ชมรมหุ้นกู้ – รายการที่จะพาผู้เชี่ยวชาญมาพูดคุยถึงข่าวในวงการหุ้นกู้ หุ้นกู้ออกใหม่ รวมถึงความรู้เกี่ยวกับการลงทุนในหุ้นกู้ พร้อมคลินิกหุ้นกู้ ให้นักลงทุนได้สอบถามความเห็นที่เป็นกลางตามหลักสากล และวิธีลงทุนในหุ้นกู้ได้อย่างถูกต้อง!
ติดตามรายการชมรมหุ้นกู้ได้ทุกวันอังคาร เวลา 19.00 น. ที่ Youtube & Facebook Finnomena
Dynamic Contrarian Model Portfolio แนะนำลดสัดส่วนหุ้นอินเดีย ผ่านกองทุน TISCOINA-A และเพิ่มสัดส่วน MEGA10CHINA-A
ภาพรวมหุ้นเทคโนโลยีขนาดใหญ่ของจีน
Source: Finnomena Funds, TradingView as of 11/02/2025
ตั้งแต่เริ่มต้นปี 2025 หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีจีน โดยเฉพาะหุ้นขนาดใหญ่ มีภาพรวมผลตอบแทนที่เป็นบวก จากอานิสงส์ด้านความก้าวหน้าของเทคโนโลยี หลังจากที่มีการเปิดตัวโมเดลอย่าง DeepSeek และ Qwen ทำให้หุ้นเทคโนโลยีจีนกลับมาเป็นที่สนใจของตลาดอีกครั้ง หลังจากในปี 2024 ที่ผ่านมา หุ้นกลุ่มนี้ไม่ได้ทำผลตอบแทนโดดเด่นเหนือภาพรวมหุ้นทั่วโลก ประกอบกับแรงหนุนจากตัวเลขการใช้จ่ายที่เกิดขึ้นในช่วงเทศกาลตรุษจีนที่ผ่านมา ทำให้ FundTalk เชื่อว่าหุ้นกลุ่มนี้จะยังสามารถปรับตัวขึ้นได้ต่อ
Hang Seng China Enterprise Index
Source: Finnomena Funds, TradingView as of 11/02/2025
โดยล่าสุด ดัชนี Hang Seng China Enterprise Index (HSCEI) ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 7,946 จุด ซึ่ง FundTalk มองว่ายังมี upside อยู่ในระดับสูง จึงมองว่าหุ้นกลุ่มนี้ยังสามารถปรับตัวขึ้นได้ต่อ โดยทำการเพิ่มน้ำหนักการลงทุนในกองทุน MEGA10CHINA-A ซึ่งลงทุนในหุ้นจีนที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง และทำการลดสัดส่วนการลงทุนในหุ้นอินเดีย ผ่านกองทุน TISCOINA-A โดยมีมุมมองว่าเม็ดเงินที่ลงทุนในหุ้นกลุ่มตลาดเกิดใหม่ (Emerging Market) จะถูกย้ายจากตลาดหุ้นอินเดียมายังตลาดหุ้นจีนมากขึ้น จากปัจจัยหนุนข้างต้น
FundTalk มีคำแนะนำปรับสัดส่วนใน Dynamic Contrarian Model Portfolio โดยมีสัดส่วนใหม่ ณ วันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2025 ดังนี้
สนใจลงทุนในพอร์ต Dynamic Contrarian Model Portfolio
คลิก https://finnomena.onelink.me/10bl/dcm
จัดทำโดยบลป.เดฟินิท (Definit) สำหรับบลน. ฟินโนมีนา (Finnomena Funds)
สามารถเข้าถึงรายละเอียดกองทุนต่าง ๆ และ Fund Fact Sheet ได้จาก Link บนชื่อกองทุน
คำเตือน: ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน | ผลการดำเนินงานในอดีต และผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต | ผู้ลงทุนอาจมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากการป้องกันความเสี่ยงขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้จัดการกองทุน | กองทุนรวมนี้ลงทุนกระจุกตัวในผู้ออกตราสารหรือประเทศใดประเทศหนึ่ง จึงมีความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนจำนวนมาก ผู้ลงทุนจึงควรพิจารณาการกระจายความเสี่ยงของ พอร์ตการลงทุนโดยรวมของตนเองด้วย | คำแนะนำการลงทุนนี้เป็นไปตามกรอบการพิจารณาของ Finnomena Funds ซึ่งมีเป้าหมายในการสร้างโอกาสรับผลตอบแทนในระยะเวลาตามแต่ละประเภทของพอร์ตเท่านั้น บริษัทมิได้การันตีถึงผลตอบแทนที่จะได้จากคำแนะนำการลงทุนดังกล่าว มีความเสี่ยงที่ผลตอบแทนอาจไม่เป็นไปตามคาดหวัง หรือมีผลขาดทุนได้ | สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน ฟินโนมีนา จำกัด ในช่วงเวลาวันทำการตั้งแต่ 09:00-17:00 น. ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 026 5100 และทาง LINE @FINNOMENAPORT | สำหรับผู้ลงทุนในความดูแลของ Kept by krungsri ติดต่อทีม Kept help center ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 296 6299
ท่ามกลางความผันผวนของตลาดหุ้น นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง ได้ออกมาประกาศถึงนโยบายสำคัญที่จะช่วยกระตุ้นการลงทุนและเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับตลาดทุนไทย นั่นคือ “การปรับปรุงกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF)” ให้มีความเหมาะสม และดึงดูดนักลงทุนมากขึ้น โดยในปัจจุบันมูลค่าของกองทุน LTF อยู่ที่ประมาณ 1.8 แสนล้านบาท ซึ่งอาจจะมีการโอนหรือจัดตั้งใหม่ให้มาอยู่ใน Thai ESG
“สำหรับผู้ที่กำลังคิดจะขาย จะได้พิจารณาใหม่กันใหม่ว่า จะขายดีหรือไม่ เพราะว่าถ้าอยู่ใน Thai ESG ก็จะได้ประโยชน์ในการลดหย่อนภาษีด้วย เช่น 5 ปี เป็นต้น เรากำลังพิจารณากำหนดระยะเวลาที่เหมาะสม และจะดำเนินการให้เร็วที่สุด โดยเฉพาะในช่วงที่ตลาดหุ้นตกต่ำ” นายพิชัย กล่าว
ที่มา: https://www.infoquest.co.th/2025/468876
สำหรับคนที่ขาย LTF ขายออกมาแล้ว เอาเงินไปทำอะไรดี? ลองให้ผู้แนะนำการลงทุนของ Finnomena Funds วางแผนการลงทุนที่เหมาะสมกับคุณ รับคำแนะนำเลยวันนี้ ไม่เสียค่าใช้จ่าย! คลิก
https://finno.me/wealth-connect-ws
คำเตือน: ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไข ผลตอบแทน ความเสี่ยงและศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่ระบุไว้ในคู่มือการลงทุนในกองทุนรวม SSF, RMF และ Thai ESG กรณีไม่ได้ปฏิบัติตามเงื่อนไขภาษี จะไม่ได้สิทธิประโยชน์ตามเงื่อนไขกองทุน | การลงทุนในกองทุนรวมไม่ใช่การฝากเงิน | สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่ บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน ฟินโนมีนา จำกัด ในช่วงเวลาวันทำการตั้งแต่ 09:00-17:00 น. ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 026 5100 และทาง LINE “@FinnomenaPort”
วิเคราะห์หุ้นไทย โอกาสหรือกับดัก หลัง SET Index ทำจุดต่ำสุดในรอบกว่า 4 ปี และเป็นตลาดหุ้นที่แย่ที่สุดในโลก คำถามคือยังมีโอกาสเหลืออยู่ไหม และทางออกของหุ้นไทยอยู่ที่ไหน?
Source: Finnomena Funds, Bloomberg as of 07/02/2025
SET Index เปิดปีไม่สวย ผลตอบแทน YTD ณ วันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2025 ติดลบไป -118 จุด หรือปรับตัวลดลง -8.4% ถือเป็นตลาดที่แทบจะแย่ที่สุดในโลก
เมื่อเจาะดูหุ้นทั้งหมดเกือบ 700 ตัว พบว่ามีหุ้นที่ปรับตัวขึ้นเพียงหยิบมือแค่ 72 ตัวเท่านั้น ซึ่งกระจุกอยู่ในหุ้นกลุ่มธนาคารและสื่อสาร
ในขณะที่ฝั่งกองทุน LTF ที่เป็นเม็ดเงินก้อนใหญ่ของหุ้นไทย เปิดต้นปีมา AUM ทั้งตลาด ลดลงไปแล้ว 3.3 หมื่นล้านบาท เหลือมูลค่าทั้งหมดอยู่ที่ประมาณ 1.5 แสนล้านบาท
นอกจากนี้ ยังมี 2 ข่าวใหญ่ที่กดดันโมเมนตัมตลาด
หนึ่งคือ… ตลาดหลักทรัพย์ฯ เตรียมปรับเกณฑ์คำนวนดัชนี จำกัดน้ำหนักหุ้นรายตัวไม่เกิน 10% ด้วยการ Capped Weight รายหลักทรัพย์ เพื่อป้องกันกรณีหุ้นใหญ่แต่สภาพคล่องต่ำ ทำการลากดัชนีได้ง่าย ๆ เช่น การเกิดขึ้นของ DELTA
สองคือ… กระแสข่าว CPALL อาจร่วมลงทุน Seven & i Holdings มูลค่ากว่า 9 ล้านล้านเยน ซึ่งส่งผลให้ราคาหุ้น CPALL ก่อนที่บริษัทจะแจ้ง ตลท. ว่ายังไม่มีการดำเนินการใด ๆ เกิดขึ้น
Source: Finnomena Funds, Bloomberg as of 07/02/2025
อย่างไรก็ดี ปัจจัยหลักที่เรื้อรังหุ้นไทยมายาวนาน นั่นคือ “กำไรหุ้นไทย โตตามหุ้นโลกไม่ทัน” โดยจะเห็นว่า 10 ปีที่ผ่านมา EPS ของบริษัทในตลาดหุ้น Nasdaq โตถึง 13% ต่อปี เทียบกับหุ้นไทยที่กำไรติดลบ -2% ต่อปี
Source: Finnomena Funds, Bloomberg as of 07/02/2025
แต่เมื่อแยกดูราย sector เราเริ่มเห็นกลุ่มที่มีแนวโน้มกำไรทั้งบวกและลบผสมกันไป ซึ่ง 1 ปีที่ผ่านมา กลุ่มที่เติบโตขึ้น คือ Food, Commerce, Tourism, Healthcare และ ETRON ส่วนกลุ่มที่ยังย่ำแย่ ได้แก่ Constriction Materials, Energy และ FIN เป็นต้น
แปลว่าหุ้นไทยไม่ได้แย่ไปซะทั้งหมด เพียงแต่ต้อง Selective หุ้นรายตัวให้ดี โดยเน้นหาหุ้นที่ถูกปรับประมาณการกำไรขึ้น เพราะเมื่อใดที่หุ้นตัวนั้นถูกปรับประมาณการกำไรขึ้น จะส่งผลต่อการยกตัวขึ้นของราคาหุ้น
ทั้งนี้ ภาพรายหุ้นจะมีหุ้นถูกประมาณการเสมอและเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว สะท้อนจาก 10 อันดับหุ้นที่ถูกปรับเพิ่ม-ลดประมาณการกำไร เดือนพฤศจิกายน และธันวาคม 2024 จะเห็นว่าหน้าหุ้นแทบไม่ซ้ำกันเลย
Source: Finnomena Funds, Bloomberg as of 10/02/2025
สำหรับภาพรวม SET Index ประมาณการกำไรทรงตัว แต่ Valuation อยู่ในโซนถูก แต่ระดับหุ้นรายตัวมักจะมีหุ้นที่ยังถูกปรับประมาณการกำไรขึ้นสวนตลาดได้
ขณะที่ภาคเศรษฐกิจมีแนวโน้มกลับมาขยายตัวดีขึ้น โดยธนาคารแห่งประเทศไทย คาด GDP โต 2.7% ในปี 2024 และ 2.9% ในปี 2025 จากภาคการท่องเที่ยวและบริการเป็นแรงขับเคลื่อนหลัก แต่ภาคอุตสาหกรรมยังอ่อนแอ
ด้านเงินเฟ้อยังอยู่ในกรอบเป้าหมาย 1-3% Bloomberg Consensus คาดดอกเบี้ยนโยบายไทย จะปรับลดลง 0.25% ในไตรมาส 1/2025 ก่อนทรงตัว
ดังนั้น เราจึงแนะนำกลยุทธ์การลงทุนแบบ Selective ในหุ้นที่มีการปรับประมาณการกำไรขึ้น
บริการตรวจเช็คสุขภาพหุ้นไทยด้วย DSS Rating อ้างอิงแนวคิดและกระบวนการคัดเลือกของ Definit SET Select (DSS) ซึ่งพิจารณาจาก 3 ปัจจัยหลัก ประกอบด้วย
1) Earnings การปรับประมาณการกำไรของนักวิเคราะห์,
2) Valuation มูลค่าความถูกแพงของหุ้นเทียบกับอุตสาหกรรม
3) Technical แนวโน้มของราคาหุ้นในระยะสั้น
สนใจรับบริการ Stock Health Check ตรวจสุขภาพการลงทุนในหุ้นของคุณ
สิทธิพิเศษสำหรับนักลงทุนที่ต้องการคำแนะนำจากผู้แนะนำการลงทุนส่วนตัว คลิกเลย
Definit SET Select พลิกกลยุทธ์ลงทุนหุ้นไทย ช่วยคัดเลือกหุ้นไทยเน้น ๆ ไม่เกิน 20 ตัว พิจารณา 3 ปัจจัย
Earnings หุ้นที่ถูกปรับประมาณการกำไรขึ้น
Valuation หุ้นที่มูลค่าถูกกว่าอุตสาหกรรม
Technical หุ้นที่มีโมเมนตัมเชิงบวกของราคาในระยะสั้น สนใจรับบริการ คลิกเลย www.definitinvestment.com/contact-form
คำเตือน: ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน | ผลการดำเนินงานในอดีต และผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต | บริษัทมิได้การันตีถึงผลตอบแทนที่จะได้จากคำแนะนำการลงทุนดังกล่าว มีความเสี่ยงที่ผลตอบแทนอาจไม่เป็นไปตามคาดหวัง หรือมีผลขาดทุนได้
โดนัลด์ ทรัมป์ กลับมาเป็นผู้นำสหรัฐในวาระที่สอง หากเปรียบเทียบกับครั้งที่แล้ว จะพบว่าแนวทางของเขาได้เปลี่ยนไปจากครั้งก่อนพอสมควร โดยมาแบบจัดเต็มมากขึ้นทั้งในแง่ของมิติต่าง ๆ ที่คลอบคลุม รวมถึงความเข้มข้นของตัวนโยบาย ดังนี้
หนึ่ง จังหวะเริ่มด้วย Trade War ค่อยต่อด้วยนโยบายลดภาษี: จะเห็นได้ว่า Sequence หรือลำดับของการดึงนโยบายมาปฏิบัติจริงของทรัมป์รอบนี้ ดูเปลี่ยนไปจากสมัยเป็นผู้นำสหรัฐในครั้งที่แล้ว
หากยังจำกันได้ในยุค ทรัมป์ 1.0 โฟกัสเริ่มต้นของนโยบายหลักคือการผ่านกฎหมายลดภาษีครั้งใหญ่ในปี 2017 เพื่อให้อานิสงส์ไปออกดอกผลในช่วงเลือกตั้งกลางเทอมปลายปี 2018 แล้วจากนั้นในช่วงครึ่งหลังของทรัมป์สมัยแรก จึงหันมากระพือนโยบาย Trade War กับจีนและประเทศอื่น ๆ
