ลดหย่อนภาษีปีนี้ ซื้อกองทุนอะไรดี? สรุปมาให้แล้วแบบครบ ๆ กองทุนแนะนำ RMF และกองทุน Thai ESG จากหลากหลาย บลจ. ด้วยคำแนะนำการลงทุนที่เป็นกลาง อัปเดตใหม่ล่าสุดส่งท้ายปลายปี 2025
สำหรับสายจัดพอร์ต (Asset Allocation) ห้ามพลาด !! กองทุนจัดชุด RMF ปี 2025 คัดให้ครบทั้งกลยุทธ์เสี่ยงสูง กลาง ต่ำ ได้ที่
มุมมองการลงทุนโดย Finnomena Funds ณ เดือนพฤศจิกายน 2025
สรุปรายละเอียดและจุดเด่นกองทุน
ศึกษารายละเอียด นโยบาย ข้อมูล และความเสี่ยงของกองทุนเพิ่มเติม คลิกเลย
สรุปรายละเอียดและจุดเด่นกองทุน
ศึกษารายละเอียด นโยบาย ข้อมูล และความเสี่ยงของกองทุนเพิ่มเติม คลิกเลย
สรุปรายละเอียดและจุดเด่นกองทุน
ศึกษารายละเอียด นโยบาย ข้อมูล และความเสี่ยงของกองทุนเพิ่มเติม คลิกเลย
สรุปรายละเอียดและจุดเด่นกองทุน
ศึกษารายละเอียด นโยบาย ข้อมูล และความเสี่ยงของกองทุนเพิ่มเติม คลิกเลย
สรุปรายละเอียดและจุดเด่นกองทุน
ศึกษารายละเอียด นโยบาย ข้อมูล และความเสี่ยงของกองทุนเพิ่มเติม คลิกเลย
สรุปรายละเอียดและจุดเด่นกองทุน
ศึกษารายละเอียด นโยบาย ข้อมูล และความเสี่ยงของกองทุนเพิ่มเติม คลิกเลย
สรุปรายละเอียดและจุดเด่นกองทุน
ศึกษารายละเอียด นโยบาย ข้อมูล และความเสี่ยงของกองทุนเพิ่มเติม คลิกเลย
สรุปรายละเอียดและจุดเด่นกองทุน
ศึกษารายละเอียด นโยบาย ข้อมูล และความเสี่ยงของกองทุนเพิ่มเติม คลิกเลย
สรุปรายละเอียดและจุดเด่นกองทุน
ศึกษารายละเอียด นโยบาย ข้อมูล และความเสี่ยงของกองทุนเพิ่มเติม คลิกเลย
สรุปรายละเอียดและจุดเด่นกองทุน
ศึกษารายละเอียด นโยบาย ข้อมูล และความเสี่ยงของกองทุนเพิ่มเติม คลิกเลย
สรุปรายละเอียดและจุดเด่นกองทุน
ศึกษารายละเอียด นโยบาย ข้อมูล และความเสี่ยงของกองทุนเพิ่มเติม คลิกเลย
สรุปรายละเอียดและจุดเด่นกองทุน
ศึกษารายละเอียด นโยบาย ข้อมูล และความเสี่ยงของกองทุนเพิ่มเติม คลิกเลย
สรุปรายละเอียดและจุดเด่นกองทุน
ศึกษารายละเอียด นโยบาย ข้อมูล และความเสี่ยงของกองทุนเพิ่มเติม คลิกเลย
สรุปรายละเอียดและจุดเด่นกองทุน
ศึกษารายละเอียด นโยบาย ข้อมูล และความเสี่ยงของกองทุนเพิ่มเติม คลิกเลย
สรุปรายละเอียดและจุดเด่นกองทุน
ศึกษารายละเอียด นโยบาย ข้อมูล และความเสี่ยงของกองทุนเพิ่มเติม คลิกเลย
สรุปรายละเอียดและจุดเด่นกองทุน
ศึกษารายละเอียด นโยบาย ข้อมูล และความเสี่ยงของกองทุนเพิ่มเติม คลิกเลย
มุมมองการลงทุนโดย Finnomena Funds ณ เดือนพฤศจิกายน 2025
สรุปรายละเอียดและจุดเด่นกองทุน
ศึกษารายละเอียด นโยบาย ข้อมูล และความเสี่ยงของกองทุนเพิ่มเติม คลิกเลย
สรุปรายละเอียดและจุดเด่นกองทุน
ศึกษารายละเอียด นโยบาย ข้อมูล และความเสี่ยงของกองทุนเพิ่มเติม คลิกเลย
สรุปรายละเอียดและจุดเด่นกองทุน
ศึกษารายละเอียด นโยบาย ข้อมูล และความเสี่ยงของกองทุนเพิ่มเติม คลิกเลย
การคัดเลือกกองทุนลดหย่อนภาษีสำหรับปี 2025 ทั้ง RMF และ Thai ESG เราได้พิจารณาจากกองทุน F-Pick ในปัจจุบัน และทำการวิเคราะห์เชิงปริมาณ (Quantitative Screening) และวิเคราะห์เชิงคุณภาพ (Qualitative Screening) เพื่อให้ได้กองทุนลดหย่อนภาษีที่ดีที่สุดสำหรับการลงทุนในระยะยาวจากกองทุนที่มีอยู่ทั้งหมดในประเทศไทย โดยมีรายละเอียด ดังนี้
เราพิจารณาผลการดำเนินงานย้อนหลังระยะยาว (Long-Term Past Performance) ของกองทุนหลักในต่างประเทศเพื่อให้เห็นถึงผลการดำเนินงานในระยะยาวอย่างแท้จริง ทั้งในแง่ของผลตอบแทนและความเสี่ยงที่สอดคล้องกับระยะเวลาลงทุนในกลุ่มกองทุนลดหย่อนภาษี
แม้ว่าผลตอบแทนในอดีตจะไม่ได้การันตีผลตอบแทนในอนาคต แต่ผลการดำเนินงานย้อนหลังในระยะยาวได้พิสูจน์ความสามารถในการบริหารจัดการของผู้จัดการกองทุนผ่านวัฏจักรเศรษฐกิจต่าง ๆ ซึ่งเป็นข้อพิสูจน์ว่ากองทุนดังกล่าวเหมาะสมสำหรับการลงทุนในระยะยาวอย่างแท้จริง
นอกเหนือจากผลการดำเนินงานในอดีตที่เป็นหลักฐานของความสำเร็จในอดีตของกองทุนแล้ว เราได้พิจารณาปัจจัยเชิงคุณภาพของกองทุนเพื่อที่จะได้มั่นใจว่าความสามารถในอดีตจะสามารถส่งต่อไปยังผลการดำเนินงานในอนาคตได้อย่างต่อเนื่อง
โดยพิจารณาในเรื่องของปรัชญาการลงทุน (Investment Philosophy) และกระบวนการการลงทุน (Investment Process) เพื่อดูว่าภาพรวมการบริหารของกองทุนจะสามารถสร้างผลการดำเนินงานได้ดีต่อเนื่องไปในระยะยาวได้หรือไม่
อีกทั้งได้เพิ่มการพิจารณาในส่วนของนโยบายการบริหารความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน (FX Hedging Policy) เนื่องจากสถานการณ์ค่าเงินที่ผันผวนและต้นทุนในการป้องกันความเสี่ยงเรื่องค่าเงินในปัจจุบันเป็นข้อพิสูจน์แล้วว่าเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ควรคำนึงก่อนการลงทุนในกองทุนรวม และส่งผลต่อผลการดำเนินงานของกองทุนเป็นอย่างมาก โดยจะเห็นว่าเราให้ความสำคัญกับการวิเคราะห์เชิงคุณภาพในหลายมิติ เพื่อที่จะทำให้ผลการดำเนินงานของกองทุนสามารถสะท้อนออกมาสู่นักลงทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
คำเตือน: ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไข ผลตอบแทน ความเสี่ยงและศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่ระบุไว้ในคู่มือการลงทุนในกองทุนรวม RMF และ Thai ESG กรณีไม่ได้ปฏิบัติตามเงื่อนไขภาษี จะไม่ได้สิทธิประโยชน์ตามเงื่อนไขกองทุน | การลงทุนในกองทุนรวมไม่ใช่การฝากเงิน | ผู้ลงทุนอาจมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากการป้องกันความเสี่ยงขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้จัดการกองทุน | บางกองทุนมีการลงทุนกระจุกตัวในประเทศที่ลงทุน จึงมีความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนจำนวนมาก ผู้ลงทุนจึงควรพิจารณาการกระจายความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุนโดยรวมของตนเองด้วย | สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่ บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน ฟินโนมีนา จำกัด ในช่วงเวลาวันทำการตั้งแต่ 09:00-17:00 น. ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 026 5100 และทาง LINE “@FinnomenaPort” | สำหรับผู้ลงทุนในความดูแลของ Kept by krungsri ติดต่อทีม Kept help center ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 296 6299
วันที่ 18 พฤศจิกายน 2025 ดัชนี Nikkei ปรับตัวลงแรง -2.26% มาสู่ระดับ 49,187.51 จุด ขณะที่ TOPIX อ่อนตัว -1.48% สู่ระดับ 3,297.96 จุด กดดันโดยแรงขายหุ้นเทคโนโลยีและ Semiconductor ตามทิศทางของตลาดสหรัฐฯ ที่ปรับฐานเมื่อคืนก่อน นักลงทุนเข้าสู่โหมด “Risk-off” ก่อนการประกาศผลประกอบการของ Nvidia ซึ่งเป็นตัวชี้นำกระแส AI ทั่วโลก
แรงขายหนักกระจุกที่หุ้นเทคโนโลยีขนาดใหญ่ โดย SoftBank Group (9984) รูดลง -4.94% ขณะที่ Tokyo Electron (8035) และ Advantest (6857) อ่อนตัว -3.99% และ -2.15% ตามลำดับ ส่วนหุ้นผู้ผลิตสายไฟและไฟเบอร์ออปติกอย่าง Fujikura (5803) และ Sumitomo Electric (5802) ร่วงแรงถึง -6% จากแรงขายในกลุ่มอนุพันธ์โลหะ (Non-ferrous) ซึ่งเป็นกลุ่มที่อ่อนแอที่สุดของวัน
ด้านปัจจัยภายนอก ตลาดญี่ปุ่นเคลื่อนตัวตามความอ่อนแอของหุ้นสหรัฐฯ ที่ปรับตัวลงจากความกังวลว่าเฟดอาจยังไม่รีบลดดอกเบี้ย และการรอคอยตัวเลขจ้างงานสหรัฐฯ เดือนตุลาคมซึ่งถูกเลื่อนจากภาวะ Government Shutdown ข้อมูลดังกล่าวจะสะท้อนสุขภาพตลาดแรงงานและแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ ซึ่งเป็นตัวกำหนดทิศทางกระแสเงินทุนทั่วโลก
ปัจจัยลบภายในประเทศเพิ่มแรงกดดันเพิ่มเติม หลังค่าเงินเยนอ่อนค่าต่อเนื่องสู่ช่วง 155 เยนต่อดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 9 เดือน โดยนักลงทุนกังวลว่านโยบายของนายกรัฐมนตรี Sanae Takaichi อาจเพิ่มภาระการคลังจนกระทบอันดับความน่าเชื่อถือ ขณะเดียวกันหุ้นส่งออกจำนวนมากถูกขาย แม้เยนอ่อนจะโดยปกติช่วยหนุนกำไรเมื่อแปลงกลับเป็นเงินเยน
หุ้นท่องเที่ยวและค้าปลีกยังผันผวน หลังวันก่อนร่วงแรงจากข่าวจีนเตือนประชาชนหลีกเลี่ยงการเดินทางมายังญี่ปุ่น แต่เริ่มมีแรงเก็งกำไรกลับมาในบางตัว เช่น Ryohin Keikaku (แบรนด์ MUJI) ที่บวกเล็กน้อย +1.55% หลังดิ่ง -9.4% เมื่อวาน อย่างไรก็ตามภาพรวมกลุ่มค้าปลีกยังคงกดดันจากความตึงเครียดด้านการทูตเกี่ยวกับไต้หวัน
Finnomena Funds ประเมินว่า การย่อตัวของตลาดญี่ปุ่นรอบนี้เป็นการระบายแรงเก็งกำไรในหุ้นเทคที่ปรับขึ้นแรงสะสมหลายเดือน โดยปัจจัยระยะสั้นยังคงผันผวนตามทิศทางเศรษฐกิจสหรัฐฯ และค่าเงินเยน เราคงมุมมอง “Slightly Positive” ต่อหุ้นญี่ปุ่นในเชิงพื้นฐาน จากการฟื้นตัวของการบริโภคและโมเมนตัมกำไรในหลายอุตสาหกรรม
