แจ้งเตือน

Finnomena Monthly Investment Outlook กลยุทธ์การลงทุนเดือนพฤษภาคม 2025: “Reiterate Buy as Trade Tensions Ease” ย้ำจุดยืนสะสมต่อเนื่อง สงครามการค้ามีท่าทีผ่อนคลาย

Finnomena Funds
Finnomena Monthly Investment Outlook กลยุทธ์การลงทุนประจำเดือนพฤษภาคม 2025 : “Reiterate Buy as Trade Tensions Ease ย้ำจุดยืนสะสมต่อเนื่องหลังสงครามการค้ามีท่าทีผ่อนคลาย”

สรุปกลยุทธ์การลงทุนประจำเดือน Finnomena Funds แนะนำ Reiterate Buy เข้าสะสมในสินทรัพย์ที่มีโอกาสฟื้นตัวจากสัญญาณ Trade War ที่มีท่าทีผ่อนคลายสู่ Trade Deal โดยให้น้ำหนัก Positive ต่อหุ้นอินเดีย พร้อมอัปเกรดหุ้นเกาหลีใต้เป็น Slightly Positive

Executive Summary 

มุมมองการลงทุนโดยรวม

  • Finnomena Funds คงมุมมองแนะนำเข้าซื้อต่อเนื่อง “Reiterate Buy” จากสัญญาณสงครามการค้าที่มีท่าทีผ่อนคลายมากขึ้น

ตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกา

  • คงมุมมองหุ้นสหรัฐฯ เป็น Slightly Positive หลังตลาดตอบรับเชิงลบต่อนโยบาย Tariff ของ Trump มากเกินไป โดยเรายังคงมองว่า Trump ใช้มาตรการดังกล่าวเพื่อ “Make Deals” และเศรษฐกิจสหรัฐฯ จะไม่เข้าสู่ Recession แม้จะมีการชะลอตัวในบางส่วน
  • ด้านเงินเฟ้อสหรัฐฯ ไม่น่ากังวล เนื่องจากเงินเฟ้อค่าเช่ายังคงลดลงต่อเนื่อง ขณะที่ประมาณการกำไรตลาดหุ้นเริ่มเห็นการปรับลดของหุ้นขนาดเล็กที่มากกว่าหุ้นขนาดใหญ่ หลังเศรษฐกิจชะลอตัวกว่าที่คาด
  • แนะนำลงทุนในหุ้นคุณภาพขนาดใหญ่ รวมไปถึงกองทุนหุ้นเทคโนโลยีที่สัดส่วนหลักอยู่ในหุ้นขนาดใหญ่คุณภาพในสหรัฐฯ อย่างกองทุน B-INNOTECH

ตลาดหุ้นยุโรป

  • คงมุมมองต่อตลาดหุ้นยุโรปเป็น Slightly Positive แนะนำทยอยสะสม ผ่านกองทุน ONE-EUROEQ
  • มองว่าเศรษฐกิจยุโรปได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว และกำลังอยู่ในช่วงฟื้นตัว
  • ปัจจัยกดดันสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นสงครามรัสเซีย-ยูเครน, ภาวะเงินเฟ้อ และนโยบายภาษีของทรัมป์ ได้ถูกสะท้อนอยู่ในตัวเลขเศรษฐกิจและดัชนีตลาดแล้ว
  • ในระยะข้างหน้า ยุโรปมีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่องจากการปฏิรูปกฎระเบียบด้านการกู้ยืม (debt break) ของเยอรมนี ประกอบกับการที่หลายประเทศกลับมามีงบดุลที่แข็งแกร่งมากขึ้น อีกทั้งยังได้รับแรงสนับสนุนจากนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายของ ECB ซึ่งจะช่วยหนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโดยรวม
  • อย่างไรก็ตาม ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนเจอแรงกดดันเล็กน้อยจากมาตราการกำแพงภาษีของ Trump  

ตลาดหุ้นญี่ปุ่น

  • คงมุมมองหุ้นญี่ปุ่นเป็น Neutral เน้น Selective Buy ด้วยกลยุทธ์ Stock Selection ผ่านกองทุน ASP-NGF หรือลงทุนผ่านกลยุทธ์ DR หุ้นนอกคุณภาพสูง Definit Global Select
  • แม้ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BoJ) มีโอกาสใช้นโยบายการเงินที่ตึงตัวมากขึ้นในอนาคต จากสถานการณ์เงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้น ทำให้ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยระหว่างสหรัฐฯ และญี่ปุ่นมีโอกาสแคบลงและเงินเยนแข็งค่าขึ้น ซึ่งจะส่งผลกระทบเชิงลบต่อตลาดหุ้นญุี่ปุ่น
  • แต่ทิศทางเศรษฐกิจญี่ปุ่นยังฟื้นตัวได้ดีจากนักท่องเที่ยว และดัชนีการผลิตที่ปรับตัวดีขึ้น
  • ฝั่งประมาณการกำไรของตลาดหุ้นถูกปรับลงเล็กน้อย หลังสหรัฐฯ ประกาศ Reciprocal Tariff ขณะที่ Valuation สมเหตุสมผล Sentiment ตลาดหุ้นญี่ปุ่นยังได้รับข่าวดีจาก Warren Buffet ซื้อหุ้นและการซื้อหุ้นคืนยังเป็นปัจจัยกระตุ้นต่อตลาดหุ้นญี่ปุ่น

ตลาดหุ้นจีน

  • คงมุมมอง Slightly Positive ต่อหุ้นจีน H-shares และคงมุมมอง Neutral ต่อหุ้นจีน A-shares โดยแนะนำทยอยสะสมกองทุน MEGA10CHINA-A
  • เศรษฐิจจีนในไตรมาส 1 ปี 2025 เร่งตัวขึ้นจากภาคการบริโภคในประเทศ และการส่งออกที่ดีขึ้นเนื่องจากการเร่งการซื้อสินค้าของประเทศคู่ค้าก่อนมาตรการ Reciprocal Tariff ของสหรัฐฯ มีผลบังคับใช้ ขณะที่ภาครัฐบาลตระหนักถึงผลกระทบของ Reciprocal Tariff และพร้อมใช้มาตรการกระตุ้นเพื่อบรรเทาผลกระทบต่อเศรษฐกิจ
  • แต่ปัญหาด้านอสังหาฯ ในประเทศยังใช้เวลากว่าจะฟื้นตัว ทว่าผลกระทบเริ่มอยู่ในระดับจำกัด โดยรัฐบาลทำได้แค่รักษาสเถียรภาพของราคาบ้าน
  • ประมาณการกำไรหุ้น H-shares ยังแข็งแกร่งกว่าหุ้น A-shares เนื่องจากมีปัจจัยหนุนเฉพาะตัวด้าน AI และได้อานิสงส์จากมาตรการกระตุ้นบริโภค
  • ด้าน Valuation หุ้นจีน H-shares แพงกว่าอดีต เพราะมีสัดส่วนหุ้นเทคโนโลยีที่มากขึ้น ขณะที่การเจรจาทางการค้ากับสหรัฐฯ จะเกิดขึ้นในช่วงกลางเดือนพฤษภาคม 

ตลาดหุ้นอินเดีย

  • คงมุมมอง Positive ต่อหุ้นอินเดีย แนะนำลงทุนกองทุน TISCOINA-A และ B-BHARATA  
  • ทิศทางเศรษฐกิจอินเดียขยายตัวดีขึ้นทั้งภาคการบริการและภาคการผลิต ขณะที่เงินเฟ้อที่ลดลงต่ำกว่าเป้าหมายของธนาคารกลางอินเดีย (RBI) และค่าเงินรูปีที่แข็งค่า ทำให้ RBI ลดดอกเบี้ยเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ และใช้มาตรการผ่อนคลายทางการเงินเพื่อเพิ่มสภาพคล่องในระบบการเงินของอินเดีย ซึ่งจะช่วยกระตุ้นต่อการเติบโตของสินเชื่อและผลประกอบการของหุ้นกลุ่มธนาคาร
  • การเจรจาทางการค้ากับสหรัฐฯ มีความคืบหน้าเชิงบวก โดยทั้งสองประเทศมุ่งมั่นที่จะบรรลุข้อตกลงการค้าทวิภาคี (Bilateral Trade Agreement – BTA) ซึ่งจะเพิ่มมูลค่าการค้าทวิภาคีให้ถึง 5 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐภายในปี 2030 โดยระยะถัดไปจะมีการหารือเพิ่มเติมกันระหว่างผู้เชี่ยวชาญเฉพาะภาคส่วนของทั้ง 2 ประเทศในช่วงปลายเดือนพฤษภาคม 2025

ตลาดหุ้นเกาหลีใต้

  • ปรับเพิ่มมุมมองต่อหุ้นเกาหลีใต้เป็น Slightly Positive จาก Neutral โดยแนะนำทยอยสะสมกองทุน SCBKEQTG และ DAOL-KOREAEQ 
  • การเจรจาทางการค้ากับสหรัฐฯ เฟสแรก มีความคืบหน้า ทั้งสองฝ่ายมุ่งเน้นการจัดทำ July Package คือการบรรลุข้อตกลงเพื่อนำไปสู่การยกเลิกภาษีนำเข้าระหว่างเกาหลีใต้และสหรัฐฯ ภายในวันที่ 8 กรกฎาคม 2025 ถือเป็นเป้าหมายเร่งด่วนเพื่อหลีกเลี่ยงการกลับมาใช้มาตรการภาษีที่อาจส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจของทั้งสองประเทศ และจะมีการเจรจาอีกครั้งในช่วงกลางเดือนพฤษภาคม 2025

ตลาดหุ้นไทย

  • คงมุมมอง Slightly Positive ต่อตลาดหุ้นไทย โดยแรงขายในกองทุน LTF เริ่มลดลงหลังจากรัฐบาลออกมาตรการย้าย LTF ไป Thai ESGX 
  • แม้ประมาณการกำไรตลาดหุ้นไทยยังถูกปรับลดลง แต่ในด้าน Valuation อยู่ในระดับถูกมาก โดย Dividend Yield (12-m forward) ของ SET และ SETHD อยู่ที่ 4.2% และ 5.5% ตามลำดับ
  • แนะนำกองทุน TISCOHD-A ซึ่งเน้นลงทุนหุ้นปันผลสูง และแนะนำกลยุทธ์แบบ Selective & Dynamic ในหุ้นที่มีการปรับประมาณการกำไรขึ้นไม่อิงหุ้นดัชนีอย่าง Definit SET Select

ตลาดหุ้นเวียดนาม

  • มีมุมมอง Slightly Positive ต่อหุ้นเวียดนาม และแนะนำทยอยสะสมผ่านกองทุน PRINCIPAL VNEQ-A และ KKP VGF-UI*
  • โดยได้รับแรงหนุนจากนโยบายระยะยาวของรัฐบาลเวียดนามที่มุ่งเป้าผลักดันการเติบโตทางเศรษฐกิจ การดึงดูดเม็ดเงินลงทุนจากต่างชาติ และการเจรจาการค้ากับสหรัฐฯ ซึ่งล้วนเป็นปัจจัยสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน
  • นอกจากนี้ รัฐบาลยังแสดงจุดยืนชัดเจนในการผลักดันการอัปเกรดประเทศสู่สถานะ “Emerging Market” ภายในปีนี้
  • ขณะที่ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในไตรมาส 1 ยังคงแข็งแกร่ง แม้ประมาณการกำไรโดยรวมจะถูกปรับลดลงบ้าง แต่ด้วยภาพเศรษฐกิจระยะยาวที่ยังสดใส ประกอบกับระดับ Valuation ที่ยังไม่แพง เราจึงมองว่านี่เป็นจังหวะที่เหมาะสมในการทยอยสะสม

 

 *ห้ามขายผู้ลงทุนรายย่อย กองทุนรวมที่เสนอขายผู้ลงทุนสถานบันและผู้ลงทุนรายใหญ่พิเศษ กองทุนรวมที่มีความเสี่ยงสูงหรือซับซ้อน

ดู Fund Fact Sheet กองทุนแนะนำ

 

จัดทำโดยบลป.เดฟินิท (Definit) สำหรับบลน. ฟินโนมีนา (Finnomena Funds)
สามารถเข้าถึงรายละเอียดกองทุนต่าง ๆ และ Fund Fact Sheet ได้จาก Link บนชื่อกองทุน


คำเตือนผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน | ผลการดำเนินงานในอดีต และผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต | ผู้ลงทุนอาจมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากการป้องกันความเสี่ยงขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้จัดการกองทุน | กองทุนรวมนี้ลงทุนกระจุกตัวในผู้ออกตราสารหรือประเทศใดประเทศหนึ่ง จึงมีความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนจำนวนมาก ผู้ลงทุนจึงควรพิจารณาการกระจายความเสี่ยงของ พอร์ตการลงทุนโดยรวมของตนเองด้วย | คำแนะนำการลงทุนนี้เป็นไปตามกรอบการพิจารณาของ Finnomena Funds ซึ่งมีเป้าหมายในการสร้างโอกาสรับผลตอบแทนในระยะเวลาตามแต่ละประเภทของพอร์ตเท่านั้น บริษัทมิได้การันตีถึงผลตอบแทนที่จะได้จากคำแนะนำการลงทุนดังกล่าว มีความเสี่ยงที่ผลตอบแทนอาจไม่เป็นไปตามคาดหวัง หรือมีผลขาดทุนได้ | สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน ฟินโนมีนา จำกัด ในช่วงเวลาวันทำการตั้งแต่ 09:00-17:00 น. ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 026 5100 และทาง LINE @FinnomenaPort | สำหรับผู้ลงทุนในความดูแลของ Kept by krungsri ติดต่อทีม Kept help center ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 296 6299

Bill Gates ประกาศยก 99% ของทรัพย์สินให้มูลนิธิ Gates Foundation ภายในระยะเวลา 20 ปี!

