต่ไม่เกิน 15 บริษัทใน Hang Seng Teach Index ที่มีมูลค่าหลักทรัพย์อยู่ในระดับสูงและมีสภาพคล่อง 
  • ครอบคลุมหลายอุตสาหกรรม เช่น Consumer Tech, ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า EV Car, ผู้พัฒนาเกม และหุ้นผู้ผลิตชิป

กองทุน MEGA10CHINA-A

  • ความเสี่ยงระดับ 6 กองทุนรวมตราสารทุน
  • นโยบายลงทุนในบริษัทที่จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง (Hong Kong Stock Exchange: HKEX) ซึ่งเป็นบริษัทที่เน้นความเป็นผู้นำในด้านตราสินค้า (Brand Value) 
  • คัดเลือกหุ้นจำนวน 10 บริษัท พิจารณาจากมูลค่าตลาดขนาดใหญ่ มีสภาพคล่องสูง เป็นผู้นำใน Brand Value และไม่ถูกครอบเงาโดยทางการจีน
  • รวมบริษัทชั้นนำของจีนที่มีความได้เปรียบในการแข่งขัน และทนทานต่อผลกระทบทางเศรษฐกิจถดถอยได้ดีกว่าบริษัทอื่น ๆ

กองทุน SCBRMMLCA

  • ความเสี่ยงระดับ 6 กองทุนรวมตราสารทุน
  • กองทุนลดหย่อนภาษี RMF ที่มีนโยบายลงทุนในหุ้นจีนที่จดทะเบียนซื้อขายหลายตลาดแบบ All China บริหารโดยทีมผู้จัดการกองทุนประสบการณ์สูงของ บลจ. ไทยพาณิชย์
  • คัดเลือกหุ้นโดยใช้ Machine Learning ด้วยข้อมูลหลากหลายมิติ จากนั้นทำ Portfolio Optimization เพื่อควบคุมความเสี่ยงให้อยู่ในระดับเหมาะสม 
  • ป้องกันความเสี่ยงค่าเงินแบบ Active ระหว่างสกุลเงินบาทและสกุลเงินที่ลงทุน (ดอลลาร์ฮ่องกงหรือหยวน) 

กองทุน DAOL-RARE

  • ความเสี่ยงระดับ 7 – กองทุนรวมหมวดอุตสาหกรรม
  • นโยบายลงทุนในหน่วยลงทุนของ VanEck Rare Earth and Strategic Metals ETF โดยจะลงทุนในหุ้นผู้ผลิตแร่หายาก Rare Earth
  • ส่วนใหญ่คือหุ้นกลุ่ม Rare Earth ที่มีสัดส่วนหลักเป็นหุ้นจีน ซึ่งเป็นประเทศผู้ผลิต Rare Earth & Strategic Metals อันดับ 1 ของโลก 
  • การที่จีนเริ่มประกาศนโยบายควบคุมและติดตามปริมาณการผลิต Rare Earth สอดคล้องกับนโยบาย Anti-Involution เป็นปัจจัยหนุนสำคัญต่อกลุ่มนี้

กองทุน UCHI

  • ความเสี่ยงระดับ 7 – กองทุนรวมหมวดอุตสาหกรรม
  • เป็น Fund of Funds ที่ลงทุนในกองทุน Global X China Biotech และ Kraneshares MSCI All China Health Care Index ETF
  • ลงทุนในหุ้นอุตสาหกรรมสุขภาพในประเทศจีนที่โดดเด่นด้านการพัฒนา Healthcare Innovation
  • ประกอบไปด้วยบริษัทด้านการพัฒนาและค้นคว้าด้านเภสัชกรรม เทคโนโลยีชีวภาพ การบริหารสถานพยาบาล การผลิตอุปกรณ์ทางการแพทย์ ระบบไอทีด้านการดูแลสุขภาพ เป็นต้น

กองทุน X-NUCTECH

  • ความเสี่ยงระดับ 6 – กองทุนรวมตราสารทุน
  • นโยบายลงทุนในหน่วยลงทุนของ VanEck Uranium and Nuclear Technologies UCITS ที่มุ่งเน้นลงทุนบริษัทที่จัดอยู่ในกลุ่มอุตสาหกรรมพลังงานนิวเคลียร์และยูเรเนียม
  • เป็นธีมที่ได้ระโยชน์จากการเติบโตของ Cloud Data, Data Center, EV และเทรนด์พลังงานสะอาด
  • ได้รับแรงสนับสนุนทั้งในฝั่งอเมริกาที่ผลักดันให้เกิดการสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ใหม่ รวมถึงรัฐบาลจีนที่อนุมัติแผนก่อสร้างโรงไฟฟ้าใหม่จำนวนมาก

คำเตือน: กองทุนนี้มีลักษณะเฉพาะและความเสี่ยงเฉพาะ ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน รวมถึงศึกษาข้อมูลสิทธิประโยชน์ทางภาษีของกองทุน RMF ตามคู่มือการลงทุนและข้อกำหนดของกรมสรรพากร กรณีไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขภาษีจะไม่ได้สิทธิประโยชน์ตามที่กฎหมายกำหนด| ผลการดำเนินงานในอดีต และผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต | ผู้ลงทุนอาจมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากการป้องกันความเสี่ยงขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้จัดการกองทุน | กองทุนรวมนี้ลงทุนกระจุกตัวในผู้ออกตราสารหรือประเทศใดประเทศหนึ่ง จึงมีความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนจำนวนมาก ผู้ลงทุนจึงควรพิจารณาการกระจายความเสี่ยงของ พอร์ตการลงทุนโดยรวมของตนเองด้วย | คำแนะนำการลงทุนนี้เป็นไปตามกรอบการพิจารณาของ Finnomena Funds ซึ่งมีเป้าหมายในการสร้างโอกาสรับผลตอบแทนในระยะเวลาตามแต่ละประเภทของพอร์ตเท่านั้น บริษัทมิได้การันตีถึงผลตอบแทนที่จะได้จากคำแนะนำการลงทุนดังกล่าว มีความเสี่ยงที่ผลตอบแทนอาจไม่เป็นไปตามคาดหวัง หรือมีผลขาดทุนได้ | สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน ฟินโนมีนา จำกัด ในช่วงเวลาวันทำการตั้งแต่ 09:00-17:00 น. ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 026 5100 และทาง LINE @FinnomenaPort | สำหรับผู้ลงทุนในความดูแลของ Kept by krungsri ติดต่อทีม Kept help center ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 296 6299

Finnomena Monthly Investment Outlook กลยุทธ์การลงทุนประจำเดือนพฤศจิกายน 2025: พักศึกการค้า งบหุ้น Big Tech แกร่ง หนุนตลาดหุ้นไปต่อ

Finnomena Funds
Finnomena Monthly Investment Outlook กลยุทธ์การลงทุนประจำเดือนพฤศจิกายน 2025

สรุปกลยุทธ์การลงทุนประจำเดือนพฤศจิกายน 2025 ลงทุนอย่างไรดี เมื่อสหรัฐฯ และจีน ตกลงสงบศึกการค้า ในขณะที่ผลประกอบการหุ้น Big Tech ยังแข็งแกร่ง หนุนตลาดหุ้นปรับตัวไปต่อ