ทว่าในรอบนี้ ดูเหมือนทรัมป์จะเลือกประกาศนโยบาย Trade War ก่อนเพื่อน แม้จะถือว่าเป็นแค่การเรียกน้ำย่อยหรือการบลัฟกันมากกว่า ทว่าก็เรียกเสียงฮือฮาได้พอตัว จากการให้ผู้นำแคนาดาและเม็กซิโกต้องต่อสายเข้ามาคุย ซึ่งถือว่าเป็นสิ่งที่ทรัมป์ต้องการ โดยการผ่านกฎหมายว่าด้วยการลดภาษีจะตามมาแบบที่ไม่เร่งรีบเหมือนสมัยที่แล้ว เนื่องจากผมมองว่าทรัมป์หวังให้สิ่งนี้ มีผลต่อฐานเสียงในการเลือกตั้งในอีก 4 ปีข้างหน้า ซึ่งเขาเองเตรียมแก้กฎหมายให้ตนเองสามารถเป็นผู้นำสหรัฐได้ต่ออีก 4 ปีหลังจากหมดวาระนี้
อย่างไรก็ดี ในทางเศรษฐกิจ Trade War ดูจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกไม่ได้มากเท่ากับช่วงปี 2017 เนื่องจาก Trade War 1.0 และวิกฤตโควิด ผ่านการขึ้น tariff ของโดนัลด์ ทรัมป์ในรอบก่อนและสถานการณ์ห่วงโซ่อุปทานติดขัด ตามลำดับ ได้ทำให้การพึ่งพาสินค้าหรือวัตถุดิบจากต่างประเทศของประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกลดลง
สอง ทรัมป์ในรอบนี้กล้าเปิดหน้าว่าอยากได้อะไร (Neoimperialism) โดยไม่ต้องเกรงใจเหมือนครั้งก่อน: หากยังจำกันได้ในรอบที่แล้ว ทรัมป์แทบจะไม่เคยพูดว่าอยากได้ดินแดนต่างๆแบบที่จับต้องได้ ทว่าในรอบนี้ ทรัมป์เปิดตัวด้วยการบอกว่าอยากได้คลองปานามา กรีนแลนด์ของเดนมาร์ก แถมยังอยากให้แคนาดามาเป็นรัฐหนึ่งในอเมริกาและต่อด้วย Gaza อีกทั้งยังปกป้อง tiktok ไม่ให้จอดำในสหรัฐ ส่วนหนึ่งจากการที่รอบก่อน ตัวเขาเองมาจากภาพลักษณ์การเป็นมหาเศรษฐีและนักธุรกิจที่หลายคนอาจมองในแง่ไม่ค่อยดีเสียด้วยซ้ำ ทำให้เขาไม่กล้าที่จะเอ่ยปากต้องการอะไรแบบตรง ๆ
ทว่าเที่ยวนี้ เขามาจากการเป็นอดีตผู้นำสหรัฐที่เคยถูกลอบสังหารในช่วงรณรงค์หาเสียง ทำให้การบอกว่าอยากได้ของสิ่งไหน หรือสถานที่ใด ทำได้ไม่ค่อยเคอะเขิน แถมยังออก meme coin ของตนเองและภรรยาก่อนเข้ารับตำแหน่งด้วยเสียอีก
สาม ไม่ต้องพึ่งผู้นำพันธมิตรต่างประเทศเหมือนครั้งก่อน: ในรอบที่แล้ว ทรัมป์มีพันธมิตรคู่หูอย่างวลาดิเมียร์ ปูติน เป็นคนคอยส่งสัญญาณต่างๆต่อประเทศในยุโรป ทว่าในรอบนี้ ดูเหมือนทรัมป์จะไม่ต้องการให้ผู้นำท่านอื่นมาเป็นคู่หูอีกต่อไป โดยสาเหตุหนึ่งมาจาการที่ผู้นำต่าง ๆ ในโลก ณ ตอนนี้ ดูจะไม่ค่อยมีใครที่แกร่งในทางการเมือง (ยกเว้น สี จิ้น ผิง) เหมือนในรอบก่อน ที่ยังมี อังเจลล่า แมร์เคิล ผู้นำเยอรมัน คอยคานทรัมป์ได้บ้างในจังหวะนั้น อีกทั้งผู้นำที่ดูรู้ใจกันอย่าง บอริส จอห์นสัน ของอังกฤษก็มีอันต้องหลุดออกจากตำแหน่งไปแล้ว ด้านปูตินเองก็ดูจะเสียเครดิตไปมากกับสงครามในยูเครน ในขณะที่วิคเตอร์ ออร์บาน ของฮังการี ก็มีการออฟไซด์ทรัมป์เล็ก ๆ ในช่วงที่ทรัมป์ชนะการเลือกตั้งเมื่อ 3 เดือนก่อน
สี่ ทีมงานของทรัมป์ 2.0 เต็มไปด้วยสาย MAGA แบบไม่ต้องมีผู้เชี่ยวชาญมาแจมเหมือนรอบที่แล้ว: ในรอบก่อน ทรัมป์ยังมีทีมงานครม. ที่เป็นสายกลาง ๆ อาทิ ไมค์ ปอมปิโอ รมว. ต่างประเทศ, แกรี่ คอห์น ประธานที่ปรึกษาสภาเศรษฐกิจ และ วิลเบอร์ รอส รมว.พาณิชย์ ทว่าในรอบนี้ มาเป็น มาร์โค รูบิโอ และ โฮเวิร์ด ลัตนิค (รอการรับรองจากสภาคองเกรส) ที่ฮือฮาคือ พีท เฮกเซท ซึ่งมีเรื่องราวส่วนตัวที่ฮือฮา มารับตำแหน่ง เป็นรมว. กลาโหม และ ทูลซิ แกบบาร์ด (รอการรับรองจากสภาคองเกรส) ซึ่งมีประวัติด้านแนวคิดด้านความมั่นคงที่อินดี้เป็นอย่างมาก มาดูแลด้านหน่วยงาน National Intelligence นอกจากนี้ ยังพบว่าตำแหน่งหลักอย่าง รมว.คลัง และ รมว. ต่างประเทศที่ถือว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญโดยตรง ถือว่าเลือกมาจากสาย ของตนเองเสียเป็นส่วนใหญ่
ห้า ยึดคืนความยิ่งใหญ่ด้านอิทธิพลทางในแถบทวีปอเมริกา: ในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมา สิ่งหนึ่งที่สหรัฐได้ละเลยหรือให้ความสำคัญน้อยลง คือการดำรงอิทธิพลต่อทวีปอเมริกากลางและอเมริกาใต้ โดยปล่อยให้จีนเข้ามาลงทุนในโครงการ Belt and Road ในแถบนี้ จนทิศทางการเมืองของประเทศเหล่านี้ ไหลไปสู่กับอิทธิพลของจีนมากกว่าสหรัฐเป็นอย่างมาก
ในรอบนี้ของทรัมป์ ได้ส่งมาร์โค รูบิโอไปเยือนประเทศในแถบนี้เป็นที่แรก โดยได้ประกาศต้องการคลองปานามาและต้องการให้ผู้นำของประเทศเหล่านี้ลดการพึ่งพาจากจีน แล้วหันมาจับมือกับสหรัฐแทน ซึ่งมีแนวโน้มว่าสหรัฐจะทำเช่นนี้กับประเทศกำลังพัฒนาอื่น ๆ ทั่วโลกที่จีนได้ไปลงทุนในโครงการสาธารณูปโภคต่าง ๆ ในช่วงก่อนหน้านี้ด้วย
ยังมีอีก 5 กลยุทธ์ของทรัมป์ให้ติดตามกันต่อในครั้งถัดไป
ดร. บุญธรรม รจิตภิญโญเลิศ, CFP
MacroView, macroviewblog.com
Finnomena Funds มองสงครามการค้ามีแนวโน้มทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น ชี้เป็นจังหวะหมุนไปลงทุนหุ้นเทคโนโลยีจีนขนาดใหญ่ ซึ่งคาดว่าจะได้รับประโยชน์จากกระแส AI Boom ที่หันมาหาฟากฝั่งแดนมังกร
โลกการค้าปั่นป่วนอีกครั้ง หลังประธานาธิบดีสหรัฐฯ Donald Trump ได้ประกาศแผนขึ้นภาษีนำเข้าเหล็กและอะลูมิเนียมจากทุกประเทศทั่วโลกในอัตรา 25% ซึ่งมีผลบังคับใช้ในวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2025 และยังเปิดเผยแผนการเรียกเก็บภาษีศุลกากรแบบตอบโต้ (Reciprocal Tariff) ต่อประเทศที่เก็บภาษีสินค้าสหรัฐฯ โดยระบุว่า “ถ้าพวกเขาเก็บภาษีเรา เราก็จะเก็บภาษีพวกเขาด้วย”
ในขณะที่สงครามการค้ากำลังร้อนแรง จีนกลับเดินหน้าสู่อนาคตของ AI โดยล่าสุด Lenovo ได้ประกาศความร่วมมือกับ DeepSeek ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้พัฒนา AI ชั้นนำของจีน โดยผสานเทคโนโลยี AI ของ DeepSeek เข้ากับผู้ช่วยอัจฉริยะ Xiaotian บนผลิตภัณฑ์คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลของ Lenovo ทำให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึงความสามารถของ DeepSeek ได้ผ่าน AI Space ของ Lenovo Xiaotian
มุมมองของ Finnomena Funds จึงมองว่าจังหวะนี้ควรหลีกเลี่ยงสินทรัพย์ที่อาจได้รับผลกระทบจากสงครามการค้า แต่ให้กระจายไปยังหุ้นกลุ่ม Defensive มากขึ้น เก็บสะสมตราสารหนี้ รวมถึงหันมาลงทุนในหุ้นเทคโนโลยีจีนที่มีโอกาสเติบโตจากกระแส AI ซึ่งคล้ายคลึงกับช่วงเริ่มต้นของ AI Boom ในสหรัฐฯ
ดูคำแนะนำทั้งหมดได้ที่ 👉 Opportunity Hub แหล่งรวมโอกาสการลงทุนจาก Finnomena
โดย Jet – The Contrarian คำแนะนำการลงทุนในรูปแบบ The Contrarian Investor เน้นกลยุทธ์การลงทุนที่หาสินทรัพย์ที่ถูกทิ้ง จนราคาปรับตัวลงลึกมากจนเกินไป แต่ศักยภาพการเติบโตยังดี ประกอบกับมีลมหนุนที่ทำให้เริ่มเห็นสัญญาณการกลับตัวขึ้นได้ ทำให้มีโอกาสได้เข้าลงทุนในสินทรัพย์ที่ดี ราคาถูก ตอนที่คนไม่เหลียวแล
1.) MEGA10CHINA-A (ความเสี่ยงระดับ 6)
กองทุนหุ้นจีน 10 ตัวใหญ่ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง ซึ่งรวมเอาหุ้น Big Tech จีนมาไว้ด้วยกัน อาทิ Tencent, Alibaba, Meituan, NetEase และ JD.com เป็นต้น โดยคาดว่าจะได้รับประโยชน์จากกระแส AI Boom ในจีน ซึ่งเคยเกิดขึ้นมาแล้วกับ AI ในสหรัฐฯ
2.) TCLOUD (ความเสี่ยงระดับ 7)
กองทุนหุ้นเทคโนโลยี AI กลุ่มปลายน้ำ โดยเน้นหุ้นในกลุ่ม Software Cloud Computing ซึ่งมองว่ามีแนวโน้มได้รับประโยชน์จากการลดลงของต้นทุน AI ที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน เนื่องจากการพัฒนาระบบ AI ที่มีต้นทุนต่ำลง
3.) ASP-USSMALL-A (ความเสี่ยงระดับ 6)
กองทุนหุ้นขาดกลาง-เล็กในสหรัฐฯ เน้นลงทุนในอุตสาหกรรมดั้งเดิม เช่น ธุรกิจการเงินและอุตสาหกรรม ยังคงเป็นธีมที่ได้รับอานิสงส์จากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจแบบ Trumponomics ที่เตรียมลดภาษีนิติบุคคล หนุนบริษัทในประเทศ อีกทั้งการย่อลงมาแรงถือเป็นโอกาสในการทยอยสะสม
โดย Bank – The Trend Follower คำแนะนำการลงทุนในรูปแบบ Trend Follower Investor มุ่งสร้างโอกาสทำกำไรในระยะสั้น-กลาง เน้นใช้ปัจจัยทางเทคนิคจับจังหวะตลาด ศึกษาพฤติกรรมของราคาสินทรัพย์ในอดีต โดยใช้หลักสถิติเพื่อนำมาคาดการณ์พฤติกรรมการเคลื่อนไหวของราคาสินทรัพย์ในอนาคต และช่วยให้หาจังหวะการลงทุนที่เหมาะสม
1.) ABGFIX-A และ SCBFST(ความเสี่ยงระดับ 4)
กองทุนตราสารหนี้ระยะสั้นสกุลเงินดอลลาร์ น่าสนใจในช่วงนี้เนื่องจากเงินบาทมีความเสี่ยงอ่อนค่า เนื่องจากแบงก์ชาติส่งสัญญาณไม่อยากลดดอกเบี้ย เพราะปัญหาหนี้ครัวเรือนสูง ขณะที่ดอลลาร์สหรัฐมีโอกาสแข็งค่าต่อ จากนโยบาย Trump ที่เน้นผลประโยชน์ของสหรัฐฯ รวมถึงรับโอกาสจาก Bond Yield สหรัฐฯ ระยะสั้น ที่อยู่ในระดับสูง โดย Bond Yield อายุ 3 เดือน อยู่ที่ 4.3% และอายุ 1 ปี อยู่ที่ 4.2%
2.) ASP-DIGIBLOC (ความเสี่ยงระดับ 6)
กองทุนหุ้นเทคโนโลยีบล็อกเชนและสินทรัพย์ดิจิทัล ยังมีแนวโน้มกลับมาทะยานต่อได้จากนโยบายสนับสนุนของ Trump ที่เตรียมนำคริปโตมาเป็นเงินทุนสำรอง และท่าทีที่ชัดเจนมากขึ้นเกี่ยวกับการส่งเสริมสินทรัพย์ดิจิทัล
คำแนะนำการลงทุนในรูปแบบ The Long-Term Growth เพื่อสร้างโอกาสทำผลตอบแทนได้ดีในระยะกลาง-ยาว โดยพิจารณาปัจจัยรอบด้านตาม MEVT Framework ได้แก่ Macro ปัจจัยเชิงมหภาค, Earnings วิเคราะห์การเติบโตของกำไร, Valuation การวิเคราะห์มูลค่าของสินทรัพย์ที่ลงทุน และ Technical ปัจจัยอื่น ๆ เช่น Fund Flow, Sentiment, Seasonal Statistic และ Technical Analysis
1.) AFMOAT-HA (ความเสี่ยงระดับ 6)
กองทุนหุ้นสหรัฐอเมริกาที่มีป้อมปราการทางธุรกิจ (MOAT) ด้วยการ Selective Buy เน้นหุ้น Valuation ไม่แพง เป็นกลุ่มขนาดกลาง-เล็ก และมีความแข็งแกร่งในระยะยาว นอกจากนี้ ยังมีจุดเด่นที่การกระจายลงทุนแบบ Equal Weight
2.) B-INNOTECH (ความเสี่ยงระดับ 6)
กองทุนหุ้นเทคโนโลยี เน้นคัดเลือกหุ้น Value Play โดยการเข้าซื้อหุ้นเติบโตในราคาไม่แพง ขณะเดียวกันปัจจัยเชิงพื้นฐานเฉพาะตัวยังคงดี เพราะประมาณการกำไรของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีถือว่าเติบโตในระดับสูง
3.) PRINCIPAL VNEQ-A (ความเสี่ยงระดับ 6)
กองทุนหุ้นเวียดนาม เป็นตลาดที่ถูกและดี ประกอบกับการมาของ Trump เร่งให้เกิด China+1 ในการย้ายฐานการผลิตบางส่วนออกจากจีนเร็วขึ้น ซึ่งเวียดนามคือหนึ่งในเป้าหมายสำคัญ รวมทั้งยังมีปัจจัยหนุนอื่น ๆ เช่น ความคืบหน้าเตรียมเข้าสู่ EM Market ของดัชนี FTSE ในปี 2025 และการถูกปรับประมาณกำไรเพิ่มเติม
ดูคำแนะนำทั้งหมดได้ที่ 👉 Opportunity Hub แหล่งรวมโอกาสการลงทุนจาก Finnomena
คำเตือน: ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน | ผลการดำเนินงานในอดีต และผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต | ผู้ลงทุนอาจมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากการป้องกันความเสี่ยงขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้จัดการกองทุน | กองทุนรวมนี้ลงทุนกระจุกตัวในผู้ออกตราสารหรือประเทศใดประเทศหนึ่ง จึงมีความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนจำนวนมาก ผู้ลงทุนจึงควรพิจารณาการกระจายความเสี่ยงของ พอร์ตการลงทุนโดยรวมของตนเองด้วย | คำแนะนำการลงทุนนี้เป็นไปตามกรอบการพิจารณาของ Finnomena Funds ซึ่งมีเป้าหมายในการสร้างโอกาสรับผลตอบแทนในระยะเวลาตามแต่ละประเภทของพอร์ตเท่านั้น บริษัทมิได้การันตีถึงผลตอบแทนที่จะได้จากคำแนะนำการลงทุนดังกล่าว มีความเสี่ยงที่ผลตอบแทนอาจไม่เป็นไปตามคาดหวัง หรือมีผลขาดทุนได้ | สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน ฟินโนมีนา จำกัด ในช่วงเวลาวันทำการตั้งแต่ 09:00-17:00 น. ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 026 5100 และทาง LINE @FinnomenaPort | สำหรับผู้ลงทุนในความดูแลของ Kept by krungsri ติดต่อทีม Kept help center ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 296 6299