Finnomena
Gates Foundation

Bill Gates (บิล เกตส์) มอบ 99% ของทรัพย์สินให้มูลนิธิ Gates Foundation ภายในเวลา 20 ปี! โดยย้ำว่าแม้จะให้ไปเกือบหมดตัว เขาและครอบครัวก็ยัง “กินอยู่สุขสบาย” และไม่ขอ “ตายทั้งที่ยังรวย”

Bill Gates (บิล เกตส์) นักธุรกิจและมหาเศรษฐีชาวอเมริกัน ผู้ก่อตั้ง Microsoft หนึ่งในบริษัทเทคโนโลยีที่ทรงอิทธิพลที่สุดในโลก ปัจจุบันเขามีทรัพย์สินสุทธิราว 113 พันล้านดอลลาร์ ติดอันดับ 13 ของมหาเศรษฐีโลก

ตลอด 30 ปีที่ผ่านมา ชายผู้นี้ไม่เคยหลุดท็อป 10 ของคนที่ร่ำรวยระดับโลก ทว่าหลายปีมานี้ความมั่งคั่งของเขาหายไปเรื่อย ๆ ซึ่งไม่ได้เกิดจากราคาหุ้นที่ลดลง แต่มาจากการบริจาคทรัพย์สินจำนวนมากให้มูลนิธิ Bill & Melinda Gates Foundation ไปแล้วประมาณ 60–70% ของทรัพย์สินทั้งหมด

Gates Foundation

ล่าสุด Bill Gates ในวัย 70 ปี เปิดเผยว่า มีแผนจะบริจาค 99% ของทรัพย์สินที่เหลืออยู่ให้กับ Gates Foundation คิดเป็นมูลค่าประมาณ 2 แสนล้านดอลลาร์ ในระยะเวลาอีก 20 ปีข้างหน้า ก่อนที่เงินจะหมดและปิดมูลนิธิอย่างถาวรในวันที่ 31 ธันวาคม 2045

Gates Foundation เป็นผลงานสุดภาคภูมิใจของ Bill Gates ซึ่งตลอด 25 ปีที่ผ่านมา เขาและ Warren Buffett ร่วมบริจาคเงินไปแล้วกว่า 1 แสนล้านดอลลาร์ เพื่อภารกิจสำคัญในการช่วยมนุษยชาติ โดยมีเป้าหมาย คือ ต้องไม่มีแม่และเด็ก ตายจากเหตุที่ป้องกันได้, คนรุ่นใหม่เติบโตในโลกที่ไม่มีโรคติดต่ออันตรายถึงตาย, คนหลายร้อยล้านคนหลุดพ้นจากความยากจน

อีกหนึ่งเจตนารมณ์ของ Bill Gates คือความตั้งใจว่าจะไม่เสียชีวิตในฐานะคนร่ำรวย เนื่องจากตระหนักดีว่ามีปัญหาอีกมากมายในโลกที่ต้องการเงินไปช่วยแก้ไข พร้อมย้ำว่าถึงแม้จะบริจาคทรัพย์สินไปเกือบทั้งหมด ครอบครัวก็ยังกินอยู่อย่างสุขสบาย

ทั้งนี้ เขาตั้งใจจะมอบทรัพย์สินที่เหลือเพียง 1% ให้กับลูกทั้ง 3 คน เพื่อเป็นทุนสำหรับสร้างเส้นทางชีวิตของตนเองแบบไม่ยากลำบากจนเกินไป


Source: Gates Notes

“เมื่อชีวิตไม่มีนาฬิกาปลุก” เกษียณอย่างไรไม่ให้ใจว่างเปล่า

Finnomena
วางแผนเกษียณ

หลายคนตั้งเป้าว่า “เกษียณ” คือเส้นชัยของชีวิตการทำงาน เป็นช่วงเวลาที่จะได้พักผ่อน ใช้เงินที่เก็บสะสมมาตลอดชีวิตอย่างสบายใจ แต่เมื่อถึงวันที่นาฬิกาไม่ปลุกอีกต่อไป ไม่มีเสียงเตือนให้รีบไปประชุม หรือไม่มีงานด่วนให้ทำ หลายคนกลับพบว่า ความว่างเปล่าในแต่ละวันทำให้รู้สึกไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว

งานวิจัยจาก Harvard ชี้ว่า “ความเหงา” หรือ Loneliness เป็นปัจจัยเสี่ยงต่อสุขภาพที่รุนแรงเทียบเท่าการสูบบุหรี่วันละ 15 มวน (อ้างอิงจาก Our Epidemic of Loneliness and Isolation) โดยเฉพาะในวัยหลังเกษียณที่สังคมค่อย ๆ หดตัว บทบาทในสังคมลดลง ความเหงาจึงกลายเป็นศัตรูเงียบที่ส่งผลกระทบลึกซึ้งทั้งทางกายและจิตใจ

เหงาเงียบ…เจ็บลึกกว่าที่คิด

การเกษียณคือการเปลี่ยนผ่านครั้งใหญ่ที่สุดในชีวิต หลายคนสูญเสียบทบาทสำคัญในสังคม เช่น เคยเป็นหัวหน้าหรือผู้นำในองค์กร ขาดการปฏิสัมพันธ์ประจำวันกับเพื่อนร่วมงานหรือสังคมรอบตัว และไม่มีเป้าหมายรายวันที่ชัดเจน จึงเกิดคำถามในใจว่า “ฉันยังมีประโยชน์อยู่ไหม?”

จากมุมมองทางจิตวิทยา วัยเกษียณต้องการความรู้สึกว่า “ฉันยังมีคุณค่า ยังมีคนเห็นฉันอยู่” หากขาดสิ่งนี้ไป ก็อาจนำไปสู่ภาวะซึมเศร้าและความเหงาเรื้อรังได้ง่าย 

งานศึกษาของ National Institute on Aging พบว่า ผู้สูงวัยที่ขาดความสัมพันธ์ทางสังคมมีแนวโน้มเสียชีวิตก่อนวัยอันควรเพิ่มขึ้นถึง 29% และมีโอกาสเกิดภาวะสมองเสื่อมสูงขึ้นถึง 50% เมื่อเทียบกับผู้ที่มีสังคมที่ดี (อ้างอิงจาก National Institute on Aging)

ความเหงาจึงไม่ใช่แค่เรื่องเล็กน้อย แต่เป็นสัญญาณเตือนให้เราต้องเริ่มวางแผนชีวิตอย่างแท้จริง เพื่อให้ชีวิตหลังเกษียณไม่ใช่แค่การอยู่รอด แต่เป็นการมีชีวิตที่มีความหมาย

ไม่ใช่แค่มีเงิน แต่ต้องมีเป้าหมาย

แม้การมีเงินพอใช้หลังเกษียณจะเป็นเรื่องจำเป็น แต่ก็ไม่เพียงพอ หากไม่มี “เป้าหมายชีวิต” ที่ชัดเจน การมีเป้าหมายเล็ก ๆ ที่ทำให้เราตื่นมาแล้วรู้สึกอยากทำ คือสิ่งที่หล่อเลี้ยงจิตใจและเติมพลังชีวิตอย่างต่อเนื่อง

แนวคิด “อิคิไก” จากญี่ปุ่น ช่วยให้เราค้นหา สิ่งที่เรารัก สิ่งที่เราทำได้ดี และสร้างคุณค่าให้กับทั้งตนเองและผู้อื่นได้ อาจเป็นกิจกรรมที่ไม่ต้องใช้เงินมากแต่ช่วยเติมใจ เช่น การเป็นอาสาสมัครในชุมชน ถ่ายทอดความรู้ เปิดคลาสเล็ก ๆ หรือทำโปรเจกต์ชีวิตอย่างเขียนหนังสือ ทำช่อง YouTube หรือเข้าร่วมชมรม ล้วนช่วยสร้างความรู้สึกว่าเรายังเป็นส่วนหนึ่งของสังคม

การมีเป้าหมายไม่จำเป็นต้องยิ่งใหญ่ แค่มีบางสิ่งที่ทำให้รู้ว่า “ฉันยังสำคัญ” ก็เพียงพอแล้ว

“ตารางชีวิต” ช่วยเติมเต็มใจ

การมีกิจกรรมอย่างยืดหยุ่นในแต่ละวัน จะช่วยให้ชีวิตไม่รู้สึกว่างเปล่าหรือผ่านไปอย่างไร้ความหมาย ตัวอย่างกิจวัตรประจำวันที่เรียบง่ายแต่เติมพลัง เช่น

  • ช่วงเช้า: ขยับร่างกาย ปลูกต้นไม้ เดินเล่น หรือจิบกาแฟพร้อมฟังเพลงโปรด
  • ช่วงสาย: เข้าร่วมกิจกรรม พูดคุยกับเพื่อน หรือร่วมกลุ่มออนไลน์ เช่น กลุ่มสนทนา หรือคลาสเรียน
  • ช่วงบ่าย: อ่านหนังสือ เรียนรู้ทักษะใหม่ ๆ อย่างศิลปะ ดนตรี หรือภาษา
  • ช่วงเย็น: เขียนบันทึก ทำสมาธิ พบปะครอบครัว หรือผ่อนคลายด้วยการดูหนัง ฟังพอดแคสต์

สิ่งสำคัญคืออย่ากดดันตัวเองจนเกินไป ตารางนี้จึงควรเป็นเพียงแนวทางที่ช่วยให้รู้สึกเชื่อมโยงกับตัวเองมากขึ้น และไม่กลายเป็นภาระใหม่หลังเกษียณ

“3 พอ” ที่ทำให้ชีวิตมีความหมาย

เมื่อพูดถึงการวางแผนชีวิตหลังเกษียณ สิ่งที่หลายคนปรารถนาคือความสมดุลระหว่างความมั่นคงทางการเงินและคุณภาพชีวิตที่ดี ไม่ใช่แค่มีเงินมากมาย แต่เป็นการมีทรัพยากรและเวลาที่เพียงพอสำหรับใช้ชีวิตอย่างมีความสุขและมีความหมาย 

ดังนั้น สิ่งสำคัญที่ควรคำนึงถึงมีอยู่ 3 ด้านหลัก ได้แก่

  • เงินพอใช้: ไม่ต้องหรู แต่พออยู่สบาย มีเงินสำหรับค่าใช้จ่ายพื้นฐานและกิจกรรมที่รัก
  • เวลาพอใจ: มีอิสระเลือกใช้เวลาเอง ไม่ถูกจำกัดด้วยข้อจำกัดทางการเงิน
  • เป้าหมายพอมี: ตื่นเช้ามาแล้วรู้ว่าจะทำอะไร มีภาพอนาคตของแต่ละวัน

ชีวิตต้องมีเป้าหมาย…การลงทุนก็ต้องมีคนดูแล

เมื่อก้าวเข้าสู่วัยเกษียณ สิ่งที่สำคัญไม่ใช่แค่มีเงินในบัญชีเพียงพอ แต่คือการมี “เป้าหมาย” ที่ปลุกให้หัวใจยังรู้สึกมีคุณค่าในทุกวัน และเช่นเดียวกับใจที่ต้องการแรงผลักดัน การลงทุนเองก็ต้องการ “ใครสักคน” ที่ดูแลอย่างใส่ใจ

Finnomena พร้อมเป็นเพื่อนคู่คิดดูแลพอร์ตการลงทุนของคุณ ด้วยบริการพิเศษจาก Wealth Connect ที่จะเชื่อมโอกาสการลงทุนให้เป็นจริง พร้อมคำปรึกษาและดูแลอย่างใส่ใจ เพื่อให้คุณไม่ต้องเดินทางคนเดียวบนเส้นทางถนนลงทุน

Wealth Connect Finnomena

ดูรายละเอียดและลงทะเบียนรับบริการ
https://www.finnomena.com/wealth-connect/

 


อ้างอิง: United States Department of Health and Human Services, National Institute on Aging, The Pinnacle Gazette, PBS News

คำเตือน: ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน l สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน ฟินโนมีนา จำกัด ในช่วงเวลาวันทำการตั้งแต่ 09:00 -17:00 น. ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 026 5100 และทาง LINE @Finnomenaport

ลงทุนหุ้น Xiaomi จักรวาลเทคโนโลยีที่อยู่รอบตัว

Definit
สรุปหุ้น Xiaomi

สรุปหุ้น Xiaomi (1810.HK) ที่สามารถลงทุนผ่าน DR ในชื่อย่อ XIAOMI19, XIAOMI13 และ XIAOMI80 บริษัทชื่อดังสัญชาติจีนที่ไม่ได้ขายแค่สมาร์ทโฟน แต่เป็นจักรวาลเทคโนโลยีที่ครอบคลุมชีวิตประจำวันแบบรอบด้าน เจาะผลประกอบการเป็นอย่างไร น่าลงทุนหรือไม่? วิเคราะห์ผ่านกลยุทธ์ Definit Global Select (DGS)

ถ้าพระเจ้ามี Smart Home ก็คงเป็นของ Xiaomi ทั้งหลัง ตั้งแต่หัวชาร์จยันรถยนต์ไฟฟ้า ก็มีครบแทบทุกอย่าง ประโยคที่ว่า Xiaomi สร้างทุกอย่างก็คงไม่เกินจริงนัก ไม่แน่ว่าในบ้านคุณตอนนี้… อาจมีสินค้า Xiaomi ซ่อนอยู่สักชิ้น โดยที่คุณไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ

รู้จักธุรกิจ Xiaomi

Xiaomi Corp คือบริษัทเทคโนโลยีสัญชาติจีนที่เติบโตอย่างรวดเร็วในเวทีโลก ด้วยการพัฒนาอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ สมาร์ทโฟน และฮาร์ดแวร์อัจฉริยะที่เชื่อมต่อผ่านแพลตฟอร์ม IoT แบบครบวงจร ปัจจุบันวางจำหน่ายผลิตภัณฑ์ในกว่า 100 ประเทศทั่วโลก และกลายเป็นแบรนด์ที่คุ้นเคยในชีวิตประจำวันของผู้คนทั่วโลก

จุดแข็งของ Xiaomi คือการผสาน “ความฉลาดของเทคโนโลยี” เข้ากับ “ราคาที่เข้าถึงได้” 

– อ่านเพิ่มเติม Xiaomi บริษัทสมาร์ตโฟน อันดับ 3 ของโลก 

ทั้งนี้ Xiaomi เป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง ภายใต้ Ticker: 1810 และมีทางเลือกที่ลงทุนได้ง่ายขึ้นผ่าน DR ในชื่อ XIAOMI19, XIAOMI13 และ XIAOMI80 ผ่านตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