ยังคงแนะนำทยอยสะสมผ่านกองทุน ASP-NGF
จัดทำโดยบลป. เดฟินิทสำหรับบลน. ฟินโนมีนา (Finnomena Funds)
คำเตือน: ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน | ผลการดำเนินงานในอดีต และผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต | ผู้ลงทุนอาจมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากการป้องกันความเสี่ยงขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้จัดการกองทุน | กองทุนรวมนี้ลงทุนกระจุกตัวในผู้ออกตราสารหรือประเทศใดประเทศหนึ่ง จึงมีความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนจำนวนมาก ผู้ลงทุนจึงควรพิจารณาการกระจายความเสี่ยงของ พอร์ตการลงทุนโดยรวมของตนเองด้วย | คำแนะนำการลงทุนนี้เป็นไปตามกรอบการพิจารณาของ Finnomena Funds ซึ่งมีเป้าหมายในการสร้างโอกาสรับผลตอบแทนในระยะเวลาตามแต่ละประเภทของพอร์ตเท่านั้น บริษัทมิได้การันตีถึงผลตอบแทนที่จะได้จากคำแนะนำการลงทุนดังกล่าว มีความเสี่ยงที่ผลตอบแทนอาจไม่เป็นไปตามคาดหวัง หรือมีผลขาดทุนได้ | สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน ฟินโนมีนา จำกัด ในช่วงเวลาวันทำการตั้งแต่ 09:00-17:00 น. ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 026 5100 และทาง LINE @FinnomenaPort | สำหรับผู้ลงทุนในความดูแลของ Kept by krungsri ติดต่อทีม Kept help center ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 296 6299
วันที่ 18 พฤศจิกายน 2025 ดัชนี KOSPI ปรับตัวลง -2.02% หรือ -82.51 จุด มาสู่ระดับ 4,006.74 จุด ย่อตัวจากบริเวณจุดสูงสุดเดิมเหนือ 4,100 จุด หลังจากต้นปีมาจนถึงปัจจุบันดัชนียังให้ผลตอบแทนสะสมกว่า +63.32% YTD การปรับฐานรอบนี้เกิดขึ้นหลังตลาดปรับขึ้นแรงต่อเนื่องหลายวัน ส่งผลให้แรงขายทำกำไรในกลุ่มผู้นำตลาดกลับมาเด่นอีกครั้ง
แรงกดดันหลักมาจากหุ้นเทคโนโลยีและชิปที่ถูกขายหลังขึ้นแรงก่อนหน้า โดย Samsung Electronics (005930) อ่อนตัว -1.69% สู่ระดับ 98,900 วอน ขณะที่ SK Hynix (000660) ปรับตัวลงแรง -4.37% สู่ระดับราว 579,500 วอน สอดคล้องกับรายงานข่าวที่ระบุว่าหุ้นเทคโนโลยีขนาดใหญ่ถูกเทขายนำตลาด ขณะเดียวกันกลุ่มรถยนต์อย่าง Hyundai Motor และ Kia Corporation ปรับตัวลงราว -1.29% และ -1.45% ตามลำดับ สะท้อนความระมัดระวังของนักลงทุนต่อหุ้น Cyclical หลังราคาระดับสูง
แม้กลุ่มเทคโนโลยีและยานยนต์จะกดดันดัชนี แต่ยังมีแรงประคองจากหุ้นเรือและส่งออก โดย HD Hyundai Heavy Industries ปรับตัวขึ้นราว +2.8% และ Hanwha Ocean บวกประมาณ +1.1% ขณะที่ Naver Corporation ขยับบวกเล็กน้อยราว +0.2% หลังบริษัทนำเสนอเทคโนโลยี AI ใหม่ ๆ สำหรับธุรกิจรับเหมาก่อสร้างและอสังหาริมทรัพย์ สะท้อนการหมุนกลุ่มลงทุนบางส่วนจากหุ้นชิปไปสู่กลุ่มอุตสาหกรรมและบริการที่มีข่าวบวกเฉพาะตัว
ภาพรวมการซื้อขายได้รับแรงกดดันจากทิศทางตลาดสหรัฐฯ ที่อ่อนตัวเมื่อคืนก่อน โดยดัชนี Dow Jones ปรับลงราว -1.18% และ Nasdaq Composite -0.84% ท่ามกลางความกังวลต่อแนวโน้มลดดอกเบี้ยของเฟดและการรอผลประกอบการของ Nvidia ซึ่งนักลงทุนคาดว่าจะสะท้อน Demand ที่แท้จริงในธุรกิจชิปสำหรับ AI ส่งผลให้กระแสเก็งกำไรในหุ้น AI ทั่วโลก รวมถึงเกาหลีใต้ ชะลอลงชั่วคราว ขณะที่ฝั่งเกาหลีใต้เอง สถาบันเป็นฝั่งขายสุทธิในช่วงเปิดตลาด ส่วนต่างชาติและรายย่อยยังคงซื้อสุทธิแต่ไม่สามารถพยุงดัชนีไว้ได้
Finnomena Funds ประเมินว่า การย่อตัวของตลาดเกาหลีใต้ในวันนี้เป็นการปรับฐานเชิงเทคนิคหลังดัชนีปรับขึ้นแรงกว่า +60% ตั้งแต่ต้นปี และสะท้อนความกังวลระยะสั้นต่อผลประกอบการหุ้นชิปขนาดใหญ่ มากกว่าจะเป็นการเปลี่ยนแปลงปัจจัยพื้นฐานระยะกลาง โดยเรายังคงมุมมอง “Slightly Positive” ต่อหุ้นเกาหลีใต้ จากปัจจัยโครงสร้างที่ยังเอื้อต่อการเติบโต ได้แก่ ความต้องการชิปหน่วยความจำสำหรับ AI ที่ยังขยายตัว นโยบาย Korea Value-Up Program และแผนลดภาษีเงินปันผล–เพิ่มสัดส่วนลงทุนหุ้นในประเทศของ NPS ที่หนุน Valuation ในระยะยาว
ทั้งนี้ยังแนะนำให้นักลงทุนทยอยสะสมกองทุน SCBKEQTG เพื่อรับอานิสงส์จากการเติบโตของกำไรกลุ่มเทคโนโลยีและมาตรการเชิงโครงสร้างของรัฐบาล แม้ตลาดจะมีความผันผวนระยะสั้นก็ตาม
จัดทำโดยบลป. เดฟินิทสำหรับบลน. ฟินโนมีนา (Finnomena Funds)
คำเตือน: ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน | ผลการดำเนินงานในอดีต และผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต | ผู้ลงทุนอาจมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากการป้องกันความเสี่ยงขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้จัดการกองทุน | กองทุนรวมนี้ลงทุนกระจุกตัวในผู้ออกตราสารหรือประเทศใดประเทศหนึ่ง จึงมีความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนจำนวนมาก ผู้ลงทุนจึงควรพิจารณาการกระจายความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุนโดยรวมของตนเองด้วย | คำแนะนำการลงทุนนี้เป็นไปตามกรอบการพิจารณาของ Finnomena Funds ซึ่งมีเป้าหมายในการสร้างโอกาสรับผลตอบแทนในระยะเวลาตามแต่ละประเภทของพอร์ตเท่านั้น บริษัทมิได้การันตีถึงผลตอบแทนที่จะได้จากคำแนะนำการลงทุนดังกล่าว มีความเสี่ยงที่ผลตอบแทนอาจไม่เป็นไปตามคาดหวัง หรือมีผลขาดทุนได้ | สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน ฟินโนมีนา จำกัด ในช่วงเวลาวันทำการตั้งแต่ 09:00-17:00 น. ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 026 5100 และทาง LINE @FinnomenaPort | สำหรับผู้ลงทุนในความดูแลของ Kept by krungsri ติดต่อทีม Kept help center ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 296 6299
This Issue
สรุปข่าวเศรษฐกิจรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา
Eye On This Week
ประเด็นน่าจับตามองในสัปดาห์นี้
Market
ภาพรวมตลาดและสินทรัพย์ที่น่าสนใจ
Finnomena Port Performance
ผลตอบแทนของพอร์ตการลงทุน
วันที่ 14 พฤศจิกายน 2025 ดัชนี HSCEI ปรับตัวลง -2.03% มาที่ระดับ 9,403.81 จุด ขณะที่ดัชนี HSTECH อ่อนตัวแรงกว่า -2.87% โดยแรงขายรอบนี้เกิดขึ้นเป็นหลักจาก ข้อมูลเศรษฐกิจจีนเดือนตุลาคมที่ออกมาอ่อนแอกว่าคาดอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งทำให้ตลาดผิดหวังอย่างมากและกดดันบรรยากาศการลงทุนทั้งจีนและฮ่องกงตลอดช่วงเช้า
แรงกดดันหลักมาจากตัวเลข Industrial Production ของประเทศจีน ที่เติบโตเพียง 4.9% YoY ลดลงจาก 6.5% ในเดือนก่อน และต่ำกว่าที่ตลาดคาดไว้ ขณะที่ Retail Sales โตเพียง 2.9% YoY สะท้อนภาคบริโภคที่ชะลอตัวต่อเนื่องอย่างน่ากังวล ด้าน Fixed Asset Investment ช่วง 10 เดือนแรกหดตัว -1.7% และตัวเลขรายเดือนปรับลงถึง -11.4% YoY ซึ่งเป็นการหดตัวแรงที่สุดตั้งแต่ช่วงโควิด แสดงถึงการอ่อนแรงพร้อมกันของการลงทุนภาคอสังหาริมทรัพย์และโครงสร้างพื้นฐาน
ภาคอสังหาฯ ยังคงเป็นตัวฉุดสำคัญ โดย ราคาบ้านใหม่ลดลง -0.5% MoM ซึ่งเป็นระดับที่แย่ที่สุดในรอบหนึ่งปี ขณะที่ยอดขายบ้านและการลงทุนด้านอสังหาฯ ยังหดตัวต่อเนื่อง สะท้อนปัญหาความเชื่อมั่นที่ยังไม่ฟื้นตัว และส่งผลกระทบต่อการกระจายรายได้และกิจกรรมทางเศรษฐกิจโดยรวม
แรงขายยังลุกลามไปสู่หุ้นเทคจีน หลังข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอทำให้นักลงทุนกังวลต่อแนวโน้มกำไรในไตรมาสถัดไป โดยเฉพาะในหมวด AI, Semiconductor และ Consumer Electronics ที่อ่อนไหวต่อรอบธุรกิจและภาวะการบริโภค นอกจากนี้ในสัปดาห์นี้และสัปดาห์หน้า จีนจะทยอยประกาศผลประกอบการไตรมาส 3 ปี 2025 ของบริษัทใหญ่จำนวนมาก ทำให้ตลาดเพิ่มความระมัดระวังเชิงกลยุทธ์ เพราะมีความเสี่ยงที่ผลประกอบการหลายกลุ่มอาจสะท้อนภาพเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลง โดยเฉพาะภาคผู้บริโภค อสังหาฯ และเทคโนโลยี
การชะลอตัวพร้อมกันของภาคการผลิต–บริโภค–การลงทุน ส่งผลให้บรรยากาศตลาดอยู่ในโหมดป้องกันความเสี่ยง นักลงทุนลดน้ำหนักในสินทรัพย์เสี่ยงและกระจายไปยังกลุ่ม Defensive มากขึ้น ขณะที่ Sentiment ยังถูกกดทับจากข้อมูลเครดิตรายเดือนที่อ่อนแอมากในวันก่อนหน้า ทำให้ตลาดขาดปัจจัยบวกคอยพยุงในระยะสั้น
Finnomena Funds ประเมินว่าแรงขายรอบนี้สะท้อนภาพเศรษฐกิจจีนที่ชะลอตัวชัดเจน และความกังวลต่อการประกาศผลประกอบการไตรมาส 3 ที่จะเริ่มเปิดเผยจำนวนมากในสัปดาห์นี้และสัปดาห์หน้า ซึ่งอาจเพิ่มแรงกดดันต่อหุ้นกลุ่มบริโภคและเทคโนโลยี อย่างไรก็ตาม ปัจจัยเชิงโครงสร้างอย่างสภาพคล่องภายในและการผลักดัน China Involution ยังคงช่วยพยุงตลาดในระยะกลาง