หุ้นจีนในฮ่องกงปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง หลังกลับมาเปิดตลาดอีกครั้งจากที่หยุดยาวไปในช่วงตรุษจีน ส่วนหนึ่งมาจากภาพการบริโภคและการท่องเที่ยวที่แข็งแกร่งในช่วงหยุดยาว
แต่อีกแง่ก็คือแรงหนุนของกระแส AI Bloom จากการจุดกระแสของ DeepSeek ต่อเนื่องมาถึงการเปิดตัวโมเดล Qwen 2.5-Max ของ Alibaba
ทำให้หุ้นเทคโนโลยีของจีนในดัชนี Hang Seng TECH Index ปรับตัวขึ้นไปแล้วกว่า 10% นับตั้งแต่ช่วงหลังตรุษจีน และหากย้อนหลัง 1 เดือน พบว่าให้ผลตอบแทนเป็นบวกถึง 24.08% เลยทีเดียว
Source: Hang Seng Index as of 10/02/2025
ถึงแม้ราคาจะขึ้นมาแรง แต่เราจะเห็นว่าหุ้นเทคโนโลยีจีนยังมี Valuation ที่ต่ำกว่าหุ้นเทคโนโลยีสหรัฐฯ อยู่มาก เช่น Alibaba ปัจจุบันเทรดบน P/E เพียง 10 เท่า
จึงเริ่มมีการพูดถึง Valuation ที่ต่างกันระหว่างเทคโนโลยีสหรัฐฯ กับจีนกันมากขึ้น เพราะการมาของกระแส AI จีนที่โชว์ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี และสะท้อนถึงโอกาสการเติบโตที่ดีในอนาคต
Source: Finnomena Funds, Bloomberg as of 20/01/2025
FundTalk Call แนะนำใช้จังหวะนี้ “เก็งกำไร” หุ้นจีน โดยเฉพาะ Big Tech ผ่านกองทุน MEGA10CHINA-A เพราะ DeepSeek ได้จุดกระแส AI Boom ในหุ้นเทคจีน ขณะที่ Valuation เทคโนโลยีจีนถูกกว่าอเมริกาเป็นอย่างมาก
กองทุน MEGA10CHINA-A มีการลงทุนในหุ้น 10 ตัวใหญ่ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง ซึ่งมี Brand แข็งแกร่ง และส่วนใหญ่ก็เป็นบริษัทเทคโนโลยีแนวหน้า เช่น Tencent, Alibaba, Meituan, NetEase และ JD
คำเตือน: ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน | ผลการดำเนินงานในอดีต และผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต | ผู้ลงทุนอาจมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากการป้องกันความเสี่ยงขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้จัดการกองทุน | กองทุนรวมนี้ลงทุนกระจุกตัวในผู้ออกตราสารหรือประเทศใดประเทศหนึ่ง จึงมีความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนจำนวนมาก ผู้ลงทุนจึงควรพิจารณาการกระจายความเสี่ยงของ พอร์ตการลงทุนโดยรวมของตนเองด้วย | คำแนะนำการลงทุนนี้เป็นไปตามกรอบการพิจารณาของ Finnomena Funds ซึ่งมีเป้าหมายในการสร้างโอกาสรับผลตอบแทนในระยะเวลาตามแต่ละประเภทของพอร์ตเท่านั้น บริษัทมิได้การันตีถึงผลตอบแทนที่จะได้จากคำแนะนำการลงทุนดังกล่าว มีความเสี่ยงที่ผลตอบแทนอาจไม่เป็นไปตามคาดหวัง หรือมีผลขาดทุนได้ | สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน ฟินโนมีนา จำกัด ในช่วงเวลาวันทำการตั้งแต่ 09:00-17:00 น. ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 026 5100 และทาง LINE @FINNOMENAPORT | สำหรับผู้ลงทุนในความดูแลของ Kept by krungsri ติดต่อทีม Kept help center ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 296 6299
กองทุน KWI ASIAN SM และ KWI HCARE-A จาก บลจ. เคดับบลิวไอ ผู้ชนะรางวัลกองทุนยอดเยี่ยมประเภท Best Asia Pacific Ex Japan Fund และ Best Health Care Fund จากเวที Hall of Funds 2025 by Finnomena ตอกย้ำความเป็นผู้นำในการคัดเลือกหุ้นที่มีทั้งโอกาสเติบโตสูง และความเสถียรระยะยาว
หุ้นที่มีศักยภาพเติบโตสูงและยั่งยืนในระยะยาว มักเป็นที่ต้องการของนักลงทุน หนึ่งในกลุ่มอุตสาหกรรมที่ตอบโจทย์นี้ได้ดีคือ หุ้นขนาดเล็กและกลางในเอเชียที่มีการขยายตัวทางเศรษฐกิจอย่างรวดเร็ว นอกจากนี้หุ้นกลุ่ม Health Care ก็มีโอกาสเติบโตอย่างยั่งยืนจากสังคมผู้สูงอายุทั่วโลกเราจะมาทำความรู้จัก 2 กองทุนจาก บลจ. เคดับบลิวไอ ที่ตอบโจทย์นักลงทุนยุคนี้ได้อย่างลงตัว ทั้งกองทุน KWI ASIAN SM ที่มีโอกาสเติบโตสูง และ KWI HCARE-A ที่มั่นคงในระยะยาว
กองทุนเปิด เคดับบลิวไอ เอเชียน สมอลแคป อิควิตี้ เอฟไอเอฟ หรือ KWI ASIAN SM มีนโยบายลงทุนในหุ้นของบริษัทที่มีมูลค่าตลาดขนาดเล็กในภูมิภาคเอเชีย และ/หรือแปซิฟิก ผ่านกองทุนหลัก Manulife Global Fund – Asian Small Cap Equity Fund (Class I) ซึ่งมุ่งหวังให้ผลประกอบการเคลื่อนไหวสูงกว่าดัชนีชี้วัด (Active Management)
Finnomena 3D Diagram KWI ASIAN SM
Source: Finnomena Funds as of 30/01/2025
รายละเอียดสำคัญอื่นๆ
ศึกษารายละเอียดของกองทุนเพิ่มเติมได้ที่ Finnomena Funds
1. มุ่งเน้นการลงทุนในหุ้นของบริษัทขนาดเล็กและกลางที่มีแนวโน้มการเติบโตที่รวดเร็วกว่าเมื่อเทียบกับหุ้นขนาดใหญ่ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ซึ่งมีการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่รวดเร็ว
2. บริหารกองทุนด้วยกลยุทธ์การลงทุนที่มีความยืดหยุ่นโดยทีมงานที่มากด้วยประสบการณ์ เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการเพิ่มโอกาสรับผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว
3. ทีมบริหารกองทุนมีความเชี่ยวชาญในการคัดเลือกหุ้นที่มีพื้นฐานดี และมีแนวโน้มการเติบโตในอนาคต ช่วยลดความเสี่ยงและเพิ่มโอกาสในการสร้างผลตอบแทนที่มั่นคง
ขอแสดงความยินดีกับกองทุน KWI ASIAN SM โดย บลจ. เคดับบลิวไอ ผู้คว้ารางวัล Fund Performance Excellence Award ประเภท Best Asia Pacific Ex Japan Fund จากเวที Hall of Funds 2025 by Finnomena
กองทุนเปิด เคดับบลิวไอ เฮลธ์แคร์ เอฟไอเอฟ ชนิดสะสมมูลค่า หรือ KWI HCARE-A มีนโยบายลงทุนในหุ้นของบริษัทในกลุ่ม Health Care และอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องทั่วโลก ผ่านกองทุนหลัก Manulife Global Fund – Healthcare Fund (Class AA) ซึ่งบริหารกองทุนแบบเชิงรุก (Active Management)
Finnomena 3D Diagram KWI HCARE-A
Source: Finnomena Funds as of 30/01/2025
รายละเอียดสำคัญอื่นๆ
ศึกษารายละเอียดของกองทุนเพิ่มเติมได้ที่ Finnomena Funds
1. เน้นลงทุนในหุ้นกลุ่ม Health Care มีผลการดำเนินงานที่ดีในระยะยาว และมีความผันผวนต่ำกว่าหุ้นในกลุ่มอุตสาหกรรมอื่น เนื่องจากความต้องการด้านสุขภาพมักจะไม่เปลี่ยนแปลงตามสภาพเศรษฐกิจ
2. ประชากรโลกกำลังเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ ส่งผลให้มีความต้องการสินค้าและบริการด้านสุขภาพมากขึ้น เหมาะสำหรับผู้ที่มองหาโอกาสการลงทุนระยะยาว มีความเสถียรและมีแนวโน้มการเติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต
3. บริหารกองทุนโดยทีมงานที่มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมการแพทย์ สามารถคัดเลือกการลงทุนที่มีคุณภาพและมีศักยภาพในการเติบโต
ขอแสดงความยินดีกับกองทุน KWI HCARE-A โดย บลจ. เคดับบลิวไอ ผู้คว้ารางวัล Fund Performance Excellence Award ประเภท Best Health Care Fund จากเวที Hall of Funds 2025 by Finnomena
รางวัล Hall of Funds 2025 by Finnomena จัดขึ้นเพื่อยกย่องและเชิดชูความสำเร็จของกองทุนรวมและบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ที่มีผลการดำเนินงานย้อนหลังดีเด่น มุ่งส่งเสริมมาตรฐานในอุตสาหกรรมลงทุน ทั้งระยะสั้น กลาง และยาว
กองทุนที่ได้รับการคัดเลือกจะได้รับการประเมินตามเกณฑ์เชิงปริมาณ 3 ด้าน ได้แก่ ผลตอบแทน (Return) ความคุ้มค่าของผลตอบแทนต่อความเสี่ยง (Sharpe Ratio) และการขาดทุนสูงสุด (Maximum Drawdown) โดยจะพิจารณาผลการดำเนินงานในช่วงเวลา 1 ปี 3 ปี และ 5 ปี ณ วันที่ 31 ตุลาคม 2567 ซึ่งใช้ข้อมูลจาก Morningstar Direct และทำการเปรียบเทียบกับผลการดำเนินงานภายในกลุ่มเดียวกัน เพื่อสะท้อนถึงประสิทธิภาพในการบริหารกองทุน โดยมีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมให้บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) พัฒนาการบริหารจัดการกองทุน และช่วยให้ผู้ลงทุนสามารถนำไปใช้ประกอบการตัดสินใจเลือกลงทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
ดูรายละเอียดรางวัล Hall of Funds 2025 by Finnomena
เพิ่มเติมได้ที่ > https://www.finnomena.com/hall-of-funds/
คำเตือน: ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน | ผลการดำเนินงานในอดีต และผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต | ผู้ลงทุนอาจมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากการป้องกันความเสี่ยงขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้จัดการกองทุน | กองทุนรวมนี้ลงทุนกระจุกตัวในผู้ออกตราสารหรือประเทศใดประเทศหนึ่ง จึงมีความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนจำนวนมาก ผู้ลงทุนจึงควรพิจารณาการกระจายความเสี่ยงของ พอร์ตการลงทุนโดยรวมของตนเองด้วย | สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน ฟินโนมีนา จำกัด ในช่วงเวลาวันทำการตั้งแต่ 09:00-17:00 น. ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 026 5100 และทาง LINE @FinnomenaPort | สำหรับผู้ลงทุนในความดูแลของ Kept by krungsri ติดต่อทีม Kept help center ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 296 6299
กองทุน 1AMSET50 และ ONE-LIFESET-UI จาก บลจ. วรรณ ผู้ชนะรางวัลกองทุนยอดเยี่ยมประเภท Best Thai Equity Large Cap Fund และ Most Innovative Fund จากเวที Hall of Funds 2025 by Finnomena พิสูจน์ความเชี่ยวชาญในการมองหาโอกาสด้วยมุมมองที่แตกต่าง
บลจ. วรรณ มองเห็นโอกาสที่ซ่อนอยู่ในหุ้นไทยขนาดใหญ่ที่มีศักยภาพ ด้วยการคัดเลือกหุ้นคุณภาพสูงที่มีพื้นฐานแข็งแกร่งและแนวโน้มเติบโตระยะยาว ผ่านกองทุนเปิด วรรณเอเอ็มเซ็ท 50 (1AMSET50) ที่มุ่งเปิดโอกาสสร้างผลตอบแทนเหนือกว่าดัชนี SET50 TRI
ขณะเดียวกัน บลจ. วรรณ ยังมองเห็นโอกาสการลงทุนที่ไม่เหมือนใคร ด้วยกองทุนเปิด วรรณ ไลฟ์ อินชัวรันส์ เซทเทิลเมนท์ ห้ามขายผู้ลงทุนรายย่อย (ONE-LIFESET-UI) เป็นกองทุนทางเลือกลงทุนผ่านกองทุนหลักที่มีนโยบายลงทุนในกรมธรรม์ประกันชีวิตในตลาดรองประเทศสหรัฐฯ
โดยจุดเด่นของกองทุน Life Settlement มีความสัมพันธ์กับตลาดอื่น ๆ ค่อนข้างน้อย และให้ผลตอบแทนได้อย่างสม่ำเสมอและไม่จำเป็นต้องมีจังหวะในการลงทุน
กองทุนเปิด วรรณเอเอ็มเซ็ท 50 หรือ 1AMSET50 มีนโยบายลงทุนในหุ้นสามัญประมาณ 25 – 30 บริษัท ที่เป็นส่วนประกอบของดัชนี SET50 โดยมุ่งหวังให้ผลประกอบการเคลื่อนไหวสูงกว่าดัชนีชี้วัด SET50 TRI (Active Management)
Finnomena 3D Diagram 1AMSET50
Source: Finnomena as of 30/01/2025
รายละเอียดสำคัญอื่น ๆ
ศึกษารายละเอียดของกองทุนเพิ่มเติมได้ที่ Finnomena Funds
1. เป็นกองทุนหุ้นไทยที่บริหารเชิงรุก (Active Management) เพื่อชนะดัชนี SET50 ในระยะยาว
2. เน้นลงทุนหุ้นในดัชนี SET50 มากกว่า 80% ของพอร์ต โดยคัดเลือกหุ้นไทยคุณภาพดี มีศักยภาพโดดเด่นในแต่ละอุตสาหกรรม