สัดส่วนรายได้ในแต่ละสินค้าปี 2024

สัดส่วนรายได้ในแต่ละสินค้าปี 2024

Source : ir.mi.com

*เนื่องจากเป็นธุรกิจใหม่ จึงไม่สามารถเปรียบเทียบกับปีก่อนหน้าได้ แต่จะเห็นได้ว่าธุรกิจใหม่อย่างรถยนต์ไฟฟ้าที่เปิดตัวไป ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี และมีศักยภาพการเติบโตสูงในอนาคต

ผลประกอบการของ Xiaomi

ผลประกอบการของ Xiaomi

Source: Pop Mart Investor-Relations, Finnomena Stock as of 08/05/2025

ในปี 2024 ที่ผ่านมา Xiaomi สร้างสถิติ “รายได้สูงสุดในประวัติศาสตร์” พร้อมกำไรเติบโตกว่า 35% YOY

ถึงแม้ว่าปี 2025 ที่เต็มไปด้วยความไม่แน่นอน ทั้งภาวะเศรษฐกิจและสงครามการค้ายังเป็นแรงกดดันต่อหุ้นเทคโนโลยีทั่วโลก แต่ท่ามกลางความผันผวนเหล่านี้ Xiaomi ยังคงเดินหน้าต่อ พร้อมแผนที่น่าจับตามองในหลายมิติผ่านกลยุทธ์ 3 แกนหลัก ได้แก่

ยกระดับ Smartphone 

ด้วยสัดส่วนยอดขายสมาร์ทโฟนระดับพรีเมียมในจีนที่เพิ่มขึ้นเป็น 23.3% ของยอดขายทั้งหมด Xiaomi จึงเดินหน้ากลยุทธ์ “Premiumization” อย่างจริงจัง 

โดยเฉพาะการเปิดตัว Xiaomi 15 Ultra ที่มาพร้อมกล้อง Leica ระดับมืออาชีพ เสริมด้วย Photography Kit สำหรับมือถือเรือธง ที่มอบประสบการณ์ถ่ายภาพแบบกล้อง DSLR โดยทำงานร่วมกับ HyperOS 2.0 ระบบปฏิบัติการอัจฉริยะที่ออกแบบมาเพื่อเชื่อมต่อทุกอุปกรณ์ของ Xiaomi ได้อย่างไร้รอยต่อ ไม่ว่าจะเป็นสมาร์ตโฟน แท็บเล็ต รถยนต์ไฟฟ้า หรืออุปกรณ์ภายในบ้านทั้งหมด เพื่อสร้างประสบการณ์ Ecosystem ที่ครบวงจรในชีวิตประจำวัน

เปิดตัวรถไฟฟ้า

Xiaomi วางเป้าหมายส่งมอบรถถึง 350,000 คันในปีนี้ และเพิ่งเปิดตัวรุ่น SU7 Ultra ที่มีกำลัง 1,548 แรงม้า เร่ง 0–100 กม./ชม. ภายใน 1.98 วินาที พร้อมยอดจองกว่า 19,000 คันใน 3 วันแรก 

แม้ Xiaomi จะเพิ่งเข้าสู่สนาม EV ได้ไม่นาน แต่กลับถูกจับตามองอย่างใกล้ชิดไม่แพ้ Tesla, BYD หรือ Xpeng โดยรุ่นถัดไปที่จะวางขายคือ YU7 รถยนต์ไฟฟ้า SUV ที่เตรียมเปิดตัวกลางปี 2025 นี้

Ecosystem บ้านอัจฉริยะ

Xiaomi ไม่ได้หยุดที่แอร์หรือเครื่องซักผ้า แต่กำลังพัฒนา “Mijia Smart Home” ให้เป็นบ้านอัจฉริยะที่เชื่อมต่อทุกอุปกรณ์ผ่าน HyperOS โดยล่าสุดเพิ่งเปิดตัว Central Air Conditioner Pro และระบบ AI Assistant รุ่นใหม่ที่สั่งงานได้ทั่วทั้งบ้าน


Earnings Upgrade หุ้น Xiaomi

Earnings Upgrade หุ้น Xiaomi

Source: Definit, Finnomena, Bloomberg as of 19/03/2025

การวิเคราะห์ DR หุ้นนอก ผ่านกลยุทธ์การลงทุน Definit Global Select (DGS) โดยพิจารณา Earnings-Momentum (EMO) Framework ซึ่งผสมผสานระหว่างการปรับเพิ่มประมาณการกำไรและโมเมนตัมของราคาหุ้น เพื่อคัดเลือกหุ้นต่างประเทศคุณภาพสูง 

Xiaomi เริ่มถูกนักวิเคราะห์ปรับเพิ่มประมาณการกำไรตั้งแต่ต้นปี 2023 จากความสามารถในการแข่งขัน ทั้งตลาดที่เป็นผู้นำอยู่แล้วในสินค้ากลุ่ม electronics อัจฉริยะหลากหลายประเภท เช่น Smartphone, Smart Home Devices และตลาดสินค้าใหม่อย่างเช่นรถยนต์ไฟฟ้า ที่นักวิเคราะห์หลายแห่งให้น้ำหนักกับรถ Xiaomi และปรับประมาณการกำไรขึ้นจากสาเหตุนี้  

กระแสเชิงบวกนี้ยังคงต่อเนื่องในปี 2024 มาถึงปี 2025 สะท้อนความเชื่อมั่นของตลาดต่อศักยภาพการเติบโตในระยะยาวของบริษัท โดยในไตรมาส 4 ปี 2024 Xiaomi มี Global Smartphone Market Share อยู่ที่ 13% ใหญ่เป็นอันดับ 3 ของโลก เป็นรองเพียง Apple และ Samsung เท่านั้น

โอกาสลงทุนหุ้น Xiaomi ผ่าน Definit Global Select กลยุทธ์ลงทุน DR คัดหุ้นนอกคุณภาพ จัดพอร์ตให้อัตโนมัติ ไม่ต้องจับจังหวะลงทุนเอง

สนใจลงทุน คลิกเลย

Earnings Upgrade หุ้น Xiaomi

 Source: Definit, Finnomena, Bloomberg as of 19/03/2025

Definit Global Select กลยุทธ์ลงทุนหุ้นนอกคุณภาพ พัฒนาขึ้นโดยทีมงานจากบริษัทหลักทรัพย์ที่ปรึกษาการลงทุน เดฟินิท จำกัด (Definit By Finnomena) ร่วมกับ บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด เพื่อจัดการพอร์ต DR แบบอัตโนมัติในรูปแบบ Managed Portfolio ได้ทำการคัดเลือกหุ้น Xiaomi ผ่าน DR คือ XIAOMI80 เข้ามาในพอร์ต DGS ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2024 และเป็นหนึ่งในหุ้นที่ Outperform ทำผลตอบแทนโดดเด่น

– อ่านเพิ่มเติม ทำความรู้จัก Definit Global Select ปรับเกมรุก ปลุกกลยุทธ์สู่ DR หุ้นนอก

นักลงทุนที่สนใจสามารถเปิดบัญชีลงทุน Definit Global Select กับ บล.หยวนต้า คลิกที่นี่เลย หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมจากผู้แนะนำการลงทุนของท่านได้แล้ววันนี้

DGS Banner


คำเตือน: การลงทุนอาจมีการกระจุกตัวสูงทั้งในรายหุ้นและรายอุตสาหกรรม | การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน | ผลการดำเนินงานในอดีต และผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต | ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจสัญญารับฝาก DR ก่อนการลงทุน | การลงทุนผ่าน DR มีความเสี่ยงจากความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน ความเสี่ยงจากความผันผวนของราคาของหลักทรัพย์ต่างประเทศ และความเสี่ยงจากความผันผวนของราคา DR เอง | บริษัทมิได้การันตีถึงผลตอบแทนที่จะได้จากคำแนะนำการลงทุนดังกล่าว มีความเสี่ยงที่ผลตอบแทนอาจไม่เป็นไปตามคาดหวัง หรือมีผลขาดทุนได้ | สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่บริษัทหลักทรัพย์ที่ปรึกษาการลงทุน เดฟินิท จำกัด ในช่วงเวลาวันทำการตั้งแต่ 09:00-17:00 น. ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02-109-9933 และทาง Email support@definitinvestment.com

Eastspring Dynamic Opportunities (ES-DO) อัปเดตมุมมองเดือนพฤษภาคม 2025: โอกาสสะสมหุ้นสหรัฐฯ

Eastspring Thailand

ตลาดหุ้นโลกปรับตัวผันผวนอย่างมากในเดือนเมษายน ดัชนีร่วงลงแรงในช่วงต้นเดือนสู่ภาวะ Extreme Fear หลังประธานาธิบดีทรัมป์ประกาศใช้มาตรการภาษีศุลกากรตอบโต้คู่ค้าทั่วโลกด้วยอัตราที่สูงกว่าคาด โดยเฉพาะกับจีนที่ถูกขู่เรียกเก็บในอัตราสูงถึง 145% ในเบื้องต้น อย่างไรก็ตาม ตลาดฟื้นตัวได้ดีในช่วงครึ่งหลังของเดือน หลังจากทรัมป์ประกาศชะลอการเก็บภาษีศุลกากรตอบโต้กับประเทศส่วนใหญ่ออกไป 90 วัน (แต่ยังคงภาษีขั้นต่ำ 10% และอัตราภาษีในระดับสูงกับจีน) รวมถึงมีท่าทีประนีประนอมมากขึ้นในการเจรจาการค้ากับหลายประเทศ เช่น อินเดีย เกาหลีใต้ เวียดนาม และส่งสัญญาณผ่อนปรนภาษีสำหรับสินค้ากลุ่มเซมิคอนดักเตอร์และรถยนต์ ปัจจัยเหล่านี้ ประกอบกับผลประกอบการไตรมาส 1/2568 ของบริษัทเทคโนโลยีสหรัฐฯ ส่วนใหญ่ที่ออกมาดีกว่าคาด ช่วยหนุนให้ตลาดหุ้น โดยเฉพาะสหรัฐฯ และยุโรปฟื้นตัวได้ แต่โดยรวมความเชื่อมั่นผู้บริโภคยังคงเปราะบางจากความไม่แน่นอนของนโยบายการค้า

 

แม้เศรษฐกิจจีนจะแสดงสัญญาณฟื้นตัว โดย GDP ไตรมาส 1/2568 เติบโตดีกว่าคาดที่ 5.4% YoY ได้แรงหนุนจากการผลิตภาคอุตสาหกรรมและการบริโภคที่ได้รับอานิสงส์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล แต่ตลาดยังเผชิญความเสี่ยงสำคัญจากสงครามการค้ากับสหรัฐฯ ซึ่งจีนได้ตอบโต้ด้วยการขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากสหรัฐฯ และจำกัดการส่งออกแร่หายาก แม้ภายหลังจะมีท่าทีพร้อมเจรจา และมีรายงานว่าอาจมีการยกเว้นภาษีให้สินค้าสหรัฐฯ บางรายการอย่างเงียบๆ ความไม่แน่นอนที่สูงทำให้เรายังคงแนะนำ Wait-and-see สำหรับตลาดหุ้นจีน แม้จะเห็นพัฒนาการเชิงบวกจากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจที่เน้นการบริโภคมากขึ้น

 

สงครามการค้าและการเจรจาสันติภาพรัสเซีย-ยูเครนยังคงเป็นปัจจัยหลักที่ขับเคลื่อนตลาดในเดือนเมษายน ทรัมป์ใช้กลยุทธ์กดดันทางการค้าอย่างหนักในช่วงต้นเดือน ก่อนจะผ่อนท่าทีลงและหันมาเน้นการเจรจา โดยมีการเปลี่ยนตัวแทนเจรจาหลักเป็น รมว. คลัง Scott Bessent ซึ่งส่งสัญญาณบวกไปยังคู่ค้าที่ไม่ใช่จีน การเจรจามีความคืบหน้ากับหลายประเทศ โดยเฉพาะอินเดียที่ดูเหมือนจะเป็นพันธมิตรสำคัญของสหรัฐฯ ในการคานอำนาจจีน แม้สหรัฐฯจะประกาศเก็บภาษีแผงโซลาร์เซลล์จาก 4 ประเทศอาเซียนรวมถึงไทย แต่ภาพรวมผลกระทบต่อ GDP ประเทศคู่ค้าส่วนใหญ่ (ยกเว้นจีน) ดูผ่อนคลายลงจากการประเมินในตอนแรก ขณะที่การเจรจาสันติภาพรัสเซีย-ยูเครนมีความคืบหน้าแต่ยังคาดเดาผลลัพธ์ได้ยาก ความไม่แน่นอนเหล่านี้ยังสนับสนุนการถือครองสินทรัพย์ปลอดภัย เช่น ทองคำ, หุ้นกลุ่มโครงสร้างพื้นฐาน และกลุ่มการแพทย์

 

แนวโน้มดอกเบี้ยทั่วโลกยังมีความแตกต่าง เฟดเผชิญแรงกดดันโดยตรงจากทรัมป์ให้ลดดอกเบี้ย แต่ผู้ว่าการพาวเวลล์ยังส่งสัญญาณไม่รีบปรับเปลี่ยนนโยบายท่ามกลางความผันผวนของนโยบายการค้า แม้ข้อมูลเงินเฟ้อ PCE ล่าสุดจะออกมาต่ำกว่าคาดเล็กน้อยก็ตาม ตลาดคาดการณ์ว่าเฟดอาจเริ่มลดดอกเบี้ยในช่วงครึ่งหลังของปี แต่ยังมีความไม่แน่นอนสูง อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ ปรับตัวลงเล็กน้อยในเดือนเมษายนแต่ยังผันผวน ขณะที่ ECB ดำเนินการลดดอกเบี้ย 0.25% ตามคาดหลังเงินเฟ้อปรับตัวลงต่อเนื่อง จากความผันผวนของ Bond Yield ที่ยังอยู่ในระดับสูง เราจึงยังคงแนะนำกองทุนตราสารหนี้ที่มีกลยุทธ์ Absolute Return เช่น ES-ALPHABONDS เพื่อลดความผันผวนของพอร์ต

 