โดยยังคงมีมุมมองต่อหุ้นจีนเป็น “Slightly Positive” และแนะนำทยอยสะสมหุ้น H-shares ผ่านกองทุน MEGA10CHINA-A
จัดทำโดยบลป. เดฟินิทสำหรับบลน. ฟินโนมีนา (Finnomena Funds)
คำเตือน: ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน | ผลการดำเนินงานในอดีต และผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต | ผู้ลงทุนอาจมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากการป้องกันความเสี่ยงขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้จัดการกองทุน | กองทุนรวมนี้ลงทุนกระจุกตัวในผู้ออกตราสารหรือประเทศใดประเทศหนึ่ง จึงมีความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนจำนวนมาก ผู้ลงทุนจึงควรพิจารณาการกระจายความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุนโดยรวมของตนเองด้วย | คำแนะนำการลงทุนนี้เป็นไปตามกรอบการพิจารณาของ Finnomena Funds ซึ่งมีเป้าหมายในการสร้างโอกาสรับผลตอบแทนในระยะเวลาตามแต่ละประเภทของพอร์ตเท่านั้น บริษัทมิได้การันตีถึงผลตอบแทนที่จะได้จากคำแนะนำการลงทุนดังกล่าว มีความเสี่ยงที่ผลตอบแทนอาจไม่เป็นไปตามคาดหวัง หรือมีผลขาดทุนได้ | สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน ฟินโนมีนา จำกัด ในช่วงเวลาวันทำการตั้งแต่ 09:00-17:00 น. ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 026 5100 และทาง LINE @FinnomenaPort | สำหรับผู้ลงทุนในความดูแลของ Kept by krungsri ติดต่อทีม Kept help center ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 296 6299
สรุปกองทุนผลตอบแทนย้อนหลังโดดเด่นตั้งแต่ต้นปี 2025 จาก Finnomena Funds กองทุนไหนลงทุนในอะไรบ้าง มีลักษณะการลงทุนอย่างไร พร้อมแจกคูปองส่วนลดเมื่อซื้อกองทุนที่ร่วมรายการ
ฉลองโอกาสพิเศษ! Finnomena คว้ารางวัล “Startup of the Year – Prime Minister Award 2025” แจกคูปองส่วนลดเมื่อซื้อกองทุนที่ร่วมรายการรับ Cashback เป็นหน่วยลงทุน K-CASH* (ตามเงื่อนไขที่กำหนด)
แต่สำหรับใครที่ยังไม่มีกองทุนในใจ วันนี้เราคัดมาให้เลือกแบบง่าย ๆ กับ 10 กองทุนที่สร้างผลตอบแทนสูงตลอดปี 2025 และเป็นกองทุนที่เข้าร่วมกิจกรรมแจกคูปองรับ Cashback กับ Finnomena ซึ่งใช้ได้ถึงวันที่ 30 ธันวาคมนี้

1. DAOL-GOLD กองทุนเปิด ดาโอ โกลด์ แอนด์ ซิลเวอร์ อิควิตี้
2. KT-PRECIOUS กองทุนเปิดเคแทม เวิลด์ โกลด์ แอนด์ เพรเชียส เอคควิตี้
3. SCBKEQTG กองทุนเปิดไทยพาณิชย์หุ้นเกาหลี
4. DAOL-KOREAEQ กองทุนเปิด ดาโอ เกาหลี อิควิตี้
5. PRINCIPAL GCLEAN-A กองทุนเปิดพรินซิเพิล โกลบอล คลีน เอ็นเนอร์จี ชนิดสะสมมูลค่า
6. UCI กองทุนเปิด ยูไนเต็ด ไชน่า เอ แชร์ อินโนเวชั่น ฟันด์
7. ASP-DIGIBLOC กองทุนเปิด แอสเซทพลัส ดิจิทัล บล็อกเชน
8. M-EUBANK กองทุนเปิดเอ็มเอฟซี ยูโรเปียน แบงค์
9. ES-GTECH กองทุนเปิดอีสท์สปริง Global Technology
10. KT-BLOCKCHAIN-A กองทุนเปิดเคแทม Blockchain Economy ชนิดสะสมมูลค่า
หมายเหตุ: ข้อมูลผลตอบแทนย้อนหลัง Year to Date จาก Finnomena Funds จัดอันดับ ณ วันที่ 4 พ.ย. 2025 ทั้งนี้ ข้อมูลผลตอบแทนบางกองทุนในหน้าจัดอันดับกองทุน อาจมีการแสดงผลตอบแทนที่แตกต่างจากแต่ละหน้ากองทุน เนื่องจากการดึงข้อมูลจากแหล่งข้อมูลที่ต่างกัน สามารถดูรายละเอียดของกองทุนเพิ่มเติมได้ที่ finnomena.com/fund
คำเตือน: การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนต้องทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน | การลงทุนในกองทุนรวมไม่ใช่การฝากเงิน | ผลการดำเนินงานในอดีต และผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต | กองทุนอาจลงทุนกระจุกตัวในอุตสาหกรรมและประเทศที่ลงทุน จึงมีความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนจำนวนมาก ผู้ลงทุนจึงควรพิจารณาการกระจายความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุนโดยรวมของตนเองด้วย | ผู้ลงทุนอาจมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากการป้องกันความเสี่ยงขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้จัดการกองทุน | สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน ฟินโนมีนา จำกัด ในช่วงเวลาวันทำการตั้งแต่ 09:00-17:00 น. ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 026 5100 และทาง LINE “@FinnomenaPort”
*E-coupon สามารถใช้ได้ผ่าน Application Finnomena เท่านั้น โดยจะใช้ได้หลังจากทำรายการลงทุนสำเร็จ ที่หน้า Order result จะมีปุ่มให้ใช้งานคูปองแสดงขึ้นมา
ระยะเวลาโปรโมชั่นเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน – 30 ธันวาคม 2025
ข้อกำหนดและเงื่อนไข:
เสียงในบอร์ด Fed เริ่มแตกเป็นเสี่ยง ขณะที่โอกาสที่คณะกรรมการ FOMC จะลดดอกเบี้ยอีกครั้งในเดือนธันวาคมถอยลงต่ำกว่า 50% หลังเจ้าหน้าที่ระดับสูงหลายคนส่งสัญญาณ “ชะลอการผ่อนคลาย” ท่ามกลางความกังวลว่าเงินเฟ้อยังเกาะระดับสูง และตลาดแรงงานไม่ได้อ่อนแรงตามที่เคยคาด
แรงเหวี่ยงครั้งนี้ทำให้ ตลาดฟิวเจอร์สดอกเบี้ยที่เคยให้โอกาส 67% เหลือเพียง 47% ว่าจะมีการปรับลดดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 9–10 ธันวาคม ซึ่งหมายความว่าการตัดสินใจครั้งนี้กลายเป็นเกมโยนเหรียญ นั่นคือ โอกาสลดดอกเบี้ยเหลือเพียง 50:50
Mary Daly ประธาน Fed ซานฟรานซิสโก ซึ่งเคยสนับสนุนการลดดอกเบี้ยอย่างมั่นคง ขึ้นเวทีที่ดับลินพร้อมประโยคที่นักลงทุนต้องอ่านซ้ำหลายรอบว่า “ยังเร็วเกินไปจะตัดสินใจ ฉันยังเปิดกว้างทุกทางเลือก”
ด้าน Neel Kashkari จากมินนิอาโปลิส ซึ่งเคยระบุเพียงไม่กี่เดือนก่อนว่าต้องมี “ลดดอกเบี้ยรอบที่สามภายในปีนี้” ก็ถอยมาจุดกลาง โดยยอมรับว่า ข้อมูลล่าสุดให้สัญญาณ ‘ปนเป’ และเงินเฟ้อที่ยังวิ่งแถว 3% คือความเสี่ยงที่ Fed มองข้ามไม่ได้
Susan Collins จาก Fed บอสตันคือเสียงที่กดน้ำหนัก “ไม่ลดดอกเบี้ย” ชัดที่สุด เธอยืนยันว่า การผ่อนนโยบายเพิ่มเติมต้องผ่านเงื่อนไขที่สูงเป็นพิเศษ และตราบใดที่ตลาดแรงงานยังไม่ทรุดตัวจริง เธอจะ “ลังเลอย่างมาก” ที่จะสนับสนุนให้ผ่อนคลายนโยบายอีก
ที่สำคัญ เธอเตือนว่ารัฐบาลสหรัฐฯ ที่เพิ่งออกจากชัตดาวน์ ยังไม่สามารถส่งตัวเลขเงินเฟ้อและแรงงานได้ครบถ้วน ทำให้ Fed “กำลังตัดสินใจในความมืด”
การแตกเสียงภายใน Fed เริ่มชัดขึ้นเรื่อยๆ หลังประธาน Jerome Powell เคยย้ำว่าการลดดอกเบี้ยรอบถัดไป “ยังห่างไกลจากความแน่นอน” โดยเฉพาะในภาวะที่ไม่มีข้อมูลทางการมารองรับการประเมินเศรษฐกิจ
สถานการณ์นี้ทำให้ความเสี่ยงการลงมติแตกในเดือนธันวาคมสูงกว่าปกติ
Fed กำลังเดินอยู่บนสะพานแคบที่มีหน้าผาทั้ง 2 ฝั่ง
แม้ไม่มีตัวเลขจากรัฐบาล แต่ข้อมูลภาคเอกชนชี้ให้เห็นภาพที่ตีความได้ทั้งสองทาง
ความแตกแยกของเสียงภายใน Fed ทำให้การตัดสินใจเดือนธันวาคมเป็นหนึ่งในการโหวตที่สุ่มเสี่ยงที่สุดในรอบหลายปี นักลงทุนจึงต้องเตรียมรับทั้ง 2 ทาง คือ ดอกเบี้ยอาจถูกลด อาจถูกคง และไม่ว่าทางไหนก็อาจมีเสียงคัดค้านจำนวนมากตามมา
อ้างอิง: Reuters
มีเงินเย็นที่ยังไม่รู้จะทำอะไรดี? อย่าปล่อยให้เงินนอนนิ่ง! ให้เงินทำงานแทนคุณได้ง่าย ๆ เพียงฝากเงินไว้ในบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ FIN SAVE by KKP
✅ รับดอกเบี้ยเงินฝากสูงสุด 1.6% ต่อปี*
รับผลตอบแทนมากกว่าค่าเฉลี่ยบัญชีออมทรัพย์ทั่วไปประมาณ 5 เท่า**** (อ้างอิงอัตราดอกเบี้ยเฉลี่ยจากธนาคารแห่งประเทศไทย ณ วันที่ 8 ส.ค. 2568) สูงสุด 1.6% ต่อปี คำนวณดอกเบี้ยทุกวัน ระหว่างที่พักเงินรอโอกาสลงทุน ทำให้เงินของคุณทำงานอยู่ตลอดเวลา
✅ ปลอดภัย อุ่นใจได้ในทุกบาทที่ฝาก
เพราะเงินฝากในบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ FIN SAVE by KKP อยู่ภายใต้การดูแลของธนาคารเกียรตินาคินภัทร หนึ่งในธนาคารชั้นนำของประเทศไทย มีความมั่นคงสูง ได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าทั่วประเทศ
✅ ฝากเงินขั้นต่ำ 500,000 บาท รับ Cashback สูงสุด 500 บาท***
ฝากเงิน 500,000 – 999,999 บาท รับ Cashback 100 บาท***
ฝากเงิน 1,000,000 บาท ขึ้นไป รับ Cashback 500 บาท***
เฉพาะเงินที่ฝากใหม่ในช่วงกิจกรรม ระหว่างวันที่ 1 พ.ย. – 31 ธ.ค. 2568 และต้องคงเงินไว้จนถึง 31 ม.ค. 2569 เท่านั้น**
📅 โปรโมชันดี ๆ แบบนี้มีตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย. – 31 ธ.ค. 2568 เท่านั้น
💡 อย่ารอช้า รีบเปิดบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ FIN SAVE by KKP ตั้งเป็นบัญชีหลักสำหรับการลงทุน และเริ่มลงทุนกับ Finnomena เพื่อรับโปรโมชันนี้ได้เลย! 👉 https://partner.finnomena.com/kkp/landing