3. บริหารแบบ 80/20 โดยแบ่งพอร์ตเป็น Core Portfolio (80%) ที่เน้นลงทุนในหุ้นใหญ่มีคุณภาพ และ Satellite (20%) ที่เน้นดูโมเมนตัมของตลาดเพื่อหาผลตอบแทนส่วนเพิ่ม
ขอแสดงความยินดีกับกองทุน 1AMSET50 โดย บลจ. วรรณ ผู้คว้ารางวัล Fund Performance Excellence Award ประเภท Best Thai Equity Large Cap Fund จากเวที Hall of Funds 2025 by Finnomena
กองทุนเปิด วรรณ ไลฟ์ อินชัวรันส์ เซทเทิลเมนท์ ห้ามขายผู้ลงทุนรายย่อย หรือ ONE-LIFESET-UI มีกลยุทธ์การลงทุนผ่านการซื้อขายกรมธรรม์ประกันชีวิตในประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งโดยทั่วไปเรียกว่า Life Settlement เพื่อแลกกับการเป็นผู้ได้รับประโยชน์จากกรมธรรม์นั้น โดยลงทุนผ่านกองทุนหลัก BLACKOAK INVESTORS LIMITED PARTNERSHIP – UNIT CLASS A
(*ห้ามขายผู้ลงทุนรายย่อย | กองทุนรวมที่เสนอขายผู้ลงทุนสถานบันและผู้ลงทุนรายใหญ่พิเศษ | กองทุนรวมที่มีความเสี่ยงสูงหรือซับซ้อน)
Finnomena 3D Diagram ONE-LIFESET-UI
Source: Finnomena Funds as of 30/01/2025
รายละเอียดสำคัญอื่น ๆ
ศึกษารายละเอียดของกองทุนเพิ่มเติมได้ที่ Finnomena Funds
1. เป็นการลงทุนสินทรัพย์ทางเลือกที่ไม่มีความสัมพันธ์กับตลาดการเงิน และสินทรัพย์ทางการเงินอื่น ๆ อีกทั้งมีความผันผวนในระดับต่ำ
2. เหมาะสำหรับเสริมพอร์ตการลงทุน ช่วยรับมือความผันผวนในยุคทรัมป์ 2.0
3. ลงทุนผ่านกองทุนหลัก BlackOak Class A ที่มีนโยบายลงทุนผ่านการซื้อขายกรมธรรม์ประกันชีวิต (Life Settlement) ในสหรัฐอเมริกา ซึ่งมีกฎหมายคุ้มครองใน 43 รัฐ
4. มีกรมธรรม์ประกันชีวิตเป็นหลักประกัน ซึ่งมีลำดับชั้นการชำระหนี้ตามกฎหมายก่อนหน้าทั้งตราสารหนี้และหุ้นสามัญ
ขอแสดงความยินดีกับกองทุน ONE-LIFESET-UI โดย บลจ. วรรณ ผู้คว้ารางวัล Special Awards ประเภท Most Innovative Fund จากเวที Hall of Funds 2025 by Finnomena
รางวัล Hall of Funds 2025 by Finnomena จัดขึ้นเพื่อยกย่องและเชิดชูความสำเร็จของกองทุนรวมและบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ที่มีผลการดำเนินงานย้อนหลังดีเด่น มุ่งส่งเสริมมาตรฐานในอุตสาหกรรมลงทุน ทั้งระยะสั้น กลาง และยาว
กองทุนที่ได้รับการคัดเลือกจะได้รับการประเมินตามเกณฑ์เชิงปริมาณ 3 ด้าน ได้แก่ ผลตอบแทน (Return) ความคุ้มค่าของผลตอบแทนต่อความเสี่ยง (Sharpe Ratio) และการขาดทุนสูงสุด (Maximum Drawdown) โดยจะพิจารณาผลการดำเนินงานในช่วงเวลา 1 ปี 3 ปี และ 5 ปี ณ วันที่ 31 ตุลาคม 2567 ซึ่งใช้ข้อมูลจาก Morningstar Direct และทำการเปรียบเทียบกับผลการดำเนินงานภายในกลุ่มเดียวกัน เพื่อสะท้อนถึงประสิทธิภาพในการบริหารกองทุน โดยมีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมให้บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) พัฒนาการบริหารจัดการกองทุน และช่วยให้ผู้ลงทุนสามารถนำไปใช้ประกอบการตัดสินใจเลือกลงทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
ดูรายละเอียดรางวัล Hall of Funds 2025 by Finnomena
เพิ่มเติมได้ที่ > https://www.finnomena.com/hall-of-funds/
คำเตือน: ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน | ผลการดำเนินงานในอดีต และผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต | ผู้ลงทุนอาจมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากการป้องกันความเสี่ยงขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้จัดการกองทุน | กองทุนรวมนี้ลงทุนกระจุกตัวในผู้ออกตราสารหรือประเทศใดประเทศหนึ่ง จึงมีความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนจำนวนมาก ผู้ลงทุนจึงควรพิจารณาการกระจายความเสี่ยงของ พอร์ตการลงทุนโดยรวมของตนเองด้วย | สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน ฟินโนมีนา จำกัด ในช่วงเวลาวันทำการตั้งแต่ 09:00-17:00 น. ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 026 5100 และทาง LINE @FinnomenaPort | สำหรับผู้ลงทุนในความดูแลของ Kept by krungsri ติดต่อทีม Kept help center ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 296 6299
กองทุน ASP-NGF และ ASP-AAA-A จาก บลจ. แอสเซท พลัส ผู้ชนะรางวัลกองทุนยอดเยี่ยมประเภท Best Japan Equity Fund และ Best Moderate Allocation Fund จากเวที Hall of Funds 2025 by Finnomena โดดเด่นด้วยกลยุทธ์การลงทุนในระยะยาว ควบคุมความผันผวนอย่างมีประสิทธิภาพ
บลจ. แอสเซท พลัส ถือเป็นหนึ่งในผู้ที่มีความชำนาญในการบริหารจัดการกองทุน ซึ่งไม่หยุดที่จะค้นหาโอกาสการลงทุนที่ดีเยี่ยมจากทั่วโลก เพื่อสร้างผลตอบแทนที่ดีไปพร้อมกับการลดความผันผวนของการลงทุนในระยะยาว
วันนี้เราจึงจะพามารู้จักกับ 2 กองทุนรวมระดับแชมเปี้ยนของ บลจ. แอสเซท พลัส ได้แก่ ASP-NGF ที่เน้นการลงทุนในตลาดหุ้นญี่ปุ่น และ ASP-AAA-A กองทุนรวมผสมที่จัดสรรเงินลงทุนในแต่ละสินทรัพย์อย่างสมดุล
กองทุนเปิดแอสเซทพลัสนิปปอนโกรท หรือ ASP-NGF มีนโยบายการลงทุนในหุ้นญี่ปุ่น ผ่านกองทุนหลัก E.I. Strudza Nippon Growth (UCITS) Fund พร้อมประสบการณ์ของผู้จัดการกองทุนมามากว่า 45 ปี ที่เน้นลงทุนหุ้นที่เติบโตไปกับเศรษฐกิจของประเทศญี่ปุ่นในระยะยาว อีกทั้งยังมุ่งหวังให้ผลประกอบการสูงกว่าดัชนีชี้วัด (Active Management) TOPIX
Finnomena 3D Diagram ASP-NGF
Source: Finnomena as of 30/01/2025
รายละเอียดสำคัญอื่น ๆ
ศึกษารายละเอียดของกองทุนเพิ่มเติมได้ที่ Finnomena Funds
1. เป็นกองทุนหุ้นญี่ปุ่น การันตีด้วยรางวัล Morningstar 5 ดาว* (Morningstar as of Dec 2024)
2. เน้นลงทุนหุ้นญี่ปุ่น Value ขนาดใหญ่ โดยเฉพาะในกลุ่มอุตสาหกรรม Financials และ Trading Company
3. หุ้นส่วนใหญ่ในพอร์ตจะได้รับประโยชน์จากแนวโน้มดอกเบี้ยขาขึ้นของญี่ปุ่น
ขอแสดงความยินดีกับกองทุน ASP-NGF โดย บลจ. แอสเซท พลัส ผู้คว้ารางวัล Fund Performance Excellence Award ประเภท Best Japan Equity Fund จากเวที Hall of Funds 2025 by Finnomena
กองทุนเปิด แอสเซทพลัส แอคทีฟ แอสเซท แอลโลเคชั่น ชนิดสะสมมูลค่า หรือ ASP-AAA-A มีนโยบายการลงทุนที่กระจายในตราสารหนี้, หุ้น, กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์, REIT, กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน และสินทรัพย์ทางเลือก บริหารกองทุนแบบ Moderate Allocation โดยมีเป้าหมายสร้างโอกาสรับผลตอบแทนที่ดีในทุกสภาวะตลาด
Finnomena 3D Diagram ASP-AAA-A
Source: Finnomena Funds as of 30/01/2025
รายละเอียดสำคัญอื่น ๆ
ศึกษารายละเอียดของกองทุนเพิ่มเติมได้ที่ Finnomena Funds
1. เป็นกองทุนผสม การันตีด้วยรางวัล Morningstar 5 ดาว* (Morningstar as of Dec 2024)
2. จัดสรรเงินลงทุนกระจายทั้งในหุ้น, ตราสารหนี้, กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์, REIT, กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน และสินทรัพย์ทางเลือก โดยเน้นลงทุนระยะยาวในหลากหลายสินทรัพย์
3. ปรับสัดส่วนการลงทุนในแต่ละสัดส่วนอย่างยืดหยุ่น Dynamic ได้ในกรอบ 0-100 เพื่อให้สอดคล้องกับสภาวะการลงทุนได้อย่างเหมาะสม
ขอแสดงความยินดีกับกองทุน ASP-AAA-A โดย บลจ. แอสเซท พลัส ผู้คว้ารางวัล Fund Performance Excellence Award ประเภท Best Moderate Allocation Fund จากเวที Hall of Funds 2025 by Finnomena
รางวัล Hall of Funds 2025 by Finnomena จัดขึ้นเพื่อยกย่องและเชิดชูความสำเร็จของกองทุนรวมและบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ที่มีผลการดำเนินงานย้อนหลังดีเด่น มุ่งส่งเสริมมาตรฐานในอุตสาหกรรมลงทุน ทั้งระยะสั้น กลาง และยาว
กองทุนที่ได้รับการคัดเลือกจะได้รับการประเมินตามเกณฑ์เชิงปริมาณ 3 ด้าน ได้แก่ ผลตอบแทน (Return) ความคุ้มค่าของผลตอบแทนต่อความเสี่ยง (Sharpe Ratio) และการขาดทุนสูงสุด (Maximum Drawdown) โดยจะพิจารณาผลการดำเนินงานในช่วงเวลา 1 ปี 3 ปี และ 5 ปี ณ วันที่ 31 ตุลาคม 2567 ซึ่งใช้ข้อมูลจาก Morningstar Direct และทำการเปรียบเทียบกับผลการดำเนินงานภายในกลุ่มเดียวกัน เพื่อสะท้อนถึงประสิทธิภาพในการบริหารกองทุน โดยมีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมให้บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) พัฒนาการบริหารจัดการกองทุน และช่วยให้ผู้ลงทุนสามารถนำไปใช้ประกอบการตัดสินใจเลือกลงทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
ดูรายละเอียดรางวัล Hall of Funds 2025 by Finnomena
เพิ่มเติมได้ที่ > https://www.finnomena.com/hall-of-funds/
คำเตือน: ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน | ผลการดำเนินงานในอดีต และผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต | ผู้ลงทุนอาจมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากการป้องกันความเสี่ยงขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้จัดการกองทุน | กองทุนรวมนี้ลงทุนกระจุกตัวในผู้ออกตราสารหรือประเทศใดประเทศหนึ่ง จึงมีความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนจำนวนมาก ผู้ลงทุนจึงควรพิจารณาการกระจายความเสี่ยงของ พอร์ตการลงทุนโดยรวมของตนเองด้วย | สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน ฟินโนมีนา จำกัด ในช่วงเวลาวันทำการตั้งแต่ 09:00-17:00 น. ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 026 5100 และทาง LINE @FinnomenaPort | สำหรับผู้ลงทุนในความดูแลของ Kept by krungsri ติดต่อทีม Kept help center ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 296 6299
จากบทความที่ 1 : สไตล์การหารายได้หลังเกษียณของคุณด้วย Retirement Income Style Awareness (RISA) ตอนที่ 1 : เข้าใจปัจจัยที่กำหนดสไตล์ของแผนเกษียณ
และ บทความที่ 2 : สไตล์การหารายได้หลังเกษียณของคุณด้วย Retirement Income Style Awareness (RISA) : ตอนที่ 2 เจาะลึก 4 กลุ่มรองปัจจัยกำหนดสไตล์เกษียณ
กลยุทธ์มี 4 กลุ่มตาม Style ของผู้เกษียณแต่ละคนดังนี้
พวกนี้จะชอบเสี่ยงและพร้อมปรับเปลี่ยนแผนได้จะใช้กลยุทธ์แบบ Total Return โดยมีลักษณะสำคัญดังนี้
กลยุทธ์นี้จะมุ่งเน้นไปที่การเพิ่มมูลค่าของพอร์ตการลงทุนของคุณในระยะยาว โดยเชื่อว่าการเติบโตของพอร์ตจะช่วยสนับสนุนการใช้จ่ายในวัยเกษียณได้อย่างยั่งยืน
ผู้ที่เลือกแนวทาง Total Return จะต้องยอมรับได้ว่ามูลค่าของเงินลงทุนอาจมีการขึ้นลงตามสภาวะตลาด และพร้อมที่จะรับความเสี่ยงนี้เพื่อโอกาสในการได้รับผลตอบแทนที่สูงขึ้น
รายได้จากพอร์ตการลงทุนอาจไม่คงที่ เนื่องจากขึ้นอยู่กับผลตอบแทนของตลาด ผู้ที่ใช้กลยุทธ์นี้จึงต้องยอมรับว่ารายได้อาจมีช่วงที่ขึ้นลงได้
ผู้ที่เลือก Total Return มักต้องการที่จะรักษาความยืดหยุ่น และเก็บทางเลือกต่าง ๆ ไว้ในกรณีที่สถานการณ์เปลี่ยนแปลง
พวกนี้จะไม่ชอบเสี่ยงปรับเปลี่ยนแผนได้จะใช้กลยุทธ์แบบ Time Segmentation โดยมีลักษณะสำคัญดังนี้
กลยุทธ์นี้เป็นการผสมผสานระหว่างการเน้นความปลอดภัยของเงินทุน (Safety-First) และการรักษาทางเลือกที่ยืดหยุ่น (Optionality-Oriented)
โดยจะแบ่งเงินออกเป็นส่วน ๆ หรือ “buckets” ตามช่วงเวลาที่ต้องการใช้ โดยมีเป้าหมายเพื่อใช้จ่ายในระยะสั้นถึงปานกลาง