ภาพรวมการลงทุนในเดือนพฤษภาคม 2568 คาดว่าตลาดจะยังคงผันผวนต่อไปจากประเด็นสงครามการค้าที่ยังต้องติดตามอย่างใกล้ชิด แม้จะมีสัญญาณผ่อนคลายลงบ้างในช่วงปลายเดือนเมษายน เราเริ่มมีมุมมองเชิงบวกมากขึ้นต่อตลาดหุ้น โดยเฉพาะสหรัฐฯ ในระยะกลางถึงยาว จากความเชื่อที่ว่าท้ายที่สุดทรัมป์จะดำเนินนโยบายที่เอื้อประโยชน์ต่อเศรษฐกิจและตลาดทุนสหรัฐฯ ประกอบกับผลประกอบการบริษัทเทคโนโลยีที่ยังแข็งแกร่ง เราแนะนำให้นักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ ใช้จังหวะย่อตัวทยอยสะสมหุ้นสหรัฐฯ และกระจายการลงทุนไปยังภูมิภาคอื่นที่มีความเสี่ยงจากสงครามการค้าจำกัด หรือมีความคืบหน้าในการเจรจา เช่น ยุโรป และเอเชีย โดยเฉพาะอินเดีย ขณะเดียวกัน การคงสัดส่วนในสินทรัพย์ปลอดภัย เช่น ทองคำ, หุ้นกลุ่มโครงสร้างพื้นฐาน และกลุ่มการแพทย์ ยังคงจำเป็นเพื่อบริหารความผันผวน สำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้น้อย การลงทุนในตราสารหนี้ผ่านกองทุนที่มีกลยุทธ์ Absolute Return ยังเป็นทางเลือกที่เหมาะสมอยู่

ที่มา: บลจ.อีสท์สปริง วันที่ 7 พ.ค. 2025

สำหรับลูกค้าที่ลงทุนใน Eastspring Dynamic Opportunities (ES-DO) สามารถดูพอร์ตการลงทุนได้ตามช่องทางนี้
ผ่านมือถือ/Tablet >> แอปฯ Finnomena ผ่านคอมพิวเตอร์ >>  เว็บไซต์ Finnomena สำหรับลูกค้าที่สนใจลงทุนใน Eastspring Dynamic Opportunities (ES-DO) คลิกที่นี่เพื่อสร้างแผนการลงทุน

โปรดทราบ สำหรับลูกค้าฟินโนมีนาที่ลงทุนใน Finnomena Port และได้รับบทความนี้ แต่ยังไม่ได้รับอีเมลและ/หรือ Notificationในการแจ้งสัดส่วนเงินในการเข้าลงทุน อาจเกิดจาก

1) ท่านอยู่ระหว่างการทำรายการซื้อขายกองทุน ซึ่งทางฟินโนมีนาจะแจ้งเตือนอีกครั้งภายใน 1 สัปดาห์หลังจากการทำรายการซื้อขายเสร็จสิ้น

2) ท่านมีจำนวนเงินลงทุนต่ำกว่าเกณฑ์ขั้นต่ำที่แนะนำ

หมายเหตุ หากท่านไม่ประสงค์ที่จะรอรับการแจ้งเตือน ท่านสามารถดูรายละเอียดของพอร์ตการลงทุนที่แนะนำผ่านทางเว็บไซต์และแอปพลิเคชั่นของฟินโนมีนาพร้อมปรับพอร์ตเข้าลงทุนได้ทันที สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ LINE ID: @FINNOMENAPORT


คำเตือน: ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยง ก่อนตัดสินใจลงทุน โดยสามารถขอข้อมูลจากผู้แนะนำก่อนการลงทุน | ผลการดำเนินงานในอดีต และผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต | ผู้ลงทุนอาจมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากการป้องกันความเสี่ยงขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้จัดการกองทุน | สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ทหารไทย จำกัด หรือ บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน ฟินโนมีนา จำกัด ในช่วงเวลาวันทำการตั้งแต่ 09:00-17:00 น. ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 026 5100 และทาง LINE “@FINNOMENAPORT” | สำหรับผู้ลงทุนในความดูแลของ Kept by krungsri ติดต่อทีม Kept help center ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 296 6299

Krungsri The Masterpiece อัปเดตมุมมองประจำเดือนพฤษภาคม 2025 : หุ้นทั่วโลกทยอยฟื้น

บลจ.กรุงศรี
Krungsri The Masterpiece อัปเดตมุมมองประจำเดือนพฤษภาคม 2025 : หุ้นทั่วโลกทยอยฟื้น

มุมมองการลงทุน

ในช่วงเดือนที่ผ่านมา ตลาดหุ้นทั่วโลกมีความผันผวนสูงจากความไม่แน่นอนของมาตรการภาษีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ โดยตลาดหุ้นทั่วโลกร่วงลงแรงหลังประธานาธิบดีสหรัฐประกาศมาตรการภาษีตอบโต้ ซึ่งรุนแรงกว่าที่หลายฝ่ายคาดไว้  ในขณะที่จีนมีมาตรการตอบโต้มาตรการภาษีของสหรัฐอย่างต่อเนื่อง  ทั้งนี้ ถึงแม้สหรัฐประกาศยกเว้นภาษีตอบโต้เป็นเวลา 90 วัน ให้กับทุกประเทศที่ไม่มีมาตรการตอบโต้สหรัฐเพื่อเปิดโอกาสให้มีการเจรจา แต่อัตราภาษีพื้นฐานที่ 10% และภาษีอื่นๆที่ประกาศไปก่อนหน้านี้ยังคงมีผลบังคับใช้ และนักลงทุนยังคงกังวลว่าสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีนจะส่งผลให้เศรษฐกิจโลกชะลอตัวและเศรษฐกิจสหรัฐเข้าสู่ภาวะถดถอย เนื่องจากทั้ง 2 ประเทศเป็นประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 1 และ 2 ของโลก อีกทั้งมีความสำคัญต่อการค้าโลกทั้งในแง่ของผู้บริโภคและผู้ผลิต

อย่างไรก็ดี ความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐกับจีนมีสัญญาณคลี่คลายลงบ้าง หลังมาตรการภาษีเริ่มส่งผลกระทบเชิงลบต่อเศรษฐกิจของทั้ง 2 ประเทศ โดยผู้บริโภคของสหรัฐเริ่มชะลอการใช้จ่ายเนื่องจากราคาสินค้ามีราคาแพงขึ้น และผู้บริโภคมีมุมมองที่แย่ลงต่อภาวะเศรษฐกิจในอนาคต โดยมีการประเมินว่าสหรัฐจะประสบปัญหาขาดแคลนสินค้าในเร็วๆนี้ เพราะสินค้านำเข้าส่วนใหญ่ในสหรัฐผลิตจากจีน  นอกจากนี้ นักลงทุนเทขายพันธบัตรและดอลลาร์สหรัฐ เนื่องจากประเมินว่ามีความเสี่ยงมากขึ้น  ทางด้านจีน ถึงแม้รัฐบาลมีการเตรียมมาตรการไว้ในหลายๆด้าน เช่น การกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศ การหาพันธมิตรทางการค้าใหม่ ฯลฯ แต่สินค้าบางประเภทยังคงจำเป็นต้องนำเข้าจากสหรัฐ  ดังนั้น ทั้งจีนและสหรัฐจึงมีการผ่อนปรนมาตรการนำเข้าสินค้าบางรายการ เพื่อลดผลกระทบทางเศรษฐกิจ

สำหรับตลาดหุ้นไทย ปรับตัวลดลงตามตลาดหุ้นทั่วโลก และค่อยๆฟื้นตัวตามตลาดหุ้นทั่วโลกหลังประธานาธิบดีสหรัฐส่งสัญญาณผ่อนคลายมาตรการภาษี และความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐกับจีนมีความตึงเครียดน้อยลง  ทางด้าน ตลาดตราสารหนี้ไทยได้ประโยชน์จากเงินทุนไหลเข้า เนื่องจากนักลงทุนประเมินว่าตลาดตราสารหนี้สหรัฐมีความเสี่ยงมากขึ้น ในขณะที่ประเทศกลุ่มตลาดเกิดใหม่ยังสามารถลดอัตราดอกเบี้ยเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจได้ เนื่องจากอัตราเงินเฟ้ออยู่ในระดับต่ำ ทั้งนี้ การปรับลดมุมมองเครดิตไทยของมูดี้ส์จากระดับ “มีเสถียรภาพ” ลงสู่ “เชิงลบ” อาจส่งผลกระทบในระยะสั้น

บลจ. กรุงศรี ประเมินว่ามาตรการภาษีของสหรัฐน่าจะผ่านจุดที่ส่งผลกระทบสูงสุดไปแล้ว แต่การเจรจาการค้ากับจีนน่าจะยังไม่ได้ข้อสรุปในเร็วๆนี้ ในขณะที่ผลกระทบต่อตัวเลขเศรษฐกิจจะเริ่มเห็นผลในรายงานตัวเลขเศรษฐกิจเดือนเมษายน  ดังนั้น คาดว่า ตลาดหุ้นทั่วโลกจะทยอยฟื้นตัว โดยได้แรงหนุนเพิ่มเติมจากผลประกอบการในไตรมาส 1/68 ที่กำลังทยอยประกาศออกมา รวมถึงการให้แนวโน้มต่อผลประกอบการในอนาคต และการปรับกลยุทธ์เพื่อรองรับสถานการณ์ต่างๆ  อย่างไรก็ดี เนื่องจากความไม่แน่นอนยังคงมีอยู่สูง จึงเห็นควรให้คงการลงทุนในตราสารหนี้ในระดับสูงกว่าปกติ


คำเตือน: ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยง ก่อนตัดสินใจลงทุน ทั้งนี้ ผลการดำเนินงานในอดีตของกองทุนรวม และผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต กองทุนที่มีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน อาจมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน  ซึ่งอาจทำให้ผู้ลงทุนขาดทุนหรือได้รับกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน/หรือได้รับเงินคืนต่ำกว่าเงินลงทุนเริ่มแรกได้  กองทุนที่มีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเต็มจำนวน อาจมีต้นทุนสำหรับการทำธุรกรรมป้องกันความเสี่ยงดังกล่าว โดยทำให้ผลตอบแทนของกองทุนโดยรวมลดลงเล็กน้อยจากต้นทุนที่เพิ่มขึ้น กองทุนอาจลงทุนในตราสารหนี้ที่มีอันดับความน่าเชื่อถือต่ำกว่าอันดับที่สามารถลงทุนได้  (non-investment grade) หรือไม่มีการจัดอันดับความน่าเชื่อถือ (unrated bond) ผู้ลงทุนจึงอาจมีความเสี่ยงสูงขึ้นจากการไม่ได้รับชำระคืนเงินต้น และดอกเบี้ย เอกสารฉบับนี้จัดทำขึ้นเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆที่น่าเชื่อถือได้ ณ วันที่แสดงข้อมูลแต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้องความน่าเชื่อถือ และความสมบูรณ์ของข้อมูลทั้งหมด โดยบริษัทฯขอสงวนสิทธิ์เปลี่ยนแปลงข้อมูลทั้งหมดโดยไม่จำเป็นต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงศรี จำกัด โทร  0 2657 5757 | สำหรับผู้ลงทุนในความดูแลของ Kept by krungsri ติดต่อทีม Kept help center ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 296 6299

Fed คงดอกเบี้ย 3 ครั้งติดที่ 4.25% – 4.5% ต้องเฝ้าระวัง Stagflation เงินเฟ้อสูง เศรษฐกิจชะลอตัว

Finnomena
Fed คงดอกเบี้ย

สรุปการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (FOMC) เมื่อคืนนี้ 7 พฤษภาคม 2025 มีมติเป็นเอกฉันท์ให้ “คงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย” ไว้ที่ 4.25% ถึง 4.5% เป็นการคงดอกเบี้ยต่อเนื่องมาตั้งแต่เดือนธันวาคมปีที่แล้ว

fed คงดอกเบี้ย

Source: CNBC

Fed ให้เหตุผลว่าต้องการรอดูทิศทางเศรษฐกิจให้ชัดเจนขึ้น ท่ามกลางความไม่แน่นอนจากนโยบายการค้าและข้อมูลเศรษฐกิจที่ผันผวน ประกอบกับเงินเฟ้อยังคงอยู่ในระดับที่สูง

ขณะที่เศรษฐกิจภาพรวมถือว่ายังแข็งแกร่ง ตลาดแรงงานฟื้นตัวดี แม้อัตราว่างงานขยับขึ้น ส่วนการใช้จ่ายภาคครัวเรือนยังทรงตัวในหลายกลุ่ม แต่ยอมรับว่าผู้บริโภคเริ่มระวังการใช้จ่ายมากขึ้น

Jerome Powell บอกว่า “เรารอได้ ไม่ต้องรีบตัดสินใจเรื่องดอกเบี้ย ขอใช้เวลาดูสถานการณ์ให้ชัดเจน” เนื่องจากเศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังคงมีความไม่แน่นอนสูงในหลายปัจจัย ขณะทีต้นทุนของการรอคอยก็ค่อนข้างต่ำ แม้จะโดนกดดันอย่างต่อเนื่องจาก Donald Trump

ทั้งนี้ ต้องเฝ้าระวัง Stagflation โดยยอมรับว่า Fed กำลังจับตาความเป็นไปได้ของเรื่องนี้ ซึ่งต้องให้ความสำคัญกับ 2 เป้าหมายหลัก คือ

  1. การจ้างงานเต็มที่ (Full employment)
  2. ราคาสินค้ามีเสถียรภาพ (Stable prices)

 

อย่างไรก็ดี ที่ผ่านมามีผลกระทบจากเงินเฟ้อสูง จากแรงกดดันต้นทุน เช่น ภาษีนำเข้า รวมถึงเศรษฐกิจเริ่มชะลอตัวจาก GDP Q1/2025 หดตัว -0.3%

ความคาดหวังของตลาด (CME FedWatch) อาจมีการลดดอกเบี้ย 3 ครั้งในปีนี้ เริ่มครั้งแรกในเดือนกรกฎาคม 2025 หากตัวเลขเงินเฟ้อปรับลดลงได้ต่อเนื่อง แต่ Powell ยังไม่ให้คำมั่นใด ๆ ว่าจะขยับลดดอกเบี้ยได้ในเร็ว ๆ นี้