Executive Summary 

  • ในเดือนที่ผ่านมาภาพรวมการลงทุนทั่วโลกยังคงปรับตัวเพิ่มขึ้นหนุนจากหุ้นกลุ่ม AI หลังจากการประกาศผลประกอบการของหลายบริษัทออกมาดีกว่าที่ตลาดคาด รวมถึงความกังวลเรื่องนโยบายการค้าสหรัฐฯ ที่ค่อย ๆ คลี่คลายลงแม้จะยังเป็นความเสี่ยงในอนาคต ขณะที่ผลกระทบต่อเงินเฟ้อยังไม่ชัดเจนทำให้ตลาดยังกังวลต่อแนวโน้มดอกเบี้ยนโยบายของสหรัฐฯ
  • เรามีมุมมองการลงทุนที่ดีขึ้นในกลุ่ม Global Infrastructure โดยปรับเพิ่มมุมมองจาก Slightly Positive สู่ Positive
  • แต่ได้ปรับลดมุมมองในกลุ่มตราสารหนี้ไทยจาก Slightly Positive สู่ Neutral

Finnomena Monthly Investment Outlook Finnomena Monthly Investment Outlook


ตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกา

  • คงมุมมอง Neutral ต่อตลาดหุ้นสหรัฐฯ
  • เงินเฟ้อสหรัฐฯ มีแนวโน้มทรงตัวที่ระดับประมาณ 3% YoY โดยดัชนี ISM PMI ด้านราคา (Price) ยังคงบ่งชี้ถึงแรงกดดันเงินเฟ้อในทิศทางขาขึ้น ขณะที่ Fed ยังคงท่าทีระมัดระวังต่อความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจและเงินเฟ้อ พร้อมส่งสัญญาณลดความคาดหวังของตลาดต่อการผ่อนคลายนโยบายการเงินที่เร็วเกินไป
  • แม้ตัวเลขการจ้างงานล่าสุดจะออกมาอ่อนแอ แต่สาเหตุหลักมาจากการลดลงของอุปทานแรงงานภายใต้นโยบายจำกัดผู้อพยพของรัฐบาลทรัมป์ และผลกระทบจาก AI Disruption ซึ่งในอีกด้านหนึ่งกลับกลายเป็นแรงหนุนต่อกำไรของบริษัท โดยเฉพาะกลุ่มเทคโนโลยี
  • ขณะเดียวกันความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนเริ่มผ่อนคลายลง ช่วยคลายความกังวลของนักลงทุน แม้ Valuation ของตลาดจะอยู่ในระดับสูง แต่ตลาดยังได้รับแรงสนับสนุนจากผลประกอบการที่แข็งแกร่ง และอาจได้อานิสงส์เพิ่มเติมจากปัจจัยฤดูกาล “Santa Rally” ที่มักหนุนให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นในช่วงเดือนพฤศจิกายนถึงธันวาคมของทุกปี
  • แนะนำลงทุนในสินทรัพย์ Defensive ที่ได้ประโยชน์จากความผันผวนอย่างกองทุน ES-GAINCOME-A และ K-GPINUH-A(A)

ตลาดหุ้นยุโรป

  • คงมุมมอง Neutral ต่อตลาดหุ้นยุโรป โดยแนะนำคงสัดส่วน
  • ECB มีแนวโน้มคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายจากเงินเฟ้อล่าสุดที่เริ่มฟื้นตัว ขณะที่แนวโน้มเศรษฐกิจยุโรปมีทิศทางขยายตัวดีขึ้นโดยได้รับแรงหนุนจากการเพิ่มงบประมาณรายจ่ายภาครัฐของเยอรมนี
  • ความผันผวนทางการเมืองฝรั่งเศสกระทบต่อตลาดหุ้นยุโรปในช่วงสั้น ๆ 
  • การซื้อหุ้นในบริษัทยุโรปคืนยังเกิดขึ้นต่อเนื่องจะช่วยหนุน EPS ของตลาดปรับตัวดีขึ้น หุ้นยุโรปแม้ถูกปรับลดประมาณการกำไร แต่ Valuation อยู่ระดับค่าเฉลี่ย

ตลาดหุ้นญี่ปุ่น

  • คงมุมมอง Slightly Positive ต่อตลาดหุ้นญี่ปุ่น โดยแนะนำทยอยสะสม ASP-NGF
  • เงินเฟ้อของญี่ปุ่นเร่งตัวขึ้นเล็กน้อยจากต้นทุนพลังงานที่สูงขึ้น หลังจากผลของมาตรการอุดหนุนค่าสาธารณูปโภคในปีก่อนหมดลง ขณะที่ราคาอาหารมีทิศทางชะลอตัวลง
  • ตลาดคาด BoJ ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยได้เร็วสุดอีกครั้งในปีหน้า และจะขึ้นเป็นแบบค่อยเป็นไป การขึ้นอัตราดอกเบี้ยของ BoJ จะช่วยหนุนต่อการเติบโตด้านกำไรของหุ้นกลุ่มธนาคาร
  • นอกจากนี้ TSE และ FSA จริงจังกับการทำ Corporate Governance โดยล่าสุดผู้อำนวยการ FSA ระบุว่าบริษัทใดที่มี Cross Shareholding ต้องอธิบายเหตุผลรวมถึงเปิดเผยแผนการขายหุ้นเหล่านั้นในรายงานหลักทรัพย์ประจำปีต่อเนื่องอย่างน้อย 5 ปี พร้อมเพิ่มเกณฑ์ตรวจสอบใหม่

ตลาดหุ้นจีน

  • คงมุมมอง Slightly Positive หุ้นจีน H-Shares และคงมุมมอง Neutral หุ้นจีน A-Shares
  • แนะนำทยอยสะสมกองทุน MEGA10CHINA-A
  • Valuation ของตลาดหุ้นจีนโดยรวม (HSCEI) ยังคงอยู่ในระดับค่อนข้างตึงเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยระยะยาว อย่างไรก็ตาม กลุ่มหุ้น “Terrific 10” ซึ่งเป็นตัวแทนของธุรกิจคุณภาพสูงในเศรษฐกิจดิจิทัลจีนกลับมีความน่าสนใจ โดยมีค่า Forward P/E ราว 18.9 เท่า และคาดว่าอัตราการเติบโตของกำไร (Earnings Growth) เฉลี่ยในช่วงปี 2025–2028 จะอยู่ที่ประมาณ 20% สะท้อนศักยภาพการเติบโตที่โดดเด่นกว่าตลาดโดยรวม
  • ด้านนโยบายรัฐบาลยังคงเป็นปัจจัยบวก จีนเดินหน้าผลักดันยุทธศาสตร์ด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI) เพื่อยกระดับขีดความสามารถทางอุตสาหกรรมและลดการพึ่งพาต่างชาติ
  • ขณะที่การพบกันระหว่างทรัมป์และสี จิ้นผิง ล่าสุดนำไปสู่ข้อตกลงด้านแร่หายาก (rare earths) ซึ่งช่วยลดความตึงเครียดทางการค้าและหนุน Sentiment หุ้นเทคโนโลยี นอกจากนี้ กรณี “Nexperia Crisis” ยังตอกย้ำบทบาทของจีนในฐานะผู้นำด้านวัตถุดิบสำคัญสำหรับอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ทั่วโลก สะท้อนถึงความแข็งแกร่งของห่วงโซ่อุปทานภายในประเทศ
  • ด้าน Credit Impulse ยังคงทรงตัวในระดับสูง บ่งชี้ถึงแรงเก็งกำไรในตลาดทุน ขณะที่ราคาบ้านเริ่มมีเสถียรภาพมากขึ้น แม้ตัวเลข PMI จะออกมาต่ำกว่าคาด ทั้งนี้ ดัชนี ECON Surprise ของจีนเร่งตัวขึ้นตั้งแต่ปลายเดือนกันยายน สะท้อนแนวโน้มข้อมูลเศรษฐกิจที่เริ่มปรับดีขึ้น ส่วนการดำเนินนโยบาย “anti-involution” ก็เริ่มเห็นผลเชิงโครงสร้างในหลายอุตสาหกรรม โดยเฉพาะกลุ่มแพลตฟอร์มส่งอาหารที่เริ่มปรับตัวสู่การแข่งขันเชิงคุณภาพมากขึ้น