ผู้ใช้กลยุทธ์นี้สามารถเลือกช่วงเวลาในการแบ่งเงินตามความสบายใจของตนเอง
จะต้องมีการพิจารณาว่าจะเติมเงินเข้า buckets เมื่อใดและอย่างไร
เหมาะกับใคร: กลยุทธ์นี้เหมาะกับผู้ที่ต้องการความแน่นอนของเงินหลังเกษียณ แต่ก็ไม่อยากเสียความยืดหยุ่นในการจัดการเงิน
พวกนี้จะไม่ชอบเสี่ยงไม่ชอบปรับเปลี่ยนแผนจะใช้กลยุทธ์ Income Protection โดยมีลักษณะสำคัญดังนี้
กลยุทธ์นี้มุ่งเน้นไปที่การสร้างแหล่งรายได้ที่แน่นอนและได้รับตามสัญญาตลอดช่วงชีวิต โดยเปรียบเสมือนการซื้อบำนาญส่วนตัว
Income Protection ช่วยให้ผู้เกษียณมั่นใจได้ว่าจะมีรายได้เพียงพอสำหรับการใช้จ่าย แม้ในสภาวะที่ตลาดผันผวน
กลยุทธ์นี้ช่วยสร้างพื้นฐานรายได้ที่มั่นคง เพื่อครอบคลุมค่าใช้จ่ายที่จำเป็นในชีวิตประจำวัน
เมื่อมีรายได้ที่แน่นอนแล้ว ผู้เกษียณจะรู้สึกสบายใจมากขึ้นในการลงทุนเงินส่วนที่เหลือในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูงขึ้น เพื่อโอกาสในการได้รับผลตอบแทนที่มากขึ้น
การเลือกใช้ Income Protection ถือเป็นการตัดสินใจที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้ (irrevocable)
เหมาะกับใคร: กลยุทธ์นี้เหมาะกับผู้ที่มี ชอบสภาพคล่องทางการเงินที่แท้จริงและต้องการใช้จ่ายในช่วงหลังของวัยเกษียณมากกว่า เพื่อจัดการกับความกลัวที่จะมีเงินไม่พอใช้
พวกนี้จะชอบเสี่ยงไม่ชอบปรับเปลี่ยนแผนจะใช้กลยุทธ์คือ กลยุทธ์แบบ Risk Wrap โดยมีลักษณะสำคัญดังนี้
กลยุทธ์นี้เป็นการผสมผสานระหว่างการพึ่งพาการเติบโตของตลาด โดยมีเป้าหมายที่จะได้รับทั้งโอกาสในการเติบโตของเงินลงทุนควบคู่ไปกับการมีรายได้ที่มั่นคงตลอดชีพ
ผู้ที่ใช้กลยุทธ์นี้จะรู้สึกสบายใจในการยึดมั่นในกลยุทธ์ที่เลือกไว้ และยอมรับได้กับการพึ่งพาตลาดในระดับหนึ่ง
Risk Wrap ให้การรับประกันตามสัญญาเพื่อลดความสูญเสียที่อาจเกิดขึ้น และยังเปิดโอกาสให้ได้รับผลตอบแทนจากการลงทุน แม้ว่าจะได้รับผลตอบแทนที่ลดลงก็ตาม
เหมาะกับใคร: Risk Wrap เหมาะกับผู้ที่มี คือต้องการใช้จ่ายในช่วงหลังของวัยเกษียณมากกว่า และยอมรับสภาพคล่องทางการเงินแบบที่ต้องถอนเงินพอร์ตการลงทุนจำนวนมาก
จะเห็นได้ว่ากลยุทธ์การบริหารเงินหลังเกษียณมี 4 แบบตาม Style ของแต่ละคน เมื่อคนไม่เหมือนกัน แผนแต่ละคนก็แตกต่างกันด้วยเช่นกัน
สนใจลงทุน Global Aggressive Hybrid Portfolio สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://port.finnomena.com/plan-select/plans/guruport-hyb
WealthGuru
คำเตือน
การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน | ผลการดำเนินงานในอดีต และผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต | กองทุนมีการลงทุนกระจุกตัวในประเทศที่ลงทุน จึงมีความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนจำนวนมาก ผู้ลงทุนจึงควรพิจารณาการกระจายความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุนโดยรวมของตนเองด้วย | ผู้ลงทุนอาจมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากการป้องกันความเสี่ยงขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้จัดการกองทุน | สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน ฟินโนมีนา จำกัด ในช่วงเวลาวันทำการตั้งแต่ 09:00-17:00 น. ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 026 5100 และทาง LINE “@FinnomenaPort”
“กองทุนปันผล” ถือเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่นักลงทุนหลาย ๆ ท่านชื่นชอบ เพราะนอกจากจะมีโอกาสสร้างกำไรจากส่วนต่างราคา (Capital Gain) แล้ว ยังสร้างกระแสเงินสดสม่ำเสมอจากเงินปันผลที่กองทุนจ่ายได้ด้วย
บทความนี้เราจึงรวม 10 กองทุนปันผลสูง สร้าง Passive Income เสริมความมั่งคั่งให้พอร์ตระยะยาว มาฝากทุกคนกัน จะมีกองไหนบ้าง ติดตามไปพร้อมกันได้เลย
ซื้อกองทุน MATECH-D คลิก
ศึกษารายละเอียด นโยบาย ข้อมูล และความเสี่ยงของกองทุนเพิ่มเติมได้ที่นี่
ซื้อกองทุน TISCOCID คลิก
ศึกษารายละเอียด นโยบาย ข้อมูล และความเสี่ยงของกองทุนเพิ่มเติมได้ที่นี่
ซื้อกองทุน KFGPROP-D คลิก
ศึกษารายละเอียด นโยบาย ข้อมูล และความเสี่ยงของกองทุนเพิ่มเติมได้ที่นี่
ซื้อกองทุน ONE-FAS คลิก
ศึกษารายละเอียด นโยบาย ข้อมูล และความเสี่ยงของกองทุนเพิ่มเติมได้ที่นี่
ซื้อกองทุน KFGBRAND-D คลิก
ศึกษารายละเอียด นโยบาย ข้อมูล และความเสี่ยงของกองทุนเพิ่มเติมได้ที่นี่
ซื้อกองทุน K-GOLD-A(D) คลิก
ศึกษารายละเอียด นโยบาย ข้อมูล และความเสี่ยงของกองทุนเพิ่มเติมได้ที่นี่
ซื้อกองทุน K-JP-A(D) คลิก
ศึกษารายละเอียด นโยบาย ข้อมูล และความเสี่ยงของกองทุนเพิ่มเติมได้ที่นี่
ซื้อกองทุน SCBDV คลิก
ศึกษารายละเอียด นโยบาย ข้อมูล และความเสี่ยงของกองทุนเพิ่มเติมได้ที่นี่
ซื้อกองทุน K-ASIA คลิก
ศึกษารายละเอียด นโยบาย ข้อมูล และความเสี่ยงของกองทุนเพิ่มเติมได้ที่นี่
ซื้อกองทุน K-USXNDQ-A(D) คลิก
ศึกษารายละเอียด นโยบาย ข้อมูล และความเสี่ยงของกองทุนเพิ่มเติมได้ที่นี่
ข้อมูลอัตราเงินปันผลตอบแทน ณ วันที่ 3 ก.พ. 2568
อัปเดตตัวเลขผลตอบแทน ณ วันที่ 24 ม.ค. 2568: MATECH-D
อัปเดตตัวเลขผลตอบแทน ณ วันที่ 29 ม.ค. 2568: K-JP-A(D)
อัปเดตตัวเลขผลตอบแทน ณ วันที่ 30 ม.ค. 2568: TISCOCID, KFGPROP-D, KFGBRAND-A, K-GOLD-A(D), K-ASIA, K-USXNDQ-A(D)
อัปเดตตัวเลขผลตอบแทน ณ วันที่ 31 ม.ค. 2568: ONE-FAS
ข้อมูลผลตอบแทนย้อนหลังจาก Finnomena Funds สามารถอัปเดตข้อมูลล่าสุดได้ที่ www.finnomena.com/fund
Finnomena Funds ให้คุณได้ลงทุนในกองทุนรวมชั้นนำของประเทศไทยจากหลากหลาย บลจ.
ตอบโจทย์ทุกความต้องการ ไม่ว่าจะลงกองเดี่ยว จัดพอร์ต วางแผนลงทุน หรือลดหย่อนภาษี
ดูรายละเอียดเพิ่มเติม คลิก https://finno.me/get-started-ws
คำเตือน
ผู้ลงทุนต้องทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน | ผลการดำเนินงานในอดีต และผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต | กองทุนอาจลงทุนกระจุกตัวในหมวดอุตสาหกรรมและประเทศที่ลงทุน จึงมีความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนจำนวนมาก ผู้ลงทุนจึงควรพิจารณาการกระจายความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุนโดยรวมของตนเองด้วย | ผู้ลงทุนอาจมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากการป้องกันความเสี่ยงขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้จัดการกองทุน | สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน ฟินโนมีนา จำกัด ในช่วงเวลาวันทำการตั้งแต่ 09:00-17:00 น. ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 026 5100 และทาง LINE “@FINNOMENAPORT”
ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
– ภาพรวมเศรษฐกิจโลกยังขยายตัวต่อไปได้ นำโดยสหรัฐอเมริกา ในขณะที่ยุโรปและจีนอาจเจอแรงกดดันเรื่องสงครามการค้า และปัญหาภายใน เช่น อสังหาริมทรัพย์ ความมั่นใจของผู้บริโภค และความมั่นใจของนักลงทุน เงินเฟ้อทั่วโลกยังอยู่ในแนวโน้มขาลง โดยเฉพาะในส่วนของประเทศพัฒนาแล้ว ทำให้แนวโน้มดอกเบี้ยนโยบายยังเป็นขาลง โดยยุโรปอาจลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายได้แรง และเร็วกว่าสหรัฐฯ
– เราปรับมุมมองหุ้นสหรัฐฯ จากเป็นกลาง (Neutral) ขึ้นสู่เชิงบวกเล็กน้อย (Slightly Positive) จากภาพรวมเศรษฐกิจยังแข็งแกร่งกว่าคาด โดยเฉพาะภาคแรงงานและภาคการบริโภค ในขณะที่เงินเฟ้อมีแนวโน้มปรับตัวลงในอีก 4-5 เดือนข้างหน้า จึงทำให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ มีโอกาสปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายในปี 2025 อีก 2 รอบ ในส่วนของผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนมีแนวโน้มประกาศออกมาดีกว่าคาด อย่างไรก็ดี Valuation ของตลาดหุ้นสหรัฐฯยังอยู่ในระดับตึงตัว เราจึงแนะนำ Selective Buy โดยเน้นไปที่หุ้นเล็ก หุ้นคุณภาพ หรืออุตสาหกรรมที่ยัง Laggard อย่างกองทุน ASP-USSMALL-A AFMOAT-HA
– เรามีมุมมองเชิงบวกเล็กน้อย (Slightly Positive) ต่อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี โดยแนะนำทยอยสะสมกองทุน B-INNOTECH และ TISCOAI การมาของ DeepSeek อาจเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยลดต้นทุนการใช้งาน AI และทำให้การใช้งานขยายตัวมากขึ้น แต่หุ้นกลุ่ม AI ต้นน้ำอย่าง Semiconductor อาจเผชิญแรงกดดัน เนื่องจาก DeepSeek ไม่ต้องใช้ GPU ระดับสูง และแนวโน้มที่ชะลอตัวของกลุ่มนี้ ด้านกลุ่ม AI Platform และเจ้าของ Large Language Model (LLM) สามารถต่อยอดพัฒนาโมเดลใหม่ที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้น ส่งผลให้ธุรกิจ cloud และ AI เติบโต ขณะที่กลุ่ม AI Apps และผู้ใช้งาน LLM จะได้รับประโยชน์จากต้นทุนที่ถูกลง และอาจพัฒนาโมเดลของตัวเองได้ช่วยเพิ่มโอกาสในการทำกำไรจาก AI
– เรายังคงมุมมองเชิงลบเล็กน้อย (Slightly Negative) ต่อหุ้นยุโรปโดยแนะนำทยอยลดสัดส่วน จากการที่เศรษฐกิจภายในยังอ่อนแอ โดยเฉพาะประเทศหลักอย่าง เยอรมันและฝรั่งเศส จึงอาจทำให้เศรษฐกิจยุโรปฟื้นตัวช้าโดยเฉพาะภาคการผลิต ในขณะที่ผลประกอบการของบริษัทมีทิศทางทรงตัว สวนทางการดัชนีที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น ทำให้ Valuation ของตลาดหุ้นปรับขึ้นมาอยู่ในระดับค่าเฉลี่ยในรอบ 10 ปี
– เรายังคงมุมมองเชิงลบเล็กน้อย (Slightly Negative) ต่อหุ้นญี่ปุ่นแนะนำทยอยลดสัดส่วน จากการที่ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BoJ) มีโอกาสใช้นโยบายการเงินที่ตึงตัวมากขึ้นในอนาคตจากเงินเฟ้อที่ยังอยู่ในระดับสูง ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยระหว่างสหรัฐฯ และญี่ปุ่นมีโอกาสแคบลงอาจทำให้ค่าเงินเยนแข็งค่าขึ้นซึ่งจะส่งผลเชิงลบต่อตลาดหุ้นญุี่ปุ่น
– เราปรับมุมมองหุ้นจีนจากเชิงลบเล็กน้อย (Slightly Negative) ขึ้นสู่ระดับเป็นกลาง (Neutral) โดยแนะนำเก็งกำไรระยะสั้นผ่านกองทุน MEGA10CHINA-A แม้ภาคอสังหาฯ โดยเฉพาะราคาบ้านยังไม่ฟื้นตัวอย่างชัดเจน แต่ปริมาณการทำธุรกรรมอสังหาฯ เริ่มฟื้นตัวขึ้นภายช่วง Golden week นอกจากนี้ตัวเลขเศรษฐกิจไม่ได้แย่อย่างที่คาดหลังรายงาน GDP 4Q24 สูงกว่าคาด ด้านการปรับประมาณการกำไรตลาดหุ้นจีน H-shares มีทิศทางที่แข็งแกร่งกว่าตลาดหุ้นจีน A-shares ขณะที่ Valuation ยังอยู่ในระดับถูก นอกจากนี้ยังมีเม็ดเงินลงทุนไหลเข้า ETF หุ้นจีนต่อเนื่อง
– เราปรับคำแนะนำหุ้นอินเดียจากเชิงบวกเล็กน้อย (Slightly positive) ลงสู่ระดับเป็นกลาง (Neutral) โดยแนะนำถือหรือสัดส่วนกองทุน TISCOINA-A และ B-BHARATA หลังทิศทางเศรษฐกิจเริ่มสะดุดในช่วงสั้นๆ จากภาคการบริโภคและการเบิกจ่ายภาครัฐฯ ที่ชะลอลง แต่แนวโน้มระยะยาวเศรษฐกิจอินเดียยังมีศักยภาพเติบโตสูงเมื่อเทียบกับประเทศในภูมิภาค ขณะที่การปรับประมาณการกำไรของตลาดหุ้นถูกปรับลงเนื่องจากกลุ่มธนาคารปล่อยสินเชื่อชะลอลงเพื่อรักษาเสถียรภาพของระบบการเงิน อย่างไรก็ดี Valuation ของตลาดหุ้นอินเดียเริ่มน่าสนใจมากขึ้น หลัง Valuation กลับมาอยู่ในระดับใกล้เคียงค่าเฉลี่ยในรอบ 10 ปี