Finnomena Funds Market Alert: ตลาดหุ้นไทยพุ่งแรง หนุนจากหุ้นพลังงาน และ China Play

Finnomena Funds
หุ้นไทยดีดตัวแรง

วันนี้ (7 พฤษภาคม 2025) ตลาดหุ้นไทยพุ่งแรงกว่า 2.37% หนุนจากหุ้นกลุ่มพลังงานที่ได้อานิสงส์จากราคาน้ำมันดิบที่ฟื้นตัวขึ้นอย่าง PTTEP +6% TOP+6% และหุ้นกลุ่ม China Play อย่าง PTTGC +10.18% IRPC+9.20% IVL+7.49% และ SCC +2.38% หลังจากธนาคารกลางจีน (PBOC) ได้ประกาศมาตรการผ่อนคลายทางการเงินชุดใหญ่ เพื่อลดผลกระทบจากสงครามการค้ากับสหรัฐฯ โดยมาตรการหลักประกอบด้วยการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย (Reverse Repo 7 วัน) จาก 1.5% เหลือ 1.4% และปรับลดอัตราเงินสำรองของธนาคารพาณิชย์ (Reserve Requirement Ratio) ลงอีก 0.5%

นอกจากนี้ PBOC ยังประกาศอีก 10 มาตรการเสริม เช่น ลด RRR ของบริษัทไฟแนนซ์รถยนต์และบริษัทลีสซิ่งจาก 5% เหลือ 0% เพื่อส่งเสริมการปล่อยสินเชื่อ, ลดดอกเบี้ยสินเชื่อกองทุนซื้อบ้าน (Housing Provident Fund) ลงอีก 0.25% และการเพิ่มโควต้าสินเชื่อเพื่อสนับสนุนภาคเทคโนโลยีอีก 3 แสนล้านหยวน รวมเป็น 8 แสนล้านหยวน รวมถึงขยายวงเงินสนับสนุนภาคเกษตรและ SMEs เพิ่มอีก 3 แสนล้านหยวน

Finnomena Funds มองว่าการฟื้นตัวของตลาดหุ้นไทยในวันนี้เป็นเพียงการเก็งกำไรในหุ้นกลุ่มพลังงาน และกลุ่มปิโตรเคมีซึ่งได้ Sentiment บวกจากมาตราการกระตุ้นเศรษฐกิจจีน ในเชิงปัจจัยพื้นฐานตลาดหุ้นไทยยังถูกปรับลดประมาณการกำไรลงต่อเนื่อง แต่ระดับ Valuation ของตลาดหุ้นไทยถูกมาก

เราจึงแนะนำ Selective buy และ “ทยอยสะสม” กองทุน TISCOHD-A ซึ่งเน้นลงทุนหุ้นปันผลสูง

เนื่องจาก Dividend Yield ของ SETHD อยู่ในระดับที่สูงมากที่ 5.9% เทียบกับ SET อยู่ที่ 4.4% นอกจากนี้ที่ผ่านมาทั้งภาครัฐบาลกำกับพยายามออกมาตรการพยุงตลาดหุ้น อาทิ การย้าย LTF ไป ThaiESGX ซึ่งจะช่วยให้ภาพรวมตลาดหุ้นมีเสถียรภาพมากขึ้น

จัดทำโดยบลป. เดฟินิทสำหรับบลน. ฟินโนมีนา (Finnomena Funds)

Definit SET Select พลิกกลยุทธ์ลงทุนหุ้นไทย ช่วยคัดเลือกหุ้นไทยเน้น ๆ ไม่เกิน 20 ตัว พิจารณา 3 ปัจจัย

Earnings หุ้นที่ถูกปรับประมาณการกำไรขึ้น
Valuation หุ้นที่มูลค่าถูกกว่าอุตสาหกรรม
Technical หุ้นที่มีโมเมนตัมเชิงบวกของราคาในระยะสั้น

สนใจรับบริการ 👉 https://finno.me/dss-moment


คำเตือน: ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน | ผลการดำเนินงานในอดีต และผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต | ผู้ลงทุนอาจมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากการป้องกันความเสี่ยงขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้จัดการกองทุน | กองทุนรวมนี้ลงทุนกระจุกตัวในผู้ออกตราสารหรือประเทศใดประเทศหนึ่ง จึงมีความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนจำนวนมาก ผู้ลงทุนจึงควรพิจารณาการกระจายความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุนโดยรวมของตนเองด้วย | คำแนะนำการลงทุนนี้เป็นไปตามกรอบการพิจารณาของ Finnomena Funds ซึ่งมีเป้าหมายในการสร้างโอกาสรับผลตอบแทนในระยะเวลาตามแต่ละประเภทของพอร์ตเท่านั้น บริษัทมิได้การันตีถึงผลตอบแทนที่จะได้จากคำแนะนำการลงทุนดังกล่าว มีความเสี่ยงที่ผลตอบแทนอาจไม่เป็นไปตามคาดหวัง หรือมีผลขาดทุนได้ | สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน ฟินโนมีนา จำกัด ในช่วงเวลาวันทำการตั้งแต่ 09:00-17:00 น. ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 026 5100 และทาง LINE @FinnomenaPort | สำหรับผู้ลงทุนในความดูแลของ Kept by krungsri ติดต่อทีม Kept help center ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 296 6299

สรุปกองทุน Thai ESGX โอกาสใหม่ลดหย่อนภาษีปี 2568 ทางเลือกสับเปลี่ยนกองทุน LTF

Finnomena Funds
รวมกองทุน Thai ESGX

รวมรายละเอียดให้ครบจบในที่เดียว 37 กองทุน Thai ESGX จาก 19 บลจ. ทั่วไทย กลยุทธ์และนโยบายการลงทุน ค่าธรรมเนียม กองทุนไหนน่าสนใจ พร้อมคัดเลือกกองทุนลดหย่อนภาษี Thai ESGX ที่ Finnomena Funds แนะนำในปี 2025

Highlight


กองทุน Thai ESGX หรือ Thai ESG Extra กองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืนแบบพิเศษ ทางเลือกใหม่ในการลดหย่อนภาษีปี 2568 พร้อมเปิดโอกาสให้ผู้ที่ยังถือหน่วยลงทุนของ LTF หรือกองทุนรวมหุ้นระยะยาว “สับเปลี่ยน” จาก LTF มาเป็น Thai ESGX เพื่อรับสิทธิลดหย่อนภาษีในปีนี้อีกด้วย ในระยะเวลา 2 เดือน คือ พฤษภาคม-มิถุนายนนี้เท่านั้น วงเงินลดหย่อนภาษีรวมสูงสุดสุด 800,000 บาท ได้แก่

1. วงเงินสำหรับการลงทุนใหม่ใน Thai ESGX ปี 2025 ลดหย่อนภาษีสูงสุด 300,000 บาท และไม่เกิน 30% ของเงินได้พึงประเมิน

2. วงเงินสำหรับผู้ที่ถือ LTF และสับเปลี่ยนมา Thai ESGX ลดหย่อนได้สูงสุด 500,000 บาท แบ่งเป็น

  • ลดหย่อนภาษีปีที่ 1 (2025): สูงสุด 300,000 บาท
  • ลดหย่อนภาษีปีที่ 2-5 (2026-2029): สูงสุดปีละ 50,000 บาท รวมเป็นไม่เกิน 200,000 บาท (โดยให้นำส่วนเกินจากปีแรกมาหารเฉลี่ยและลดหย่อนปีละเท่า ๆ กัน 4 ปี)

 

Thai ESGX คืออะไร? อยากรู้รายละเอียดกองทุนเพิ่มเติม อ่านต่อคลิกเลย


สรุปให้ครบทุกกองทุน Thai ESGX จากทุก บลจ.

Finnomena Funds สรุปรายละเอียดและข้อมูลสำคัญของกองทุน Thai ESGX จาก บลจ. ต่าง ๆ ที่สามารถลงทุนแล้ว เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจและพิจารณการลงทุน ไปดูกันเลย

ซื้อกองทุน Thai ESGX ครบทุก บลจ.

[คลิกเพื่อดูภาพขนาดใหญ่]
รวบรวมข้อมูลโดย Finnomena Funds ณ วันที่ 01/05/2025

ซื้อกองทุน Thai ESGX ครบทุก บลจ. คลิกเลย


กองทุน Thai ESGX ที่ Finnomena Funds แนะนำ

กองทุนแนะนำ Thai ESGX

กลุ่มที่ 1 เน้นลงทุนหุ้นไทยล้วน 100% เชื่อว่าหุ้นไทยลงมาเยอะแล้ว เป็นโอกาสในการเก็บของดีเข้าพอร์ตในจังหวะนี้

อ่านคำแนะนำลงทุน คลิกเลย

1. กองทุน K-HDTHAIESGX-68

  • เน้นบริหารเชิงรุก (Active Management) ในหุ้นที่อยู่ในดัชนี SETHD เป็นส่วนใหญ่ 
  • ในช่วงที่ผ่านมา การลงทุนในดัชนี SETHD TRI สร้างผลตอบแทนเหนือกว่าหุ้นไทยดัชนีอื่น ๆ เนื่องจากมีลักษณะเป็นหุ้น Value ที่รายได้มั่นคง แม้จะไม่ได้เติบโตโดดเด่นเหมือนหุ้น Growth 
  • หุ้นกลุ่มนี้ก็มักจะได้ประโยชน์ในช่วงที่สภาวะเศรษฐกิจไม่ค่อยเอื้ออำนวย เนื่องจากมี Drawdown ที่ค่อนข้างต่ำ
  • ถือหุ้นประมาณ 25 – 30 บริษัท โดยอาจพิจารณาลงทุนในหุ้นที่อยู่นอกเหนือจาก SETHD ไม่เกิน 10% เพื่อหา Alpha โดยบริษัทส่วนใหญ่ที่คาดว่าจะเข้าไปลงทุนจะอยู่ในอุตสาหกรรมธนาคาร (Banking Sector) และพลังงาน (Energy Sector) 

 

2. กองทุน ASP-DEQ THAIESGX-X68

  • เน้นบริหารเชิงรุก (Active Management) แบบยืดหยุ่นสูง คัดเลือกหุ้นปันผลขนาดใหญ่จาก SET และ mai
  • บริหารโดย Fund Manager มากประสบการณ์ Track Record โดดเด่น ซึ่งบริหารกองทุน อาทิ ASP-SME และ ASP-ThaiESG 
  • เกณฑ์การคัดเลือกหุ้น (Screening Criteria) ที่จ่ายปันผลโดดเด่นผ่าน 4 ปัจจัยหลัก ได้แก่ 1. Consistent Dividend Payment 2. High Dividend Yield 3. High Dividend Payout 4. Expected Dividend Growth
  • ทำให้กลุ่มการลงทุนหลักในอุตสาหกรรมธนาคาร (Banking Sector) และเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ICT Sector) เป็นส่วนใหญ่

 

กลุ่มที่ 2 ลงทุนหุ้นไทย 80% แบ่งไปลงทุนหุ้นต่างประเทศ 20% อยากลดหย่อนภาษีครั้งพิเศษ พร้อมเพิ่มโอกาสสร้างผลตอบแทน และกระจายความเสี่ยงในหุ้นทั่วโลก ด้วยผลงานย้อนหลังอันเป็นประจักษ์

อ่านคำแนะนำลงทุน คลิกเลย

1. กองทุน MEGATX8020U-N

  • ลงทุนแบบ High Conviction ซึ่งมีสไตล์คัดเลือกหุ้นแบบ Rules based Approach โดยพิจารณาจาก Market Cap ของบริษัทเป็นหลัก
  • สัดส่วนประมาณ 80% เป็นการลงทุนในหุ้นไทย จะมีลักษณะคล้ายคลึงกับกองทุน MEGA20THAIESG ซึ่งเน้นลงทุนหุ้นไทย 20 – 25 หลักทรัพย์ และได้รับการประเมินผล ESG Rating มุ่งหวังให้ผลประกอบการเคลื่อนไหวสูงกว่าดัชนีชี้วัด SETESG TRI ในระยะยาว
  • ส่วนที่เหลือประมาณ 20% ลงทุนในหุ้นสหรัฐฯ 10 บริษัทคล้ายกับกองทุน MEGA10
  • เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ชอบการลงทุนในหุ้นเน้น ๆ ไม่กี่ตัว

 

2. กองทุน MEGATX8020C-N

  • ลงทุนแบบ High Conviction ซึ่งมีสไตล์คัดเลือกหุ้นแบบ Rules based Approach โดยพิจารณาจาก Market Cap ของบริษัทเป็นหลัก
  • สัดส่วนประมาณ 80% เป็นการลงทุนในหุ้นไทย จะมีลักษณะคล้ายคลึงกับกองทุน MEGA20THAIESG ซึ่งเน้นลงทุนในหุ้นไทย 20 – 25 หลักทรัพย์ และได้รับการประเมินผล ESG Rating มุ่งหวังให้ผลประกอบการเคลื่อนไหวสูงกว่าดัชนีชี้วัด SETESG TRI ในระยะยาว
  • ส่วนที่เหลือประมาณ 20% ลงทุนในหุ้นจีน 10 บริษัทคล้ายกับกองทุน MEGA10CHINA
  • เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ชอบการลงทุนในหุ้นเน้น ๆ ไม่กี่ตัว

 

3. กองทุน SCBTAPX(25A) และ SCBTAPX(25D)

  • บริหารพอร์ตเชิงรุก (Active Management) โดยจะลงทุนในหุ้นไทยไม่น้อยกว่า 80% และจะมีการกระจายการลงทุนไปยังตลาดหุ้นทั่วโลกในสัดส่วนไม่เกิน 20% 
  • จุดเด่นกองทุนคือกระบวนการคัดเลือกหุ้นโดยผสมผสาน 2 กลยุทธ์หลักเข้าด้วยกัน ได้แก่ Multi-Factors Investing ใช้การวิเคราะห์เชิงปริมาณ พิจารณาปัจจัยต่าง ๆ ที่คาดว่าจะสร้างผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว และ Machine Learning Models ซึ่งเป็นระบบที่พัฒนาขึ้นโดย SCBAM มาประกอบการคัดเลือกหุ้น 
  • บริหารโดย Fund Manager ที่บริหารกองทุน SCBLARGE และ SCBMLCAA