ตลาดหุ้นอินเดีย

  • คงมุมมอง Slightly Positive ต่อตลาดหุ้นอินเดีย โดยแนะนำกองทุน TISCOINA-A และ B-BHARATA
  • Valuation ของตลาดหุ้นอินเดียยังอยู่ในระดับค่อนข้างแพง โดยมีค่า Forward P/E สูงกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาวราว +1S.D. สะท้อนความคาดหวังของนักลงทุนต่อการเติบโตของกำไรในอนาคต ถึงแม้แนวโน้มการปรับประมาณการกำไรจะทรงตัว แต่ปัจจัยพื้นฐานมหภาคยังคงแข็งแกร่ง
  • ดัชนีภาคการผลิต (Manufacturing PMI) ยังคงอยู่ในโซนขยายตัว ขณะที่ภาคบริการชะลอลงติดต่อกันสองเดือนจากคำสั่งซื้อใหม่ที่ลดลง ด้านเงินเฟ้อปรับลดลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 10 ปี ซึ่งช่วยหนุนกำลังซื้อของผู้บริโภคและเปิดช่องให้ธนาคารกลางมีพื้นที่ในการผ่อนคลายนโยบายการเงินผ่านการลดดอกเบี้ย
  • อย่างไรก็ตาม การฟื้นตัวของสินเชื่อส่วนบุคคลในภาคครัวเรือนยังไม่เต็มที่ อาจจำกัดแรงส่งต่อการบริโภคในระยะสั้น ขณะที่เศรษฐกิจโดยรวมยังคงมีแนวโน้มเติบโตแข็งแกร่ง โดยคาดว่า GDP ที่แท้จริงจะขยายตัวมากกว่า 6% ต่อเนื่องในช่วงสองปีข้างหน้า

ตลาดหุ้นเกาหลีใต้

  • คงมุมมองหุ้นเกาหลีใต้ Slightly Positive โดยแนะนำทยอยสะสมกองทุน SCBKEQTG  
  • เศรษฐกิจเกาหลีใต้ฟื้นตัวอย่างชัดเจน โดยมีภาคเทคโนโลยีเป็นแรงขับเคลื่อนหลัก หลังจาก SK Hynix รายงานผลประกอบการไตรมาส 3 ปี 2025 สูงสุดเป็นประวัติการณ์ จากกำไรของกลุ่ม semiconductor เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ การส่งออกชิปเติบโตถึง 25.4% YoY และขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่หกติดต่อกัน ขณะที่ราคาชิป DRAM ปรับขึ้นแรงจากภาวะอุปทานที่จำกัดและความต้องการด้าน AI ที่เร่งตัวต่อเนื่อง
  • ด้านนโยบายการคลัง รัฐบาลเกาหลีใต้ประกาศงบประมาณปี 2026 เพิ่มขึ้น 8.1% โดยเน้นการพัฒนาเทคโนโลยี AI และระบบป้องกันประเทศอัจฉริยะ (smart defense) ซึ่งจะช่วยสนับสนุนการลงทุนในระยะยาว
  • นอกจากนี้ กระแสเงินทุนจากต่างชาติเริ่มไหลกลับเข้าตลาดอีกครั้ง สอดคล้องกับการปรับขึ้นของประมาณการกำไรในบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ทั้ง Samsung และ SK Hynix แม้ Valuation ของตลาดอยู่ในระดับค่อนข้างสูงราว +0.8 S.D. แต่ยังได้รับแรงหนุนจากแนวโน้มการปรับเพิ่มประมาณการกำไรที่แข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง

ตลาดหุ้นไทย

  • คงมุมมอง Slightly Positive ต่อตลาดหุ้นไทย แนะนำกองทุน TISCOHD-A ซึ่งเน้นลงทุนหุ้นปันผลสูง และแนะนำกลยุทธ์แบบ Selective & Dynamic ในหุ้นที่มีการปรับประมาณการกำไรขึ้นไม่อิงหุ้นดัชนีอย่าง Definit SET Select
  • นักลงทุนต่างชาติยังคงขายหุ้นไทยต่อเนื่อง ท่ามกลางบรรยากาศการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่ยังเปราะบาง โดยเฉพาะจากภาคการท่องเที่ยวที่แม้เริ่มกลับมา แต่จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติยังไม่ถึงระดับก่อนโควิด การเติบโตของสินเชื่อภาคเอกชนยังอยู่ในแดนลบ สะท้อนความระมัดระวังของภาคธุรกิจและผู้บริโภค
  • ตลาดได้รับแรงหนุนบางส่วนจากกระแสการทำ Share Buyback ซึ่งอยู่ในระดับสูงกว่าปี 2020 หลังจากรัฐบาลอนุมัติปรับหลักเกณฑ์การซื้อหุ้นคืนตามโครงการใหม่ ไม่ต้องมีระยะเวลาพักคอย 6 เดือน หลาย ๆ ธนาคาร (KKP, TTB) มีการประกาศ Share Buyback ขณะที่หุ้นธนาคารใหญ่ ๆ ได้มีการประกาศแล้ว เช่น KBANK ถึงแม้ Valuation ของตลาดยังอยู่ในระดับถูกเมื่อเทียบกับภูมิภาค แต่แนวโน้มประมาณการกำไรของบริษัทจดทะเบียนยังถูกปรับลดลงต่อ
  • อย่างไรก็ตาม หุ้นปันผลสูงยังคงเป็นจุดน่าสนใจ โดย Dividend Yield ของ SET และ SETHD อยู่ในระดับสูง valuation ของตลาดหุ้นยังอยู่ในระดับถูก แต่ต้อง Selective