กดรับคูปอง คลิก 👉 https://www.finnomena.com/coupon-book/kkppromotionsaving2025
* อัตราดอกเบี้ยและเงื่อนไขเป็นตามที่ธนาคาร เกียรตินาคินภัทรกำหนด
** สิทธิพิเศษนี้เป็นกิจกรรมส่งเสริมการขาย ไม่ใช่ผลตอบแทนจากการลงทุนหรือดอกเบี้ยเงินฝาก
*** ของสมนาคุณเทียบเท่าอัตราดอกเบี้ยเฉลี่ย 0.05% – 0.20% ต่อปี เมื่อฝาก เงินตั้งแต่ 500,000 ถึง 1,000,000 บาท เป็นระยะเวลา 12 เดือน
**** ข้อมูลดังกล่าวคิดมาจากการเปรียบเทียบกับค่าเฉลี่ยของอัตราดอกเบี้ยเงินฝากจากธนาคารพาณิชย์จำนวน 19 แห่ง โดยอ้างอิงจากข้อมูลของธนาคารแห่งประเทศไทย ณ วันที่ 8 สิงหาคม 2568
คำเตือน: อัตราดอกเบี้ยและเงื่อนไขเป็นไปตามที่ธนาคารเกียรตินาคินภัทรกำหนด | บัญชีเงินฝากออมทรัพย์ FIN SAVE by KKP เป็นผลิตภัณฑ์ของธนาคารเกียรตินาคินภัทร | เงื่อนไขผลิตภัณฑ์ ให้บริการเฉพาะประเภทลูกค้า (1) บุคคลธรรมดา สัญชาติไทย อายุตั้งแต่ 20 ปี บริบูรณ์ขึ้นไป มีบัตรประชาชนแบบ Smart Card | ผู้ฝากสามารถขอเปิดบัญชีได้เฉพาะบัญชีที่มีชื่อบุคคลคนเดียวเป็นเจ้าของบัญชี และผู้ฝาก 1 ราย เปิดได้ 1 บัญชี โดยไม่จำกัดรายการฝาก | ผู้ฝากสามารถเปิดบัญชีได้ด้วยตนเองผ่านแอปฯ Finnomena ตั้งแต่เวลา 06.00-22.00 น. โดยทำการพิสูจน์และยืนยันตัวตนผ่านบริการ NDID | การคำนวณดอกเบี้ยของบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ FIN SAVE by KKP คิดแบบขั้นบันได (Step Up) ตามอัตราที่กำหนดในแต่ละวงเงิน ธนาคารจะคำนวณจากยอดเงินคงเหลือ ณ สิ้นวัน โดยอัตราดอกเบี้ยเฉลี่ยขึ้นอยู่กับจำนวนเงินฝากของลูกค้า | ธนาคารจะคำนวณและหักภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่ายจากดอกเบี้ยเงินฝากตามหลักเกณฑ์ที่กรมสรรพากรกำหนด | หากพบปัญหาเกี่ยวกับการเปิดบัญชีไม่สำเร็จหรือบริการทางบัญชีเพิ่มเติม โปรดติดต่อ KKP Contact Center โทร 02-165-5555 กด 5 ต่อจากนั้น กด 1 เวลา 07.00-20.00 น. ของทุกวัน | หากต้องการสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับการใช้งาน Finnomena Application โปรดติดต่อ 02-026-5100 เวลา 09.00 – 17:00 น. ทุกวันทำการ ยกเว้นวันหยุดนักขัตฤกษ์ | การลงทุนในกองทุนรวมรวม ไม่ใช่การฝากเงิน
วันที่ 14 พฤศจิกายน 2025 ดัชนี KOSPI ปรับตัวลง -2.40% มาที่ระดับ 4,070 จุด โดยการปรับตัวลงแรงครั้งนี้ได้รับผลกระทบจากแรงขายในหุ้นเทคโนโลยีทั่วโลก หลังนักลงทุนลดความเสี่ยงจากความกังวลว่าเฟดอาจไม่ลดดอกเบี้ยในเดือนธันวาคม ซึ่งทำให้หุ้นกลุ่ม AI และ Semiconductor ถูกปรับฐานพร้อมกันในหลายภูมิภาค
แรงขายหนาแน่นเกิดขึ้นในหุ้นเทคขนาดใหญ่ โดยเฉพาะ Samsung Electronics -3.6%, SK Hynix -5.4%, LG Energy Solution -2.4%, Doosan Enerbility -2.7% และ SK Square -8.7% ซึ่งสะท้อนแรงเทขายตาม Valuation ที่ตึงตัวและการพักฐานหลังการปรับขึ้นร้อนแรงในช่วงที่ผ่านมา
นอกจากแรงขายในกลุ่มเทคแล้ว ตลาดยังถูกกดดันจากการอ่อนค่าต่อเนื่องของค่าเงินวอน ซึ่งสร้างความกังวลต่อเสถียรภาพด้านเงินทุนเคลื่อนย้าย ในขณะที่ถ้อยแถลงล่าสุดจาก Fed และตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ออกมาดีกว่าคาด ช่วยลดโอกาสการผ่อนคลายนโยบายในระยะสั้น ทำให้นักลงทุนต่างชาติระมัดระวังมากขึ้น
ด้านภูมิรัฐศาสตร์ ประธานาธิบดี Lee Jae Myung เปิดเผยว่าเกาหลีใต้และสหรัฐฯ ได้สรุปข้อตกลงร่วมด้านการค้าและความมั่นคง ซึ่งรวมถึงความร่วมมือด้าน AI อุตสาหกรรมนิวเคลียร์ อุตสาหกรรมต่อเรือ และการสร้างเรือดำน้ำนิวเคลียร์ พร้อมแผนลดภาษีนำเข้าสินค้าเกาหลีจาก 25% เหลือ 15% ซึ่งเป็นปัจจัยบวกเชิงโครงสร้าง แม้ไม่สามารถพยุงตลาดในช่วงที่ถูกเทขายแรงจากหุ้นเทคได้
Finnomena Funds ประเมินว่าแรงขายรอบนี้เป็นเพียงการพักฐานของกลุ่มเทคโนโลยี ขณะที่พื้นฐานระยะกลางของตลาดเกาหลีใต้ยังได้รับแรงสนับสนุนจากความต้องการชิป HBM และ DRAM สำหรับ AI การปรับประมาณการกำไร (EPS Revision) ที่ดีขึ้น และมาตรการ Korea Value-Up Program ที่ช่วยลด “Korea Discount”
ทั้งนี้ House View สำหรับตลาดเกาหลีใต้ยังอยู่ที่ระดับ “Slightly Positive” และแนะนำทยอยสะสมผ่านกองทุน SCBKEQTG
จัดทำโดยบลป. เดฟินิทสำหรับบลน. ฟินโนมีนา (Finnomena Funds)
คำเตือน: ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน | ผลการดำเนินงานในอดีต และผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต | ผู้ลงทุนอาจมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากการป้องกันความเสี่ยงขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้จัดการกองทุน | กองทุนรวมนี้ลงทุนกระจุกตัวในผู้ออกตราสารหรือประเทศใดประเทศหนึ่ง จึงมีความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนจำนวนมาก ผู้ลงทุนจึงควรพิจารณาการกระจายความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุนโดยรวมของตนเองด้วย | คำแนะนำการลงทุนนี้เป็นไปตามกรอบการพิจารณาของ Finnomena Funds ซึ่งมีเป้าหมายในการสร้างโอกาสรับผลตอบแทนในระยะเวลาตามแต่ละประเภทของพอร์ตเท่านั้น บริษัทมิได้การันตีถึงผลตอบแทนที่จะได้จากคำแนะนำการลงทุนดังกล่าว มีความเสี่ยงที่ผลตอบแทนอาจไม่เป็นไปตามคาดหวัง หรือมีผลขาดทุนได้ | สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน ฟินโนมีนา จำกัด ในช่วงเวลาวันทำการตั้งแต่ 09:00-17:00 น. ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 026 5100 และทาง LINE @FinnomenaPort | สำหรับผู้ลงทุนในความดูแลของ Kept by krungsri ติดต่อทีม Kept help center ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 296 6299
ตลาดหุ้นโลกในเดือนตุลาคม 2025 เผชิญกับความผันผวนสูงมาก โดยปัจจัยชี้นำหลักคือสถานการณ์สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน ในช่วงกลางเดือน ตลาดปรับตัวลงอย่างรุนแรง (ดัชนี Fear & Greed Index เข้าสู่โซน Fear) หลังจากจีนประกาศควบคุมการส่งออกแร่ Rare Earth ทำให้ ปธน. ทรัมป์ ตอบโต้ด้วยการประกาศตั้งภาษีสินค้านำเข้าจากจีน 100% อย่างไรก็ตาม ในช่วงปลายเดือน บรรยากาศการลงทุนกลับมาเป็นบวกอย่างรวดเร็ว หลังมีการยืนยันว่า ปธน.ทรัมป์ และ ปธน.สี จิ้นผิง จะพบกันนอกรอบการประชุม APEC เพื่อคลี่คลายความตึงเครียด
ในระหว่างเดือน ตลาดเผชิญกับหลายเหตุการณ์สำคัญ เริ่มตั้งแต่การที่สหรัฐฯ เข้าสู่ภาวะ Government Shutdown ในช่วงต้นเดือน ส่งผลให้การรายงานตัวเลขเศรษฐกิจล่าช้า นอกจากนี้ ประเด็นด้านภูมิรัฐศาสตร์ทวีความตึงเครียดขึ้น เมื่อสหรัฐฯ ประกาศคว่ำบาตร Rosneft และ Lukoil ผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ของรัสเซีย ส่งผลให้ราคาน้ำมันพุ่งสูงขึ้นอย่างรุนแรง ในทางกลับกัน ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปรับตัวขึ้นโดดเด่นจนทำสถิติสูงสุดใหม่ ตอบรับการขึ้นรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของนาง Sanae Takaichi ซึ่งมีนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ (“Sanaenomics”) และส่งสัญญาณชะลอการขึ้นดอกเบี้ยของ BOJ ขณะที่ตลาดหุ้นเวียดนามปรับตัวขึ้นร้อนแรง หลัง FTSE ประกาศอัปเกรดสถานะเป็น Emerging Market อย่างเป็นทางการ
การประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (FOMC) ในวันที่ 29 ตุลาคม มีมติ 10 ต่อ 2 เสียง ลดดอกเบี้ย 0.25% มาอยู่ที่ระดับ 3.75%-4.00% ตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ โดยให้เหตุผลถึงความกังวลเกี่ยวกับตลาดแรงงานที่ชะลอตัวลง นอกจากนี้ เฟดยังได้ประกาศยุติกระบวนการลดขนาดงบดุล (QT) ในวันที่ 1 ธันวาคม ซึ่งเร็วกว่าที่คาด อย่างไรก็ตาม นายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานเฟด ได้เตือนว่าการลดดอกเบี้ยในเดือนธันวาคมยัง “ห่างไกลจากความแน่นอน” เนื่องจากข้อมูลเศรษฐกิจที่ไม่ชัดเจน (จากผลของ Government Shutdown) และความเห็นที่แตกต่างกันของกรรมการ
ภาพรวมการลงทุนประจำเดือนพฤศจิกายน 2025 คาดว่าปัจจัยชี้ขาดทิศทางตลาดคือผลการเจรจาการค้าระหว่าง ปธน.ทรัมป์ และ ปธน.สี จิ้นผิง ในการประชุม APEC ขณะที่ตลาดยังคงติดตามตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ เพื่อประเมินท่าทีของเฟดในการประชุมครั้งถัดไป รวมถึงการประกาศผลประกอบการของกลุ่มบริษัทเทคโนโลยีของสหรัฐฯ ในไตรมาส 3/25 โดยเรายังคงแนะนำให้นักลงทุนจัดพอร์ตแบบบาร์เบล (Barbell Strategy) โดยผสมระหว่างสินทรัพย์ที่เติบโตสูงอย่างหุ้นสหรัฐฯ ที่ยังได้แรงหนุนจากการลงทุนด้าน AI ควบคู่กับการถือครองสินทรัพย์กลุ่ม Defensive อย่างตราสารหนี้โลกและหุ้นกลุ่มโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อสร้างสมดุลและลดความผันผวนของพอร์ตในระยะสั้น