 

กลุ่มที่ 3 กองทุนผสมหุ้นไทยและตราสารหนี้ยั่งยืน ไม่อยากพลาดโอกาสรับผลประโยชน์ทางภาษี แต่ขอกองทุนที่เสี่ยงต่ำ ไม่ผันผวนระหว่างทาง เสริมความมั่นคงด้วยตราสารหนี้คุณภาพดี

อ่านคำแนะนำลงทุน คลิกเลย

1. กองทุน ASP-MIX THAIESGX-X68

  • กองทุนผสมเน้นบริหารเชิงรุกแบบยืดหยุ่นสูง โดยในส่วนของหุ้นจะคัดเลือกหุ้นปันผลขนาดใหญ่จาก SET และ mai บริหารโดย Fund Manager มากประสบการณ์ที่มี Track Record โดดเด่น บริหารกองทุน ASP-SME และ ASP-ThaiESG
  • จุดเด่นที่แตกต่างจากกองทุนผสมอื่น ๆ คือ ในสภาวะตลาดปกติ (Normal Market) จะบริหารแบบ “Dynamic Management” คัดเลือกสินทรัพย์โดยมีกรอบการลงทุนในหุ้นระหว่าง 70-100% และตราสารหนี้ 0-30%
  • ในสภาวะตลาดขาขึ้น (Bull Market) กองทุนจะพิจารณาเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในหุ้นเป็น 100% เพื่อเพิ่มความสามารถการเติบโตของพอร์ต ส่วนในตลาดขาลง (Bear Market) จะพิจารณาลดสัดส่วนการลงทุนในหุ้น และถือครองตราสารหนี้เพิ่มขึ้นสูงสุดไม่เกิน 30% เพื่อลดความผันผวนของพอร์ต

 

2. กองทุน KTEQ70PLUSX-D

  • กองทุนผสมเน้นลงทุนในหุ้นไทย 65-75% ส่วนที่เหลือเน้นลงทุนในตราสารหนี้เพื่อความยั่นยืน 25-35% บริหารแบบ Active Management 
  • จุดเด่นคือเป็นกองทุนผสมกองเดียวที่เปิดช่องในการลงทุนในสินทรัพย์ต่างประเทศและสินทรัพย์ทางเลือก อาทิ หุ้นต่างประเทศ, ทองคำ และน้ำมัน เป็นต้น แม้จะไม่ใช่สัดส่วนที่มาก (+/- 5%) แต่ก็เป็นหนึ่งในกลยุทธ์ที่น่าสนใจ และสร้างความแตกต่างเมื่อเทียบกับกองผสม Thai ESGX อื่น ๆ

 

3. กองทุน TTHAI70ESGX-S

  • กองทุนผสมเน้นลงทุนในหุ้นไทยที่มีความโดดเด่นด้านความยั่งยืน ได้แก่ สิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) ประมาณ 65% – 70% ของ NAV ส่วนที่เหลือลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล ตราสารหนี้ภาคเอกชนเพื่อความยั่งยืน
  • จุดเด่นคือมีผู้จัดการกองทุนที่เน้นคัดเลือกหุ้น Style Value ผู้จัดการกองทุนมีผลงานโดดเด่นผ่านการบริหารกองทุน TISCOHD ที่เน้นหุ้นที่อยู่ใน SETHD Universe และมีผลการดำเนินงานที่โดดเด่นเหนือดัชนีมาอย่างยาวนาน 

 


คำเตือน: ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไข ผลตอบแทน ความเสี่ยงและศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่ระบุไว้ในคู่มือการลงทุนในกองทุนรวม SSF RMF Thai ESG และ Thai ESGX กรณีไม่ได้ปฏิบัติตามเงื่อนไขภาษี จะไม่ได้สิทธิประโยชน์ตามเงื่อนไขกองทุน | ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน | ผลการดำเนินงานในอดีต และผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต | ผู้ลงทุนอาจมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากการป้องกันความเสี่ยงขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้จัดการกองทุน | กองทุนรวมนี้ลงทุนกระจุกตัวในผู้ออกตราสารหรือประเทศใดประเทศหนึ่ง จึงมีความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนจำนวนมาก ผู้ลงทุนจึงควรพิจารณาการกระจายความเสี่ยงของ พอร์ตการลงทุนโดยรวมของตนเองด้วย | คำแนะนำการลงทุนนี้เป็นไปตามกรอบการพิจารณาของ Finnomena Funds ซึ่งมีเป้าหมายในการสร้างโอกาสรับผลตอบแทนในระยะเวลาตามแต่ละประเภทของพอร์ตเท่านั้น บริษัทมิได้การันตีถึงผลตอบแทนที่จะได้จากคำแนะนำการลงทุนดังกล่าว มีความเสี่ยงที่ผลตอบแทนอาจไม่เป็นไปตามคาดหวัง หรือมีผลขาดทุนได้ | สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน ฟินโนมีนา จำกัด ในช่วงเวลาวันทำการตั้งแต่ 09:00-17:00 น. ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 026 5100 และทาง LINE @FINNOMENAPORT | สำหรับผู้ลงทุนในความดูแลของ Kept by krungsri ติดต่อทีม Kept help center ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 296 6299

3 เส้นทางเดินของเฟดในปี 2025

MacroView
3 เส้นทางเดินของเฟดในปี 2025

ณ กลางปี 2025 ธนาคารกลางสหรัฐหรือเฟด กำลังก้าวเข้าสู่จุดที่ถือว่า Dark ที่สุดในรอบกว่า 40 ปี แน่นอนว่าเศรษฐกิจสหรัฐกำลังเผชิญกับสภาวะของเงินเฟ้อที่ไม่แน่ว่าจะเข้าใกล้เป้าหมาย 2% ได้หรือไม่ หนำซ้ำยังต้องเผชิญกับผลกระทบจากมาตรการ Tariff ของโดนัลด์ ทรัมป์อีก ในอีกฟากหนึ่ง การแก้ปัญหาเงินเฟ้อด้วยการขึ้นดอกเบี้ยนโยบายหากว่าจำเป็น ก็ได้สร้างความเสี่ยงให้สูงขึ้นในการที่เศรษฐกิจสหรัฐจะเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอย ในทางกลับกัน อย่างที่ตลาดการณ์ว่าเฟดจะลดดอกเบี้ยในปีนี้ ก็ต้องเจอกับปัญหาเงินเฟ้อที่ยังไม่แน่ว่าจะนิ่งจริงไหม

ผมมองว่ามีอยู่ 3 แนวทางที่เฟดจะใช้จัดการกับ Stagflation หรือสภาวะที่มีทั้งเงินเฟ้อและสภาพเศรษฐกิจถดถอยพร้อม ๆ กัน ซึ่งแปรผันตามระดับการเน้นหรือโฟกัสของเฟดว่า

  1. จะมุ่งแก้เงินเฟ้อเป็นหลัก ตามสไตล์มาร์กาเร็ต แธทเชอร์ในช่วงทศวรรษ 80
  2. จะมุ่งเยียวยาทั้งเงินเฟ้อและเศรษฐกิจถดถอยแบบใกล้เคียงกัน ตามสไตล์ดีเอโก้ มาราโดน่าที่เลี้ยงบอลฝ่ากองหลังทีมชาติอังกฤษถึง 6 คนในฟุตบอลโลกปี 1986
  3. จะแอบมุ่งป้องกันภาวะเศรษฐกิจถดถอยหากสถานการณ์เงินเฟ้อไม่แย่จนเกินไป ตามสไตล์ของเชอร์ล็อคที่แกล้งตายจากการโดดตึกในตอน The Reichenbach Fall จากซีรีส์ดัง Sherlock ของ BBC ในปี 2012

 

เริ่มจากแนวทางแรก Sado-Monetarism ที่เฟดเน้นขึ้นดอกเบี้ยและทำนโยบายการคลังแบบเข้มงวด ไม่ว่าสภาพเศรษฐกิจจะเป็นเช่นไรก็ตาม โดยศัพท์คำนี้ ใช้เป็นครั้งแรกในสมัยมาร์กาเร็ต แธทเชอร์ อดีตผู้นำอังกฤษ ที่อังกฤษ ในต้นทศวรรษ 1980 ซึ่งมีจำนวนผู้ว่างงานเพิ่มจาก 1 ล้านคนเป็น 3 ล้านคน ทว่าแธทเชอร์ก็ยังใช้นโยบายการคลังแบบเข้มงวดต่อไป

ข้ามมาสมัยปัจจุบัน ที่เฟดได้รับแรงกดดันจากทรัมป์ (ซึ่งทั้งขู่ทั้งปลอบผ่านโซเชียลมีเดียของตนเอง) ที่อยากให้เจย์ พาวเวล ประธานเฟดลดดอกเบี้ยต่อไปอีก แม้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐอาจจะต้องเผชิญกับผลกระทบต่อเงินเฟ้อจากมาตรการ Tariff ของโดนัลด์ ทรัมป์ก็ตามที เนื่องจากมองว่าความน่าเชื่อถือหรือ ‘ภาพลักษณ์’ ของเฟดในการต่อสู้กับเงินเฟ้อเป็นสิ่งจำเป็นในการรับมือกับสภาวะเงินเฟ้อที่ยังสูงขึ้นอยู่ โดยยกเหตุผลในสมัยยุคทศวรรษ 70 ที่พอล โวลก์เกอร์ อดีตประธานเฟดใช้ภาพลักษณ์ว่าจริงจังในการสู้กับเงินเฟ้อในการแก้ปัญหาดังกล่าว

ทว่ามีอยู่ 3 สิ่งที่ยุคนี้ต่างจากยุค 70 คือ

  1. ภาวะเงินเฟ้อสูงในยุคนั้น กว่าจะถึงมือโวลก์เกอร์ก็เกิดเงินเฟ้อมาเกือบ 10 ปีผ่านไปแล้ว ทว่าครั้งนี้ เกิดขึ้นหักจริง ๆ ไม่ถึง 1 ปีครึ่ง
  2. ภาพลักษณ์เฟดในยุคนี้ ยังถือว่าไม่แย่มากเหมือนก่อนที่โวลก์เกอร์จะเข้ามาเป็นประธานเฟด สังเกตได้จากระดับความคาดหวังเงินเฟ้อระยะเวลา 5 ปีที่วัดด้วยวิธีใช้พันธบัตรแบบปกติและแบบปราศจากเงินเฟ้อที่เรียกกันว่า Break-even Inflation ในปัจจุบัน ยังคงอยู่ในระดับที่ไม่สูง
  3. อิทธิพลจากปัจจัยด้านอุปทานที่ส่งผลต่อเงินเฟ้อสหรัฐมีหลายสำนัก มองว่ามีอยู่มากกว่าครึ่ง ซึ่งส่วนนี้ไม่สามารถใช้ดอกเบี้ยสูงในการแก้ปัญหา ทำให้แนวทาง Sado-Monetarism อาจจะไม่ใช้สิ่งที่พาวเวลจะใช้จริงอย่างที่หลายฝ่ายคาดกัน

 

แนวทางสอง Forward Guidance หรือทำตามแผนที่วางไว้แบบตรงไปตรงมา: เฟดจะมุ่งเยียวยาทั้งเงินเฟ้อและเศรษฐกิจถดถอยแบบใกล้เคียงกัน ตามสไตล์ดีเอโก้ มาราโดน่าที่เลี้ยงบอลแบบเกือบเป็นเส้นตรงจากกลางสนาม โดยกองหลังทีมชาติอังกฤษถึง 6 คนในฟุตบอลโลกปี 1986 ต่างมองว่ามาราโดน่าจะเลี้ยงหลบจริงพุ่งพรวดเข้ามาสกัดทางซ้ายหรือขวาของมาราโดน่า ทว่ามาราโดน่าเลี้ยงบอลแบบแนวเส้นตรงผ่านกองหลังทั้งหกจนยิงเข้าประตูได้ เปรียบเหมือนที่พาวเวลอาจจะใช้วิธีการลดดอกเบี้ยแบบเท่ากับใน Dot plot โดยปล่อยให้ตลาดหรือสื่อมวลชนเชียร์หรือสร้างกระแส Dove และ Hawk เมื่อตัวเลขเงินเฟ้อต่ำหรือสูงกว่าคาด โดยที่พาวเวลก็ลดดอกเบี้ยตามแนวทาง Dot plot ที่เขาส่งสัญญาณผ่าน Forward Guidance ที่ให้ระหว่างการประชุมเฟดในแต่ละครั้งที่เกิดขึ้นตามตารางการประชุม

แนวทางสาม Masquerade from Dove: เฟดจะแอบมุ่งป้องกันภาวะเศรษฐกิจถดถอยหากสถานการณ์เงินเฟ้อไม่แย่จนเกินไป ตามสไตล์ของเชอร์ล็อคที่แกล้งว่าตนเองตายจากการโดดตึก หลังถูก Blackmail จากตัวร้ายว่าหากไม่ยอมโดดตึกจะให้มือปืนสังหารเพื่อนรักในตอน The Reichenbach Fall จากซีรีส์ดัง Sherlock ของ BBC ในปี 2012

โดยที่พาวเวลอาจจะใช้วิธีของเชอร์ล็อคที่ทำทีว่าจะยังไม่ลดดอกเบี้ยแม้เศรษฐกิจสหรัฐจะเข้าสู่ภาวะถดถอย ทว่าเอาเข้าจริงก็เปลี่ยนใจยอมทำการลดดอกเบี้ยเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เศรษฐกิจสหรัฐเข้าสู่ภาวะถดถอยแม้จะอยู่ในช่วงที่เงินเฟ้อยังไม่จางก็ตามที เพื่อไม่ให้เกิดภาวะ Stagflation ในเศรษฐกิจสหรัฐที่เต็มไปด้วยความไม่แน่นอนจากนโยบายต่างๆของทรัมป์ในขณะนี้และในอนาคต

ดร. บุญธรรม รจิตภิญโญเลิศ, CFP

MacroView, macroviewblog.com

อัปเดตพอร์ต All Weather Strategy พฤษภาคม 2025: ความไม่แน่นอนเพิ่มขึ้น กังวล Hard Landing