ตลาดหุ้นเวียดนาม

  • คงมุมมองหุ้นเวียดนาม Positive แนะนำกองทุน PRINCIPAL VNEQ-A KT-VIETNAM-A และ KKP VGF-UI*
  • เศรษฐกิจเวียดนามยังคงฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่ง โดยการเติบโตของสินเชื่อขยับขึ้นแตะระดับ 19.9% สะท้อนความต้องการใช้เงินทุนในระบบที่เพิ่มขึ้น ด้านภาคการผลิตก็ส่งสัญญาณบวกเช่นกัน โดยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ขยายตัวแตะ 54.5 หนุนจากคำสั่งซื้อใหม่ที่เพิ่มขึ้น รวมถึงคำสั่งซื้อส่งออกที่กลับมาเติบโตเป็นครั้งแรกในรอบหนึ่งปี
  • ส่วนภาวะสินเชื่อมาร์จิ้นในตลาดทุนยังไม่เป็นประเด็นน่ากังวล เนื่องจากสัดส่วนหนี้มาร์จิ้นต่อทุน (Margin to Equity Ratio) ของบริษัทหลักทรัพย์รวมยังอยู่ที่ราว 120% ต่ำกว่าข้อจำกัดที่กำหนดไว้ไม่เกิน 200% ทำให้ยังมีช่องว่างในการปล่อยกู้เพิ่มขึ้นได้ โดยหลายบริษัทเร่งระดมทุนเพื่อรองรับดีมานด์ที่ขยายตัวต่อเนื่อง แม้นักลงทุนต่างชาติยังคงขายสุทธิต่อเนื่อง แต่แรงขับเคลื่อนหลักของตลาดหุ้นเวียดนามยังคงมาจากนักลงทุนรายย่อยในประเทศ ซึ่งสะท้อนความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจภายในที่ยังเติบโตต่อเนื่อง

 (*ห้ามขายผู้ลงทุนรายย่อย กองทุนรวมที่เสนอขายผู้ลงทุนสถานบันและผู้ลงทุนรายใหญ่พิเศษ กองทุนรวมที่มีความเสี่ยงสูงหรือซับซ้อน)

หุ้นเทคโนโลยี

  • คงมุมมอง Slightly Positive ต่อหุ้น Global technology แนะนำทยอยสะสม TISCOAI / B-INNOTECH
  • บรรดา Hyperscalers (ผู้ให้บริการ Cloud และ Data management ให้แก่องค์กร) ยังคงมีศักยภาพในการลงทุนอย่างต่อเนื่องจากปริมาณเงินสดที่ยังคงอยู่ในระดับสูง ขณะที่การใช้งานเทคโนโลยี AI ในสหรัฐฯ ยังคงเร่งตัวขึ้นต่อเนื่อง (ข้อมูล ณ วันที่ 30 ก.ย.)
  • แม้การจ้างงานในภาคเทคโนโลยีโดยรวม โดยเฉพาะในกลุ่มบัณฑิตจบใหม่จะลดลง แต่บริษัทมีแนวโน้มรับสมัครผู้ที่มีทักษะด้าน AI เพิ่มขึ้น สะท้อนว่าบริษัทในภาคอุตสาหกรรมอื่นนอกเหนือจากเทคโนโลยีเริ่มหันมาสรรหาบุคลากรที่มีประสบการณ์ด้าน AI มากขึ้น
  • ด้านแนวโน้มผลประกอบการ หุ้นในกลุ่ม Hardware และ Semiconductor เป็นกลุ่มที่ได้รับการปรับเพิ่มประมาณการรายได้มากกว่ากลุ่ม Software ขณะที่ภาค Utilities ก็เป็นอีกหนึ่งกลุ่มที่ได้รับการปรับเพิ่มประมาณการรายได้เช่นกัน จากความต้องการใช้พลังงานไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นตามการขยายโครงสร้างพื้นฐานในสหรัฐฯ
  • สำหรับดัชนี Nasdaq AI & Big Data (TISCOAI) ปัจจุบันมีค่า Forward P/E ที่ 19.8 เท่า แม้ยังต่ำกว่า Nasdaq-100 อย่างมีนัยสำคัญ แต่ถือว่าอยู่ในระดับ +1 S.D. เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยในอดีต อย่างไรก็ตาม การปรับประมาณการกำไรต่อหุ้นสำหรับปีถัดไปยังคงปรับขึ้นอย่างแข็งแกร่ง สะท้อนแนวโน้มการเติบโตของกลุ่ม AI ที่ยังคงสดใส

หุ้น Health Care

  • คงมุมมอง Slightly Positive ต่อหุ้น Global Healthcare ทยอยสะสมกองทุน KKP GHC-A
  • ภาพรวมหุ้น Healthcare ปรับตัวขึ้นได้ค่อนข้างดีในช่วงต้นเดือนตุลาคม จากปัจจัยหนุนเรื่องการเจรจาระหว่างรัฐบาลทรัมป์และบริษัทผู้ผลิตยา ซึ่งก่อนหน้านี้ตลาดมีความกังวลว่าจะมีการขึ้นภาษีนำเข้ายาที่อัตรา 100% แต่ในปัจจุบันเริ่มเห็นการเปิดช่องเจรจา ซึ่งเปิดโอกาสให้บริษัทยาสามารถหลีกเลี่ยงอัตราภาษีดังกล่าวได้
  • ตลาดหุ้นจึงตอบรับเชิงบวก ถึงแม้จะปรับตัวขึ้นมา ภาพรวมหุ้น Healthcare ก็ยังมีระดับ valuation ที่ใกล้เคียงกับค่าเฉลี่ยย้อนหลัง ซึ่งไม่แพงเกินไป และยังมีการเติบโตของกำไรในอนาคต

ตราสารหนี้โลก

  • คงมุมมอง Positive ต่อตราสารหนี้โลก โดยระดับ Bond Yield ที่ยังสูง ช่วยทำให้ Carry Yield จากการถือตราสารหนี้โลกยังน่าสนใจ
  • ขณะที่ Fed มีแนวโน้มลดดอกเบี้ยในอนาคตแม้อาจไม่ได้รีบลด แต่ยังเป็น Upside ต่อตราสารหนี้ Corporate spread ทั้ง Investment Grade Bond และ High Yield Bond อยู่ในระดับที่ตึงตัวมาก
  • แนะนำเลือกลงทุนกลยุทธ์ Selective ในตราสารหนี้คุณภาพอย่างกองทุน K-GDBOND-A(A)

ตราสารหนี้ไทย

  • ปรับลดมุมมอง Slightly Positive สู่ Neutral ต่อตราสารหนี้ไทย
  • อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปีปรับตัวสูงขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป ส่งผลให้ส่วนต่างระหว่างอัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะยาวและระยะสั้น (Term Spread 10–1 ปี) เริ่มขยายกว้างขึ้น จากเดิมที่มองกรณีฐานไว้ราว 50 bps หาก Fund Flow จากกองทุนตราสารหนี้ยังคงไหลออกต่อเนื่อง อาจทำให้ Term Spread ปรับกว้างขึ้นไปแตะระดับ 80 bps ได้
  • ทั้งนี้ Fund Flow ยังคงไหลออกจากกองทุนตราสารหนี้ระยะกลางถึงยาวอย่างต่อเนื่อง
  • แนะนำ Wait and See และรอซื้อเมื่อ Fund Flow กองทุนตราสารหนี้หยุดไหลออก หรือพักเงินในตราสารหนี้ระยะสั้น KKP MP และ KKP PLUS