– คงมุมมองเป็นกลาง (Neutral) ต่อหุ้นเกาหลี โดยแนะนำถือกองทุน SCBKEQTG และ DAOL-KOREAEQ โดยความกังวลจากการเมืองในประเทศที่ผ่านพ้นจุดต่ำสุดแล้ว ขณะที่ภาคการส่งออกขยายตัวแต่ชะลอเพื่อเข้าสู๋ระดับปกติมากขึ้น นอกจากนี้มีรายงานระบุว่า Samsung ได้รับการอนุมัติจาก Nvidia ให้จัดหาชิป HBM3E แล้ว ในอนาคตผู้ผลิต memory chip จะได้อานิสงส์จากการประมวลผล Large Language Model (โมเดลภาษาขนาดใหญ่) ที่อาจมี memory requirement ที่เพิ่มสูงขึ้นไปอีก
– คงมุมมองเป็นกลาง (Neutral) ต่อตลาดหุ้นไทย แนะนำกลยุทธ์แบบ Selective โดยเครื่องยนต์เศรษฐกิจสำคัญอย่างภาคการท่องเที่ยวและการส่งออกมีทิศทางฟื้นตัวขึ้นต่อเนื่อง ขณะที่มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจยังเน้นการฟื้นฟูภาคการบริโภค ท่าทีนโยบายการเงินยังเป็นกลาง และเน้นย้ำเรื่อง policy space เพื่อรองรับความไม่แน่นอนในอนาคต ด้านประมาณการกำไรตลาดหุ้นถูกปรับลงต่อเนื่อง ขณะที่ Valuation อยู่ในระดับถูกมาก Fund flow ยังไหลออกต่อเนื่องตามทิศทางหุ้น EM แต่เริ่มมีสัญญาณจาก market breadth บ่งชี้ถึงการรีบาวด์ระยะสั้น
– คงมุมมองเชิงบวกเล็กน้อย (Slightly Positive) ต่อหุ้นเวียดนาม โดยแนะนำทยอยสะสม ผ่านกองทุน PRINCIPAL VNEQ-A และ KKP VGF-UI* รัฐบาลมีเป้าหมายการเติบโตทางเศรษฐกิจในระยะยาวที่ชัดเจน รวมถึงมีแผนดึงดูดการลงทุนจากต่างชาติ ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจในระยะสั้นทั้งการบริโภค การผลิต และการส่งออกมีโมเมนตัมที่ดีขึ้นต่อเนื่อง แต่เวียดนามยังมีความท้าทายเรื่องมาตรการกัดกันทางการค้า นอกจากนี้รัฐบาลยังเน้นย้ำเป้าหมายการ upgrade ตลาดหุ้นเป็น Emerging Market ภายในปี 2025 ประมาณการกำไรของตลาดหุ้นยังทรงตัว ขณะที่ Valuation ยังอยู่ในระดับถูก Fund flow ของตลาดหุ้นเริ่มกลับมาในช่วงสั้นๆ หลังจากไหลต่อเนื่องตามตลาดหุ้น EM
*ห้ามขายผู้ลงทุนรายย่อย กองทุนรวมที่เสนอขายผู้ลงทุนสถานบันและผู้ลงทุนรายใหญ่พิเศษ กองทุนรวมที่มีความเสี่ยงสูงหรือซับซ้อน
จัดทำโดยบลป.เดฟินิท (Definit) สำหรับบลน. ฟินโนมีนา (Finnomena Funds)
สามารถเข้าถึงรายละเอียดกองทุนต่าง ๆ และ Fund Fact Sheet ได้จาก Link บนชื่อกองทุน
คำเตือน: ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน | ผลการดำเนินงานในอดีต และผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต | ผู้ลงทุนอาจมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากการป้องกันความเสี่ยงขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้จัดการกองทุน | กองทุนรวมนี้ลงทุนกระจุกตัวในผู้ออกตราสารหรือประเทศใดประเทศหนึ่ง จึงมีความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนจำนวนมาก ผู้ลงทุนจึงควรพิจารณาการกระจายความเสี่ยงของ พอร์ตการลงทุนโดยรวมของตนเองด้วย | คำแนะนำการลงทุนนี้เป็นไปตามกรอบการพิจารณาของ Finnomena Funds ซึ่งมีเป้าหมายในการสร้างโอกาสรับผลตอบแทนในระยะเวลาตามแต่ละประเภทของพอร์ตเท่านั้น บริษัทมิได้การันตีถึงผลตอบแทนที่จะได้จากคำแนะนำการลงทุนดังกล่าว มีความเสี่ยงที่ผลตอบแทนอาจไม่เป็นไปตามคาดหวัง หรือมีผลขาดทุนได้ | สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน ฟินโนมีนา จำกัด ในช่วงเวลาวันทำการตั้งแต่ 09:00-17:00 น. ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 026 5100 และทาง LINE @FinnomenaPort | สำหรับผู้ลงทุนในความดูแลของ Kept by krungsri ติดต่อทีม Kept help center ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 296 6299
Stock Health Check หุ้น CPALL เจ้าของธุรกิจค้าปลีกรายใหญ่ของไทย วิเคราะห์ Earnings-Valuation-Technical แข็งแกร่งหรืออ่อนแอ
CPALL: บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) หรือที่เรารู้จักกันดีในนามเจ้าของร้านสะดวกซื้อ 7-Eleven ในประเทศไทย ที่ปัจจุบันมีสาขามากกว่า 14,000 สาขา มากที่สุดในอาเซียน
ตลอดหลายปีที่ผ่านมา CPALL ได้ขยายธุรกิจผ่านการเข้าซื้อกิจการขนาดใหญ่ เช่น
มีรายงานว่า ตระกูลผู้ก่อตั้ง Seven & i Holdings ของญี่ปุ่น ได้ทาบทามเครือเจริญโภคภัณฑ์ (CP) ให้ร่วมลงทุนในการซื้อหุ้นคืน (Management Buyout – MBO) ของบริษัท Seven & i Holdings ซึ่งเป็นเจ้าของแบรนด์ 7-Eleven ในญี่ปุ่น
อย่างไรก็ดี ล่าสุด (7/02/2025) CPALL แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ว่า จากกรณีที่มีกระแสข่าวลือว่าบริษัท ได้เข้าทาบทามธนาคารของประเทศสหรัฐฯ 2 แห่ง ให้เป็นผู้สนับสนุนทางการเงินในการเข้าร่วมลงทุนใน Seven & i Holdings ที่ถือครองแบรนด์ 7-Eleven ทั่วโลก
โดยบริษัทยืนยันว่า ณ ปัจจุบันยังไม่มีการดำเนินการ และไม่มีการเปลี่ยนแปลงจากที่เคยแจ้งไว้ หากบริษัทมีการดำเนินการใด ๆ จะทำการชี้แจงต่อสาธารณะผ่านช่องทางของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยต่อไป
รายงานจาก TRIS Rating เมื่อช่วงเดือนธันวาคม 2024 ได้จัดอันดับเครดิตของ CPALL ที่ AA- เนื่องจากสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่งขึ้น กำไรที่ปรับตัวดีขึ้น และอัตราส่วนหนี้สินที่ลดลง
อย่างไรก็ดี ก่อนหน้านี้ TRIS เคยแสดงความกังวลว่าการเข้าซื้อโครงการ “The Happitat” ของ CP Axtra (CPAXT) อาจกระทบต่อโครงสร้างทางการเงินของทั้ง CPAXT และ CPALL
เพราะฉะนั้นหาก CPALL ต้องกู้เงินเพิ่มเพื่อร่วมดีล Seven & i Holdings อาจทำให้ อัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E Ratio) เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งอาจกระทบต่อความสามารถในการทำกำไรของบริษัท
แต่ในทางกลับกัน แม้การลงทุนนี้อาจทำให้อัตราส่วนหนี้สินต่อทุนเพิ่มขึ้น แต่ด้วยการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพและโอกาสในการขยายธุรกิจสู่ตลาดสากล CPALL มีศักยภาพในการสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว
แม้จะเผชิญกับความท้าทาย เช่น ภาระหนี้สินที่เพิ่มขึ้นและความจำเป็นในการบริหารจัดการกิจการใหม่ แต่ด้วยความเชี่ยวชาญที่ CPALL มี เชื่อว่าจะมีการผสานธุรกิจใหม่เข้ากับโครงสร้างเดิมอย่างมีประสิทธิภาพ
หากเป็นไปตามแผนที่วางไว้ CPALL อาจเข้าสู่ New S-Curve ที่จะสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว โดยอาศัยความแข็งแกร่งของเครือข่ายค้าปลีก และสามารถนำธุรกิจก้าวไปสู่ในระดับสากล
บทวิเคราะห์ บล. หยวนต้า ระบุว่า คาดแนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 4/2024 ของ CPALL จะอยู่ที่ระดับ 6.6 พันล้านบาท เติบโต 7% และเติบโต 15%YoY จากการเข้าสู่ช่วง High Season ของการบริโภคและหนุนด้วย SSSG ที่เติบโตในทุกธุรกิจ
ส่วนแนวโน้มงวดไตรมาส 1/2025 คาดกำไรปกติชะลอตัวลง QoQ แต่ยังเติบโต YoY ได้ต่อเนื่อง เพราะมีแรงหนุนจากการบริโภคที่เพิ่มขึ้น ประกอบกับจำนวนการขยายสาขาใหม่ และ GPM ที่ดีขึ้น โดยได้รับอานิสงส์โดยตรงจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล ทั้งการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ แจกเงินหมื่นเฟส 2 และ Easy E-Receipt เป็นต้น
1. Earnings อยู่ในเกณฑ์ที่ดี จากการถูกปรับเพิ่มขึ้นของประมาณการกำไร (Earnings) จากนักวิเคราะห์ โดย Earning Growth ในรอบ 12 เดือนย้อนหลังอยู่ที่ 44.7%
2. Valuation แพงกว่าอุตสาหกรรม Forward P/E 12 เดือนของ CPALL อยู่ที่ 16.3 เท่า ถือว่าไม่ได้ถูกเมื่อเทียบกับกลุ่ม Peer Group Average
3. Technical โมเมนตัมราคาปรับตัวลงมา ณ วันที่ 5 กุมภาพันธ์ อยู่ที่ 50 บาทต่อหุ้น
สรุป DSS Rating ของ CPALL อยู่ระดับ Moderate โดยรวมอยู่ในระดับปานกลาง
Disclaimer: เอกสารฉบับนี้จัดทำขึ้นโดยบริษัทหลักทรัพย์ที่ปรึกษาการลงทุน เดฟินิท จำกัด สำหรับที่ผู้แนะนำการลงทุนของ Finnomena เท่านั้น DSS Rating ไม่ใช่คำแนะนำซื้อขาย และอาจจะสัมพันธ์กับการคัดเลือกหุ้นเข้ามาในพอร์ตของ Definit SET Select (DSS) แต่ไม่ใช่การการันตี ข้อมูลที่ปรากฏในเอกสารฉบับนี้ จัดทำโดยอาศัยข้อมูลที่จัดหามาจากแหล่งที่เชื่อหรือควรเชื่อว่ามีความน่าเชื่อถือและ/หรือถูกต้อง อย่างไรก็ตามบริษัทไม่ยืนยัน และไม่รับรองถึงความครบถ้วนสมบูรณ์หรือถูกต้องของข้อมูลดังกล่าว และไม่ได้ประกันราคา,ผลตอบแทนของหน่วยลงทุนหรือโอกาสผิดนัดชำระหนี้ที่ปรากฏข้างต้น แม้ว่าข้อมูลดังกล่าวจะปรากฏข้อความที่อาจเป็น หรืออาจตีความว่าเป็นเช่นนั้นได้ บริษัทจึงไม่รับผิดชอบต่อการนาเอาข้อมูล ข้อความ ความเห็น และหรือบทสรุปที่ปรากฏในเอกสารฉบับนี้ไปใช้ไม่ว่ากรณีใดๆ บริษัทรวมทั้งบริษัทที่เกี่ยวข้อง ลูกค้า ผู้บริหาร และพนักงานของบริษัทต่าง ๆ อาจจะทำการตัดสินใจลงทุนหรือซื้อ หรือขายหลักทรัพย์ที่ปรากฎในเอกสารฉบับนี้ได้ทุกเวลา ข้อมูล และความเห็นที่ปรากฎอยู่ในเอกสารฉบับนี้ มิได้ประสงค์จะชี้ชวน เสนอแนะ หรือจูงใจให้ตัดสินใจลงทุน หรือซื้อ หรือขายหน่วยลงทุนที่ปรากฏในเอกสารฉบับนี้ และข้อมูลอาจมีการแก้ไขเพิ่มเติม หรือเปลี่ยนแปลงโดยมิต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ผู้ลงทุนควรใช้ดุลยพินิจอย่างรอบคอบในการตัดสินใจลงทุนหรือซื้อหรือขายหลักทรัพย์ บริษัทสงวนลิขสิทธิ์ในข้อมูลที่ปรากฎในเอกสารนี้ ห้ามมิให้ผู้ใดใช้ประโยชน์ ทำซ้า ดัดแปลง นำออกแสดง ทำให้ปรากฏหรือเผยแพร่ต่อสาธารณชนไม่ว่าด้วยประการใด ๆ ซึ่งข้อมูลในเอกสารนี้ ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน เว้นแต่ได้รับอนุญาตเป็นหนังสือจากบริษัท เป็นการล่วงหน้า การกล่าวคัด หรืออ้างอิงข้อมูลบางส่วนตามสมควรในเอกสารนี้ ไม่ว่าในบทความ บทวิเคราะห์ บทวิจัย หรือในเอกสาร หรือการสื่อสารอื่นใดจะต้องกระทำโดยถูกต้อง และไม่เป็นการก่อให้เกิดการเข้าใจผิดหรือความเสียหายแก่บริษัท ต้องรับรู้ถึงความเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ในข้อมูลของบริษัท และต้องอ้างอิงถึงฉบับที่และวันที่ในเอกสารฉบับนี้ของบริษัทโดยชัดแจ้งการตัดสินใจลงทุน หรือซื้อ หรือขายหน่วยลงทุนย่อมมีความเสี่ยง ท่านควรทาความเข้าใจอย่างถ่องแท้ต่อลักษณะของหน่วยลงทุนแต่ละประเภท และควรศึกษาข้อมูลของบริษัทที่ออกหน่วยลงทุนและข้อมูลอื่นใดที่เกี่ยวข้องก่อนการตัดสินใจลงทุนหรือซื้อหรือขายหน่วยลงทุน
สนใจรับบริการ Stock Health Check ตรวจสุขภาพการลงทุนในหุ้นของคุณ
สิทธิพิเศษสำหรับนักลงทุนที่ต้องการคำแนะนำจากผู้แนะนำการลงทุนส่วนตัว คลิกเลย
Definit SET Select พลิกกลยุทธ์ลงทุนหุ้นไทย ช่วยคัดเลือกหุ้นไทยเน้น ๆ ไม่เกิน 20 ตัว พิจารณา 3 ปัจจัย
Earnings หุ้นที่ถูกปรับประมาณการกำไรขึ้น
Valuation หุ้นที่มูลค่าถูกกว่าอุตสาหกรรม
Technical หุ้นที่มีโมเมนตัมเชิงบวกของราคาในระยะสั้น สนใจรับบริการ คลิกเลย www.definitinvestment.com/contact-form
ที่มา: kaohooninternational, settrade.com, set.or.th
คำเตือน: ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน | ผลการดำเนินงานในอดีต และผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต | บริษัทมิได้การันตีถึงผลตอบแทนที่จะได้จากคำแนะนำการลงทุนดังกล่าว มีความเสี่ยงที่ผลตอบแทนอาจไม่เป็นไปตามคาดหวัง หรือมีผลขาดทุนได้