Andrew Stotz
aws may 2025

All Weather Strategy by A. Stotz Investment Research ประจำเดือนพฤษภาคม 2025

สรุปมุมมองการลงทุน

  • ความไม่แน่นอนที่เพิ่มขึ้น ดันราคาทองคำพุ่งชึ้นต่อเนื่อง
  • กลยุทธ์การลงทุนของพอร์ต AWS ปรับตัวลดลง 0.6% ในเดือนเมษายน 2025
  • ความกังวลทางเศรษฐกิจสูงขึ้น เกือบ 50% ของผู้จัดการกองทุนคาดว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะ Hard Landing
  • กระทรวงการคลังสหรัฐฯ พยายามกดอัตราผลตอบแทนพันธบัตรลง

 

ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้จากเอกสารด้านล่างนี้ ซึ่งเป็นต้นฉบับภาษาอังกฤษ หากมีข้อสงสัยหรืออยากสอบถามเพิ่มเติม โปรดติดต่อผู้แนะนำการลงทุนของท่าน

กดที่นี่เพื่อดาวน์โหลด

Andrew Stotz

สำหรับลูกค้าที่ลงทุนใน All Weather Strategy สามารถดูพอร์ตการลงทุนได้ตามช่องทางนี้

ผ่านมือถือ/Tablet >> แอปฯ Finnomena
ผ่านคอมพิวเตอร์ >>  เว็บไซต์ Finnomena

**All Weather Strategy พอร์ตกองทุนรวมจัดโดย A. Stotz Investment Research ซึ่งจะช่วยให้เราได้ผลตอบแทนจากหุ้นในระยะยาว ในขณะที่ลดความรุนแรงของการขาดทุนในช่วงภาวะตลาดขาลง หากสนใจสร้างแผนการลงทุน สามารถคลิกที่นี่ https://www.finnomena.com/port/andrew/ หรือแบนเนอร์ข้างล่างได้เลยครับ


คำเตือน: ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลสำคัญของกองทุนโดยเฉพาะนโยบายกองทุน ความเสี่ยง และผลการดำเนินงานของกองทุน โดยสามารถขอข้อมูลจากผู้แนะนำก่อนตัดสินใจลงทุน | ผลการดำเนินงานในอดีต และผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต | ผู้ลงทุนอาจมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากการป้องกันความเสี่ยงขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน  | ข้อมูลและการคาดการณ์ที่ปรากฏในบทความนี้จัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลในอดีตร่วมกับการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน แต่ทั้งนี้ไม่อาจรับรองความสมบูรณ์แท้จริงและความแม่นยำของการวิเคราะห์ข้อมูลในอนาคตได้ | สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน ฟินโนมีนา จำกัด ในช่วงเวลาวันทำการตั้งแต่ 09:00-17:00 น. ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 026 5100 และทาง LINE “@FinnomenaPort”

จีนกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่! หั่นดอกเบี้ยระยะสั้น ลดสำรอง RRR อัดฉีดเงิน 1 ล้านล้านหยวน ก่อนเจรจาก้บสหรัฐฯ สุดสัปดาห์นี้

Finnomena
China's Big Push to Revive the Economy

รัฐบาลจีนประกาศมาตรการผ่อนคลายเศรษฐกิจครั้งใหญ่ หวังพยุงเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากสงครามการค้า ตั้งเป้าหมายให้ GDP กลับมาเติบโตที่ระดับ 5% ในสิ้นปีนี้

ธนาคารกลางจีน (PBOC) ประกาศลดอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น Reverse Repo 7 วัน เหลือ 1.4% จากเดิม 1.5% ถือเป็นการปรับลดดอกเบี้ยนโยบายครั้งแรกนับตั้งแต่กันยายน 2024

พร้อมกับการลดอัตราสำรองขั้นต่ำของธนาคาร (RRR) ลงอีก 50 bps เพื่ออัดฉีดสภาพคล่องเข้าสู่ระบบกว่า 1 ล้านล้านหยวน หรือราว 138,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

มาตรการนี้มีขึ้นหลังรัฐบาลจีนยืนยันว่า รองนายกรัฐมนตรี “เหอ ลี่เฟิง” จะเจรจาการค้ากับรัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ “สก็อตต์ เบสเซนต์” ที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ในช่วงสุดสัปดาห์นี้

การประชุมที่กำลังจะเกิดขึ้นถือเป็นการเจรจาทางการค้าครั้งแรก ที่ได้รับการยืนยันอย่างเป็นทางการนับตั้งแต่สหรัฐฯ ประกาศขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนสูงถึง 145% ในขณะที่จีนก็ตอบโต้ด้วยการเก็บภาษี 125% สินค้าจากสหรัฐ ซึ่งอาจเป็นจุดเปลี่ยนจาก Trade War สู่ Trade Deal ระหว่างสองมหาอำนาจทางเศรษฐกิจของโลก ที่ทำให้ตลาดการลงทุนปั่นป่วนอย่างหนัก

ในอีกฟาก “โดนัลด์ ทรัมป์” ระบุว่า เรากำลังจะมีการประกาศข่าวที่ใหญ่มาก ๆ เกิดขึ้น เรียกว่าใหญ่สุดเท่าที่เคยมีมา ในระดับที่เขย่าโลกได้เลย แต่ผมจะไม่บอกหรอกว่าคือเรื่องอะไร

พร้อมบอกว่าน่าจะรู้ข่าวดีนี้ในวันพฤหัสบดี วันศุกร์ หรือวันจันทร์ก็ได้ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงลูกเล่นอันแพรวพราวของทรัมป์ เพื่อดึงดูดความสนใจจากสื่อมวลชน


Source: CNBC, The New York Times

“Greg Abel & Ajit Jain” ผู้สืบทอดจิตวิญญาณของ “Buffett & Munger”

Finnomena
Greg Abel Ajit Jain

หลังจาก Warren Buffett ประกาศวางมือจาก Berkshire Hathaway อย่างเป็นทางการ โลกการเงินต่างจับตาไปยังสองผู้สืบทอดที่ได้รับความไว้วางใจมากที่สุดในองค์กรอย่าง Greg Abel และ Ajit Jain ที่ไม่เพียงมีผลงานโดดเด่น แต่ยังยึดถือคุณค่าที่สอดคล้องกับปรัชญาของ Warren Buffett และ Charlie Munger อีกด้วย

Greg Abel ผู้สานต่อธุรกิจนอกภาคประกัน

Greg Abel

Greg Abel

Greg Abel เกิดและเติบโตในแคนาดา ปัจจุบันมีอายุ 62 ปี เขาเริ่มต้นเส้นทางอาชีพในธุรกิจพลังงาน ก่อนจะเข้าร่วม Berkshire Hathaway ในปี 1999 ผ่านการบริหารบริษัทในเครืออย่าง MidAmerican Energy (ปัจจุบันคือ Berkshire Hathaway Energy) 

ภายใต้การนำของเขา บริษัทพลังงานแห่งนี้เติบโตอย่างมหาศาล มีกำไรต่อเนื่อง และกลายเป็นผู้นำด้านพลังงานหมุนเวียนในสหรัฐฯ โดยมีสินทรัพย์รวมกว่า 1 แสนล้านดอลลาร์ และดำเนินธุรกิจใน 11 รัฐ 

นอกจากนี้ เขายังเป็นผู้ผลักดันให้ธุรกิจพลังงานของ Berkshire มีเป้าหมายด้าน ESG ที่ชัดเจน และลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานระยะยาว

Abel ได้ขยับเป็นรองประธานบริหารกลุ่มธุรกิจที่ไม่เกี่ยวกับประกันภัยของ Berkshire ในปี 2018 และได้รับการแต่งตั้งเป็น CEO คนใหม่ของ Berkshire Hathaway อย่างเป็นทางการในวันที่ 1 มกราคม 2026 โดยได้รับการยอมรับจาก Buffett ว่าเป็นผู้ที่จะรักษาวัฒนธรรมองค์กรและนำพาบริษัทสู่อนาคตได้อย่างมั่นคง

Abel มีสไตล์การบริหารที่เน้นการตั้งคำถามอย่างละเอียด กระตุ้นให้ผู้จัดการในเครือร่วมมือกันอย่างมีประสิทธิภาพ และให้ความสำคัญกับการรักษาสมดุลทางการเงินที่แข็งแกร่ง อีกทั้งยึดมั่นในแนวทางการลงทุนที่ Buffett วางไว้ โดยไม่เปลี่ยนแปลงหลักการสำคัญที่ทำให้บริษัทเติบโตอย่างมั่นคง

Ajit Jain มือวางอันดับ 1 ด้านการบริหารความเสี่ยง

Ajit JainAjit Jain

Ajit Jain เป็นชาวอินเดีย ปัจจุบันอายุ 73 ปี จบวิศวกรรมศาสตร์จาก IIT Kharagpur และ MBA จาก Harvard Business School เขาเริ่มต้นอาชีพกับ IBM ก่อนจะเข้าร่วม Berkshire Hathaway ในปี 1986 ด้วยคำแนะนำจากเพื่อนสนิทของ Buffett

ภายในเวลาไม่กี่ปี Jain กลายเป็นหัวหน้าฝ่ายประกันภัย และมีบทบาทสำคัญในการขยายกิจการของ Berkshire Hathaway Reinsurance Group ให้กลายเป็นหนึ่งในบริษัทประกันภัยต่อ (Reinsurance Company) ที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก

Jain ดำรงตำแหน่งรองประธานบริหารฝ่ายประกันภัยของ Berkshire Hathaway มานานกว่า 20 ปี และเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการออกแบบประกันภัยเฉพาะทางในกรณีความเสี่ยงสูง เช่น ภัยพิบัติธรรมชาติ หรือความเสี่ยงระดับชาติ ที่บริษัทอื่นไม่กล้ารับ ซึ่งสร้างกำไรระดับ ‘พันล้านดอลลาร์ต่อปี’ ให้ Berkshire อย่างสม่ำเสมอ

Jain มีความสามารถโดดเด่นในการบริหารความเสี่ยงและจัดการธุรกิจที่ซับซ้อน ขนาดที่ Charlie Munger เคยกล่าวว่า “ถ้าไม่มี Ajit Jain, GEICO จะไม่เป็น GEICO ทุกวันนี้” และย้ำว่า Jain คือ “หนึ่งในสมองที่ฉลาดที่สุดที่เขาเคยร่วมงานด้วย”

ผู้สืบทอดจิตวิญญาณแห่ง Berkshire

แม้ทั้งคู่จะมีจุดแข็งเฉพาะตัว แต่สิ่งที่เหมือนกันคือความเข้าใจในปรัชญาของ Berkshire และความสามารถในการต่อยอดความสำเร็จที่มีอยู่ให้ยั่งยืน

Greg Abel ทายาทแนวคิดของ Warren Buffet

Greg Abel ยึดมั่นในหลักการบริหารแบบ “ป้อมปราการทางการเงิน” (Financial Fortress) ที่เน้นรักษาสมดุลทางการเงินอย่างเข้มงวด ไม่เป็นหนี้ และใช้เงินสดอย่างมีวินัย เหมือนที่ Buffett วางรากฐานไว้ 

Abel เป็นนักเจรจาที่ชาญฉลาดและเตรียมพร้อมล่วงหน้าสำหรับทุกดีล สไตล์นี้สะท้อนความเป็นผู้นำที่เน้นการทำงานหนักและความละเอียดรอบคอบ คล้ายกับ Buffett ในแง่ของการบริหารภาพรวมและการรักษาวัฒนธรรมองค์กร

Ajit Jain กับความเฉียบคมในแบบ Charlie Munger

Ajit Jain มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านในธุรกิจประกันภัยและการบริหารความเสี่ยงที่ลึกซึ้ง เขาใช้ความเชี่ยวชาญเฉพาะทางในการสร้างรายได้อย่างมั่นคง โดยเน้นการวิเคราะห์เชิงลึกและการบริหารความเสี่ยงอย่างมีประสิทธิภาพ สะท้อนความเป็น Munger ที่เน้นความรู้เฉพาะทางและการวิเคราะห์อย่างละเอียด

ส่งไม้ต่อจากรุ่นสู่รุ่น

การเปลี่ยนผ่านผู้นำของ Berkshire Hathaway ไม่ใช่แค่การส่งมอบตำแหน่ง แต่สะท้อนถึงการส่งต่อปรัชญาและแนวทางที่สั่งสมมากว่า 60 ปี ความคิดของ Warren Buffett และ Charlie Munger ได้กลายเป็นรากฐานของวัฒนธรรมองค์กรที่ให้ความสำคัญกับความซื่อสัตย์ ความรับผิดชอบ และการเรียนรู้อยู่เสมอ

Greg Abel และ Ajit Jain เป็นผู้บริหารที่เติบโตภายในองค์กร เข้าใจบริบทอย่างลึกซึ้ง และมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนธุรกิจของ Berkshire มาหลายทศวรรษ

ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของการเปลี่ยนผู้นำ เส้นทางข้างหน้าของ Berkshire Hathaway อาจยังมีคำถามรอคำตอบ แต่เรื่องราวของการเติบโตจากรุ่นสู่รุ่นนี้ ก็สะท้อนถึงแนวทางการสืบทอดที่ตั้งอยู่บนรากฐานอันมั่นคง และเปิดโอกาสให้บทต่อไปขององค์กรได้ถูกเขียนขึ้นด้วยวิสัยทัศน์ของผู้นำรุ่นใหม่


อ้างอิง: Finnomena, ลงทุนแมน, Mint, Yahoo Finance

เงินแข็งค่าทั่วเอเชีย ดอลลาร์ไต้หวันแข็งสุดในรอบ 30 ปี ทั่วโลกกังวล “Sell America”

Finnomena
เงินเอเชียแข็งค่า

ความเคลื่อนไหวของค่าเงินเอเชีย เมื่อเทียบกับเทียบดอลลาร์สหรัฐ นับตั้งแต่ต้นปี (Year to Date as of 06/05/2025)

  • เยนญี่ปุ่น แข็งค่าขึ้น 9.2%
  • ดอลลาร์ไต้หวัน แข็งค่าขึ้น 8.9%
  • ริงกิตมาเลเซีย แข็งค่าขึ้น 5.9%
  • ดอลลาร์สงิคโปร์ แข็งค่าขึ้น 5.6%
  • วอนเกาหลีใต้ แข็งค่าขึ้น 5.0%
  • บาทไทย แข็งค่าขึ้น 3.4%