ทองคำ

  • คงมุมมอง Slightly Positive ต่อทองคำ แนะนำทยอยสะสมกองทุน KT-GOLDUH-A และกองทุน K-GOLD-A(A)
  • ทองคำยังคงได้รับแรงซื้อจากธนาคารกลางทั่วโลก โดยเฉพาะกลุ่มประเทศ BRICS ขณะเดียวกันความไม่แน่นอนด้านภูมิรัฐศาสตร์ที่ยังดำเนินอยู่ทั่วโลกยังเป็นปัจจัยหนุนให้ทองคำทำหน้าที่เป็นสินทรัพย์หลบภัย (safe haven) ต่อไป
  • อีกทั้งแนวโน้มอัตราผลตอบแทนที่แท้จริง (Real Yield) มีโอกาสปรับลดลงในระยะข้างหน้า จากความเป็นไปได้ที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) จะเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ย ซึ่งจะช่วยหนุนราคาทองคำเพิ่มเติม
  • ด้านสภาพคล่องในระบบยังอยู่ในระดับสูง โดยปริมาณเงิน (M2) ของสหรัฐฯ ปรับตัวเพิ่มขึ้นในอัตราเร่ง สะท้อนภาวะการเงินที่ผ่อนคลายมากขึ้น และเป็นอีกแรงผลักดันสำคัญที่ช่วยสนับสนุนราคาทองคำให้มีแนวโน้มปรับขึ้นต่อเนื่อง

โครงสร้างพื้นฐานโลก

  • ปรับเพิ่มมุมมองจาก Slightly Positive สู่ Positive ต่อหุ้นโครงสร้างพื้นฐานโลก
  • Valuation ของหุ้นโครงสร้างพื้นฐานทั่วโลกอยู่ในระดับที่น่าสนใจ โดยเมื่อเทียบกับตลาดโลกในเชิง Relative Valuation อยู่ที่ประมาณ -2 S.D. และค่า Forward P/E ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาวราว -1 S.D. สะท้อนถึงโอกาสการปรับตัวขึ้นได้ในระยะต่อไป
  • ขณะเดียวกันการปรับประมาณการกำไรยังคงเป็นบวกต่อเนื่อง หนุนให้ภาพรวมกำไรของกลุ่มโครงสร้างพื้นฐานมีความแข็งแกร่งต่อเนื่อง ด้านเงินเฟ้อในสหราชอาณาจักร (UK CPI) มีแนวโน้มทรงตัวในระดับสูงไปจนถึงครึ่งแรกของปี 2026 จากแรงต้นทุนพลังงานและสาธารณูปโภค ภายใต้นโยบาย “Clean Power 2030” ซึ่งมุ่งขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาด ส่วนในยุโรป ความต้องการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในช่วง 5 ปีข้างหน้า ภายใต้โครงการ ReArm Europe และ Readiness 2030 ที่มุ่งสนับสนุนการลงทุนด้านพลังงานสะอาด ระบบขนส่ง และโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล
  • แนะนำซื้อกองทุน KKP GINFRAEQ-H ที่ลงทุนในกองทุน Lazard Global Listed Infrastructure ที่มีความโดดเด่นในแง่ผลการดำเนินงาน ด้วยกลยุทธ์การลงทุนเชิงคุณค่าแบบ Bottom-up ที่มีวินัยสูงและสร้างผลตอบแทนสม่ำเสมอในระยะยาว ทั้งนี้ หุ้นโครงสร้างพื้นฐานถือเป็นธีมที่น่าสนใจในรอบดอกเบี้ยขาลง โดยมีค่า Upside Capture เพียง 71% และ Downside Capture ต่ำเพียง 49% เมื่อเทียบกับดัชนี MSCI World สะท้อนความเสี่ยงขาลงที่จำกัด

ดาวน์โหลดฟรี! 

“สไลด์มุมมองการลงทุนพฤศจิกายน 2025”

ดู Fund Fact Sheet กองทุนแนะนำ

 

จัดทำโดยบลป.เดฟินิท (Definit) สำหรับบลน. ฟินโนมีนา (Finnomena Funds)
สามารถเข้าถึงรายละเอียดกองทุนต่าง ๆ และ Fund Fact Sheet ได้จาก Link บนชื่อกองทุน


คำเตือนผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน | ผลการดำเนินงานในอดีต และผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต | ผู้ลงทุนอาจมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากการป้องกันความเสี่ยงขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้จัดการกองทุน | กองทุนรวมนี้ลงทุนกระจุกตัวในผู้ออกตราสารหรือประเทศใดประเทศหนึ่ง จึงมีความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนจำนวนมาก ผู้ลงทุนจึงควรพิจารณาการกระจายความเสี่ยงของ พอร์ตการลงทุนโดยรวมของตนเองด้วย | คำแนะนำการลงทุนนี้เป็นไปตามกรอบการพิจารณาของ Finnomena Funds ซึ่งมีเป้าหมายในการสร้างโอกาสรับผลตอบแทนในระยะเวลาตามแต่ละประเภทของพอร์ตเท่านั้น บริษัทมิได้การันตีถึงผลตอบแทนที่จะได้จากคำแนะนำการลงทุนดังกล่าว มีความเสี่ยงที่ผลตอบแทนอาจไม่เป็นไปตามคาดหวัง หรือมีผลขาดทุนได้ | สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน ฟินโนมีนา จำกัด ในช่วงเวลาวันทำการตั้งแต่ 09:00-17:00 น. ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 026 5100 และทาง LINE @FinnomenaPort | สำหรับผู้ลงทุนในความดูแลของ Kept by krungsri ติดต่อทีม Kept help center ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 296 6299

สหรัฐฯ เร่งโหวตยุติชัตดาวน์ ตลาดรอข้อมูลเศรษฐกิจชุดใหญ่

Finnomena
สิ้นสุด Government Shutdown

วุฒิสภาสหรัฐฯ กำลังเร่งผ่านร่างงบประมาณชุดสุดท้าย เพื่อยุติภาวะ “ชัตดาวน์” ที่ลากยาวจนกลายเป็นหนึ่งในวิกฤตทางการเมือง–เศรษฐกิจที่ยืดเยื้อที่สุดในประวัติศาสตร์ประเทศ 

ขณะที่นักลงทุนทั่วโลกจับตาว่าการกลับมาเปิดทำการของหน่วยงานรัฐบาลจะช่วยคลี่คลายความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจได้เพียงใด หลังข้อมูลสำคัญด้านการจ้างงานและรายได้ถูกระงับการเผยแพร่ไปหลายสัปดาห์

ในช่วงเวลาที่การบริหารประเทศชะงัก การตัดสินใจเชิงนโยบายกลับต้องเดินต่อ โดยเฉพาะจากธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ซึ่งเพิ่งลดดอกเบี้ยลง 0.25% สู่กรอบ 3.75–4% เป็นครั้งที่ 2 ติดต่อกันในปีนี้ 

พร้อมประกาศ ยุติมาตรการนโยบายการเงินแบบตึงตัว (QT) หลังปรับลดการถือครองพันธบัตรและตราสาร MBS ไปแล้วกว่า 2.3 ล้านล้านดอลลาร์ เหลืองบดุลรวมราว 6.6 ล้านล้านดอลลาร์ ถือเป็นการเปลี่ยนทิศทางสำคัญของนโยบายการเงิน

เจอโรม พาวเวลล์ ประธาน Fed เตือนว่าการลดดอกเบี้ยเพิ่มเติมในการประชุมเดือนธันวาคม “ยังไม่ใช่สิ่งที่แน่นอน” และ “อยู่ห่างไกลจากข้อสรุป” คำพูดไม่กี่ประโยคนี้สะเทือนตลาดการเงินทันที ดอลลาร์แข็งค่าขึ้น ยีลด์พันธบัตรรัฐบาลพุ่งกลับเหนือ 4% ขณะที่ดัชนีหุ้นสหรัฐฯ พลิกจากบวกเป็นลบในช่วงท้ายการซื้อขาย