Dynamic Contrarian Model Portfolio พอร์ตการลงทุนสายสวน ย่อซื้อ ขึ้นขาย แนะนำเพิ่มสัดส่วน MEGA10CHINA-A หลังเทคโนโลยีจีนเริ่มน่าสนใจ
หลังจากที่ก่อนหน้านี้ กองทุนที่ชื่อว่า High-Flyer ได้เปิดตัวโมเดล DeepSeek-R1 ซึ่งเป็นโมเดลที่มีประสิทธิภาพใกล้เคียงกับ LLM ในท้องตลาด แต่มีต้นทุนการเทรนโมเดลที่ต่ำกว่ามาก และในช่วงเวลาถัดมา Alibaba ซึ่งเป็นบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่ของจีน ได้เปิดตัวโมเดล Qwen2.5-Max ซึ่งเป็น LLM ที่ทางบริษัทฯ ได้พัฒนาขึ้น และมีประสิทธิภาพที่สูง นอกจากนี้ Alibaba ยังเริ่มนำโมเดล DeepSeek ขึ้นไปอยู่บน Alibaba Cloud เพื่อใช้ผู้ใช้งานสามารถใช้งาน DeepSeek ได้
ปัจจัยดังกล่าวสะท้อนไปยังภาพความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีของบริษัทจีน หลังจากที่ก่อนหน้านี้ความก้าวหน้าในด้านเทคโนโลยีและปัญญาประดิษฐ์ จะมาจากฝั่งตะวันตกเป็นส่วนใหญ่ FundTalk มีมุมมองว่าหุ้นเทคโนโลยีจีนในตอนนี้ เริ่มมีความน่าสนใจมากขึ้น จากแนวโน้มความก้าวหน้าที่ได้กล่าวไปข้างต้น
Hang Seng Tech Index
Source: Finnomena Funds, TradingView as of 07/02/2025
ภาพดังกล่าวเริ่มสะท้อนไปยังราคาของดัชนี Hang Seng Tech ซึ่งเป็นดัชนีภาพรวมหุ้นเทคโนโลยีของจีน ซึ่งเริ่มปรับตัวขึ้นมาตั้งแต่ช่วงต้นปีที่ผ่านมา จากปัจจัยด้านความก้าวหน้าด้านเทคโนโลยี และแรงหนุนเสริมจากการบริโภคภายในประเทศ โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลตรุษจีน ที่ยอดการใช้จ่ายพุ่งสูงเป็นประวัติการณ์
ประมาณการการเติบโตกำไรและ valuation ของดัชนี Hang Seng Tech
Source: Finnomena Funds, Bloomberg as of 07/02/2025
นอกจากนี้ valuation ของดัชนี Hang Seng Tech ยังอยู่ในระดับที่ถูกเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยในอดีต จากปัจจัยทั้งหมดที่กล่าวมา FundTalk มีมุมมองเชิงบวกต่อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีจีน และมีคำแนะนำเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในกองทุน MEGA10CHINA-A ซึ่งลงทุนในหุ้นเทคโนโลยีจีนขนาดใหญ่ 10 ตัว
FundTalk มีคำแนะนำปรับสัดส่วนใน Dynamic Contrarian Model Portfolio โดยมีสัดส่วนใหม่ ณ วันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2025 ดังนี้
DCM (Dynamic Contrarian Model Portfolio) เป็นพอร์ตลงทุนสไตล์ Contrarian (สายสวน) ‘ย่อซื้อ ขึ้นขาย’ เน้นลงทุนในหุ้นรายประเทศ หรือ Sector ที่มีแนวโน้มเติบโตสูง แต่ราคาปรับตัวลดลง หรือขึ้นน้อย รวมถึงใช้หลักการเดียวกันในการเข้าลงทุนสินทรัพย์ Multi Assets
– ทำความรู้จักพอร์ต Dynamic Contrarian Model Portfolio เพิ่มเติมได้ที่ https://www.finnomena.com/finnomenafunds/dcm/
สนใจลงทุนในพอร์ต Dynamic Contrarian Model Portfolio
คลิก https://finnomena.onelink.me/10bl/dcm
จัดทำโดยบลป.เดฟินิท (Definit) สำหรับบลน. ฟินโนมีนา (Finnomena Funds)
สามารถเข้าถึงรายละเอียดกองทุนต่าง ๆ และ Fund Fact Sheet ได้จาก Link บนชื่อกองทุน
คำเตือน: ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน | ผลการดำเนินงานในอดีต และผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต | ผู้ลงทุนอาจมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากการป้องกันความเสี่ยงขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้จัดการกองทุน | กองทุนรวมนี้ลงทุนกระจุกตัวในผู้ออกตราสารหรือประเทศใดประเทศหนึ่ง จึงมีความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนจำนวนมาก ผู้ลงทุนจึงควรพิจารณาการกระจายความเสี่ยงของ พอร์ตการลงทุนโดยรวมของตนเองด้วย | คำแนะนำการลงทุนนี้เป็นไปตามกรอบการพิจารณาของ Finnomena Funds ซึ่งมีเป้าหมายในการสร้างโอกาสรับผลตอบแทนในระยะเวลาตามแต่ละประเภทของพอร์ตเท่านั้น บริษัทมิได้การันตีถึงผลตอบแทนที่จะได้จากคำแนะนำการลงทุนดังกล่าว มีความเสี่ยงที่ผลตอบแทนอาจไม่เป็นไปตามคาดหวัง หรือมีผลขาดทุนได้ | สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน ฟินโนมีนา จำกัด ในช่วงเวลาวันทำการตั้งแต่ 09:00-17:00 น. ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 026 5100 และทาง LINE @FINNOMENAPORT | สำหรับผู้ลงทุนในความดูแลของ Kept by krungsri ติดต่อทีม Kept help center ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 296 6299
ท่ามกลางความผันผวนของตลาดการเงินในปัจจุบัน การมองหาแหล่งลงทุนที่มั่นคงและปลอดภัยจึงเป็นสิ่งสำคัญ หนึ่งในทางเลือกที่น่าสนใจคือ “พันธบัตรรัฐบาล” ซึ่งเป็นตราสารหนี้ที่ออกโดยรัฐบาล มีความเสี่ยงต่ำ และให้ผลตอบแทนที่สม่ำเสมอ
📌 สนใจลงทุนหุ้นกู้ สามารถติดต่อที่ผู้แนะนำการลงทุนของท่านได้แล้ววันนี้ หรือหากยังไม่เคยเปิดบัญชีหุ้นกู้ผ่าน Definit สามารถกรอกแบบฟอร์มรับข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อให้เจ้าหน้าที่ติดต่อกลับได้ที่ https://www.finnomena.com/bond/
“ชมรมหุ้นกู้” รายการที่จะพาผู้เชี่ยวชาญมาพูดคุยถึงข่าวในวงการหุ้นกู้ หุ้นกู้ออกใหม่ รวมถึงความรู้เกี่ยวกับการลงทุนในหุ้นกู้ พร้อมคลีนิกหุ้นกู้ ให้นักลงทุนได้สอบถามความเห็นที่เป็นกลางตามหลักสากล และวิธีลงทุนในหุ้นกู้ได้อย่างถูกต้อง!
🔔 พบกันทุกวันอังคาร เวลา 19.00 น. ที่ Facebook และ Youtube ของ Finnomena
📌 Facebook Group ชมรมหุ้นกู้ https://www.facebook.com/groups/889975809457489/
🔴 รายการ ชมรมหุ้นกู้ ย้อนหลัง 👉 https://www.youtube.com/playlist?list=PLhZeb_wAvs-flbwxWxZGl0nY14jVSeDSG
กองทุน KKP PLUS, KKP ACT FIXED และ KKP MP จาก บลจ. เกียรตินาคินภัทร ผู้ชนะรางวัลกองทุนยอดเยี่ยมประเภท Best Short-Term General Bond Fund, Best Mid-Term General Bond Fund และ Best Money Market Government Fund จากเวที Hall of Funds 2025 by Finnomena สะท้อนความเป็นผู้นำในการบริหารกองทุนตราสารหนี้อย่างมืออาชีพ
ในช่วงเวลาที่อัตราดอกเบี้ยกลายเป็นขาลง หลังจากที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ได้เริ่มปรับลดดอกเบี้ยเมื่อปีก่อน ทำให้ตลาดตราสารหนี้กลับมาได้รับความสนใจจากนักลงทุนอีกครั้ง เนื่องจากมีโอกาสในการทำกำไรจากราคาที่ปรับตัวสูงขึ้นตามการลดลงของอัตราผลตอบแทน (Yield)
บลจ. เกียรตินาคินภัทร ได้พิสูจน์ความเชี่ยวชาญในการบริหารการลงทุนโดยเฉพาะในตราสารหนี้ ผ่านการจัดการกองทุนอย่าง KKP PLUS, KKP ACT FIXEDและKKP MP ซึ่งไม่เพียงแต่เปิดโอกาสสร้างผลตอบแทนที่ดี แต่ยังตอบโจทย์ความต้องการของผู้ที่มองหาแหล่งพักเงินจากการลงทุนสินทรัพย์เสี่ยงอีกด้วย
กองทุนเปิดเคเคพี ตราสารหนี้พลัส หรือ KKP PLUS มีนโยบายลงทุนในตราสารหนี้ภาครัฐ และบริษัทเอกชนที่มีความมั่นคง และให้ผลตอบแทนที่ดี โดยลงทุนในตราสารที่มี Credit Rating ตั้งแต่ BBB+ ขึ้นไป กองทุนสามารถลงทุนได้ทั้งในและต่างประเทศ โดยจะลงทุนต่างประเทศไม่เกิน 40% และป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนไม่น้อยกว่า 90% ของเงินลงทุนในต่างประเทศ
กลยุทธ์การลงทุน : มุ่งหวังให้ผลประกอบการสูงกว่าดัชนีชี้วัด (Active Management)
Finnomena 3D Diagram KKP PLUS
Source: Finnomena as of 30/01/2025
รายละเอียดสำคัญอื่น ๆ
ศึกษารายละเอียดของกองทุนเพิ่มเติมได้ที่ Finnomena Funds
1. ลงทุนในเงินฝาก ตราสารหนี้ภาครัฐ ตราสารหนี้ภาคเอกชนที่มีปัจจัยพื้นฐานดี และมีฐานะทางการเงินดี ทั้งสภาพคล่องระยะสั้น (Liquidity) และเสถียรภาพทางการเงินระยะยาว (Solvency)
2. เน้นการบริหารจัดการเพื่อเพิ่มผลตอบแทนภายใต้กรอบความเสี่ยงที่เหมาะสม สามารถลงทุนได้ทั้งในและต่างประเทศ เปิดโอกาสรับผลตอบแทนที่สูงขึ้น
3. การวิเคราะห์ตราสารหนี้แบบเข้มข้นบนหลักการวิเคราะห์แบบ Bottom-up โดยทีมนักวิเคราะห์ตราสาร in-house research เพื่อคัดเลือกผู้ออกตราสารที่มีคุณภาพและฐานะทางการเงินที่ดี
ขอแสดงความยินดีกับกองทุน KKP PLUS โดย บลจ. เกียรตินาคินภัทร ผู้คว้ารางวัล Fund Performance Excellence Award ประเภท Best Short-Term General Bond Fund จากเวที Hall of Funds 2025 by Finnomena
กองทุนเปิดเคเคพี แอ็กทิฟ ฟิกซ์ อินคัม หรือ KKP ACT FIXED มีนโยบายลงทุนในตราสารภาครัฐ ตราสารหนี้ภาคเอกชน รวมทั้งเงินฝาก เป็นกองทุนกลุ่ม Mid Term General Bond โดยกองทุนมี Portfolio Duration อยู่ประมาณ 2 ปี (ข้อมูล ณ วันที่ 30 ธันวาคม 2567) สามารถลงทุนได้ทั้งในประเทศ และต่างประเทศ โดยจะลงทุนในต่างประเทศไม่เกิน 79% และป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนไม่น้อยกว่า 90% ของเงินลงทุนในต่างประเทศ
กลยุทธ์การลงทุน : มุ่งหวังให้ผลประกอบการสูงกว่าดัชนีชี้วัด (Active Management)
Finnomena 3D Diagram KKP ACT FIXED
Source: Finnomena Funds as of 30/01/2025
รายละเอียดสำคัญอื่น ๆ
ศึกษารายละเอียดของกองทุนเพิ่มเติมได้ที่ Finnomena Funds
1. เน้นการบริหารจัดการเพื่อเพิ่มผลตอบแทน (Yield Enhancement) ภายใต้กรอบความเสี่ยงที่เหมาะสม โดยลงทุนในตราสารหนี้ภาคเอกชนที่มีปัจจัยพื้นฐานดี และมีฐานะทางการเงินดี ทั้งสภาพคล่องระยะสั้น (Liquidity) และเสถียรภาพทางการเงินระยะยาว (Solvency)
2. วิเคราะห์ตราสารหนี้แบบเข้มข้นบนหลักการวิเคราะห์แบบ Bottom-up โดยทีมนักวิเคราะห์ตราสาร in-house research เพื่อคัดเลือกผู้ออกตราสารที่มีคุณภาพและฐานะทางการเงินที่ดี
3. การบริหารจัดการพอร์ตการลงทุนที่ยืดหยุ่น (Flexible Management) สามารถปรับเปลี่ยนการลงทุนให้เหมาะสมกับภาวะเศรษฐกิจทั้ง Credit Rating และ Duration Management เพื่อหาโอกาสสร้างผลตอบแทนที่สูงขึ้นภายใต้ความเสี่ยงที่เหมาะสม
ขอแสดงความยินดีกับกองทุน KKP ACT FIXED โดย บลจ. เกียรตินาคินภัทร ผู้คว้ารางวัล Fund Performance Excellence Award ประเภท Best Mid-Term General Bond Fund จากเวที Hall of Funds 2025 by Finnomena
กองทุนเปิดเคเคพี มันนี่ โพสิทีฟ หรือ KKP MP เป็นกองทุนรวมตลาดเงินที่มีนโยบายลงทุนในตราสารหนี้ภาครัฐ เงินฝาก บัตรเงินฝาก โดยมีอายุตราสารหนี้เฉลี่ยไม่เกิน 3 เดือน ไม่มีการลงทุนในต่างประเทศ เน้นการรักษาเงินต้นและหาผลตอบแทนอย่างสม่ำเสมอ
กลยุทธ์การลงทุน: มุ่งหวังให้ผลประกอบการสูงกว่าดัชนีชี้วัด (Active Management)
Finnomena 3D Diagram KKP MP
Source: Finnomena as of 30/01/2025
รายละเอียดสำคัญอื่น ๆ
ศึกษารายละเอียดของกองทุนเพิ่มเติมได้ที่ Finnomena Funds
1. ความเสี่ยงเครดิตต่ำ เนื่องจากเน้นลงทุนในตราสารหนี้ภาครัฐเป็นหลัก เช่น ตั๋วเงินคลัง พันธบัตรรัฐบาล และพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย
2. ความผันผวนต่ำ เนื่องจากกองทุนรักษาอายุถัวเฉลี่ยแบบถ่วงน้ำหนักของพอร์ตการลงทุน (Portfolio Duration) ไม่เกิน 92 วัน ส่งผลให้ความผันผวนของพอร์ตไม่สูง
3. สภาพคล่องสูง เพราะมุ่งเน้นการลงทุนในตราสารหนี้ภาครัฐ ซึ่งเป็นตราสารที่มีสภาพคล่องสูง
ขอแสดงความยินดีกับกองทุน KKP MP โดย บลจ. เกียรตินาคินภัทร ผู้คว้ารางวัล Fund Performance Excellence Award ประเภท Best Money Market Government Fund จากเวที Hall of Funds 2025 by Finnomena