ที่มา: บลจ.อีสท์สปริง วันที่ 7 พ.ย. 2025
สำหรับลูกค้าที่ลงทุนใน Eastspring Dynamic Opportunities (ES-DO) สามารถดูพอร์ตการลงทุนได้ตามช่องทางนี้
ผ่านมือถือ/Tablet >> แอปฯ Finnomena ผ่านคอมพิวเตอร์ >> เว็บไซต์ Finnomena สำหรับลูกค้าที่สนใจลงทุนใน Eastspring Dynamic Opportunities (ES-DO) คลิกที่นี่เพื่อสร้างแผนการลงทุน
| โปรดทราบ สำหรับลูกค้าฟินโนมีนาที่ลงทุนใน Finnomena Port และได้รับบทความนี้ แต่ยังไม่ได้รับอีเมลและ/หรือ Notificationในการแจ้งสัดส่วนเงินในการเข้าลงทุน อาจเกิดจาก
1) ท่านอยู่ระหว่างการทำรายการซื้อขายกองทุน ซึ่งทางฟินโนมีนาจะแจ้งเตือนอีกครั้งภายใน 1 สัปดาห์หลังจากการทำรายการซื้อขายเสร็จสิ้น 2) ท่านมีจำนวนเงินลงทุนต่ำกว่าเกณฑ์ขั้นต่ำที่แนะนำ หมายเหตุ หากท่านไม่ประสงค์ที่จะรอรับการแจ้งเตือน ท่านสามารถดูรายละเอียดของพอร์ตการลงทุนที่แนะนำผ่านทางเว็บไซต์และแอปพลิเคชั่นของฟินโนมีนาพร้อมปรับพอร์ตเข้าลงทุนได้ทันที สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ LINE ID: @FINNOMENAPORT |
คำเตือน: ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยง ก่อนตัดสินใจลงทุน โดยสามารถขอข้อมูลจากผู้แนะนำก่อนการลงทุน | ผลการดำเนินงานในอดีต และผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต | ผู้ลงทุนอาจมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากการป้องกันความเสี่ยงขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้จัดการกองทุน | สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ทหารไทย จำกัด หรือ บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน ฟินโนมีนา จำกัด ในช่วงเวลาวันทำการตั้งแต่ 09:00-17:00 น. ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 026 5100 และทาง LINE “@FINNOMENAPORT” | สำหรับผู้ลงทุนในความดูแลของ Kept by krungsri ติดต่อทีม Kept help center ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 296 6299
คำเตือน
การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนต้องทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน | การลงทุนในกองทุนรวมไม่ใช่การฝากเงิน | กองทุนอาจลงทุนกระจุกตัวในอุตสาหกรรมและประเทศที่ลงทุน จึงมีความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนจำนวนมาก ผู้ลงทุนจึงควรพิจารณาการกระจายความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุนโดยรวมของตนเองด้วย | ผู้ลงทุนอาจมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากการป้องกันความเสี่ยงขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้จัดการกองทุน | สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน ฟินโนมีนา จำกัด ในช่วงเวลาวันทำการตั้งแต่ 09:00-17:00 น. ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 026 5100 และทาง LINE “@FINNOMENAPORT”
ช่วงสิ้นปีแบบนี้ ถือเป็นเวลาทองของการ “วางแผนภาษี” สำหรับคนทำงานและนักลงทุน
เพราะนอกจากจะช่วยลดภาระภาษีได้แล้ว ยังเป็นจังหวะดีในการวางรากฐานความมั่งคั่งระยะยาว
และถ้าคุณกำลังมองหากองทุนลดหย่อนภาษีที่ ลงทุนง่าย ถือยาวได้ และมีคุณภาพในการบริหารจัดการพอร์ต นี่คือ 5 กองทุนคุณภาพในกลุ่ม RMF และ THAI ESG เพื่อให้ตอบโจทย์ทั้งด้าน “สิทธิลดหย่อนภาษี” และ “โอกาสเติบโตของเงินลงทุน” ไปพร้อมกัน
ลงทุนในหุ้นทั่วโลก ผ่านกองทุนหลัก Capital Group New Perspective Fund เน้นลงทุนในบริษัทข้ามชาติที่แข็งแกร่ง และได้รับประโยชน์จากการเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจการค้าโลกผ่านการคัดเลือกหุ้นรายตัว (Bottom-up) บริหารด้วยผู้จัดการกองทุน 10 ท่าน กลยุทธ์การบริหารกองมี Track Record ยาวนานกว่า 50 ปี เหมาะกับการจัดเป็น Core Port มีให้เลือกลงทุนทั้งแบบป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยน (KKP GNP RMF-H) และแบบที่ไม่ป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยน (KKP GNP RMF-UH)
กองทุนผสมแบบ Multi Asset ที่กระจายการลงทุนในสินทรัพย์ที่หลากหลายทั้งในและต่างประเทศ มีการปรับพอร์ตการลงทุนเพื่อให้การกระจายการลงทุนเป็นไปอย่างเหมาะสมและทันต่อสภาวะตลาด
(ปัจจุบันกองทุนนี้ลงทุนผ่านกองทุน KKP CorePath Balanced Fund ภายใต้คำแนะนำเชิงกลยุทธ์ของทีมที่ปรึกษาการลงทุน KKPS ซึ่งได้รับประโยชน์จากความเชี่ยวชาญด้านการจัดสรรการลงทุนของ Goldman Sachs Asset Management)
ลงทุนในตราสารหนี้ภาครัฐ ตราสารหนี้ภาคเอกชน รวมทั้งเงินฝาก โดยมีการบริหารพอร์ตแบบยืดหยุ่นสามารถปรับเปลี่ยนการลงทุนให้เหมาะสมกับภาวะเศรษฐกิจ ทั้งในด้าน Credit Rating และ Duration Management เพื่อมุ่งสร้างผลตอบแทนที่สูงขึ้นภายใต้ความเสี่ยงที่เหมาะสม โดยไม่มีการลงทุนในต่างประเทศ
กองทุนนี้ได้รับรางวัลกองทุนยอดเยี่ยมประเภทกองทุนตราสารหนี้ระยะปานกลางและยาว และรางวัลกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพยอดเยี่ยม ประเภทตราสารหนี้ จาก Morningstar Awards 2 ปีซ้อน (2024-2025)
เน้นลงทุนในตราสารหนี้ภาครัฐไทยที่เกี่ยวข้องกับตราสารหนี้กลุ่มความยั่งยืน โดยปัจจุบันไม่มีการลงทุนในตราสารหนี้ภาคเอกชน ทั้งนี้ กองทุนสามารถปรับการลงทุนในด้าน Duration Management เพื่อเพิ่มโอกาสสร้างผลตอบแทนที่สูงขึ้นเมื่อเทียบกับระดับความเสี่ยงที่เหมาะสม
สามารถศึกษารายละเอียดของกองทุนเพิ่มเติมได้ที่ www.finnomena.com/fund
สำหรับใครที่มีข้อสงสัย ยังไม่จุใจกับเรื่องการวางแผนภาษี มาหาคำตอบได้ที่งาน TAX Source Solution 2025 มัดรวมทุกทางออกลดหย่อนภาษี
วันที่ 23 พฤศจิกายน 2568 หอประชุมศาสตราจารย์สังเวียน อินทรวิชัย อาคาร B ชั้น 7 ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
ลงทะเบียนเข้าร่วมงานฟรี! ที่นั่งมีจำนวนจำกัด
คำเตือน: ผลการดำเนินงานในอดีตมิได้ยืนยันผลการดำเนินงานในอนาคต | ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไข ผลตอบแทน ความเสี่ยงและศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่ระบุไว้ในคู่มือการลงทุนในกองทุนรวม RMF และ Thai ESG กรณีไม่ได้ปฏิบัติตามเงื่อนไขภาษี จะไม่ได้สิทธิประโยชน์ตามเงื่อนไขกองทุน | การลงทุนในกองทุนรวม Thai ESG มีเงื่อนไขสิทธิประโยชน์ทางภาษีเฉพาะตามที่กรมสรรพากรกำหนด | การลงทุนในกองทุนรวมไม่ใช่การฝากเงิน | ผู้ลงทุนอาจมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากการป้องกันความเสี่ยงขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้จัดการกองทุน | บางกองทุนมีการลงทุนกระจุกตัวในประเทศที่ลงทุน จึงมีความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนจำนวนมาก ผู้ลงทุนจึงควรพิจารณาการกระจายความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุนโดยรวมของตนเองด้วย | สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่ บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน ฟินโนมีนา จำกัด ในช่วงเวลาวันทำการตั้งแต่ 09:00-17:00 น. ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 026 5100 และทาง LINE “@FinnomenaPort”
Copyright@ 2025 บริษัท มอร์นิ่งสตาร์ รีเสริช์ ประเทศไทย สงวนลิขสิทธิ์ ข้อมูลที่ประกอบในเอกสารนี้:
(1) เป็นกรรมสิทธิ์ของบริษัทมอร์นิ่งสตาร์ และ/หรือ ผู้ให้บริการข้อมูล
(2) บริษัทขอสงวนสิทธิ์ในการทำซ้ำ หรือเผยแพร่
(3) บริษัทขอสงวนสิทธิ์ที่จะไม่รับผิดชอบต่อความถูกต้อง ครบถ้วน และความเสียหายต่างๆ ที่เกิดขึ้นทุกกรณีจากการนำข้อมูลไปใช้อ้างอิง ผลการดำเนินงานในอดีตมิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต
Morningstar Awards 2025@ บริษัท มอร์นิ่งสตาร์ รีเสริช์ ประเทศไทย สงวนลิขสิทธิ์: กองทุน KKP INRMF ได้รับรางวัลกองทุนตราสารหนี้ระยะปานกลางและยาวยอดเยี่ยม และรางวัลกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพยอดเยี่ยมประเภทตราสารหนี้ (ประเทศไทย)
ในช่วงเดือนที่ผ่านมา ตลาดหุ้นส่วนใหญ่ทั่วโลกเดินหน้าทำสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง ถึงแม้หน่วยงานรัฐบาลของสหรัฐต้องปิดทำการชั่วคราวต่อเนื่องยาวนานก็ตาม โดยได้แรงหนุนจากความคาดหวังว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะลดดอกเบี้ย การเจรจาการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐจะออกมาในเชิงบวก และผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นสหรัฐส่วนใหญ่ออกมาดีกว่าที่คาด ในขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลปรับตัวสูงขึ้น จากแรงขายทำกำไร และนักลงทุนกังวลว่าเฟดอาจลดดอกเบี้ยน้อยกว่าที่ประเมินไว้