ท่าทีระมัดระวังของ Fed สะท้อนถึงความเปราะบางของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ซึ่งเผชิญแรงกดดัน 2 ทาง ทั้งเงินเฟ้อที่ยังสูงเหนือเป้าหมาย 2% และตลาดแรงงานที่เริ่มอ่อนแรง 

ข้อมูลเอกชนจาก ADP ชี้ว่าการจ้างงานเดือนกันยายนลดลงกว่า 32,000 ตำแหน่ง แม้พาวเวลล์ยืนยันว่าตลาดแรงงานยังไม่ทรุดตัว แต่ก็พูดเปรียบเปรยไว้ว่า “เมื่อคุณขับรถในหมอก สิ่งที่ควรทำคือชะลอความเร็ว”

การเปรียบเปรยนั้นสะท้อนสถานการณ์จริงที่ Fed กำลังเผชิญ นั่นคือการขับเคลื่อนนโยบายในภาวะที่ข้อมูลขาดหายจากรัฐบาลชัตดาวน์ ทำให้การประเมินภาพเศรษฐกิจเต็มไปด้วยช่องว่าง 

ขณะเดียวกัน การยุติ QT ยังบ่งชี้ว่าธนาคารกลางเริ่มกังวลต่อสภาพคล่องในตลาดการเงินระยะสั้น หลังจากดูดซับเงินออกจากระบบมากว่า 2 ปี

ภายในคณะกรรมการ FOMC ยังมีความเห็นแตกต่างอย่างชัดเจน กรรมการ 2 คนลงมติ “คัดค้าน” การตัดสินใจครั้งนี้ 

คนแรกคือ สตีเฟน มิแรน ต้องการให้ลดแรงกว่าที่ 0.5% ขณะที่ เจฟฟรีย์ ชมิด จาก Fed แคนซัสซิตี้ เห็นควร “ไม่ลดเลย” ความแตกแยกนี้ชี้ว่าภายในธนาคารกลางเองก็ยังไม่เห็นพ้องในแนวทางนโยบายระยะต่อไป

ขณะเดียวกัน ตลาดรอการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจชุดใหญ่ที่จะทยอยออกหลังรัฐบาลกลับมาเปิดทำการ ทั้งตัวเลขจ้างงาน รายได้ส่วนบุคคล และยอดค้าปลีก ซึ่งจะเป็นสัญญาณสำคัญบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ กำลังเดินเข้าสู่ภาวะชะลอตัว หรือเพียงแค่ “พักหายใจ”


อ้างอิง: CNBC

มัดรวม 11 กองทุนแนะนำ ลงทุนคว้าโอกาสแห่งปี 2025 [อัปเดต 11 พฤศจิกายน 2025]

Finnomena Funds
มัดรวม 11 กองทุนแนะนำ ล

Finnomena Funds คัดเลือกกองทุนเด่นรับเทศกาลการลงทุน 11.11 ซื้อกองทุนที่เข้าร่วมรายการ รับ Cashback รวมมูลค่าสูงสุด 40,000 บาท

แจกหนัก จัดเต็ม แจก E-Coupon เพื่อรับ Cashback เป็นหน่วยลงทุน K-CASH* (ตามเงื่อนไขที่กำหนด) รวมมูลค่าสูงสุด 40,000 บาท ซื้อกองทุนที่เข้าร่วมรายการบนแอป Finnomena ใช้ได้ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน – 30 ธันวาคม 2025

กดรับคูปองก่อนซื้อกองทุนได้ที่: https://www.finnomena.com/promotions

เช็กกองทุนที่เข้าร่วมได้ที่: http://finnomena.com/promotions/e-coupon/fund-list

แต่สำหรับใครที่ยังไม่มีกองทุนในใจ วันนี้เราคัดมาให้เลือกแบบง่าย ๆ กับ 11 กองทุนแนะนำโดย Finnomena Funds ซึ่งมีให้เลือกหลากหลายสไตล์การลงทุน 

มัดรวม 11 กองทุนแนะนำ

อัปเดตข้อมูล ณ วันที่ 11 พฤศจิกายน 2025 โดย Finnomena Funds

ดูคำแนะนำทั้งหมดได้ที่ 👉 Opportunity Hub แหล่งรวมโอกาสการลงทุนจาก Finnomena


1. KKP GINFRAEQ-H กองทุนเปิดเคเคพี โกลบอล อินฟราสตรัคเจอร์ อิควิตี้ เฮดจ์ ชนิดทั่วไป

  • ระดับความเสี่ยง 6
  • ลงทุนในหุ้นโครงสร้างพื้นฐานทั่วโลกผ่านกองทุนหลัก Lazard Global Listed Infrastructure Fund
  • เป็นธีมที่น่าสนใจในรอบดอกเบี้ยขาลง ประกอบกับ Valuation อยู่ในระดับที่ไม่แพง สะท้อนโอกาสการปรับตัวขึ้นได้ ในระยะต่อไป

 

2. KFCHINA-T10PLUS-A กองทุนเปิดกรุงศรี China Tech 10 Plus หน่วยลงทุนชนิดสะสมมูลค่า

  • ระดับความเสี่ยง 6
  • ลงทุนในหุ้นเทคโนโลยีจีนชั้นนำ 11 อันดับแรกของ Hang Seng Teach Index ซึ่งครอบคลุมบริษัทผู้นำในหลายอุตสาหกรรม เช่น ชิป อุปกรณ์ไอที รถยนต์ เกม ค้าปลีก ท่องเที่ยว 
  • ได้รับประโยชน์จากการคลี่คลายของ Trade War ระหว่างจีนกับสหรัฐฯ พร้อมรับอานิสงส์นโยบายกระตุ้นการบริโภคของรัฐบาลจีย

 

3. ES-GTECH กองทุนเปิดอีสท์สปริง Global Technology

  • ระดับความเสี่ยง 7
  • ลงทุนหุ้นเทคโนโลยีผ่านกองทุนหลัก Polar Capital Funds Plc Global Technology Fund โดยจะคัดเลือกหุ้นที่มีความเป็นผู้นำ ได้รับประโยชน์จาก AI และธุรกิจมี New S-curve
  • มีปัจจัยหนุนจากการประกาศผลประกอบการหุ้น Big Tech ในสหรัฐฯ และข้อมูลความต้องการใช้ AI ที่เติบโตต่อเนื่อง

 

4. KKP GHC-A กองทุนเปิดเคเคพี โกลบอล เฮลธ์แคร์ ชนิดสะสมมูลค่า

  • ระดับความเสี่ยง 7
  • ลงทุนหุ้นในอุตสาหกรรมสุขภาพผ่านกองทุนหลัก Janus Henderson Global Life Sciences Fund โดยเน้นบริษัทที่สร้างนวัตกรรมทางการแพทย์ หรือช่วยเพิ่มประสิทธิภาพทางการแพทย์ เช่น กลุ่ม Biotechnology
  • ตอบโจทย์การลงทุนสาย Defensive ในธีมที่เน้นความมั่นคง หรือกระจายความเสี่ยงออกจากหุ้นเทคโนโลยี

 