รางวัล Hall of Funds 2025 by Finnomena จัดขึ้นเพื่อยกย่องและเชิดชูความสำเร็จของกองทุนรวมและบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ที่มีผลการดำเนินงานย้อนหลังดีเด่น มุ่งส่งเสริมมาตรฐานในอุตสาหกรรมลงทุน ทั้งระยะสั้น กลาง และยาว
กองทุนที่ได้รับการคัดเลือกจะได้รับการประเมินตามเกณฑ์เชิงปริมาณ 3 ด้าน ได้แก่ ผลตอบแทน (Return) ความคุ้มค่าของผลตอบแทนต่อความเสี่ยง (Sharpe Ratio) และการขาดทุนสูงสุด (Maximum Drawdown) โดยจะพิจารณาผลการดำเนินงานในช่วงเวลา 1 ปี 3 ปี และ 5 ปี ณ วันที่ 31 ตุลาคม 2567 ซึ่งใช้ข้อมูลจาก Morningstar Direct และทำการเปรียบเทียบกับผลการดำเนินงานภายในกลุ่มเดียวกัน เพื่อสะท้อนถึงประสิทธิภาพในการบริหารกองทุน โดยมีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมให้บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) พัฒนาการบริหารจัดการกองทุน และช่วยให้ผู้ลงทุนสามารถนำไปใช้ประกอบการตัดสินใจเลือกลงทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
ดูรายละเอียดรางวัล Hall of Funds 2025 by Finnomena
เพิ่มเติมได้ที่ > https://www.finnomena.com/hall-of-funds/
คำเตือน: ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน | ผลการดำเนินงานในอดีต และผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต | ผู้ลงทุนอาจมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากการป้องกันความเสี่ยงขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้จัดการกองทุน | สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน ฟินโนมีนา จำกัด ในช่วงเวลาวันทำการตั้งแต่ 09:00-17:00 น. ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 026 5100 และทาง LINE @FinnomenaPort | สำหรับผู้ลงทุนในความดูแลของ Kept by krungsri ติดต่อทีม Kept help center ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 296 6299
วันนี้ธนาคารกลางอินเดีย (RBI) เตรียมจะแถลงนโยบายทางการเงิน โดยนักเศรษฐศาสตร์จาก DBS Bank คาดว่าจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ย ลง 0.25% สู่ระดับ 6.25%
เนื่องจากการชะลอตัวของเงินเฟ้อ ช่วยเพิ่มโอกาสในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจให้ฟื้นตัว แม้สกุลเงินรูปียังคงเคลื่อนไหวอยู่ที่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์
หากธนาคารกลางอินเดีย ปรับลดดอกเบี้ยลงตามที่นักวิเคราะห์คาด จะถือเป็นการลดดอกเบี้ยครั้งแรกในรอบ 5 ปี นับตั้งแต่ในเดือนพฤษภาคม 2020 เนื่องจากในเวลานั้นเศรษฐกิจอินเดียได้รับผลกระทบจากโควิด
อีกสิ่งที่นักลงทุนจับตาในการประชุมครั้งนี้ คือแถลงการณ์ของ ผู้ว่าการธนาคารกลางอินเดียคนใหม่ เพื่อประเมินทิศทางนโยบายการเงินของอินเดีย
Sanjay Malhotra เพิ่งดำรงตำแหน่งเมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2024 ซึ่งการแต่งตั้งของเขาถูกมองว่าเป็นความพยายามในการเสริมสร้างความร่วมมือระหว่างนโยบายการคลังและนโยบายการเงิน เพราะเขามีความสัมพันธ์ที่ดีกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง Nirmala Sitharaman
ในรอบ 3 เดือนมานี้ ดัชนี Nifty 50 ย่อตัวลงไปกว่า -10% จากเศรษฐกิจอินเดียที่ชะลอช่วงสั้นจากการบริโภค แต่ก็ทำให้ Valuation เริ่มกลับมาอยู่ในระดับน่าสนใจอีกครั้ง
ภาพรวมเศรษฐกิจในระยะยาวยังคงเติบโตโดดเด่นกว่ากว่าภูมิภาคอื่น ๆ ขณะที่รัฐบาลได้ประกาศงบประมาณปี FY2025-2026 แล้ว ซึ่งยังคงมุ่งเน้นการกระตุ้นเศรษฐกิจต่อเนื่อง และมีมาตรการยกเว้นภาษีเพื่อกระตุ้นภาคการบริโภค
RBI มีแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยลงต่อหลังเศรษฐกิจชะลอตัว และเงินเฟ้อต่ำลง แต่ยังมีความท้าทายจากค่าเงิน INR ที่อ่อนค่ารวดเร็ว
สำหรับผู้ที่สนใจลงทุนหุ้นอินเดีย แนะนำกองทุน B-BHARATA และ TISCOINA-A
ที่มา: CNBC
คำเตือน: ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน | ผลการดำเนินงานในอดีต และผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต | ผู้ลงทุนอาจมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากการป้องกันความเสี่ยงขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้จัดการกองทุน | กองทุนรวมนี้ลงทุนกระจุกตัวในผู้ออกตราสารหรือประเทศใดประเทศหนึ่ง จึงมีความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนจำนวนมาก ผู้ลงทุนจึงควรพิจารณาการกระจายความเสี่ยงของ พอร์ตการลงทุนโดยรวมของตนเองด้วย | คำแนะนำการลงทุนนี้เป็นไปตามกรอบการพิจารณาของ Finnomena Funds ซึ่งมีเป้าหมายในการสร้างโอกาสรับผลตอบแทนในระยะเวลาตามแต่ละประเภทของพอร์ตเท่านั้น บริษัทมิได้การันตีถึงผลตอบแทนที่จะได้จากคำแนะนำการลงทุนดังกล่าว มีความเสี่ยงที่ผลตอบแทนอาจไม่เป็นไปตามคาดหวัง หรือมีผลขาดทุนได้ | สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน ฟินโนมีนา จำกัด ในช่วงเวลาวันทำการตั้งแต่ 09:00-17:00 น. ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 026 5100 และทาง LINE @FINNOMENAPORT | สำหรับผู้ลงทุนในความดูแลของ Kept by krungsri ติดต่อทีม Kept help center ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 296 6299
กองทุน KTMSEQ และ KT-US-A จาก บลจ. กรุงไทย
ผู้ชนะรางวัลกองทุนยอดเยี่ยมประเภท Best Thai Equity Small-Mid Cap Fund และ Best US Equity Fund จากเวที Hall of Funds 2025 by Finnomena ด้วยความโดดเด่นของกลยุทธ์ในการคัดเลือกหุ้นแบบลงลึก
หากคุณเป็นผู้ที่ชื่นชอบการแสวงหาโอกาสจากการลงทุนในตลาดหุ้น ไม่ว่าจะเป็นตลาดหุ้นไทยที่คุ้นเคย รวมถึงตลาดหุ้นต่างประเทศยักษ์ใหญ่อย่างหุ้นสหรัฐอเมริกา บทความนี้จะพามารู้จักกับ 2 กองทุนหุ้นยอดเยี่ยมจาก บลจ. กรุงไทย
ประกอบไปด้วยกองทุนหุ้นไทย KTMSEQ และกองทุนหุ้นสหรัฐฯ KT-US-A ซึ่งมีผลการดำเนินงานย้อนหลังที่โดดเด่น ตลอดจนกลยุทธ์การคัดเลือกหุ้นรายตัวที่เจาะลึก โดยทีมนักวิเคราะห์มากประสบการณ์
กองทุนเปิดกรุงไทยหุ้น Mid-Small Cap หรือ KTMSEQ มีนโยบายการลงทุนในหุ้นของบริษัทขนาดกลางและขนาดเล็กที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่ง ประเทศไทย และ/หรือ ตลาดหลักทรัพย เอ็ม เอ ไอ ที่มีปัจจัยพื้นฐานดี มีแนวโน้มการเติบโตทางธุรกิจ โดยมุ่งหวังให้ผลประกอบการสูงกว่าดัชนีชี้วัด (Active Management)
Finnomena 3D Diagram KTMSEQ
Source: Finnomena as of 30/01/2025
รายละเอียดสำคัญอื่น ๆ
ศึกษารายละเอียดของกองทุนเพิ่มเติมได้ที่ Finnomena Funds
1. มีผลการดำเนินงานย้อนหลังที่โดดเด่น โดยได้รับ Overall Morningstar Rating ระดับ 4 ดาว ในกลุ่ม Equity Small/Mid-Cap (ข้อมูล ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2024)
2. ใช้การวิเคราะห์การลงทุนแบบลงลึกในรายบริษัท โดยเน้นลงทุนในหุ้นกลุ่มขนาดกลาง-เล็ก ที่มีปัจจัยเติบโตแบบเฉพาะตัว และเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง หรือได้รับประโยชน์จากธีมการลงทุนในปัจจุบัน ภายใต้การบริหารความเสี่ยงที่เหมาะสม
3. ศึกษาวิเคราะห์ติดตาม และคัดเลือกลงทุนในบริษัทที่มีแนวโน้มอยู่ในช่วง Turnaround ของผลการดำเนินงาน
ขอแสดงความยินดีกับกองทุน KTMSEQ
โดย บลจ. กรุงไทย ผู้คว้ารางวัล Fund Performance Excellence Award ประเภท Best Thai Equity Small-Mid Cap Fund จากเวที Hall of Funds 2025 by Finnomena
กองทุนเปิดเคแทม ยูเอส โกรท อิควิตี้ ฟันด์ หรือ KT-US-A มีนโยบายการลงทุนในหุ้นสหรัฐอเมริกาที่มีขนาดใหญ่ คุณภาพสูง และมีแนวโน้มการเติบโตอย่างมาก ผ่านหน่วยลงทุนของกองทุน AB American Growth Portfolio (Master Fund) Class I (USD) เพื่อมุ่งหวังให้ผลประกอบการสูงกว่าดัชนีชี้วัด (Active Management)
Finnomena 3D Diagram KT-US-A
Source: Finnomena Funds as of 30/01/2025
รายละเอียดสำคัญอื่น ๆ
ศึกษารายละเอียดของกองทุนเพิ่มเติมได้ที่ Finnomena Funds
1. กองทุนรวมหลักเน้นลงทุนในหุ้นขนาดใหญ่ของสหรัฐฯ ที่มีแนวโน้มในการเติบโตได้ดี มีคุณภาพสูง และมีความสามารถที่จะนำผลกำไรที่ได้รับไปลงทุนต่อเพื่อสร้างโอกาสในการเติบโตต่อเนื่องไปในอนาคตได้
2. ใช้การวิเคราะห์การลงทุนแบบ Bottom-Up โดยจะให้ความสำคัญกับอัตราส่วนผลตอบแทนต่อสินทรัพย์รวม (ROA) เป็นพิเศษ และชื่นชอบบริษัทที่มีแนวโน้มของการเติบโตอย่างมั่นคงและสม่ำเสมอเป็นพิเศษ
3. กองทุนรวมหลักบริหารจัดการโดย AllianceBernstein (AB) ซึ่งถือว่าเป็นหนึ่งในบริษัทจัดการกองทุนรวมชั้นนำระดับโลกสัญชาติสหรัฐฯ อีกทั้งกองทุนรวม AB American Growth Portfolio ยังถือว่าเป็นกองทุน Flagship ของ AllianceBernstein
ขอแสดงความยินดีกับกองทุน KT-US-A
โดย บลจ. กรุงไทย ผู้คว้ารางวัล Fund Performance Excellence Award ประเภท Best US Equity Fund จากเวที Hall of Funds 2025 by Finnomena
รางวัล Hall of Funds 2025 by Finnomena จัดขึ้นเพื่อยกย่องและเชิดชูความสำเร็จของกองทุนรวมและบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ที่มีผลการดำเนินงานย้อนหลังดีเด่น มุ่งส่งเสริมมาตรฐานในอุตสาหกรรมลงทุน ทั้งระยะสั้น กลาง และยาว
กองทุนที่ได้รับการคัดเลือกจะได้รับการประเมินตามเกณฑ์เชิงปริมาณ 3 ด้าน ได้แก่ ผลตอบแทน (Return) ความคุ้มค่าของผลตอบแทนต่อความเสี่ยง (Sharpe Ratio) และการขาดทุนสูงสุด (Maximum Drawdown) โดยจะพิจารณาผลการดำเนินงานในช่วงเวลา 1 ปี 3 ปี และ 5 ปี ณ วันที่ 31 ตุลาคม 2567 ซึ่งใช้ข้อมูลจาก Morningstar Direct และทำการเปรียบเทียบกับผลการดำเนินงานภายในกลุ่มเดียวกัน เพื่อสะท้อนถึงประสิทธิภาพในการบริหารกองทุน โดยมีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมให้บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) พัฒนาการบริหารจัดการกองทุน และช่วยให้ผู้ลงทุนสามารถนำไปใช้ประกอบการตัดสินใจเลือกลงทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
ดูรายละเอียดรางวัล Hall of Funds 2025 by Finnomena
เพิ่มเติมได้ที่ > https://www.finnomena.com/hall-of-funds/
คำเตือน: กองทุน KT-US-A มีความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยน ทั้งนี้ กองทุนมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน ในกรณีที่กองทุนไม่ได้มีนโยบายป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน ผู้ลงทุนอาจจะขาดทุนหรือได้รับกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน หรือได้รับเงินคืนต่ำกว่าเงินลงทุนเริ่มแรกได้ | ผลการดำเนินงานในอดีตมิได้เป็นสิ่งยืนยันผลการดำเนินงานในอนาคต| ผู้ลงทุนต้องทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน | สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน ฟินโนมีนา จำกัด ในช่วงเวลาวันทำการตั้งแต่ 09:00-17:00 น. ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 026 5100 และทาง LINE @FinnomenaPort | สำหรับผู้ลงทุนในความดูแลของ Kept by krungsri ติดต่อทีม Kept help center ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 296 6299