สำหรับทิศทางตลาดหุ้นในช่วงเดือนพฤศจิกายนน่าจะได้แรงหนุนจากผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน หลังบริษัทฯส่วนใหญ่ที่รายงานผลประกอบการไตรมาส 3/68 แล้ว มีผลประกอบการที่ดีกว่าที่คาด และมีมุมมองเชิงบวกมากขึ้นต่อผลประกอบการในอนาคต จึงมีแนวโน้มว่าบริษัทฯที่ยังไม่ได้รายงานผลประกอบการน่าจะมีผลประกอบการที่ดีเช่นกัน กอปรกับปัญหาความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐกับจีนเริ่มคลี่คลายไปในทางที่ดี และการค้าในตลาดโลกมีสัญญาณฟื้นตัว ในขณะที่ตลาดตราสารหนี้มีแนวโน้มที่จะยังคงผันผวนจากความคาดหวังต่อทิศทางดอกเบี้ยของสหรัฐ หลังประธานเฟดส่งสัญญาณว่ายังไม่มีความชัดเจนว่าจะมีการลดดอกเบี้ยอีก 1 ครั้งในปีนี้หรือไม่
สำหรับตลาดหุ้นไทย ดัชนีตอบรับข่าวมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจภาครัฐ ความชัดเจนของการเมือง และผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนไปแล้วบางส่วน การลงทุนในหุ้นต่างประเทศจึงยังคงมีความน่าสนใจมากกว่า
ในส่วนของตราสารหนี้ ความไม่แน่นอนของทิศทางดอกเบี้ยของเฟดส่งผลให้ตลาดตราสารหนี้ของไทยมีแนวโน้มผันผวนเช่นกัน โดยการที่ กนง. ตัดสินใจคงดอกเบี้ยในการประชุมครั้งล่าสุด ซึ่งผิดไปจากที่ตลาดคาดว่าจะมีการประกาศลดดอกเบี้ย ส่งผลให้ผลตอบแทนกองทุนตราสารหนี้ของไทยปรับตัวลดลงในช่วงที่ผ่านมา อย่างไรก็ดี ทิศทางดอกเบี้ยในระยะยาวทั้งในและต่างประเทศยังคงเป็นขาลง การที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรปรับตัวสูงขึ้นจึงเป็นโอกาสที่ดีในการลงทุน
คำเตือน: ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยง ก่อนตัดสินใจลงทุน ทั้งนี้ ผลการดำเนินงานในอดีตของกองทุนรวม และผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต กองทุนที่มีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน อาจมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน ซึ่งอาจทำให้ผู้ลงทุนขาดทุนหรือได้รับกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน/หรือได้รับเงินคืนต่ำกว่าเงินลงทุนเริ่มแรกได้ กองทุนที่มีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเต็มจำนวน อาจมีต้นทุนสำหรับการทำธุรกรรมป้องกันความเสี่ยงดังกล่าว โดยทำให้ผลตอบแทนของกองทุนโดยรวมลดลงเล็กน้อยจากต้นทุนที่เพิ่มขึ้น กองทุนอาจลงทุนในตราสารหนี้ที่มีอันดับความน่าเชื่อถือต่ำกว่าอันดับที่สามารถลงทุนได้ (non-investment grade) หรือไม่มีการจัดอันดับความน่าเชื่อถือ (unrated bond) ผู้ลงทุนจึงอาจมีความเสี่ยงสูงขึ้นจากการไม่ได้รับชำระคืนเงินต้น และดอกเบี้ย เอกสารฉบับนี้จัดทำขึ้นเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆที่น่าเชื่อถือได้ ณ วันที่แสดงข้อมูลแต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้องความน่าเชื่อถือ และความสมบูรณ์ของข้อมูลทั้งหมด โดยบริษัทฯขอสงวนสิทธิ์เปลี่ยนแปลงข้อมูลทั้งหมดโดยไม่จำเป็นต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงศรี จำกัด โทร 0 2657 5757 | สำหรับผู้ลงทุนในความดูแลของ Kept by krungsri ติดต่อทีม Kept help center ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 296 6299
วันที่ 12 พฤศจิกายน 2025 ดัชนี VN-Index ปรับตัวขึ้น +2.40% มาสู่ระดับ 1,631.86 จุด หลังเผชิญแรงขายติดต่อกันหลายวันก่อนหน้า โดยแรงซื้อกลับเด่นในหุ้นนำตลาดและหุ้นธนาคาร ท่ามกลางสัญญาณว่าแรงขายสุทธิของนักลงทุนต่างชาติเริ่มลดลง หนุนให้บรรยากาศการลงทุนกลับมาเป็นบวก
แรงหนุนหลักมาจากหุ้นเครือ Vingroup และเทคโนโลยี โดย Vingroup (VIC) +5.07%, Vinhomes (VHM) +4.44%, และ FPT +4.68% ขณะที่ค้าปลีกและการเงินอย่าง MWG +3.21% และ MBB +2.16% ฟื้นตัวตาม การเคลื่อนไหวดังกล่าวช่วยประคองดัชนีให้อยู่ในแดนบวกต่อเนื่อง ขณะที่ MSN +1.28% หนุนภาพรวมกลุ่มบริโภคไม่ให้ถอยหลังมากนัก
ประเด็นมหภาคยังช่วยพยุง Sentiment หลังมีรายงานว่าเวียดนามและสหรัฐฯ เดินหน้าเร่งปิดดีลข้อตกลงการค้าทวิภาคี โดยคาดคงอัตราภาษีนำเข้า 20% ของสหรัฐฯ ไว้แต่จะมี “รายการยกเว้น” ให้สินค้าเวียดนามบางประเภท ซึ่งหากจบลงได้ตามกรอบเดือนธันวาคม จะช่วยประคองการส่งออกและภาพการลงทุนของเวียดนามในห่วงโซ่อุปทานสหรัฐฯ ต่อไป
ในเชิงกลยุทธ์ ระยะสั้นตลาดยังเผชิญแรงขายจากต่างชาติ แต่การที่แรงขายชะลอลงและหุ้นนำดัชนีเริ่มฟื้น สอดคล้องกับมุมมองระยะกลางที่ยังดีจากการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน การเติบโตของสินเชื่อ และการอัปเกรดสู่ EM ที่จะมีผลในปี 2026 ซึ่งล้วนเป็นปัจจัยสนับสนุน EPS และกระตุ้นเม็ดเงินต่างชาติกลับเข้ามาเมื่อความผันผวนลดลง
Finnomena Funds ประเมินว่า การดีดตัวของ VN-Index วันนี้สะท้อนแรงซื้อกลับหลังราคาปรับฐานเกินพื้นฐาน และปัจจัยบวกเชิงโครงสร้างยังเด่น
เราจึงคงมุมมอง “Positive” ต่อหุ้นเวียดนาม พร้อมแนะนำทยอยลงทุนผ่านกองทุน PRINCIPAL VNEQ-A เพื่อรับอานิสงส์จากการเติบโตของกำไรและโอกาสการไหลเข้าเงินทุนต่างชาติในระยะถัดไป
จัดทำโดยบลป. เดฟินิทสำหรับบลน. ฟินโนมีนา (Finnomena Funds)
คำเตือน: ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน | ผลการดำเนินงานในอดีต และผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต | ผู้ลงทุนอาจมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากการป้องกันความเสี่ยงขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้จัดการกองทุน | กองทุนรวมนี้ลงทุนกระจุกตัวในผู้ออกตราสารหรือประเทศใดประเทศหนึ่ง จึงมีความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนจำนวนมาก ผู้ลงทุนจึงควรพิจารณาการกระจายความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุนโดยรวมของตนเองด้วย | คำแนะนำการลงทุนนี้เป็นไปตามกรอบการพิจารณาของ Finnomena Funds ซึ่งมีเป้าหมายในการสร้างโอกาสรับผลตอบแทนในระยะเวลาตามแต่ละประเภทของพอร์ตเท่านั้น บริษัทมิได้การันตีถึงผลตอบแทนที่จะได้จากคำแนะนำการลงทุนดังกล่าว มีความเสี่ยงที่ผลตอบแทนอาจไม่เป็นไปตามคาดหวัง หรือมีผลขาดทุนได้ | สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน ฟินโนมีนา จำกัด ในช่วงเวลาวันทำการตั้งแต่ 09:00-17:00 น. ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 026 5100 และทาง LINE @FinnomenaPort | สำหรับผู้ลงทุนในความดูแลของ Kept by krungsri ติดต่อทีม Kept help center ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 296 6299
ทุก ๆ 6 เดือน ทาง Dow Jones News Service จะทำการสำรวจความเห็นจากบรรดาผู้จัดการกองทุนและนักกลยุทธ์ทั่วสหรัฐ บทความนี้ จะขอนำผลสำรวจดังกล่าวเมื่อเดือนก่อนมาฝากกัน
ผลของ Money Poll ในรอบนี้ ปรากฏว่า ร้อยละ 47 ของนักลงทุนสถาบัน มั่นใจว่าตลาดหุ้นสหรัฐจะมีความคึกคัก (Bullish) ซึ่งเพิ่มขึ้นจาก 28% เมื่อช่วงต้นปีนี้ ในขณะที่ 34% มีมุมมองเป็นกลาง ที่เหลือ 19% มีมุมมอง Bearish กระนั้นก็ดี 57% ของกลุ่มตัวอย่างทั้งหมด เชื่อว่าตลาดหุ้นสหรัฐมีมูลค่าสูงเกินกว่าความเป็นจริง เทียบกับเพียง 3% ที่เชื่อว่าตลาดหุ้นยังถูกกว่าความเป็นจริง
โดยผู้ที่มุมมอง Bullish เชื่อว่าตลาดหุ้นสหรัฐจะขึ้นต่อไปจนถึงสิ้นปีนี้ โดย ณ ปลายเดือนกันยายนที่ผ่านมา เชื่อว่าตลาดหุ้นสหรัฐจะขึ้นอีก 9-10.5% จากจุดนั้น เนื่องมาจากการเพิ่มขึ้นของผลกำไรที่เพิ่มขึ้นของบริษัทจดทะเบียน
โดยเกือบ 38% ของกลุ่มตัวอย่างทั้งหมด เชื่อว่าอัตราส่วนกำไรต่อหุ้นจะเพิ่มขึ้น 6-10% จากระดับของปีนี้ ในขณะที่อีก 13% ของกลุ่มตัวอย่างทั้งหมด เชื่อว่าอัตราส่วนกำไต่อหุ้นจะเพิ่มขึ้นมากกว่า 10% จากระดับของปีนี้
ส่วนเหตุผลที่ Bullish คือเชื่อว่า AI จะสามารถเปลี่ยนแปลงโลกในปัจจุบันได้ ทว่าตลาดหุ้นสหรัฐก็วิ่งไปแล้วค่อนข้างแรงมาก จนเชื่อว่ามีความเสี่ยงที่มูลค่าของตลาดตอนนี้จะสูงเกินจริง
โดยค่าเฉลี่ยของการถือครองสินทรัพย์ในพอร์ตการลงทุนอยู่ที่ หุ้น 73% หุ้นกู้หรือบอนด์ 17% และ เงินสด 6% โดย 2 ใน 3 ของกลุ่มตัวอย่างทั้งหมด รายงานว่าตนเองมีสัดส่วนของหุ้นต่อพอร์ตโดยรวมสูงกว่าเมื่อ 6 เดือนก่อน