5. PRINCIPAL VNEQ-A กองทุนเปิดพรินซิเพิล เวียดนาม อิควิตี้ ชนิดสะสมมูลค่า

  • ระดับความเสี่ยง 6
  • ลงทุนในหุ้นเวียดนามที่มีศักยภาพเติบโตสูง ซึ่งถือว่าเป็นกองทุนแรกของไทยที่เข้าไปลงทุนตรงในหลักทรัพย์ของประเทศเวียดนาม
  • เหมาะกับการเก็บสะสมระยะยาว เพื่อรอรับ Fund Flow ขนาดใหญ่ที่กำลังไหลเข้าตลาดตั้งแต่ปีหน้า หลังถูกยกระดับสู่ FTSE EM Market 

 

6. DAOL-RARE กองทุนเปิด ดาโอ แรร์เอิร์ธ แอนด์ สตราทีจิค เมทัลส์

  • ระดับความเสี่ยง 7
  • ลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนหลัก VanEck Rare Earth and Strategic Metals ETF ซึ่งลงทุนในหุ้นผู้ผลิตแร่หายาก Rare Earth
  • มีปัจจัยหนุนด้านราคาระยะยาวจากความต้องการในอนาคต เพราะเป็นวัตถุสำคัญในอุตสาหกรรมอย่าง AI, Data Center, EV และ Semiconductor 

 

7. KT-MINING กองทุนเปิด เคแทม เวิลด์ เมทัล แอนด์ ไมน์นิ่ง ฟันด์

  • ระดับความเสี่ยง 7
  • ลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนหลัก Allianz Global Metals and Mining ซึ่งลงทุนในหุ้นหุ้นเหมืองโลหะอุตสาหกรรม
  • ได้รับประโยชน์จากนโยบาย Anti-Involution ของจีนที่มุ่งปรับสมดุลอุปทานและอุปสงค์ในอุตสาหกรรมเหมืองแร่ ส่งผลให้ราคาแร่เหล็กและถ่านหินเพิ่มขึ้น

 

8. X-NUCTECH กองทุนเปิดเอ็กซ์สปริงเทคโนโลยีพลังงานนิวเคลียร์และยูเรเนียม

  • ระดับความเสี่ยง 6
  • ลงทุนผ่านกองทุนหลัก VanEck Uranium and Nuclear Technologies UCITS ETF (NUCL) ที่มุ่งเน้นลงทุนในหุ้นของบริษัทที่จัดอยู่ในกลุ่มอุตสาหกรรมพลังงานนิวเคลียร์และยูเรเนียม
  • มีแรงสนับสนุนระยะยาวจากความต้องการพลังงานที่เพิ่มขึ้นในยุคปัจจุบัน ทั้งจากการเติบโตของ Cloud Data, Data Center, EV และเทรนด์พลังงานสะอาด

 

9. ES-GAINCOME-A กองทุนเปิดอีสท์สปริง Global Multi Asset Income ชนิดสะสมมูลค่า

  • ระดับความเสี่ยง 5
  • กองทุนที่มีกลยุทธ์ Global Multi-Asset Allocation กระจายการลงทุนในหลากหลายสินทรัพย์ทั่วโลก 
  • เน้นสร้างกระแสเงินสด ผลตอบแทนสม่ำเสมอ และช่วยลดความเสี่ยงในช่วงตลาดขาลง ด้วยการทำ Headging 

 

10. B-BHARATA กองทุนเปิดบัวหลวงภารตะ

  • ระดับความเสี่ยง 6
  • ลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนหลัก Nippon India Equity Fund เน้นหุ้นอินเดียที่เติบโตระยะยาว
  • คว้าประโยชน์จากการเติบโตของเศรษฐภิจภายในประเทศ โดยมองว่าอินเดียยังคงมีปัจจัยหนุนที่แข็งแกร่ง และยังน่าสนใจอยู่เสมอ

 

11. TISCOHD-A กองทุนเปิด ทิสโก้ ไฮ ดิวิเดนด์ หุ้นทุน ชนิดผู้ลงทุนทั่วไป

  • ระดับความเสี่ยง 6
  • คัดเลือกหุ้นไทยปันผลสูงที่อยู่ในดัชนี SET High Dividend 30 Total Return Index 
  • มีความน่าสนใจจากระดับ Dividend Yield ที่สูงของตลาดหุ้นไทย และ Valuation ที่ยังไม่แพง

 

ดูคำแนะนำทั้งหมดได้ที่ 👉 Opportunity Hub แหล่งรวมโอกาสการลงทุนจาก Finnomena


E-Coupon สามารถใช้ได้ผ่านแอป Finnomena เท่านั้น โดยจะใช้ได้หลังจากทำรายการลงทุนสำเร็จ ที่หน้า Order result จะมีปุ่มให้ใช้งานคูปองแสดงขึ้นมา

ระยะเวลาโปรโมชั่นเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน – 30 ธันวาคม 2568

ข้อกำหนดและเงื่อนไข:

  • การใช้คูปองจะถือว่าเสร็จสมบูรณ์ ก็ต่อเมื่อลูกค้าได้ยืนยันการใช้งานเรียบร้อยแล้ว
  • คูปอง 1 ใบ สามารถใช้ได้กับการทำรายการซื้อเพียง 1 ครั้งเท่านั้น
  • ยอดเงินลงทุนจะคำนวณจากมูลค่าการซื้อและสับเปลี่ยนเข้าสู่กองทุนที่ร่วมรายการเท่านั้น
  • บริษัทขอสงวนสิทธิ์ในการไม่นำรายการลงทุนในกองทุนที่ได้รับการยกเว้นค่าธรรมเนียมการซื้อหน่วยลงทุนหรือค่าธรรมเนียมการสับเปลี่ยนหน่วยลงทุนมาคำนวณเพื่อรับ Cashback
  • คูปองไม่สามารถจำหน่าย โอนสิทธิ์ แลกเปลี่ยน หรือแลกเป็นเงินสดได้
  • คูปองไม่สามารถใช้กับการปรับพอร์ตการลงทุน (PRA) และการลงทุนแบบทยอยสะสมมูลค่า (DCA)
  • ลูกค้าจะได้รับของรางวัลภายใน 21 วัน นับจากวันที่หน่วยลงทุนถูกจัดสรรเข้าสู่พอร์ตของลูกค้าเรียบร้อยแล้ว
  • ลูกค้าสามารถยกเลิกการใช้งานคูปองได้ภายในวันที่ใช้ โดยต้องดำเนินการก่อนเวลา 23:59 น. และจะได้รับคูปองคืนภายใน 3 วันทำการ
  • ในกรณีที่คำสั่งซื้อหน่วยลงทุนถูกยกเลิก คูปองจะถูกคืนกลับให้กับลูกค้าภายใน 3 วันทำการ
  • มูลค่า Cashback ที่ลูกค้าได้รับ จะไม่เกิน 0.2% ของมูลค่าการลงทุนตามที่บริษัทกำหนด ซึ่งเป็นไปตามหลักเกณฑ์ของสมาคมบริษัทจัดการลงทุน

 