 

เงินเอเชียแข็งค่า

หลายสกุลเงินเอเชียแข็งค่าขึ้นรุนแรงและรวดเร็ว จากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ จนแตะระดับสูงสุดในรอบหลายปี จนธนาคารกลางหลายแห่งเร่งแทรกแซง เช่น ธนาคารกลางฮ่องกง เร่งขายดอลลาร์จำนวนมากเพื่อป้องกันไม่ให้ค่าเงินแข็งผิดปกติ

ในส่วนของไต้หวันที่ค่าเงินดอลลาร์ไต้หวันแข็งค่าสูงสุดในรอบ 30 ปี ธนาคารกลางไต้หวันยืนยันที่จะเข้าแทรกแซงแล้วอย่างเหมาะสม

ประเทศอื่น ๆ เช่น เงินวอนเกาหลีใต้, ริงกิตมาเลเซีย, และเงินบาทไทย ก็แข็งค่าขึ้นมากกว่า 1%

สาเหตุที่กระทบค่าเงิน คาดว่ามาจากที่นักลงทุนทั่วโลกเทขายสินทรัพย์ดอลลาร์สหรัฐ เพราะความกังวลเรื่องเศรษฐกิจถดถอยในสหรัฐฯ และนโยบายภาษีของทรัมป์ จนเกิดความผันผวนในตลาดการเงินซึ่งเกิดจากแนวคิด “Sell America” ด้วยการเทขายสินทรัพย์สหรัฐฯ หันหาทางเลือกอื่น

อย่างไรก็ดี นักเก็งกำไรค่าเงินคาดการณ์ว่ามีความเป็นได้เช่นกันที่ทางการไต้หวันอาจยอมให้ค่าเงินแข็งค่าขึ้น เพื่อช่วยให้บรรลุข้อตกลงทางการค้ากับสหรัฐฯ โดยเป็นส่วนหนึ่งของ Trade Deal

โดยปกติแล้ว ธนาคารกลางไต้หวันจะเข้าแทรกแซงการเคลื่อนไหวของค่าเงินที่รุนแรง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อค่าเงินแข็งค่าขึ้นมาก แต่ดูเหมือนว่าครั้งนี้จะไม่มีการแทรกแซงที่ชัดเจน การเคลื่อนไหวรอบนี้จึงอาจเป็นผลมาจากที่รัฐบาลกำลังเจรจากับทรัมป์เกี่ยวกับข้อตกลงภาษี เช่นเดียวกับประเทศอื่น ๆ ในเอเชีย

คลิกอ่านเพิ่มเติม เมื่อโลกหมดศรัทธา ดอลลาร์อาจไร้ค่า กลายเป็นเศษกระดาษ 


Source: Bloomberg (1), Bloomberg (2)

บลจ.เอ็มเอฟซี : Promotion กองทุนลดหย่อนภาษีThai ESGX สำหรับปี 2568

Finnomena Editor

 

 


คำเตือน

การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนต้องทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน | การลงทุนในกองทุนรวมไม่ใช่การฝากเงิน | กองทุนอาจลงทุนกระจุกตัวในอุตสาหกรรมและประเทศที่ลงทุน จึงมีความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนจำนวนมาก ผู้ลงทุนจึงควรพิจารณาการกระจายความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุนโดยรวมของตนเองด้วย | ผู้ลงทุนอาจมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากการป้องกันความเสี่ยงขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้จัดการกองทุน | สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน ฟินโนมีนา จำกัด ในช่วงเวลาวันทำการตั้งแต่ 09:00-17:00 น. ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 026 5100 และทาง LINE “@FINNOMENAPORT”

ปีแห่งการเกษียณอายุของ Warren Buffett ผลัดใบให้ Greg Abel ขึ้นเป็นผู้นำ Berkshire Hathaway

Park Kathawut
ปีแห่งการเกษียณของ Warren Buffett

วอร์เรน บัฟเฟตต์ (Warren Buffett) ตำนานนักลงทุน Value Investor เตรียมโบกมือลา Berkshire Hathaway ในปี 2025 พร้อมส่งไม้ต่อให้ Greg Abel ขึ้นมาสืบทอดตำแหน่ง CEO คนใหม่อย่างเป็นทางการ

Warren Buffett มักพูดอยู่เสมอว่า “งาน” คือองค์ประกอบสำคัญของชีวิต คนเราจะมีชีวิตที่มียืนยาวได้ ต้องเจองานที่รัก เห็นคุณค่าและรักษามันไว้

งานประชุมผู้ถือหุ้น Berkshire Hathaway 2025 ค่ำคืนที่ผ่านมา Buffett ยกกระป๋องโค้กขึ้นมาดื่ม แล้วพูดว่า “ตลอดชีวิต 94 ปี ผมดื่มอะไรที่อยากดื่ม ทำอะไรที่อยากทำ ใช้ชีวิตแบบตามใจ” เป็นการตอกย้ำแนวคิดการดำเนินชีวิตของคุณปู่วัยใกล้ 100 อย่างชัดเจนว่าจงเชื่อในชีวิตที่มีความสุข สนุกกับงานที่ทำ และกระตือรือร้นที่จะตื่นขึ้นมาในทุกเช้า มากกว่าฝืนใจทำในสิ่งที่ไม่ชอบ

greg abel vs warren buffett 2025 meeting

Greg Abel และ Warren Buffett ในงาน Berkshire Hathaway Annual Meeting in Omaha, May 3 2025

แต่ภายในปีนี้ เราจะได้เห็นงานเกษียณอายุของ Buffett หลังประกาศวางมือจาก CEO ของ Berkshire Hathaway ส่งไม้ต่อให้ Greg Abel ขึ้นมาสืบทอดตำแหน่ง ภายในสิ้นปี 2025

“ถ้าผมไม่อยู่พรุ่งนี้ Greg จะเป็นคนรับผิดชอบการจัดสรรเงินทุนทันที เขายึดมั่นในหลักการของ Berkshire เป็นคนที่มีพรสวรรค์ด้านธุรกิจโดยธรรมชาติ” Buffett พูดถึงว่าที่ CEO คนใหม่

Greg กล่าวว่าสิ่งสำคัญที่สุดของการนำพา Berkshire ต่อจากนี้ คือการรักษาชื่อเสียง และใช้เงินสดอย่างมีวินัย ยึดมั่นในสิ่งที่ Warren Buffett และ Charlie Munger วางรากฐานไว้ ทั้งการไม่เป็นหนี้ ไม่พึ่งพาธนาคาร และลงทุนอย่างเข้าใจความเสี่ยง

Buffett ก็ยืนยันว่าเขาจะไม่ขายหุ้น Berkshire แม้แต่หุ้นเดียวหลังการผลัดใบสู่ยุคใหม่ เพราะมั่นใจว่าบริษัทจะดีขึ้นกว่านี้ภายใต้การบริหารของ Greg

ถึงจะลงจากตำแหน่งแล้ว “ผมจะยังอยู่ใกล้ ๆ เพื่อช่วยเหลืออะไรได้อยู่บ้าง ในบางช่วงเวลาที่มีโอกาสสำคัญเข้ามา”

Berkshire Hathaway History

Buffett เข้าซื้อโรงงานทอผ้าเก่า ๆ เมื่อปี 1965 เป็นเวลากว่า 60 ปี เปลี่ยนบริษัทแห่งนี้ให้กลายเป็นกลุ่มธุรกิจยักษ์ใหญ่ที่มีมูลค่าตลาดเกือบ 1.2 ล้านล้านดอลลาร์ มีธุรกิจในมือมากมาย ทั้งประกันภัย พลังงาน ขนส่ง รวมไปถึงการถือลงทุนในหุ้นระดับโลกมากมาย อาทิ Apple, Coca-Cola, American Express

แม้วันนี้ปู่จะต้องใช้ไม้เท้าช่วยเดิน อาจจะพูดออกเสียงไม่ค่อยถนัดนัก แต่ยังคงนั่งตอบคำถามผู้ถือหุ้นได้ต่อเนื่องนานถึง 4 ชั่วโมง ด้วยพลังอันน่าทึ่งของชายวัยเกษียณ

ประชุมผู้ถือหุ้น Berkshire Hathaway 2025 จบลงด้วยการยืนปรบมือยาวนานจากผู้เข้าร่วมกว่า 40,000 ชีวิต ว่ากันว่าน่าจะเป็นครั้งสุดท้ายของ Oracle of Omaha บนเวทีแห่งนี้

Warren Buffett เข้าไปอยู่ในหัวใจของผู้คนจำนวนมาก คงไม่ใช่เพราะเขาเป็นนักลงทุนระดับตำนานที่สร้างผลตอบแทนเหนือกว่าตลาดมาหลายทศวรรษ แต่เพราะเขาคือผู้ส่งมอบคุณค่า ให้ประโยชน์ต่อผู้คนมายาวนาน ด้วยการแบ่งปันความมั่งคั่งทางปัญญาที่เปลี่ยนชีวิตใครหลายคนไปตลอดกาล…

warren buffett 2025 meeting

หลังจบการตอบคำถามสุดท้ายในงาน Berkshire Hathaway Annual Meeting in Omaha, May 3 2025

บลจ.กรุงศรี : Promotion กองทุน Thai ESGX 2568

Finnomena Editor

โปรโมชันกองทุน Thai ESGX  บลจ.กรุงศรี และเงื่อนไขการได้รับโปรโมชัน
แบ่งการได้รับสิทธิ์ตามวงเงินลงทุนดังนี้

  1. สำหรับ Thai ESGX วงเงินลงทุนใหม่ (ระหว่าง 2 พ.ค. – 30 มิ.ย. 2568) ได้แก่ ยอดเงินลงทุนในกองทุน KF70-THAIESGX-68/ KFAEQ-THAIESGX-68/ KFS50-THAIESGX-68 ผู้ที่ลงทุนตามเงื่อนไข*จะได้รับหน่วยลงทุน KFCASH-A มูลค่า 100 บาทต่อยอดเงินลงทุนทุกๆ 50,000 บาท นับรวมกับเงินลงทุนในกองทุน Thai ESG และ RMF ที่ร่วมรายการทั้งหมด
  2. สำหรับ Thai ESGX วงเงินรับสับเปลี่ยนจาก LTF (ระหว่าง 13 พ.ค. – 30 มิ.ย. 2568)  ได้แก่ ยอดเงินลงทุนในกองทุน KF70-THAIESGX-L/ KFAEQ-THAIESGX-L/ KFS50-THAIESGX-L ผู้ที่ลงทุนตามเงื่อนไข*จะได้รับหน่วยลงทุน KFCASH-A มูลค่า 0.2% ของยอดเงินสับเปลี่ยน สูงสุดไม่เกิน 1,000 บาท

โดยสามารถศึกษารายละเอียดจากลิงก์    https://www.krungsriasset.com/TH/News/Promotion/THAIESGX.aspx

 

 

 

 

 

 


คำเตือน

การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนต้องทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน | การลงทุนในกองทุนรวมไม่ใช่การฝากเงิน | กองทุนอาจลงทุนกระจุกตัวในอุตสาหกรรมและประเทศที่ลงทุน จึงมีความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนจำนวนมาก ผู้ลงทุนจึงควรพิจารณาการกระจายความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุนโดยรวมของตนเองด้วย | ผู้ลงทุนอาจมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากการป้องกันความเสี่ยงขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้จัดการกองทุน | สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน ฟินโนมีนา จำกัด ในช่วงเวลาวันทำการตั้งแต่ 09:00-17:00 น. ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 026 5100 และทาง LINE “@FINNOMENAPORT”

บลจ.อเบอร์ดีน (ประเทศไทย) : โครงการส่งเสริมการขาย RMF-TESGX ปี 2568

Finnomena Editor

 

 

 


คำเตือน

การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนต้องทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน | การลงทุนในกองทุนรวมไม่ใช่การฝากเงิน | กองทุนอาจลงทุนกระจุกตัวในอุตสาหกรรมและประเทศที่ลงทุน จึงมีความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนจำนวนมาก ผู้ลงทุนจึงควรพิจารณาการกระจายความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุนโดยรวมของตนเองด้วย | ผู้ลงทุนอาจมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากการป้องกันความเสี่ยงขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้จัดการกองทุน | สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน ฟินโนมีนา จำกัด ในช่วงเวลาวันทำการตั้งแต่ 09:00-17:00 น. ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 026 5100 และทาง LINE “@FINNOMENAPORT”

บลจ.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ : Promotion LHTHAIESGX-X สำหรับผู้ถือหน่วย ในช่วงวันที่ 2 ม.ค. – 30 มิ.ย. 2568

Finnomena Editor

 


คำเตือน

การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนต้องทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน | การลงทุนในกองทุนรวมไม่ใช่การฝากเงิน | กองทุนอาจลงทุนกระจุกตัวในอุตสาหกรรมและประเทศที่ลงทุน จึงมีความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนจำนวนมาก ผู้ลงทุนจึงควรพิจารณาการกระจายความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุนโดยรวมของตนเองด้วย | ผู้ลงทุนอาจมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากการป้องกันความเสี่ยงขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้จัดการกองทุน | สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน ฟินโนมีนา จำกัด ในช่วงเวลาวันทำการตั้งแต่ 09:00-17:00 น. ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 026 5100 และทาง LINE “@FINNOMENAPORT”

บลจ.บัวหลวง : Promotion กองทุนลดหย่อนภาษี Thai ESGX สำหรับปี 2568

Finnomena Editor

 

 

 

 


คำเตือน

การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนต้องทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน | การลงทุนในกองทุนรวมไม่ใช่การฝากเงิน | กองทุนอาจลงทุนกระจุกตัวในอุตสาหกรรมและประเทศที่ลงทุน จึงมีความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนจำนวนมาก ผู้ลงทุนจึงควรพิจารณาการกระจายความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุนโดยรวมของตนเองด้วย | ผู้ลงทุนอาจมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากการป้องกันความเสี่ยงขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้จัดการกองทุน | สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน ฟินโนมีนา จำกัด ในช่วงเวลาวันทำการตั้งแต่ 09:00-17:00 น. ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 026 5100 และทาง LINE “@FINNOMENAPORT”