อย่างไรก็ดี ในปีนี้ ไม่เพียงแต่ตลาดหุ้นสหรัฐเท่านั้นที่เป็นขาขึ้น ตลาดหุ้นอย่างยุโรปและญี่ปุ่น รวมถึงตลาดเกิดใหม่ อย่างจีนและบราซิลก็อยู่ในช่วงขาขึ้นเช่นกัน โดยเกือบ 60% ของกลุ่มตัวอย่างทั้งหมดเพิ่มสัดส่วนหุ้นนอกสหรัฐในพอร์ตของตนเองในรอบ 12 เดือนที่ผ่านมา และเกือบ 40% มีแผนที่จะเพิ่มสัดส่วนหุ้นนอกสหรัฐ ในระยะเวลา 12 เดือนถัดไป
ในช่วงที่หุ้นเป็นช่วงขาขึ้นอย่างต่อเนื่อง มี 62% ของกลุ่มตัวอย่างทั้งหมด ทำการลดสัดส่วนการถือครองหุ้นกู้หรือบอนด์ลง ทว่า 2 ใน 3 ของทั้งหมดบอกว่ามีความเห็นในเชิงบวกต่อทองคำ ทั้งนี้ ราคาทองคำได้ขึ้นไปกว่า 60% ในปีนี้ โดยมองว่าจะใช้เป็นสินทรัพย์ทางเลือกเพื่อกระจายความเสี่ยง
อย่างไรก็ดี บรรดากลุ่ม Bearish เห็นความเสี่ยงที่เกิดจากการขึ้นอย่างร้อนแรงของราคาทองคำและระดับราคาหุ้นที่สูงมากเกินไป โดยกลุ่มนี้คาดว่าตลาดหุ้นสหรัฐจะลดลง 8-13.5% จากนี้จนถึงสิ้นปี 2026 เมื่อกระแส AI เริ่มจางลงและความกังวลต่อเศรษฐกิจเริ่มมีผลต่อตลาด โดย 38% ของทั้งหมด เชื่อว่าตลาดหุ้นสหรัฐจะประสบกับตลาดเข้าสู่ภาวะหมี หรือลดลงมากกว่า 20% จากจุดสูงที่สุด ในช่วงอีก 12 เดือนถัดไป
ทั้งนี้ มองว่าหุ้นธีมที่เกาะกระแส AI ยุคเริ่มต้นดังเช่นในตอนนี้ อาจจะไม่ใช่ผู้ชนะในระยะยาว แม้ว่า AI จะมีผลต่อโลกของเราแบบถาวรดังเช่นอินเตอร์เน็ตในยุคที่ผ่านมา แม้ว่าหุ้นระดับชั้นนำแนว AI ในตอนนี้ จะมีธุรกิจที่แข็งแกร่งกว่าในยุคปี 1999 ทว่าระดับมูลค่าถือว่าโดยส่วนใหญ่สูงกว่ามูลค่าในความเป็นจริงไปมากแล้ว
ทั้งนี้ มี 3 ความเสี่ยงหลัก จากการสำรวจ ได้แก่ เศรษฐกิจชะลอตัว, ตัวเลขผลกำไรบริษัทจดทะเบียนออกมาน่าผิดหวัง และความวุ่นวายทางการเมือง กระนั้นก็ดี 37% ของกลุ่มตัวอย่างทั้งหมด มองว่าอัตราการเติบโตของจีดีพีสหรัฐในปีหน้า จะอยู่ในช่วง 2-3% และอีก 25% มองว่าจะอยู่ที่ 1.5% ในปีหน้า
ด้านความนิยมต่อแผนเศรษฐกิจของรัฐบาลโดนัลด์ ทรัมป์ ดูจะไม่สวยหรูเท่าไร โดยเกือบ 2 ใน 3 ของทั้งหมดไม่เห็นด้วยต่อนโยบาย tariff และ 58% ให้เกรด C หรือ D ต่อนโยบายการคลังของทรัมป์ อย่างไรก็ดี มีบางส่วนมองว่า tariff ช่วยให้เกิดความยุติธรรมต่อระบบการค้าของสหรัฐและดีลการค้ากับญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ยุโรป และแคนาดา ถือว่าดูเป็นมิตรมากขึ้น รวมถึงบางส่วนเห็นด้วยต่อการใช้ไม้แข็งด้านการค้ากับจีน พร้อม ๆ กับการปิดดีลการค้ากับจีนได้
ด้านมุมมองต่อธนาคารกลางสหรัฐหรือเฟด ส่วนใหญ่ ราว 57% ชื่นชอบต่อนโยบายเฟด โดยมี 34% มองว่านโยบายการเงินมีความตึงตัวมากจนเกินไป เมื่อเทียบกับ 6 เดือนที่ 70% ชื่นชอบต่อนโยบายเฟด โดยมี 23% มองว่านโยบายการเงินมีความตึงตัวมากจนเกินไป
สำหรับมุมมองต่อประธานเฟดท่านใหม่ ส่วนใหญ่อยากได้ คริสโตเฟอร์ วาลเลอร์ หรือ เควิน วอร์ช ทว่าประเมินว่า เควิน ฮาสเส็ต มีโอกาสเป็นมากที่สุดเนื่องจากเป็นหนึ่งในทีมงานของทรัมป์ในปัจจุบัน
สำหรับนโยบายการเงินในปีหน้า มองว่าผ่อนคลายลงค่อนข้างแน่ จากตลาดแรงงานที่แผ่วลง และอัตราเงินเฟ้อที่น่าจะชะลอลง โดยทั้งดอกเบี้ยที่ลดลงและนโยบายการคลังที่ผ่อนคลาย รวมถึงการผ่อนกฎเกณฑ์ต่าง ๆ และการลดภาษีของรัฐบาลสหรัฐน่าจะช่วยให้นักลงทุนยังคงลงทุนอยู่ในตลาด แม้ว่าตลาดจะมีมูลค่าปัจจุบันที่สูง ทว่านโยบายต่าง ๆ หากมาถูกทางก็น่าจะช่วยให้ตลาดสามารถไปต่อได้อีกสักพักดังเช่นในปี 1997
โดยส่วนใหญ่ของผู้สำรวจมองว่าแม้ตลาดหุ้นสหรัฐจะมีล้มเป็นพัก ๆ ทว่าตราบเท่าที่ความคาดหวังของผลกำไรของบริษัทจดทะเบียนยังเพิ่มขึ้น สถานะด้านการเงินที่ไม่ตึงตัวเกินไป และรัฐบาลสหรัฐช่วยหนุนเศรษฐกิจ ตลาดหุ้นสหรัฐยังน่าจะพออยู่ในช่วงขาขึ้นได้
ดร. บุญธรรม รจิตภิญโญเลิศ, CFP
MacroView, macroviewblog.com
ประเทศไทยติด 1 ใน 10 ประเทศที่มีหนี้ครัวเรือนสูงที่สุดในโลก โดยหนี้ครัวเรือนคือหนี้ที่เกิดจากการกู้ยืมของคนในประเทศ ทั้งการกู้ยืมไปซื้อบ้าน ซื้อรถ ทำธุรกิจ นำเงินไปหมุน นับเป็นหนี้ครัวเรือนทั้งหมด ในปี 2568 ภาคครัวเรือนไทย 95.1% มีภาระหนี้สิน เฉลี่ยประมาณ 740,596.94 บาท/ครัวเรือน
ปัญหาหนี้ครัวเรือนเป็นปัญหาที่เกิดจากหลายปัจจัย ไม่ได้เกิดจากสาเหตุใดสาเหตุหนึ่ง โดยอาจเกิดจากทั้งรายได้ที่ลดลงตามสภาพเศรษฐกิจ ค่าครองชีพที่สูงขึ้น ความง่ายในการเข้าถึงแหล่งเงินทุน การติดนิสัยใช้บัตรเครดิตและการผ่อนจ่าย
ปัญหาบางอย่างเป็นเรื่องที่เราควบคุมไม่ได้ เช่น การยกเลิกจ้าง หรือผลกระทบจากวิกฤตโรคระบาด แต่ปัญหาส่วนใหญ่ลึก ๆ แล้วไม่ได้เกิดจากปัจจัยภายนอก แต่เกิดจากพฤติกรรมการใช้เงินแบบผิด ๆ ของคนไทยที่สั่งสมกันมานาน และหากจะขุดลึกไปถึงต้นตอของพฤติกรรมการใช้เงินแบบผิด ๆ ก็จะพบว่าเกิดจากการที่คนไทยส่วนใหญ่ “ขาดความรู้ทางการเงินที่ดี” หรือขาด “Financial Literacy” นั่นเอง
Financial แปลว่า การเงิน Literacy แปลว่า ความสามารถในการอ่านออกเขียนได้ แปลรวมกัน Financial Literacy คือ การมีความรู้ความเข้าใจในเรื่องการเงิน ตัวอย่างเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นจากการขาด Financial Literacy ที่ดี เช่น ประเมินรายได้ของตัวเองต่ำเกินไป ทำให้ใช้จ่ายเกินตัว อยากได้อะไรก็ซื้อทันที หรือหาเงินมาได้แล้วไม่เก็บออม ไม่เผื่อไว้ใช้ในยามฉุกเฉิน เมื่อเกิดเหตุการณ์ที่จำเป็นต้องใช้เงินก็ลำบาก ต้องไปกู้เงินเพิ่ม เป็นหนี้อีก
จะเห็นว่าต้นตอของปัญหาหนี้จริง ๆ เริ่มต้นมาจากพฤติกรรมการใช้เงินส่วนบุคคล แต่ถามว่าคนที่เป็นหนี้ผิดหรือไม่ที่บริหารเงินได้ไม่ดี ก็ไม่ได้ผิดทั้งหมด เพราะคนที่ไม่คุ้นเคยกับเรื่องเงินมาก่อน ไม่ได้เรียนรู้เรื่องเงินมาก่อน ก็ยากที่จะทำอะไรถูกต้องตั้งแต่ครั้งแรก และการศึกษาไทยก็ไม่ได้สอนเรื่องนี้กันในโรงเรียนด้วย เพราะฉะนั้นเรื่องเงินสำหรับคนไทย ถ้าไม่ไปเจอประสบการณ์จริงด้วยตัวเองแล้วเรียนรู้ ก็ต้องมีคนคอยช่วยเหลือแนะนำให้ไปในทางที่ถูกต้อง
คนที่เป็นผู้แนะนำการลงทุนถือว่าเรามีความรู้เรื่องการเงินเยอะกว่าคนทั่วไป ทั้งเรื่องการบริหารค่าใช้จ่าย เรื่องการวางแผนการเงิน เรื่องประกัน เรื่องการลงทุน ในขณะที่คนไทยกว่าครึ่งยังขาดความรู้ความเข้าใจ และประสบปัญหาเรื่องเงินอยู่ ดังนั้น ผู้แนะนำการลงทุนสามารถใช้ความรู้ความสามารถของตัวเองที่มีในการแก้ปัญหาตรงนี้ให้กับคนที่เดือดร้อนได้ ถึงแม้ว่าจะเป็นคำแนะนำเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็อาจช่วยเปลี่ยนชีวิตของคนคนหนึ่งได้
ทีนี้มีคำถามว่าผู้แนะนำการลงทุน แนะนำกองทุนให้ลูกค้าต้องดูแลเฉพาะลูกค้าที่มีเงินเยอะ ๆ หรือเปล่า? คนที่ยังมีเงินน้อยหรือเป็นหนี้ ผู้แนะนำการลงทุนไม่เห็นเกี่ยวอะไรด้วยเลย คำตอบคือ “ไม่ใช่” จริงอยู่ว่าคนที่เป็นหนี้ไม่ควรลงทุน แต่มันก็ขึ้นอยู่กับประเภทของหนี้ ถ้าเกิดเป็นหนี้ที่เกิดจากการใช้จ่ายเกินตัว กรณีนั้นไม่ควรเริ่มลงทุน ควรบริหารค่าใช้จ่ายให้เป็นบวกให้ได้ก่อน ส่วนถ้าเป็นหนี้จากของจำเป็น เช่น ผ่อนซื้อบ้าน ซื้อรถหนี้จากการประกอบอาชีพ หนี้การศึกษา กรณีนี้สามารถลงทุนได้ ส่วนกรณีคนที่ยังมีเงินน้อย ยิ่งควรต้องเรียนรู้เรื่องการลงทุนเพื่อให้ในอนาคตจะได้มีเงินเยอะขึ้นและไปถึงเป้าหมายที่ตัวเองต้องการได้ไวขึ้น
จะเห็นว่าไม่ว่าใครก็ต้องการคนให้คำแนะนำเรื่องเงิน ในช่วงชีวิตที่แตกต่างกันจะมีปัญหาเรื่องเงินที่แตกต่างกันมาให้แก้เสมอ เพราะฉะนั้นในทุกยุคทุกสมัยความสามารถของผู้แนะนำการลงทุนจึงเป็นสิ่งที่ต้องการ และถือว่าเป็นโอกาสของผู้แนะนำการลงทุนด้วย เพราะคนไทยที่ต้องการความช่วยเหลือเรื่องเงินยังมีอีกจำนวนมาก
โดมิโน่ตัวหนึ่งสามารถล้มโดมิโน่ตัวที่มีขนาดใหญ่เป็น 1.5 เท่าของมันได้ มีคำเปรียบเทียบว่า ถ้าเริ่มผลักโดมิโน่ตัวแรกขนาด 2 นิ้ว แล้วผลักไปโดนโดมิโน่ตัวที่ใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ โดมิโน่ตัวที่ 23 จะสามารถล้มหอไอเฟลได้
ปัญหาเรื่องเงินของคนไทยก็คงเป็นเช่นนั้น ถึงแม้ว่าปัญหาจะดูใหญ่ แต่ถ้าเราเริ่มผลักโดมิโน่ตัวแรกให้ถูกตัว แล้วผลักมันล้มไปเรื่อย ๆ สักวันนึงก็จะสามารถแก้ปัญหานี้ได้ และโดมิโน่ตัวแรกในมุมมองของ Finnomena Funds ก็คือผู้แนะนำการลงทุนทุกท่าน ที่จะช่วยส่งต่อความรู้ความเข้าใจเรื่องการเงิน และช่วยแนะนำให้คนไทยรู้จักโลกของการเงินการลงทุน จากผู้แนะนำการลงทุน 1 คนไปสู่ลูกค้า 1 คน และจากลูกค้าที่มีสุขภาพการเงินที่ดีแล้ว 1 คน ส่งต่อไปสู่คนรอบตัวอีกมากมาย สิ่งที่ผู้แนะนำการลงทุนจะสามารถทำให้กับประเทศได้ คือการเริ่มต้นดูแลลูกค้า 1 คนให้ดีที่สุด
Finnomena Funds เราเปิดรับสมัครผู้แนะนำการลงทุนทุกท่านที่สนใจจะร่วมเป็นพาร์ทเนอร์กับเรา โดยเรามีสิทธิประโยชน์มากมายที่จะช่วยให้ผู้แนะนำการลงทุนสามารถทำงานได้ง่ายขึ้น อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่บทความ Finnomena Funds ให้สิทธิประโยชน์อะไรกับผู้แนะนำการลงทุนบ้าง?