คำเตือน: ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน | ผลการดำเนินงานในอดีต และผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต | ผู้ลงทุนอาจมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากการป้องกันความเสี่ยงขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้จัดการกองทุน | กองทุนรวมนี้ลงทุนกระจุกตัวในผู้ออกตราสารหรือประเทศใดประเทศหนึ่ง จึงมีความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนจำนวนมาก ผู้ลงทุนจึงควรพิจารณาการกระจายความเสี่ยงของ พอร์ตการลงทุนโดยรวมของตนเองด้วย | คำแนะนำการลงทุนนี้เป็นไปตามกรอบการพิจารณาของ Finnomena Funds ซึ่งมีเป้าหมายในการสร้างโอกาสรับผลตอบแทนในระยะเวลาตามแต่ละประเภทของพอร์ตเท่านั้น บริษัทมิได้การันตีถึงผลตอบแทนที่จะได้จากคำแนะนำการลงทุนดังกล่าว มีความเสี่ยงที่ผลตอบแทนอาจไม่เป็นไปตามคาดหวัง หรือมีผลขาดทุนได้ | สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน ฟินโนมีนา จำกัด ในช่วงเวลาวันทำการตั้งแต่ 09:00-17:00 น. ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 026 5100 และทาง LINE @FinnomenaPort | สำหรับผู้ลงทุนในความดูแลของ Kept by krungsri ติดต่อทีม Kept help center ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 296 6299

บุกอวกาศ! Vingroup เปิดฟ้าใหม่ ตั้งบริษัท “VinSpace” ขยายอาณาจักรสู่ผู้ผลิตเครื่องบิน–ยานอวกาศ

Finnomena Funds
Vinspace

Pham Nhat Vuong มหาเศรษฐีอันดับหนึ่งของเวียดนามและผู้ก่อตั้ง Vingroup กลุ่มบริษัทจดทะเบียนที่มีมูลค่าตลาดกว่า 30,000 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 970,000 ล้านบาท) เดินหน้าขยายอาณาจักรสู่ธุรกิจอวกาศและการบิน ด้วยการตั้งบริษัทใหม่ VinSpace Joint Stock Company เพื่อผลิต “เครื่องบินและยานอวกาศ” ตามเอกสารที่ปรากฏในทะเบียนธุรกิจของประเทศ

Pham Nhat Vuong เริ่มต้นเส้นทางธุรกิจจากการขายบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปในยูเครนช่วงทศวรรษ 1990 ก่อนจะกลับมาก่อตั้ง Vingroup และขยายกิจการอย่างรวดเร็วในเวียดนาม จากอสังหาฯ สู่รถยนต์ไฟฟ้า และล่าสุดคืออวกาศ 

ปัจจุบันเขาถือเป็นบุคคลที่มีอิทธิพลสูงสุดในภาคเอกชนเวียดนาม และถูกมองว่าเป็นแรงขับเคลื่อนหลักของเศรษฐกิจเทคโนโลยีเวียดนามยุคใหม่

บริษัทใหม่นี้มีทุนจดทะเบียนเริ่มต้น 300,000 ล้านเวียดนามดอง (ประมาณ 370 ล้านบาท) โดย Vuong ถือหุ้นใหญ่ 71% Vingroup ถือ 19% และบุตรชายทั้งสองของ Vuong ถืออีก 10%

VinSpace ระบุในเอกสารว่า ธุรกิจจะครอบคลุมการผลิตอากาศยาน การขนส่งสินค้าทางอากาศ การดำเนินงานดาวเทียมสื่อสาร และการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ ซึ่ง Vingroup ชี้ว่า “จะช่วยเสริมและสนับสนุนธุรกิจหลักของกลุ่ม พร้อมวางรากฐานสำหรับการพัฒนาในอนาคต”

การเคลื่อนไหวครั้งนี้ถือเป็นการต่อยอดยุทธศาสตร์เทคโนโลยีแห่งชาติของ Vuong หลังจากที่ Vingroup ประสบความสำเร็จในหลายอุตสาหกรรม ตั้งแต่ อสังหาริมทรัพย์ การท่องเที่ยว การแพทย์ การศึกษา ไปจนถึงการปั้นแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้า VinFast ที่จดทะเบียนใน Nasdaq สหรัฐฯ ก่อนหน้านี้

นอกจากนี้ Vingroup ยังมีโครงการลงทุนขนาดใหญ่ ได้แก่ โครงการรถไฟความเร็วสูงมูลค่า 70,000 ล้านดอลลาร์ และแผนสร้างโรงงานเหล็กเพื่อรองรับโครงสร้างพื้นฐานในประเทศ ซึ่งทั้งหมดสะท้อนทิศทางของเวียดนามที่ต้องการพึ่งพาเทคโนโลยีขั้นสูงมากขึ้นในช่วงที่เศรษฐกิจต้องเผชิญแรงกดดันจากความไม่แน่นอนของการค้าระหว่างประเทศ โดยเฉพาะภาษีนำเข้าจากสหรัฐฯ ซึ่งเป็นตลาดส่งออกใหญ่ที่สุดของเวียดนาม

โอกาสลงทุนกองทุนหุ้นเวียดนาม

PRINCIPAL VNEQ-A เป็นกองทุนหุ้นเวียดนามศักยภาพสูง เป็นตลาดที่ถูกและดี มีท้ังการเติบโตทางเศรษฐกิจ และโครงสร้างพื้นฐานที่แข็งแกร่ง ตลอดจนแรงผลักดันของรัฐบาล เหมาะกับการสะสมในระยะยาว


อ้างอิง: Reuters

คำเตือน: ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน | ผลการดำเนินงานในอดีต และผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต | ผู้ลงทุนอาจมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากการป้องกันความเสี่ยงขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้จัดการกองทุน | กองทุนรวมนี้ลงทุนกระจุกตัวในผู้ออกตราสารหรือประเทศใดประเทศหนึ่ง จึงมีความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนจำนวนมาก ผู้ลงทุนจึงควรพิจารณาการกระจายความเสี่ยงของ พอร์ตการลงทุนโดยรวมของตนเองด้วย | คำแนะนำการลงทุนนี้เป็นไปตามกรอบการพิจารณาของ Finnomena Funds ซึ่งมีเป้าหมายในการสร้างโอกาสรับผลตอบแทนในระยะเวลาตามแต่ละประเภทของพอร์ตเท่านั้น บริษัทมิได้การันตีถึงผลตอบแทนที่จะได้จากคำแนะนำการลงทุนดังกล่าว มีความเสี่ยงที่ผลตอบแทนอาจไม่เป็นไปตามคาดหวัง หรือมีผลขาดทุนได้ | สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน ฟินโนมีนา จำกัด ในช่วงเวลาวันทำการตั้งแต่ 09:00-17:00 น. ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 026 5100 และทาง LINE @FinnomenaPort | สำหรับผู้ลงทุนในความดูแลของ Kept by krungsri ติดต่อทีม Kept help center ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 296 6299

ดาวน์โหลดฟรี! Weekly Market Insight ฉบับล่าสุด

Finnomena Funds

Weekly Market Insight

ประจำสัปดาห์ 10 – 14 พฤศจิกายน 2025

พิเศษ! สำหรับสมาชิก Finnomena

This Issue
สรุปข่าวเศรษฐกิจรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา

Eye On This Week
ประเด็นน่าจับตามองในสัปดาห์นี้

Market
ภาพรวมตลาดและสินทรัพย์ที่น่าสนใจ

Finnomena Port Performance
ผลตอบแทนของพอร์ตการลงทุน

ดาวน์โหลดฟรี “มุมมองการลงทุนประจำสัปดาห์”