ท่านใดสนใจสมัครเป็นผู้แนะนำการลงทุนกับ Finnomena Funds สามารถเข้าไปดูรายละเอียดได้ที่
คำเตือน: บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ข้อมูลทั่วไปเกี่ยวกับอาชีพผู้แนะนำการลงทุนเท่านั้น ไม่ได้เป็นการชักชวนหรือแนะนำให้ลงทุนในผลิตภัณฑ์ทางการเงินใด ๆ ผู้ที่สนใจประกอบอาชีพนี้ควรศึกษาหลักเกณฑ์ คุณสมบัติ และข้อกำหนดของสำนักงาน ก.ล.ต. อย่างละเอียดก่อนตัดสินใจ โดยการเข้าร่วมเป็นผู้แนะนำการลงทุน ต้องมีคุณสมบัติและขึ้นทะเบียนตามเกณฑ์ที่สำนักงาน ก.ล.ต. กำหนด
อย่างที่ทราบกันดีว่า “การจ่ายภาษี” กับ “มนุษย์เงินเดือน” เป็นสองสิ่งที่มักมาคู่กัน หากเราเป็นมนุษย์เงินเดือนและมีเงินได้ถึงเกณฑ์ก็มีหน้าที่ต้องเสียภาษี ยิ่งได้รับเงินเดือนมากก็ต้องเสียภาษีมากขึ้นตาม แต่ถ้าวางแผนภาษีให้ดี เราอาจไม่ต้องจ่ายภาษีเลยก็เป็นได้ หรือหากต้องจ่ายก็จ่ายน้อยลงมาก
วันนี้ Finnomena Funds จึงสรุปมาให้ว่าหากใช้สิทธิลดหย่อนภาษีด้วยการซื้อกองทุนประหยัดภาษีสูงสุดอย่าง RMF และ Thai ESG จะได้เงินภาษีคืนเท่าไรบ้าง? ลองมาดูกัน
“Tax Cal” เครื่องมือวางแผนภาษีที่ช่วยให้คุณรู้ภาษีที่ต้องจ่าย เห็นวงเงินลดหย่อนที่เหลือ และวางแผนลงทุนลดหย่อนได้อย่างมีประสิทธิภาพภายในไม่กี่นาที
ลองใช้ฟรี! 👉 www.finnomena.com/tax/คำนวณภาษี
จากตารางขอยกตัวอย่างดังนี้ เงินเดือน 50,000 บาท รายได้รวมต่อปี 600,000 บาท ฐานภาษี 10% จะเสียภาษีสูงสุดเท่ากับ 20,600 บาท เป็นจำนวนภาษีหลังหักค่าใช้จ่าย 50% ของรายได้รวมทั้งปี สูงสุดไม่เกิน 100,000 บาท ค่าลดหย่อนส่วนตัว 60,000 บาท และประกันสังคม 9,000 บาทแล้ว โดยถ้าลงทุนกองทุน RMF สูงสุด จะช่วยประหยัดภาษีได้ 20,600 บาท ดังนั้นในกรณีนี้หากเลือกลงทุนกองทุน RMF สูงสุดแล้ว ไม่มีความจำเป็นต้องลงทุนในกองทุน Thai ESG เพิ่มอีก หรือถ้ายังไม่ได้ลงทุนกองทุน RMF แล้วจะลงทุนกองทุน Thai ESG อย่างเดียวสูงสุด 300,000 บาทก็สามารถทำได้เช่นกัน แต่จะช่วยประหยัดภาษีได้เพียง 15,550 บาทเท่านั้น ทำให้ยังต้องจ่ายภาษีจำนวน 5,050 บาท
จะเห็นได้ว่าการวางแผนภาษีเป็นเรื่องสำคัญอย่างมาก แม้ว่าฐานภาษีสูง แต่หากมีการวางแผนภาษีที่ดีก็จะช่วยให้ประหยัดภาษีได้มาก มีเงินเหลือเก็บ เอาไปต่อยอดให้เงินงอกเงยได้อีก อย่าลืมว่าปีนี้เหลือเวลาวางแผนภาษีอยู่อีกไม่มากแล้ว รีบทำก่อนหมดปีแล้วต้องจ่ายภาษีเต็ม ๆ นะ
ใครยังลังเลอยู่ว่าจะปีนี้จะลดหย่อนภาษีด้วยการซื้อ RMF และ Thai ESG กองไหนดี Finnomena Funds มีจัดโพยกองทุนประหยัดภาษีมาให้แล้ว ทั้งแบบกองเดี่ยว ๆ และกองชุดแบบ Combo ให้นักลงทุนทุกท่านได้เลือกกันเต็มที่
.
ซื้อกองทุนลดหย่อนภาษีปี 2568 ต้องซื้ออย่างมีกลยุทธ์!
ซื้อที่ Finnomena Funds ซื้อได้ครบทั้ง 21 บลจ. ไม่ว่าจะเป็นกองทุน RMF และ Thai ESGพิเศษ! สำหรับลูกค้าใหม่ กดรับสิทธิ์คูปองก่อนเปิดบัญชี
รับฟรี หน่วยลงทุนกองทุนรวมตลาดเงิน K-CASH มูลค่า 100 บาท📌 ดูกองทุนแนะนำ คลิก https://finno.me/Taxtactic25-ws
คำเตือน
Warren Buffett สะท้อนว่าชีวิตนี้เหมือนถูกหวย ความสำเร็จของเขาไม่ได้เกิดจากพรสวรรค์เพียงอย่างเดียว แต่ต้องขอบคุณความโชคดีตลอด 95 ปี และเชื่อว่าสุดท้ายแล้วคุณค่าของชีวิต คือการเป็นมนุษย์ที่ดีขึ้นในทุก ๆ วัน
ถึงเวลาแล้วที่ผมจะหายไปแบบเงียบ ๆ และคงไม่ได้เขียนรายงานประจำปี Berkshire’s หรือขึ้นพูดในงานประชุมผู้ถือหุ้นอีกต่อไป
Greg Abel จะเข้ารับตำแหน่งหัวเรือใหญ่ในปีนี้ เขาเป็นผู้บริหารที่ยอดเยี่ยม ทำงานอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ซื่อสัตย์ และเรียนรู้เร็วมาก
หวังว่าสุขภาพของเขาจะยังคงดีไปอีกหลายสิบปี
…
ผมรู้สึกขอบคุณความโชคดีของตัวเองที่มีชีวิตอยู่ได้ถึง 95 ปี แม้จะเจอเหตุการณ์เฉียดตายหลายครั้ง
แค่นี้ชีวิตก็เหมือนถูกหวยแล้ว ผมเกิดในปี 1930 สุขภาพดี มีสติปัญญาพอสมควร เป็นคนขาว เป็นผู้ชาย และอยู่ในอเมริกายุคที่เต็มไปด้วยโอกาส
ถือว่าโชคดีกว่าคนนับพันล้านคนบนโลกนี้
ความสำเร็จของผมก็ไม่ได้มาจากพรสวรรค์เพียงอย่างเดียว แต่เพราะมีเทพีแห่งโชคลาภ (Lady Luck) เข้าข้าง
…
หากย้อนดูช่วงชีวิตที่ผ่านมา ผมรู้สึกมีความสุขกับครึ่งหลังของชีวิตมากกว่าครึ่งแรก เพราะฉะนั้น ทุกคนอย่ามัวจมอยู่กับความผิดพลาดในอดีต จงเรียนรู้มันและก้าวต่อไปข้างหน้า
ชีวิตที่ยิ่งใหญ่ไม่ได้เกิดจากเงิน ชื่อเสียง หรืออำนาจ แต่คือชีวิตที่มีเมตตา ช่วยเหลือผู้คน
สิ่งสำคัญที่สุดคือการเป็นมนุษย์ที่ดีขึ้นในทุกวัน
จงเลือกฮีโร่ที่ถูกต้องให้รอบคอบที่สุด พยายามเป็นอย่างเขา แล้วใช้ชีวิตให้สมกับสิ่งที่คุณอยากให้คนรุ่นหลังพูดถึงเมื่อคุณจากไป
แน่นอนว่าทุกคนจะไม่มีทางสมบูรณ์แบบ แต่คุณสามารถเป็นคนที่ดีขึ้นได้เสมอ..
…
10 พฤศจิกายน 2025 Warren Buffett (วอร์เรน บัฟเฟตต์) ได้แปลงหุ้น BRK.A จำนวน 1,800 หุ้น เป็น BRK.B จำนวน 2.7 ล้านหุ้น เพื่อบริจาคให้มูลนิธิของครอบครัว
อนาคตของ Berkshire Hathaway จะยังคงแข็งแกร่งเหมือนเดิม เนื่องจากแนวทางการบริหารที่ใส่ใจผู้ถือหุ้น แต่ขนาดของบริษัทที่ใหญ่ขึ้น อาจทำให้การเติบโตช้าลงในอนาคต คงมีช่วงที่ราคาหุ้นผันผวนร่วงลงถึง 50% แต่ไม่ต้องกลัว อย่าสิ้นหวัง เพราะสุดท้ายอเมริกาจะกลับมา และเราก็จะกลับมาด้วย
กองทุนธีม China Play คว้าโอกาสหลังจีน-สหรัฐฯ สงบศึกภาษีทางการค้า ตกลงเปลี่ยน Trade War เป็น Trade Deal คัดกองทุนหุ้นจีนที่ได้รับประโยชน์ ทั้งหุ้นจีนยักษ์ใหญ่, หุ้นเทคโนโลยีจีน, หุ้นจีน Health Care, Rare Earth, โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ รวมถึงกองทุนลดหย่อนภาษีหุ้นจีน
การพบปะระหว่างประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา โดนัลด์ ทรัมป์ กับประธานาธิบดีจีน สี จิ้นผิง ในงานประชุม APEC Economic Leaders’ Meeting 2025 ช่วงวันที่ 1 พฤศจิกายน 2025 ที่ประเทศเกาหลีใต้ ได้เกิดสัญญาณเชิงบวกหลายมิติ โดยเฉพาะการผ่อนคลายความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน ผ่านข้อตกลงที่สำคัญหลายประการ เช่น
Finnomena Funds ประเมินว่า แนวโน้มการฟื้นตัวของตลาดหุ้นจีนและฮ่องกงยังอยู่ในทิศทางเชิงบวก เพราะได้รับแรงหนุนจากนโยบายเทคโนโลยีในประเทศและการคลี่คลายความตึงเครียดทางการค้า หลังผลการเจรจากับสหรัฐฯ ออกมาดี โดยมีกองทุนที่เกี่ยวข้อง ดังนี้
คำเตือน: กองทุนนี้มีลักษณะเฉพาะและความเสี่ยงเฉพาะ ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน รวมถึงศึกษาข้อมูลสิทธิประโยชน์ทางภาษีของกองทุน RMF ตามคู่มือการลงทุนและข้อกำหนดของกรมสรรพากร กรณีไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขภาษีจะไม่ได้สิทธิประโยชน์ตามที่กฎหมายกำหนด| ผลการดำเนินงานในอดีต และผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต | ผู้ลงทุนอาจมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากการป้องกันความเสี่ยงขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้จัดการกองทุน | กองทุนรวมนี้ลงทุนกระจุกตัวในผู้ออกตราสารหรือประเทศใดประเทศหนึ่ง จึงมีความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนจำนวนมาก ผู้ลงทุนจึงควรพิจารณาการกระจายความเสี่ยงของ พอร์ตการลงทุนโดยรวมของตนเองด้วย | คำแนะนำการลงทุนนี้เป็นไปตามกรอบการพิจารณาของ Finnomena Funds ซึ่งมีเป้าหมายในการสร้างโอกาสรับผลตอบแทนในระยะเวลาตามแต่ละประเภทของพอร์ตเท่านั้น บริษัทมิได้การันตีถึงผลตอบแทนที่จะได้จากคำแนะนำการลงทุนดังกล่าว มีความเสี่ยงที่ผลตอบแทนอาจไม่เป็นไปตามคาดหวัง หรือมีผลขาดทุนได้ | สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน ฟินโนมีนา จำกัด ในช่วงเวลาวันทำการตั้งแต่ 09:00-17:00 น. ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 026 5100 และทาง LINE @FinnomenaPort | สำหรับผู้ลงทุนในความดูแลของ Kept by krungsri ติดต่อทีม Kept help center ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 296 6299
สรุปกลยุทธ์การลงทุนประจำเดือนพฤศจิกายน 2025 ลงทุนอย่างไรดี เมื่อสหรัฐฯ และจีน ตกลงสงบศึกการค้า ในขณะที่ผลประกอบการหุ้น Big Tech ยังแข็งแกร่ง หนุนตลาดหุ้นปรับตัวไปต่อ

(*ห้ามขายผู้ลงทุนรายย่อย กองทุนรวมที่เสนอขายผู้ลงทุนสถานบันและผู้ลงทุนรายใหญ่พิเศษ กองทุนรวมที่มีความเสี่ยงสูงหรือซับซ้อน)
จัดทำโดยบลป.เดฟินิท (Definit) สำหรับบลน. ฟินโนมีนา (Finnomena Funds)
สามารถเข้าถึงรายละเอียดกองทุนต่าง ๆ และ Fund Fact Sheet ได้จาก Link บนชื่อกองทุน
คำเตือน: ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน | ผลการดำเนินงานในอดีต และผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต | ผู้ลงทุนอาจมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากการป้องกันความเสี่ยงขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้จัดการกองทุน | กองทุนรวมนี้ลงทุนกระจุกตัวในผู้ออกตราสารหรือประเทศใดประเทศหนึ่ง จึงมีความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนจำนวนมาก ผู้ลงทุนจึงควรพิจารณาการกระจายความเสี่ยงของ พอร์ตการลงทุนโดยรวมของตนเองด้วย | คำแนะนำการลงทุนนี้เป็นไปตามกรอบการพิจารณาของ Finnomena Funds ซึ่งมีเป้าหมายในการสร้างโอกาสรับผลตอบแทนในระยะเวลาตามแต่ละประเภทของพอร์ตเท่านั้น บริษัทมิได้การันตีถึงผลตอบแทนที่จะได้จากคำแนะนำการลงทุนดังกล่าว มีความเสี่ยงที่ผลตอบแทนอาจไม่เป็นไปตามคาดหวัง หรือมีผลขาดทุนได้ | สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน ฟินโนมีนา จำกัด ในช่วงเวลาวันทำการตั้งแต่ 09:00-17:00 น. ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 026 5100 และทาง LINE @FinnomenaPort | สำหรับผู้ลงทุนในความดูแลของ Kept by krungsri ติดต่อทีม Kept help center ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 296 6299